[novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที  (อ่าน 245506 ครั้ง)

abcd

  • บุคคลทั่วไป
อ้าว...ตบแร้ว..ต้องจูบสิ  ไหงมะมีล่ะ

ออฟไลน์ ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น

  • Administrator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6853
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1320/-22
FlukeHub  อืมได้เห็นความคิดหลากหลายของเพื่อนๆผมก็ดีจายนะครับ ตอนนี้ยังไม่ตอบอะไรเกี่ยวกับบีครับ รอขึ้นภาค2 อีกทีก่อนนะครับ

Yาย_โO  อ่านแล้วจับรายละเอียดของการสร้างบรรยากาศให้คนอ่านนึกภาพตามของเรื่องนี้นะครับ จะเป็นประโยชน์ในการเขียนอ่ะครับ
อย่าทำไรผมเลยน้า ผมยอมไปเป็นลูกเขยก็ได้หง่ะ เอิ้กๆ  :angellaugh2:

shell อ่ามีแต่คนหมั่นไส้บีหรือปล่าวเนี่ย ก็คนเขาเกิดมาน่ารักนี่น่า คิกคิก
อ่านข้ามไปหรือปล่าวเมื่อวานผมลงสามตอนนะ

(ตะแน๋วกิ๋วกิ้ว)  คิกคิก ชอบตบจูบหรือ งี้ไปด้วยกันได้ แต่เอ๊ะจะมาแย่งแฟนกันป่าวเนี่ย เอิ้กๆ
******************************************************************************
กุมภาพันธ์ ของปีเตอร์ คอป
[wma=300,50]http://f1.podcast.blog.webs-tv.net/upload2/new/e/e/a/eead8016b7c106b9153ec8acc1bbecfb.mp3[/wma]
**********************************************************************************

************************************************************************************
.............ขอให้รักเรานั้นนิรันดร….....( 13 )

ความรักของผมเกิดขึ้นเพียง 2 ครั้งในชีวิต
รักครั้งแรกของผมมาเร็วเกินไป….แต่รักครั้งสุดท้าย กลับมาสายเกินกว่าผมจะรู้ตัว
-------------------------------------------------------

หลังจากตั้งสติได้ ผมก็รีบเดินกลับไปที่ห้องเพื่อเก็บกระเป๋า แต่ในระหว่างทางผมกลับไปเจอกับบาสเข้าโดยบังเอิญ

“เอ้าไอ้ทีมไปไหนล่ะ ทำไมปล่อยให้เมียมาเดินคนเดียวแบบนี้เนี้ย”

เขาเริ่มต้นแซวผมเหมือนทุกครั้งแต่เมื่อเขาเดินเข้ามาใกล้จนเห็นหน้าผมชัดๆ ท่าทีของเขาก็เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง

“แก้มบีไปโดนอะไรมา ทำไมแดงอย่างนั้นล่ะ”

ผมไม่รู้ว่าเขารู้ตัวหรือไม่ถึงพฤติกรรมต่อมาของตัวเอง เมื่อเขารีบก้าวเข้ามาหาผมพลางเอาจะเอามือมาจับแก้มผมไว้ด้วยสีหน้าเป็นห่วงเป็นใย จนเมื่อผมถอยออกมาด้วยความตกใจเขาจึงหยุดการกระทำนั้นไว้

“ปล่าวหรอก พอดีเราวิ่งไม่ระวังน่ะ ก็เลยไปชนมุมตึกเข้า” ผมโกหกออกไปอย่างอดรู้สึกแปลกใจต่อท่าทีของเขาไม่ได้

“แล้วเจ็บมากหรือเปล่า ไปหาหมอมั้ย เดี๋ยวบาสไปเป็นเพื่อน”

“ไม่ต้องหรอก เดี๋ยวเดียวก็หายแล้ว บาสจะไปไหนก็ไปเถอะ ไม่ต้องห่วงเราหรอก”

พูดจบผมก็รีบเดินหลบออกมาอย่างไม่เข้าใจท่าทีและพฤติกรรมของนายคนนี้เอาเสียเลย โดยเฉพาะสีหน้าและคำพูดเป็นห่วงเป็นใยจนเกินเหตุเมื่อครู่ พลางทำให้ผมอดนึกไปถึงตอนที่เขาพยายามช่วยเหลือผมเมื่อตอนเข้าค่ายลูกเสือด้วยไม่ได้

แต่หลังจากนั้นไม่นานผมก็เลิกสนใจเรื่องของบาสอีก เพราะเรื่องระหว่างผม กับทีมก็กลับมารบกวนจิตใจผมอีกครั้ง

การที่ทีมกล้าตบหน้าผมนั้นเป็นสิ่งที่ผมไม่เคยคิดมาก่อน แม้ผมเองจะมีส่วนผิดที่ไปโกหกแถมยังพูดท้าทายเขาว่าผมกับกอล์ฟแอบคบกันมานานแล้ว แต่ไม่ว่าเขาจะโกรธผมมากแค่ไหน เขาก็ไม่น่าจะทำร้ายผมได้ถึงขนาดนี้

ถ้า “ทีม” เป็นแค่เพื่อนธรรมดา หรือเป็นคนอื่นที่ผมรู้จัก การถูกตบหน้าในครั้งนี้อาจจะทำให้ผมไม่เจ็บปวดมากมายนัก แต่การถูกทำร้ายจากผู้ชายที่เรารักนั้นมันสุดจะทนจริงๆ

สิ่งที่แปลกอย่างนึงหลังเหตุการณ์นั้นก็คือ ทีมไม่ได้ติดต่อผมมาอีกเลย ทันทีที่เขาตบหน้าผมเขาก็เดินจากไปโดยไม่มีแม้แต่คำขอโทษ แถมในตอนนี้ที่เวลาล่วงเลยมาเกือบเที่ยงคืนแล้ว ผมก็ไม่ได้ยินแม้แต่เสียงโทรศัพท์จากเขา

จนกระทั่งผมกลับไปโรงเรียนในตอนเช้า เขาก็ไม่ได้เข้ามาทักหรือมาพูดคุยกับผมสักนิด

แม้ผมจะรู้สึกได้ว่าเขาแอบมองผมอยู่ตลอดเวลา แต่ผมก็ไม่เข้าใจอยู่ดีว่าทำไมเขาถึงไม่กล้าเข้ามาพูดกับผมตรงๆ

ทั้งๆที่ถ้าเขาเข้ามาพูดแค่คำว่า “ขอโทษ” คำเดียว ความรู้สึกที่ผมมีต่อเขาก็อาจจะดีขึ้นกว่านี้

นอกจากนั้นเรื่องที่ผมไม่คาดคิดอีกประการที่เกิดขึ้นก็คือ แทนที่จะเป็นทีม คนที่เป็นฝ่ายเข้ามาหาและมาขอโทษผมกลับเป็นกอล์ฟ

“กอล์ฟขอโทษนะ เมื่อวานกอล์ฟทำเรื่องยุ่งหรือเปล่า”

กอล์ฟเริ่มต้นสนทนาหลังจากที่ชวนผมมากินไอติมด้วยกันหลังเลิกเรียน

“ปล่าวนี่ ทำไมเหรอ” ผมทำเป็นไม่รู้เรื่อง

“ไม่รู้สิ กอล์ฟเห็นคุยกันอยู่ดีๆ ไอ้ทีมมันก็ฉุนเฉียวออกไป แถมบียังวิ่งตามมันไปอีก กอล์ฟก็เลยไม่แน่ใจว่ามีเรื่องอะไรกันหรือเปล่า”

“เปล่าหรอก กอล์ฟอย่าไปสนใจเลย ไม่มีอะไรหรอก”

“เหรอ อืม งั้นก็ดีแล้ว..............เอ่อคือ.....คือ” กอล์ฟทำท่าอึกอักเหมือนอยากจะพูดอะไรสักอย่าง

“มีปัญหาอะไรหรือเปล่ากอล์ฟ มีอะไรก็พูดออกมาตรงๆได้เลยนะ ไหนว่าไว้ใจให้บีเป็นที่ปรึกษาไง ... เรื่องแก้วอีกเหรอ” ผมพยายามเดา

“เปล่า ไม่เกี่ยวกับแก้วหรอก เกี่ยวกับบีนั่นแหละ”

“เกี่ยวกับบีเหรอ ? ”

“คือว่า.........บีจะมาเป็นแฟนของกอล์ฟได้มั้ย”

“อะไรนะ” ผมไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ตัวเองเพิ่งได้ยิน

“อาจจะดูเหมือนกอล์ฟเอาแต่ใจตัวเอง วันก่อนเพิ่งขอให้บีเลิกชอบกอล์ฟไปหมาดๆ แต่วันนี้กอล์ฟกลับมาขอความรักเสียแล้ว แต่ว่ากอล์ฟไม่อยากหลอกตัวเองอีก”

“เอ่อ..คือ”

“กอล์ฟทำให้บีลำบากใจหรือเปล่า”

“อ๋อ...ปล่าวหรอก...เปล่า...เพียงแต่กอล์ฟเคยบอกว่ากอล์ฟไม่ใช่เกย์ไม่ใช่เหรอ แล้วกอล์ฟจะมาชอบผู้ชายอย่างบีได้ยังไง”

“กอล์ฟก็ไม่เคยคิดว่าบีเป็นผู้ชายนี่”

“แต่....แต่ว่า....” ผมไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าความรู้สึกไม่แน่ใจตัวเองนี้คืออะไร

“หรือว่าบีมีคนอื่นอยู่แล้ว ?”

คำถามนี้ทำให้ผมเงยหน้าขึ้นมองเขาอย่างไม่ตั้งใจ ขณะที่อดคิดไม่ได้ว่าเขาแกล้งไม่รู้ หรือไม่รู้จริงๆถึงความสัมพันธ์ของผมกับทีม

“ทีมสินะ ทีมกับบีคงไม่ได้เป็นแค่เพื่อนสนิทกัน”

“ชะ ชะ ...ใช่” ผมตอบเสียงอ่อยอย่างยอมรับ

“นั่นสิ กอล์ฟคิดไว้อยู่แล้ว.......แล้วมันเป็นแฟนที่ดีหรือเปล่า มันทำให้บีมีความสุขมั้ย”

ถ้าคำถามนี้เกิดขึ้นก่อนหน้านี้สัก 2 – 3 วันผมคงให้คำตอบกับกอล์ฟไปได้ แต่หลังจากเหตุการณ์เมื่อวานผมก็ชักไม่แน่ใจ

เมื่อเห็นท่าทีอึกอักของผมกอล์ฟจึงพูดต่อว่า

“กอล์ฟอาจจะเหมือนเป็นคนเลวที่กำลังพยายามแย่งแฟนเพื่อน แต่กอล์ฟไม่อยากโกหกตัวเองอีกแล้วกอล์ฟมั่นใจว่ากอล์ฟจะทำให้บีมีความสุขมากกว่าไอ้ทีมมันได้ ให้โอกาสกอล์ฟนะ”

แม้กอล์ฟจะไม่พูดออกมาจากปาก แต่ด้วยลักษณะนิสัยของกอล์ฟที่ผมชื่นชอบมานานก็ทำให้ผมแน่ใจและรู้อยู่แล้วว่าเขาย่อมทำให้ผมมีความสุขได้แน่ๆ ...แต่ผมก็ไม่รู้ว่าทำไมผมถึงยังลังเลใจอยู่ดี

“กอล์ฟไม่เร่งรัดเอาคำตอบหรอก บีกลับไปคิดแล้วค่อยมาให้คำตอบกอล์ฟวันหลังก็ได้”

หลังจากที่กลับมาถึงบ้าน ผมก็เอาแต่หมุกตัวอยู่ในห้องอย่างใช้ความคิด และทบทวนถึงสิ่งที่เกิดขึ้นกับผมในช่วง 2 – 3 วันที่ผ่านมา

อันที่จริงผมอดรู้สึกไม่ได้ว่าผมไม่น่าจะต้องมานั่งเครียดอย่างนี้เลยเพราะหากต้องเลือกระหว่างทีมกับกอล์ฟนั้น คำตอบมันง่ายนิดเดียวและผมควรจะให้คำตอบเขาไปตั้งแต่ที่คุยกันแล้ว เพราะ...

กอล์ฟ เป็นผู้ชายที่ผมแอบชอบมาตั้งแต่ชั้นประถม แม้หน้าตาจะไม่หล่อเหลาแบบทีมแต่ก็มีผิวแทนและหน้าตาแบบไทย ๆ ซึ่งเป็นสเป๊คของผมมากกว่า นอกจากนั้นเขายังเป็นนักฟุตบอลที่มีความเป็นลูกผู้ชายเต็มตัว ในขณะที่กลับมีความเป็นสุภาพบุรุษ และอ่อนโยน ซึ่งตรงกับคุณลักษณะของผู้ชายที่ผมต้องการทุกอย่าง

ในขณะที่ทีม แม้จะมีหน้าตาหล่อเหลาระดับนายแบบ แต่จริงๆแล้วผมก็ไม่ได้ชอบคนที่สมบูรณ์แบบจนดูเหมือนเหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อแบบเขามากนัก ที่สำคัญ....นิสัยโมโหร้าย และ ป่าเถื่อนของเขานั้นมันเกินจะทนจริงๆ ความรู้สึกหน้าชาจากการโดนตบเมื่อวันก่อนก็เป็นหลักฐานอย่างดี

แต่...แม้จะมีจุดเปรียบเทียบที่ชัดเจนขนาดนี้ ผมก็ยังไม่สามารถตัดใจไปทางหนึ่งทางใดได้ อาจจะเป็นเพราะตัวทีมเองที่ไม่ว่าเขาจะมีนิสัยยังไง แต่ความรักที่เขามีให้ผมอย่างมากมายในตลอดระยะเวลาที่ผ่านมานั้นมันทำให้ผมลำบากใจจริงๆ

แล้วผมจะทำยังไงดี ?

ในขณะที่ผมกำลังนั่งเครียดอยู่กับความคิดของตัวเองนั้น เสียงเคาะประตูห้องก็ดังขึ้น

“เข้ามาได้เลยครับแม่ บีไม่ได้ล็อคประตูหรอก”

แต่แทนที่จะเป็นแม่ คนที่ค่อยๆเปิดประตูเข้ามาในห้องนอนของผมกลับเป็น “ทีม” ซึ่งนั่นก็ไม่ทำให้ผมแปลกใจนักเพราะช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา ทีมได้เป็นเหมือนสมาชิกในครอบครัวที่เข้านอกออกในบ้านนี้ได้อย่างสะดวกอยู่แล้ว

“บี...บีหายเจ็บ หายโกรธทีมหรือยัง” ทีมค่อยๆพูดขึ้นมาอย่างคนสำนึกผิด

“หาย ไม่หายแล้วทำไมล่ะ” ผมตอบไปห้วนๆ

“ทีม ขอโทษนะ ทีมไม่ตั้งใจจริงๆ” พูดจบเขาก็หันแก้มด้านขวาของตัวเองมาทางผม

“ตบทีมสิ จะตบกี่ทีก็ได้ ตบจนกว่าบีจะหายโกรธ หรือจะเอาเท้าเหยียบหน้าทีมก็ได้ หรือ....จะทำอะไรกับทีมก็ได้ อะไรก็ได้ที่ทำให้บีหายโกรธ”

เมื่อเห็นผมเอาแต่ยืนนิ่ง ทีมก็รีบเข้ามาคว้ามือผมแล้วยกมันขึ้นไปตบหน้าตัวเอง

“ตบสิ ตบแรงๆ เลย กี่ทีก็ได้จนกว่าบีจะพอใจ”

“พอเถอะ พอสักที ทีม” ผมรีบสะบัดมือจากเขา “บีว่าเรื่องของเราน่าจะ จ...”

“เดี๋ยว...เดี๋ยวนะ อย่าเพิ่งพูด .......เอาล่ะถ้าบียังไม่หายโกรธ วันหลังทีมค่อยกลับมาใหม่ก็ได้ จริงๆ แล้วตั้งแต่เมื่อวาน ทีมอยากจะโทร.หา อยากจะมาขอโทษบีใจจะขาด แต่ทีมกลัวว่าถ้าบียังโกรธทีมอยู่ บีอาจจะพาลขอเลิกกับทีม ทีมทนไม่ได้หรอกนะ ถ้าวันนี้บียังโกรธทีมอยู่ งั้นทีมจะมาใหม่วันหลังก็แล้วกัน”

ทีมทำท่าจะหันหลังกลับแต่ผมร้องเรียกเขาไว้

“ทีม.... บีขอร้อง เราหยุดหลอกตัวเองกันเถอะ จะวันนี้ หรือวันไหน ความจริงมันก็ไม่เปลี่ยนไปหรอก..... ทีมรู้หรือเปล่าว่าตั้งแต่เราคบกันมา เราทะเลาะกันมากี่ครั้ง”

“ไม่รู้สิ ทีมมันความจำไม่ดี”

“มันไม่เกี่ยวกับความจำหรอก แต่ที่ทีมจำไม่ได้เพราะว่าเราทะเลาะกันจนนับครั้งไม่ถ้วนต่างหาก”

“แล้วยังไงล่ะ”

“มันก็หมายถึงว่าที่จริง เราอาจจะเข้ากันไม่ได้เลย”

“บี....” เขาเรียกชื่อผมด้วยน้ำเสียงอ้อนวอนอย่างที่ผมไม่เคยได้ยินมาก่อน

“วันนี้บีเพิ่งไปเจอกอล์ฟมา”

“อะไรนะ” ผมรู้สึกได้ว่าเขาพยายามกดน้ำเสียงตัวเองไว้

“เขามาขอเป็นแฟนกับบี”

หลังผมพูดจบทีมก็อดแสดงอาการเกรี้ยวกราดออกมาไม่ได้

“ขอเป็นแฟนกับบี ทั้งๆที่มันรู้ว่าบีเป็นของทีมงั้นเหรอ”

“ทีม...บีไม่ใช่สิ่งของนะ ที่ใครจะมาแสดงความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของได้ บีมีความคิด บีมีจิตใจ แล้วก็เจ็บปวดได้เวลาโดนตบ”

ดูเหมือนคำเสียดสีนี้จะทำให้ทีมมีสีหน้าสลดลงในที่สุด

“บีก็เลยตอบตกลงไปกับมัน แล้วก็จะมาขอเลิกกับทีมอย่างนั้นเหรอ”

“เปล่า บียังไม่ตัดสินใจ บีแค่อยากจะขอทวงสัญญาที่ทีมเคยให้ไว้กับบี”

“สัญญา ?”

“ใช่ ที่ทีมเคยบอกว่า ถ้าทีมเปลี่ยนตัวเองไม่ได้ ถ้าทีมทำร้ายบีอีก ทีมก็จะปล่อยบีไปโดยไม่รั้งไว้”

ทีมค่อยๆแสดงสีหน้าว่าเขาเริ่มนึกออกในสิ่งที่เขาเคยพูดเอาไว้

เป็นคำสัญญาที่ออกมาจากปากของเขาขณะที่กำลังกอดผมอยู่ในอ้อมแขนที่บ้านหลังนี้นี่เอง

“ไม่ต้องห่วงหรอก บีไม่เอาเปรียบทีมหรอก บีขอแค่คืนนี้ คืนเดียวเท่านั้น แล้วพรุ่งนี้ทุกคนก็จะได้คำตอบ”

ทีมเอาแต่ยืนนิ่งอย่างยอมรับชะตากรรมที่กำลังเกิดขึ้น ก่อนจะพูดออกมาว่า

“ตกลง ไม่ว่าบีจะตัดสินใจยังไง ทีมก็จะยอมรับการตัดสินใจนั้น แต่ทีมอยากให้บีรู้ว่า ไม่ว่าสิ่งที่ทีมทำลงไป มันจะผิดสักแค่ไหน ทีมก็ไม่ได้ตั้งใจเลย ทีมเสียใจแล้วก็รู้สึกเจ็บปวดกว่าบีเป็นสิบเท่า เป็นร้อยเท่า......... ถ้าบีจะลงโทษทีมด้วยการจะทิ้งทีมไป ก็มาเอาชีวิตทีมไปเลยดีกว่า เพราะถ้าต้องสูญเสียบีไป ทีมก็คงไม่ต่างอะไรกับคนที่ตายทั้งเป็น”

คืนนั้นหลังจากที่ทีมกลับออกไป ดูเหมือนคำพูดของเขาจะทำให้ผมยิ่งคิดหนักมากขึ้น

ในเวลานี้ผมรู้สึกได้อย่างเดียวว่าผมไม่อยากจะตัดสินใจเลือกใครเลยเพราะไม่ว่าผมจะเลือกทางหนึ่งทางใด ผมก็ต้องทำร้ายคนที่ผมรักทั้งสิ้น

แต่หากผมจะปล่อยเวลาให้เนิ่นนานออกไปกว่านี้ ผมก็คงเห็นแก่ตัวมากที่ทำให้เราทั้ง 3 คนต่างตกอยู่ในความทุกข์เพราะความลังเลใจของผมคนเดียว ดังนั้นอย่างไรเสียคืนนี้ผมก็ต้องตัดสินใจให้ได้เด็ดขาด

ในที่สุดหลังจากที่ผมเอาแต่นอนนิ่งอย่างใช้ความคิดมาอย่างยาวนาน ผมก็ตัดสินใจได้ในที่สุด พร้อมบอกกับตัวเองว่านี่คือเส้นทางที่ผมได้ตัดสินใจเลือกแล้ว

ผมจะไม่เสียใจ และจะเดินต่อไปข้างหน้าโดยไม่หันหลังกลับมามองอดีตอีก

แม้จะสามารถเลือกทางเดินให้ตัวเองได้แล้ว แต่ในขณะที่ผมค่อยๆ ปิดตาลงเพื่อจะบังคับตัวเองให้หลับนั้น ผมก็อดรู้สึกหดหู่ใจพร้อมรำพึงกับตัวเองออกมาเบาๆ ไม่ได้ว่า

“ขอโทษนะทีม บีเสียใจ...เสียใจจริงๆ”

----------------------------------------------------------







« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07-11-2006 07:36:59 โดย b|ue B[o]Y hUb »

ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
ไม่นะ อย่าทิ้งทีมไป  :sad5:

ตอนนี้สนุกจริง ๆ กำลังคิดอยู่ว่าบาสหายไปไหน  :like2: ในที่สุดก็มีบทให้บาสจนได้

แหะ ๆ  ไปนับมาเมื่อวานลงสามตอนจริง ๆ ด้วย  :try2: แต่ไม่ได้อ่านข้ามน้า

ก็ตอนเช้าอ่านไปตอนหนึ่งแล้ว พอตกดึกก็ได้อ่านอีกสองตอนรวด นาฬิกาในตัวก็เลยคิดว่าวันนี้ลงสองตอน  :yeb:

ว่าแต่วันนี้จะได้อ่านอีกตอนหรือเปล่าค่ะ  :monkeysad:

ออฟไลน์ มูมู่น้อย

  • Global Moderator
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2623
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +468/-12
ไม่จริงงงงง  จะทิ้งทีมเหรอ  ไม่เชื่อหรอก 55555  ยังไงก็ตัดทีมไม่ขาดหรอก (ปลอบใจตัวเอง อิอิ)

รออ่านต่อปายยยยยย   :impress:

gobgab

  • บุคคลทั่วไป
อารายกัน...................  :confuse:

ทำไมความรักถึงต้องมีอุปสรรคมากขนาดนี้ :impress:

เหมือนความรักของผมเลย....... :yeb:

(มีตั้งแต่เมื่อไหร่ฟะ).................เอาเป็นว่าอยากอ่านต่อละกันคับคุณบลู

เรื่องนี้จะกลายเป็น......"เซ็งเป็ด 2"  ..........ที่ทำให้ผมติดแล้วอ่ะ



beaches

  • บุคคลทั่วไป
นับถือ บี จริงๆ มีความอดทนสูงมากๆ
การที่บีจะรักทีมได้ต้องทนกับ
- นิสัยส่วนตัวที่แย่ๆ ของทีม
- สายตาคนมอง
- โอกาสที่ทีมจะไปเจอใครคนอื่น เพราะหน้าตาที่น่าพึงใจ

ทำไมหนอ...กับความรักของผู้ชาย ที่มันมีความอยากได้อยากครอบครองมาเจือปนสูงเหลือเกิน  หาซึ่งความไว้ใจไม่เจอ   ถ้าทีมรักบี แบบมีสติสักนิดปัญหาคงไม่เกิด :monkeysad2:

ออฟไลน์ ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น

  • Administrator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6853
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1320/-22
shell  เชียร์บาสหรือครับ มาแปลกนะครับ เอิ้กๆ

มูมู่น้อย  ชีวิตความรักช่างซับซ้อนเกินกว่าจะคาดเดา

GobGab  จริงสิครับ ความรักเป็นอย่างไรครับ ไม่สมหวังเหมือนกันหรือครับ หรือแอบรักเพื่อนหนอ

Yาย_โO  ขอแค่เรามีความสุข อย่าให้มาก หรือน้อยไปครับ อย่าคาดหวังอะไรมาก ให้หัวใจสองคนเป็นคนบอกครับ

beaches " ถ้าทีมรักบี แบบมีสติสักนิดปัญหาคงไม่เกิด"ความคิดเหมือนผมมากๆ  เป็นประสบการณ์สอนใจที่สำคัญมากๆถึงมากที่สุดของเรื่องนี้เลยครับ
อยากเตือนเพื่อนๆทุกคนด้วยนะครับ
***************************************************************************************************

.............ขอให้รักเรานั้นนิรันดร….....( 14 )

ความรักของผมเกิดขึ้นเพียง 2 ครั้งในชีวิต
รักครั้งแรกของผมมาเร็วเกินไป….แต่รักครั้งสุดท้าย กลับมาสายเกินกว่าผมจะรู้ตัว
-------------------------------------------------------

หลังจากตื่นนอนในตอนเช้าอย่างงัวเงีย ผมรู้สึกไม่ค่อยสดชื่นนัก อาจจะเป็นเพราะเมื่อคืนผมเข้านอนค่อนข้างดึกรวมทั้งมีเรื่องให้คิดตลอดทั้งคืน

เมื่อนึกถึงตรงนี้ผมอดคิดขึ้นมาไม่ได้ว่าในขณะที่ผมรู้สึกตัวขึ้นมาราวๆ เช้ามืด ผมรู้สึกเหมือนหมอนมันเปียก ๆ แต่ด้วยความงัวเงียทำให้ผมหลับต่อไปในที่สุด และพอตื่นขึ้นมาตอน 7 โมงเช้า รอยเปียกบนหมอนที่ผมเคยรู้สึกนั้นก็ได้แห้งสนิทไปเสียแล้ว

“นี่ ผมร้องไห้ขณะที่กำลังนอนหลับเหรอ ?”

ผมพยายามสลัดความคิดนี้ทิ้งไปพร้อมกับบอกตัวเองว่า ผมต้องหยุดลังเล และนับจากวันนี้ผมจะทำตามคำสัญญาที่ให้ไว้กับตัวเองให้ได้

“ผมจะเดินไปข้างหน้า และจะไม่หันหลังกลับมามองอดีตอีก”

ถ้าหากผมยังลังเลใจ เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาไม่จบสิ้น มันก็จะไม่เป็นผลดีกับใครเลย ไม่ว่าจะเป็นผม กอล์ฟ หรือแม้กระทั่งทีม

ผมจึงตัดสินใจรีบอาบน้ำ แต่งตัว และไปโรงเรียนโดยพยายามไม่นำเรื่องนี้เข้ามาในหัวสมองอีก

แต่ในเช้าวันนั้นเมื่อผมไปถึงโรงเรียน ผมก็พบว่าทีมมาถึงก่อนแล้ว ทั้งๆที่เขาไม่เคยมาโรงเรียนเช้าขนาดนี้

“ทำไมวันนี้ มาเร็วจัง” ผมเริ่มทักทีมอย่างรู้สึกกระอักกระอ่วนในใจ

“นอนไม่ค่อยหลับ”

เขาตอบมาสั้นๆ ทำให้ผมอดมองไปที่ตาแดงๆของเขาไม่ได้ บางทีเขาอาจจะไม่ใช่แค่ “นอนไม่ค่อยหลับ” แต่ผมคิดว่าเขาอาจจะไม่ได้นอนมาเลยตลอดทั้งคืน

“บีตัดสินใจหรือยัง”

เขาถามออกมาตรง ๆ ซึ่งไม่ทำให้ผมตกใจมากนัก เพราะผู้ชายคนนี้มักจะพูดหรือถามในสิ่งที่เขาคิดอย่างตรงไปตรงมาเสมอ ไม่เคยต้องอ้อมค้อม หรือมีพิธีรีตอง

“เอาไว้ตอนเย็นได้มั้ย หลังเลิกเรียนไง”

ทั้งๆที่ผมมีคำตอบอยู่แล้ว แต่ผมก็ไม่อาจทำร้ายจิตใจของเขาในตอนนี้ได้

“จะทรมานทีมเหรอ”

“เปล่า บีแค่ยังตัดสินใจไม่เด็ดขาด”

ผมแกล้งโกหกออกไป ทั้งๆที่ในใจมีคำตอบแล้ว

“ ตกลงนะ เดี๋ยวตอนเย็นเราค่อยคุยเรื่องนี้กันนะ”

ผมรีบตัดบทเพราะรู้ตัวว่าไม่อาจยืนอยู่ต่อหน้าผู้ชายคนนี้ได้อีกต่อไป

ทุกครั้งที่ผมมองไปที่ตาเศร้าๆ ของเขาในวันนี้ ผมก็รู้สึกปวดร้าวเหมือนใจจะขาด

หลังจากได้พูดคุยกับทีมในช่วงเช้า เขาก็หายไปโดยไม่กลับเข้ามาในห้องเรียนอีกเลยตลอดทั้งวัน

การหายไปของทีมทำให้เพื่อนๆ หลายคนอดมาถามผมไม่ได้ว่าเขาหายไปไหน ซึ่งผมเองก็ไม่สามารถหาคำตอบให้ได้ เพราะในตอนนี้ผมเองก็กำลังสงสัยเช่นกันว่าเขาโดดเรียนไปหลบอยู่ที่ไหน

แม้ผมจะไม่รู้ว่าทีมอยู่ที่ไหน แต่ผมก็พอคาดเดาถึงเหตุผลที่เขาหายตัวไปได้ เพราะผมเองถึงแม้จะนั่งเรียนอยู่ในห้องตลอดเวลา ผมก็แทบไม่รู้เลยว่าวันนี้ผมได้เรียนอะไรไปบ้าง ดังนั้นถึงจะนั่งเรียนอยู่ในห้องหรือไม่ ผลที่ได้ก็ไม่ต่างกัน

จนกระทั่งเมื่อถึงเวลาเลิกเรียนผมจึงรีบเดินไปร้านไอติมซึ่งผมได้นัดหมายกับกอล์ฟไว้ตั้งแต่ตอนเที่ยง

“นั่งสิ บี จะสั่งรสอะไร วานิลลาหรือเปล่า ”

“ใช่ ”

ผมตอบไปอย่างยิ้มๆ พลางอดสงสัยไม่ได้ว่าเขาจะจดจำทุกอย่างที่ผมชอบได้หมดเลยหรือ

“วันนี้กอล์ฟขอเป็นเจ้ามือนะ”

“ไม่ต้องหรอก”

“น่า กอล์ฟขอเลี้ยงนะ กอล์ฟไม่เคยเลี้ยงไอติมบีเลยนี่”

“ตามใจ บีกินจุนะ”

“เหรอ ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน กอล์ฟว่าบีกินยังกะแมวดม”

เป็นอีกครั้งที่กอล์ฟทำให้ผมรู้สึกว่า.....ความเป็นเพื่อนกว่า 5 ปีของเรา มันไม่ได้สูญเปล่าไปเลยเพราะเขาสามารถจดจำทุกแง่มุมที่เกี่ยวกับผมได้

“อืม หรือบีจะกินน้ำอะไรด้วยมั้ย เดี๋ยวกอล์ฟไปซื้อให้ดีกว่า เอ... หรือว่าจะเอาไส้กรอกลูกชิ้นด้วยมั้ย หรือ.......” กอล์ฟผุดลุกผุดนั่งอย่างลุกลี้ลุกลน

“กอล์ฟ....นั่งลงเถอะ บีไม่เอาอะไรแล้ว”

ผมเรียกกอล์ฟอย่างเตือนสติเพราะรู้สึกว่าเขาพยายามทำตัวให้วุ่นเพื่อกลบอาการตื่นเต้นของตัวเอง

“เรื่องที่กอล์ฟถามบีเมื่อวันก่อน บีตัดสินใจได้แล้วนะ”

“จริงเหรอ ดีจังที่กอล์ฟไม่ต้องรอนาน ไม่งั้นกอล์ฟคงบ้าไปก่อนแน่ๆ”

“อืม...สรุปว่าบี............”

หลังจากที่ให้คำตอบกับกอล์ฟไปแล้ว ผมก็เดินออกมาด้วยความโล่งอกที่เรื่องรักสามเส้าบ้าๆนี่จะได้จบลงเสียที

“บี...ขอบใจนะ กอล์ฟจะพยายามทำให้ดีที่สุด”

“บีเชื่อว่ากอล์ฟต้องทำได้”

“แน่ใจนะว่าไม่อยากให้กอล์ฟเดินไปส่ง”

“ไปเป็นไรหรอก แค่เดินไปรอรถกลับบ้านแค่นี้เอง ไม่มีใครมาทำอะไรบีหรอก”

“ว่าแต่บีก็อย่างเผลอไปทำอะไรชาวบ้านเขาล่ะ”

“ถ้าจะทำ สงสัยกอล์ฟนั่นแหละจะโดนเป็นคนแรก แถมจะโดนไม่ใช่น้อยด้วย”

หลังคำพูดของผม พวกเราก็หัวเราะกันอย่างสนุกสนานจนผมรู้สึกได้ถึงมิตรภาพใหม่ที่จะเริ่มต้นนับตั้งแต่วันนี้

หลังจากแยกกับกอล์ฟ ผมค่อยๆ เดินมาที่ประตูทางออกโรงเรียนอย่างใช้ความคิด พลางอดนึกถึงวันที่กอล์ฟมาขอให้ผมเลิกชอบเขาไม่ได้ แม้วันนี้สภาพแวดล้อมหลายอย่างของที่นี่จะไม่เปลี่ยนแปลงไปเลย แต่สถานะและความรู้สึกของผมในวันนี้และวันก่อนนั้น ช่างแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง

อย่างไรก็ดีเมื่อผมเดินมาใกล้ประตูทางออก ผมก็เห็น ทีม..มายืนรอผมดังเช่นเมื่อวันก่อนแต่วันนี้ผมยินดีเดินตามไปคุยกับเขาโดยไม่อิดออด

“วันนี้หายไปไหนมาทั้งวัน ทั้งเพื่อน ทั้งอาจารย์ถามหากันใหญ่เลยนะ”

ผมเริ่มบทสนทนาหลังจากที่เราปลีกตัวมาคุยกันที่สวนป่าของโรงเรียน

“สรุปว่าไง....สรุปว่าบีเลือกใคร”

ทีมถามกลับมาเหมือนกับไม่ได้ยินคำถามของผม จริงสินะ สำหรับผู้ชายคนนี้ เขาไม่ต้องการพิธีรีตอง ไม่ต้องการบทเกริ่นนำ ไม่ต้องการการอ้อมค้อมเพื่อรักษามารยาท อะไรที่เขาอยากรู้ เขาก็จะไม่เสียเวลามัวคุยเรื่องอื่น

“ทีม...บีขอโทษนะ บีเสียใจจริงๆ..”

ทันทีที่ผมพูดจบ ทีมก็ค่อยๆทรุดตัวลงนั่งพลางยกมือขึ้นมาปิดหน้าตัวเองไว้พักนึง ก่อนจะพูดออกมาว่า

“ช่างมันเถอะ บีคิดถูกแล้วล่ะ ไอ้กอล์ฟมันคงทำให้บีมีความสุขได้แน่ ไม่เหมือนทีม คนอย่างทีมมัน........”

พูดถึงตรงนี้เสียงของทีมก็ขาดช่วงไปเฉยๆ กลายเป็นเสียงสะอึกสะอื้นมาแทนที่

นี่คงเป็นครั้งที่ 2 แล้วที่ผู้ชายคนนี้ต้องมาเสียน้ำตาต่อหน้าผม

“ถ้าไม่มีอะไรแล้ว บีจะกลับบ้านแล้วนะ”

“................”

เมื่อเห็นทีมเอาแต่นิ่งเงียบผมจึงพูดออกไปอีกครั้ง

“บีจะกลับบ้านแล้วนะ ได้ยินหรือเปล่า”

“จะกลับก็กลับไปสิ มาเซ้าซี้ทีมทำไม” ทีมตอบกลับมาทั้งน้ำตา

“เป็นผู้ชายประสาอะไรกัน แฟนจะกลับบ้านน่ะ ไม่คิดจะเดินไปส่งหน่อยเหรอ”

“อะไรนะ” ทีมลุกขึ้นยืนแล้วถามผมอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง

“บีบอกว่า บีจะกลับบ้านแล้ว เป็นแฟนกันก็ต้องเดินไปส่งหน่อยสิ ...... เฮ้อ ทำไมบีต้องเลือกผู้ชายที่ทั้งงี่เง่า ทั้งเจ้าน้ำตาอย่างทีมเป็นแฟนด้วยเนี้ย”

สิ้นประโยคนี้ของผม ทีมเอาแต่ยืนนิ่งจ้องมองผมด้วยสายตาที่ผมก็บอกไม่ถูกว่าเขากำลังคิดอะไรกันแน่ แต่ก่อนที่เขาจะพูดอะไรออกมา ผมก็เป็นฝ่ายเดินเข้าไปซบอกแล้วกอดเขาไว้

ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ทีมมักจะเป็นฝ่ายแสดงความรักต่อผม แต่วันนี้ผมขอเป็นคนเดินเข้าสู่อ้อมกอดของเขาเพื่อจะได้ซึบซับความอบอุ่นจากผู้ชายที่ผมรักมากที่สุดคนนี้

ยิ่งได้มาอยู่ในอ้อมแขนของทีม ผมก็ยิ่งมั่นใจว่าการเปลี่ยนการตัดสินใจในวินาทีสุดท้ายของผมเป็นสิ่งที่ถูกต้อง เพราะตอนนี้ผมรู้ใจตัวเองดีแล้วว่า.....สิ่งที่ผมต้องการที่สุดในชีวิตก็คือการได้อยู่ในอ้อมกอดของผู้ชายคนนี้

“ขอบใจนะบี ขอบใจมาก ทีมสัญญา ทีมจะทำทุกอย่างเพื่อให้บีมีความสุขมากที่สุด”

“ไม่ต้องหรอก ทีมไม่ต้องทำอะไรเพื่อบีอีก.....แค่กอดบีไว้แน่นๆ ก็พอ....”

----------------------------------------------------------









ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
เฮ้อ รู้สึกอึดอัดยังไงไม่รู้ เหมือนเห็นพายุเริ่มตั้งเค้าเลย  :monkeysad:

หรือจะเป็นอย่างที่บีคิดนะว่า การที่ทีมมาหลงรักคนธรรมดาอย่างเขา เป็นเพราะ "กรรม" กรรมของทั้งสองคน

จริงเหรอที่บีต้องการแค่ "กอดบีไว้แน่น ๆ ก็พอ" อนาคตจะเป็นไปอย่างที่คิดเหรอ  :impress3:

ไม่รู้จะเม้นต์อะไรแระ  :seng2ped:


FlukeHub

  • บุคคลทั่วไป
โหย...ไรเนี่ย  อ่าน rep. ข้างบนแล้วจะมีแต่คนเข้าข้างบีนะเนี่ย

ไม่เจงๆ  ทำไมยิ่งอ่านถึงมีแต่ผมที่ไม่ชอบบีล่ะ

ผมสงสารทีมมากกว่านะ (( ปนหมั่นไส้ไอ้กอล์ฟหน่อยๆ ))

บีอ่ะเอาแต่ใจ  ไม่เข้าใจคนอื่นบ้างเลย  แย่ๆๆ  .....<< จะมีใครเอามีดมาฟันหัวผมมั๊ยเนี่ย  :try2:

ดีจังที่บีเลือกทีม  กะเอาไว้แล้วเชียว  หุหุหุ

เดี๋ยวอีกหน่อยบาสคงจะไปคู่กะกอล์ฟใช่มั๊ยครับคุณบลู 555+

gobgab

  • บุคคลทั่วไป
“ขอบใจนะบี ขอบใจมาก ทีมสัญญา ทีมจะทำทุกอย่างเพื่อให้บีมีความสุขมากที่สุด”

“ไม่ต้องหรอก ทีมไม่ต้องทำอะไรเพื่อบีอีก.....แค่กอดบีไว้แน่นๆ ก็พอ....” :impress3:

..............อ่านแล้วน้ำตาจาไหล........................ :monkeysad:

เมื่อไหร่จามีใครมากอดตรูบ้างโว้ย................... :confuse:

แต่ก็ดีแล้วที่บีเลืกทำตามหัวใจตัวเอง.....เพราะถึงแม้อนาคตข้างหน้าจะไม่เป็นไปอย่างที่ตั้งใจ

แต่มันก็ยังมีความสุขที่เคยใช้ชีวิตร่วมกันมา.............รึเปล่าคับ....คุณ  b|ue B[o]Y hUb

เพราะบางครั้งการหาเหตุผลกับความรักมากไป....มันมีแต่จะทำให้ได้มาซึ่งความไม่มีเหตุผล

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






beaches

  • บุคคลทั่วไป
Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรั&#
«ตอบ #70 เมื่อ08-11-2006 12:38:16 »

ผมว่าบีไม่ผิดในแง่ที่โกหกทีมเพื่อให้สบายใจ มันเหมือนกับ "โกหกขาว"
ถ้าผมเป็นบี คงทำแบบเดียวกัน หรือหากแม้บีจะเลือกที่จะบอกความจริงแก่ทีม
ทีมเองก็ไม่ควรโกรธ แต่ควรดู "เจตนา" ของบีเป็นหลัก ไม่ใช่หลับหูหลับตาไม่ฟังการชี้แจงใดๆ ทั้งสิ้น
แค่เรื่องเล็กน้อยขนาดนี้ยังประเมินไม่ได้ แล้วเรื่องยิ่งกว่านี้ล่ะ?

อย่างไรก็ตาม ผมรู้สึกมีความสุขไปด้วยในช่วงเวลาที่ดีดี (เพราะตัวเองไม่มีโอกาสแบบนี้) ที่มีร่วมกันระหว่างบีกับทีมแม้ว่าในชีวิตจริงของเขาทั้งคู่เป็นคนละอย่างกัน
เขาถึงว่ากันไว้ว่า ความสุขมันมาเยี่ยมชั่วครู่ชั่วยาม แล้วมันก็ไป   เมื่อมันอยู่ตรงหน้าก็คว้าไว้ถนอมไว้ให้เนิ่นนาน
เมื่อถึงคราวผันแปร...แรงแห่งสุขที่เคยพานพบ จะได้คอยเยียวยา ไม่ให้เจ็บปวดจนเกินไป...

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 08-11-2006 12:40:16 โดย beaches »

ออฟไลน์ มูมู่น้อย

  • Global Moderator
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2623
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +468/-12
อูยยยย  ได้ใจอีกแระ  ชอบ ชอบ  ตกลงกว่าจะเลือกได้  ลีลามากกกกกเลยบีเนี่ย  แต่ยังดีที่ยังเลือกถูก อิอิ

เราว่าเราก็เฉย ๆ กับบีอะ  ดูแบบไว้เนื้อไว้ตัวเชียว  ตามแบบฉบับกุลสตรีไทยเลย  เรื่องโกหกก็เนอะ  ให้ทำไงอะ  เดี๋ยวเรื่องแย่ลง
ซวยไปใหญ่  แต่ยังไงเค้าก็ยังซื่อสัตย์กับตัวเองอะนะ  ยังรู้ใจตัวเอง ชอบก็ชอบ  ไม่ชอบก็ไม่ชอบ  กั๊กก็กั๊กได้ อืมดี   ส่วนทีม  ไม่ต้องบอก
เถื่อน ๆ ห่าม ๆ หล่อ ๆ รักบีอีก  ชอบบบบเลย  อิอิ    แต่คนที่แอบหมั่นไส้นิดหน่อยก็นั่นแหละ  ก๊อปเลย  เหมือนทำตัวดีเกินเหตุ (พระรอง
ก็เงี้ย  โดนด่าตลอด )

ไปละ  ไว้มาตามอ่านต่อค้า  เรื่องนี้เพื่อน ๆ เพียบเรยยยยย  ยินดีที่ได้รู้จักทุกคนนะคะ   มาต่อให้ไวน้า  คุณบลู  เค้ารออยู่  คิดถึงบลูจัง คิกคิก   :impress:

ออฟไลน์ Junrai_Hyper™

  • พูห์น้อยกลอยใจ
  • Global Moderator
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4842
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +777/-50
เอ้อ รักซ้อน ซ่อนเงื่อน


อ่านไปแล้ว ใจจะขาด ลุ้นโคดๆๆๆ














ปล.

ลุ้นว่านายจะมาเจอว่าแอบอู้ มาอ่านนิยาย

55555 :laugh3:

พูห์

Aki_Kaze

  • บุคคลทั่วไป
หายไปวันเดียว มาถึงตอนนี้แล้วหรือเนี่ย

อยากให้รักกันไปนานๆๆๆๆจังเรยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย งือออออออออ

ออฟไลน์ ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น

  • Administrator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6853
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1320/-22
shell  ถ้าจะเรียกว่ากรรม จากการที่คนสองคนต้องมาเจอกัน ผมก็ยินดีจะรับกรรมนั้น แม้หัวใจจะแตกสลายไป

FlukeHub  คิกคิก ชอบจับคู่ให้ซะแล้ว บีก็มีเหตุผลของบีที่ทำอ่ะครับ ถ้าเราจะใช้ชีวิตกับใครสักคนหนึ่ง ไม่ผิดหรอกที่เราจะใช้หัวใจเราเป็นคนตัดสิน
จำไว้นะครับ ว่าเดาอะไรไว้ คิดอย่างไรไว้ผมยังไม่บอกตอนนี้ แต่ชอบฟังแนวเรื่องที่เพื่อนๆคาดการณ์ครับ

GobGab
โค๊ด: [เลือก]
แต่ก็ดีแล้วที่บีเลืกทำตามหัวใจตัวเอง.....เพราะถึงแม้อนาคตข้างหน้าจะไม่เป็นไปอย่างที่ตั้งใจ

แต่มันก็ยังมีความสุขที่เคยใช้ชีวิตร่วมกันมา.............รึเปล่าคับ....คุณ  b|ue B
Y hUb

เพราะบางครั้งการหาเหตุผลกับความรักมากไป....มันมีแต่จะทำให้ได้มาซึ่งความไม่มีเหตุผล

เห็นด้วยครับ บางครั้งสิ่งที่ดีที่สุดคือการใช้เวลา รีบตัดสินใจอะไรไปอาจพลาด ให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าที่เราจะเลือกนั้นได้เป็นสิ่งที่ออกมาจากหัวใจจริงๆ และเมื่อถึงเวลานั้นก็ไม่เสียจายที่ตัวเองเลือกแล้ว

beaches ด้วยความยังเป็นเด็กของทั้งคู่นี่ครับ มันจะตัดสินใจและคิดอะไรน้อยเกินไปอยู่แล้ว ยิ่งรักมากก็ยิ่งแค้นมากไงครับ

มูมู่น้อย  ยังงงๆกับพิมพูดนะ คิกคิก ตกลงชอบใครหวา หรือเหมือนบี ตัดสินใจไม่ถูก  :really2:

หมูพูห์ พักนี้อ่านช้าน้า งานยุ่งหรือครับ คิกคิก หรือมัวแต่คุยโทศัพท์หวา

Aki_Kaze  คิกคิก กัวเพื่อนๆตืบหง่ะต้องลงให้อย่างไว

******************************************************************************



.............ขอให้รักเรานั้นนิรันดร….....( 15 )

ความรักของผมเกิดขึ้นเพียง 2 ครั้งในชีวิต
รักครั้งแรกของผมมาเร็วเกินไป….แต่รักครั้งสุดท้าย กลับมาสายเกินกว่าผมจะรู้ตัว
-------------------------------------------------------

ในเย็นวันนั้นหลังจากเรื่องทุกอย่างคลี่คลาย ทีมก็ตามผมกลับมาที่บ้านโดยบอกว่าอยากจะมาคุยกันแบบ “ส่วนตัว”

“นี่ทำไมต้องมาคุยในห้องบีด้วยเนี้ย คุยที่โรงเรียนให้มันจบๆไปก็หมดเรื่อง”

“ อ้าวเป็นผัวเมียกันก็ต้องปิดห้องคุยกันสิ ”

“จะบ้าเหรอ เราเป็นผัวเมียกันตั้งแต่เมื่อไหร่” ผมตอบกลับไปอย่างเขินๆ

“ถ้าไม่เคยเป็น งั้นก็เป็นมันตั้งแต่คืนนี้เลยมั้ยล่ะ”

พูดจบเขาก็เดินเข้ามาหาผมอย่างไม่ทันตั้งตัวจนผมล้มลงไปบนเตียง ในขณะที่เขาตามเข้ามาทับตัวผมไว้แล้วเอา 2 มือพยายามจะกดแขนผมไว้แน่น

“นี่ อย่าทำอะไรบ้า ๆ นะ”

“มาพูดตอนนี้มันจะสายไปหรือเปล่า ทีมเกือบจะเป็นบ้าไปแล้วก็เพราะบีนั่นแหละ บอกมาเลยนะ .....นี่จงใจจะแกล้งกันใช่มั้ย”

“แกล้งอะไรกัน บีไปแกล้งทีมตอนไหน”

“ถ้าไม่จงใจจะแกล้งกันแล้วทำไมต้องมาบอกว่า...บีขอโทษให้ทีมใจเสียด้วย ”

“ก็ขอโทษที่บีทำให้ทีมไม่สบายใจ ต้องกังวลใจเพราะบีไง มันผิดเหรอ”

ผมเถียงด้วยน้ำเสียงที่ปนไปด้วยความรู้สึกสำนึกผิด

“คนอย่างบี นี่มันน่า...............” ทีมมองผมด้วยสายตาที่ไม่รู้ว่าจะทำยังไงกับผมดี

“ทำไม จะตบบีอีกเหรอ”

“ก็ทำตัวอย่างเนี้ย มันน่ามั้ยล่ะ”

กอล์ฟมองผมด้วยสายตามันเขี้ยวสุดขีดก่อนที่จะเปลี่ยนท่าทีเป็นอ่อนโยนลงแล้วล้มตัวลงมาโอบกอดผมไว้

“อย่าทำอย่างนี้อีกนะ รู้มั้ยว่าทีมทรมานแค่ไหน ช่วงที่ต้องรอคำตอบจากบี”

ผมได้แต่นอนนิ่งในอ้อมกอดของทีมอย่างรู้สึกผิด ผมคงจะทรมานเขามากจริงๆ

“แล้วทำไมบีถึงเลือกทีมล่ะ ทีมนึกว่าบีจะชอบไอ้กอล์ฟมากกว่าทีมเสียอีก”

สิ้นคำถามของทีมทำให้ผมนึกไปถึงเหตุการณ์เมื่อคืนวานที่ผมต้องนอนอย่างกระสับกระส่ายใช้ความคิดว่าระหว่างทีมกับกอล์ฟผมจะเลือกใครดี

ความคิดของผมในค่ำคืนนั้นเต็มไปด้วยความสับสน เพราะทั้งทีมและกอล์ฟต่างก็มีข้อดีข้อเสียที่กินกันไม่ลง

กอล์ฟเป็นผู้ชายที่ผมชื่นชอบและชื่นชมในนิสัยใจคอมาโดยตลอด แม้เขาจะเคยทำร้ายผมด้วยการมาขอให้ผมเลิกชอบเขา แต่นั้นก็เป็นเพราะเขาบอกว่า “เขาไม่อยากทำให้ผมต้องร้องไห้เพราะเขาอีก”

ในตอนนั้นกอล์ฟอาจจะพอรู้แล้วว่าเขารู้สึกกับผมพิเศษกว่าคนอื่นๆ แต่เขาก็คงจะยอมรับไม่ได้กับการที่จะมีแฟนเป็นผู้ชายอย่างผม

ดังนั้นเมื่อเขาไม่สามารถรับผมเป็นแฟนได้ เขาจึงไม่อยากจะรั้งผมไว้ให้ผมต้องเจ็บปวด

ผมเชื่อโดยสนิทใจว่าเขาคงรู้สึกเช่นนั้นจริงๆ เพราะกอล์ฟที่ผมรู้จักก็เป็นเช่นนี้ไม่เคยเปลี่ยน เขาเป็นสุภาพบุรุษ และ อ่อนโยนกับคนอื่นเสมอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าเป็นผมด้วยแล้ว

ในขณะที่ทีมกลับมีนิสัยตรงกันข้าม เขาเป็นคนโผงผาง ตรงไปตรงมา ไม่สนใจว่าคนอื่นจะคิดหรือรู้สึกอย่างไรกับการกระทำของตนเอง มันเหมือนกับว่าโลกทั้งโลกมีเพียงแค่ตัวเขากับคนที่เขาสนใจเท่านั้น

แต่ไม่ว่าทีมจะมีนิสัยเสียอย่างไร จุดที่ทำให้เขาเหนือกว่ากอล์ฟก็คือเขาเป็นคนที่รักผมมาก และข้อได้เปรียบที่สำคัญของทีมก็คือ....เขาได้หัวใจของผมไปแล้ว

ในค่ำคืนนั้นเอง ขณะที่ผมกำลังนอนเครียดอย่างไร้ทางออกกับปัญหาที่เกิดขึ้น อยู่ดีๆ ผมก็เกิดความรู้สึกบางอย่าง

มันเป็นความรู้สึกที่ผมเคยคิดมาบ้างแต่ก็ไม่เคยเด่นชัดเท่านี้ และความรู้สึกที่ว่านี้ก็เป็นตัวแปรสำคัญที่ทำให้ผมตัดสินใจได้ในที่สุด

ความรู้สึกที่ผมกำลังพูดถึงก็คือ .........“ความกลัว”

ตั้งแต่ที่เราค่อยๆโตขึ้น ผมอดรู้สึกไม่ได้ว่านับวันทีมจะกลายเป็นผู้ชายที่มีเสน่ห์มากขึ้นทุกวัน

เมื่อเริ่มเข้ามาเรียนใหม่ๆ ความหน้าตาดีของทีมก็เป็นที่เล่าลือไปทั่วโรงเรียนแล้ว แต่คำชมส่วนใหญ่มักจะมาในรูปของ “เด็กคนนี้น่ารักจัง”

แต่ยิ่งเวลาผ่านไปนานวันเข้า ผมเองก็อดรู้สึกไม่ได้ว่า...ยิ่งเขาโตขึ้นมากเท่าไหร่ เขาก็เริ่มปรากฏ “ความหล่อแบบหนุ่มวัยรุ่นเต็มตัว” มากเท่านั้น

ยิ่งทีมเป็นคนที่ตัวสูงและมีร่างกายกำยำกว่าเด็กในวัยเดียวกัน ความมีเสน่ห์ของเขาจึงยิ่งดึงดูดให้เพศตรงข้ามที่พบเห็นอดหลงรักหรือชื่นชมเขาไม่ได้

เมื่อนึกถึงตรงนี้ผมก็เริ่มไม่มั่นใจในอนาคตของผมกับทีมมากขึ้นทุกที

ถ้าวันนึงเขาพบกับคนที่ดีกว่าซึ่งแน่นอนว่าย่อมมีตัวเลือกให้เขามากมาย หรือวันนึงเมื่อสัญชาติญาณทางเพศของผู้ชายวัยรุ่นเริ่มปรากฏเด่นชัด จนเขาอาจจะรู้สึกได้ว่า “ผู้หญิง” ต่างหากคือเพศที่เขาต้องการ ไม่ใช่ “ผู้ชาย"”อย่างผม

ถ้าวันนั้นมาถึงผมจะทำยังไง และผมจะสามารถมีชีวิตต่อไปได้หรือไม่หากไม่มีเขา

ในตอนนั้นเองที่ผมได้ข้อสรุปว่า....คงจะดีกว่าถ้าผมจะตัดใจจากทีมเสียตั้งแต่วันนี้เพื่อหลีกเลี่ยงความเจ็บปวดในอนาคต

ผมจึงตัดสินใจที่จะเลือก “กอล์ฟ”

ผมเชื่อว่าผมคงจะสามารถมีความสุขได้เมื่อต้องไปเป็นแฟนกับกอล์ฟ เพราะอย่างน้อย ความรักของเขาก็คงไม่ “รวดเร็วและรุนแรง” แบบทีม และความรักแบบค่อยเป็นค่อยไปแบบนี้น่าจะทำให้ผมทำใจได้ดีกว่าหากเราต้องเลิกร้างจากกันในวันใดวันหนึ่ง

นี่ล่ะคือความรักในแบบของผม เหตุผลย่อมมาก่อนความรู้สึกเสมอ

แต่แล้ว.....เมื่อถึงเวลาที่ผมต้องบอกผลการตัดสินใจออกไปจริงๆต่อหน้ากอล์ฟ เหตุผลมากมายร้อยแปดที่ผมพร่ำคิดมาตลอดทั้งคืนก็แทบไม่มีความหมายเลยมาต้องมาเผชิญกับความรู้สึกที่ว่า “ผมรักทีม ผมรักเขามากจริงๆ”

“เรื่องที่กอล์ฟถามบีเมื่อวันก่อน บีตัดสินใจได้แล้วนะ”

“จริงเหรอ ดีจังที่กอล์ฟไม่ต้องรอนาน ไม่งั้นกอล์ฟคงบ้าไปก่อนแน่ๆ”

“อืม...สรุปว่าบี............”

ถึงตรงนี้อยู่ดีๆ ภาพความสุขขณะที่ผมได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกันกับทีมก็ปรากฎขึ้นมาในหัวสมองจนทำให้ผมพูดอะไรต่อไปไม่ได้

“ว่าไง กอล์ฟรอฟังอยู่นะ”

“ขอโทษนะกอล์ฟ บีรักทีม บีให้หัวใจเขาไปแล้ว”

ผมตัดสินใจพูดออกไปในสิ่งที่ผมไม่ได้คิดมาล่วงหน้า

ในที่สุด....ผมก็ต้องยอมแพ้ต่อเสียงเรียกร้องจากหัวใจเบื้องลึกของตัวเอง

“................” ดูเหมือนกอล์ฟพูดอะไรไม่ออก ขณะที่มีสีหน้าผิดหวังเสียใจอย่างเห็นได้ชัด

“ขอโทษนะกอล์ฟ บี.......”

“ไม่เป็นไรหรอก ที่จริงมันเป็นความผิดของกอล์ฟเอง ทั้งๆที่กอล์ฟมีโอกาสมาตลอด แต่กอล์ฟกลับทิ้งมันไปอย่างไม่น่าให้อภัย”

“กอล์ฟ.......”

“ช่างเถอะ ทั้งๆที่กอล์ฟมาก่อนแท้ๆ ดันปล่อยให้ไอ้ทีมมันวิ่งแซงหน้าไปเสียได้ เฮ้อ... ถ้ากอล์ฟจะลองวิ่งกวด บีว่ากอล์ฟจะไล่ทันมั้ย”

“กอล์ฟ อย่างทำอย่างนั้นเลยนะ บีขอร้อง” ผมร้องห้ามเขาอย่างเข้าใจความหมายที่เขาเพิ่งพูดออกมา

“กอล์ฟพูดเล่นน่า กอล์ฟไม่ทำให้บีลำบากใจหรอก แต่ยังไง ๆ เราก็ยังเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันใช่มั้ย”

“ใช่สิ กอล์ฟเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดในใจบีเลยล่ะ”

“งั้นไม่ว่าวันข้างหน้าจะเกิดอะไรขึ้น บีต้องจำไว้นะว่า....บีมีกอล์ฟอยู่ข้างๆเสมอ”

ผมไม่รู้ว่าคำพูดของกอล์ฟประโยคนี้จะเป็นเหมือนสัญญาณเตือนภัยสำหรับอนาคตของผมหรือไม่ แต่ไม่ว่ายังไงผมก็ได้ตัดสินใจแล้วว่า...

“ไม่ว่าวันข้างหน้า เรื่องของผมกับทีมจะจบลงเช่นไร ผมก็พร้อมจะรับผลจากการตัดสินใจของผมในวันนี้”

ในขณะที่ผมกำลังคิดเพลินๆอยู่นั้นเอง เสียงของทีมก็ปลุกผมจากภวังค์

“นี่ ทีมถามไม่ได้ยินหรือไง”

“อะไรนะ ถามว่าอะไรนะ”

“ก็ถามว่าทำไมบีถึงเลือกทีมไงล่ะ”

“อืม......ก็คงเพราะสงสารมั้ง ขี้เกียจเห็นคนบางคนร้องไห้ขี้มูกโป่ง”

“นี่.....” ทีมหันมามองผมอย่างไม่พอใจที่ผมไปกัดเขา

“รู้งี้หลอกให้ร้องไห้ไปสักสามวันสามคืนก็คงจะดี” ผมพูดอย่างยิ้มๆ

“งั้นเหรอ รู้มั้ย...นับวันบียิ่งทำให้ทีมรู้สึกว่าเราน่ะเหมาะกันมากๆ”

“ เหมาะกันยังไง”

“ก็หญิงชั่วกับชายโฉดไง ไม่เหมาะกันเหรอ”

“นี่..ปากเหรอ ที่พูดออกมาน่ะ”

“แล้วทีบีล่ะ ใช้อะไรคิด ถามจริง ถึงจะมาหลอกให้คนอื่นๆเขาหัวปั่นเพราะตัวเองได้”

ว่าแล้วแทนที่เหตุการณ์ในวันนี้ของผมกับทีมจะจบลงด้วยความโรแมนติก เรากลับต้องมาทะเลาะกันอย่างหน้าดำหน้าแดง ก่อนที่จะจบลงด้วยการที่ต่างคนต่างงอนกลับไปในที่สุด

แต่ไม่ยังไง....นี่ล่ะคือ.... “ความรักในแบบของเรา”

ผมไม่รู้ว่าคู่รักคู่อื่นๆ จะเป็นยังไงกันบ้าง แต่สำหรับคู่ของผมกับทีม มันก็เป็นอย่างนี้

มันไม่ได้หวานหยดย้อยจนเลี่ยน แต่ก็ไม่ได้ขมปี๋จนหาความสุขไม่ได้

บางทีความรักของผมอาจจะเหมือนกับ... “ช็อคโกแลต”

ในความขม มันก็มีความหวาน และในความหวานมันก็มีความขม...เป็นส่วนผสมที่ลงตัว

“รสชาติความรัก” แบบนี้แหละที่ผมคิดว่า เป็นรสชาติที่... อร่อยไม่เลวเลยทีเดียว....

