หากท้องฟ้าไม่ได้เป็นสีเดิม
______________________________________________________________________________________________
# ตอนที่ 3
ฝนในตอนเช้าเริ่มซาลงแล้ว นั่นทำให้ฝรั่งที่นั่งนิ่งมานานขยับตัวสูงใหญ่เพื่อเดินไปหยิบเศษซากโทรศัพท์มือถือที่ปาออกไปกลับมาแล้วประกอบขึ้นใหม่ก่อนจะต่อสายไปที่เบอร์เดิม เอเดนโทรอยู่มากถึงสิบครั้ง ร้อยครั้ง หรืออาจจะถึงพันครั้งในเวลาทั้งวัน... แต่ที่แน่ๆเด็กเอาแต่ใจปาโทรศัพท์ลงพื้นไปไม่ต่ำกว่าห้ารอบแน่นอน
“เป็นอะไร?”
ไม่บ่อยครั้งนักที่ซินผู้เงียบขรึมจะเอ่ยถามเด็กหน้ายุ่งอย่างเอเดนก่อน ด้วยเพราะรู้ดีว่าเด็กมันไม่ค่อยอยากจะเสวนาด้วย แต่วันนี้เอเดนกลับแปลกไปกว่าอย่างเคย เพราะไม่ใช่แค่ไม่อยากคุยกับนายซิน แต่เอเดนไม่อยากคุยกับทุกคนที่สตูดิโอ จนต้องหลบออกมานั่งรับลมร้อนๆตอนดึกที่สวนแถวนั้น ทำเอานายซินผู้เป็นห่วงท่าทีของเด็กตัวโตอดไม่ได้ที่จะเดินตามออกมาพร้อมกับสายตาเป็นห่วงของทุกคน
“วันนี้พี่ฟ้าไปไหน?”
นี่อาจจะเป็นคำถามธรรมดาที่สะเทือนใจเด็กฝรั่งที่สุดในรอบสิบแปดปีก็เป็นได้
“พี่ซิน...”
และก็เป็นเพียงไม่กี่ครั้งที่นักร้องยอมเรียกพ่อมือเบสด้วยความเป็นมิตรเสียจนคนถึงเรียกแอบขมวดคิ้วจนเสียลุคไปทีเดียว
“มีอะไร”
คนที่ใจเย็นเป็นทุนเดิมนั่งลงบนพื้นหญ้าข้างๆเด็กตาสีฟ้าที่ทำหน้าเบื่อโลกเหมือนอยากจะปล่อยโฮออกมาเต็มแก่
“พี่ซิน...พี่ฟ้าไปไหน...”
คำถามนั่นทำให้เกิดความเงียบชั่วขณะ ไม่เคยมีครั้งใดเลยที่เอเดนจะถามเช่นนี้ออกมาเพราะปกติแล้วต้องเป็นคนตอบคำถามนี้เสมอ มันสูดหายใจเข้าให้ลึกแล้วเล่าต่อ
“เมื่อวานพี่ฟ้าออกไปเลี้ยงรุ่นกับเพื่อนสมัยมัธยม แต่เมื่อเช้าเขาไม่กลับบ้าน ผมโทรไปแล้ว...มีอีกคนรับ บอกว่าพี่ฟ้าหลับอยู่ แต่นี่มันดึกแล้วนะ”
เสียงสั่นเครือพร้อมกับท่าทางนั่งกุมขมับของฝรั่งตัวโตทำให้นายซินหวั่นใจอยู่ไม่น้อย
“เดี๋ยวพี่โทรให้อีกรอบ”
ซินมองเอเดนที่แปลกไปมากกว่าทุกที เรื่องที่เอเดนชอบพี่ฟ้าทุกคนดูออก เพียงแต่ไม่มีใครพูดก็เท่านั้น เพราะสถานภาพของพวกมันทั้งสองไม่ใช่เรื่องตลกที่จะเอามาล้อกันได้ นายซินที่นั่งฟังเสียงรอสายอยู่นานพลางเหลือบมองอีกคนเป็นระยะ การที่พี่ฟ้าจะไปนอนกับคนอื่นอย่างที่เอเดนคิดซินก็ไม่ได้เห็นว่ามันจะแปลก เพียงแต่พี่ฟ้าเลือกที่จะจัดการเวลาให้น้องชายมากกว่า เช่นเดียวกับการที่เอเดนจะหึงก็คงไม่ใช่เรื่องแปลกเช่นกัน แต่ สถานการณ์คราวนี้ไม่ได้ใกล้เคียงกับคำว่าหึงแม้แต่น้อยเพราะมันรู้ดีว่าเอเดนกำลัง ...เป็นห่วง... เสียมากกว่า
“ฟ้าลืมมือถือไว้ครับ พึ่งกลับบ้านไปเมื่อกี้”
เสียงอู้อี้ดังออกมาจากการเปิดสปีกเกอร์โฟนทำเอาเอเดนหันขวับ เด็กฝรั่งตัวโตรีบจ้ำออกไปโดยเร็วจนลืมที่จะขอบคุณคนที่เป็นธุระให้ ท่ามกลางความดีใจระคนเป็นห่วงที่ท่วมท้นเอเดนนึกได้ทันทีในครานั้นว่า ผู้ชายเสียงแหลมเล็กคนนั้นเลือกที่รับโทรศัพท์ที่ไม่ใช่เบอร์ของมัน... และนั่นทำให้มวลความโกรธของเอเดนมากขึ้นเป็นเท่าตัว เด็กตัวโตก้าวเท้าได้เร็วกว่ารถที่กำลังติดแหง็กในตอนเกือบสองทุ่ม มันเดินจากสตูดิโอกลับบ้านระยะทางเกือบห้ากิโลเมตรในเวลาไม่ถึงสิบนาที ภายใต้ใบหน้าขี้เล่นที่นิ่งงันนั้น ความคิดทั้งหลายกำลังตีกันยุ่งเสียจนทำเอาน้ำตาซึมออกมาหลายรอบอย่างช่วยไม่ได้
...หรือบางทีสิ่งที่เก็บไว้อาจจะทะลักทะลายออกมาแล้วก็ได้...
.
..
...
“เปียกเป็นลูกหมาเลย”
เอเดนเห็นคนที่รอมาทั้งวัน หรืออาจจะทั้งชีวิต... ยืนรออยู่ที่หน้าบ้าน ฝรั่งตัวโตจ้ำอ้าวมาถึงที่หน้าบ้านตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ มันไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าตัวเองเดินตากฝนกลับมา...
“Don’t touch me”
ที่รู้ในตอนนี้เอเดนปัดมือคนเป็นพี่ทิ้งอย่างไม่ใยดี เมื่อเขากำลังจะเอื้อมมาจับที่หัวอย่างที่เคยทำ แต่เมื่อเห็นสีหน้าถอดสีของพี่ฟ้าเพียงเสี้ยววินาที ความรู้สึกผิดก็ไหลย้อนเข้ามาที่ตัวเอง บางทีเอเดนก็เกลียดตัวเองเหมือนกัน เกลียดตัวเองที่ไม่เคยเกลียดคนตรงหน้าลงเสียที
“เอเดน...”
ท่ามกลางบรรยากาศสลัวและฝนเม็ดใหญ่เอเดนที่หัวหมุนจนไม่มีสติว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่รวบพี่ฟ้าเข้ามากอดทั้งตัว เพราะความเอาแต่ใจมันจึงไม่ได้สนใจว่าเขาอาจจะเปียกไปด้วย หรือแม้แต่ไม่ได้สนใจว่าเขาอยากจะกอดมันเองหรือเปล่า รู้แต่เพียงว่าเอเดนโล่งใจ... โล่งใจจริงๆ ที่อย่างน้อยพี่ฟ้าก็กลับมาอย่างปลอดภัย พอใบหน้าของตัวเองจรดกับแก้มของอีกคนมันถึงได้รู้ตัวว่าตัวเองตัวเย็นแค่ไหน หนาวแค่ไหน หรือเหนื่อยมากเท่าไหร่...
“ไปอาบน้ำเถอะ เดี๋ยวไม่สบาย พี่ซื้อข้าวมาฝากด้วย”
มันลอบมองใบหน้าใจดีอย่างเก่าก่อนจะพูดบางอย่างที่เคยพูดเป็นประจำ
“ผมรักพี่ฟ้านะ”
พี่ฟ้าคนนั้นยืนนิ่งอยู่เช่นเดิม มันจึงถามซ้ำ ทั้งๆที่รู้ว่าคงไม่ได้อะไรกลับมา
“รักพี่ฟ้า พี่ฟ้าได้ยินผมไหม”
แม้เสียงเม็ดฝนจะดังแค่ไหน ก็คงสู้เสียงกระซิบเบาๆที่ข้างหูไม่ได้ ถ้าเพียงใครคนนั้นตั้งใจฟัง
“พี่ฟ้ารู้ไหม ผมรักพี่ฟ้าจริงๆนะ”
วงแขนกว้างกระชับอ้อมกอดแน่นยิ่งกว่าเดิม เพราะเอาแต่ใจ เพราะนิสัยเด็ก หรือเพราะอะไรก็ตามทำให้เอเดนไม่เข้าใจเลยว่าทำไมมันต้องรักพี่ฟ้า แต่ถึงเลือกที่จะไม่รักได้เอนเดนก็คงไม่ทำ...
“เอเดนรักฟ้า ระ..”
คำบอกรักอันแสนน่ารำคาญของมันคงเป็นสิ่งเดียวในตอนนี้ที่เอเดนทำให้ตัวเองได้
“พอเถอะ พี่ได้ยินแล้ว”
เสียงทุ้มดังมาจากคนข้างๆ พร้อมกับฝ่ามืออุ่นที่ขยับขึ้นมาลูบแผ่นหลังกว้างอันเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อ เด็กตัวใหญ่สูดหายใจเข้าให้ลึกแล้วถอนอ้อมกอดออกมาอย่างที่ไม่เคยคิดว่าตนจะทำ เอเดนผละตัวออกมาแล้วยิ้มพร้อมกับส่ายหน้าเบาๆ ยิ้มแบบที่เห็นก็รู้ว่าคงเหนื่อยมากแล้ว....
“ไม่จริงเลย พี่ฟ้าไม่เคยได้ยินเลยต่างหาก”
ฟ้ายืนนิ่งอยู่กับที่ราวกับการกอดเมื่อครู่นั้นทำให้มีบางอย่างที่เปลี่ยนไป บางทีน้องชายของเขาคงจะเริ่มโตแล้วก็เป็นได้...
สาบานได้ว่าตลอดระยะเวลาหลายปีที่อยู่ด้วยกันมาฟ้าไม่เคยที่จะคิดจะรักน้องชายนอกจากฐานะพี่ชายที่แสนดีแม้แต่น้อย แต่เมื่อสองปีที่แล้ววันที่เอเดนในวัยแตกหนุ่มเดินมากอดอ้อนอย่างเคยแล้วบอกว่ารักเขา เขาได้แค่ยิ้มให้แล้วตอบแบ่งรับแบ่งสู้ไปโดยไม่ได้คิดอะไรทั้งสิ้น และเมื่อน้องชายเริ่มเปลี่ยนแปลงไปทีละน้อยเขาที่ยืนอยู่อย่างมั่นคงก็เริ่มที่จะสั่นคลอนทีละน้อยเช่นกัน มันไม่ได้สนุกนักหรอกกับการต้องมาฟังคำบอกรัก คำถามทำไม หรือแม้แต่โดนกอดหรือจงใจแตะตัวอยู่ในทุกวัน แต่เพราะฟ้ารู้ดีว่าเอเดนก็แค่หลง เห็นตัวเองเป็นเหมือนไอดอล เอเดนปลื้มที่เขาเป็นพี่ชายแสนดี หรืออาจจะแค่เข้าใจผิดไปกับความรู้สึกชั่วครู่ของตนเอง แล้วในไม่ช้าจะโตพร้อมกับตื่นขึ้นมาพบความจริงว่าบางสิ่งมันไม่มีทางที่จะเป็นไปได้ ฟ้าหวังให้เป็นเช่นนั้นมาตลอด และน้องชายเขาก็น่าจะเหนื่อยเสียแล้ว...
ทั้งๆที่น่าจะดีใจกับสัญญารที่ดีคุณพี่ชายกลับยืนเคว้งเหมือนกับเรื่องราวที่วาดฝันไว้ไม่ได้เป็นอย่างที่ฝัน คำว่า ‘พี่ฟ้าไม่เคยได้ยินเลย’ ยังก้องอยู่ในหัวเหมือนเสียงของฝน ฟ้าเข้าใจคำว่าได้ยินของเอเดนดีเลยทีเดียว และเขาก็ยืนยันคำเดิมว่า
...เขาได้ยินแล้วจริงๆ...
“ฟ้า” เป็นชายหนุ่มอายุ 24 ปี หัวหน้าวงร็อคมีที่ชื่อในวงการเพลง เขาเป็นลูกครึ่งไทย – อเมริกันที่มีใบหน้าและรูปร่างเหมือนพ่อที่เป็นชาวเอเชียทุกประการ ยกเว้นก็แต่ตาสีฟ้าใสที่ได้แม่มาเต็มๆ ฟ้าเติบโตมากับคุณยายที่บ้านในเมืองไทยในระหว่างที่พ่อกับแม่ก่อร่างสร้างตัวอยู่ที่ต่างประเทศ ฟ้าเป็นเด็กว่านอนสอนง่ายแต่เดิม เขาเป็นคนมีความรับผิดชอบสูง เป็นสุภาพบุรุษ มีความคิดเป็นผู้ใหญ่เกินตัว แม้ฟ้าเองจะชอบผู้ชายด้วยกันคุณย่าผู้เข้าใจโลกก็ทำได้แค่ยิ้มรับในสิ่งที่เขาเป็น เพราะเหนือกว่าสิ่งอื่นใดฟ้าเป็นคนดีมากกว่าคนที่เรียกตัวเองว่าปกติหลายเท่าตัว ทั้งแววตาสีฟ้าใสที่คอยล่อลวงผู้อื่นให้ยินยอมก็มีเสน่ห์อย่างน่าประหลาด คุณย่าเคยบอกว่าไม่มีใครเลยที่ได้อยู่ใกล้ฟ้าแล้วจะไม่หลงรัก ...เอเดนก็คงเป็นหนึ่งในนั้น....
“เอเดนไปอาบน้ำมากินข้าวกัน”
คนเป็นพี่ชายเดินเข้าไปเรียกเด็กที่ทำตัวทะมึนในห้องนอนที่แสนจะรกรุงรังไปด้วยเสื้อผ้าและของใช้ตามประสาเด็กวัยรุ่นบ้าบอคนหนึ่ง เขาเดินไปหยิบแจ็คเก็ทหนังขึ้นจากพื้นแล้วพิจมองอยู่ชั่วครู่
“นายโตขึ้นมากแล้วนะเอเดน”
คนที่นอนถอดเสื้อถอดกางเกงเหลือแต่บ็อกเซอร์ฟุ่บหน้าทั้งๆที่ตัวเปียกส่งเสียงอู้อี้ออกมา พี่ฟ้าก็เป็นเสียอย่างนี้ ถ้าพี่ฟ้าเลือกที่จะเดินเข้าห้องตัวเองไปแล้วการเมินเฉยเอเดนไปเสียบ้างเด็กที่เอาแต่ใจและหลงตัวเองก็คงไม่ได้รักฝังจิตฝังใจขนาดนั้น
“หมายความว่าไง”
ฟ้าเดินมานั่งลงข้างๆเตียงของเด็กตัวยักษ์ แล้วพูดอะไรบางอย่างที่ทำให้คนที่ยังมึนตึงอยู่ลุกขึ้นมาจากเตียงได้
“นายเริ่มโตพอที่พี่จะไม่ต้องดูแลแล้ว”
ดวงตาสีฟ้าเช่นเดียวกับคนพูดสั่นระริก พร้อมกับคิ้วดกหนาที่ขมวดจนชิดกัน
“อะ...อะไร”
“นายควรจะมีชีวิตเป็นของตัวเองได้แล้ว เช่นเดียวกับพี่...”
ถ้าหมายถึงการที่พี่ฟ้าออกไปนอนกับคนอื่น แล้วเรียกว่ามีชีวิตเป็นของตัวเอง ... เอเดนไม่มีทางเห็นด้วยเด็ดขาด
มันรู้ว่าเพื่อนคนเมื่อคืนคงไม่ใช่แค่เพื่อนปกติ แต่คงเป็นเพื่อนที่มีความสัมพันธ์ทางกายอย่างเคย มันรู้มาตลอดว่าพี่ฟ้ามีเพื่อนแบบที่ว่าอยู่มากมายจนนับไม่ถ้วน แต่ใครจะสนในเมื่อทุกวันพี่ฟ้ายังต้องใช้เวลาส่วนใหญ่ให้กับมัน ต้องมาฟังมันอ้อน ต้องนอนหลับที่บ้านหลังเดียวกัน เด็กที่โตมาด้วยสภาพแวดล้อมอย่างเอเดนเข้าใจดี มันทำใจไม่ให้หึงไปมากกว่าที่เป็นอยู่ได้ ทำตัวรื่นเริงปกติได้ บอกรักเช่นเคยได้ แต่ถ้าการที่พี่ฟ้าหายไปเมื่อวานคือการบอกให้มันเตรียมตัวทำใจการห่างกันไปตลอดกาลละก็... เอเดนยังทำไม่ได้แน่นอน
“หึ...ถ้าผมโตแล้วเป็นแบบนี้ผมไม่อยากโตหรอก”
ฟ้าพึ่งสังเกตได้ว่าเสียงของน้องชายต่ำได้ถึงเพียงนี้ได้เลยหรือ.. เขามองริมฝีปากหยักบางที่ขยับอย่างยากลำบาก
“พอผมบอกโตพี่ฟ้าก็บอกผมยังเด็ก แล้วทีแบบนี้มาบอกว่าผมโตแล้ว พี่ฟ้าต้องการอะไร”
แผ่นอกร้อนของคนเป็นน้องเบียดเข้าหาเขาอย่างจงใจ ไม่ทันที่จะได้ขยับตัวออก มือหนาก็กดไหล่เขาไว้เสียก่อน ฟ้าพยายามสั่งให้ตัวเองเลิกรนราน เลิกตื่นเต้น หรือแม้แต่เลิกกลัวท่าทีแบบนั้นให้ได้...แม้จะยากมากก็ตามที...
“พี่ว่าจะไปหาคอนโดอยู่”
สิ้นเสียงของพี่ชาย เอเดนหัวเราะก้องไปกับเสียงฝนและเสียงฟ้าในยามพายุ
“ฮ่าๆ ตลกน่า ใครจะอยากฟัง ”
และก็หุบปากฉับอย่างกับพึ่งจะจำได้ว่าเรื่องราวมันไม่ได้ตลกเลย
“อย่ามาล้อผมเล่นนะ!!!”
