Chapter : 3 [แม่จ๋าของนิล]
แม่โทรมาบอกผมว่าจะกลับมาไทยอาทิตย์หน้า พอเหมาะพอดีกับสัปดาห์นรกแห่งการสอบของผม แต่หากคิดว่าการสอบเป็นเหมือนนรกแล้ว การที่แม่มาเปรียบเหมือนสวรรค์บนดินดีๆนี่เอง เพียงแค่ผมคิดถึงอาหารการกินอันดุดมสมบูรณ์และห้องหับที่สะอาดเรี่ยมเร้ผมก็ฟินสุดๆ
“นิล จะมาอ่านหนังสือบ้านเรามั้ย” เสียงยัยฟ้าปลุกให้ผมตื่นจากภวังค์ กองหนังสือเบื้องหน้าสุมกันจนสูงเป็นตั้งท่วมหัว ผมนับเป็นตัวอย่างดีคนหนึ่งที่อ่านหนังสือก่อนสอบตั้งหนึ่งสัปดาห์ เป็นคนอื่นมันหวังน้ำบ่อหน้ามาให้ผมติวก่อนเข้าห้องสอบสิบนาทีเท่านั้นแหละ หึหึ
“อาทิตย์หน้าไม่ได้นะ แม่เรามา”
“แม่มาเหรอ! งั้นเราไปห้องนิลดีกว่า”
“เฮ้ย จะมาทำไม” ช่วงเวลาดีๆระหว่างไอ้ลูกแหง่แบบผมจะไม่ให้ยัยฟ้ามาขัดขวางแน่ครับ
“นิลไม่ให้เราไป แต่เดี๋ยวแม่ก็ต้องให้นิลโทรตามเราอยู่ดีแหละ ฮิฮิ” จริงอย่างที่ฟ้าครามพูด แม่ผมมาทีไรคอยแต่จะเรียกหายัยฟ้า ชวนมากินข้าวบ้างละ ชวนมากินขนมบ้างละ แม่ผมชอบคนน่ารักๆน่ะครับ (-..-)
“เออๆ งั้นตามใจฟ้าเถอะ”
“แล้วนี่ไม่ขึ้นเรียนเหรอ”
“อาจารย์ไม่สอนนี่ เขาแค่จะบอกแนวข้อสอบ ฟ้าไปสิ ไปจดแนวมาให้เราหน่อย”
“ไม่เอาอะ ฝากริวจดก็ได้ นั่งเล่นกับนิลที่นี่ดีกว่า” นางพูดแล้วก็พิมพ์ไลน์ไปหาไอ้ริวอย่างทันใจ พอลูกไล่ยัยฟ้ารับคำเป็นมั่นเป็นเหมาะว่าจะจดแนวข้อสอบมาให้น้องฟ้าแล้วนางก็เก็บโทรศัพท์
“ช่วงนี้เป็นไงมั่ง” ถามตลกนะผม ใครมาได้ยินคงฟังแปลกๆ เจอกันทุกวันจะถามทำไม แต่สำหรับยัยฟ้าคงรู้ว่าที่ผมพูดนั้นหมายถึงอะไร
“หึ น่ารำคาญที่สุด โทรมาทุกวันเลยนะนิล บางทีก็ไม่พูด บอกว่าแค่อยากได้ยินเสียง เราโมโหก็เลยบล็อคเบอร์เขาไป แต่ดันโทรเข้าบ้านซะงั้นอะ แม่ก็ถามอยู่ได้ว่าทะเลาะอะไรกัน เราละอยากจะบอกแม่ไปให้สิ้นเรื่องสิ้นราวว่าเลิกกันแล้ว” ยัยฟ้าใส่มาเป็นชุด หน้าขาวแดงเรื่อบ่งบอกถึงความหงุดหงิดจริงๆ
“ปากไม่ตรงกับใจ” ผมยิ้ม
“หมายความว่าไง”
“ถ้าฟ้าคิดว่าตัวเองเลิกกับพี่เลเขาจริงๆก็คงบอกเรื่องทุกอย่างให้แม่ฟ้ารู้หมดแล้วละ แต่ที่ฟ้าไม่บอกท่านก็เพราะกลัวว่าท่านจะพาลเกลียดพี่เลไปด้วย ใจจริงฟ้าก็ยังอยากกลับไปเป็นเหมือนเดิมสินะ”
“นิลน่าจะไปเรียนจิตแพทย์นะ” หลังจากที่ยัยฟ้ามองผมอย่างอึ้งๆแล้วนางก็โพล่งขึ้นมา ผมหัวเราะก๊ากจนอาจารย์บรรณารักษ์ค้อนวงโตส่งมาให้
“ไม่ขนาดนั้นหรอก”