-------------------------------------------------------

.............ขอให้รักเรานั้นนิรันดร….....( 16 )

ความรักของผมเกิดขึ้นเพียง 2 ครั้งในชีวิต
รักครั้งแรกของผมมาเร็วเกินไป….แต่รักครั้งสุดท้าย กลับมาสายเกินกว่าผมจะรู้ตัว
--------------------------------

หลังเหตุการณ์เรื่องรักสามเส้าของผม ทีมและกอล์ฟผ่านพ้นไป ผมกับทีมก็ดูเหมือนจะยิ่งรักกันยิ่งกว่าเดิม ความรู้สึกของการ ( เกือบจะ) สูญเสียคนที่เรารักทำให้ทั้งผมและทีมต่างหันมาเอาใจใส่และถนอมน้ำใจกันมากขึ้น

ทีมได้พยายามปรับปรุงตัวอย่างจริงจังด้วยการพยายามมาสุภาพและอ่อนโยนกับผมมากขึ้น ในขณะที่ผมเองก็พยายามลดการเอาแต่ใจตัวเองลง

ความรักได้ทำให้เราทั้งคู่กลายเป็นส่วนหนึ่งของกันและกัน จนระยะหลังๆ ไม่ว่าใครจะตัดสินใจทำอะไรที่อาจจะกระทบถึงความสัมพันธ์ของเรา ฝ่ายนั้นก็ต้องมาขอความเห็นชอบจากอีกฝ่ายเสมอ

“เป็นไง อร่อยมั้ย” ผมถามทีมขณะที่ผมชวนเขามานั่งทานไอติมในเย็นวันหนึ่ง

“ก็เหมือนเดิมนี่ กินอยู่ทุกวัน”

“อืม...เหรอ...งั้นวันนี้บีเลี้ยงนะ”

“เลี้ยงทำไม ในโอกาสอะไร” ทีมถามผมอย่างระแวง

“ไม่มีอะไรนี่ บีแค่อยากเลี้ยงทีมบ้างอ่ะ”

ทีมมองผมด้วยสีหน้าไม่ไว้ใจนิดนึงก่อนจะพูดว่า

“ไปทำอะไรผิดมาหรือเปล่า รู้สึกอยู่เชียวว่าวันนี้บีแปลกๆ มาตามเอาใจทีมทั้งวัน”

“ไม่มี บีไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย”

“ไม่เชื่ออ่ะ นี่แอบไปมีกิ๊กอีกแล้วใช่มั้ย” ทีมทำเสียงแข็งใส่ผม

“นี่ เห็นบีเป็นคนอย่างนั้นหรือไง”

“งั้นแล้วจะทำไมล่ะ มีอะไรพูดมาตรงๆ สิ ทีมไม่ชอบคนอ้อมค้อม”

“ก็..ก็แค่บีอยากจะสมัครเข้าชมรมดนตรีสากล บีอยากเล่นดนตรีเป็น แล้วก็อยากเป็นวงโยธวาทิตของโรงเรียนด้วย”

“ไม่ได้ ทีมไม่อนุญาต” ทีมตอบกลับมาทันทีที่ผมพูดจบซึ่งผมเดาไว้อยู่แล้วว่าเขาต้องไม่ยอม

“ทำไมล่ะ” ผมแกล้งถามทั้งๆที่พอจะรู้คำตอบ

“ก็ชมรมดนตรีสากลของโรงเรียนเรามันมีแต่ผู้ชาย วงโยธวาทิตก็เป็นวงผู้ชายล้วน ฝันไปเถอะว่าทีมจะยอมปล่อยให้บีไปอยู่ในกลางวงผู้ชายแบบนั้น ยังไงทีมก็ไม่ยอม”

“ทีมไม่เชื่อใจบีเลยเหรอ” ผมเริ่มงอน

“ก็พฤติกรรมที่ผ่านมาของบี มันน่าเชื่อนักนี่”

“นี่....จริงๆ แล้วบีไม่ได้มาขออนุญาตจากทีมนะ บีแค่จะมาบอกให้รู้ คนที่บีควรขออนุญาต บีก็ขอแล้ว แล้วทั้งคุณพ่อ คุณแม่ก็อนุญาตแล้วด้วย”

เมื่อเห็นการอ้อนวอนไม่ได้ผล ผมจึงเริ่มใช้ไม้แข็ง

“งั้นเหรอ อืม...งั้นสงสัยวันนี้บีต้องไปเยี่ยมคุณแม่บีหน่อยแล้ว” พูดจบทีมก็มองผมด้วยสายตาเจ้าเล่ห์

“ทำไม จะไปหาแม่บีทำไม”

“ก็ไม่มีอะไรหรอก ทีมแค่มีอะไรคุยกับท่านนิดหน่อย” ทีมทำหน้ายิ้มๆ เมื่อเห็นสีหน้าของผม

ถึงตรงนี้ผมก็ได้แต่ทำหน้าเสียอย่างเข้าใจสิ่งที่ทีมกำลังจะทำ เพราะหลายเดือนที่ผ่านมานอกจากทีมจะได้รับการยอมรับในสถานะสมาชิกใหม่ในครอบครัวของผมแล้ว ทีมยังได้รับความไว้วางใจจากทั้งคุณพ่อคุณแม่มากกว่าผมเสียอีก

จริงอยู่แม้ในสายตาเพื่อนๆ ทีมจะเป็นคนโผงผางใจร้อน แต่เวลาเข้าหาผู้ใหญ่ ทีมกลับเปลี่ยนเป็นคนละคน เขารู้วิธีที่จะสุภาพ พินอบพิเทาเวลารวมทั้งวางตัวได้อย่างน่าเชื่อถือตลอดเวลาที่อยู่ต่อหน้าคุณพ่อคุณแม่ของผม

ที่สำคัญนิสัยช่างพูดช่างคุยและช่างเอาอกเอาใจของทีมทำให้คุณแม่ของผมปลื้มเขาเป็นพิเศษจนอดนำเขามาชื่นชมให้ผมฟังบ่อยๆ ไม่ได้ แถมยังบอกให้ผมเอาอย่างทีมอย่างนั้น อย่างนี้ตลอดเวลา และไม่ว่าผมจะขออนุญาตไปไหนหรือทำอะไร หากรู้ว่าทีมไปด้วย คุณแม่ก็จะเปิดไฟเขียวตลอด

จนบางทีผมอดคิดไม่ได้ว่า......แม่ผมอาจจะรัก (ลูกเขยลับๆ) อย่างทีมมากกว่าลูกในไส้อย่างผมเสียอีก

ดังนั้นเมื่อวันนี้ทีมบอกว่าจะไปหาคุณแม่ ผมก็รู้ดีว่าเขาคงจะไปใส่ร้ายป้ายสีต่างๆนานาให้กับชมรมดนตรีสากลซึ่งนั่นก็คงจะมีอิทธิพลมากพอที่จะทำให้แม่ของผมเปลี่ยนใจไม่ให้ผมไปเข้าชมรมนี้ในที่สุด

“แต่บีอยากเข้าชมรมนี้จริงๆนะทีม” ผมเริ่มทำเสียงอ้อนเมื่อรู้ว่าตนเองตกเป็นรอง

เมื่อเจอการอ้อนวอนจากผมซึ่งก็มีไม่บ่อยครั้งนัก ทีมก็ทำท่าคิดนิดนึงก่อนจะตอบว่า

“งั้นก็ได้ แต่ต้องมีข้อแลกเปลี่ยน”

“อะไรล่ะ”

“บีต้องสัญญากับทีมมาก่อน 3 ข้อ”

“ตั้ง 3 ข้อเชียวเหรอ ไม่มากไปหน่อยหรือไง” ผมเริ่มโวย

“จะเอาหรือไม่เอา”

“ก็ได้” ผมตอบเสียงอ่อยอย่างไม่มีทางเลือก

“งั้น ข้อ 1 บีจะต้องไม่งอนทีมอย่างไม่มีเหตุผลอีก”

“อะไรกัน บีเคยงอนทีมแบบไม่มีเหตุผลเมื่อไหร่”

“ข้อ 2 ต้องเชื่อฟังทีมทุกอย่าง......แล้วก็ห้ามเถียง”

“นี่....มันจะเกินไปแล้วนะ” ผมพูดออกมาอย่างเหลืออด

“บีไม่ต้องตกลงก็ได้ ทีมไม่ได้บังคับนี่ ว่าแต่วันนี้ทีมจะไปคุยอะไรกับคุณแม่บีบ้างดีน๊า” ทีมพูดพลางทำสีหน้ายียวนมาทางผม

“ก็ได้ จำไว้เลยนะ ” ผมพูดออกมาด้วยสายตาอาฆาตแค้น

“ข้อ 3 ห้ามไปกิ๊กผู้ชายคนไหนอีก”

“ไม่เห็นยากเลย บีก็ไม่เคยทำอยู่แล้ว”

“ให้มันจริงเถอะ อย่าคิดว่าทีมจะลืมเรื่องไอ้กอล์ฟไปง่ายๆ นะ”

ถึงตรงนี้ผมเริ่มทำหน้างอนผู้ชายคนนี้ไม่ได้ จนทีมต้องร้องทัก

“อ๊ะ อ๊ะ สัญญาข้อ 1 จำได้มั้ย”

“บีก็ไม่ได้งอนสักหน่อย” ผมพยายามทำสีหน้าให้กลับมาเป็นปกติ

“ไม่งอนก็ดีแล้ว ท่องไว้นะ.....ชมรมดนตรีสากล ....ชมรมดนตรีสากล”

ทีมพูดพลางยิ้มอย่างสะใจ ในขณะที่ผมรู้สึกว่าอยากจะบีบคอฆ่าผู้ชายคนนี้ให้ตายคามือ

“ตักไอติมป้อนทีมหน่อยสิ”

“มือตัวเองไม่มีหรือไง”

“อ่ะ สัญญาข้อ 2 ว่าไงนะ”

“ทีม......บีจะเหลืออดแล้วนะ” ผมเรียกเขาด้วยอาการงอนๆอีกครั้ง

“อ้าว....ถ้าทำหน้าอย่างนี้ต้องกลับไปสัญญาข้อที่ 1” ทีมพูดอย่างยิ้มๆ

หลังจากวันนั้นผมแทบจะเป็นบ้าเพราะสัญญา 3 ข้อที่ให้ไว้กับทีม เพราะเขาได้นำสัญญานี้มาแกล้งผมตลอดจนผมอดคิดไม่ได้ว่าถ้าผมสมัครเข้าชมรมดนตรีสากลเรียบร้อยเมื่อไหร่ ผมจะเอาคืนทั้งหมดเลย...คอยดู

แต่เมื่อได้สมัครเข้าชมรมแล้ว ด้วยความตื่นเต้นทำให้ผมลืมความคิดข้างต้นไปเสียหมดสิ้น และเมื่อมาถึง 2 สัปดาห์สุดท้ายก่อนสอบปลายภาค ทางชมรมก็ได้มีการเรียกสมาชิกใหม่มาเข้าค่าย 2 วัน 1 คืนเพื่อฝึกให้พวกเราเริ่มเล่นเครื่องเล่น รวมทั้งจัดรูปขบวนของวงโยธวาทิตอย่างจริงจัง

เป็นอีกครั้งที่การมาเข้าค่ายของชมรมดนตรีสากลนี้ทำให้ผมได้พบกับคนที่ผมไม่คิดว่าจะเจอเขาที่นี่

“บาส นายก็เข้าชมรมนี้ด้วยเหรอ” ผมร้องทักบาสเมื่อมาเจอเขาตอนที่พี่ๆเรียกพวกสมาชิกใหม่มารวมตัว

“ใช่สิ ทำไมเหรอ”

“ไม่คิดว่าคนอย่างนายจะมีอารมณ์สุนทรีย์ทางศิลปะอย่างเรื่องดนตรีด้วย”

“จริงๆ ก็ไม่ได้สนศิลปง ศิลปะ หรือดนตรีบ้าบอนี่เท่าไหร่หรอก แต่เผอิญถ้าอยากเป็นนักกีต้าร์ในวงดนตรีของโรงเรียน มันก็ต้องเข้าชมรมนี่ก่อน”

“อ๋อ เอาไว้เล่นโชว์หญิงล่ะสิ”

“นี่จะมองเราในแง่ดีบ้างไม่ได้หรือไง อืม...แต่จะว่าไปก็ทำนองนั้นแหละ”

แม้บาสจะให้เหตุผลแบบนั้นกับผม แต่แวบนึงผมก็อดคิดไม่ได้ว่าทีมอาจจะส่งบาสมาเป็นสปายคอยคุมผมอีกที ขณะที่อีกใจนึงก็ไม่อยากจะเชื่อความคิดนี้เท่าไหร่เหมือนกันเมื่อคิดว่าบาสก็ไม่ใช่ลูกไล่ของทีมนี่ ทำไมเขาต้องมาทำตามที่ทีมสั่งด้วย

“นี่ 2 คนนี้จะคุยกันอีกนานมั้ย พี่เค้าเรียกรวมแถวแล้ว ไม่ได้ยินหรือไง”

เสียงดุจากรุ่นพี่คนหนึ่งเอ็ดมาทางผมกับบาส ซึ่งเมื่อผมหันไปมองเจ้าของเสียงก็ทำให้ผมถึงกับจ้องมองเขาอย่างลืมตัวไม่ได้

“ว่าแล้วยังมาจ้องหน้าพี่อีกแน่ะ ชื่ออะไรน่ะเรา”

พี่คนนั้นถามผมหลังจากที่เห็นผมจ้องหน้าเขาไม่วางตา

“บีครับ เอ่อ ปีติรัตน์.....” ผมรีบตอบเมื่อได้สติ แต่ไม่ทันที่ผมจะบอกนามสกุล พี่คนนั้นก็ตัดบทเสียก่อน

“นี่ เอาแค่ชื่อเล่นก็พอไม่ต้องบอกมาเต็มยศหรอก ฮึ เราเองน่ะเหรอน้องบี ที่เขาพูดถึงกัน”

“ครับ...เอ่อ.....ใครพูดถึง....”

“ช่างมันเถอะ ไม่มีอะไรหรอก รีบไปรวมตัวกับเพื่อนเถอะ ออ แล้วพี่ชื่อปอนด์นะ อยู่ในชมรมมีอะไรก็ปรึกษาพี่ได้....ทุกเรื่อง”

พี่ปอนด์พูดจบ เขาก็เดินออกไปโดยเหมือนก่อนหน้านั้นเขาพยายามจะย้ำคำว่า “ทุกเรื่อง” ให้ผมได้ยินชัดเจนเป็นพิเศษเหมือนจะมีความหมายไปทางใดทางหนึ่ง

ผมเดาว่าถ้าทีมมาอยู่ ณ ที่นี่.....ตอนนี้ และมาเห็นอาการของผม กับพี่ปอนด์เมื่อครู่ ผมก็คงต้องเก็บเสื้อผ้ากลับบ้านทันที แต่เมื่อที่ชมรมนี้มีแต่ผม นาทีนี้จึงถือเป็นชั่วโมงที่ผมจะได้ใช้ชีวิตอย่างอิสระบ้าง โดยเฉพาะเมื่อมีโอกาสใกล้ชิดกับผู้ชายที่ชื่อ “พี่ปอนด์” คนนี้

จริงๆ แล้วผมรู้จักกับพี่ปอนด์มาก่อนหน้านี้แล้ว แต่ก็เป็นการรู้จักแต่เพียงฝ่ายเดียว เพราะพี่ปอนด์เป็นมือเบสและนักร้องนำในวงดนตรีของโรงเรียน ดังนั้นทุกครั้งที่มีงานโรงเรียนเมื่อใดเขาก็จะได้ออกมาแสดงและเรียกเสียงกรี๊ดจากสาวๆอยู่เสมอ

แต่สำหรับผม ผมไม่ได้รู้สึกทึ่งอะไรกับความเท่ห์ในฐานะมือเบสและนักร้องนำของเขาเท่าไหร่ สิ่งที่ทำให้ผมสะดุดใจในตัวเขาคือหน้าตาและ ผิวพรรณของเขาต่างหาก

สำหรับผมจุดเด่นของผู้ชายคนนี้คือผิวดำแดงที่ดูแปลกกว่าทุกคนที่ผมเคยเจอ ผมไม่ทราบจะอธิบายถึงผิวของเขายังไง จะว่าแทนก็ไม่ใช่ จะว่าดำไม่เชิง มันอาจจะดูออกแดงๆเหมือนเหล็กขึ้นสนิม ซึ่งมันเป็นสีผิวที่ผมชอบและผมคิดว่ามีผู้ชายน้อยคนนักที่จะมีสีผิวแบบนี้

นอกจากนั้นพี่ปอนด์ยังมีหน้าตาคมคายแบบไทยๆ และรอยยิ้มที่ด็เหมือนจะกว้างกว่าคนปกติซึ่งนั่นถือเป็นเสน่ห์พิเศษอีกอย่างหนึ่งของเขาในสายตาผม

ทุกครั้งที่เห็นเขายิ้มทีไร หัวใจมันเหมือนจะละลายไปทุกที

ใครก็ตามที่เคยนึกถึงผู้ชายในฝัน มีสักครั้งมั้ยที่คุณเคยคิดว่าจะได้เจอเขาในโลกของความเป็นจริง สำหรับผมคงต้องบอกว่า พี่ปอนด์ คนนี่ล่ะใช่เลย

ดังนั้นตั้งแต่ได้เห็นเขาจากงานแสดงดนตรีของโรงเรียนแล้ว ผมก็แอบปลื้มเขามานานแล้ว

แต่ถึงกระนั้นผมก็ไม่เคยคิดกับเขาไปไกลเกินกว่าคนที่เราแอบชื่นชม แอบชื่นชมอยู่ไกลๆ และไม่เคยคิดอยากจะจริงจังอะไรกับผู้ชายคนนี้

โดยเฉพาะในเมื่อผมมีทีมอยู่แล้วทั้งคน ผมจึงได้แต่คิดเสมอมาว่าให้เขาอยู่แค่ในฝันไปน่ะดีแล้ว

แต่คิดอีกทีเมื่อต้องเข้ามาอยู่ในชมรมเดียวกับเขาแบบนี้ จะให้พี่ปอนด์เข้ามาใกล้กว่าความฝันอีกหน่อย ทีมก็คงไม่ว่าอะไรมั้ง

บางทีผมก็อดคิดไม่ได้ว่า "ผมนี่แอบเจ้าชู้เล็กๆ" เหมือนกัน

ขณะที่ผมกำลังคิดอะไรเพลินๆ อยู่นั้น เสียงตะโกนของพี่คนนึงก็ดึงผมให้หันไปสนใจเขาในทันที

“เอ๊ะ นี่ยังขาดไปอีกคนนี่ เพื่อนใครเปลี่ยนใจไม่เข้าชมรมหรือเปล่า”

พี่คนนั้นตะโกนถามแต่พวกเราก็ได้แต่นิ่งเงียบ

“อะไรวะไอ้นี่ ตกลงมันจะเอาไงเนี้ย เดี๋ยวพี่จะลองประกาศชื่อแล้วกันนะ เผื่อใครจะรู้จัก” ล

พูดจบพี่คนนั้นก็กวาดสายตาลงไปที่แผ่นกระดาษในมือ

“เอ่อ นาย ทีมชาติ โอฬารสกุล ม. 2 / 1 มีใครรู้จักมั้ย”

“ฮ้า.....ทีมเหรอ” ผมอุทานออกมาด้วยเสียงอันดังอย่างไม่ตั้งใจ จนทำให้ทุกคนหันมามองผมเป็นตาเดียวในขณะที่ผมได้แต่ทำหน้าเซ็งพลางอดคิดไม่ได้ว่า

“นี่ทีมจะไม่ปล่อยบีให้เป็นอิสระเลยใช่มั้ย”

---------------------------------------------------
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 10-01-2007 19:43:13 โดย b|ueBoYhUb »

Aki_Kaze

  • บุคคลทั่วไป
พออ่านเจอห้องซ้อมดนตรี ก้จานึกถึง......... :kikkik:


นึกถึงอารายก้ต้องรออ่านต่อกานเอง กร๊ากกกกกกกกก :yeb:

ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
 :like2: ดีใจจังได้อ่านสองตอนรวด  :like2:

ในที่สุดก็มีบทบาสจนได้  :laugh: ไม่เป็นไรนะบาส มาช้ายังดีกว่าไม่มา

โธ่บี อุตส่าห์เริ่มได้ใจคนอ่านตั้งแต่เลือกทีมแทนกอล์ฟแล้วนะนี่ ยังจะเจ้าชู้อีกเรอะ :try2:

ว่าแต่อยากถามจริง ๆ ว่า "ความรักในแบบของผม เหตุผลย่อมมาก่อนความรู้สึกเสมอ" นี่เขาเรียกว่าความรักเหรอ
ไม่จริงหรอก ไม่งั้นบีคงไม่ตัดสินใจนาทีสุดท้ายเลือกทีมหรอกจริงมั๊ย



beaches

  • บุคคลทั่วไป
นั่นสินะ ลืมไปเลยว่า ทั้งคู่เพิ่งจะม. ต้น หลายๆ อย่างเลยเกิดขึ้นแบบขาดการไตร่ตรองที่ถี่ถ้วน
หวลคิดกลับไปตอนผมอยู่ม. ต้น (17 ปีผ่านมา) ผมรู้สึกว่าเรื่องความรัก ยังเป็นเรื่องที่ห่างไกลมากๆ อ่ะ (บางทีอาจจะแก่เกินไปแล้ว)
แม้จะเคยเห็นเพื่อนในห้องบางคน ชอบๆ กันบ้างก็ตาม แต่ผมว่าความเข้มข้นมันต่างจากแบบของทีมกับ B นะ

ผมว่า B เป็นคนฉลาดและมีเหตุผลนะ (ต่างจากผมซึ่งทั้งซื่อและเซื่อง)  เพราะตอนแรก เขาตัดสินใจไปแล้ว

"นี่ล่ะคือความรักในแบบของผม เหตุผลย่อมมาก่อนความรู้สึกเสมอ"

แต่ B ก็ยังพ่ายหัวใจตัวเองในตอนท้าย....

"เหตุผลมากมายร้อยแปดที่ผมพร่ำคิดมาตลอดทั้งคืนก็แทบไม่มีความหมายเลยมาต้องมาเผชิญกับความรู้สึกที่ว่า “ผมรักทีม ผมรักเขามากจริงๆ”"

ก็ (ดี) นะ chocolate ก็มีทั้งขมทั้งหวาน ได้รสชาดไปอีกแบบ
.
..
...
....
.....

"หันมองรอบตัว เห็นคนมากมาย ทุกคนต่างวุ่นวายให้ได้มาดังต้องการ
หลายคนเจ็บช้ำหลายคนผิดหวัง กับความรักที่มองดูว่าดี
แต่ความรักของฉันไม่เป็นเหมือนใคร มั่งคงจริงใจและสวยงาม
ไม่ทำร้ายจิตใจ ไม่มีน้ำตา ปลอบโยนในเวลาที่เหนื่อยหัวใจ
เห็นคนเจ็บช้ำ ไม่เป็นดังหวัง รักที่ได้มานั้นแปรผันตามเวลา
หลายคนเรียกร้อง หลายคนไขว่คว้า ต่างก็หวังได้มาเป็นของตัว
แต่ความรักของฉันไม่เป็นเหมือนใคร แม้นานเพียงไรยังยั่งยืน
ไม่เรียกร้องสิ่งใด ไม่เคยขอคืน ไม่มีใครคนใดที่ต้องเสียใจ
อยากให้โลกนี้มีรักเช่นเดียวกัน ไม่เปลี่ยนแปรผัน มั่นคงเรื่อยไป
มีเพียงความรักที่พร้อมจะให้ ไม่มีคนไหนต้องเจ็บต้องทุกข์ทน
อยากให้เขาทุกๆ คนได้มีความรักที่ดีงาม"



ออฟไลน์ ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น

  • Administrator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6853
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1320/-22
Aki_Kaze  คิกคิก ทำให้เพื่อนๆจิ้นไปแล้ว

shell  ทำไมเหมือนผมเลย ตอนผมอ่านครั้งแรก ผมก็ลุ้นๆให้บีเป็นแฟนกับบาส เถื่อนได้จายดี ชอบๆ


beaches เคยอ่านเรื่อง [novel]เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น by Andrea
http://thaiboylovestory.ueuo.com/webboard/index.php?topic=433.0

หรือยังครับ ขอให้เราเปิดใจ สักวันเราจะได้พบคนที่เกิดมาคู่เรานะครับ
แต่ผมก็คล้ายๆ beaches กลัวที่จะต้องเจ็บ แต่พอเจ็บแล้วผมก็เคยดีจายมาก
ที่ผมยังมีหัวใจที่เคยรักใคร แม้มันจะไม่สมหวัง ผมก็หวังสักวันหนึ่ง
ผมจะเจอคนที่เขารักเรา และเรารักเขา
 :love2:




******************************************************************************

.............ขอให้รักเรานั้นนิรันดร….....( 17 )

ความรักของผมเกิดขึ้นเพียง 2 ครั้งในชีวิต
รักครั้งแรกของผมมาเร็วเกินไป….แต่รักครั้งสุดท้าย กลับมาสายเกินกว่าผมจะรู้ตัว
--------------------------------

หลังจากเริ่มเรียกสติคืนมาได้เมื่อรู้ว่าทีมได้แอบสมัครเข้าชมรมดนตรีสากลตามผมมา ผมก็พยายามมองไปทางบาสเพื่อดูว่าเขาได้รู้เห็นเป็นใจกับเรื่องนี้หรือไม่ แต่เมื่อเห็นสีหน้าที่ยังตกตะลึงไม่หายของบาสทำให้ผมรู้ได้ในทันทีว่าแผนการครั้งนี้มีเพียงทีมเท่านั้นที่รู้

แม้จะตกใจที่รู้ว่าทีมสมัครเข้าชมรมนี้ด้วย แต่ในเวลานั้นผมก็อดมองโลกในแง่ดีไม่ได้ว่า..การที่ทีมไม่มาปรากฏตัวในวันนี้อาจจะเป็นเพราะเขาได้เปลี่ยนใจไปแล้วก็เป็นได้

ในเมื่อทีมยังเป็นนักฟุตบอลของโรงเรียน การมาเข้าชมรมอื่นนอกจากชมรมฟุตบอลก็หมายถึงการที่เข้าต้องลาออกจากการเป็นนักกีฬาฟุตบอลของโรงเรียนด้วย ซึ่งผมไม่คิดว่าเขาจะยอมเสียสละขนาดนั้น

ในที่สุด..เขาอาจจะคิดได้ว่า “ฟุตบอล” สำคัญสำหรับเขาขนาดไหน เขาจึงเปลี่ยนใจไม่มาในที่สุด

แต่เพียงไม่นาน ผมก็ได้รู้ว่า...ผมกำลังดูถูก “ความรัก” ของผู้ชายคนนี้เกินไป

“ขอโทษคับพี่ ผมทีมชาติคับ” ทีมรีบพูดขอโทษพี่ๆ หลังจากวิ่งมาอย่างกระหืดหระหอบ

พี่ ๆ ทุกคน รวมทั้งผมต่างหันไปมองเขาเป็นตาเดียว

“อ้อ เพิ่งโผล่หัวมาเหรอ แต่เอ๊ะ น้องเป็นนักฟุตบอลโรงเรียนด้วยไม่ใช่เหรอ แล้วจะมาเข้าชมรมพี่ได้ไง”

พี่คนหนึ่งท้องทักขึ้นเมื่อเขาจำทีมได้

“อ๋อ ผมลาออกแล้วคับพี่ แล้วจะมาเป็นสมาชิกใหม่ของชมรมดนตรีสากลตั้งแต่วันนี้”

“เอาจริงนะ ไม่ใช่จะมาเข้าๆ ออกๆ นะโว้ย”

“คับ แน่นอนคับพี่”

“งั้นถ้าอยากจะมาเป็นสมาชิกใหม่ของที่นี่ ก็ควรจะรู้ด้วยว่า สำหรับพวกเราเรื่อง “การตรงต่อเวลา” มันสำคัญมาก การมาสายเพียงคนเดียวก็จะกระทบถึงคนอื่นในวงทั้งหมด ....ไปเลย ไปวิดพื้น 20 ทีแล้วค่อยมารวมตัวกับเพื่อนๆ”

หลังพี่คนนั้นพูดจบ ทีมก็รับคำสั่งอย่างอารมณ์ดี โดยไม่ลืมจะหันมายิ้มให้ผมก่อนจะไปวิดพื้นตามคำสั่งของรุ่นพี่

หลังจากโดนทำโทษแล้วทีมก็มารวมตัวกับพวกผมเพื่อเริ่มวัดส่วนสูง และ แบ่งกลุ่มไปฝึกเครื่องดนตรีที่ตัวเองสนใจ โดยผมได้เลือกเล่น “คาลิเนต” ในขณะที่ทีมกับบาสเลือกที่จะเป่า “ทรัมเปต”

เมื่อการฝึกฝนเบื้องต้นเสร็จสิ้นลง ผมกับทีมจึงได้มีโอกาสปลีกตัวไปคุยกันเป็นครั้งแรก

“นี่ทีมจะบ้าไปแล้วหรือไง” ผมเริ่มต้นต่อว่าเขา

“บ้ายังไง”

“ก็ที่ทีมมาเข้าชมรมดนตรีสากลนี่ไง”

“อ้าว ถ้าทีมบ้า บีก็สติไม่ดีเหมือนกันน่ะสิ เพราะบีก็มาเข้าชมรมนี้เหมือนกัน”

“ทีม บีซีเรียสนะ ถ้าทีมมาอยู่ชมรมนี้ แล้วเรื่อง “ฟุตบอล” ล่ะ”

ผมพยายามจะเตือนสติเขา ในเมื่อผมรู้ดีว่าสำหรับเขา คำว่า “ฟุตบอล” มันสำคัญขนาดไหน เพราะตั้งแต่ตอนที่ผมเริ่มคบกับเขาในช่วงแรกๆ ผมก็ได้เคยถามเขาถึงที่มาของชื่อ “ทีมชาติ” ซึ่งเป็นหนึ่งในชื่อที่แปลกที่สุดตั้งแต่ผมเคยได้ยินมา

ในตอนนั้นทีมได้ให้คำตอบกับผมว่า คุณพ่อของทีมเป็นคนที่คลั่งไคล้กีฬาฟุตบอลมาก ดังนั้นเขาจึงตั้งใจไว้ว่าถ้ามีลูกชาย เขาจะพยายามผลักดันให้ลูกคนนี้กลายเป็นนักกีฬาฟุตบอลทีมชาติให้ได้

จนต่อมาเมื่อเขาได้ลูกคนแรกเป็นผู้ชายจริงๆ เขาจึงได้ตั้งชื่อลูกคนนี้ว่า “ทีมชาติ” เพื่อเป็นการเตือนสติให้รู้ว่าจุดหมายสูงสุดของเขาคือการส่งเสริมและผลักดันให้ลูกชายคนนี้ได้เป็น “นักฟุตบอลทีมชาติ” สมใจ

ดังนั้นตั้งแต่เกิดมา ทีมจึงได้รับการปลูกฝังเรื่องกีฬาฟุตบอลมาโดยตลอด จนในที่สุดมันก็ได้กลายเป็นความฝันอันสูงสุดของเขาไปด้วย

ฉะนั้นในวันนี้เมื่อเขาตัดสินใจเลิกเป็นนักฟุตบอล มันจึงไม่เป็นเพียงการทำลายความฝันของตัวเอง หากแต่เขายังได้ทำลายความตั้งใจของคุณพ่อของเขาอีกด้วย

และถ้าผมเป็นสาเหตุที่ทำให้เขาต้องทำอย่างนั้น ผมจึงอดรู้สึกผิดไปด้วยไม่ได้

“ว่ายังไงล่ะทีม ทีมยังไม่ตอบบีเลยนะ” ผมพยายามทวงคำตอบ เมื่อเห็นทีมเอาแต่นิ่ง

“มันไม่สำคัญขนาดนั้นหรอกบี พ่อทีมก็เลิกความคิดบ้าๆ แบบนั้นไปตั้งนานแล้ว พ่อยังเคยแซวเลยว่าหน้าตาหล่อๆ อย่างทีม ถ้าไปเป็นดารานักร้อง สงสัยจะรุ่งกว่า .....หรือบีว่าไง”

“บีไม่อยากพูดเล่นนะทีม บีรู้สึกไม่ดีเลย”

ทีมมองผมด้วยสายตาปลอบโยนแล้วเอามือของเขามาจับมือผมไว้

“อย่าคิดมากเลยน่า ทีมเคยบอกบีแล้วไงว่าทีมคงบ้าไปแน่ๆ ถ้ายอมปล่อยให้บีมาอยู่กลางวงผู้ชายแบบนี้คนเดียว ทีมก็แค่อยากตามมาอยู่ใกล้ๆ ให้แน่ใจว่าบีปลอดภัย แล้วก็มีความสุข”

“ทีม ..... ทำไมทีมต้องทำเพื่อบีขนาดนี้ด้วย”

หลังคำถามของผม ทีมได้แต่ยิ้มให้ แล้วก็บีบมือของผมให้แน่นขึ้น จนผมรู้สึกได้ถึงไอรักที่ถ่ายทอดจากมือของเขามาสู่มือผมโดยไม่ต้องมีแม้แต่คำพูดใดๆ

ในตลอดช่วงบ่ายวันนั้นหลังจากที่พวกเราได้ฝึกซ้อมเล่นเครื่องดนตรีกันแล้ว พี่ๆก็ให้พวกเราฝึกการเข้าแถวในรูปขบวนและเดินตามจังหวะมาร์ชให้พร้อมเพรียง โดยมีเสียงกลองเป็นตัวให้จังหวะ

พอตกค่ำหลังจากทานอาหารเย็นกันแล้ว พี่ๆก็จัดกิจกรรมเปิดใจโดยให้พวกเราแต่ละคนเล่าถึงประวัติของตัวเองสั้นๆ รวมทั้งเหตุผล และจุดหมายที่พวกเรามาสมัครเข้าชมรมดนตรีสากล โดยทีมได้กลายเป็นคนที่เรียกเสียงปรบมือและเสียงฮือฮาจากทุกคนในคืนนั้นได้มากที่สุดเมื่อเขาตอบไปว่า

“ผมมาเข้าชมรมนี้เพราะสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิตของผม...มาอยู่ที่นี่”

เมื่อสิ้นคำตอบของทีม ทุกคนที่อยู่ที่นั่นต่างพากันส่งเสียงวี้ดวิ้วกันเป็นการใหญ่ จนเมื่อมีพี่คนหนึ่งถามทีมว่า.... “สิ่งสำคัญที่สุดในชีวิต”....ที่ทีมพูดถึงคืออะไร

ทีมทำท่านิ่งไปพักนึงก่อนจะตอบกลับไปว่า

“ก็... “ดนตรี”....ไงครับ”

เพียงเท่านี้เสียงปรบมืออย่างกึกก้องของทุกคนก็ดังขึ้น

แต่ท่ามกลางเสียงชื่นชมยินดีต่อคำตอบอันเฉียบคมของทีมน .........กลับมีเพียงผมเท่านั้นที่ได้แต่นั่งยิ้มเขินๆ อย่างรู้ทันว่าที่จริงแล้วเขาหมายถึงอะไร

หลังกิจกรรมนี้เสร็จสิ้น พี่ๆก็ให้พวกเรารีบเข้านอน เพราะวันรุ่งขึ้นพวกเราต้องตื่นมาวิ่งออกกำลังกายตั้งแต่ตี 5 แต่ในขณะที่ทุกคนกำลังทยอยไปนอนกันนั้น ทีมกลับชวนผมออกมาเดินเล่น

“อย่าไปเลยนะทีม มันดึกแล้ว” ผมพยายามท้วง

“น่า ไม่มีอะไรน่ากลัวหรอก เราอยู่ในโรงเรียนนะ”

“อย่างนั้นก็เหอะ ไปวันหลังไม่ได้เหรอ”

“ไปนะบี ทีมขอร้อง ไม่นานหรอก”

เมื่อโดนทีมขอร้องขนาดนี้ผมจึงยอมออกไปกับเขาในที่สุด

โชคดีที่คืนนี้เป็นคืนพระจันทร์เต็มดวง ทำให้ตลอดทางที่เราเดินไปนั้นมีแสงจากดวงจันทร์คอยส่องสว่างตลอดทาง

ในคืนนั้นผมเดินตามทีมไปเรื่อยๆจนกระทั่งรู้สึกได้ว่าทีมค่อยๆ เดินช้าลง เมื่อพวกเราได้กลิ่นอะไรบางอย่างที่กำลังแรงขึ้น...แรงขึ้น

เมื่อเดินต่อไปอีกสักพัก ทีมก็ได้หยุดเดิน มันเป็นเวลาเดียวกันกับที่ผมก็ต้องหยุดนิ่งยืนมองภาพเบื้องหน้าด้วยความตกตะลึงเช่นกัน

ผมจำได้ว่าที่ๆเรากำลังยืนกันอยู่นี้เป็นสวนไม้พุ่มขนาดเล็กที่ผมเดินผ่านแทบทุกวันเวลาไปโรงอาหารของโรงเรียน แต่ผมไม่เคยคิดจะสนใจมันเลยแม้แต่น้อย

ในเวลากลางวันสวนไม้พุ่มนี้แทบจะเรียกได้ว่าทั้งรก ทั้งสกปรกในสายตาของผม แต่เมื่อมายืนอยู่ที่นี่ในเวลาค่ำคืน สวนเดียวกันนี้กลับเปร่งประกายความงามออกมาอย่างเหลือเชื่อ ด้วยเหล่าช่อดอกราตรีสีขาวนวลจำนวนมากที่ต่างแข่งกันเบ่งบานอวดความงามภายใต้แสงจันทร์เต็มดวงในคืนนี้

นอกจากความงามที่เห็นด้วยตาแล้ว กลิ่นหอมอบอวลของดอกราตรีที่ลอยมาแตะจมูกทำให้ผมอดรู้สึกไม่ได้ว่า “ผมกำลังอยู่ในสรวงสวรรค์” หรือเปล่า

“เป็นไง ถึงกับอึ้งเลยเหรอ” เสียงของทีมทำให้ผมได้สติ

“อืม แต่ทีมรู้ได้ไงน่ะ ว่ากลางคืนมันจะสวยแล้วก็หอมขนาดนี้”

“ก็บ้านทีมก็ปลูกดอกราตรีด้วยนี่ ทีมเลยรู้ว่าธรรมชาติของมันก็เป็นอย่างนี้แหละ กลางวันจะดูเหี่ยวเฉา ไร้กลิ่นดึงดูดผู้คน แต่พอกลางคืนมันก็จะบานเต็มที แล้วก็มีกลิ่นหอมมาก”

“เหรอ นึกว่าเคยพาใครมาเสียอีก”

“อย่าแหย่ทีมสิ บีก็รู้นี่ ...ว่าในโลกนี้มีแค่คนเดียวเท่านั้นที่ทีมจะพามาได้”

เมื่อทีมพูดถึงตรงนี้ผมก็ได้แต่ทำหน้านิ่งอย่างเขินๆ

“บีรู้มั้ย ทำไมทีมถึงชวนบีมาที่นี่คืนนี้”

“ไม่รู้สิ ทำไมเหรอ”

“ก็นับตั้งแต่เราเป็นแฟนกัน คืนนี้เป็นคืนแรกนะที่เราได้อยู่ด้วยกัน 2 ต่อ 2 ทีมก็เลยไม่อยากเสียโอกาส”

“โอกาสอะไรเหรอ”

“โอกาสที่ทีมอยากจะพูดอะไรบางอย่างที่ทีมอยากจะบอกบีมาตั้งนานแล้ว”

หลังพูดจบทีมค่อยๆเดินเข้ามาหาผม จนตัวเราเข้ามาประชิดติดกัน จากนั้นเขาจึงค่อยๆ น้อมตัวลงมาจนจมูกของเขาเกือบจะชนกับจมูกของผม ก่อนที่จะพูดออกมาว่า

“ทีม...รัก...บี...นะ”

สิ้นประโยคนี้ เขาก็ประทับจูบลงบนริมฝีปากของผมอย่างแผ่วเบา ในขณะที่ผมได้แต่ยืนนิ่งอย่างไม่รู้ว่าหัวใจตัวเองได้หยุดเต้นไปแล้วหรือไม่

นี่น่ะเหรอ ความรู้สึกของการถูกบอกรัก มันช่างเป็นความรู้สึกมหัศจรรย์นับร้อยนับพันที่เกิดขึ้นในช่วงเสี้ยววินาทีจนยากเกินกว่าจะบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้

ในเวลานั้น....ผมคิดแต่เพียงว่าในชีวิตของคนๆหนึ่ง การเกิดมาเพื่อได้ยินคำพูดนี้แม้เพียงสักครั้งในชีวิต ต่อให้ต้องตายลงตรงนี้ผมก็ถือว่าคุ้มค่ามากแล้ว

หลังจากคำบอกรักของทีม ผมได้แต่ยืนนิ่งอย่างดื่มด่ำกับความสุขนั้นจนแทบไม่อยากจะเสียมันไปจนกระทั่งทีมได้ถอนปากของเขาออก แล้วก็พูดออกมาว่า

“เมื่อกลางวัน...บีถามทีมใช่มั้ยว่าทำไมทีมต้องทำเพื่อบีถึงขนาดนี้”

ทีมหยุดไปนิดนึงก่อนจะพูดต่อว่า

“ก็เพราะบีเป็นรักแรกของทีมไง เป็นรักที่ทีมจริงจังที่สุดตั้งแต่เกิดมา ทีมเลยทั้งรัก ทั้งหวงแหนมันมากกว่าอะไรทั้งหมด ทีมจะทำทุกอย่างเพื่อถนอมรักนี้ของทีมไว้ให้นานที่สุดไม่ว่าจะต้องแลกกับอะไรก็ตาม ...."

พูดถึงตรงนี้ทีมก็หยุดมองผมด้วยสายตาที่เปี่ยมไปด้วยความรักอย่างที่สุด ก่อนจะพูดออกมาอีกครั้งว่า

".....ทีมรักบีนะ....รักบีมากจริงๆ”




« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 10-01-2007 19:44:18 โดย b|ueBoYhUb »

abcd

  • บุคคลทั่วไป
อ้างถึง
หลังพูดจบทีมค่อยๆเดินเข้ามาหาผม จนตัวเราเข้ามาประชิดติดกัน จากนั้นเขาจึงค่อยๆ น้อมตัวลงมาจนจมูกของเขาเกือบจะชนกับจมูกของผม ก่อนที่จะพูดออกมาว่า

“ทีม...รัก...บี...นะ”
สิ้นประโยคนี้ เขาก็ประทับจูบลงบนริมฝีปากของผมอย่างแผ่วเบา



 :-[   จายละลายแย้ววววววว

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
ว้าว ตอนนี้หวานหยดเลย  :-[

แต่ยังไงก็ลุ้นบาสอยู่นา บทน้อยจัง  :try2:

ออฟไลน์ Junrai_Hyper™

  • พูห์น้อยกลอยใจ
  • Global Moderator
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4842
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +777/-50
บลูที่ร้าาาาาาาาาาาาาาาาากกกก


ทำไมบีเปงวันทองสองใจเหมือนพูห์เลยอะ


ดูนี้จิ

อ้างถึง
มเถียงด้วยน้ำเสียงที่ปนไปด้วยความรู้สึกสำนึกผิด

“คนอย่างบี นี่มันน่า...............” ทีมมองผมด้วยสายตาที่ไม่รู้ว่าจะทำยังไงกับผมดี


“ทำไม จะตบบีอีกเหรอ”

“ก็ทำตัวอย่างเนี้ย มันน่ามั้ยล่ะ”

กอล์ฟมองผมด้วยสายตามันเขี้ยวสุดขีดก่อนที่จะเปลี่ยนท่าทีเป็นอ่อนโยนลงแล้วล้มตัวลงมาโอบกอดผมไว้

“อย่าทำอย่างนี้อีกนะ รู้มั้ยว่าทีมทรมานแค่ไหน ช่วงที่ต้องรอคำตอบจากบี”

ผมได้แต่นอนนิ่งในอ้อมกอดของทีมอย่างรู้สึกผิด ผมคงจะทรมานเขามากจริงๆ



เหอเหอ


เหมือนกองพิสูจน์หลักฐานเลย :yeb:





ปล.


ไปแย้ววววว


นายมา


 :seng2ped:

เดี๋ยวจะมาอ่านต่อให้จบครับ


 :kikkik:


พูห์

ออฟไลน์ Junrai_Hyper™

  • พูห์น้อยกลอยใจ
  • Global Moderator
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4842
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +777/-50
อ่านจบแล้น

อืมมม นึกถึงตอนเปงเด็กอะ :myeye:

เคยเปง Staff ให้วงโยที่โรงเรียนอะ

แต่ไม่เคยเล่น  :kikkik:

เพราะอยู่วงดนตรีไทย :yeb:






ปล.


มาต่อด่วนๆๆๆๆๆเลยบลู


พูห์ :teach:

ออฟไลน์ ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น

  • Administrator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6853
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1320/-22
ใครที่กดตอบแล้วเพลงมันมีซ้อนกันให้ไปกดปุ่ม stop ที่เพลงด้านล่างนะครับแล้วจะหยุดเพลงได้
(ตะแน๋วกิ๋วกิ้ว)  คิดถึงอดีตอะรายหรือปล่าว ผมยังไม่เคยเลยหง่ะ แบบนี้  :monkeysad:

shell ท่าทางจะเหนื่อยไปทั้งเรื่อง หรือปล่าว เอิ้กๆ

หมูพูห์  บีอ่ะแค่สอง แต่พูห์เป็งสิบป่าว เอิ้กๆ พูดอะรายออกปาย มีคนมามองตาเขียว ชะแว๊บหายตัว เด่วโดนตืบ

*******************************************************************************************************************
.............ขอให้รักเรานั้นนิรันดร….....( 18 )

ความรักของผมเกิดขึ้นเพียง 2 ครั้งในชีวิต
รักครั้งแรกของผมมาเร็วเกินไป….แต่รักครั้งสุดท้าย กลับมาสายเกินกว่าผมจะรู้ตัว
--------------------------------

หลังจากการบอกรักของทีม ในคืนนั้นเราก็กลับมานอนที่ห้องชมรมซึ่งเป็นห้องเรียนวิชาดนตรีด้วยโดยทีมได้นอนกอดผมไว้อ้อมแขนของเขาตลอดทั้งคืน ขณะที่ผมก็ได้แต่นอนซบอกอุ่นของเขาไว้อย่างมีความสุขที่สุด

ถึงกระนั้น.....มันก็มีบางครั้งที่ผมต้องสะดุ้งตื่นเมื่อรู้สึกได้ว่ามีอะไรบางอย่างแข็งๆมาโดนก้นของผมขณะที่ผมพลิกตัวมานอนตะแคงหันหลังอยู่ในอ้อมกอดของเขา

มันคงเป็นสัญชาติญาณทางเพศที่ทีมเองก็คงห้ามไม่ได้เมื่อเขาได้กอดผมไว้อย่างนั้น เพราะในตอนนี้ทั้งผมและเขาก็ไม่ใช่เด็กๆ แล้ว เรากำลังเข้าสู่ช่วงวัยรุ่นเต็มตัวซึ่งถือเป็นช่วงที่เรื่องทำนองนี้กำลังตื่นตัวสูงสุด

ดังนั้นจึงไม่ใช่แค่ทีมที่กำลังรู้สึกถึงเรื่องนี้ ....เพราะตัวผมเองก็ต้องยอมรับอย่างอายๆว่าในคืนนั้น....ของผมเองก็ตื่นตัวแทบจะตลอดทั้งคืนเช่นกัน

แต่ในเมื่อคืนนี้เราต่างนอนอยู่ในห้องรวมร่วมกับเพื่อนคนอื่นๆ รวมทั้งไม่ว่าผมหรือทีมต่างก็ยังไร้เดียงสาต่อเรื่องเซ็กส์ ดังนั้นถึงแม้เราจะคู่จะเกิดความต้องการทางเพศเหมือนกันแต่เราก็ไม่รู้ว่าจะทำอะไรเกินไปกว่านี้ได้

ทั้งผมและเขาเลยจำต้องปล่อยให้มันเป็นไปตามธรรมชาติด้วยการให้ร่างกายมันปลอดปล่อยออกมาเองในขณะที่เรานอนหลับ


ในที่สุดเมื่อการเข้าค่ายของชมรมดนตรีเสร็จสิ้นลง....ทั้งผมและทีมก็ต้องกลับมาขะมักเขม้นกับการเตรียมตัวสอบปลายภาคที่กำลังจะมาถึงอีกครั้ง จนเมื่อการสอบเสร็จสิ้นลง เราจึงได้พักอย่างเต็มที่ในช่วงปิดเทอมใหญ่

และช่วงปิดเทอมใหญ่นี้เองก็เป็นครั้งแรกที่ผมกับทีมจะต้องห่างจากกันเมื่อคุณพ่อของทีมได้ส่งทีมไปอยู่กับญาติที่ต่างจังหวัด

แต่ถึงแม้จะต้องอยู่ไกลกัน ผมกลับรู้สึกว่าผมกับเขาไม่เคยห่างกันเลยในเมื่อทีมยังคงโทร. มาคุย หรือที่เขาเรียกว่า “โทร. มารายงานตัว” กับผมเป็นประจำทุกคืนก่อนนอน

จนเมื่อเขากลับมา เขาก็รีบมาหาผมแทบจะในทันที

“คิดถึงทีมบ้างหรือเปล่า”

“เปล่านี่ ไม่เห็นคิดถึงเลย”

“บีเนี้ย เมื่อไหร่จะเลิกปากแข็งซะที”

“ไม่ได้ปากแข็งสักหน่อย ก็ไม่คิดถึงจริงๆนี่” ผมพยายามทำหน้ากลบเกลื่อนความรู้สึกจริงๆ ของตัวเอง

“เออๆ ช่างเถอะ ทีมขี้เกียจเถียงแล้ว เอ้านี่ ของฝาก”

“อะไรน่ะ”

“ก็ตุ๊กตาหมีไงเล่า ไม่เคยเห็นหรือไง” เขายื่นตุ๊กตาหมีขนาดพอเหมาะมาให้ผม

“ทีม บีอายุ 15 แล้วนะ”

“แล้วไง”

“ก็จะให้บีมาเล่นตุ๊กตาหมีได้ไง”

“แล้วใครบอกว่าทีมให้บีไว้เล่นละ ทีมให้มันเป็นตัวแทนของทีมต่างหาก บีจะได้เอาไว้นอนกอดแทนตัวทีมไง”

“เชอะ ใครอยากจะกอดตัวแทนของทีมกัน”

“ทำไม อยากกอดตัวจริงหรือไง”

“บ้า....” ผมพูดพลางยิ้มอย่างเขินๆ และอดรู้สึกไม่ได้ว่าเขาช่างรู้ใจผมจริงๆ

“นี่ อาทิตย์หน้าบีว่างป่าว”

“ทำไมเหรอ”

“ทีมอยากชวนบี ไปเที่ยวทะเล พอดีพี่ๆ ที่ชมรมฟุตบอลเขาจะไปเที่ยวกัน เขาก็เลยมาชวนทีมด้วย ไปด้วยกันนะ”

“เอ้า ทีมลาออกจากชมรมฟุตบอลแล้วนี่”

“ลาออก ก็ส่วนลาออกสิ ไม่ใช่จะเลิกคบกันสักหน่อย ไปนะบี”

“ทีมไปเถอะ ถ้าบีไปด้วยทีมอาจจะไม่สนุกก็ได้”

“แต่ทีมอยากให้บีไปนี่ เรายังไม่เคยไปเที่ยวต่างจังหวัดด้วยกันเลยนะ”

“ถึงบีอยากไป แม่ก็คงไม่อนุญาตหรอก”

“อันนั้นถ้าบีขอไง แต่ถ้าทีมเป็นคนเอ่ยปาก ยังไงแม่บีก็ต้องยอมให้ไปอยู่แล้ว”

และมันก็เป็นจริงตามที่ทีมพูดไว้ เมื่อเขาได้ไปขออนุญาตคุณแม่เพื่อพาผมไปเที่ยวกับเพื่อนๆ ท่านก็อนุญาตแทบจะในทันที แถมยังบอกว่า

“ดีเหมือนกันนะ ปิดเทอมนี้บีเขายังไม่ได้ไปเที่ยวไหนเลย ยังไงแม่ก็ฝากบีด้วยนะลูก”

เป็นอีกครั้งที่ผมอดคิดไม่ได้ว่า ตกลงแล้ว แม่ผมคงรักทีมมากกว่าลูกในไส้ของตัวเองจริงๆด้วย

หลังจากนั้นในวันเสาร์ต่อมาผมก็แบกเป้เสื้อผ้าไปพบกับทีมตามนัดที่โรงเรียน ซึ่งตอนนั้นเพื่อนๆพี่ๆที่จะเดินทางไปด้วยกันก็มาถึงกันหมดแล้ว รวมทั้ง

“นี่ นายก็ไปด้วยเหรอบาส” ผมทักเขาเมื่อเห็นเขายืนอยู่กับทีม

“ทำไม ไปไม่ได้หรือไง” บาสตอบกลับมาอย่างโกรธๆ

“แค่ถามเล่นๆ ทำไมต้องทำหน้าซีเรียสด้วย”

“ก็น้ำเสียงเหมือนบีจะมีปัญหาที่เห็นเราไปด้วย”

“ใครกันแน่ที่อยากจะมีปัญหา” ผมเริ่มขึ้นเสียงบ้าง

“นี่พอเหอะ หยุดทะเลาะกันสักที”

เสียงของทีมที่ดังขึ้น ทำให้เราทั้งคู่หยุดทะเลาะกัน

“บีก็คนรัก ส่วนไอ้บาสมันก็เพื่อนรัก เห็นใจคนกลางอย่างทีมหน่อยสิ เวลาทะเลาะกันอย่างนี้จะให้ทีมทำไง”

จากนั้นเขาก็หันมาพูดกับผม

“บี....จริงๆที่ไอ้บาสมาขอตามมาด้วยก็เพราะมันเห็นว่ามีสาวๆไปเยอะเท่านั้นแหละ ไม่มีอะไรหรอก”

“บีก็ยังไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อย แค่ถามเฉยๆ แล้วทำไมต้องมาขึ้นเสียงกันด้วย” พูดจบผมก็เดินงอนออกไป โดยได้ยินเสียงทีมพูดตามหลังมาว่า

“ไงล่ะ เมียกูงอนเลยเห็นมั้ย มึงนี่ เฮ้อ”

พูดจบเขาก็เดินตามมาพาผมไปขึ้นรถบัสที่เตรียมไว้ เมื่อขึ้นไปนั่งบนรถผมจึงได้เห็นสมาชิกที่ร่วมเดินทางไปกับเราในทริปนี้อย่างชัด ๆ

นอกจากรุ่นพี่ในชมรมฟุตบอล ทีม บาส และผมแล้ว ทัวร์ของเราครั้งนี้ก็มีสาวๆอย่างที่ทีมบอกมาร่วมทริปด้วยราว 5 – 6 คนซึ่งเท่าที่เห็น......ผมคิดว่าสาวๆรุ่นพี่เหล่านี้ค่อนข้างจะแรงเอาการ

ไม่สิ.....เท่าที่ผมเห็นการแสดงออกของพี่ๆ เหล่านี้ตลอดทางที่รถวิ่งไปยังจุดหมาย คำว่า “แรง” อาจจะยังดูน้อยไป จริงๆแล้วผมควรจะเปลี่ยนจาก “ง” เป็น “ด” ถึงจะดูเหมาะกว่า โดยเฉพาะพี่ผู้หญิงคนนึง

“ว่าไงจ๊ะน้องทีม พี่ขอนั่งด้วยได้มั้ย”

หลังพูดจบ พี่คนนั้นก็นั่งเบียดเข้ามาบนเบาะที่มีผมกับทีมนั่งอยู่แล้ว

ถ้าผมเป็นผู้ชายแท้ๆ...ผมคงนึกอิจฉาทีมพิลึกที่พี่ผู้หญิงคนนี้มานั่งเบียดเขาอยู่ เพราะเท่าที่เห็นพี่ผู้หญิงคนนี้มีคุณสมบัติหลายอย่างที่ผู้ชายต้องการ คือทั้งขาว และ อวบ โดยเฉพาะหน้าอกอิ่มขนาดใหญ่เกินวัยคู่นั้นเป็นจุดดึงดูดสายตาที่ผู้ชายคนไหนเห็นก็คงอดมองไม่ได้ และดูเหมือนเธอเองก็คงภาคภูมิใจในจุดเด่นข้อนี้ของเธอไม่น้อย เพราะเสื้อยืดที่เธอใส่ในวันนี้ก็ดูเหมือนจงใจที่ต้องการจะเน้นจุดเด่นของเธอนี้ให้แตะตาขึ้นมาเป็นพิเศษ

“ไปทะเลทั้งที ทำไมมาแต่กับเพื่อนผู้ชายล่ะ ไม่เอาแฟนมาด้วยเหรอ”

“เอ่อ คือ.....”

ทีมทำท่าอึกอักไม่รู้ว่าจะตอบยังไงดี เพราะเรื่องของผมกับเขาก็เป็นความลับที่รู้ในหมู่เพื่อนสนิทเท่านั้น

“แต่ไม่เอามาน่ะดีแล้ว เพราะถ้าทีมเหงาพี่จะได้ช่วยได้ไง”

พูดจบพี่คนนี้ก็ส่งสายตายั่วยวนมาทางทีมแถมยังจงใจหันหน้าอกอันมหึมานั้นมาโดนตัวทีมอีก จนทีมเองถึงกับสะดุ้ง โชคดีที่มีเสียงพี่ผู้หญิงอีกคนจากด้านหลังตะโกนมาขัดจังหวะเสียก่อน

“กลับมานี่อีกุ้ง เดี่ยวไก่ตื่นหมดหรอก”

“เออนา รู้แล้ว งั้นเดี๋ยวพี่ค่อยมาหาใหม่นะจ๊ะน้องทีม หรือทีมจะมาพี่บ้างก็ได้ พี่ยินดีต้อนรับแล้วก็ยินดีบริการทุกเรื่อง”

พี่คนนี้ยังไม่วายหยอดก่อนจะเดินกลับไปนั่งที่เบาะด้านหลัง

หลังจากพี่คนนั้นลุกออกไป พี่ผู้ชายซึ่งนั่งอยู่เบาะข้างๆทีมก็หันมาพูดกับพวกเราว่า

“สงสัยมึงต้องๆไปอยู่ในบัญชีของอีกุ้งแน่ว่ะไอ้ทีม เตรียมตัวไว้เถอะมึง”

“บัญชีอะไรคับ”

“บัญชีผู้ชายไง” พูดจบพี่คนนั้นก็หัวเราะออกมา แต่ผมกับทีมกลับขำไม่ออก

จริงๆ แล้วผมเคยได้ยินมาบ้างเรื่องที่มีผู้หญิงบางประเภทชอบล่าผู้ชายที่เป็นหนุ่มฮอทของโรงเรียนเพื่อมาจดลงในบัญชีรายชื่อส่วนตัวแล้วนำไปอวดกันว่าใครได้ฟันหนุ่มหล่อของโรงเรียนมากกว่ากัน แต่ผมเองก็ไม่อยากจะเชื่อว่าเรื่องที่ได้ยินมานี้จะเป็นเรื่องจริง

ตั้งแต่เล็กจนโต ผมก็เรียนห้องเก่งมาตลอด ดังนั้นผู้หญิงที่ผมรู้จักจึงมีแต่คนที่ขยันเรียน นิสัยดี สุภาพ และรักนวลสงวนตัว การมาเจอผู้หญิงที่มีอุปนิสัยอย่าง “พี่กุ้ง” จึงทำให้ผมอดคิดไม่ได้ว่า...เราเหมือนอยู่กันคนละโลก

เมื่อนึกถึงตรงนี้ผมก็อดมองไปที่ทีมไม่ได้ และดูเหมือนเขาเองก็จะรู้ว่าผมคิดอะไรอยู่ เขาจึงเอามือมาจับผมไว้แล้วบอกผมว่า

“ไม่มีอะไรหรอกน่า เชื่อใจทีมนะ”

ในวันนี้ ราวๆก่อนเที่ยงพวกเราก็เดินทางมาถึงที่พักโดยผู้ชายจะพักบังกะโลหลังนึง ขณะที่ผู้หญิงนั้นพักที่บังกะโลซึ่งอยู่ติดกัน

หลังจากแยกย้ายเข้าที่พัก และได้จัดแจงเก็บกระเป๋าเข้าที่เรียบร้อยแล้ว พวกเราก็เดินทางไปทานอาหารเที่ยงที่ร้านอาหารที่อยู่ใกล้ๆ ก่อนจะกลับมาเล่นน้ำทะเลกันในช่วงบ่าย

ในตอนแรกผมพยายามบ่ายเบี่ยงที่จะลงเล่นน้ำทะเล แต่เมื่อโดนทีมรบเร้าหนักเข้าผมจึงยอมลงไปเล่นน้ำทะเลพร้อมกับเขาและคนอื่นๆในที่สุด

จนเมื่อถึงช่วงบ่ายแก่ๆผมจึงได้ขอตัวขึ้นมานั่งพักบนชายหาด ในเวลานั้นเองผมก็เหลือบไปเห็นภาพบางอย่างที่ผมไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง เพราะในขณะที่ทุกคนกำลังเล่นน้ำกันอย่างสนุกสนาน บาสกลับมานั่งวาดรูปอยู่ใต้ร่มเงาของต้นมะพร้าว

ที่ผ่านมาผมรู้สึกว่าผู้ชายคนนี้กักขฬะและลามก แต่ผมไม่เคยรู้เลยว่าเขาจะมีมุมที่ละเอียดอ่อนเช่นนี้อยู่ด้วย

“ทำอะไรน่ะ” ผมเดินเข้าไปทัก

“ก็เห็นอยู่แล้วนี่ ถามทำไม”

คำตอบห้วนๆที่ผมได้รับทำให้ผมไม่สงสัยเลยว่าทำไมบาสกับทีมถึงเป็นเพื่อนสนิทกัน

“พูดด้วยดีๆนะ อืม...รูปสวยดีนี่” ผมชมเขาจากใจจริงเมื่อเห็นรูปที่เขากำลังวาด

“ไม่ต้องแกล้งชมหรอก ฝีมือบาสมันห่วยๆอย่างนี้แหละ”

“นี่ไม่ได้แกล้งชมนะ มันสวยจริงๆ แล้วนี่วาดแต่รูปวิวเหรอ ไม่วาดรูปคนบ้างเหรอ”

“ทำไม”

“ก็จะได้ขอบาสให้วาดรูปบีบ้างไง”

หลังคำพูดของผม บาสชะงักไปนิดนึงก่อนจะตอบว่า

“ใครอยากจะวาดรูปบีกัน”

“รู้แล้วน่า แค่ถามไปอย่างงั้นแหละ บาสก็คงอยากวาดแต่รูปสาวๆละสิ”

“นี่เอาเวลาที่จะมาคุยกับบาส ไปเฝ้าไอ้ทีมมันไม่ดีกว่าเหรอ”

พูดจบบาสก็หันไปมองในทะเลจนผมเห็นสิ่งที่บาสกำลังจะพยายามบอก เมื่อพี่กุ้งได้กลับมาก้อล้อก้อติกกับทีมอีกแล้ว

ในตอนนั้นผมรู้สึกไม่ชอบผู้หญิงคนนี้มากขึ้นทุกที ไม่เพียงแต่เพราะท่าทางยั่วยวนที่เขามีให้ทีม แต่เสื้อยืดสีขาวตัวที่เธอใส่ลงเล่นน้ำนั้นมื่อโดนน้ำทะเลมันก็บางมากจนเหมือนกับไม่ได้ใส่อะไรเลย ดูเหมือนเธอจงใจจะให้ทีมเห็นอะไรต่อมิอะไรที่ผู้หญิงดีๆ ควรจะสงวนเอาไว้

แม้จะรู้สึกไม่สบายใจแต่เมื่อนึกถึงคำพูดของทีมที่ให้ผมเชื่อใจเขา รวมทั้งความมั่นใจลึกๆ ว่าทีมไม่มีวันสนใจผู้หญิงต่ำๆ แบบนี้ ผมก็เลยหันกลับมาคุยกับบาสต่อ

ราวๆ 5 โมงเย็นทุกคนก็เลิกเล่นน้ำ แล้วก็มาช่วยกันจัดบาร์บีคิวปาร์ตี้ จนในช่วงค่ำๆ หลังจากที่พวกเราอิ่มหนำสำราญกับมื้ออาหารแล้ว พวกผู้ชายก็เริ่มมาตั้งวงกินเหล้าโดยมีผู้หญิงกลุ่มนั้นทั้งกลุ่มมาร่วมด้วย

“บี เอ่อ วันนี้ทีมขอกินเหล้ากับพี่ๆเขานะ”

“เอาสิ บีไม่ว่าอะไรนี่ แต่บีขอไปนอนก่อนนะ บีง่วงมาก แล้วขืนนั่งอยู่เดี๋ยวก็โดนคะยั้นคะยอให้ดื่มอีก บีไม่อยากกินเหล้า”

“อืม งั้นเดี๋ยวดึกๆ ทีมจะตามไปนะ”

พูดจบเขาก็มากระซิบข้างหูผมต่อว่า

“แต่เตรียมตัวไว้ล่ะ ถ้าทีมเมา....ทีมอาจจะทำอะไรที่ห้ามใจไม่อยู่ก็ได้”

“ บ้า....”

ผมพูดอย่างยิ้มๆ แล้วก็เดินกลับไปนอนในบังกะโล ซึ่งกว่าจะนอนหลับก็ใช้เวลาพอสมควรเพราะผมมัวแต่ตื่นเต้นกับประโยคที่ทีมพูดไปเมื่อกี้ ถ้าเขาจะทำอย่างนั้นจริงๆล่ะ ผมจะทำยังไง

ผมนอนคิดไปเล่นๆอย่างนั้นจนเริ่มง่วง ในขณะที่ได้ยินเสียงพูดคุยเฮฮาของวงเหล้าด้านนอกไปอีกสัก ผมก็หลับไปโดยไม่รู้ตัว

ผมมารู้สึกตัวอีกทีเมื่อรู้สึกถึงมือที่เข้ามากอดผมจากด้านหลังเนื่องจากผมนอนตะแคงอยู่

ผมรู้สึกได้ว่าคราวนี้เขากอดผมค่อนข้างแน่นและแรงกว่าทุกครั้ง แต่เพราะความเขินอายและกลิ่นเหล้าที่แรงมากของเขาทำให้ผมได้แต่นอนหันหลังอยู่ในอ้อมแขนอย่างนั้นจนเผลอหลับไปอีกครั้งในที่สุด

แต่ราวๆตีสี่ เมื่อผมรู้สึกเมื่อยกับการนอนในท่าตะแคง ผมจึงค่อยๆ พลิกตัวเพื่อหันหน้าไปหาทีมแต่แล้วผมก็ต้องพบกับความตกใจสุดขีดเมื่อแสงสว่างจากภายนอกที่ส่องลอดหน้าต่างเข้ามาในห้องทำให้ผมเห็นอย่างชัดเจนว่าคนที่นอนกอดผมมาทั้งคืนนั้นไม่ใช่ทีม หากแต่เป็น.... “บาส”

ผมค่อยๆเอามือของบาสออกไปจากนั้นก็รีบลุกขึ้นยืน แล้วพยายามกวาดสายตาไปทั่วห้องแต่กลับไม่เห็นทีมอยู่ในห้องเลย และเมื่อผมเดินออกไปด้านนอกก็พบแต่ซากของวงเหล้าที่บัดนี้มีแต่แก้วน้ำ จาน ชามและขวดเหล้าวางอยู่เกลื่อนกลาดแต่ไม่มีใครอยู่ที่นั้นแม่แต่คนเดียว

แล้วทีมล่ะ...ทีมหายไปไหน

ด้วยความเป็นห่วงผมจึงได้แต่นั่งรอทีมอยู่ที่ม้านั่งหน้าบังกะโล แต่จนแล้วจนเล่าเขาก็ยังไม่กลับมาจนผมเผลอหลับไปในที่สุด

ผมมารู้สึกตัวอีกครั้งตอนรุ่งสางเมื่อรู้สึกเหมือนมีอะไรมาทับตัว และเมื่อลืมตาตื่นผมก็เห็นบาสกำลังเอาผ้านวมมาห่มตัวผมไว้

“ตื่นแล้วเหรอ ทำไมมานอนตรงนี้เนี้ย เดี๋ยวไม่สบายหรอก แล้วมานอนข้างนอกอย่างนี้ ยุงไม่กัดแย่เหรอ”

“บาส บาสเห็นทีมหรือเปล่า”

ตอนนี้ผมไม่สนใจตัวเองอีกแล้ว ผมแค่เป็นห่วงทีม ผมอยากรู้ว่าเขาหายไปไหน

“มันไม่เป็นไรหรอก เผลอๆมันยังสบายดีกว่าบีด้วยซ้ำ กลับเข้าไปนอนในห้องเถอะ อย่าทรมานตัวเองอย่างนี้เลย”

“บาสรู้ใช่มั้ยว่าทีมไปไหน”

“เอ่อ คือ....บาสว่าบีอย่าไปสนใจมันเลยน่า เดี๋ยวมันก็กลับมาเองแหละ”

คำตอบอึกอักของบาสทำให้ผมมั่นใจได้อย่างนึงว่าทีมอยู่ในที่ปลอดภัยแน่ๆ แต่ผมก็ไม่แน่ใจสมมุติฐานถึงที่อยู่ของทีมที่มีอยู่ในใจของผมว่าจะถูกต้องหรือไม่ แต่ถึงไม่มั่นใจผมก็อดรู้สึกเจ็บปวดไม่ได้

“งั้นเหรอ งั้นถ้าเขากลับมาฝากบอกทีมด้วยนะว่าบีขอกลับบ้านก่อน”

“บี ไม่เอาน่า”

บาสพยายามร้องห้ามผม แต่มันไม่เป็นผล ผมรีบเดินเข้าไปเก็บกระเป๋าอย่างปวดร้าว แล้วแวะไปล้างหน้าล้างตาให้ดูสดชื่นขึ้น จนเมื่อผมเดินออกมาผมก็ได้ยินเสียงคนคุยกันอยู่หน้าบังกะโล

“ไอ้เฮี้ย ทำไมมึงกลับมาป่านนี้ว่ะ กูเตือนมึงแล้วใช่มั้ยว่าถ้าเสร็จแล้วก็ให้รีบกลับ รู้มั้ยบีมานอนรอมึงอยู่ข้างนอกนี่ทั้งคืน”

“กูก็ไม่ตั้งใจนี่หว่า เอ่อ บีไม่รู้ใช่มั้ยว่ากูหายไปไหน”

“ไม่รู้กับพ่อมึงสิ บีมันคงคิดว่ามึงไปตกปลาหมึกในทะเลมั้ง บีมันไม่โง่นะโว้ย แค่เห็นท่าทีของมึงกับอีพี่กุ้งอะไรนั่นเมื่อวาน บีมันก็พอเดาได้แล้ว แล้วเนี้ยกำลังเก็บกระเป๋าจะกลับบ้านแล้วด้วย”

“แม่งเอ๊ยยยยยยยยย ไม่น่าเลยกู”

“กลับเช้าขนาดนี้ แม่งเสร็จไปกี่ทีวะ”

“ 3 ”

“ 3 ? เฮ้ย ไปตายอดตายอยากมาจากไหนว่ะเนี้ย”

“ก็พี่กุ้งเค้าไม่ยอมปล่อยกูกลับนี่หว่า นี่....มาคุยเรื่องนี้ทำไมตอนนี้วะ มึงมาช่วยกูคิดก่อนว่ากูจะแก้ตัวกับบียังไงดี”

“อยากถามบีมั้ยล่ะ ว่าแก้ตัวยังไงบีถึงจะเชื่อ”

การปรากฏตัวของผมต่อหน้าทีมและบาส ทำให้ทั้ง 2 คนถึงกับยืนนิ่งอย่างพูดอะไรไม่ออก

“ก็พูดความจริงสิ ความจริงน่ะดีที่สุด แต่บีว่าคงไม่ต้องแล้วมั้ง เพราะบีบังเอิญบีได้ยินหมดแล้ว”

พูดจบผมก็หันไปมองทีมอย่างเจ็บปวดที่ถูกชายคนรักนอกใจ แล้วจึงตัดสินใจรีบเดินออกไปในขณะที่น้ำตาก็ได้ไหลลงมาอาบแก้มอย่างที่ผมไม่สามารถจะห้ามได้ ขณะที่ทีมเองก็รีบวิ่งตามผมออกมาแล้วก็มาดึงแขนผมไว้

“เดี๋ยวบี ฟังทีมก่อน ทีมขอโทษนะ ทีมไม่ตั้งใจให้มันเป็นอย่างนี้”

“ไม่ตั้งใจเหรอ”

ผมไม่อยากจะเชื่อว่าผู้ชายคนนี้เอาคำว่า “ไม่ตั้งใจ”มาใช้กับสิ่งที่ตัวเองทำลงไปเมื่อคืน

“ทีมเมา ทีมเมามากจริงๆนะ เข้าใจทีมหน่อยสิ ยังไงทีมก็เป็นผู้ชายนะ โดนผู้หญิงให้ท่าขนาดนั้น ทีมก็ห้ามตัวเองไม่อยู่เหมือนกัน”

“งั้นเหรอ ขนาดเมา ขนาดไม่ตั้งใจ ทีมก็ยังเสร็จไปตั้ง 3 ยกเลยนี่”

เมื่อจำนนด้วยคำพูดที่ผูกมัดตัวเองเมื่อครู่ เขาจึงยอมรับผิด

“ใช่....ทีมเองก็ผิด แต่บียกโทษให้ทีมได้มั้ย ทีมสัญญาจะไม่ทำอีก”

“ยกโทษเหรอ ถ้าบียกโทษให้ทีมแล้วยังไงล่ะ ทีมจะไม่รับผิดชอบกับสิ่งที่ทีมทำกับผู้หญิงคนนั้นเหรอ”

“พี่กุ้งเขาไม่ได้จริงจังอะไรกับทีมหรอกนะบี เราก็แค่มีเซ็กส์กัน จบแล้วก็จบกันไป”

“ไม่จริงหรอก มันก็แค่คำพูดที่เห็นแก่ตัวของผู้ชายอย่างทีมเท่านั้นแหละ ผู้หญิงคนไหนบ้างจะไม่ผูกพันกับคนที่ตัวเองมีอะไรด้วย”

“บี...ไม่ใช่ว่าผู้หญิงทุกคนจะเป็นคนดีเหมือนกับคนที่บีคุ้นเคยนะ นี่มันไม่ใช่โลกที่บีรู้จักเลยด้วยซ้ำ ขนาดพี่กุ้งเขายังไม่แคร์อะไรเลย แล้วบีจะเดือดร้อนไปทำไม”

“นั่นสิ บีจะเดือดร้อนไปทำไม บีเป็นอะไรกับทีมเหรอ”

“ทีมไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้นนะบี”

“นี่น่ะเหรอที่ทีมเคยบอกว่าจะทำทุกอย่างเพื่อถนอมรักนี้ของทีมไว้ให้นานที่สุดไม่ว่าจะต้องแลกกับอะไรก็ตาม แต่ขอโทษนะทีมคงรักษามันไว้ไม่ได้แล้วล่ะ.....เรามาเลิกกันเถอะ”

“อะไรนะ”

“ทีมได้ยินชัดแล้วนี่ เรามาเลิกกัน”

หลังประโยคนี้ผมเห็นเขานิ่งไปนิดนึง ก่อนที่จะระเบิดอารมณ์ออกมาอย่างโกรธจัด

“คำก็เลิก สองคำก็เลิก ทำไมหา ทำไมเวลาทะเลาะกันทีไร บีชอบท้าทีมเลิกอยู่เรื่อย ทีมมันไม่มีค่า ไม่มีความหมายสำหรับบีเลยใช่มั้ย ที่ทีมทำมาทุกอย่างมันไม่ทำให้บีรักทีมขึ้นเลยหรือไง ไม่ว่าบีจะทำผิดอะไร ทีมก็ยกโทษให้ทุกครั้ง ไม่ว่าบีอยากได้อะไรทีมก็ตามใจทุกอย่าง บีจะงอนอย่างไร้เหตุผลแค่ไหน ทีมก็ตามง้อไม่เคยขาด กี่ครั้งที่บีทำให้ทีมเจ็บปวด ทีมก็ไม่เคยปริปาก ทีมถึงขนาดยอมทิ้งความฝันของตัวเองเพื่อให้ได้ไปอยู่ใกล้ๆบี ................ ทั้งหมดที่ทีมทำมา มันไม่พอเหรอ มันไม่มีค่า ไม่มีความหมายสำหรับบีเลยใช่มั้ย”

ถึงตรงนี้ทีมก็หยุดนิ่งพลางหลับตาลงอย่างปวดร้าว แล้วก็กัดฟันพูดออกมาว่า

“ก็ได้ ถ้าทีมมันเลวนัก ตั้งแต่วันนี้เราก็เลิกกันไปเลย ........แต่รู้อะไรมั้ย ตลอดเวลาที่ผ่านมาทีมคิดมาตลอดว่ามีเพียงแต่ทีมเท่านั้นที่รักบีอยู่ฝ่ายเดียว ส่วนบีน่ะ...ไม่เคยรักทีมเลย”

“อย่างงั้นเหรอ ทีมคิดอย่างนั้นเหรอ บีก็หวังอยากให้เป็นอย่างนั้นเหมือน บีก็อยากให้ที่ผ่านมาบีไม่ต้องรักทีมเลยแม้แต่สักนิดเดียว เพราะถ้าเป็นอย่างนั้นจริงๆ....บีก็คงไม่ต้องเจ็บปวดอย่างนี้”

--------------------------------------






ออฟไลน์ มูมู่น้อย

  • Global Moderator
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2623
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +468/-12
โอ้ยยย เศร้าเลย  บรรยากาศอึดอัดไปเลย  ว่าจะมาเที่ยวด้วยกันแท้ ๆ ยายพี่นั่นท่าจะอึ๋มได้ใจ เหอ เหอ  (นึกเอาเองว่าไม่น่าจะมีอารมณ์
อย่างว่ากับผู้หญิงได้  แปลว่ามีได้กับทั้งสองเพศเลยเหรอคะ  โทษทีคะที่ถาม ไม่ตอบก็ได้นะ  หน้าไม่อายเลยตรู)  นั่นแหละ  คราวนี้บาส
ดูเป็นคนดีเน้อ  ผิดคาด  สงสัยไม่ชอบทีมก็บีแหง่เลย

วันนี้คุณบลูมาต่อสองตอนเลยแฮะ  ดีจาย ดีจาย  ได้อ่านเยอะดี  รออยู่น้า ทำตาละห้อย  :impress:

ออฟไลน์ Junrai_Hyper™

  • พูห์น้อยกลอยใจ
  • Global Moderator
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4842
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +777/-50
อ้าวววววว


ทำไมทำไม :serius2:








ปล.



