คนเขียนฝากมาลงนะคะ ไปอ่านกันเลยจ้า
-----------------------------------------------
▓▒░ อุบัติรักเร็วเกินเหตุ ░▒▓ ตอนที่ 11
ผมเป็นมือใหม่หัดมีแฟนหมาดๆเลยครับ
ทั้งตื่นเต้นและสับสนไปพร้อมๆกัน
เพราะแฟนผมไม่ใช่ตาสีตาสาที่ไหนแต่เป็นผู้ชายที่ใครต่อใครก็หมายปองแล้วมันก็ดันเป็นคนที่หล่อเลือกได้ซะด้วยสิ
ที่สำคัญ....มันเป็นผู้ชาย
ผู้ชายหลั่นล้าแถมชื่อหรรษาซะด้วย
มันไม่ได้เลือกผม แต่เป็นภาวะจำยอมบางอย่างที่ทำให้เราต้องมาคบกัน ผมจะพยายามพิสูจน์ตัวเองให้ได้ว่าไม่ได้เอาตัวเข้าแลกเพื่อจับมันหรอกนะ ผมเองก็เพิ่งจะรู้เหมือนกันแหละว่าเข้ากันได้ดีกับผู้ชาย
จะอายดีมั้ยวะ
ถ้าจะแมนให้คู่ควรกับมัน ผมจะต้องไม่อาย
ฮึด! ฮึด!
ผมเรียนต่อยมวยมาได้สัปดาห์หนึ่งแล้วหลังจากที่หรรษาหนีแอนมาค้างกับผม มันไม่ได้บอกอะไรมาก ผมเองก็ไม่อยากเซ้าซี้ถามมันให้รำคาญใจทั้งๆที่อยากรู้แค่ไหนก็ตาม
แค่มันยอมทิ้งรักแรกมาหาคนที่มันไม่ได้รักแต่ต้องมารับผิดชอบการกระทำของตัวเองอย่างงงๆก็พอแล้ว
แม่บอกว่าหรรษาโคตรจะแมนแสนแมน แม่ก็ชมมันอยู่วันยังค่ำแหละ
ผมยอมทำความต้องการของมันโดยการอยู่ในที่ของตัวเองมา 7 วันแล้วนะ ไม่มีวันหนเลยสักวันที่ไม่คิดถึงมัน ส่วนหรรษาคงจะชินกับเรื่องพวกนี้แล้วมั้ง มันคงยุ่งกับเรื่องที่วิทยาลัยของมันมากกว่าเอาเวลามาคิดถึงผม ดีเหมือนกันที่มันจะได้เจอเมตตาในเวอร์ชั่นที่สามารถวิ่งผ่าไฟแดงหนีอริมันได้ ต้องมีวันนั้นแน่ๆ
ฮึด! ฮึด!