“ทำไมนิลถึงทายใจเราแม่นแบบนี้ละ เราน่ะอยากจะกลับไปดีกับพี่เลจริงๆแหละ”
“แล้วฟ้ารออะไรอยู่”
“เรากลัว กลัวมากเลยนะนิล เวลาที่เราได้ยินเสียงพี่เลหรือเห็นหน้า เราจะนึกไปถึงหน้าผู้หญิงคนนั้นทุกที ยิ่งพยายามลืมเท่าไรมันก็ยิ่งเกาะเราติดมากขึ้นเท่านั้น” ฟ้าครามขมวดคิ้วแน่น ผมยื่นนิ้วไปจิ้มตรงหว่างคิ้วเพื่อนสนิทแต่มันก็ยังขมวดแน่นขึ้น
“ไม่แปลกหรอกฟ้า กาลเวลาเท่านั้นที่จะช่วยได้ เชื่อเราสิ เมื่อเวลามันผ่านไปฟ้าก็จะรู้สึกว่าเรื่องนี้มันไม่ได้เจ็บปวดเหมือนแรกๆที่รู้อีกแล้ว ต้องให้เวลามันหน่อยนะ”
“มันจะนานเท่าไรละนิล” ฟ้าครามดึงนิ้วผมออกจากคิ้วเธอ และเอามือตัวเองจับกับมือผมแน่น บางครั้งฟ้าครามก็ชอบการสัมผัสถึงเนื้อถึงตัวกับผมแบบนี้เสมอ เป็นเกย์นี่มันได้กำไรจริงๆนะเออ
“มันอาจจะนานเป็นปีๆก็ได้” ผมยิ้ม “ก็ถือโอกาสนี้เป็นการทดสอบความจริงใจของพี่เลเลยสิ”
“นี่นิล... นิลไม่คิดจะคบกับผู้หญิงเลยเหรอ” ผมผงะ จู่ๆยัยฟ้าเปลี่ยนมาเป็นเรื่องชีวิตรักของผมได้ยังไงเนี่ย
“ทำไมวนมาเรื่องเราละฟ้า”
“นิลรู้ตัวมั้ย ว่านิลมีนิสัยที่เป็นอุดมคติผู้ชายในฝันของเราเลยนะ ถ้าเราคบกันคงไปได้ดีแน่ๆ”
“ไปได้ดีแน่ๆถ้าเราชอบฟ้าอย่างที่ผู้ชายชอบผู้หญิงสักนิด” สีหน้ายัยฟ้าหมดความมั่นใจอย่างแรงเมื่อได้ยินที่ผมพูด ทำเอาผมหัวเราะอีกครั้ง
“นิลทำเราหมดความมั่นใจ” นางเบะปาก
“อันที่จริงฟ้าก็ไม่ควรเริ่มจีบเกย์ก่อนนี่นะ ฮ่าๆ”
“มันขนาดนั้นเลยเหรอนิล นิลไม่เคยรู้สึกชอบผู้หญิงคนไหนในทางชู้สาวเลยเหรอ”
“ถ้าเรามีโอกาสได้ชอบผู้หญิงสักคนแบบนั้นจริงๆ เราคงไม่ปล่อยให้เธอคนนั้นหลุดมือแน่ๆ”
“งั้นเราจีบนิลดีมั้ย เผื่อนิลจะหลงรักเรา”
“เพื่อที่ฟ้าจะได้หักอกเราไปหาพี่เลน่ะเหรอ ไม่เอาหรอก อกหักเจ็บจะตายชัก”
“แน่ะ พูดแบบนี้แสดงว่าเคยอกหักสินะ ไม่ต้องมายิ้มเลย เล่ามาซะดีๆ” ผมรีบเก็บของหนียัยฟ้าออกมาจากห้องสมุดทันที ไหนๆก็ไม่เข้าเรียนแล้วหนีกลับไปตั้งหลักที่คอนโดดีกว่า
วันนี้ผมมารับแม่ที่สุวรรณภูมิแต่เช้า เครื่องลงแปดโมง แต่ผมมาถึงตั้งกะหกโมงครึ่ง จะทำอะไรดีวะ? นั่งหลับดีมั้ย? ไม่เอาดีกว่า ไปหาอะไรใส่ท้องเถอะ ผมถือคติวันนึงมีเวลากินหกชั่วโมงตั้งแต่มื้อแรกถึงมื้อสุดท้าย แต่ถ้าพ้นจากหกชั่วโมงนี้ไปแล้วจะไม่กินอะไรอีก รักษาหุ่นนิดหนึ่งครับ สุขภาพดีสร้างได้ด้วยตนเอง
