รุ่นพี่ผม...มัน 'เลว'
...
สายฝน...ตกลงมาอย่างไม่ลืมหูลืมตา .
.
.
ท้องฟ้ามืดลงจนเกินกว่าจะมองเห็นสายเอ็นเบ็ดที่โดนกระตุกดึงเข้าซอกโขดหินซ้ำ ยะข่า เด็กคนงานในแก่งยังแอบวิ่งเรือหางยาวมาตามถึงแพเช่า ...ครั้นพอบอกว่าจะเฝ้าชะโดถึงเช้า ไอ้เด็กยะข่านั้นก็หน้าเง้าหน้างออ้างนู้นอ้างนี้ จนสุดท้ายอ้างเรื่องผู้จัดการแก่งเพกาคนใหม่ที่ คุณทิวากร ส่งมา
..อ้างเสียจนเจ้าของแพเช่าหมดสนุกที่จะเย่อกับชะโด ตัวเท่าท่อนขา ..คุณด้วงกว่างของไอ้ยะข่าถอนหายใจยาว มือเรียวยกเช็ดเม็ดฝนที่ตกลงบนจมูกแดงๆ ก่อนจามฟึดฟัดแล้วผูกคันเบ็ดไว้กับหลักแพ ผุดลุกขึ้นมาอย่างเสียไม่ได้อารามคงลุกเร็วเกินไปเลยไม่ทันได้ตั้งสติว่าขาข้างขวาที่ถูกนั่งทับอยู่ท่าเดียวนานๆ มันขาดเลือดไปเลี้ยงเสียจนเหน็บชากินตั้งแต่ปลายนิ้วเท้าลามมาถึงข้อเข่า ...แล้วก็ล้มลงไป ดีที่หัวไม่ฟาดพื้นเพราะไอ้ยะข่ากระชากร่างนั้นมาพักไว้กับแผงอกได้ทัน
.
.
.
กลิ่นเหงื่อของผู้ชายมันทำให้ผวา ...
ด้วงชะงักนิ่งแล้วกำท่อนแขนไอ้ยะข่าแน่น... ท้ายทอยมันเหมือนจะปวดและเต้นตุบตามหัวใจ ..ยิ่งไอ้ยะข่าเรียกปลุกสติแต่ดันกระชับอ้อมกอดเข้ามายิ่งกว่าเก่า ด้วงกว่างกลับไม่กล้าขยับตัว ..
.
.
.
'ทรัพย์สินของนายรัตติกร รักษารัตน์'
.
.
.
ประโยคนั้นมันเหมือนฝังอยู่ในหัว ความกลัวความเกลียด ความขยะแขยง ทุกอย่างมันรวมกันเป็นแรงสัญชาติญาณที่ผลักดันความรู้สึกหนึ่งขึ้นมาในใจ ...
"ด้วงกว่าง ?"
ไอ้ยะข่ากระชับอ้อมกอดแล้วออกแรงเขย่า พอเบาใจอยู่บ้างเมื่อคุณด้วงที่ตัวสั่น เงยหน้ามองมันแล้วยิ้มแหย ตอนแรกไอ้ยะข่าตกใจอยู่ไม่ใช่น้อยที่นายมันแปลกไปจนดูน่าสงสาร แต่ก็แค่ชั่วพักจนสุดท้ายพอได้สติขึ้นมาจริงๆ ด้วงกว่าง ถึงยอมให้ไอ้ยะข่ามันหิ้วปีกพาเดินมาลงเรือหางยาว...
.
.
.
....
กว่าเรือจะฝ่าลมฝนกลับมาที่แก่งฯ ได้ก็ร่วมๆ จะชั่วโมง ลุงจ๊ะปอรายงานแล้วว่า คนงานทางแก่งฯแวะมาบอกเมื่อช่วงหัวค่ำว่าลูกบวบแพที่เขื่อนบนพังเสียหาย ยังไงก็คงต้องออกแรงลากพวกในหมู่บ้านมาช่วยซ่อม ...ถ้าซ่อมเสร็จก่อนน้ำเต็มเขื่อนก็คงจะเปิดแพเช่าให้พวกนักท่องเที่ยวได้ ...ด้วงพยักหน้าเออออไปพร้อมเปิดสำรับหยิบชิ้นเนื้อทอดมาเคี้ยวตุ้ยๆ ก่อนจะคว้าช้อนของไอ้ยะข่ามาตักต้มจืดสาหร่ายเข้าปากแล้วคาบยึดไว้ไม่ยอมปล่อย จ๊ะปอที่กินอิ่มแล้วหลุดหัวเราะร่าเมื่อมองท่าทีลูกชายกับนายจ้างที่อายุไล่เลี่ยกัน กินกันไปแกล้งกันไป จนจบที่ไอ้ยะข่ามันกินอะไรไม่ได้เมื่อนายมันหยิบหมูทอดชิ้นหนาที่ไอ้ยะข่ามันงับไว้มาป้อนใส่ปากตัวเองแล้วหัวเราะเดินหายไปทางเรือนพักอย่างผู้ชนะ
.
.
.
ทั้งเหนื่อยทั้งสนุกที่ได้แกล้งยะข่า ...เด็กหนุ่มกระเหรี่ยงแสนซื่อที่เหมือนจะตัวติดกันตลอดเวลาที่อยู่แก่งฯ เป็นมากกว่าลูกคนงาน ก็นั่นล่ะเพราะไม่ว่าจะมีเรื่องอะไร พ่อหนอนก็มักจะไว้ใจให้ยะข่าอยู่ข้างลุกชายคนนี้เสมอ ...คิดไปหัวเราะไป ด้วงกว่างเล่นสนุกจนลืมถามเรื่องสำคัญไปแล้วว่า ผู้จัดการคนใหม่ของคุณทิวากร พักที่ไหน?
.
.
.
ก็นั่นล่ะหลายเรื่องมันอัดยัดอยู่ในสมอง
เรื่องปลาชะโดที่อุส่าห์เฝ้ามาเกือบสามวัน เรื่องฝนที่ดันตกนอกฤดู เรื่องลูกบวบแพเช่าที่เหมือนว่าจะต้องซ่อมยกแพ เรื่องคนงาน และไหนจะเรื่อง ผู้จัดการคนใหม่ที่จู่ๆ คุณทิวากร หัวหน้าไกด์จากกรุงเทพฯ ก็ดันส่งมาเหมือนคุมงาน คิดๆ แล้วพอเอาด้วงหัวเสียอยู่ไม่น้อย ..
.
.
.
น้ำเย็นๆ ในถังถูกตัดราดหัวแล้วชโลมยาสระผมขยี้แรงๆ ขยี้เหมือนจะให้เรื่องหนักๆ มันพอเบาลงได้บ้าง ..เสียงลมเสียงฝนยังคงโหมกระหน่ำ ...น้ำในขันถูกตักราดอีกครั้ง ก่อนแปรงสีฟันจะถูกหยิบขึ้นมา..
.
.
.
เรื่องราวทุกอย่างมันถูกความคิดค่อยๆ จัดสรรค์ฆ่าเวลาระหว่างแปรงฟันได้ชะงัก...ปวดหัว...
โอเค...อาจจะต้องปวดหัวกับเรื่องงานที่แก่งฯ อาจจะต้องมีปัญหาเข้ามาอีกมาก..แต่มันก็แค่นั้น..เมื่อให้อาการปวดหัวมันมีกับเรื่องงานยังดีเสียกว่า ไปปวดหัวคิดเรื่องบ้าๆ ที่จับต้นชนปลายอะไรไม่ถูก...
.
.
.
จนมาถึงตอนนี้ ด้วงยังไม่รู้ว่าเคยทำเชี่ยอะไรไว้กับ ไอ้คนที่ชื่อรัตติกร ?