กระสอบทรายแกว่งไปมาไม่รู้ร้อนรู้หนาวหรือรู้เจ็ปปวด แต่ทั้งขาอ่อนทั้งหน้าแข้งของผมนี่ปวดร้าวจนรอยช้ำสีม่วงแดงลามหากันจนเป็นผืนเดียวกันแล้ว
“ไอ้เมตนี่มันคนหรือควายวะนิว ตัวนิดเดียวแม่งโคตรอึด มันฝึกมวยทำไมวะ”
โมเมถามเพื่อนสนิทอีกคนที่ยืนดูเมตตาอยู่หลังเวทีมวย สองเพื่อนรักทำหน้าสยองทุกครั้งที่ขาเล็กๆของเมตตากระทบกับกระสอบทรายใบใหญ่แล้วได้ผลกลับมาเป็นรอยแดงช้ำพร้อมทั้งเสียงร้องซี๊ดบ่งบอกความเจ็บด้วยการหลับตาปี๋จากคนที่ไม่ย่อถอยอยู่บนเวทีนั้น
“กูก็ไม่รู้ว่ะเม กูเห็นมันพูดแค่ว่าอยากแมนกว่านี้ ไม่คิดว่ามันจะมาหัดมวยเลยนะเนี่ย กูแค่คิดว่ามันจะตากแดดให้ตัวคล้ำๆ ไว้หนวดไว้เครา ทำตัวสกมกเข้าไว้ก็จะได้ดูเถื่อนดูแมนไปเอง แต่นี่”
นิวหน้าย่นปนสยองเมื่อบรรยายสภาพเพื่อนที่เคยร่างบอบบางจนตอนนี้ก็ไม่ได้ดูหนาขึ้นแต่อย่างใด กลับดูเหมือนพวกที่ทรมานตัวเองมากไปจนจะไม่ไหวแล้วด้วยซ้ำ สองเพื่อนรักรีบกระโดดตีมือกันอย่างดีใจเมื่อเห็นว่าเมตตาแขวนนวมไว้ในที่เก็บ
“ไงพวกมึง มารอกูนานมั้ย”
“ไม่นาน” “นานมาก”
โมเมและนิวมาด้วยกันแต่ตอบไม่เหมือนกันจนผมอดสงสัยไม่ได้ ตอนนี้รู้สึกว่าร้าวระบมไปทั้งขาจนแทบจะเดินไม่ไหวแล้ว แต่ดันรับปากกับพวกมันว่าวันนี้จะไปปาร์ตี้ด้วยกันให้ครบแก๊งค์หลังจากที่ผมตัดสินใจลงเรียนมวยเลยต้องกัดฟันทน
“มึงไปตกลงกันก่อนว่านานหรือไม่นาน” ผมให้โอกาสมันสองคน
“ช่างมันเหอะ มึงไหวป่าวเนี่ยเมต ดูมึงเจ็บมาก”
โมเมถามด้วยความห่วงใยจริงๆจนรับรู้ได้จากน้ำเสียงและสีหน้า ผมกลัวเพื่อนจะหมดกำลังใจเลยได้แต่กัดฟันยิ้มให้ไปบางๆ
“ไหวดิ กูเรียนหลักสูตรเร่งรัดเลยหักโหมไปหน่อย มันยังช้ำอยู่งี้แหละ จริงๆกินยาก็หายปวดแล้ว”
แต่มันหายปวดแบบวันต่อวันนะ เพราะพออีกวันผมเตะกระสอบทรายซ้ำๆ มันก็ย้ำความเจ็บและบวมช้ำเข้าไปอีก ต่อให้กินยาทุกวันก็ไม่หายหรอกถ้าไม่หยุดซ้อมมวยจนกว่าจะหายดี แต่ผมอยากแมนเร็วๆนี่นา
“มึงชอบหรรษามากเลยเหรอวะ”
นิวถาม มันไม่เคยเห็นผมพยายามขนาดนี้มาก่อนมั้ง
“ก็ไม่รู้ดิ มึงก็รู้ว่ากูไม่เคยมีเป็นแฟนกับใคร ส่วนไอ้ที่ทำอยู่เนี่ย กูแค่ไม่อยากเป็นภาระให้มันต้องมาดูแลกูอะ พอมันห่วงหน้าพะวงหลังแล้วจะถูกลูกหลงเอาได้ง่ายๆ”
“ไอ้ควายเมต นั่นแหละเค้าเรียกว่ารักเว้ยไอ้บ้า แม่งพูดมาซะยาวกูสรุปได้แค่นี้แหละ”
โมเมว่า ผมก็ไม่ได้เถียงหรอกแต่ก็ไม่รู้ว่าตัวเองรักหรรษามากแค่ไหนเหมือนกัน
พวกมันพาผมมานั่งกินเหล้าร้านใหม่ที่ไม่ใช่ร้านที่หรรษาช่วยเอาไว้จนได้ลึกซึ้งกันไปถึงไหนต่อไหนในวันนั้น เป็นร้านที่มีแต่เด็กมหาลัย ไม่ค่อยมีใครหน้าเถื่อนๆเหมือนตอนร้านแรกที่ไป บรรยากาศก็ดูสบายๆ ผมเลยนั่งจิบเหล้าบางๆอีกครั้งหลังจากที่ไม่แตะต้องมันมานานเลย
อีกอย่างเพื่อนอยู่กันครบแก๊งค์ คราวนี้มันคงไม่ปล่อยผมให้เรื้อนอย่างวันนั้นแล้วล่ะ มันคงรู้แล้วว่าผลที่ตามมาเป็นยังไง
ร้านนี้มีแต่คนหน้าตาดีบล็อคเกาหลีกันทั้งนั้นทั้งหล่อทั้งสวยเปล่งประกายออร่ากันมากมาย เดินส่ายแก้วชนกันโฉบเฉี่ยวไปมามองแล้วเพลินจนลืมไปเลยว่าผมมาทั้งที่ยังเดี้ยงอยู่
“เสียดายนะเมตที่วันนี้มึงค่อนข้างพิการ ถ้ามึงปกติกูว่าคืนนี้มึงฮอต” เป๋งตะโกนบอกเสียงดังแข่งกับเพลง
“ใช่ๆกุ้งนางเห็นมีหลายคนมองเมตตาเป็นเลยนะ”
กุ้งนางเสริม พยักเพยิดหน้าเห็นด้วยแบบสุดๆ คงต้องเชื่อสายตากุ้งนาง เพราะทั้งกลุ่มนี้กุ้งนางเที่ยวเก่งสุดแล้ว แต่ผมก็ไม่เห็นว่าจะมีใครสนใจผมแบบโจ่งแจ้งอย่างที่กุ้งนางว่าเลยสักคน คือถ้าหันไปสบตาใครเขาก็ยิ้มให้เป็นธรรมดาแหละ
“เชดดดด พวกมึงมองไปที่มุมนั้นดิวะ ผู้หญิงคนนั้นมองกูหรือมองไอ้เมตกันแน่วะ แต่สายตานี่กะกินใครสักคนในกลุ่มเราแน่ๆ”
ผมมองตามที่ภูผามันบอก ผู้หญิงคนนั้นสูงยาวเข่าดีและดูสวยเปล่งประกายมากขนาดว่าเธออยู่ในมุมมืดผมยังรับรู้ถึงความสวยของเธอได้ ผมเองพอเห็นแล้วก็มองเธอไม่วางตาเหมือนกัน
“กูว่าแม่งต้องเป็นนางฟ้าจำแลง” ผมพูดเพ้อๆออกมา
ไอ้เป๋งเอาก้นแก้วโคะกบาลผมดังโป๊ก นั่นแหละถึงได้อยู่กับความเป็นจริงอีกครั้ง
“กูว่าไม่ใช่ผู้หญิงหรอก คงเป็นกะเทยแปลงเพศ ถ้าผู้หญิงจริงๆคงไม่หว่านเสน่ห์ขนาดนี้หรอก”
“นี่ไอ้เป๋ง มึงยังคิดว่าชะนีทุกวันนี้ยังรักนวลสงวนตัวอีกเหรอ มึงดูอย่างเมียเก่าแฟนไอ้เมตสิ ไอ้เชี่ย อยู่กินกับผัวใหม่แล้วแท้ๆ พอมีปากเสียงกันจนโดนซ้อมขึ้นมาก็หนีมาหาพระเอกหรรษาให้ช่วยเหลือ มึงดูพิษสงของชะนีสิ กูนี่นะแม่งอยากเอาหมามุ่ยไปยีหน้านางให้สมกับความคันของมัน”
โมเมใส่อารมณ์เหมือนมันเป็นแฟนใหม่หรรษาซะเอง จริงๆผมก็รู้สึกแปลกๆที่แอนทำอย่างนั้นเหมือนกัน รู้สึกวูบโหวงในอกแล้วก็น้อยใจแบบแปลกๆที่รู็ว่าหรรษาก็เต็มใจช่วยเหลือแอนทุกครั้งแม้จะไม่อยู่ด้วยกันตลอดเวลาก็ตาม พอคิดถึงเรื่องนี้แล้วแทนที่จะค่อยๆจิบเหล้าอย่างที่เคย ผมกลับสาดลงคอไปซะเฉยๆจนเกลี้ยงแก้ว
ผมก็ลืมไปไงว่าผมเมาเมื่อไหร่ความกล้ามาจากไหนนักก็ไม่รู้ น้ำเมานี่มันเปลี่ยนนิสัยได้จริงๆนะ มีสติอยู่ดีๆ แค่เผลอแค่ลืมตัวเท่านั้น ก็เมาเลยผมเดินเข้าไปหานางฟ้าคนนั้นอย่างอาจหาญ พอผมประชิดตัวเข้าหาเธอก็เบิกตากว้าง เลิกคิ้วสูงเหมือนแปลกใจแต่ก็ยิ้มรับไมตรีนั่นเท่ากับเสริมความกล้าให้ผม
“สวัสดีครับ ผมชื่อเมตตานะ แค่ชื่อก็น่าคบหาแล้วใช่มั้ยครับ”
เสียงโห่ตามมาว่าเสี่ยวจากชาวแก๊งค์ดังสนั่น แต่ผมหูอื้อหมดแล้ว
“ค่ะ” เธอตอบรับยิ้มๆ
“บอกชื่อผมหน่อยสิครับ จะได้เรียกถูก นะ”
ฝึกทำเสียงออดอ้อนไปในตัวเลยนะเนี่ย
“เพอชี่ค่ะ”
คนสวยหน้าไทยคมชัดแต่ทำไมชื่อแปลกนักก็ไม่รู้
“ไปนั่งด้วยกันที่โต๊ะมั้ยครับ ยืนน่าจะเมื่อย”
“ขอบคุณค่ะ แต่จะดีเหรอคะ เพื่อนคุณเต็มโต๊ะเลย”
“เรียกเมตดีกว่านะครับ จะได้เป็นกันเองมากกว่านี้”
“ได้สิคะน้องเมต”
ผมหุบยิ้มฉับ เรียกซะเด็กน้อยเลย เสียมู๊ดเสียแมนหมด จะจีบสาวสักทีโดนสาวเรียกน้องเมต จั้กจี้ตัวเองฉิบหาย
“เพอชี่แหย่เล่นค่ะ แต่เมตยังดูเด็กจริงๆนะ”
“แล้วเรียกพี่ได้มั้ยมั้ยล่ะ”
‘เรียกพี่ได้ไหมแล้วพี่จะให้กินขนมหมื่นห้า ถ้าเรียกอาเหลือเพียงห้าพัน เรียกน้องแลกเบอร์กัน เขียนใส่แบงค์พันให้เลย’
ผมร้องออกมาเป็นเพลงพี่ไวพจน์ เพชรสุพรรณครูเพลงรุ่นปู่กันเลย เสียงหัวเราะดังสลับกับเสียงโห่รับกันเกลียว
แหม..มันฮึกเหิมจริงๆเลยนะ
แฟนเฟินนี่ลืมหมดเลยนาทีนี้ ได้จีบสาวโชว์นี่มันซาบซ่าอย่างนี้นี่เอง สาวๆเองก็ดูจะชื่นชอบคนที่ป๊อบปูล่านะ
เพอชี่ไม่ได้เขียนเบอร์ลงในแบงค์พันอย่างที่ผมลงทุนร้องเพลงจีบ เธอถือวิสาสะหยิบโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงผมออกมาอย่างรวดเร็วแล้วก็เมมเบอร์ให้เลย เธอแรงกว่าผมและเหนือกว่ามากจริงๆ
“มัวแต่ขอเบอร์แล้วเมื่อไหร่จะได้กินละคะ” เธอแหย่ผมยิ้มๆ
“ไม่เป็นไรครับผมไม่รีบ” ตอบซะแมนเลยกู
“ถึงตอนนั้นเพอชี่คงหมดอายุพอดีอะคะ”
คราวนี้ผมได้ยินเสียงแซวออกมาว่าแช่ฟอมาลีนไว้ทั้งตัวสิจ๊ะน้องเพอชี่ อย่าสต๊าฟเป็นหย่อมๆสิจ๊ะประมาณนี้ ผมไม่ได้สนใจหรอกเพราะเพอชี่เป็นผู้หญิงที่สวยมากจริงๆ วูบหนึ่งผมดีใจนะที่ตัวเองก็รู้สึกสนใจผู้หญิง อย่างน้อยผมก็ไม่ได้เป็นเกย์สาวแค่อย่างเดียว ผมยังมีทางเลือกทั้งสองทางเหมือนที่หรรษาเป็น
ผมว่าเพอชี่โคตรน่ารักน่าหลงเลย ไม่ว่าจะเป็นท่วงท่าการพูด ท่วงท่าการเดิน หยิบของหรือทำอะไรทุกอย่างก็ดูเซ็กซี่ไปหมด ผมมองเธอไปกระดกแก้วเหล้าไป เสียงเพื่อนเริ่มหายไปทีละคน ทุกคนเมาทีหลังผมกันหมดแหละ แต่ผมเมาแล้วผมไม่ยอมหยุด มันช่างเพลินจนลืมเจ็บจริงๆ
ผมคุยกับเพอชี่ไปเรื่อยๆ โมเมกระซิบบอกข้างหูว่าที่เพอชี่และผมทำกันนั้นเค้าเรียกว่าหมาหยอกไก่ แต่ถ้าผมสนใจเพอชี่จริงคืนนี้ผมก็จะได้เธอไปแน่นอน ส่วนผมนั้นกล้าเต็มที่ แต่ถ้าได้เพอชี่ไปด้วยคืนนี้จริงๆผมก็หวั่นๆว่าผมจะเอาปัญญาที่ไหนมาสนุกกับเธอ ในเมื่อผมรุกไม่เป็น ไม่เคยรุกใครสักที มีแต่เดินตามก้นไปให้เค้าเสยก้นก็เท่านั้น เท่านั้นจริงๆ
ตอนนี้ผมคิดว่าตัวเองคงเมาเต็มที่แล้ว เพราะประสาทการรับรู้เริ่มเลือนราง เสียงเพื่อนร่วมแก๊งค์เพื่อนร่วมร้านก็พาลจะเงียบกันไปหมด ตอนนี้เหมือนตัวเองกำลังอยู่ในภวังค์แล้วมารู้ตัวอีกทีเหมือนกำลังยืนหมิ่นเหม่อยู่ที่หน้าผา
ก่อนที่ผมเหมือนจะด่ำดิ่งลงไปในห้วงเหวลึก ผมเห็นหน้าหรรษาแวบขึ้นมา ผมคว้าและตะโกนเรียกหรรษาไว้ แล้วมันก็เหมือนห่างจากผมออกไป ห่างออกไป พื้นเริ่มสั่นราวกับแผ่นดินไหว ของที่กินเข้าไปเริ่มมาจ่ออยู่ที่คอหอย ทันใดนั้นผมได้ยินเสียงประกาศิตที่คุ้นเคยอีกครั้ง มันดังสนั่นไปทั้งโสตประสาทเหมือนความจริงมาก
“ห้ามอ้วกนะไอเมต แม่งเก่งมากจริงๆเลยเมียโคตรแมนของกู จีบหญิงโชว์แล้วเสือกจะเมาอ้วกกลางร้าน อย่าพ่นอกมานะมึง พ่นออกมานี่กูจัดการมึงกลางร้านนี้แน่”
หรรษาเสียงเหี้ยมมาก มากจนผมแทบตาสว่าง ไอ้ที่เมาเต็มที่นี่สร่างขึ้นมาทันตาเห็น ภวังค์ที่ผมกำลังจะตกเหวกลายเป็นภาพความจริงที่มีหรรษายืนทำหน้ายักษ์อยู่ตรงหน้า
“กูไปหามึงที่บ้านก็ไม่เจอ ที่ไหนๆก็ไม่เจอ แม่งมาเมาอยู่ที่นี่”
ผมกวาดตาเห็นคนอื่นๆในร้านเริ่มแหวกทางแล้วยืนเรียงแถวหน้ากระดานมองมาทางผมกับหรรษาอย่างหวาดๆ เพื่อนสนิทผมทุกคนทำหน้าหวาดตัวกลัวตายกันจนตัวสั่น มือพนมขึ้นไหว้ประหลกๆราวกับคนขวัญเสีย
“ปอ คิดยังไงมาอ่อยเหยื่อใส่ไอ้เมตมันเนี่ย”
หรรษาหันหน้าไปหาเรื่องนางฟ้าคนนั้น ผมยกมือห้าม เพอชี่ไม่เกี่ยวจริงๆนะเว้ย กูเสือกกลัดมันของกูเอง หรรษา มึงจงปราณีคนที่ไม่เกี่ยวข้องด้วยเถอะ เขากลัวมึงกันหมดแล้ว
ผมได้แต่ภาวนาอยู่ในใจ จริงๆผมคิดว่าผมพูดออกไปนะ แต่เหมือนมีแค่ผมที่ได้ยินเสียงตัวเองอยู่คนเดียว
พอหรรษาเริ่มกระชากตัวผมแค่นั้นแหละ ผมจำได้เลยทันทีว่าตัวเองกำลังเจ็บเพราะโหมซ้อมมวยหนัก พอผมร้องโอ๊ยขึ้นมาหรรษาก็หยุดชะงัก
“เป็นไรของมึง” มันถามเสียงดุ มือยังจับผมแขนผมแน่น
“กูเจ็บ” ผมครวญ คราวนี้มันเริ่มสำรวจตามตัวผม
“เจ็บเหี้ยไร มารยาใส่กูรึเปล่าเมต กูเอาคืนหนักแน่มึง”
มันขู่อีกแล้ว กูกลัวนะครับไอ้เชี่ย
“กูเจ็บขา ลงเรียนมวยมาอะ โคตรเจ็บเลย”
“เจ็บแล้วเสือกไม่เจียมอีกนะ ยังถ่อสังขารมาเมาได้” ดุทุกคำเลยนะสาด
“อย่าเพิ่งคาดโทษกูเลยหรรษา กูว่ากลับบ้านเหอะ”
“บ้านใครอะ”
มันถามอย่างกับวว่าผมมีสิทธิ์เลือกได้งั้นแหละ ผมอะกลับที่ไหนก็ได้หมดเลยตอนนี้ ต่อให้มันลากผมเข้าโรงแรมก็จะยอมนอนแผ่หรายกขาแชแนลวีให้มันเต็มที่อยู่แล้ว เพราะหน้าตาของหรรษาตอนนี้กำลังหงุดหงิดและโกรธมากจริงๆ
“บ้านใครก็ได้”
คราวนี้มันไม่พูดอะไร
“ดีใจที่ได้เจอกันอีกนะปอ มาทำอะไรแถวนี้”
มันหันไปคุยกับเพอชี่อีกแล้ว คราวนี้มันเปลี่ยนเป็นโหมดธรรมดาไร้วี่แววว่าเมื่อกี้กำลังโกรธควันออกหูอยู่เลย
“เพื่อนชวนมาเช็กเรตติ้งน่ะ คนนี้ของหรรษาเหรอ”
อ้าว....นี่มันดังแม้กระทั่งนางฟ้าเพอชี่ก็รู้จักเหรอ แต่หรรษาเรียกเธอว่าปอนะ
“อืม แต่พยศไม่ค่อยเชื่อฟังอะ เลยกะว่าจะเอาไปสั่งสอนก่อนจะออกงานสังคม”
“อย่ารุนแรงนะหรรษา ปอแค่สนุกๆ ไม่ได้จริงจังหรอก เห็นน้องมันน่ารักดี”
“อืม ไอ้นี่ก็ไม่มีปัญญาทำอะไรปอมากไปกว่าแทะโลมด้วยคำพูดเสี่ยวๆหรอก”
“อื้อ เมตน่ารักดี ไม่มีพิษมีภัย แล้วหรรษาสบายดีใช่มั้ย”
ผมพยุงตัวให้ตรงเพื่อรอให้หรรษาเสวนากับนางฟ้าเพอชี่เสร็จ สองคนนี้น่าจะรู้จักกันมานานแล้ว แต่ทำไมใครๆก็รู้จักหรรษาวะ แม่งกรุงเทพนี่ไม่ใช่แคบๆนะ ออกจะกว้างขวางทำไมโลกมันถึงได้กลมจนน่าบัดซบขนาดนี้ ทำไมผมเจอแต่คนที่รายล้อมรอบตัวหรรษาเต็มไปหมด
แล้วปอหรือเพอชี่นี่ใครกันล่ะ แฟนคนไหน ทำไมผมถึงได้คลับคล้ายคลับคลานักนะ
ผมยืนแบบไร้เรี่ยงแรงจะต้านทานอยู่นานก็รับน้ำหนักตัวเองไม่ไหวแล้ว ทรุดลงจนจะไปกองกับพื้นอยู่แล้วหรรษาก็กระชากผมขึ้นมา
“ตอนแรกก็ไม่เมาอยู่ดีๆนะหรรษา พอเมตเมาปุ๊บ เมตก็เมาไปเลย”
นางฟ้าเริ่มพูดอะไรไม่ค่อยรู้เรื่องนะ
“แล้วบ้านเมตอยู่แถวไหนล่ะหรรษา”
“แถวรามอินทราโน่นแน่ะ”
“ตายแล้วมาเจอกันได้ยังไง หรือหรรษาย้ายบ้านแล้ว”
“เปล่า ก้อยู่ที่เดิมแหละ เฮ้ย ปอ สงสัยไอ้นี่มันจะไม่ไหวแล้วจริงๆ หรรษาไปก่อนนะ ไว้เจอกันละกัน”
“เดี๋ยวดิ ไม่ว่าจะกลับบ้านใครก็ไกลหมดแหละ เอางี้มั้ย ไปคอนโดปอก่อน ปอเช่าคอนโดอยู่แถวนี้แหละ”
“ไม่เป็นไร นั่งแท็กซี่ไปแป๊บเดียว”
“โห คงอ้วกตั้งแต่ยังไม่ถึงไหนเลยมั้งเนี่ย”
ผมไม่ค่อยรู้แล้วว่าใครคุยกันว่าไงมั่ง อยากให้หรรษาตะคอกใส่ให้ตกใจแล้วสร่างเมาเหมือนกันนะ คือถ้าไม่มีอะไรมากระตุ้นให้ตื่นตัวอะดีนาลินมันก็ไม่หลั่งอะ
“ทุกคนกลับกันไหวใช่มั้ย เดี๋ยวกุจัดการไอ้หัวถั่วนี่เอง กลับกันดีๆนะ”
เหมือนมันจะพูดกับพวกเพื่อนๆผมใช่มั้ย
“แล้วปอมายังไงอะ”
“นั่งแท็กซี่มาดิ ปอตั้งใจมาดื่มอะเลยไม่ได้เอารถมา”
“หรรษาเอามา งั้นก็ไปด้วยกัน รบกวนหน่อยนะปอ”
แล้วเหมือนร่างผมก็ถูกคนสองคนพยุงมาโยนใส่เบาะหลังรถ แต่ความเมาและความเย็นของเครื่องปรับอากาศก็ทำให้ผมหลับไปจนถึงที่หมาย แล้วร่างไร้การควบคุมของผมก็ถูกลากเข้ามาในห้องชุดห้องหนึ่งอย่างทุลักทุเล
“เฮ้อ....เห็นตัวเล็กๆอย่างนี้หนักไม่ใช่เล่นเหมือนกันนะเนี่ย”
อดีตแฟนคนที่สองของหรรษาโอดครวญขึ้นมาไม่จริงจังนักหลังจากที่ลากเมตมาจากร้านเหล้าแล้ววเอามาถึงห้องนี้ได้
“เมตมันซ่อนรูปน่ะ”
หรรษาไม่ได้ประหม่าหรือว่าอายแต่ก็อดที่จะยอมรับไม่ได้ว่าระยะเวลาที่เลิกกันไปทำให้คนสองคนกลายเป็นคนแปลกหน้าที่เหมือนต้องทำความรู้จักกันใหม่อย่างน่าประหลาด
เขาเคยคบกับปอมาไม่น้อยกว่าสามปี ตั้งแต่ผู้หญิงตรงหน้าคนนี้เป็นผู้ชายแล้วค่อยๆกลายเป็นผู้หญิงที่สมบูรณ์แบบที่สุดคนหนึ่งในสายตาของหรรษา แม้ว่าปอจะเป็นผู้หญิงพลาสติกก็ตามที
คราวนี้กลายเป็นปอที่หน้าแดงขึ้นมาเมื่อรู้สึกว่าถูกหรรษามองสำรวจ
“ตอนที่เมตมองปอแบบกรุ้มกริ่มอะ ปอไม่รู้สึกอะไรเลยนะ แต่พอหรรษามองเฉยๆ ปอก็เขินขึ้นมาซะได้ น่าอายเนอะ อุตส่าห์เป็นสาวมั่นมาได้ตั้งนาน”
ปอพูดอายๆ แต่ก็ฉะฉานตามสไตล์ของปอนั่นละนะ สิ่งนี้ล่ะที่หรรษาค่อยคุ้นชินว่าปอไม่ใช่คนแปลกหน้าอย่างที่เพิ่งเจอกันแรกๆ
หรรษาได้แต่ยิ้มเมื่อปอพูดถึงวีรกรรมของไอ้ขี้เมาที่มันก่อปัญหาเป็นครั้งที่สามด้วยความไม่รู้จักเจียมตัวเองว่าตั้งแต่กินเหล้ามาไม่มีครั้งไหนที่เมตตาไม่เมา แต่มันก็ยังเสือกกินไม่บันยะบันยัง ตอนที่หรรษาหามันจนมั่นใจว่าคงต้องพึ่งพาใครสักคนแน่แล้ว เขาก็คิดถึงคุณนายกาญจนาขึ้นมา แล้วแม่ก้ไม่ทำให้ผิดหวัง ไอ้หัวถั่วมันยังมีสำนึกที่จะบอกแม่ก่อนออกมาเหลวไหล หรรษาถึงได้ตามมันมาได้ถูก
มาทันมันจีบผู้หญิงทั้งๆเขากับมันตัดสินใจคบกันเป็นแฟนแล้ว หรรษายังไม่รู้เลยว่าคิดผิดคิดถูกที่ปล่อยให้เมตอยู่ในที่ของมันตอนที่เขาต้องไปเคลียร์ปัญหากับที่วิทยาลัย