ผมเลือกเดินเข้าร้านฟาสต์ฟู้ดและสั่งสลัดกับเฟรนช์ฟรายมากินเล่น มือหนึ่งก็เล่นไอโฟนไปด้วย เผลอแป๊บเดียวก็เจ็ดโมงสี่สิบห้าแล้ว ผมยกถาดไปเก็บตรงที่ของมันและเดินไปรอที่หน้าช่องผู้โดยสารขาออก ขณะที่ผมกำลังหาจุดยืนรอที่เหมาะๆอยู่นั้นสายตาภายใต้แว่นของผมก็เหลือบไปเห็นบางสิ่ง
พรหมลิขิตขีดเขี่ยให้เหี้ยเดินคือคำอุปมาที่เป็นจริงที่สุดสำหรับผมในตอนนี้ครับ
ไอ้พี่รันเดินลากกระเป๋าออกมาจากประตูผู้โดยสารขาออก ขนาดว่ามันใส่เสื้อเชิ้ตแขนยาวกับกางเกงยีนส์ และมีแว่นดำปิดไปครึ่งหน้าผมก็ยังจำมันได้ จำได้จากลักษณะท่าทาง และ เอ่อ... ความรู้สึกบางอย่างที่มันฝังแน่นในใจผมน่ะ
ผมรีบเขยิบไปแอบหลังฝูงคนที่มารอรับญาติอย่างว่องไว พี่รันมันเดินมาคนเดียวครับ มิน่าละ ที่ช่วงนี้มันหายหน้าไปหลายวันก็คงเพราะไปต่างประเทศนั่นเอง ผมแอบโหวงๆในใจนิดหนึ่งนะ จะตัดพ้อว่ามันไปไหนไม่บอกกล่าวก็พูดได้ไม่เต็มปาก เพราะผมไม่ได้อยู่ในสถาะที่จะไปงอนอะไรเขาได้ อีกส่วนหนึ่งผมก็สมเพชตัวเองที่หลงคิดไปว่าจะมีผู้ชายมาชอบผมจริงๆ ช่างไม่รู้จักเจียมตัวเสียเลย
“เขาไปแล้วละพ่อรูปหล่อ” หือ? เสียงใครวะครับ
“พ่อรูปหล่อแอบเจ้าหนุ่มแว่นดำนั่นใช่ไหมละ เขาไปพ้นแล้วล่ะ” ผมเงยหน้าขึ้นมองคุณยายตัวเล็กๆที่ยืนอยู่ข้างหน้าผมแล้วหัวเราะเสียงแห้ง ยายนี่ช่างสังเกตเนาะ
“เป็นคู่กรณีกันใช่ไหมละ ไม่ถูกกันใช่หรือเปล่า” คุณยายเคี้ยวหมากหยับๆถามผมอย่างอารมณ์ดี สงสัยยายจะดูหนังเยอะไปนะครับ
“ก็ประมาณนั้นละครับ”
“วัยรุ่นก็ยังงี้แหละลูก ต้องมีศัตรูกันบ้างจะได้สมเป็นลูกผู้ชาย” เออะ... คำพูดยายแทงใจผมดังอั้กเลยครับ ถ้ายายรู้ว่าผมแอบผู้ชายคนหนึ่งเพราะปัญหาเรื่องหัวใจไม่ใช่เรื่องศัตรูแบบแมนๆ คุณยายจะช็อกหรือเปล่านะ
“เอ่อ ผมขอตัวก่อนนะครับ”
“จ้ะ โชคดีนะพ่อหนุ่ม”
ผมเลี่ยงหนีจากคุณยายหัวใจวัยรุ่นได้ก็มาเดินป้วนเปี้ยนใกล้ๆประตูผู้โดยสารขาออก ยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดูนี่มันเลยแปดโมงมาสิบนาทีแล้วนี่หว่า หวังว่าคุณนายคงไม่ได้ไปเดินโต๋เต๋เพลิดเพลินอยู่ที่ดิวตี้ฟรีหรอกนะ พอคิดอย่างนั้นแล้วก็เลยคว้าโทรศัพท์ขึ้นมาจะกดโทร แต่ก็มีเสียงตะโกนเรียกชื่อผมขึ้นมาก่อน
“นิล” ผมเงยหน้ามองตามเสียง
“แม่อยู่นี่ลูก” ชัดเลย อาเจ๊เชิ้ตขาวกางเกงยีนส์เดินมาบนส้นสูงปรี๊ดทำเอาเจ้าของความสูง 155 ซม. กลายเป็น 162 ซม. ได้ในบัดดล ผมกลั้นยิ้มไม่อยู่ขณะเดินตรงเข้าไปหาคุณนายแม่ ตัวก็นิดเดียวทำไมเข็นอะไรออกมาเยอะแยะมากมายเหลือเกิน
“คิดถึงจังเลยครับ” แม่ดูผอมลงไปเยอะเลยครับ แต่โดยรวมกลับสวยเป๊ะยิ่งกว่าเดิม แถมตัวนี่แน่นปั้กเลย
“แม่เล่นฟิตเนสหนักเหรอครับ”
“ก็แม่แก่แล้ว ต้องออกกำลังกายเยอะๆ จะได้แข็งแรงไง” คุณนายยิ้มกว้าง ผมอดไม่ได้ที่จะหอมแก้มนางฟอดใหญ่ หัวใจผมทั้งดวงมอบให้ผู้หญิงคนนี้ไปหมดแล้วครับ
“แม่ยังไม่แก่เลย ยังสวยเช้งกระเด๊ะแบบนี้มีไอ้หนุ่มที่ไหนแอบมาโปรยขนมจีบหรือเปล่าครับ”
“อู๊ย ไม่มีหรอกลูก” ผมรู้ว่าถึงแม่จะบอกแบบนั้น แต่ความจริงแม่เป็นคนที่ฮอตมาก สเน่ห์ของแม่ไม่ได้อยู่ที่ความสวยและรูปร่างเพอร์เฟ็คท์ แต่นิสัยและสเน่ห์ปลายจวักของแม่ต่างหากที่ทำให้ใครๆหลงรักได้ไม่ยาก แม่ผมทำอาหารทั้งคาวหวานอร่อยที่สุดในโลกเลยนะคร้าบบบบบ อิอิ
“นิล น้องนิลใช่ไหมครับ” หือ ใครอีกวะ วันนี้ผมเจอคนรู้จักบ่อยจริง
“เฮ้ย!” เสียงอุทานของผมตอนที่เห็นหน้าคนที่มาเรียกทำให้แม่ผมสะดุ้งไปด้วย ก็ไอ้หน้าหล่อนี่สิครับมายืนมองผมด้วยสายตาวิบวับตั้งแต่เมื่อไรกัน
“เพื่อนนิลเหรอลูก” ฉิบหายละ รังสีความหล่อระบาดมาถึงคุณนายแม่ของผมแล้ว เธอมองไอ้พี่รันด้วยสายตาปลาบปลื้มแบบสุดๆไปเลยครับ
“เอ่อ แค่คนรู้จักน่ะครับ” แน่นอนว่าพอผมพูดแบบนั้นพี่รันหน้าสลดทันที “มันซับซ้อนน่ะครับแม่ คือพี่รันเขาเป็นญาติกับแฟนยัยฟ้าครับ”
“หนูฟ้ามีแฟนแล้วเหรอเนี่ย ตายละ แม่รู้สึกเหมือนแม่ไม่ได้กลับมานานมาก ทำไมอะไรๆก็เปลี่ยนไป ลูกแม่ก็ดูเป็นหนุ่มหล่อขึ้นตั้งเยอะ”
“แล้วสุดหล่อคนนี้ชื่อรันหรือจ๊ะ”
“ครับ สวัสดีครับคุณแม่” พี่รันยิ้มกว้างโชว์ฟันขาวจั๊ว 32 ซี่ ผมหมั่นไส้เลยแอบหยิกเอวไปหนึ่งที
“ไปกันดีกว่าครับแม่ จะได้กลับไปพักผ่อน”
“อู๊ย พักผ่อนอะไรกัน แม่อยากจะหาอาหารใส่กระเพาะก่อนเป็นอันดับแรกจ้ะ ว่าแต่รันก็เพิ่งลงเครื่องหรือจ๊ะ หรือว่ากำลังจะไปขึ้นเครื่อง”
“ผมเพิ่งลงเครื่องครับ”
“อ้าว เหรอจ๊ะ มาจากไหนละเรา”
“ผมไปทำธุระที่ LA มาครับ” ผมยืนมองแม่ซักไซร้ไอ้พี่รันยังกับจะสอบสัมภาษณ์ลุกเขย คิดแล้วก็น้อยใจนัก แทนที่จะให้ความสนใจลูกตัวเองมากกว่า
“เอ่อ เปลี่ยนลูกใหม่เลยมั้ยครับแม่” ผมแขวะด้วยความอิจฉาแกมหมั่นไส้
“แหม ตานิล ไม่ต้องเปลี่ยนหรอก แต่ขอลูกชายเพิ่มอีกคนได้มั้ยละ” แม่ผมค้อนใส่ แต่ไอ้พี่รันดูจะถูกใจที่แม่ผมพูดมากมาย
“ถ้าคุณแม่ไม่รังเกียจผม ผมก็ยินดีเป็นลูกชายอีกคนให้คุณแม่ครับ” พี่รันยิ้มหวานโปรยสเน่ห์เจิดจ้าหนึ่งพันวัตต์ ถ้าบ้านคุณไม่มีไฟฟ้าใช้ก็มาต่อตรงจากตัวพี่รันได้เลยนะครับ
“แม่ครับ กลับบ้านกันเถอะ”
“ฮื้อ ลูกคนนี้ งอแงอีกแล้ว อ้ะ งั้นไปกันเถอะ ไว้เจอกันนะจ๊ะรัน”
“ได้ครับ อ้อ! ว่าแต่คุณแม่จะอยู่กี่วันหรือครับ”
“ประมาณครึ่งเดือนแหละจ้ะ”
“งั้นเดี๋ยวผมขอโอกาสพาคุณแม่ไปทานข้าวบ้างได้มั้ยครับ”
“ต๊าย งั้นแม่ก็จะขอเลี้ยงอาหารฝีมือแม่ให้รันบ้างนะจ๊ะ”
ครับ หลังจากที่ ‘แม่ของผม’ และไอ้พี่รันคุยเจ๊าะแจ๊ะกันอีกห้านาทีถึงได้ฤกษ์เคลื่อนย้ายออกจากสนามบิน ตอนแรกมันจะไปส่งผมด้วย แต่พอเห็นสายตาอาฆาตของผมมันก็ปิดปากเงียบและจากไปแบบจ๋อยๆ สะใจจริงครับ
“รันเนี่ย นิลเพิ่งรู้จักเหรอลูก” แม่ผมถามขึ้นมาตอนอยู่บนแท็กซี่ ทำเอาผมสะดุ้งโหยง
“อ๋อ ครับ เขาก็ติดสอยห้อยตามมากับพี่เลแฟนยัยฟ้า นิลก็เลยบังเอิญรู้จักไปด้วย”
“เขาหล่อดีเนอะ”
ผมก็ได้แต่เงียบครับ ไม่รู้ว่าแม่คิดอะไรอยู่ เห็นเงียบๆยิ้มๆแบบนั้นแต่ในใจวางแผนไปร้อยตลบแล้วนะครับอย่าได้ประมาท หึหึ
พอเราสองคนมาถึงบ้าน คุณนายก็ชี้นิ้วสั่งให้ผมเอาสัมภาระทั้งหมดไปเก็บ ส่วนตัวเองขอเข้าไปสำรวจสภาพในครัว ไม่ต้องงงนะครับ นายแม่ผมมีงานอดิเรกคือการทำอาหาร ซึ่งผมไม่ได้รับการถ่ายทอดคุณสมบัตินี้มาเลยแม้แต่น้อย เพราะฉะนั้นในครัวผมจึงมักจะสะอาดเอี่ยมเพราะไม่ได้รับการแตะต้องนั่งเอง
อ๊ะๆๆๆ แต่ผมชอบทำขนมนะเออ พวกเค้ก พาย อะไรพวกนี้ผมทำได้เป็นอย่างดี หรือจะพูดให้เห็นภาพก็คือ ของกินที่ต้องมีการชั่ง ตวง วัด อย่างเป็นรูปธรรมนั้นผมจะทำได้ดี แต่ถ้าเป็นอาหารคาวที่ต้องใช้ฝีมือจริงๆนั้นผมขอผ่าน แบบว่าต่อมรับรสของผมมันคงไม่ค่อยดีละมั้ง
“นิล”
“ครับแม่”
“พรุ่งนี้ชวนหนูฟ้ามากินข้าวสิลูก วันเสาร์พอดีนี่นา ไม่มีเรียนใช่มั้ย”
“ได้คร้าบ” ผมส่งไลน์ไปหายัยฟ้าทันทีก่อนที่ผมจะลืม เรื่องของกินฟ้าครามไม่เคยปฏิเสธอยู่แล้ว แถมยังบอกให้ผมทำเค้กกล้วยหอมให้กินอีกต่างหาก
“แล้ววันนี้แม่จะทำอะไรให้นิลกินครับ” ผมเดินเข้าไปในครัว เห็นแม่ถือซองบางอย่างไว้ในมือ ส่วนอีกมือถือแท่งยาวๆสีแดงให้ไอ้ริชชี่กิน
“สปอล์ยแมวอีกละแม่”
“แหม ก็ริชชี่น่ะ จำแม่ได้ เดินมาพันแข้งพันขาใหญ่เลย แม่ก็เลยให้รางวัลที่ทำตัวน่ารักนิดหน่อยเองลูก” ผมยืนมองหญิงวัยใกล้สี่สิบป้อนขนมให้แมวอย่างเพลิดเพลิน ดูท่ามีหลายห่อด้วยนะครับไอ้ขนมแมวเนี่ย แถมเป็นเกรดพรีเมี่ยมเสียด้วยสิ
“อ๊ะ จริงสิ แม่มีปลอกคอมาฝากริชชี่ด้วยนะลูก” ครับ ไอ้ริชชี่เป็นลูกชายอีกคนของนายแม่ ส่วนผมเป็นพี่ชายไอ้ริชชี่ ปลอกคอโซ่เงินเส้นเล็กๆเป็นประกายวาววับมีป้ายชื่อเงินสลักคำว่า RICHIE เอาไว้ ผมยังจำได้ว่าหนก่อนที่แม่สั่งทำปลอกคอมาให้มัน แม่ทำตัว C เกินมาตัวนึงด้วย
“แล้วสรุปลูกแม่คนนี้จะได้กินอะไรครับวันนี้”
“หืม ไม่บอกหรอก เอาไว้เซอร์ไพรส์ ตอนนี้เราไปเปิดของฝากกันดีกว่า” แม่อมยิ้มและมาควงแขนผมออกไปที่ห้องนั่งเล่น
ข้าวของกองพะเนินที่กองอยู่ตรงหน้านี้แยกได้เป็น 3 ส่วน คือของฝากผม ของฝากริชชี่ และของฝากยัยฟ้า ที่แม่ซื้อของมาฝากแค่สามคนก็คงเพราะว่าผมและแม่ไม่มีญาติเหลืออยู่ที่ไหน ไม่ใช่ว่าตายกันหมดนะครับ แต่แม่เลือกที่จะตัดขาดจากคนพวกนั้นมามากกว่า ซึ่งผมไม่อยากจะพูดถึงมันสักเท่าไร
“นี่ๆ ตัวนี้แม่ชอบมาเลยนะ แม่ว่าใส่แล้วต้องเหมาะกับผิวขาวๆของนิลแน่เลย” แม่หยิบเสื้อเชิ้ตสีดำสนิทมาทาบกับตัวผม แต่ด้วยขนาดลำตัวที่กว้างและยาวเกินปกติที่ผมจะใส่ได้ทำให้แม่หยิบป้ายไซส์ขึ้นมาดู
“ต๊าย ไซส์แอล ชั้นอุตส่าห์บอกคนขายแล้วนะว่าเอาไซส์ S น่าโมโหจริงเชียว”
“ไม่เป็นไรครับแม่ เก็บเอาไว้แหละ เผื่อผมตัวใหญ่กว่านี้ก็คงใส่ได้” ผมปลอบใจคุณนาย แต่เธอก็ยังคงบ่นกระปอดกระแปดไปเรื่อย ก็เข้าใจนะครับ แม่ตั้งใจซื้อมาฝากผมนี่นา พอเห็นแม่เซ็งๆผมก็เลยแกะเอากางเกงยีนส์ที่แม่ซื้อมาใส่อยู่ห้อง แม่ผมชมไม่หยุดเลยว่าผมใส่แล้วเหมาะอย่างนู้นหล่ออย่างนี้ คนเห่อลูกคุณรู้จักใช่ไหมครับ
หลังจากที่ผมพาแม่ไปเดินซื้อกับข้าวแล้วก็กลับมานอนเอกเขนก เล่นกับแมวบ้าง ไปกวนแกม่ในครัวบ้าง มื้อเย็นวันนั้นแม่ผมจัดอาหารขึ้นโต๊ะเต็มอัตราศึกเลยครับ ไก่อบจันทร์เทศน์ สเต็กเนื้อแบบมีเดียมแรร์ ซีซาร์สลัดผักกาดแก้วใส่ผลแบล็คเคอร์เรนท์อบแห้ง แซลมอนกริลล์แค่ผิวนอกกินกับมะนาวบีบ ซาซิมิแซลมอน ต้มยำกุ้งแม่น้ำ เฮ้ย นี่มันอาหารนานาชาตินี่หว่า แต่มันเป็นของโปรดผมทั้งหมดเลยนะนี่ ที่สำคัญเรากินกันหมดด้วยละ ฮ่าๆ
ติ๊ง ต่อง
อืม ห้องใครวะ มีคนมากดออดแต่เช้า
ติ๊ง ต่อง
ควับ ผมหยิบหมอนขึ้นมากดหู รำคาญจริง ทำไมไอ้เจ้าของห้องไม่ไปเปิดสักที อาห์ เสียงเงียบพอดีเลยแฮะ สงสัยจะรู้ว่าผมแอบด่าในใจ
"..."
"....จ้ะ..."
"......"
เสียงพูดคุยจุ๊กจิ๊กดังมาจากนอกห้องนอน แม่คุยโทรศัพท์กับใครอะ ผมนอนหลับตาฟังอยู่สักพัก เสียงผู้ชายก็ดังลอยมา
“เหยด!!” ผมดีดตัวผึงจากที่นอน หันไปมองนาฬิกาที่บอกเวลาใกล้เที่ยง มันไม่ใช่ตอนเช้านี่หว่า แต่จะเที่ยวแล้วต่างหาก แม่ก็ไม่เข้ามาปลุกผมบ้างเลย และไอ้เสียงผู้ชายนั่นก็คุ้นหูผมเหลือเกิน อย่าบอกนะว่า...
“แม่~” ผมโผล่พรวดออกไปทันที ชายหญิงสองคนหันมามองผมแบบประหลาดใจ โดยเฉพาะไอ้ตัวผู้ที่มันทำสายตาวิบวับเหลือเกิน
“ตายแล้วลูก ทำไมไม่ใส่เสื้อแสงให้เรียบร้อย พี่รันเขามาหาเนี่ย” ผมผงะ ก้มมองตัวเอง ใส่กางเกลผ้าฝ้ายขายาวตัวเดียวโดดๆ ไร้อาภรณ์ปิดกายท่อนบน พี่รันที่แต่งตัวรูปหล่อเต็มยศคงกะมาอ่อยแม่ผมให้ตกหลุมพรางเป็นแน่
“มะ ไม่เห็นเป็นไรนี่ครับ นิลเป็นผู้ชายนะ” แม้จะร้อนๆหนาวๆจากสายตาไอ้พี่รันที่จ้องเอาๆ แต่ผมก็ทำใจดีสู้เสือ ไม่มีทางตุ๊ดแตกต่อหน้าแม่เด็ดขาด!
“พี่จะมองอะไรนักหนาครับ ตัวเองไม่เคยถอดเสื้อหรือไงล่ะ”
“ครับ” ไอ้ ‘ครับ’ เนี่ยมันแปลว่าอะไรวะห๊ะ สุดท้ายแล้วผมก็ยอมแพ้สายตาไอ้พี่รัน แล้วเดินกลับเข้าไปในห้องนอนเพื่อหาเสื้อมาสวมทับกันอุจาด
“แล้วพี่มาทำไม” ผมเดินเข้าไปพูดใกล้ๆพี่รันพอให้ได้ยินกันสองคน แม่ผมกำลังสาละวนทอดแพนเค้ก คงไม่มาสนใจพวกผมหรอกครับ
“ก็คิดถึง ไม่เจอกันตั้งหลายวันนิลไม่คิดถึงพี่บ้างหรือครับ”
“ฮึ้ย ขนลุก คิดถงคิดถึงอะไร เราไม่ได้เป็นแฟนกันสักหน่อย”
“ก็เป็นซะสิครับ” เหยด อย่ามายิ้มหวานหยาดเยิ้มให้ผมนะ เดี๋ยวผมใจอ่อน
“อย่ามาหยอด ผมไม่ชอบ” ว่าแล้วก็สะบัดหน้าใส่ มาคิดอีกทีก็โมโหที่ตัวเองทำอะไรสาวแตกแบบนั้นว้า~
“รันทานข้าวมารึยังลูก แต่ทานแล้วก็ไม่เป็นไรเนอะ มาทานอีกรอบก็ได้” แม่ผมพูดไปก็ขำคิกคักไป ขำอะไรครับคุณนาย
“บ้านนี้มื้อเช้ามื้อเที่ยงควบกันเลยนะลูก เจ้าของบ้านเขาตื่นสายเป็นกิจวัตรน่ะ หึหึ”
“แม่อ้ะ ก็นี่มันวันหยุดนิ”
“แทนที่จะตื่นแต่เช้ามาดูแลถามไถ่ว่าแม่หิวหรือเปล่าก็ไม่มีเล้ย”
“แม่ทำเองยังมีโอกาสได้กินมากกว่านิลทำนะ” ผมนั่งลงบนเก้าอี้ทานข้าว บนโต๊ะมีแพนเค้กสูตรเด็ดของแม่ที่ทอดสุกแล้ววางอยู่สองกองใหญ่ แหม ทอดเหมือนรู้ว่าจะมีคนมากินด้วยเลยเนอะ แล้วยังมีพวกเยมผลไม้ต่างๆ ไซรัปหลากรส ช็อกโกแล็ต เนย เอาไว้ให้ทาหน้า พวกหน้าของคาวอย่างแฮม ไข่ดาวก็มีครับ
“รันเอาน้ำอะไรดีลูก กาแฟมั้ย”
“ได้ครับ ขอบคุณครับ”
“เอ๊ะ พี่รัน ทำไมยังมานั่งเนียนอยู่เนี่ย หน้าด้า- โอ๊ย” ผมรองเสียงหลงพร้อมกับเสียงเพียะที่ต้นแขน นายแม่ฟาดดัชนี้ลงมาครบทั้งห้านางเลยครับ
“นิล ทำไมพูดไม่เพราะเลยละ ก็เป็นเพื่อนกันรู้จักกันจะมาเที่ยวบ้างเป็นไรไป แม่ทิ้งให้นิลอยู่ที่นี่คนเดียวก็เพราะนิลบอกว่าไม่อยากไปอเมริกา ทั้งที่แม่เป็นห่วงนิลจะแย่ แต่พอแม่เห็นนิลมีเพื่อนดีๆที่ไว้ใจได้มันทำให้แม่หายห่วงนะลูก” ผมหน้าสลดทันทีที่แม่เริ่มจริงจัง มันก็จริงแหละครับ เพราะผมเองที่ดื้นรั้นไม่อยากไปอยู่กับแม่... ทั้งที่จริงๆแล้วผมควรจะอยู่เคียงข้างแม่หรือเปล่า แต่ด้วยอะไรหลากหลายอย่างทำให้ผมไม่สามารถตัดใจจากเมืองไทยได้จริงๆครับ เอาไว้วันหลังผมจะเล่ารายละเอียดให้คุณฟังแล้วกันนะ
“คุณแม่ครับ อย่าดุน้องเลยครับ ปกติเราก็คุยเล่นกันแบบนี้แหละ” พี่รันใช้บทบาทพระเอกเข้ามาทำให้แม่ผมใจอ่อน ซึ่งมันก็ได้ผล เพราะกลายเป็นว่าตอนนี้คุณนายนอกจากจะเอ็นดูยัยฟ้าแล้ว ยังปลื้มพี่รันเอามากๆเสียด้วย
และแน่นอนว่ามื้อเย็นวันนี้ที่ยัยฟ้าจะมากินข้าวด้วย อีพี่รันมันก็มาสิงอยู่คอนโดผมตลอดทั้งวันเลยครับ ยัยฟ้าพอเห็นหน้าพี่รันก็หางฟูหูตั้งทันทีทันใด แต่ไม่รู้ว่าพี่รันทำอีท่าไหน เห็นดึงยัยฟ้าไปคุยงุบงิบอะไรกันสองคนแป๊บเดียว ยัยฟ้าก็มีท่าทีญาติดีขึ้นมาเชียว
ตอนแรกยัยฟ้าจะขอนอนด้วย แต่ติดที่ว่าไม่ได้ขอพ่อกับแม่ว่าจะมาค้าง แถมพ่อกับแม่ต้องไปบ้านญาติ ยัยฟ้าเลยต้องกลับไปนอนเฝ้าบ้านโดยมีไอ้พี่รันไปส่ง
“ห้ามพาฟ้าครามนอกลู่นอกทางนะ” ผมกำชับ ไอ้หน้าหม้อตระกูลนี้ไม่น่าไว้ใจ
“พี่มีแต่นิลคนเดียวแหละครับ คนอื่นพี่ไม่สนหรอก” พี่รันทำตาหวานเยิ้ม
“หมั่นไส้พี่รัน รีบไปเลย” ยัยฟ้าเร่ง
“ฟ้านี่ทำไมพูดมากจังครับ พูดมากแบบนี้ระวังผู้ชายจะหนีหมด พี่ไปก่อนนะครับนิล”
“ผู้ชายหนีไปได้กันเองหมดน่ะสิ บ๊ายบายนะนิล”
ผมยืนมองคนสองคนที่ด่ากันไปแต่ก็ไม่ลืมที่จะหันมาบอกลาผม ผมโบกมือให้ทั้งสองคนแบบงงๆ อย่างนี้เขาถือว่าแยกสมาธิได้ดีหรือเปล่าครับ?
“ไป ริชชี่เข้าบ้าน” ผมตวัดเท้าลากไอ้เหมียวที่แหยมหน้ามานอกประตูให้กลับเข้าไป มองส่งสองคนนั้นลงลิฟต์แล้วจึงปิดประตูเดินกลับเข้าห้อง
▂▂ ▃ ▄ ▅ ▆ ▇ █ █ ▇ ▆ ▅ ▄ ▃ ▂▂
กราบขอโทษค่ะ.... ลืมไปว่าตัวเองลงนิยายอยู่

ดีนะมีสต็อค