สองครั้งสองคราที่พอเมาแล้วตื่นขึ้นมาเห็นไอ้ตัวเหี้ยนั้นนอนข้างๆ ในลักษณะที่ไม่ต้องเดาเลยว่าเหี้ยตัวนั้นทำอะไรกันกับเขาเมื่อคืน ส่วนหนึ่งด้วงยังพอโทษตัวเองได้ว่าเพราะเมา ใช่ ครั้งแรกเพราะมันเมา ส่วนครั้งที่สองเพราะเขาเมา ...แต่แม่งก็ดันเสือกเลือกเวลาเมาได้เหมาะเจาะยังกับมันจ้องมองเขามานาน..
.
.
.
น้ำเย็นๆ ถูกรดลงราดหัวอีกครั้ง ..
แล้วตักราดซ้ำแล้วซ้ำเล่าเพื่อให้เรื่องที่ตัวเองคิดว่าไร้สาระจางหายไป..
.
.
.
'ชาตินี้หวังว่าคงไม่ต้องมาเจอไอ้ห่ารากนั้นอีกนะ ...'
ด้วงไม่ได้ภาวนา แต่หลุดปากพูดออกมาเลยในตอนที่ตักน้ำขันสุดท้าย บ้วนปากก่อนจะถุยทิ้ง...
.
.
.
เรือนพักยังคงปิดไฟ...
แสงสว่างส่องผ่านเข้าไปในตัวเรือนแค่พอมองเห็น ..คนเพิ่งอาบน้ำเสร็จถอดเสื้อผ้าชุดเดิมที่ใส่อาบน้ำออกจนเหลือแต่ตัวเปล่า เหมือนลมฝนพัดแรงเข้ามาในตัวบ้าน ด้วงกว่างคว้าผ้าเช็ดตัวผืนใหญ่มาคลุมท่อนล่างไว้ ก่อนจะโป๊ะผ้าเช็ดตัวผืนเล็กลงบนหัวแล้วขยี้อย่างไม่ใส่ใจ จนจามฟึดฟัดได้สองสามที ด้วงกว่างถึงได้คิดตรงดิ่งไปหายาแก้ไข้กินดักตัวเองไว้ก่อนจะเจอเรื่องราวของวันใหม่ที่ดูท่าจะหนักหนาพอสมควร กลืนยาลงคอแล้วดื่มน้ำตาม เท้าเปล่าเดินเหยียบพื้นห้องเย็นเฉียบก่อนเปิดประตูห้องพักที่มืดสนิทแล้วทิ้งตัวลงบนเตียงด้วยความง่วงจากฤทธิ์ยา...
.
.
.
.
จนเสียงหายใจ และไอร้อนจากผิวเนื้อ มันปลุกคนที่นอนอยู่ก่อนให้ลืมตา...
.
.
.
...
รัตติกร มองคนที่หลับอย่างหลงใหล ..
มือใหญ่เผลอไปลูบเรือนผมที่ปรกหน้า...ไอร้อนและลมหายใจที่ระอุอุ่นเกินไปกว่าคนปกติ พาให้ความคิดชั่วๆ ในหัวสลายหายไป ผ้าขนหนูผืนเล็กที่ตกอยู่ข้างๆ ถูกเจ้าของมือหยิบไว้แล้วบรรจงเช็ดผมชื้นๆ ของคนหลับสนิท...
.
.
.
.
กว่าจะรู้สึกตัว เจ้าด้วงตัวน้อยก็มานอนเกยหัวอยู่บนตัก ... รัตติกร ยิ้มกว้างอย่างไม่รู้ตัว มือใหญ่บรรจงเช็ดเรือนผมสีอ่อนอย่างเบามือ เช็ดไปหอมแก้มหอมหน้าผากไป...หอมเบาๆ กระทั่งกลีบปากที่เผยออก...
ทั้งจูบทั้งหอม แผ่วเบาราวไม่อยากปลุกให้คนหลับตื่นจากความเมื่อยล้า ...
...ไม่ได้เป็นห่วงหรอกนะ...รัตติกร บอกตัวเองอย่างนั้น ก็แค่เขาไม่อยากให้ไอ้ด้วงกว่างมันเจ็บป่วยด้วยเรื่องอื่น ...เรื่องไร้สาระที่ไม่ใช่เรื่องที่นายรัตติกรเป็นคนทำ... .
.
.