“เอเดน”
คนเป็นพี่ร้องเรียกเมื่อเห็นน้องชายเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด
“นายดื่มมารึไง”
เอเดนที่ไม่เคยได้รับอนุญาตให้ดื่มแอลกอฮอล์ ยักไหล่แล้วโถมตัวเข้าหาพี่ชายทั้งตัว ปกติแล้วมันจะได้กำปั้นพิฆาตและคำด่าทอมาเป็นของตอบแทน ครั้งนี้ก็ไม่ต่าง เพียงแต่เอเดนเลือกที่จะเป็นฝ่ายเมินเฉยปฏิกิริยาเหล่านั้นบ้าง ตอนนี้มันไม่สนใจแล้วว่าพี่ฟ้าจะเกลียดมันหรือเปล่า โกรธแค่ไหน เพราะเอเดนเหนื่อยที่จะคิดแล้ว มันทำทุกอย่างที่อยากจะทำ เอเดนมองหน้าคนเป็นพี่ด้วยสายตากร้าว มันบดจูบลงไปบนริมฝีบากของคนที่รักอย่างจงใจ แม้เขาจะปิดริมฝีปากไว้ได้สนิทและดิ้นรนแค่ไหน เด็กที่มีแรงมากกว่าหน่อยโถมแรงทั้งหมดกดตัวคนข้างล่างไว้โดยไม่ฟังแม้แต่คำขอร้องของคนเป็นพี่ ฝรั่งตะโบมจบและดูดดุนริมฝีปากนิ่มตรงหน้า ลิ้นหนาค่อยๆแซะปากที่ปิดสนิทเข้าไป พอเขาเผลอแค่นิดคนอยู่ข้างบนก็ประกบลิ้นลงไปในโพรงปากอีกคน แม้จะโดนกัดลิ้นมันก็ทำแค่ถอนหน้าออกมาแล้วประกบลงไปใหม่ เอเดนกำลังคลั่งฟ้ารู้ดีทีเดียว ฟ้าคงรู้ด้วยซ้ำว่าในที่สุดน้องชายก็ไม่ได้ดื่มสิ่งที่ห้ามเข้าไปแม้เพียงสักอึก เขาที่ดิ้นและต่อต้านไปเมื่อครู่นิ่งงันลงเพราะรู้ว่าการกระทำเช่นนั้นคงใช้ไม่ได้ผล หรือถ้าไม่ให้โกหกตัวเองอาจจะเรียกว่าเขาก็ยินดีกับการสัมผัสนั้นก็เป็นได้ ฟ้าใจอ่อนลงอีกแล้ว...
“ถึงไม่ได้รักผมก็ไม่เห็นต้องทำท่าทางรังเกียจแบบนั้นเลย”
เด็กที่อยู่ข้างบนถอนริมฝีปากออกแล้วเท้าแขนมองเขาที่นิ่งไปอย่างที่รู้ว่าแววตาแบบนั้นคือกำลังน้อยใจเป็นที่สุด
“ใช่...ผมมันตัวโตเทอะทะ ไม่ได้น่ารักอย่างที่พี่ฟ้าชอบ”
เขามองริมฝีปากบางขยับขึ้นลงอย่างตะกุกตะกัก เพราะทุกอย่างที่อยากจะพูดกำลังล้นออกมา
“ผมมันเอาแต่ใจ นิสัยก็เด็ก”
แววตาหมองเมื่อครู่ถูกแทนที่ด้วยบางสิ่งที่รื้นขึ้นเต็มหน่วยตา
“แล้วอะไรอีกนะ อา...ใช่ ผมเป็นน้องพี่ฟ้าไง”
หลังประโยคนั้นจบลง น้ำตาเม็ดเล็กก็หยดลงบนแก้มของอีกคน ...เอเดนกำลังร้องไห้...
“แล้วจะให้ผมทำยังไงวะ... ต้องให้ทำยังไงพี่ฟ้าถึงรักจะผมบ้าง”
ฟ้าที่ไม่เคยเห็นน้องชายร้องไห้มาก่อน เผลอตัวใช้นิ้วไปปาดใต้ตาของคนที่คร่อมอยู่ด้านบน เอเดนยิ้มเศร้า มันจับมือของอีกคนไว้ราวกับกลัวว่าเขาที่เคยรู้จักจะหายไป ฟ้าที่กำลังสับสนกับการกระทำของตัวเองค่อยๆยกตัวไปจูบที่ข้างแก้มอีกคนอย่างเผลอไผล ...ฟ้ากำลังพลาดอย่างใหญ่หลวง... การยับยั้งชั่งใจที่เริ่มทยอยหายไปเป็นผลให้เขาตอบรับจูบที่อ่อนหวานและร้อนแรงอยู่สามถึงสี่ครั้ง ตัวที่เย็นเฉียบของคนเป็นน้องเมื่อต้นร้อนรุ่มขึ้นเพราะอ้อมกอดและแรงเสียดทานของคนทั้งสอง ไม่นานนักเสื้อยืดที่อยู่ติดตัวของพี่ฟ้าก็ถูกถอดออกไป เด็กตัวใหญ่ทำทุกอย่างราวกับฝันไป มันกัดไหล่อีกคนให้หายหมั่นเขี้ยวแล้วค่อยกลับมาจูบใหม่เป็นรอบที่สิบ เอเดนไม่ได้สนใจเสียงฝน เสียงฟ้าผ่า หรือแม้แต่เสียงโทรศัพท์บ้านที่แผดจ้าอยู่ข้างเตียง มันตักตวงทุกอย่างที่เคยอยากได้ด้วยร่างกายสูงใหญ่ของตน แม้สายตาจะพร่ามัวมันก็เห็นสีหน้าบิดเบี้ยวยามเขินอายของคนข้างล่างได้เป็นอย่างดี ทั้งที่รู้ว่าสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นมันไม่ดีแต่ฟ้ากลับไม่เหลือแรงที่จะห้าม เขากำลังปล่อยทุกอย่างให้เป็นอย่างที่มันควรจะเป็น ถ้าหากไม่ได้ยินเสียงฝากข้อความเสียก่อน
“ฟ้า”เขาหยุดฟังเสียงที่คุ้นหูอยู่พักนึง
"นี่แม่เองนะ... พาน้องไปไหนกัน..............” เสียงพูดภาษาไทยฉะฉานของแม่ที่ฝึกมานานทำเอาลูกชายสะดุ้งแล้วผลักน้องชายที่ถามถึงออกเต็มแรง ต่างจากเอเดนที่ตกใจจนเผลอตัวเข้ามากอดอีกคนไว้แน่นแทน ใบหน้ายามซีดเผือดของพี่ชายน่าสงสารจนเอเดนอดไม่ได้ที่จะกอดให้แน่นกว่าเดิม ฟ้านั่งนิ่งอยู่ครู่ใหญ่และค่อยๆดันตัวออกมาในที่สุด เขาเอื้อมหยิบเสื้อยืดของตัวเองที่พื้น แล้วลูบทรงผมที่ยุ่งเหยิงด้วยท่าทางสับสน
“เอเดน...”
เสียงแหบแห้งของพี่ฟ้าทำเอาเอเดนใจหายวูบ มันส่ายหน้าเป็นพัลวันเพื่อไม่ให้เขาพูดสิ่งที่อยากจะพูดออกมา
“พี่ว่า....”
“ชู่ว...”
ฝรั่งเอามือใหญ่ไปปิดปากคนเป็นพี่ชายไว้แล้วส่ายหน้าไปมาพร้อมกับน้ำตาที่เอ่อขึ้นมาอีกรอบ ฟ้าจับแขนน้องชายออกแล้วมองใบหน้ากังวลข้างหน้าให้เต็มตา บางทีเวลาที่สมควรจะฟังก็คงมาถึงแล้ว
“เราแยกกันอยู่เถอะ”
TBC.
____________________________________________________________________
แว๊บมายามบ่ายๆ เป็นครั้งแรกในชีวิต

อยากรู้จริงๆว่าเอเดนมันใช้มือถือยี่ห้ออะไร
จะไปสอยมาบ้าง ทนเหลือเกิน ถถถถถ
ปล. สงสารฟ้ามากเบย ป้าเข้าใจลูก

ปล.ขอบคุณคนอ่านครับจริงๆ กราบบบบบบบบบบ