ใครไม่โดนกะตัวก็ไม่รู้หรอกครับ


โหดร้ายมั้กม้าก :monkeysad:


พูห์ :teach:

ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
ทีม ทำอย่างงี้ แม่ไม่ปลื้มนะ  :laugh:

บี อย่าไปยอมนะ เรื่องแบบนี้อภัยกันไม่ได้  :pigangry2:

ยังไงก็ลองหันไปมองคนอื่นที่อยู่ข้าง ๆ หน่อยนะ (บาสไง  :try2: ) ยังมีคนดีอีกเยอะ

คืนนี้มีต่ออีกหรือเปล่า จะรออ่านนะค้า  :impress:

Aki_Kaze

  • บุคคลทั่วไป
ง่า........................(งานนี้โน คอมเม้น) งิงงงง

FlukeHub

  • บุคคลทั่วไป
เหอๆๆ...คู่นี้  ชักจะไปไม่รอดซะแล้ว

คนนึงเป็นไฟ  อีกคนก็น้ำมัน  เอาเข้าไปสิ

หุหุหุ...แต่เลิกกันก็ดีนะ  บาสจะได้เสียบ

คราวนี้บาสคงจะคู่กับบี  แล้วทีมไปคู่กะกอล์ฟ  <<....รึป่าวหว่า 55+


คุณบลู  ผมไม่ได้คาดเดาเรื่องนะครับ  ผมแค่คิดไรแก้เซ็งเฉยๆ 

เพื่อความมันส์ในอารมณ์ 555+

ต่อไวๆนะครับ  รออ่านอยู่

ออฟไลน์ ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น

  • Administrator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6853
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1320/-22
มูมู่น้อย  Aki_Kaze  พูดไม่ออกครับ  :pigangry2:

หมูพูห์ พูดยังกับเคยโดน หรือ เคยทำหวา คิกคิก

shell  คนเรามันจะผิดพลาด ก็ไม่ควรขนาดนี้

FlukeHub ผมก็ว่ากอฟแม้จะจากไป แต่เขาก็ไม่ทำอะไรหักหาญน้ำจาย ต่อหน้าต่อตาแบบนี้

เพื่อนๆอย่าลืมว่าภาค1 นี่คือเรื่องจริงนะ
และโปรดจดจำรายละเอียดของภาคหนึ่งให้ดีนะครับ มีผลต่อการอ่านภาค2 อย่างรุนแรง


******************************************************************************
กุมภาพันธ์ ของปีเตอร์ คอป
[wma=300,50]http://f1.podcast.blog.webs-tv.net/upload2/new/e/e/a/eead8016b7c106b9153ec8acc1bbecfb.mp3[/wma]
**********************************************************************************

.............ขอให้รักเรานั้นนิรันดร….....( 19 )

ความรักของผมเกิดขึ้นเพียง 2 ครั้งในชีวิต
รักครั้งแรกของผมมาเร็วเกินไป….แต่รักครั้งสุดท้าย กลับมาสายเกินกว่าผมจะรู้ตัว
--------------------------------

หลังจากเหตุการณ์ที่ทีมนอกใจผมผ่านไป ผมก็ได้แต่กลับมาร้องไห้ฟูมฟายกับสิ่งที่เขาทำกับผมอย่างไม่อยากจะเชื่อว่าในที่สุดเราจะต้องมาเลิกกันเพราะเรื่องนี้

จริงๆ แล้วก่อนหน้านี้ตอนที่ผมต้องตัดสินใจเลือกระหว่างกอล์ฟกับทีม...ผมก็เคยคิดมาบ้างว่าเรื่องทำนองนี้อาจจะเกิดขึ้นกับผมไม่วันใดก็วันหนึ่ง เพราะในที่สุดแล้วผู้ชายอย่างทีมก็คงหนีเรื่องทำนองนี้ไม่พ้น

ผมจึงได้แต่บอกตัวเองว่า.......ผมคงต้องยอมใจกว้างให้เขาไปมีอะไรกับผู้หญิงอื่นได้บ้าง

แม้จะต้องเจ็บปวดแต่ผมก็จะยอมทนเพื่อรักษาความรักของเราเอาไว้

แต่แล้วเมื่อเหตุการณ์มันเกิดขึ้นจริงๆ ผมกลับไม่สามารถห้ามความรู้สึกของตัวเองได้ เมื่อพบกับความจริงที่ว่าเขาได้ทิ้งให้ผมต้องนอนตากน้ำค้าง ตากยุงด้วยความเป็นห่วงทั้งคืน ในขณะที่เขากลับไปเริงรักอย่างมีความสุขอยู่กับผู้หญิงอีกคน

ความจริงนี้มันทำให้ผมเจ็บปวดจนเกินจะทน

บางครั้งผมก็อดคิดไม่ได้ว่า....ในขณะที่เขากำลังมีความสุขอยู่กับผู้หญิงคนนั้น จะมีสักครั้งมั้ยที่เขาจะนึกถึงผม

จะมีสักครั้งมั้ยที่เขาจะนึกว่าสิ่งที่เขากำลังทำนั้นจะนำมาซึ่งความเจ็บปวดของผมสักแค่ไหน

ถ้าหากเขารักหรือคิดถึงผมจริงๆ ทำไมเขาถึงยังทำอย่างนี้กับผมได้

ยิ่งคิดผมจึงยิ่งแค้นผู้ชายคนนี้อย่างเหลืออด ในขณะที่อีกใจก็พร่ำบอกตัวเองว่าไม่ว่าเขาจะทำกับผมยังไง แต่ในใจผมก็ยังรักเขา...ผมยังรักเขามากเหลือเกิน

ความรู้สึกของผมในตอนนี้จึงเต็มไปด้วยความสับสน เป็นความรู้สึกที่ทั้งรัก ทั้งแค้นผู้ชายคนนี้จนไม่รู้ว่าผมควรจะให้อภัย หรือเอาคืนเขาดี

จนกระทั่งเมื่อวันเปิดเทอมมาถึง ทั้งผมและเขาต่างก็มึนตึงเข้าหากันจนเพื่อนๆ พากันสงสัย แต่ดูเหมือนเรื่องแค่นี้จะเป็นเรื่องจิ๊บจ๊อยเมื่อเทียบกับที่ทุกคนได้เห็นผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งก็คือพี่กุ้งมายืนรอทีมหน้าห้องแล้วก็พากันเดินไปทานข้าวด้วยกันอย่างหวานแหวว

ผมสังเกตว่าก่อนออกไป ทีมพยายามแสดงความรักกับพี่กุ้งอย่างที่ผมสามารถดูออกว่าเขากำลังเสแสร้งแกล้งทำเพื่อให้ผมหึง แต่เขาจะรู้หรือไม่ว่ามันไม่ได้ผล

ตลอดระยะเวลาที่ผมคบกับทีมมาทำให้ผมรู้จักผู้ชายคนนี้ดี ลูกไม้เดิมๆนี้เขาก็เคยนำมาใช้ครั้งนึงแล้วกับผู้หญิงที่ชื่อพี่แก้ว แต่ตอนนั้นเขาก็น่าจะรู้แล้วว่ามันไม่ได้ผลจนเขาเองนั่นแหละต้องเป็นฝ่ายมาเสียน้ำตาต่อหน้าผมเอง

ดังนั้นในคราวนี้เมื่อเขานำลูกไม้เดิมๆมาใช้อีก ผมจึงอดแปลกใจไม่ได้ว่าเขาไม่ได้จดจำบทเรียนในอดีตบ้างเลยหรือไง

บางทีผมอาจต้องให้บทเรียนกับเขาบ้าง เพื่อที่จะให้เขาได้รู้ว่า…. “เขาไม่ได้เล่นเกมนี้เป็นคนเดียว”

ผมจึงตัดสินใจว่าจะลดตัวลงไปเล่นเกมสกปรกนี้กับทีมสักครั้ง แล้วเขาก็จะได้รู้ว่าเวลาผมโกรธ ผมก็ทำเรื่องเลวๆ เป็นเหมือนกัน

ดังนั้นหลังจากไปทานมื้อเที่ยงแล้ว ผมจึงเดินไปนั่งใช้ความคิดที่ชมรมดนตรีเพื่อมองหาว่าผมจะใช้ใครมาร่วมเล่นเกมนี้ดี

แน่นอน ชื่อของ “กอล์ฟ” ย่อมถูกตัดทิ้งเป็นชื่อแรก เพราะความสัมพันธ์ที่ผมมีกับเขามันสูงส่งเกินกว่าที่ผมจะดึงเขาลงมาเล่นเกมสกปรกระหว่างผมกับทีมได้

ในระหว่างที่ผมกำลังคิดไม่ตกถึงผู้ชายคนนั้น อยู่ดีๆ โชคชะตาก็ส่งเขามาให้ผมอย่างไม่ได้ตั้งใจ

“ว่าไงจ๊ะน้องบี มานั่งคิดอะไรคนเดียวคับ ดูเครียดเชียว”

เสียงจากพี่ปอนด์ที่ทักผมทำให้ผมต้องเงยหน้าขึ้นมามองเขา

“หรือว่าคิดถึงพี่หรือเปล่าเอ่ย”

สิ้นเสียงแซวของพี่ปอนด์ ผมก็ได้คำตอบทันทีว่าหากจะมีใครสักคนที่ไม่ใช่กอล์ฟซึ่งจะทำให้ทีมหึงผมอย่างสุดๆ .......คนๆนั้นก็ต้องเป็นพี่ปอนด์นี่หละ

เพราะนอกจากพี่ปอนด์จะเป็นหนุ่มหน้าตาดี เป็นนักร้องนำและมือเบสของวงดนตรีโรงเรียนแล้ว เขายังเป็นที่รู้กันว่ามีฐานะทางบ้านที่ “รวยมาก”

คนที่มีคุณสมบัติครบถ้วนอย่างนี้ล่ะถึงจะสูสีกับหนุ่มฮอทอย่างทีมได้

ที่สำคัญกิตติศัพท์ในความเป็น “เพลย์บอย” ของผู้ชายคนนี้คงทำให้ผมสามารถดึงเขามาเล่นเกมนี้ได้อย่างไม่ตะขิดตะขวงใจ เพราะยังไงเสียเขาก็คงไม่ได้จริงจังกับผม ในขณะที่ผมเองก็คงผละจากเขามาได้ไม่ยาก

การที่ผมได้รู้มาว่าเขาได้ทำให้ทั้งผู้หญิง และเกย์เสียน้ำตาเพราะเขามานักต่อนัก ทำให้ผมไม่ต้องรู้สึกผิดมากนักที่จะใช้เขาเป็นเครื่องมือ

สิ่งเดียวที่ผมต้องระวังไว้ก็คือต้องไม่ให้เขา “ฟัน” ผมได้ก่อนที่เกมจะจบลง

“ไม่ยักรู้ว่านอกจากเล่นดนตรีเก่งแล้ว พี่ยังอ่านใจคนได้อีกเหรอ” ผมเริ่มเดินตามแผน

“อะไรนะ” พี่ปอนด์ถามผมอย่างประหลาดใจ

“ก็บีกำลังคิดถึงพี่ปอนด์อยู่จริงๆนี่”

คำตอบของผมทำให้พี่ปอนด์ถึงกับอึ้ง

“จำได้มั้ย ที่พี่ปอนด์บอกว่ายินดีช่วยบีทุกเรื่อง”

“จำได้สิ ทำไม? บีจะให้พี่ช่วยอะไร”

“พี่ปอนด์ช่วยมาเป็นแฟนบีได้หรือเปล่า”

“บี...ล้อพี่เล่นหรือเปล่า”

“ป่าว บีชอบพี่ปอนด์อ่ะ แอบชอบมานานแล้ว”

พี่ปอนด์ถึงกับอึ้งในคำตอบของผมอีกครั้ง ก่อนจะพูดออกมาว่า

“แน่ใจนะว่าอยากเป็นแฟนพี่จริงๆ ไม่เคยได้ยินฉายาพี่หรือไง”

“อ๋อ ปอนด์เพลย์บอย นะเหรอ”

“ใช่ รู้อย่างงี้แล้วยังกล้ามาขอเป็นแฟนกับพี่อีกเหรอ”

“ก็บีอยากรู้นี่ว่าถ้าเป็นแฟนกับหนุ่มเพลย์บอยอย่างพี่ปอนด์แล้วจะเป็นไง”

“ทำไม? อยากเล่นกับไฟหรือไง”

“แล้วพี่ไม่คิดบ้างเหรอว่าบีอาจเป็นน้ำที่มาดับไฟก็ได้”

“ฮึ ฮึ ใช้ได้เฮะเรา เอาวะ มีแฟนเป็นนักเรียนดีเด่นดูบ้างก็ไม่เลวนี่ แต่ทีหลังถ้าต้องมาเสียใจเพราะพี่ บีก็อย่ามาคร่ำครวญแล้วกัน”

“ไม่หรอก มันไม่มีวันนั้นแน่”

ผมแน่ใจว่าสิ่งที่พี่ปอนด์พูดกับผมย่อมไม่มีวันมาถึงแน่นอน การที่เขาจะทิ้งผมไปในวันข้างหน้าก็เป็นสิ่งที่ผมต้องการให้เกิดขึ้นอยู่แล้ว เพราะไม่อย่างนั้น...ผมนี่ล่ะจะเป็นฝ่ายที่ทิ้งเขาเองเมื่อเวลาอันเหมาะสมมาถึง

หลังจากตกลงเป็นแฟนกันแล้ว ผมก็เริ่มเดินตามเกมของผมทันทีด้วยการที่ในเย็นวันนั้นผมนัดพี่ปอนด์ให้มารับผมที่ห้องเพื่อจะไปทานไอติมด้วยกัน

แน่นอนการปรากฏตัวของพี่ปอนด์ที่ห้องของผมย่อมเรียกเสียงฮือฮาจากคนทั้งห้อง เพราะอยู่ดี ๆ รุ่นพี่ ม. 5 ที่เป็นถึงหนุ่มในฝันของสาวๆ กลับมาที่ห้องของนักเรียน ม. 3 โดยไม่มีปี่มีขลุ่ย

ดังนั้นสิ่งที่ทุกคนอยากรู้ก็คือใครกันที่เป็นต้นเหตุให้เขามาถึงที่นี่ และเมื่อผมเดินออกไปพูดคุยกับเขาอย่างสนิทสนมรวมทั้งแกล้งพูดให้ทุกคนได้รู้ว่าเขามารับผมไปกินไอติม สีหน้าของทุกคนโดยเฉพาะบรรดาเพื่อนสนิทที่รู้เรื่องของผมกับทีมต่างก็พากันตกอกตกใจกันขนาดใหญ่กับข่าวใหม่นี้

แต่ต่อให้เอาความรู้สึกของทุกคนมารวมกันก็คงไม่เท่ากับสีหน้าตกใจสุดขีดของทีมที่เขากำลังแสดงออกมาอย่างไม่ปิดบังในตอนนี้ ผมว่าเขาคงกำลังช็อคที่เห็นหนุ่มฮอทของโรงเรียนอย่างพี่ปอนด์มารับผมไปกินไอติมถึงห้อง

หลังจากบอกลาเพื่อนๆ ผมก็เดินตามพี่ปอนด์ออกไปด้วยสีหน้ายิ้มกริ่ม เมื่อไปถึงร้านผมก็สั่งไอติมรสโปรดอย่างสบายใจเพื่อรอเวลาที่แผนขั้นต่อไปจะมาถึง ซึ่งนั่นก็ใช้เวลาไม่นานนักเพราะสักพักทีมกับพี่กุ้งก็เดินมาที่ร้านไอติมเช่นกัน

ผมไม่ได้รู้สึกตกอกตกใจกับการปรากฏตัวของ 2 คนนี้เลยเพราะจริงๆ แล้วต้องบอกว่า...มันเป็นสิ่งที่ผมคาดเดาไว้แล้วต่างหาก

ความเป็นคนตรง โผงผางของทีมทำให้ผู้ชายคนนี้ไม่ได้สลับซับซ้อน หรือดูยากอะไร เกือบ 2 ปีที่ผมคบกับเขาทำให้ผมรู้จักทีมอย่างทะลุปรุโปร่ง ผมรู้ดีว่าถ้าผมชวนพี่ปอนด์มาทานไอติม เขาก็ต้องประชดผมด้วยการไปชวนพี่กุ้งมาทานด้วยเหมือนกัน

ดังนั้นไม่ว่าเขาจะเต็มใจหรือไม่ เขาก็ได้แต่เดินมาติดกับดักที่ผมวางเอาไว้แล้วอย่างไม่รู้ตัว

หลังจากทีมนั่งและสั่งไอติมมาทานเรียบร้อยแล้ว ผมก็สังเกตว่าเขาได้แอบมองผมกับพี่ปอนด์อยู่ตลอดเวลา

ดังนั้นผมจึงเริ่มแผนขั้นต่อมาด้วยการตักไอติมป้อนพี่ปอนด์อย่างออดอ้อน ซึ่งนั่นก็ทำให้ทีมมีปฏิกิริยาโต้ตอบทันที

เขากระแทกช้อนลงในถ้วยไอติมอย่างแรงจนกระทั่งถ้วยไอติมตกกระเด็นลงพื้นแล้วก็ผลุนผลันเดินออกไปท่ามกลางสีหน้าเหรอหราของพี่กุ้ง ก่อนที่จะวิ่งตามทีมออกไปอีกคน

ผมรู้ดีว่าสิ่งที่ผมทำย่อมทำให้ทีมต้องโกรธแน่ เพราะตอนที่ผมคบกับทีม ผมเคยตักไอติมป้อนเขาเพียงครั้งเดียวเท่านั้น และการป้อนครั้งนั้นก็เป็นเพราะผมโดนบังคับและไม่ได้มีท่าทางเต็มใจเลย แต่กับพี่ปอนด์ผมกลับตักไอติมป้อนใส่ปากเขาอย่างออดอ้อนโดยที่เขาไม่ต้องร้องขอสักคำ

ผมได้แต่นั่งยิ้มอย่างสะใจ พลางคิดในใจว่า

“ใช่แล้วทีม โมโหเข้าไปสิ โกรธเข้าไปสิ ทีมจะได้รู้ว่าความเจ็บปวดจากการถูกนอกใจน่ะ มันเป็นยังไง แต่รู้มั้ยว่าแค่นี้น่ะมันยังไม่เท่ากับที่ทีมทำกับบีหรอก .....ถ้าเกมนี้จะต้องจบลงด้วยการที่มีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งต้องดิ้นรนทุรนทุรายมาคุกเข่าอ้อนวอนขอคืนดี คนๆนั้นก็คือ “ทีม” นั่นแหละ รู้ไว้เสียด้วย”

หลังจากทานไอติมเสร็จ แม้พี่ปอนด์จะขอไปส่งผมที่ท่ารถแต่ผมกลับขอว่าจะเดินกลับเองโดยโกหกว่าได้นัดกับเพื่อนเอาไว้

เมื่อได้มาอยู่คนเดียว แม้เมื่อกี้ผมจะรู้สึกสะใจกับความสำเร็จของตนเองแต่ตอนนี้ผมกลับรู้สึกเจ็บปวดอย่างอธิบายไม่ได้

การทำร้ายคนที่เรารักนั้น มันไม่ง่ายเลย เพราะดูเหมือนมีดทุกเล่มที่ผมปักลงบนหน้าอกของทีม บาดแผลมันก็มาปรากฏที่ใจผมด้วย

“คิดว่าที่ทำอยู่น่ะ....ถูกแล้วเหรอ”

เสียงนิรนามที่ดังขึ้นเรียกผมให้คืนสติแล้วต้องหันไปมองคนพูดในทันที

“พูดกับเราเหรอ....บาส”

ผมหันไปพูดกับเขาเมื่อเห็นบาสยืนพิงกำแพงอาคารเรียนขณะที่กำลังมองมาทางผม

“แล้วที่นี่นอกจากบีแล้ว ยังมีใครอีกล่ะ”

“อะไรถูก อะไรผิดล่ะ เราไม่เข้าใจ” ผมรีบเข้าประเด็นเพราะไม่อยากทะเลาะกับใครอีก

“ก็ที่ไปคบกับไอ้พี่ปอนด์นั่นไง มันเองก็เป็นเพลย์บอยไม่ใช่หรือไง แล้วอย่างนี้ มันจะดีกว่าไอ้ทีมตรงไหน”

“จะดีกว่าหรือไม่ มันก็ไม่ใช่ธุระกงการอะไรของนายนี่”

“ใช่ มันไม่เกี่ยวกับบาสหรอก แต่บาสไม่อยากเห็นคนบางคนทำตัวน่าสมเพชไปมากกว่านี้”

“ใคร นายว่าใครทำตัวน่าสมเพช”

“ก็จะใครอีกล่ะ ทำไมที่ผ่านมายังทุกข์ทรมานไม่พอเหรอ ถึงต้องมาทำร้ายตัวเองให้เจ็บปวดไปอีก บีมีความสุขแน่เหรอที่จะประชดไอ้ทีมมันด้วยวิธีนี้”

ใช่แล้ว...เขาพูดถูก ผมกำลังทุกข์ทรมานกับสิ่งที่ตัวเองทำมาก

“ให้อภัยไอ้ทีมมันเถอะนะ”

“ให้อภัยเหรอ ใช่สิ บาสเป็นผู้ชายแล้วก็เป็นเพื่อนสนิทของทีมนี่ ก็ต้องเข้าข้างกันอยู่แล้ว ทำไมเหรอ บีจะต้องยอมรับเหรอว่าเป็นผู้ชายต้องเจ้าชู้ เป็นผู้ชายจะนอกใจแฟนตัวเองยังไงก็ได้อย่างนั้นเหรอ .......บีควรจะกลืนเลือดเข้าไปในอกแล้วก็ยิ้มให้กับสิ่งที่เขาทำกับบีอย่างนั้นเหรอ”

“ไม่ใช่อย่างนั้น ฟังนะ ที่บาสมาขอให้บียกโทษให้ไอ้ทีมก็ไม่ใช่เพื่อใครหรอก ก็เพื่อตัวบีเองนั่นแหละ บีจะต้องทำร้ายตัวเองไปทำไมในเมื่อบีสามารถเลือกที่จะมีความสุขได้ ถือเสียว่ายกโทษให้คนที่บีรักไง .......บียังรักไอ้ทีมมันอยู่ไม่ใช่เหรอ”

คำถามนี้เหมือนเป็นการตอกย้ำให้ผมรู้ว่าผมยังรักทีมอยู่....ผมยังรักเขามากจริงๆ

“บาสก็ไม่รู้หรอกนะว่าความรักคืออะไร แต่ความรักที่ไม่รู้จักกับคำว่า “ให้อภัย” มันจะยังเรียกว่าความรักได้เหรอ”

----------------------------------------------








« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 10-11-2006 00:58:47 โดย b|ue B[o]Y hUb »

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด