[novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที  (อ่าน 245145 ครั้ง)

ออฟไลน์ no-reply

  • เซียนเป็ด
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 228
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-2
    • blog พันทิป
 ใจเย็นๆกันนะครับ ตอนนี้ผมก็รอคนเขียนอนุญาตอยู่อ่ะครับ แต่ไม่ตอบสักทีเลยเอามาดูความสนใจเพื่อนๆก่อน
ก็เลยอดโพสไม่ได้กัวโดนเพื่อนๆรุมตืบ  :pigangry2:

อยากให้ผมโพสเร็วๆ ต้องไปตามเพื่อนๆมาอ่านครับ สิบเม้นต์เมื่อไหร่ผมจะโพสต่อครับ เอิ้กๆ   :pigscare2:
(ตุ๊บๆๆ อย่าตืบผมเลย ผมลงให้แล้ว)



shell  วันนี้ต้องโทษมูมู่น้อยนะ ไปไหนไม่รู้อ่านหรือยัง หรือหนีไปแล้ว  :impress3:

หมูพูห์ อืมพูดให้คิดเหอๆ เป็นยังไงหรือ รักพี่เสียดายน้องหรือ แก้อะไรกันหวา ดูไม่ทันอดเห็นของดีเลย  :like2:

Aki_Kaze  คิกๆไม่มีใครชอบก๊อฟบ้างเลยหรือครับ  :no2:

********************************************************

.............ขอให้รักเรานั้นนิรันดร….....( 8 )

ความรักของผมเกิดขึ้นเพียง 2 ครั้งในชีวิต
รักครั้งแรกของผมมาเร็วเกินไป….แต่รักครั้งสุดท้าย กลับมาสายเกินกว่าผมจะรู้ตัว
-------------------------------------------------------

คำพูดของทีมเมื่อครู่ทำให้ผมได้แต่นิ่งอึ้ง ความรู้สึกตกใจบวกกับความสงสัยทำให้ผมพูดอะไรไม่ออก ผมกำลังทรมานเขาอยู่เหรอ

ผมเนี้ยนะที่กำลังทำให้เขาเจ็บปวด

ผมจำไม่ได้ว่าผมเคยมีพฤติกรรมอย่างที่เขาว่าตอนไหน เขาต่างหากไม่ใช่เหรอที่เป็นคนทำร้ายผม ทั้งคำพูดที่ว่าผมสำส่อน ทั้งท่าทีที่ไม่เห็นผมอยู่ในสายตา แล้วที่ตั้งใจให้ผมไปเห็นภาพบาดตาระหว่างเขากับพี่ดาวอีกล่ะ ใครกำลังทำร้ายใครกันแน่

“ทีมพยายามแล้ว พยายามไม่พูดไม่คุยกับบี พยายามทำเหมือนบีไม่มีตัวตนอยู่ในโลก พยายามแม้กระทั่งลองไปคบกับคนอื่นเพราะหวังว่าในที่สุดแล้วทีมจะลืมบีได้ แต่ไม่เลย ทีมกลับยิ่งคิดถึงบีตลอดเวลา คิดถึงจนใจจะขาด มันทรมานมากรู้มั้ย”

พูดจบทีมค่อยๆปล่อยผมที่บัดนี้ยิ่งแข็งเป็นหินจากคำพูดของเขาเมื่อครู่ออกจากอ้อมกอด แต่ก็ยังคงใช้ 2 มือยึดกุมหัวไหล่ทั้ง 2 ข้างของผมไว้แน่น

“ทีมรู้ว่าทีมมันหยาบคาย ป่าเถื่อน แล้วก็ปากหมา แต่ให้โอกาสทีมได้มั้ย ทีมสัญญาจะเปลี่ยนตัวเอง ทีมสัญญา”

ในเวลานั้นสมองของผมมีแต่ความว่างเปล่าจนไม่สามารถตอบอะไรกลับไปได้ และครั้งนี้ก็ถือเป็นครั้งแรกที่ผมได้เห็นหน้าผู้ชายคนนี้อย่างชัดและถนัดตาขนาดนี้ เป็นเวลานานที่ผมไม่รู้ตัวเลยว่ากำลังเงยหน้ามองดวงตาที่เปี่ยมไปด้วยความรักคู่นั้นเหมือนต้องมนต์สะกด พลางอดคิดไม่ได้ว่าถึงนิสัยของเขาจะเป็นอย่างไรแต่ผมก็ต้องยอมรับโดยดุษฎีว่าผู้ชายคนนี้ดูสมบูรณ์แบบอย่างหมดจด ทั้งดวงตากลมโตคมกริบ ทั้งจมูกที่โด่งเป็นสันรับกับใบหน้าได้รูป ทั้งริมฝีปากเรียวงามสีชมพูอ่อน ทั้งหมดทำให้ผมอดรู้สึกไม่ได้ว่าพระเจ้าช่างอยุติธรรมสิ้นดี

ทำไมคนเหมือนๆกันถึงได้ถูกสร้างมาให้แตกต่างกันได้ขนาดนี้

และจะเพราะความรู้สึกผิดจากความอยุติธรรมนี้หรือไม่ พระเจ้าถึงได้ชดเชยด้วยการส่งผู้ชายที่สมบูรณ์แบบอย่างเขาให้มาหลงรักคนธรรมดาๆ อย่างผม

ในตอนนั้นต่อให้คิดจนโลกแตก ผมก็หาเหตุผลไม่ได้เลยจริงๆ ว่า “คนอย่างเขา” จะมาหลงรัก “คนอย่างผม” อย่างหัวปักหัวปำได้อย่างไร

จนต่อมาผมถึงให้คำตอบกับตัวเองได้ว่าเหตุผลเดียวที่ทำให้เราทั้งคู่ต้องมารักกันก็คือเรื่องของ.... “กรรม”

แต่คงโชคร้ายที่ดูเหมือนความรักของเราในครั้งนั้นจะเป็น “กรรมของผม” มากกว่า “กรรมของเขา”

เป็นเวลาอีกสักระยะที่ผมและทีมต่างยืนนิ่งมองตากันโดยไม่มีใครพูดอะไร จนกระทั่งเราทั้งคู่ได้ยินเสียงกรอบแกรบของใบไม้แห้งจากคนที่เดินเข้ามาในสวนทำให้ทั้งผมและทีมต่างผละออกจากกันในแทบจะทันที

“อ้าว มึงนี่เอง ไอ้บาส กูตกใจหมด” ทีมทำสีหน้าโล่งอกเมื่อเห็นว่าคนที่เดินเข้ามาคือบาส

“อ๋อ นี่มึงยังเหลือความอาย กลัวคนอื่นจะเห็นอยู่เหรอ กูเห็นยืนกอดกันกลมจนนึกว่าจะเอากันในสวนป่านี้แล้ว” บาสตอบกลับมาอย่างเจ็บแสบ

แม้จะรู้สึกไม่พอใจกับคำพูดนั้นแต่ผมก็เอาแต่ก้มหน้าเพราะสิ่งที่บาสพูดก็ไม่ได้ผิดจากความเป็นจริงที่เราทำกันเท่าไหร่นักแม้เขาจะพูดเกินเลยไปบ้างก็เถอะ

“ปากมึงนี่ แม่งจะกัดกู ก็ให้เกียรติบีเขาหน่อย” ทีมเริ่มทำเสียงดุ

“อ๋อ คร้าบบ”

บาสทำเสียงประชดแล้วหันมาพูดกับผมตรงๆ

“ ลืมไปว่ามีคุณผู้หญิงอยู่ตรงนี้ด้วย ถ้ากินแรงพวกผมด้วยการมาอี๋อ๋อกันกลางป่าจนหนำใจแล้ว ก็ได้เวลาไปทานอาหารเที่ยงแล้วคร้าบบ หรือว่าถ้าอิ่มอย่างอื่นแล้วจะจู๋จี๋กันต่อก็ได้นะ”

“พอเลยมึง ชักลามปามใหญ่แล้ว” ทีมตัดบทแล้วก้าวมาคว้ามือผมเดินออกไป

ในตอนนั้นเองที่ผมอดเงยหน้าขึ้นมามองบาสไม่ได้ซึ่งถ้าผมไม่ได้คิดไปเอง สีหน้าของบาสที่ผมเห็นในตอนนี้กำลังแสดงอาการไม่พอใจผมอย่างรุงแรงซึ่งผมก็ไม่อาจรู้สาเหตุเหมือนกันว่าเป็นเพราะอะไร

ในตอนเที่ยงวันนั้นผม และ ทีม ต่างนั่งทานอาหารด้วยกันอย่างเก็บอาการเนื่องจากไม่อยากให้ดูผิดสังเกต เพราะการที่เรา 2 คนหายกันไป 2 ต่อ 2 ตั้งนานสองนานนั้นก็น่าสงสัยพออยู่แล้ว

ทีมเองจึงไม่อยากแสดงท่าทีว่าสนใจหรือเอาอกเอาใจผมเป็นพิเศษ จริงๆแล้วคงต้องบอกว่าเขาแทบจะไม่พูดอะไรกับผมเลยด้วยซ้ำ

แต่กระนั้นผมก็คิดว่าสำหรับเขาในตอนนี้ คำพูดหรือท่าทีอื่นๆ คงไม่มีความหมายอีกแล้ว ในเมื่อตลอดเวลาที่เรากำลังทานอาหารเที่ยงกันอยู่นั้น มือของเขาแอบเกาะกุมมือของผมอยู่ใต้โต๊ะอาหารตลอดเวลา

แม้มีหลายครั้งที่ผมพยายามจะสะบัดออกแต่เขาก็ยังคงเกาะกุมมือข้างนั้นของผมเอาไว้แน่นและไม่ยอมปล่อย

จนมีครั้งนึงที่เขาจงใจเอนตัวมากระซิบข้างหูผมอย่างแผ่วเบาว่า

“ทีมจะไม่ปล่อยบีไปไหนอีกแล้ว”

-----------------------------------------









« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 10-01-2007 19:39:27 โดย b|ueBoYhUb »

ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
เอาละซี บาสนี่ชักยังไง ๆ แล้ว  :try2:

รออ่านต่อปาย  :impress:

ออฟไลน์ oaw_eang

  • Global Moderator
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2122/-586

อ๊ายๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ  :impress3:

abcd

  • บุคคลทั่วไป
 :kikkik:  ตาบาสนี่ชักยังไงๆ

ออฟไลน์ มูมู่น้อย

  • Global Moderator
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2623
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +468/-12
เค้ามาแย้วววว  ต่อเรยยยย  ให้ไว  ให้ไว  คิกคิก 

จินตนาการภาพบีนี่อ้อนแอ้นมากเลยนะเนี่ย  หุหุ   ว่าแต่บาสนี่ก็ยังไงยังไงอยู่จริง ๆ ด้วยแหละ  สงสัยชอบทีม ไม่ก็ชอบบีแหง ๆ

รอเรย์อยู่น้า   :impress:

ออฟไลน์ Junrai_Hyper™

  • พูห์น้อยกลอยใจ
  • Global Moderator
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4842
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +777/-50
บลูค้าาาบบบบบ

กว่าจะถึง 10 เมนท์ แก่ตายพอดี :serius2:


มาลงต่อนะครับ อย่าอ่านใจจะขาดแล้ว :sad5:




ปล.


เป็ดในเล้านี้ ขี้อายน๊อะ  :-[


ไม่ค่อยออกมาให้เห็นกันเลย  :confuse:


ฮากริ๊กกริ๊ก  :laugh:


พูห์

gobgab

  • บุคคลทั่วไป
ไห้ไวเลยนะคับคุณ Blue :impress2:

เห็นใจเด็กตาดำอย่างผมบ้าง :impress:

แต่อยากเป็นบีจังเลย....มีคนมารักซะขนาดนี้ :give2:

ทำไมเราไม่มีบ้าง ......................... :monkeycry2:

abcd

  • บุคคลทั่วไป
เข้ามาว๊ากกกกกกกกกกกก :serius2: :serius2: :serius2: :serius2: ยางม่ายปายถึงหน๋ายเรยเหรอ   :monkeysad:

แร้วเมื่อไหร่มานจาถึง10 เมนท์  :try2:

ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
มาปั่นให้ถึง 10 เม้นท์  :kikkik:

ออฟไลน์ ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น

  • Administrator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6853
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1320/-22
shell มาถูกทางแล้วครับ  :love2:

oaw_eang  มามะเด่วปลอบ  :yeb:

ตะแน่วกิ๋วกิ้ว ก็ต้องมีคู่แข่งบางสิครับ บีนี่เจอแต่คนดีๆนะครับ  :monkeylaugh2:

มูมู่น้อย  ชีวิตรักนี่ซับซ้อนดีนะครับ ลองเดาไปเรื่อยๆครับ ผมอยากรู้ความเห็นเพื่อนๆ  :3129:

YO_OY  คงเหมือนโยตอนนี้หรือปล่าว เอิ้กๆ  :like2:

หมูพูห์ ตามแฟนคลับมาช่วยกันเม้นสิครับ หุหุ
 :pigscare2:

GobGab ไม่มีใครหรือไม่เอาใครกันแน่หนอ น่ารักกวนๆแบบนี้แฟนตรึมแหง  :myeye:

(ตะแน๋วกิ๋วกิ้ว) ผมมาช่วยให้ครบไง  อย่างอนกันน้า  :angellaugh2:

ดูดิ shell ยังตามผมทันเลย ผมใช้คำว่า 10 เม้นท์หง่ะ

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 05-11-2006 02:25:36 โดย b|ue B[o]Y hUb »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ no-reply

  • เซียนเป็ด
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 228
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-2
    • blog พันทิป
กุมภาพันธ์ ของปีเตอร์ คอป
[wma=300,50]http://f1.podcast.blog.webs-tv.net/upload2/new/e/e/a/eead8016b7c106b9153ec8acc1bbecfb.mp3[/wma]
**********************************************************************************




.............ขอให้รักเรานั้นนิรันดร….....( 9 )

ความรักของผมเกิดขึ้นเพียง 2 ครั้งในชีวิต
รักครั้งแรกของผมมาเร็วเกินไป….แต่รักครั้งสุดท้าย กลับมาสายเกินกว่าผมจะรู้ตัว
-------------------------------------------------------

ในเย็นวันนั้นหลังจากกลับจากเข้าค่ายลูกเสือ ผมและทีมก็ได้นั่งรถโดยสารกลับบ้านด้วยกัน อันที่จริงผมรู้มานานแล้วว่าบ้านทีมและบ้านผมนั้นอยู่อำเภอเดียวกัน แต่เพราะคุณพ่อของทีมทำงานเป็นข้าราชการใหญ่อยู่ในจังหวัด ดังนั้นหลังเลิกเรียนเขาจึงมักจะไปรอพบคุณพ่อเพื่อติดรถกลับบ้านพร้อมกันเสมอ เราจึงไม่เคยกลับบ้านด้วยกันเลยสักครั้ง

แต่วันนี้จะถือเป็นครั้งแรกของอีกนับครั้งไม่ถ้วนที่เราจะนั่งรถกลับบ้านด้วยกันโดยที่ระหว่างนั่งอยู่ในรถนั้น มือของทีมยังคงแอบจับมือของผมไว้อย่างไม่ยอมปล่อยเสมือนเป็นสัญญาณว่านับตั้งแต่นี้เขาได้พันธนาการผมไว้กับตัวของเขาแล้วอย่างที่ผมไม่มีวันจะตัดขาดได้ ซึ่งโชคดีที่รถที่เรานั่งในวันนั้นเป็นรถประจำทางแบบรถบัสซึ่งนั่งได้ที่ละ 2 คนทำให้การนั่งเกาะกุมมือของเราตลอดทางในวันนั้นไม่เป็นที่สังเกตนัก

ระหว่างที่นั่งอยู่ในรถ ทีมได้สารภาพกับผมว่าในวันที่ผมระเบิดอารมณ์ใส่เขาในวันนั้น เขารู้สึกโกรธมากและรู้สึกว่าผมเป็นคนอวดดีอย่างที่สุด

เขาอดรู้สึกเสียหน้าไม่ได้ที่คนที่หน้าตาดีอย่างเขากลับถูกปฏิเสธอย่างไร้เยื่อสิ้นไยจากคนธรรมดาๆ อย่างผม

ดังนั้นในวันต่อมาเขาจึงตั้งใจว่าจะสั่งสอนผมให้รู้ว่าคนอย่างเขาสามารถหาแฟนที่ดีกว่าผมได้เป็นร้อยเท่าพันเท่า รวมทั้งจะแสดงให้เห็นว่าผมไม่ได้อยู่ในสายตาของเขาเลย

แต่ผลที่ได้กลับตรงกันข้ามเพราะเขาเองต่างหากเป็นฝ่ายที่ต้องเจ็บปวด เมื่อผมเองไม่มีท่าทีแยแสต่อความหมางเมินของเขาเลย มันทำให้เขายิ่งรู้สึกเจ็บช้ำที่เหมือนกับผมไม่ได้แคร์เขาจริงๆ แม้กระทั่งตอนที่เขาชวนผมไปกินไอติมโดยมีพี่ดาวอยู่ด้วย ผมก็กลับพูดคุยเฮฮากับคนอื่นๆ ได้อย่างไม่คิดอะไร

“ถามจริงเหอะ ไม่หึงทีมบ้างเลยเหรอ”

“ก็เราเป็นอะไรกันล่ะ ทำไมเราต้องหึงนายด้วย” ผมทำท่าเป็นไม่รู้ไม่ชี้

“แล้วไม่รู้สึกอะไรเลยใช่มั้ย ที่ทีมไม่ไปคุยด้วย ไม่เล่นด้วย” เขาพยายามคาดคั้น

“ก็...ก็ไม่เห็นจะรู้สึกอะไร”

ผมโกหกคำโตโดยไม่รู้ว่าจะเสียใจหรือดีใจดีที่หลายวันที่ผ่านมา ผมสามารถเก็บอาการได้อย่างแนบเนียนจนเขาเชื่ออย่างสนิทใจว่าผมไม่รู้สึกรู้สาอะไรกับการที่เขาทำหมางเมินกับผม

ทั้งๆ ที่ในความเป็นจริงแล้ว ผมเองก็แทบ “คลั่ง” ไม่แพ้เขา และดูเหมือนคำตอบที่ว่าผมไม่คิดอะไรนี้จะทำให้เขานิ่งไปพักใหญ่จนผมต้องพูดออกมาเพื่อทำลายความเงียบ

“แล้วเมื่อคืนมานอนที่ห้องเรา ทำไม” ผมถามขึ้นมาอย่างเบา ๆ ในสิ่งที่ค้างคาใจมาตั้งแต่เมื่อคืน

“ก็หัดคิดดูเองบ้างสิ” เขาพูดใส่ผมอย่างหงุดหงิด

“ถ้าคิดออกแล้วจะถามเหรอ นายเองก็เคยด่าว่าเราโง่นี่”

ผมพูดประชดเมื่อนึกถึงตอนที่เขาด่าผมว่าโง่เมื่อตอนที่เขาชวนผมไปกินไอติมด้วยกัน

“ก็นั่นน่ะสิ ท่าจะโง่จริงๆ”

“นี่....” ผมตวาดใส่เขาอย่างงอนๆ ที่เขาถือโอกาสด่าผม

“ก็ถ้าทีมไม่ไปนอนเฝ้า แล้วเกิดมีใครแอบมาเอาบีทำเมีย แล้วทีมจะทำยังไงล่ะ” เขาตอบออกมาโดยไม่ยอมมองหน้าผมตรงๆ

เมื่อได้รู้ความจริง ผมก็อดขำความคิดของเขาไม่ได้ แต่แค่อยากมานอนเฝ้าก็ไม่เห็นจะต้องมานอนที่ปลายเท้าเลยนี่ ...

“ตอนแรกก็กะจะฝากไอ้บาสมันน่ะนะ แต่คิดอีกที มันนั่นแหละตัวดี ทีมเลยตัดสินใจมานอนเฝ้าเองดีกว่า” ทีมอธิบายต่อ

“แสดงว่า บาสเขา....เอ่อ...รู้...”

“ใช่ ทีมเพิ่งบอกมันไปเมื่อคืนก่อนที่จะไปนอนห้องบีนั่นแหละ ว่าทีมคิดยังไงกับบี”

“แล้วเขาไม่....”

“ไม่ต้องกลัวหรอก เพราะไอ้นี่มันก็ฟันดะทั้งผู้หญิง ผู้ชายอยู่แล้ว มันไม่รู้สึกแปลกหรอกที่ทีมจะมีแฟนเป็นผู้ชาย ที่สำคัญมันเป็นเพื่อนสนิทของทีม ไว้ใจได้”

“เป็นเพื่อนสนิทกันก็คงเพราะมีอะไรเหมือนกันสินะ” ผมถามอย่างหยั่งเชิง

“ก็ถ้าหมายถึงเรื่องฟันดะทั้งผู้หญิงผู้ชายล่ะก็......ใช่ .....อย่าให้มีโอกาสแล้วกัน”

ทีมตอบมาแล้วจ้องตาผมเขม็ง ในขณะที่ผมเองแสดงสีหน้าไม่พอใจอย่างงอน ๆ ออกมาอย่างไม่รู้ตัว

“ทำไม ไม่พอใจเหรอ หรือว่าหึง”

“หึง ทำไมบีต้องหึงด้วย เราไม่ได้เป็นแฟนกันนะ” ผมพยายามเฉไฉ

“พูดถึงเรื่องนี้ก็ดีแล้ว ที่ทีมถามว่าให้โอกาสทีมได้มั้ย บียังไม่ตอบทีมเลยนะ”

“อ้าวนี่ จะถึงบ้านทีมแล้วนะ ไม่รีบไปกดออดเดี๋ยวก็เลยหรอก” ผมรู้สึกเหมือนโชคช่วยที่รถมาถึงทางเข้าบ้านทีมพอดี

“ไม่ ตอบมาก่อน” ทีมพยายามคาดคั้น

“อยากเลยบ้านไปก็ตามใจ” ผมทำท่านิ่งเงียบแสดงให้เขารู้ว่า เขาไม่มีวันได้คำตอบจากผมตอนนี้แน่

“ก็ได้ ดูสิใครจะทนกว่ากัน” ทีมตอบกลับมาอย่างไม่สะทกสะท้าน

“โอเค โอเค ก็ได้ ให้ก็ได้” ผมตอบอย่างยอมแพ้ในที่สุด เมื่อเห็นท่าทีจริงจังของเขา

“ขอบใจนะ....ที่รัก”

ทีมตอบมาอย่างผู้มีชัยแล้วเขาก็รีบลุกจากที่นั่งไปกดออด แล้วก็ลงจากรถไปในที่สุด

ตลอดช่วงเย็นไปจนถึงตอนดึกในวันนั้นผมได้แต่อมยิ้มอย่างมีความสุขทุกครั้งที่นึกเรื่องราวระหว่างผมกับทีมที่ดูเหมือนว่าในที่สุดเราทั้งคู่ก็ได้ลงเอยกันได้เสียที

แม้บางครั้งผมออกจะกลัวในบางครั้งเมื่อนึกถึงว่าวันข้างหน้าว่าเราจะต้องจะเจอกับอุปสรรคอะไรบ้าง หรือความรักครั้งนี้จะยืนยาวไปแค่ไหน แต่เมื่อนึกถึงความสุขที่ผมมีในตอนนี้ เรื่องของอนาคตข้างหน้าก็เป็นสิ่งที่ผมไม่อยากจะสนใจนึกถึงอีก

“ฮัลโหล” ผมตื่นมารับโทรศัพท์ที่ดังขึ้นมาราว 5 ทุ่มกว่าๆ

“นอนหรือยัง” เสียงของทีมจากปลายสายดังขึ้น

“โทร. มาทำไมตอนนี้เนี้ย ” ผมตอบอย่างงัวเงีย

“ก็มันนอนไม่หลับ”

“ตัวเองนอนไม่หลับก็เลยจะไม่ให้คนอื่นนอนด้วยหรือไง แล้วเราจะไปช่วยอะไรนายได้”

“ช่วยได้สิ ก็ทีมคิดถึงบีนี่ ก็เลยคิดว่าถ้าโทรมาฟังเสียงบี ทีมก็คงหลับลงได้” เป็นอีกครั้งที่ทีมทำให้ผมอดยิ้มอย่างมีความสุขไม่ได้

“สรุปว่าตอนนี้เราเป็นแฟนกันแล้วใช่มั้ย” ทีมพูดมาอีกครั้งหลังจากที่เห็นผมเงียบไป

“เป็นแฟนอะไรกัน ใครบอก”

“อ้าว ก็ไหนว่าให้โอกาสทีมแล้วไง” ทีมเริ่มทำเสียงหงุดหงิด

“ก็บอกว่าให้โอกาส แต่ไม่ได้บอกว่าจะเป็นแฟน”

ถ้านี่คือประโยคที่แสดงถึงความเอาแต่ใจตัวเองของผม ทีมก็คงจะได้ยินประโยคที่แสดงถึงนิสัยเสียข้อนี้ของผมอีกนับครั้งไม่ถ้วน

“นี่ จะหาเรื่องกันหรือไง ” เขาตะคอกผ่านมาทางโทรศัพท์จนผมรู้สึกได้ว่าเขากำลังโกรธจัด

“ก็ถ้านายยังทำตามสัญญาไม่ได้ว่าจะเลิกหยาบคายและป่าเถื่อนใส่เราอย่างเช่นที่นายตะคอกใส่เรามาครู่ ก็อย่าหวังมาเป็นแฟนเราเลย”

ดูเหมือนทีมเองก็รู้เช่นกันว่าเขาเองเป็นฝ่ายพลาดไป
แล้ว “ก็ได้ ก็ได้ แล้วจะเอาไง” เสียงของเขาอ่อยลงอย่างเห็นได้ชัด

“ก็ต้องดูต่อไปว่านายเปลี่ยนตัวเองได้อย่างที่พูดจริงหรือเปล่า”

“ อย่างงั้นก็ได้ ตอนนี้อะไรก็ยอมหมดแหละ รักไปแล้วนี่” ทีมตอบกลับมาอย่างไม่มีทางเลือก

“ถ้าไม่มีอะไรแล้ว เราไปนอนล่ะ” ผมพยายามตัดบทเพราะยิ่งคุยก็ยิ่งรู้สึกเขินมากขึ้นทุกที

“เดี๋ยว”

“อะไรอีกล่ะ”

“หลับฝันดีนะ ฝันถึงทีมด้วยล่ะ”

“ถ้าฝันถึงนาย จะเรียกว่าฝันดีได้ไง ต้องเรียกว่าฝันร้ายสิ” ผมแกล้งแหย่

“ก็ลองฝันถึงผู้ชายคนอื่นที่ไม่ใช่ “ทีม” ดูสิ รับรองบีได้ฝันร้ายจริงๆ แน่”

ว่าแล้วก็เขาก็กระแทกโทรศัพท์ลงอย่างลืมตัวจนผมต้องรีบเอาหูโทรศัพท์ออกจากตัว พลางอดคิดไม่ได้ว่าผู้ชายคนนี้จะแก้นิสัยอารมณ์ร้อนและโผงผางของตัวเองได้จริงๆ หรือเปล่า

แต่จริงๆแล้วในตอนนี้ไม่ว่านิสัยของเขาจะเป็นอย่างไร ผมก็อดรู้สึกหลงรักเขาเข้าแล้วอย่างปฏิเสธไม่ได้

ในคืนนั้นผมกลับเข้านอนอีกครั้งอย่างมีความสุข พลางอดคิดไม่ได้ว่า “ไม่ว่าความฝันในค่ำคืนนี้ของผมจะเป็นฝันดี หรือฝันร้าย ผมก็ขอแค่ให้มี “เขา”

ขอให้มีผู้ชายที่ชื่อ “ทีม” อยู่ในความฝันนั้นด้วยก็เป็นพอ

-------------------------------------------------------

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 05-11-2006 02:31:49 โดย ปลายยอดไผ่ »

abcd

  • บุคคลทั่วไป
 :yeb:  :yeb:  :yeb: ม่ายยอมนอน เพราะรออ่านของคุณบลู  คิกคิก   ตะแน๋วรู้คุณบลูม่ายจายร้ายกะคนอ่านหรอก  :impress:

แม๋แต่กว่าลงให้ได้เล่นเอาดึกเหมือนกานนะ พรุ่งนี้ตะแน๋วมีนัดแต่เช้าด้วย เปงหมีแพนด้าอีกแระ

ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
แหม บีนี่เอาแต่ใจตัวไม่ใช่เล่นนะนี่  :try2: ชักสงสารทีมขึ้นมาซะแล้วซี แถมมีบาสเป็นตัวแปรอีก มีลุ้น  :like2:   :like2:

รออ่านต่อไป  :impress:

ขอบคุณมากค้า ที่เอามาลงให้อ่านกัน  :myeye:


Aki_Kaze

  • บุคคลทั่วไป
อุ๊ย อุ๊ย อุ๊ย อุ๊ย

จาร้องทามมายเนี่ย -*-

ออฟไลน์ มูมู่น้อย

  • Global Moderator
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2623
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +468/-12
แหม  บีนี่ก็นะ  แหมทำเล่นตัวใช่เล่นนะเนี่ย  อิอิ  เหมือนเป็นผู้หญิงจริง ๆ อะ  แบบเวลาใครมาจีบตอนแรกต้องทำตัวแบบเหมือนไม่สนใจ  หุหุ   ไม่ไหวเล้ยยยย    ทีมเลยได้ใจไปเรยยยตอนนี้   

งงอากิอะ  ทำไมต้องร้องด้วยเหรอ  มันจะมีอะไรเหรอ  ไม่เอาน้า  เค้ากลัวเศร้า ฮือ ฮือ  :monkeysad:

เรย์  รออยู่เหมือนเดิมคะ  มาต่อเรยยย   :impress:

ออฟไลน์ Junrai_Hyper™

  • พูห์น้อยกลอยใจ
  • Global Moderator
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4842
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +777/-50
แทงยู เรย์  :laugh:



ปล.


ไปแล้น

ซื้อของอีกมากมาย อยากได้คนช่วยถือจัง

พูห์

FlukeHub

  • บุคคลทั่วไป
อ่ะ...สนุกๆๆ

ต่อเร็วๆนะฮับ  ผมรออ่านอยู่

ออฟไลน์ ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น

  • Administrator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6853
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1320/-22
(ตะแน๋วกิ๋วกิ้ว) ป่าวหนา ก็ตะแน๋วกิ๋วกิ้ว กับพูห์บอกอ่านไม่ทันหง่ะ หุหุก็เลยรอเพื่อนๆอ่านให้ทันกันอ่ะ   :muplu:

YO_OY  ผมหลงรักตัวละครสองตัวในเรื่องนี้มากมาย ถ้าหากมีโอกาสได้รู้จักพวกเขาผมถือว่าเกิดมาชาตินี้คุ้มแล้วเลยหล่ะครับ แหมจะแก้ไขอดีตอะไรไม่ได้ ผมก็อยากลองดู หัวใจที่เปี่ยมด้วยรัก แม้มันจะบอบช้ำก็ไม่อาจทำลายมัน ดังเพชรในโคลนตม เมื่อเอามาล้างมันก็ยังเป็นเพชรอยู่ดี
เอ่อพูดไรไม่ได้แล้วน้ำตาจะร่วงเหมือน Aki_Kaze   :20470030:

shell  เอิ้กๆ ก็คงต้องมีบ้างหง่ะ แฟนนะไม่ใช่แมว คิกคิก ต้องเลือกกันหน่อย  :love2:

มูมู่น้อย เล่นตัวเหมือนใครบ้างคนหรือปล่าวน้า เอิ้กๆ  :kikkik:

หมูพูห์  คนช่วยถือหนีไปไหนหล่ะ ได้ข่าวว่ามีแล้วนี่น่า คิกคิก นู้นนู้น ตามมาแล้ว YO_OY  อย่าตืบกันหล่ะ เอิ้กๆ  :pigscare2:

FlukeHub  เอ่อ ทำไมอ่านเก่งจัง อ่านวันหนึ่งหลายเรื่องเลยหรือ  :really2:  :myeye:

*******************************************************************************

.............ขอให้รักเรานั้นนิรันดร….....( 10 )

ความรักของผมเกิดขึ้นเพียง 2 ครั้งในชีวิต
รักครั้งแรกของผมมาเร็วเกินไป….แต่รักครั้งสุดท้าย กลับมาสายเกินกว่าผมจะรู้ตัว
-------------------------------------------------------

หลังจากเหตุการณ์เมื่อคืน แม้ผมจะปฏิเสธทีมว่าความสัมพันธ์ของเราไม่ใช่ “แฟน” แต่โดยพฤติกรรมในเวลาต่อมาของเราทั้งคู่ก็ไม่อาจมองเป็นอย่างอื่นได้

หลังจากวันนั้นทีมจะโทร. มาคุยกับผมเป็นกิจวัตรจนทั้งคุณพ่อและคุณแม่ของผมสามารถจำชื่อและจำเสียงของเขาได้อย่างแม่นยำ

และเมื่อช่วงเวลาปิดเทรมใหญ่มาถึงเขาก็หมั่นมาหาผมที่บ้านบ่อยครั้ง ทั้งมานั่งพูดคุย มาทานข้าว หรือแม้กระทั่งมานั่งมานอนดูทีวีเฉยๆ จนหลังๆเขาสามารถเดินเข้าออกบ้านผมเสมือนหนึ่งเป็นสมาชิกในครอบครัวของผมไปแล้ว

โชคดีที่ทั้งคุณพ่อ และคุณแม่ของผมไม่ได้ระแคะระคายความสัมพันธ์ของผมกับทีมเลย ท่านทั้งคู่ต่างรับรู้ว่าทีมคือ “เพื่อนสนิทที่สุด” ของลูกชาย

ในช่วงเวลาที่เราได้อยู่ด้วยกันบ่อยขึ้นนั้นเองที่ทำให้ผมได้รู้จักเขาเพิ่มขึ้นว่า แม้พฤติกรรมภายนอกของทีมจะดูเป็นคนปากตรงกับใจ ตรงไปตรงมา โผงผางและใจร้อน แต่ที่จริงแล้วเขาเป็นคนโรแมนติกอย่างมากรวมทั้งมีมุมมองความรักที่ค่อนข้างอุดมคติ และจริงจังกับความรักสุดๆ

ทีมพยายามแสดงความรักกับผมอย่างไม่ปิดบังแทบจะในทุกที่ทุกโอกาส ไม่ว่าจะเป็นคำพูดหวานหูที่ผมฟังไม่เคยเบื่อ

เวลาที่เรานั่งอยู่ด้วยกันหรือไปไหนมาไหนด้วยกัน เขาก็ชอบที่จะจับมือของผมไว้ จนหลังๆเมื่อความสัมพันธ์ของเราเริ่มไปไกลมากขึ้นเขาก็เริ่มเอามือมาโอบไหล่ โอบเอว หรือแม้กระทั่งแอบหอมแก้มผมอยู่เสมอซึ่งพฤติกรรมเช่นนี้ค่อนข้างทำให้ผมรู้สึกไม่ค่อยสบายใจ

ถ้าความรักของเขาเป็นความรักที่เต็มไปด้วย “อารมณ์และความรู้สึก” จนน่าอึดอัด

ความรักของผมก็เป็นความรักที่เต็มไปด้วย “เหตุผล” จนน่ารำคาญ

นับวันผมค่อนข้างจะต้องระมัดระวังพฤติกรรมของตัวเองมากขึ้น เพราะตั้งแต่ที่เราได้เลื่อนชั้นมาอยู่ชั้น ม. 2 นั้นผมก็ได้รับเลือกจากเพื่อนๆ ด้วยคะแนนเสียงท่วมท้นให้เป็นหัวหน้าห้อง ขณะที่ก่อนหน้านั้นผมก็ได้รับการคัดเลือกเป็นนักเรียนดีเด่นของชั้น ม. 1
ดังนั้นชื่อของผมจึงเป็นที่รู้จักกันเป็นอย่างดีในหมู่อาจารย์ รวมทั้งนักเรียนบางส่วนด้วย

ผมจึงอดรู้สึกไม่ได้ว่าพฤติกรรมต่างๆของผมคงต้องถูกจับตามองจากคนรอบข้าง ผมจึงพยายามระมัดระวังเรื่องของผมกับทีมไม่ให้กระโตกกระตากมากนัก อย่างน้อยๆ ผมก็คิดว่าเรื่องของเราน่าจะเป็นที่รับรู้กันเฉพาะในหมู่เพื่อนสนิทก็พอ

แต่นั่นเป็นความคิดที่แตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับสิ่งที่ทีมคิด

“ทำไมต้องคอยขัดใจทีมอยู่เรื่อยเนี้ย จับนิดจับหน่อยทำเป็นหวงตัวไปได้ หลายครั้งแล้วนะ” ทีมพูดออกมาอย่างเหลืออด

“ไม่ได้หวงตัว แต่อย่าทำให้คนอื่นเห็นได้มั้ย”

ผมพยายามแก้ตัวที่ไม่ยอมให้เขาเอามือมาโอบเอวผมไว้ระหว่างที่เรากำลังเดินลงจากอาคารเรียนมาด้วยกัน

“ทำไม ถ้าคนอื่นเห็น แล้วจะทำไม ใคร ๆ ก็รู้ว่าเราเป็นแฟนกัน”

“ไม่ใช่หรอก จริงๆแล้ว ไม่มีใครรู้เลยว่าเราเป็นอะไรกัน” ผมแย้ง

“ก็นั้นไง ถึงต้องยิ่งทำให้คนอื่นรู้ไง” เขาไม่ยอมแพ้

“ทีมก็รู้ว่าทั้งอาจารย์ ทั้งนักเรียนเขารู้จักเราจนจะทั่วทั้งโรงเรียนอยู่แล้ว แล้วเขาจะคิดยังไงที่อยู่ดีๆเกิดมีคนมาเห็นว่าเรามาเดินโอบเอว โอบไหล่กับเพื่อนผู้ชายโชว์กันอยู่ในโรงเรียนน่ะ”

ผมพยายามใช้เหตุผลซึ่งดูเหมือนไม่มีประโยชน์อะไรเลยสำหรับผู้ชายคนนี้

“อ๋อ บีมันคนเด่น คนดัง ทีมมันคนโนเนมละสิ”

“เราไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น” ผมตอบกลับไปอย่างเหนื่อยใจ

เป็นอีกครั้งที่การถกเถียงของเราต้องจบลงอย่างไม่มีข้อสรุปและต่างฝ่ายต่างต้องเลิกรากันไปเองอย่างงอนๆ

จริงๆ แล้วผมเองก็อดรู้สึกชื่นชมเขาไม่ได้ที่เขากล้าแสดงความรักหรือความสัมพันธ์ของเราอย่างเปิดเผย เพราะ ทีมเองก็ไม่ใช่คนโนเนมเลย

เอาเข้าจริงในหมู่นักเรียนด้วยกัน เขาอาจจะโด่งดังกว่าผมเสียด้วยซ้ำ

ทีมได้ชื่อว่าเป็นผู้ชายที่ติดทำเนียบหนุ่มหล่อของโรงเรียนนับตั้งแต่วันแรกที่เขาก้าวย่างเข้ามาเรียนที่นี่แล้ว
จึงไม่แปลกที่ชื่อของเขาจะได้รับการแพร่กระจายไปในหมู่สาวแท้ สาวเทียมอย่างรวดเร็วจนหลายครั้งผมอดรู้สึกไม่ได้ว่ามีนักเรียนรุ่นพี่หลายคนตั้งใจเดินผ่านมาที่ห้องของผมก็เพียงเพื่อจะมาให้เห็นกับตาว่านักเรียนคนไหนกันที่ชื่อ “ทีม”

แต่โชคดีที่ไม่ว่าเราจะขัดแย้งกันอย่างไร การทะเลาะกันแต่ละครั้งก็ไม่ได้ส่งผลกับความสัมพันธ์ของเรามากนัก เพราะการ “ทะเลาะ” และ “งอน” กันนั้นได้ถือเป็นส่วนหนึ่งของความสัมพันธ์ของเราทั้งคู่ไปแล้วอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

จริงๆ แล้ว ผมกับทีมยังมีนิสัยและความคิดที่แตกต่างกันอยู่หลายเรื่อง จึงเป็นธรรมดาที่เรามักจะขัดแย้งกันในเรื่องต่างๆอยู่เสมอ และคงเป็นความโชคดีที่ทีมมักจะเป็นฝ่ายยอมให้ผมทุกครั้ง ความสัมพันธ์ของเราจึงยังคงเดินหน้าต่อไปได้

ในขณะที่ผมเองกลับไม่เคยยอมให้เขาเลยแม้แต่สักครั้งเดียว อย่างกรณีเรื่องของการแสดงความรักให้คนอื่นเห็นที่แม้เขาจะไม่เห็นด้วยกับผม แต่ผมก็สังเกตว่าเมื่อผมแสดงอาการงอนและโกรธอย่างจริงๆ จังๆ เขาก็ลดและเลิกพฤติกรรมนั้นลงไปในที่สุด แต่ก็ไม่วายไปชดเชยด้วยการไปทำพฤติกรรมนี้ในเวลาที่เราอยู่ด้วยกันแค่ 2 ต่อ 2 มากขึ้น

บางครั้งผมก็อดคิดไม่ได้ว่าเรื่องที่เราทะเลาะกันนั้นแสนจะเป็นเรื่องจุกจิกสำหรับผม แต่สำหรับทีมแล้วดูเหมือนมันจะเป็นเรื่องใหญ่มาก อย่างเช่นเรื่อง “คำสรรพนามแทนตัว” เป็นต้น

“เมื่อไหร่จะเลิกใช้คำว่า...เรา..กับ...นาย..สักทีเนี้ย ทนฟังมานานแล้วนะ”

ทีมเปิดฉากชวนผมทะเลาะในบ่ายวันหนึ่ง

“ทำไมล่ะ ใช้เรา กับ นาย มันไม่ดีตรงไหน”

“ฟังดูไม่สมกับคนเป็นแฟนกันเลย มันดูห่างเหิน ไม่รู้สึกเหรอ”

“ไม่เห็นรู้สึกเลย เราก็พูดกับนายแบบนี้มาตั้งนานแล้ว”

“บอกว่าไม่ให้ใช้ไงเล่า”

“แล้วจะให้ใช้อะไรล่ะ”

“แกล้งโง่ หรือโง่จริงๆ เนี้ย”

“ทีม....”ผมขึ้นเสียงใส่เขาเพราะอดรู้สึกไม่ได้ว่าเขาหาโอกาสด่าผมว่าโง่อีกแล้ว

“นั่นไง ก็เรียกชื่อเล่นสิ บีทีม บีทีม อย่างเงี้ย พูดได้มั้ย”

“ไม่เอาอะ มันไม่ชินปาก”

“แล้วทำไมทีกับไอ้กอล์ฟ ทำไมบีถึงทำได้ล่ะ”

เป็นอีกครั้งที่ดูเหมือนการปฏิบัติตัวระหว่างผมกับกอล์ฟจะถูกนำมาเป็นบรรทัดฐานระหว่างความสัมพันธ์ของผมกับทีมมาโดยตลอด อะไรที่กอล์ฟได้ ทีมก็ต้องได้ด้วย

“วกไปหา กอล์ฟอีกแล้วนะ” ผมพูดอย่างอ่อนใจ

“แล้วบีก็จะเริ่มปกป้องมันอีกล่ะสิ เป็นอย่างนี้ทุกที”

ถึงตรงนี้ผมจึงต้องยอมตัดบทด้วยการรับปากว่าจะทำตามใจเขา เพราะผมรู้ดีว่าคำว่า “กอล์ฟ” ถือเป็นคำแสลงสำหรับความสัมพันธ์ของเราเป็นอย่างยิ่ง

ไม่ว่าเอ่ยชื่อนี้ขึ้นมาเมื่อใด เราจะต้องทะเลาะกันอย่างใหญ่โตทุกครั้งซึ่งผมคิดว่ามันไร้สาระมาก

วันนี้ผมจึงเป็นฝ่ายยอมเขาเป็นครั้งแรกเพราะไม่อยากจะให้คู่ของเราต้องมามีปัญหาเพียงเพราะเรื่องที่ว่าจะใช้คำแทนตัวว่าอะไร พลางอดคิดไม่ได้ว่าผู้ชายคนนี้พยายามทำให้ความรักของตัวเองสมบูรณ์แบบที่สุด ไม่ว่าจะแง่มุมไหนก็ตาม

นอกจากเรื่องความโผงผางใจร้อนแล้ว สำหรับทีม เขาก็เป็นคนที่ “ขี้หึง” อย่างร้ายกาจและแน่นอนว่าคนที่ถูกขึ้นบัญชีดำหมายเลข 1 สำหรับเขา ย่อมหนีไม่พ้น “กอล์ฟ”

“บี วันนี้กลับบ้านด้วยกันนะ”

“อืม...” ผมตอบไปสั้นๆ

ตอนนี้ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรแล้วที่เราจะกลับบ้านด้วยกัน เพราะตั้งแต่เริ่มคบกัน บีก็ไม่ค่อยไปติดรถพ่อกลับบ้านอีก แต่เขาจะมานั่งรถกลับบ้านพร้อมกับผมเสมอ

“แต่ว่าวันนี้กลับเย็นหน่อยนะ”

“ทำไมละ”

“ก็วันนี้ทีมมีคิวซ้อมบอลไง แล้วตั้งแต่เริ่มซ้อมมา บีก็ไม่เคยไปดูเลยนะ”

“ก็ ไม่ได้ลงแข่งจริงซะหน่อยนี่”

“ก็นั่นแหละ หัดไปดูแฟนตัวเองซ้อมบ้าง มันเป็นหน้าที่ที่แฟนที่ดีควรจะทำนะ ทีคนอื่นเขายังไปให้กำลังใจกันเลย อย่างแก้วไง ทีมก็เห็นไปเชียร์ไอ้กอล์ฟมันบ่อยๆ”

ผมรู้สึกว่าทีมตั้งใจยกกรณีแก้วกับกอล์ฟมาเป็นตัวอย่างเพื่อให้ผมรู้ว่า...คนคู่นี้เขายังรักกันดีอยู่

“ก็เอาสิ”

ในเย็นวันนั้นผมก็เลยตามทีมไปที่สนามฟุตบอลแล้วก็ไปนั่งดูเขาซ้อมกับคนอื่นๆ ซึ่งออกจะเป็นเรื่องน่าเบื่อสำหรับผม

และในขณะที่ทีมอยู่ในสนามนั้น ผมก็ต้องคอยทำหน้าที่ส่งยิ้มให้กับทีมที่ดูเหมือนจะหันมาโบกไม้โบกมือให้ผมเป็นระยะๆ พลางอดบ่นอย่างเบื่อๆ กับตัวเองไม่ได้ว่า “นี่น่ะเหรอ พฤติกรรมที่แฟนที่ดีต้องทำ”

เมื่อคิดถึงตรงนี้ผมก็อดมองหาแก้วไม่ได้ว่าวันนี้เธอจะมาเชียร์กอล์ฟหรือเปล่า แต่มองหาเท่าไหร่ผมก็ไม่เห็นว่าเธอจะมาอยู่ที่นี่ด้วย

“ลมอะไรหอบบีมาถึงสนามบอลเนี้ย”

เสียงพูดอย่างกระหืดกระหอบของกอล์ฟทำให้ผมต้องหันกลับมามองเขาอย่างตกใจ

“อ๋อ ปล่าว พอดีทีมเขาชวนมาดูเขาซ้อมน่ะ”

“ว้า ผิดหวังจัง นึกว่ามาเชียร์กอล์ฟเสียอีก ”

“ใครจะกล้า เดี๋ยวแก้วก็มาแหกอกบีหรอก อืม แล้วแก้วไม่มาเหรอ”

“ปล่าว...”

คำตอบนั้นทำให้ผมอดรู้สึกไม่ได้ว่ากอล์ฟมีสีหน้าเศร้าลงเล็กน้อย ก่อนที่จะพยายามพูดเปลี่ยนเรื่อง

“งั้นก็จริงอย่างที่เขาลือกันสินะ เรื่องบีกับทีม”

“ลือว่าอะไรเหรอ”

ผมถามกลับไปด้วยสีหน้าไม่ดีนัก การเป็นเป้าหมายของข่าวลือทำให้ผมรู้สึกไม่สบายใจโดยเฉพาะเป็นเรื่องของผมกับทีมด้วยแล้ว เป็นไปได้มั้ยที่เขาจะรู้กันแล้วว่าผมกับทีมเป็นอะไรกัน ถ้าเป็นจริง สิ่งที่ผมกลัวก็เกิดขึ้นจนได้

“ก็ไม่มีอะไรหรอก เขาลือกันว่าตอนนี้บี เป็นเพื่อนสนิทของ ทีมน่ะ ”

“อืม ใช่”

ผมค่อยๆถอนหายใจอย่างโล่งอก พลางรู้สึกสบายใจที่ข่าวมันมีแค่นั้นเพราะในความเป็นจริงผมก็มีนิสัยและพฤติกรรมเหมือนผู้ชายธรรมดาทั่วไป ดังนั้นนอกจากเพื่อนสนิทแล้วจึงไม่มีใครรู้เลยว่าผมเป็นเกย์ ผมเลยเชื่อว่าคนส่วนใหญ่คงเชื่ออย่างสนิทใจว่าผมกับทีมเป็นแค่เพื่อนสนิทกันจริงๆ

แต่ผมรู้ดีว่ากอล์ฟคงไม่คิดอย่างนั้น ผมจึงรีบเปลี่ยนเรื่อง

“แล้วกอล์ฟไม่ต้องซ้อมเหรอ”

“อ๋อ ออกมาพักน่ะ จะให้วิ่งอยู่ในสนามตลอดเวลาได้ไง กอล์ฟ ไม่ใช่ซูเปอร์แมนนะ”

กอล์ฟพูดออกมาพลางส่งยิ้มให้ผมอย่างจริงใจ และดูเหมือนรอยยิ้มของผู้ชายคนนี้ได้ทำให้ผมอดรู้สึกหวั่นไหวไม่ได้

“เฮ้อ ทีมฟุตบอลเราเนี้ยไม่ไหวเลยนะ ไม่มีสาวๆมาคอยเสิร์ฟน้ำเลย ” กอล์ฟแกล้งพูดออกมาลอยๆ

“ไม่ต้องถึงมือสาว ๆ หรอก เรื่องแค่นี้เดี๋ยวบีทำให้ก็ได้” ผมพูดพลางหัวเราะอย่างรู้ทัน

ว่าแล้วผมก็หันหลังกลับไปคว้าแก้วน้ำที่วางอยู่ใกล้ๆแล้วเอาไปตักน้ำในกระติกมาเสียเต็มแก้ว แต่พอหันหลังกลับมาเพื่อจะยื่นส่งให้กอล์ฟกลับมีอีกมือหนึ่งมาคว้าไปดื่ม

“ขอบใจนะ บีเนี้ยรู้ใจทีมจริงๆ เลย กำลังหิวน้ำพอดี”

ทีมพูดประโยคนี้ออกมาพลางส่งสายตาอาฆาตแค้นอย่างที่สุดมาให้ผม แล้วก็ดื่มน้ำแก้วนั้นไปจนหมดแก้ว

“เอ่อ กอล์ฟว่ากอล์ฟกลับไปซ้อมต่อดีกว่านะ” กอล์ฟหันมาบอกผมเมื่อเห็นสถานการณ์ไม่สู้ดี

“อ้าว แล้วไม่กินน้ำก่อนเหรอ” ผมพยายามถามกอล์ฟแต่เขาก็วิ่งกลับเข้าไปในสนามเสียแล้ว

“ถึงไม่กิน มันก็ไม่ตายหรอกน่า....” ทีมพูดอย่างฉุนเฉียวแล้วก็วิ่งตามกอล์ฟกลับเข้าไปในสนาม

ทั้งคู่ใช้เวลาซ้อมร่วมกันอีก 20 นาทีซึ่งในเวลานั้น ผมสังเกตว่ากอล์ฟกับทีมค่อนข้างปะทะกันบ่อยครั้ง โดยมีครั้งหนึ่งที่ผมอดรู้สึกไม่ได้ว่า....ทีมตั้งใจวิ่งไปกระแทกกอล์ฟอย่างจงใจ

จนในที่สุด.....ผมก็ได้ยินเสียงโค้ชเป่านกหวีดเลิกซ้อมแล้วก็เรียกนักฟุตบอลทั้งหมดมาประชุม โดยใช้เวลาเล็กน้อยบอกจุดบกพร่องของการซ้อมในวันนี้แล้วก็ให้ทุกคนแยกย้ายกันกลับบ้านได้

ก่อนกลับบ้านกอล์ฟก็ไม่ลืมที่จะเดินมาบอกลาผม ในขณะที่ทีมกลับเดินมาหยิบกระเป๋าและก็เดินออกไปโดยไม่พูดอะไรเลย

ผมจึงต้องเดินตามเขาไปอย่างเงียบ ๆ เพราะในเวลานั้นยังมีนักฟุตบอลคนอื่นๆอยู่ในบริเวณนั้นด้วย

ผมเดินตามทีมไปได้สักพัก ทีมก็นั่งลงที่ม้านั่งใกล้ห้องสมุดโดยเอาแต่นิ่งเงียบ ไม่ยอมพูดอะไรทั้งสิ้น
ผมรู้ดีว่าวันนี้ผมเองก็มีส่วนผิดที่ยังมีท่าทีทอดไมตรีให้กับกอล์ฟ ซึ่งนั่นคงจะทำให้เขาหึงมาก ผมจึงตัดสินใจเป็นฝ่ายง้อด้วยการเดินไปหาเขาที่บัดนี้กำลังนั่งหันหลังให้แล้วเอามือบีบนวดที่ต้นคอเขาเบาๆ

“เมื่อยเหรอ หรือว่าเหนื่อย” ผมถามออกมาเบาๆ

“เผลอเป็นไม่ได้เลยนะ ตกลงวันนี้มาเชียร์ทีมหรือไอ้กอล์ฟกันแน่”

ทีมพูดออกมาโดยไม่หันมามองหน้าผม

“มันไม่ใช่อย่างที่ทีมคิดนะ บีไม่ได้คิดอะไรกับกอล์ฟแล้ว เขาแค่ขอน้ำดื่ม บีก็ไปตักให้ มันก็แค่นี้”

ผมพยายามอธิบาย แต่เมื่อเห็นทีมยังคงทำนิ่งอยู่ ผมจึงพูดประชดออกมา

“ไม่เชื่อก็ตามใจ งั้นบีกลับล่ะ”

ในเวลานั้นเองที่ทีมหันหลังกลับมาแล้วก็คว้ามือของผมไปจับเอาไว้ก่อนที่จะค่อยๆ เอามือทั้ง 2 ข้างของเขามาประกบไว้ด้วยความรักก่อนจะพูดออกมาว่า

“ทีมเชื่อใจบีนะ บีจะไม่มีวันทำให้ทีมต้องเสียใจใช่มั้ย”

ผมค่อยๆ พยักหน้าเป็นการยืนยันกับทีม แต่ภายในใจนั้นกลับไม่รู้สึกมั่นใจเอาเสียเลยว่าผมจะสามารถรักษาสัญญาที่ให้ไว้กับทีมได้หรือไม่

-----------------------------------------------

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 10-01-2007 19:40:25 โดย b|ueBoYhUb »

ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
ชักเริ่มสงสารทีมขึ้นมาบ้างแล้วละ  :impress:  ยอมบีทุกอย่างเลย..เฮ้อ  :try2:


รออ่านต่อไป  :monkeysad:

ออฟไลน์ Junrai_Hyper™

  • พูห์น้อยกลอยใจ
  • Global Moderator
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4842
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +777/-50
"ความรักเหมือนโรคา บันดาลตาให้มืดมัว" :seng2ped:


เอ้ออออออ


บอกไม่ถูกคับ ว่ารู้สึกยังงัย







ปล.


มาต่อให้ว่องเลยนะ บลู


พูห์

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






beaches

  • บุคคลทั่วไป
Re: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรั&#
«ตอบ #50 เมื่อ06-11-2006 12:51:37 »

 :monkeysad2:

ถ้าไม่รบกวนจนเกินไป เป็นไปได้ไหมครับที่คุณบอย บลู ช่วยลงทีละหลายๆ ตอนในทีเดียว
เพราะเวลาแห่งการปิดเทอมของผมใกล้หมดลงทุกขณะ  กลัวไม่ได้เข้ามาติดตามอ่านบ่อยๆ เช่นเคย
ถ้าพลาดไปเสียดายแย่

ตอนนี้มี part 2 ของเรื่องนี้แล้ว   แต่ยังไม่อยากอ่าน
อยากรออ่านทีเดียวหลังจากอ่าน part แรกจบ กลัวมันไม่ต่อเนื่องกัน

ขอบพระคุณมากๆ ครับ

*** ถามนิดนึงครับ
 part แรกมีทั้งหมดกี่ตอนอ่ะครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 06-11-2006 12:53:36 โดย beaches »

ออฟไลน์ มูมู่น้อย

  • Global Moderator
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2623
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +468/-12
รักกัน  แต่แสดงออกว่ารักกันไม่ได้นี่มันอึดอัดเนอะ  น่าสงสาร  สงสารทีมมม  สงสารบี (น้อยกว่าทีมนิดหน่อย อิอิ)   :impress3:

เรื่องนี้มีคนตามอ่านอยู่เยอะเหมือนกันนะเนี่ย  ที่จริงเรื่องบ้านพักอลเวงก็สนุกน้า  ถ้ามีเวลาอ่านกันดิ  แนะนำ  แนะนำ

เรย์มาต่อเรยยยย  รออยู่   :impress:

ออฟไลน์ ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น

  • Administrator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6853
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1320/-22
 YO_OY  ผมว่าถ้าผมเป็นโย ผมดีจายมากกว่านะครับ ที่อย่างน้อยก็มีความทรงจำที่สวยงาม ยากที่ใครบางคนจะมีได้  :monkeysad:

shell  สงสารทีมหรือครับ แล้วไม่สงสารก๊อฟบ้างหรือครับ เอิ้กๆ   :monkeycry2:

หมูพูห์ มาอย่างว่องเลยครับ ทำไมหรือ งั้นพูห์ก็เป็นโรคบ่อยๆดิ กร๊ากๆๆ  :laugh:

beaches  ผมจะพิจารณาและพยายามครับ อย่างที่ผมบอกไป เรื่องนี้ถ้าใครอ่านแบบลวกๆๆทีเดียวจบ  :pigangry2:

ผมเสียดายเรื่องราวที่แสนวิเศษนี้ที่จะผ่านเลยไปโดยที่คุณไม่เข้าถึงมัน  :monkeysad2:

บอกอีกครั้งนะครับ ว่าอ่านหลายๆรอบได้ จำรายละเอียด บทสนทนาได้คุณจะเข้าถึงอารมณ์ของเรื่องเมื่อเข้าภาค2  :impress3:

เพราะมีการย้อนอดีตที่แสนเจ็บปวด

 พูดอย่างไรดีถึงจะเห็นภาพ รู้แต่ว่าหัวใจผมที่มีแต่บาดแผล โดนเรื่องนี้ทำให้บาดแผลลึกลงไปอีก
จนแทบมีชีวิตต่อไปไม่ไหว  :monkeysad2:

ไม่ทราบว่าเปิดเทอมเมื่อไหร่ครับ ภาคที่1 มี 29 ตอน
ผมจะลองพิจารณาดูว่าถ้าเพื่อนๆทั้งหมดคอมเม้นต์มาแล้วผมจะตอนต่อไปทันที
วันนี้ลงให้ก่อนละกัน แม้ว่าหลายคนยังไม่ได้อ่าน
แต่ถ้ารอ คงต้องรอตะแน๋วกิ๋วกิ้วที่จะมาตอนตีสองแหนะ เอิ้กๆ  :kikkik:

ปล.งอนแล้ว ผมเอามาลงก็เหนื่อยนะครับ ก็อยากให้เพื่อนๆคอมเม้นต์ถึงคนเขียนก็ยังดี
ที่อุตส่าห์นำเรื่องราวดีๆแบบนี้มาให้อ่านกัน
ลองนึกถึงคนเขียนดูนะครับ กว่าจะได้แต่ละตอนแต่ละประโยคอ่ะครับ


*****************************************************************************************************



.............ขอให้รักเรานั้นนิรันดร….....( 11 )

ความรักของผมเกิดขึ้นเพียง 2 ครั้งในชีวิต
รักครั้งแรกของผมมาเร็วเกินไป….แต่รักครั้งสุดท้าย กลับมาสายเกินกว่าผมจะรู้ตัว
-------------------------------------------------------


แม้ทีมจะบอกว่าเขาเชื่อใจผม แต่หลังจากเหตุการณ์ในวันนั้นทีมก็ไม่ยอมให้ผมไปเชียร์เขาที่สนามฟุตบอลอีก รวมทั้งพยายามทุกวิถีทางที่จะมั่นใจได้ว่าผมจะไม่ได้เจอะเจอกับกอล์ฟอีกเลยไม่ว่าจะเป็นสถานที่ใดก็ตาม

จนบางครั้งเขาถึงขนาดพาผมเดินอ้อมตึกโดยให้เหตุผลว่าอยากออกกำลังกายและจะได้ใช้เวลากับผมมากขึ้น แต่จริงๆ แล้วผมรู้ดีว่าที่เขาต้องทำอย่างนั้นก็เพียงเพื่อที่จะได้ไม่ต้องเดินผ่านห้องกอล์ฟเวลาที่เราเปลี่ยนห้องเรียน

ถ้าไม่นับเรื่องกอล์ฟและการทะเลาะเบาะแว้งกันเล็กๆ น้อยๆ ที่มีอย่างสม่ำเสมอ ผมคิดว่าคู่ของเราก็เป็นคู่รักที่มีความสุขมากที่สุดคู่หนึ่ง เพราะทีมก็ยังคงเอาอกเอาใจและตามใจผมอยู่เสมอ ไม่ว่าผมจะเอาแต่ใจตัวเองมากแค่ไหนก็ตาม

ในขณะที่ผมเองก็เริ่มโอนอ่อนผ่อนตามและยอมเขามากขึ้น แม้บางครั้งจะอดรู้สึกหงุดหงิดไม่ได้ว่าจริงๆแล้ว ทีมแทบจะไม่เคยเปลี่ยนแปลงนิสัยอารมณ์ร้อนและโผงผางของตัวเองได้เลย

และอาจจะเป็นเพราะผมกับทีมไม่สามารถแสดงความรักต่อกันได้อย่างเปิดเผยในที่สาธารณะ เราจึงมักจะหาเวลาอยู่ด้วยกัน 2 ต่อ 2 มากขึ้น เพราะนั่นคงจะเป็นช่วงเวลาเดียวที่เราจะสามารถทำอะไรก็ได้ตามใจโดยไม่ต้องแคร์สายตาใคร

ซึ่งสถานที่ที่เรามักจะแอบมาใช้เวลาด้วยกันก็คือในโรงหนัง และบ้านของผมเอง

วันนี้ก็เป็นอีกวันหนึ่งที่ทีมจะใช้เวลาในช่วงวันหยุดเสาร์ อาทิตย์มาขลุกตัวอยู่ที่บ้านของผม โดยเขามักจะมานอนเอกเขนกบนโซฟา ดูทีวี และทานผลไม้ที่ผมปอกไว้ให้อย่างสบายใจจนผมอดรู้สึกหมั่นไส้ไม่ได้

“นี่ จะเป็นคุณชายเกินไปแล้วนะ”

ผมพูดประชดเมื่อเห็นทีมทำตัวยังกะเป็นของเจ้าบ้านเสียเองในขณะที่ผมต้องคอยเสริฟขนม เสริฟน้ำราวกับคนใช้

“ไม่ใช่คุณชาย เป็นคุณผู้ชายต่างหากล่ะ เรียกให้ถูกหน่อย เอ้า นี่ น้ำหมดแล้ว ไปเติมมาหน่อยสิ”

“ นี่....”

ผมทำเสียงไม่พอใจแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรอีก ได้แต่เดินไปหยิบแก้วจากมือทีมแล้วก็ไปเติมน้ำหวานให้เขาตามสั่งอย่างงอนๆ

“เอาวางไว้นั่นแหละ แล้วมานั่งนี่” ทีมพูดออกคำสั่งอย่างยิ้ม ๆ เมื่อผมเอาน้ำกลับมาให้

“อะไรนะ...” ผมอุทานออกมาเมื่อเห็นจุดที่เขาบอกให้ผมไปนั่ง

“บอกให้มานั่งนี่ไงเล่า”

ว่าแล้วทีมก็ดึงตัวผมลงไปนั่งบนตักด้านหน้าของเขาแล้วเอามือทั้ง 2 ข้างเข้ามาโอบกอดผมไว้แน่น จากนั้นจึงค่อยๆโน้มตัวเอาศีรษะมาพาดบนไหล่ผมไว้

ผมรู้สึกได้ว่าเขากำลังเอาจมูกมาหอมแก้มผมและก็ค้างไว้อย่างนั้นจนผมขนลุกซู่ไปทั้งตัวด้วยความรู้สึกอบอุ่นอย่างประหลาด

เป็นเวลานานที่เราทั่งคู่ต่างนั่งหลับตานิ่งโดยไม่มีใครปริปากพูดอะไรราวกับพยายามซึมซับช่วงเวลาแห่งความสุขนี้ไว้ให้นานที่สุด

“ทำไมบีไม่เกิดมาเป็นผู้หญิงนะ” ทีมพูดพลางถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่

“ทำไมเหรอ ถ้าบีเป็นผู้หญิง แล้วทีมจะทำอะไรบี”

“นี่ทีมนะไม่ใช่บาส ไม่ได้คิดลามกอย่างนั้นซะหน่อย”

“งั้นจะทำไมล่ะ”

ก่อนจะตอบผมรู้สึกว่าเขากอดผมแน่นขึ้นแล้วก็หอมแก้มผมอีกฟอดใหญ่

“ถ้าทีมมาขอ บีว่าพ่อกับแม่จะยกบีให้ทีมมั้ย”

แม้เป็นคำถามที่เราต่างรู้ดีว่าไม่มีทางเป็นไปได้แต่ผมก็คิดว่าเขาถามคำถามนี้อย่างจริงจัง บางทีเขาอาจจะคิดเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างเราไปไกลกว่าที่ผมคิด

“แล้วทีมว่า พ่อแม่ทีมจะยอมรับได้มั้ยล่ะที่จะมีลูกสะใภ้เป็น...ผู้ชาย”

ผมพยายามดึงเขากลับสู่โลกของความเป็นจริง

“นั่นสินะ ทีมถึงเสียดายไงที่บีไม่ได้เกิดมาเป็นผู้หญิง”

ทีมตอบกลับมาพลางถอนหายใจออกมาอีกครั้งในขณะที่ผมเองก็เจ็บปวดในใจอยู่ไม่น้อยกับความจริงที่เราต่างรับรู้นี้

“แต่ถ้าบีเป็นผู้หญิงเราก็อาจจะไม่ได้มานั่งกอดกันแบบนี้ แล้วบีก็คงไม่ยอมให้ทีมมาขโมยจูบบีแบบนี้ด้วย”

“ขโมยเหรอ ใครขโมย การขโมยคือการที่เราเอาของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่รู้หรือไม่เต็มใจไม่ใช่เหรอ ....อย่าบอกนะว่าบีไม่เต็มใจให้ทีมจูบ”

“ก็ใช่น่ะสิ”

ว่าแล้วผมก็ทำท่าจะลุกขึ้นอย่างเสียไม่ได้ แม้ในใจจะรู้ดีว่าต่อให้ต้องเสียเนื้อเสียตัวให้เขามากกว่านี้ผมก็ยอมได้ แต่เมื่อผมยิ่งดิ้นเขาก็ยิ่งกอดผมไว้แน่น

“โอเค โอเค ขโมยก็ขโมย บีอย่าไปไหนนะ ให้ทีมกอดบีไว้อย่างนี้นะ ทีมขอร้อง”

เป็นครั้งแรกที่ผมรู้สึกว่าเขาพูดกับผมด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ซึ่งนั่นทำให้ผมกลับอ่อนระทวยจนกลายมาเป็นฝ่ายไปแอบอิงเขาไว้

“ทำไมทีมถึงมาชอบบีได้ล่ะ” ผมเริ่มถามเขาในสิ่งที่ค้างคาใจมานาน

“นั่นนะสิ ทีมก็เคยถามตัวเองเหมือนกัน แต่กลับหาคำตอบให้ตัวเองไม่ได้ สงสัยจะโดนทำเสน่ห์”

“บ้า.....” ผมพูดออกมาอย่างยิ้มๆ

“นึกไปแล้ว ทีมก็ไม่อยากจะเชื่อเหมือนกันนะว่าเราจะมีวันนี้ ตอนแรกมันเริ่มจากแค่ทีมอยากจะแก้แค้นไอ้กอล์ฟที่ทีมฟุตบอลของทีมแพ้ทีมของมันก็เท่านั้น ทีมก็เลยตั้งใจจะไปแย่งแฟนของมันให้หายแค้น แต่รู้มั้ย ตอนแรกที่ทีมรู้ว่าแฟนมันเป็นผู้ชายน่ะ ทีมตกใจมากเลยนะ”

ผมได้แต่นิ่งยิ้ม พลางอดขำไม่ได้ที่ทีมเชื่อเรื่องล้อเล่นในหมู่เพื่อนสมัยประถมของผมอย่างเอาจริงเอาจัง

“แต่พอมาเจอบีวันแรก ทีมก็เลยเลิกคิดจะแก้แค้นแล้ว”

“ทำไมล่ะ”

“ก็หน้าตาอย่างนี้ใครจะจีบลงล่ะ” ทีมตอบมาอย่างขำๆ

“ใช่สิ บีมันคนหน้าตาไม่ดี แล้วทีมมามัวนั่งกอดคนหน้าตาไม่ดีอยู่ทำไมเนี้ย” ผมเริ่มงอน

“ล้อเล่นน่า บีไม่รู้หรอกว่าจริงๆแล้วบีเป็นคนน่ารักขนาดไหน ไม่งั้นคนอย่างไอ้กอล์ฟ มันก็คงไม่มาชอบบีหรอก”

ถึงตรงนี้ ผมคิดว่าคงถึงเวลาที่ต้องพูดความจริงเสียที

“ทีม......คือกอล์ฟกับบีไม่เคยเป็นแฟนกันหรอกนะ แล้วเขาก็ไม่ชอบบีด้วย เขาไม่ชอบผู้ชายด้วยกันหรอก”

“คิดอย่างนั้นเหรอ ผู้ชายน่ะนะ เขาไม่มามัวเสียเวลาทำดีกับคนที่เขาไม่ชอบหรอก”

หลังทีมพูดจบ ผมจึงคิดได้ว่าตลอดเวลาที่ผ่านมาแม้เขาจะปฏิเสธว่าเขาไม่ได้คิดกับผมไปมากกว่าเพื่อน แต่เขาก็ปฏิบัติกับผมอย่างให้เกียรติและเป็นสุภาพบุรุษเสมอ จะว่าไปในบรรดาเพื่อนที่เป็นเกย์ทั้งหมดก็คงมีผมคนเดียวกระมังที่เขาดีด้วยขนาดนี้

“แค่เห็นแววตาตอนที่มันมองบี ทีมก็รู้แล้วว่ามันคิดอะไรอยู่ .........ถึงมันจะไม่รู้ตัวเอง แต่ผู้ชายด้วยกันน่ะดูออก ไม่งั้นทีมคงไม่ต้องตามหึงมันให้เหนื่อยหรอก”

ทีมแสดงความเชื่อมั่นในสิ่งที่ตนคิด

ถึงคำพูดของทีมจะดูมีเหตุผลแต่ผมก็ไม่ได้คล้อยตามเขามากนัก ในใจผมคิดว่าเขาคงจะหึงผมมากจนคิดไปเองมากกว่า

“แล้วก็ไหนว่าพอเห็นหน้าบีแล้วก็เลิกคิดจะจีบบีแล้วไงละ”

ผมตัดสินใจเปลี่ยนเรื่องหลังจากกลัวว่าการพูดถึงกอล์ฟให้นานไปกว่านี้อาจจะทำให้เรื่องของเราในวันนี้ต้องจบลงด้วยโศกนาฏกรรมได้

“ก็เลิกคิดจริงๆ แต่ทีมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม ทีมยังชอบแอบมองบีเวลาที่บียิ้ม เวลาที่บีหัวเราะ ทีมรู้สึกเหมือนกับว่าบีทำให้คนที่อยู่รอบข้างมีความสุขได้ทั้งวัน จนบางครั้งบีก็อดรู้สึกอิจฉาเพื่อนที่อยู่รอบๆ ตัวบีไม่ได้ แล้ววันที่ทีมไปเห็นบีกับกอล์ฟในห้องสมุดนั้นแหละ ทีมเลยเริ่มรู้ใจตัวเอง”

“ทำไมเหรอ”

“ไม่รู้สิ พอเห็นบีอยู่ด้วยกันกับไอ้กอล์ฟ บีรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก ในใจคิดถึงแต่ภาพนั้นอยู่ตลอดเวลา แล้วยิ่งวันคัดตัวนักฟุตบอลที่เห็นบีวิ่งร้องไห้ไปหลังโรงเรียน บีแทบอยู่ไม่ติดเลยรู้มั้ย ในใจมัวแต่คิดตลอดเวลาว่าเกิดอะไรขึ้น ใครทำให้บีร้องไห้ ทีมก็เลยตัดสินใจวิ่งตามบีไป วันนั้นแหละที่ทีมแน่ใจตัวเองว่าชอบบีเข้าให้แล้ว”

“โธ่ แล้วดันทำมาแกล้งว่าจะมาเข้าห้องน้ำ แถมยังมาทำโวยวายหยาบคายใส่บีอีก”

“ ทีมมันก็หยาบๆ เถื่อนๆอย่างนี้แหละ ยังไม่ชินเหรอ”

“ก็ไหนบอกจะพยายามปรับปรุงตัว”

“ก็พยายามอยู่นี่ไง ให้เวลากันหน่อยสิ”

“แล้วถ้าทีมทำไม่ได้ล่ะ”

ผมเผลอหลุดถามคำถามนี้ออกไปทั้งๆ ที่ในใจก็ไม่ได้สนใจอีกแล้วว่าเขาจะแก้นิสัยเสียนี้ได้หรือไม่ แต่ดูเหมือนทีมจะจริงจังกับคำถามนี้มากเพราะเขานิ่งเงียบไปพักนึงก่อนจะตอบกลับมาว่า

“ถ้าวันไหนที่ทีมทำหยาบคาย หรือทำร้ายบีอีก ทีมก็จะยอมปล่อยบีไปโดยไม่รั้งไว้”

น้ำเสียงของเขาในครั้งนี้ซีเรียสจนผมไม่กล้าพูดอะไรออกมา

“แต่รู้มั้ย มันจะไม่มีวันนั้นหรอก” ทีมพูดขึ้นมาอีกครั้ง

“มั่นใจขนาดนั้นเชียว”

“มั่นใจสิ เพราะนับตั้งแต่วันนี้ ทีมจะค่อยๆ ทำให้บีรักทีมมากขึ้นและมากขึ้น”

“ยังไงเหรอ” ผมแกล้งถามอย่างท้าทาย

แทนคำตอบทีมค่อยๆพลิกตัวผมให้หันหน้าเข้าหาเขาในขณะที่สายตากำลังจ้องมองมาที่ผมเหมือนจะสะกดให้ผมหยุดนิ่งอยู่อย่างนั้น จากนั้นเขาค่อยๆ โน้มตัวเอาริมฝีปากคู่งามนั้นลงมาประทับบนเรียวปากของผมอย่างแผ่วเบา แล้วจึงค่อยๆ สอดลิ้นอุ่นเข้ามาดูดดุนกับลิ้นของผมไว้จนผมรู้สึกได้ว่าเขากำลังค่อยๆ จูบผมหนักหน่วงขึ้นท่ามกลางอ้อมกอดที่ยังรัดรึงผมเอาไว้จนแทบจะทำให้เราหลอมละลายรวมเป็นคนๆเดียวกัน

ในชีวิตของผม...ทีมได้เข้ามาทำให้ผมได้รู้จักกับคำว่า “ครั้งแรก” ในหลายๆ เรื่อง

และ “จูบแรก” ในวันนั้นก็เป็นเหตุการณ์ที่ผมต้องประทับไว้ในความทรงจำอย่างไม่รู้ลืม

แต่หากการจูบผมในครั้งนี้คือสิ่งที่ทีมเชื่อว่าจะทำให้ผมค่อยๆรักเขามากขึ้นและมากขึ้น ...เขาก็กำลังคิดผิด

เพราะ “จูบแรก” ที่ผมได้รับในวันนี้ไม่เพียงแต่ทำให้ผมรักเขามากขึ้นเท่านั้น

หากแต่มันยังทำให้ผม “รักเขาหมดทั้งตัวและหัวใจ” รวมทั้งยังรู้ตัวเองด้วยว่า

ทีมได้เป็น “เจ้าของ” หัวใจของผมแล้วอย่างสมบูรณ์

---------------------------------------------------------
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 10-01-2007 19:41:47 โดย b|ueBoYhUb »

ออฟไลน์ Junrai_Hyper™

  • พูห์น้อยกลอยใจ
  • Global Moderator
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4842
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +777/-50
เหอเหอ

จูบแรก

ว้าวววววววว :angellaugh2:

ยังจำกันได้รึป่าวน้าาาาา :myeye:










ปล.


บลูว่าผมจะเป็นโรคอะไรละ


ตอบให้ก็ได้


โรครักพี่เสียดายน้องงัยค้าบบบบบบบบบบบบบบ :monkeycry4:


พูห์



ออฟไลน์ มูมู่น้อย

  • Global Moderator
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2623
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +468/-12
อูววววว  จูบแรก  ไปซะแล้ว  อิอิ  ชอบ ชอบ  เอาอีก เอาอีก   โรแมนติคกันจัง  เขิลลแทน  :-[


Aki_Kaze

  • บุคคลทั่วไป
เขิลลลลลลลล :-[

beaches

  • บุคคลทั่วไป
ก่อนหน้านี้ผมเคยอ่านเรื่องยาวๆ มาบ้าง เช่น บ้านพักอลเวง (เรื่องนั้นยาว แล้วก็สนุกและประทับใจมาก อ่านจบแล้วมันอิ่มใจ มันมีทุกรสชาดของชีวิตจริงๆ), แล้วก็นิยายของคุณ Boy (รู้ไหมหัวใจฉันตามหาเธอ, สองคนบนทางรัก), หรือพวกนิยายชาย-หญิงตามปกติ ก็อ่าน
เคยอ่านเรื่อง ใต้ร่วมไม้เลื้อย อ่านแล้วร้องไห้เลย เศร้ามากๆ
ผมเคยดูหนังเรื่อง beaches ที่ better midler แสดงนำ   ดูไปแล้วร้องไห้ไป  ซึ้งกินใจและประทับใจมากๆ
เพลงประกอบของหนังเรื่องนี้คือ wind beneath my wings เข้ากับแก่นของหนังได้อย่างลงตัวและงดงาม
ไม่รู้ว่าอ่าน ขอให้รักเรานั้นนิรันดร แล้ว จะร้องไห้หรือเปล่า เพราะเห็นมีหลายคนโปรยหัวไว้ว่าเรื่องนี้น่าสะเทือนใจมากๆ
ผมเลยไม่กล้าอ่านภาค 2 ก่อนจริงๆ จนกว่าจะอ่านภาค 1 จบ เพราะอยากซึมซับกับอารมณ์ที่ผู้เขียนต้องการจะถ่ายทอดให้ผู้อ่านได้สัมผัสตาม sequence ของเรื่องจริงๆ

ผู้เขียนเรื่องนี้ให้ข้อมูล background ของบีไว้พอสมควรทีเดียว
ผมขอยอมรับตามตรงว่าตอนนี้ยัง comment อะไรในเรื่องนี้ไม่ได้มากนัก เพราะผมยังอ่านไปไม่ถึงครึ่งหนึ่งเลย (อ่านได้แค่เพียง 11 ตอนจาก 29 ตอนในภาคแรก ตามจำนวนที่คุณ blue boy ลงไว้แหละครับ)   แต่รู้อย่างนึงว่า บุคลิกของบี กับผมใกล้กันมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ มากจริงๆ  หลายอย่างพออ่านแล้วโดนใจอย่างแรง
หลายอย่างที่อ่านที่คุณนัทนทีบรรยายความรู้สึกของบี แล้วผมสะดุ้งครับ เพราะมันเหมือนกับกระจกเงาที่สะท้อนชีวิตผมเองเหมือนกัน   จนบางครั้งอินไปถึงขนาดที่ว่า จินตนาการว่าเรากำลังเป็นเขาจริงๆ
แต่ต่างกันตรงที่ผมไม่เคยมีความรักแบบบีเลย ไม่ว่าจะแบบชายหญิง หรือ ชายชาย เพราะผม say goodbye to love อย่างถาวรแล้วครับ (แม้ว่าตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยมีใครรักหรือรักใคร) จากตัวอย่างที่เห็นมากมาย หรือแม้กระทั่งคู่พ่อกับแม่ของตัวเอง  แม้ตัวเองจะไม่ใช่หนึ่งในสองคนนั้น  แต่ผลของมันถ่ายทอดมาถึงเราเต็มๆ เพราะเป็นลูกคนเดียวทำให้เราทรมานและเจ็บปวดอย่างสาหัสจริงๆ จึงตั้งใจไว้เลยว่า อย่าไปมันมีเลยดีกว่า (แต่ไม่ใช่ว่าจะเห็นแก่ตัว รักตัวเองสถานเดียว  คือยังคงรักผู้อื่นด้วย แต่ไม่ได้รัก แนวแฟนครับ รักแบบเพื่อนซะมากกว่า เพราะเท่าที่ผมเห็นตัวอย่างของความสัมพันธ์แบบนี้จบลงแบบทุรนทุรายทุกที )      ความสัมพันธ์ของชายหญิง ทุกวันนี้ก็ง่อนแง่นเต็มทนขึ้นทุกทีแล้ว  เพราะฉะนั้นจึงเลิกหวังกับความสัมพันธ์แบบชายชายเลย  คงยากยิ่งกว่า
ทุกวันนี้ จึงอยู่อย่างปิดตัวเองในเรื่องความรักแบบแฟน  ...เป็นเพื่อนกันดีกว่า
บางเวลาที่อยากมี้ความรู้สึกแบบคู่รักจริงๆ ผมก็อาศัยอ่านและจินตนาการตามผู้เขียนนวนิยายเอาครับ


จากที่คุณ blue boy บอกว่ามี 29 ตอน ก็พอจะนึกออกแล้วล่ะว่ารายละเอียดของเรื่องคงเยอะพอสมควร   เมื่อได้รู้แบบนี้แล้ว ยิ่งเพิ่มความอยากอ่านเข้าไปอีกครับ
ผมชอบอยู่วรรคนึงที่บีบอกเล่าว่า

"ถ้าความรักของเขาเป็นความรักที่เต็มไปด้วย “อารมณ์และความรู้สึก” จนน่าอึดอัด
ความรักของผมก็เป็นความรักที่เต็มไปด้วย “เหตุผล” จนน่ารำคาญ"

ความรู้สึกของบีจากข้อความดังกล่าวสะท้อนความจริงของความรักที่สังคมมองรูปแบบของ
ความรักชายชายเป็นความรักต้องห้าม ได้ดีเหลือเกิน
เพราะมันเหมือนกับว่า เราต้องแคร์อะไรหลายๆ อย่างทั้งทีมันฝืนใจตัวเองเหลือเกิน แต่จะทำยังไงได้ล่ะ...
ในความเห็นผมนะ ผมว่าความรักไม่จำเป็นต้องเป็นแค่ชายหญิง คือมันไม่ได้ดูที่ physical structure เป็นสำคัญ   "ใจ" สิสำคัญเหนือสิ่งอื่นใด

จากที่เพิ่งอ่านแค่ 11 ตอน ผมว่าผมเข้าใจบีนะว่าทำไมถึงรักทีมได้มากมาย แบบหมดหัวใจนัก
อาจเป็นเพราะว่า บีไม่เคยมีความรักและได้รับรักตอบดังเช่นที่ทีมมอบให้มาก่อนเลย   คือผมว่าเขาคงโหยหา...แล้วในเมื่อมันมาถึงแล้ว...ใยที่จะไม่ทุ่มเทไปจนหมดหัวใจอย่างนั้น
อนิจจา...รักแบบนี้มักลงเอยด้วยความเจ็บปวดอย่างถึงที่สุด (เท่าที่ผู้เขียนค่อยๆ บอกใบ้เหตุการณ์ในอนาคตให้ทราบ ก็พอจะเดาออกว่า   สิ่งที่เกิดขึ้นคงทำให้แทบต้องล้มประดาตาย)
 

ผมเปิดเทอมวันเสาร์นี้แล้วครับ คือเรียนโทนะครับ
จันทร์-ศุกร์ทำงานปกติ  เสาร์อาทิตย์ไปเรียน
ทีนี้การบ้านแต่ละสัปดาห์มันก็จะพะเรอเกวียน เวลาเสาร์อาทิตย์ที่จะมีพอมาอ่านนิยายดังเช่นในช่วงปิดเทอมที่ผ่านมา  ก็คงหาได้ยากยิ่งเต็มที่ เพราะอีแค่ทำการบ้านให้เสร็จทัน ก็หนักหนามากแล้ว แทบจะเป็นหมีแพนด้าแล้ว
ฉะนั้นสัปดาห์นี้จนถึงวันศุกร์เป็นช่วงเวลาสุดท้ายที่ได้อ่านนิยายได้อย่างเต็มที่
ยังไงขออ้อนวอนคุณ blue boy ให้ช่วยลง ภาค 1 ให้จบภายในสัปดาห์นี้ทีเถอะนะครับ
(เผื่อเวลาไว้ให้ผมอ่านภาค 2 บ้างนะครับ  :monkeysad2:)


ขอบพระคุณล่วงหน้าครับ


ออฟไลน์ no-reply

  • เซียนเป็ด
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 228
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-2
    • blog พันทิป
YO_OY  โยอยากไปเป็นลูกสะใภ้ของพ่อแม่ใครหนอ เอกหรือปล่าว คิกคิก

หมูพูห์  จูบแรกของผมหรือครับ โดนลักหลับ โดยที่ผมไม่เคยมีความรู้สึกก่อนหน้านี้เลยว่า มันชอบผม
เหตุการณ์นั้นทำให้เราสองคนมองหน้ากันไม่ติด และผมก็เลือกที่จะรับรู้มัน โรแมนติคไหมครับ  :monkeysad:

มูมู่น้อย จะจูบไรกันกันบ่อยๆครับ จะอ่านต่อหรือจะจูบกันดีครับ

Aki_Kaze  คิกคิก หง่ะมาช่วยเพื่อนๆเม้มหรือ

beaches  เขียนได้ดีมากครับ น่าจะเขียนเรื่องเองเลย ลองเปิดใจครับ ถ้ามันจะเจ็บ ผมก็ไม่เสียดายเลย ถ้าชีวิตนี้ได้เจอคนที่รัก
เพราะผมถือว่า อกหักดีกว่ารักไม่เป็นครับ ต่อให้ก่อนแล้วกันนะครับ ว่างๆจะคุยอีก เด่วไม่ทันเปิดเทอมคิกคิก
เรียนโทสบายอยู่แล้วครับ ไม่หนักขนาดไม่มีเวลาพักผ่อนหรอกครับ
ถือซะว่าเข้ามาพักผ่อน เครียดตายเลยเรียนอย่างเดียว

ถ้าเพื่อนๆอ่านไม่ทันเม้มมาได้นะครับ ผมจะหาทางแก้อีกที แต่ถ้าผมเห็นว่าคนอ่านหลักๆเม้มกันเกือบครบผมจะลงต่อละกัน เอาแบบนี้ดีไหมครับ

************************************************************************************

.............ขอให้รักเรานั้นนิรันดร….....( 12 )

ความรักของผมเกิดขึ้นเพียง 2 ครั้งในชีวิต
รักครั้งแรกของผมมาเร็วเกินไป….แต่รักครั้งสุดท้าย กลับมาสายเกินกว่าผมจะรู้ตัว
-------------------------------------------------------

ถึงแม้ตอนนี้ผมจะรู้ตัวเองแล้วว่าได้รักผู้ชายคนนี้อย่างเต็มหัวใจแต่เมื่ออยู่ต่อหน้าทีม ผมก็ยังแสร้งสงวนท่าทีและเก็บงำความรู้สึกของตัวเองเอาไว้และพยายามแสดงว่าทีมนั้นยังอยู่ในขั้น “กำลังพิจารณา” เท่านั้น

ส่วนหนึ่งอาจจะเป็นเพราะผมยังหวังให้เขาเปลี่ยนแปลงนิสัยมาอ่อนโยนและสุภาพกับผมมากขึ้น เพราะยังไงเสียนี่ก็คือลักษณะนิสัยของผู้ชายที่ผมใฝ่ฝันมาตลอด

ในความคิดของผม นิสัยตรงไปตรงมาและโผงผางของทีมนั้นเป็นหนึ่งในปัญหาสำคัญของความสัมพันธ์ของเราเพราะมีหลายครั้งที่เราต้องมาทะเลาะกันก็เพราะความอารมณ์ร้อนและวู่วามของเขา ผมจึงอดคิดไม่ได้ว่าผมคงจะมีความสุขมากขึ้นถ้าเขาจะเปลี่ยนมาสุภาพอ่อนโยนกับผมให้มากกว่านี้

น่าเสียดายที่ผมไม่เคยพยายามที่จะยอมรับความเป็นตัวตนของเขาเลย ทั้งๆที่ความเป็นจริงมันอาจจะไม่ได้กระทบกับความสัมพันธ์ของเรามากมายอย่างที่คิด แต่เพราะความที่ผมอยากจะให้ผู้ชายคนนี้เป็นเหมือนผู้ชายในอุดมคติ ผมจึงพยายามบังคับให้เขาเปลี่ยนตัวเองโดยมองข้ามความเป็นจริงที่ว่า “ไม่ว่าเขาจะมีนิสัยอย่างไร เขาก็เป็นผู้ชายที่รักผมมากที่สุด”

และที่แย่ไปกว่านั้นก็คือในขณะที่ผมบังคับให้เขาเปลี่ยนตัวเองมากมายเพื่อผม แต่ผมกลับไม่เคยคิดจะเปลี่ยนนิสัยแย่ๆ ของตัวเองเพื่อเขาเลย

อย่างไรก็ดีแม้ผมกับทีมจะมีบางจุดที่ดูเหมือนจะยังไม่ลงตัว แต่วันเวลาที่ผ่านไปก็ทำให้ความสัมพันธ์ของเราแนบแน่นขึ้น ทีมยังคงโทรศัพท์มาพูดคุยกับผมอย่างสม่ำเสมอจนเสมือนเป็นสิ่งที่เขาต้องทำเป็นกิจวัตรก่อนเข้านอน และคืนนี้เมื่อเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นผมจึงค่อยๆเดินไปรับสายอย่างไม่กระตือรือร้นเพราะรู้ดีว่าคนที่โทร. มาคือใคร

“ฮัลโหล”

“นอนหรือยัง กอล์ฟโทร. มากวนบีหรือเปล่า”

เสียงของกอล์ฟจากปลายสายทำให้ผมอดตกใจไม่ได้ เนื่องจากกอล์ฟไม่เคยโทร. มาคุยกับผมที่บ้านมาก่อน

“ยัง .....ยังหรอก กอล์ฟ...มีอะไรหรือเปล่า” ผมตอบกลับไปหลังจากรวบรวมสติได้

“ก็ไม่มีอะไรหรอก แค่รู้สึกว่าเราไม่ได้คุยกันนานแล้ว” ผมจับน้ำเสียงเครียดของเขาจากคำตอบนี้ได้

“อย่าพยายามเลย กอล์ฟโกหกไม่เก่งหรอก” ผมตัดสินใจคาดคั้นไปตรงๆ

“ คือ...กอล์ฟมีเรื่องไม่สบายใจนิดหน่อย แล้วไม่รู้จะปรึกษาใคร พอดีนึกถึงบีขึ้นมา”

“เรื่องแก้วเหรอ”

“ถ้าไม่รู้จักบีมาก่อน กอล์ฟคงคิดว่าบีเป็นหมอดูแน่ๆ” เขาแกล้งแหย่ผมเล่นอย่างเป็นกันเอง

“ทำไมล่ะ” ผมพูดพลางหัวเราะ

“ก็คงมีแต่บีล่ะมั้ง ที่กอล์ฟไม่มีวันโกหกสำเร็จ แล้วก็คงมีแต่บีเหมือนกันที่รู้ใจกอล์ฟที่สุด”

“เกิดอะไรขึ้นเหรอ” ผมรีบถามเขาไปตรงๆเพราะรู้สึกว่าคำพูดของเขาเมื่อกี้กำลังทำให้ผมเขิน

“ไม่รู้สิ เหมือนช่วงนี้เรามีปัญหากันบ่อย ทะเลาะกันมากขึ้น”

“แหมเป็นแฟนกัน จะทะเลาะกันบ้างก็ไม่เห็นแปลกเลย”

ผมพูดจากใจจริงเมื่อนึกถึงว่าผมกับทีมเองก็ทะเลาะกันเกือบทุกวัน

“แต่กอล์ฟไม่เข้าใจแก้วเขาเลยจริงๆนะ ดูเหมือนยิ่งคบกันนานเข้า เหมือนเราจะยิ่งเข้ากันไม่ได้”

“บีว่าถ้าทั้งกอล์ฟกับแก้วพยายามปรับตัวเข้าหากัน หรือลองยอมรับความเป็นตัวตนของอีกฝ่ายมากขึ้น มันก็อาจจะทำให้อะไรๆดีขึ้นนะ”

ผมไม่อยากจะเชื่อว่าเพิ่งพูดประโยคนี้ออกไปทั้งๆที่ผมเองก็ไม่เคยคิดจะทำเลย

“อย่างงั้นเหรอ .......”

หลังจากวันนั้นดูเหมือนผมได้กลายเป็นที่ปรึกษาหัวใจประจำตัวกอล์ฟไปเสียแล้ว เพราะว่าในวันต่อๆมา เขาก็เริ่มโทร. มาปรึกษาผมเรื่องความรักของเขาบ่อยขึ้นจนผมต้องจัดตารางเวลาให้เขาโทร. มาหาผมตอนทุ่มตรง โดยให้เหตุผลว่าช่วงดึกๆ ผมต้องอ่านหนังสือ

ทั้งที่ในความเป็นจริงแล้ว ผมกลัวว่าหากกอล์ฟโทร. มาดึกกว่านั้นจะทำให้ทีมซึ่งมักจะโทร.มาหาผมราว 2 - 3 ทุ่มจะเริ่มสงสัยว่าทำไมโทร. มาแล้วสายของผมจึงไม่ว่าง

ผมยังคงให้คำปรึกษาทางโทรศัพท์อย่างลับๆ กับกอล์ฟมาอีกหลายวันโดยที่ทีมไม่รู้และไม่ระแคะระคายเลย

จนช่วงหลังกอล์ฟเริ่มโทร. มาหาผมทุกวันแต่เขากลับคุยกับผมในเรื่องของแก้ว หรือความรักของเขาน้อยลงเรื่อยๆ แต่หันมาชวนผมคุยเรื่องอื่นๆแทน

....จนกระทั่ง

“บี .....กอล์ฟเลิกกับแก้วแล้วนะ”

“อะไรนะ” ความจริงนี้ทำให้ผมตกใจมากทีเดียว

“ไม่ต้องทำเสียงตกใจขนาดนั้นก็ได้”

“ เอ่อ เสียใจด้วยนะ บีคงเป็นคนให้คำปรึกษาที่แย่มาก”

“ไม่เกี่ยวกับบีหรอก กอล์ฟรู้ตั้งแต่แรกแล้วว่าเราคงไปกันไม่รอด”

“แล้วกอล์ฟเสียใจมากหรือเปล่า” ผมถามด้วยความเป็นห่วงอย่างจริงใจ

“แปลกนะ กอล์ฟไม่ค่อยรู้สึกอะไรมากนักหรอก สงสัยกอล์ฟอาจจะไม่ได้ชอบแก้วเขามากอย่างที่คิด หรือไม่กอล์ฟก็คงทำใจได้มานานแล้ว”

น้ำเสียงของเขาเป็นปกติจนผมออกจะเชื่อว่าเขาคงไม่เป็นไรจริงๆ

“แล้วกอล์ฟจะทำไงต่อ จะไม่ลองปรับความเข้าใจกันใหม่เหรอ” ผมยังหวังว่าเขาน่าจะให้โอกาสแก้วกับตัวเองอีกครั้ง

“คงไม่ดีกว่า มันเป็นไปไม่ได้แล้วล่ะ”

“แต่...บีว่า...”

ผมยังไม่ละความพยายามที่จะเป็นกาวใจให้กับคนทั้งคู่ แต่กอล์ฟก็พูดแทรกขึ้นมาเสียก่อน

“ บีคิดว่าไงถ้ากอล์ฟจะลองหาแฟนใหม่ เป็นใครสักคนที่กอล์ฟชอบเขาจริงๆน่ะ”

“ก็...ก็ดีสิ...ถ้าเป็นคนที่กอล์ฟชอบ แล้วยิ่งถ้าเขาชอบกอล์ฟด้วย ก็จะยิ่งดีใหญ่เลย” ผมตอบไปพลางอดคิดไม่ได้ว่าคนๆนั้นคือใคร

“อืม ถ้าเป็นเมื่อก่อน กอล์ฟคิดว่าเขาก็คงชอบกอล์ฟเหมือนกัน แต่ตอนนี้กอล์ฟชักไม่แน่ใจแล้วว่าเขาจะยังชอบกอล์ฟอยู่หรือเปล่า ในเมื่อกอล์ฟเป็นคนขอให้เขาเลิกชอบกอล์ฟเอง กอล์ฟคงทำผิดมากใช่มั้ย”

“เอ่อ....ไม่รู้สิ”

ผมแกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ทั้งๆที่ในใจผมกำลังนึกถึงว่า ครั้งนึง...ผมนี่ล่ะคือคนที่กอล์ฟมาขอให้เลิกชอบเขา รวมทั้งอดนึกถึงประโยคที่ทีมเคยพูดกับผมไว้ไม่ได้

“ผู้ชายน่ะนะ เขาไม่มามัวเสียเวลาทำดีกับคนที่เขาไม่ชอบหรอก”

แล้วทีมยังบอกผมอีกว่า

“แค่เห็นแววตาตอนที่มันมองบี ทีมก็รู้แล้วว่ามันคิดอะไรอยู่ .........ถึงมันจะไม่รู้ตัวเอง แต่ผู้ชายด้วยกันน่ะดูออก ไม่งั้นทีมคงไม่ต้องตามหึงมันให้เหนื่อยหรอก”

นึกถึงตรงนี้ความคิดของผมก็เตลิดไปถึงไหนต่อไหน

“บี...บี...ฟังกอล์ฟอยู่หรือเปล่า” เสียงเรียกของกอล์ฟทำให้ผมตื่นจากภวังค์

“ใจลอยไปไหนเนี้ย” กอล์ฟแกล้งพูดกระเซ้าผม

“เปล่า...ไม่มีอะไรหรอก” ผมพยายามแก้ตัว

ในวันนั้นหลังจากที่พูดคุยกันเรื่องที่กอล์ฟเลิกกับแก้วแล้ว เราก็ยังคุยกันต่อในเรื่องอื่นๆอีกนานมาก

นานจนผมลืมเวลาเคอร์ฟิวที่ทีมจะต้องโทร. มาหาผม และนั่นเองทำให้หลังจากที่ผมวางหูจากกอล์ฟลง เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นทันทีพร้อมกับเสียงเกรี้ยวกราดของทีม

“คุยกับใครอยู่เนี้ย ทีมกดมาเป็นชั่วโมงแล้วนะ สายไม่ว่างเลย”

“บีปล่าวคุยกับใครสักหน่อย แต่เดี๋ยวจะไปถามแม่ให้มั้ยล่ะว่าแม่คุยกับใครตั้งนานสองนาน จะบอกแม่ให้ด้วยว่าทีมอยากรู้”

ผมรีบพูดคำแก้ตัวที่นึกเอาไว้แล้วระหว่างที่คุยอยู่กับกอล์ฟ

“จะบ้าหรือไง ไม่ต้องหรอก ก็ทีมนึกว่าบีแอบไปคุยกับใครลับหลังทีมเสียอีก”

“ก็บอกว่าไม่มี ก็ไม่มีสิ”

ผมรู้สึกโล่งอกที่สามารถเอาตัวรอดในคืนนี้ไปได้เพราะดูเหมือนทีมจะเชื่อคำโกหกของผมอย่างสนิทใจ แม้จะรู้สึกไม่ดีที่ต้องพูดปดกับทีมแต่เมื่อนึกถึงคำพูดที่ว่า “ความจริงเป็นสิ่งไม่ตาย แต่คนพูดความจริงอาจตายได้” ผมก็เลยตัดสินใจโกหกเขาไปดีกว่า เพราะผมรู้ดีว่าถ้าหากผมบอกความจริงไป..... อะไรจะเกิดขึ้น

แม้ในเช้าวันต่อมาผมจะแสร้งทำทีเป็นไม่มีอะไรเกิดขึ้นและคิดว่าผมคงเอาตัวรอดจากวิกฤติการณ์ในครั้งนี้ไปได้

แต่ดูเหมือนโชคชะตาจะไม่ยอมให้อภัยกับการพูดโกหกของผมเมื่อคืนทำให้ระหว่างทางที่ผมกับทีมกำลังเดินไปห้องสมุดนั้นก็ได้พบกับกอล์ฟเข้าโดยบังเอิญ

“จะไปห้องสมุดกันเหรอ” กอล์ฟเป็นฝ่ายเริ่มบทสนทนา

“ใช่ ”

ทีมตอบกลับไปแบบห้วนๆ แล้วก็รีบคว้ามือผมเพื่อเดินต่อไป แต่ประโยคต่อมาของกอล์ฟทำให้เขาต้องหยุดชะงัก

“ บี...ขอบใจมากนะสำหรับเรื่องเมื่อคืน กอล์ฟรู้สึกดีขึ้นเยอะเลย”

คำพูดของกอล์ฟประโยคนี้ทำให้หัวใจของผมแทบหยุดเต้น

“อะไรนะ เมื่อคืนบีไปทำอะไรให้นะ” ทีมหันไปจ้องตากอล์ฟอย่างคาดคั้นเอาคำตอบ

“ไม่มีอะไรหรอก...คือเรา..” ผมพยายามจะช่วยชีวิตตัวเองในเฮือกสุดท้าย แต่ทีมกลับหันมาตวาดผม

“ทีมถามไอ้กอล์ฟมัน ไม่ได้ถามบี ตกลงว่าไง บีเค้าไปทำอะไรให้มึง”

“ทำไมต้องไปตวาดบีด้วยเล่า มันไม่มีอะไรนี่ ก็แค่กูเลิกกับแก้ว เมื่อคืนกูก็เลยโทร.ไประบายกับบี มันก็แค่นั้น”

“เมื่อคืนมึง โทร. หาบีเหรอ กี่โมง”

“ก็สัก 2 – 3 ทุ่ม ทำไม...มึงจะซีเรียสอะไรนักหนา”

สิ้นคำตอบนี้ของกอล์ฟ...ผมรู้ได้โดยทันทีว่าชีวิตของผมคงจบสิ้นลงแค่นี้ และยิ่งเมื่อได้เห็นแววตาผิดหวังเหมือนโดนทรยศหักหลังอย่างรุนแรงของทีม ผมก็ยิ่งเจ็บปวด แต่ไม่ทันที่ผมจะพูดแก้ตัวอะไรออกมา ทีมก็รีบเดินออกไปเสียก่อน

“กอล์ฟพูดอะไรผิดไปหรือเปล่า” สีหน้ากอล์ฟเริ่มเป็นกังวล

“ปล่าว ไม่มีอะไรหรอก ขอโทษนะ”

พูดจบผมก็รีบวิ่งตามทีมออกไปจนไปเจอเขายืนอยู่ที่ระเบียงอาคารเรียนที่เชื่อมต่อไปห้องสมุดได้

“ทีม ให้บีอธิบายนะ”

“อธิบายเหรอ บีจะอธิบาย หรือจะโกหกอะไรทีมอีก”

“บีไม่ได้ตั้งใจจะโกหกทีมเลยนะ แต่ถ้าบีบอกความจริงกับทีมไปเมื่อคืน ทีมก็คงโกรธมาก แล้วความสัมพันธ์ของเราก็จะยิ่งแย่ลงไปอีก บีผิดเหรอที่จะพยายามรักษาความรู้สึกที่ดีของเราเอาไว้”

“พยายามรักษาความรู้สึกที่ดีของเราเหรอ ฟังดูดีนี่ คิดว่าทีมโง่ คิดว่าทีมเป็นควายหรือไง” พูดจบเขาก็กระชากข้อมือของผมขึ้นไปบีบไว้แน่น

“บีเจ็บนะทีม ปล่อยนะ”

“ยังมีอะไรอีกมั้ยที่บีโกหกทีม ยังมีอะไรอีกมั้ยที่ทีมไม่รู้ นอกจากแอบโทรคุยกัน บีกับมันยังแอบไปทำอะไรกันอีก”

ยิ่งพูดเขาก็ยิ่งบีบมือผมแน่นขึ้น จนผมพยายามสะบัดเท่าไหร่ก็ไม่หลุด

“ทีมจะบ้าไปแล้วหรือไง ปล่อยมือบีนะ บีเจ็บ”

“บอกมาสิว่านานแค่ไหนแล้ว นานแค่ไหนแล้วที่ทีมต้องโง่เป็นควายให้บีกับมันสวมเขาให้อย่างนี้ แล้วลับหลังทีม บีไปทำอะไรกับไอ้ชู้ชาติชั่วนั่นอีกบ้าง ”

ผมไม่รู้ว่าจะเป็นเพราะความโกรธ หรือเพราะต้องการจะหลุดพ้นจากความเจ็บปวดที่ทีมเอามามือมาบีบแขนผมไว้อย่างนี้ ทำให้ผมระเบิดอารมณ์ออกมาอย่างห้ามตัวเองไม่ได้

“ใช่ บีกับกอล์ฟแอบคุย แอบคบกันมาตั้งนานแล้ว แล้วจะทำไม”

“เพี๊ยะ”

สิ้นเสียงที่ดังขึ้น ผมค่อยๆ เอามือขึ้นลูบแก้มที่เพิ่งถูกตบอย่างเจ็บปวดจนเริ่มชาข้างนั้นโดยไม่อยากจะเชื่อว่าเขาจะทำอย่างนี้กับผมได้

จริงอยู่ที่ว่าทีมเป็นคนโมโหร้าย แต่ที่ผ่านมาเขาก็มักแสดงความก้าวร้าวทางคำพูดและท่าทางเท่านั้น แต่วันนี้เป็นครั้งแรกที่เขาถึงขนาดลงไม้ลงมือกับผม

ในขณะที่ผมยืนนิ่งด้วยความตกตะลึงนั้น ทีมเองก็มีสีหน้าตื่นตกใจกับสิ่งที่ตัวเองทำลงไปไม่แพ้กัน ผมเห็นเขาทำท่าทีลังเลอยู่พักนึงก่อนที่จะตัดสินใจวิ่งออกไปแล้วทิ้งผมให้ยืนอยู่อย่างเจ็บปวดทั้งกายและใจ

เป็นความเจ็บปวดที่ผมอดคิดไม่ได้ว่า....

.....ทำให้ผม …“ตาสว่าง”....ขึ้น

-------------------------------------------

----------------------------------------------------------


FlukeHub

  • บุคคลทั่วไป
หืม...บีบหัวใจดีเหมือนกันนะ

ยิ่งอ่านยิ่งทำให้ผมรุสึกไม่ชอบบีมากขึ้น

สิ่งที่ทำให้ความสัมพันธ์ของคนสองคนต้องสั่นคลอนคือความไม่ซื่อสัตย์ต่อกันมากกว่า
แล้วบีก็ตั้งเงื่อนไขกับความรักมากเกินไป  อย่าที่ว่าแหละครับ  ความรักมันไม่มีเงื่อนไข

ผมชอบนะนิยายแบบนี้  ได้เห็นความรักหลายๆแบบ  เวลาที่เราได้รักบ้าง
จะได้เอาไปใช้ได้  หุหุหุ

ต่อไวๆนะครับ  ผมรออ่านอยู่



ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
โอ้ บี โดนตบ  :kikkik: สมควรแล้ว (เอ้า อารมณ์ไหนกันนี่)

งานนี้สงสารทีมจังเลย ตบเขาแล้ว ก็คงเจ็บเหมือนกันแหละ (เจ็บที่หัวใจไง  :laugh:)

งานนี้ไม่ชอบกอล์ฟเลย ตัวเองเป็นฝ่ายบอกเลิกเขาเองนี่นา แล้วยัง......

ดีใจจังเลยวันนี้ได้อ่านตั้งสองตอน ขอบคุณนะค้า  :impress:


 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด