ท่ามกลางบรรยากาศสลัวในตอนเช้ามืดหมอสะดุ้งตื่นขึ้นมาเพราะฝันประหลาดๆที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นจริง แต่ไออุ่นของคนข้างๆทำให้รู้ว่าเรื่องราวทั้งหมดคือความจริง แว่นลุกขึ้นลูบหน้าตัวเองเพื่อเรียกสติแล้วหันไปมองอีกคนที่มีผ้าพันแผลตรงข้อศอกรวมถึงแก้มขวา มุมปาก บริเวณไหล่และหน้าอกเริ่มกลายเป็นสีม่วงช้ำ หมอรู้สึกผิดที่เมื่อคืนพวกมันวางมวยกันอีกรอบเพราะความเลือดร้อนของแว่น คนเพี้ยนอย่างมันจ้องใบหน้าหล่อเหลานั่นแล้วแทบจะทึ้งหัวตัวเองเพราะไม่คิดว่าทุกอย่างจะเป็นความจริง มันค่อยๆลุกขึ้นอย่างกลัวว่าคนข้างๆจะตื่น แต่ก็ไม่ทันการเพราะคนๆนั้นลืมตาขึ้นมาเสียแล้ว
“วันนี้ทำงานเหรอครับ”
เพี้ยนพยักหน้าแทนคำตอบ
“เป็นไงบ้าง”
มันถามด้วยความเป็นห่วง แต่คนตอบกลับยิ้มร่าแล้วตอบด้วยความกวนโอ้ย
“เจ็บเหมือนโดนรถบรรทุกทับ”
หมออยากจะซัดอีกสักหมัด นายซินผู้น่ารักของมันหายไปแล้ว แว่นยู่หน้าแล้วถลึงตาใส่คนที่นอนอยู่จึงหัวเราะออกมาแว่นมันไม่รู้หรอกว่าที่นายซินแหย่มันเพราะชอบเห็นมันเวลาทำหน้าตาประหลาดๆมือเบสคิดว่าแบบนั้นมัน...น่ารักดี
เอาเป็นว่าพวกมันก็เพี้ยนทั้งคู่นั่นแหละ
“วันนี้มีเรียนไหม”
นายซินพยักหน้าน้อยๆ
“ลาป่วยซะ เดี๋ยวไปโรงพยาบาลเอาไปรับรองแพทย์”
“แต่...”
“ไม่ต้องไป!”
แล้วพี่แกจะถามทำไมไม่รู้ นายซินยิ้มขำแล้วกวักมือให้อีกคนขยับเข้ามาใกล้แว่นผู้เพี้ยนและอีคิวต่ำทำหน้าสงสัยและขยับเข้าไปหาโดยง่าย อีกคนจึงใช้แขนซ้ายข้างที่ไม่เจ็บและถนัดคว้าเอวอีกคนเข้าไปหาตัวคนที่ถือมีดผ่าตัดจะสู้อะไรคนแบกเบสหลายกิโลได้ หมอผู้เสียหลักแทบจะโถมลงไปทับอีกคนทั้งตัวแต่ยังดีที่ใช้มือสองข้างค้ำไว้ทันเวลา ไม่เช่นนั้นอีกคนคงต้องช้ำทั้งตัวแน่
“ไอ้ซิน!”
พี่แกแยกเขี้ยวใส่ นายซินกรอกตาไปมาแล้วบ่นบ้าง
“บีมพูดไม่เพราะเลย”
หมออ้าปากพะงาบๆเหมือนจะเถียงแต่เถียงไม่ออก ไม่ใช่ว่าบีมไม่ชอบที่นายซินเป็นแบบนี้เพียงแต่...มันไม่ดีต่อหัวใจ
“ปล่อย”
มันบอกคนมือปลาหมึก คนที่แก้มเขียวไปข้างนึงไม่ได้เจียมสังขารแต่มันกลับค่อยๆรั้งตัวอีกคนให้เข้ามาชิดยิ่งกว่าเดิมจนมันมันสามารถใช้จมูกโด่งสูดเอากลิ่นของอีกคนผ่านแก้มแดงๆได้ หน้าหมอเหวอจนมือเบสหัวเราะร่า
“ไอ้เหี้ยซิน!”
พอได้สติแล้วพี่แกก็รีบขืนตัวออกก่อนจะมานั่งก้มหน้างุดอยู่ข้างๆ
“คบกันแล้ว ทำได้”
คนมือไวตอบอย่างเรียบๆซื่อๆ แว่นอยากจะโบกไปอีกรอบแต่ทำได้แค่ถลึงตาใส่
“อย่าทำแบบนี้อีกนะ”
เพี้ยนเสหน้าหลบตาเรียวของอีกคนแล้วบ่นหงุงหงิง
“เดี๋ยวกูหัวใจวายตาย”
เอาเป็นว่าไอ้ซินหัวเราะจนปวดแผลเลยแหละ
หลังจากมหกรรมเขินแห่งชาติ แว่นกำชับให้อีกคนอาบน้ำอย่างระมัดระวังก่อนจะเดินออกมาหาอะไรลงท้องพร้อมกับเจอพ่อคนที่สองที่ห้องข้างนอก พ่อผู้นี้ถามได้ตรงเสียจนปวดใจ
“แฟนมึงเป็นไงบ้าง”
แว่นแทบอยากกระโดดถีบคนถามเพราะความอาย แต่ก็ต้องทำเนียนไม่รู้ไม่ชี้
“แฟน!? แฟนอะไร”
โจ้กรอกตาแล้วชี้ไปที่ห้องที่มีใครบางคนอยู่
“ผนังมันบาง”
ไอ้บีมแทบอยากจะเอากาแฟร้อนที่ถือไว้ในมือราดหัวตัวเอง แต่ก็ต้องยืนนิ่งตอบกลับเหมือนมันไม่ได้เขิน
“แล้วพูดตอนไหนวะว่าเป็นแฟนกัน”
ไอ้โจ้เบ้หน้าเพราะหมั่นไส้ก่อนจะฉกกาแฟในมือเพื่อนของตนไป แล้วยกยิ้มอย่างกวนตีน
“เอาเถอะ...กูคงคิดไปเองมั้ง แต่ตาบวมเชียวนะมึง”
มันล้อเพื่อนที่พยายามไม่แสดงความอายออกมา ทำไมโจ้จะไม่รู้กันเล่า!
“เทรนด์ถุงใต้ตาพระเอกนิยายเกาหลี”
ไอ้แว่นตอบพลางยักไหล่ หมอโจ้หัวเราะเสียงดังก่อนจะค่อนขอดคืน
“นิยายป่าเถื่อนสิมึง แฟนมึงสะบักสะบอมเชียว”
คราวนี้หมอแว่นถลึงตาใส่เพื่อนพร้อมกำใบหน้าแดงจัดแล้วโวยวายเสียงดัง
“ไอ้เหี้ยนี่ ยังไม่เลิกเรียกแบบนั้นอีก”
โจ้เอาตัวพิงผนังแล้วเกาคางเจ้าเหมียวตัวน้อยที่วนเวียนอยู่ใกล้ๆ
“แล้วจะให้กูเรียกว่าอะไรวะ นางซินเหรอ เนอะไอ้นีโม่...เนอะ”
แว่นผู้หน้าร้อนจนแทบจะสุกบ่นพึมพำออกมาในที่สุด
“เรียกว่า...เจ้าหญิง ก็คงได้มั้ง”
“เพี้ยนสัสๆ”
เพื่อนโจ้บ่นเสียงดังก่อนจะหัวเราะด้วยท่าทางละเหี่ยใจ
*************************************
คืนก่อนหน้า
เด็กฝรั่งผู้เดือดเนื้อร้อนใจเพราะท่าทางคุณหมอเดินวนไปมาจนพี่ๆเวียนหัว สุดท้ายแล้วมันก็หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมานั่งฟังสัญญาณรอสายจนเกือบถอดใจ แต่กลับได้ยินเสียงที่คุ้นเคยดังขึ้นก่อน
“ครับเอเดน”
“คุณหมออออออออ”
เด็กฝรั่งกรีดร้องแล้วหันไปแยกเขี้ยวให้ไอ้พี่ฟ้าที่อยู่ข้างๆ เพราะหัวหน้าวงพาเพื่อนพี่ซินมาหมอถึงต้องเป็นแบบนี้ไงเล่า!
“คุณหมออยู่ไหน ผมเป็นห่วง”
มันอ้อนอย่างเคย
“ไม่เป็นไรครับ พี่อยู่ที่พักแล้ว”
“ให้ผมไปหานะ ผมไม่อยากให้คุณหมออยู่คนเดียว”
มันเสนอตัวอย่างจงใจเมื่อเห็นไอ้พี่ออมกลับมาแล้ว และดูท่าคุณหมอจะต้องกลับไปคิดมากคนเดียว แต่ทุกอย่างกลับไม่เป็นอย่างที่เอเดนคิดเมื่อมีเสียงใครอีกคนโพล่งออกมา
“พี่อยู่กับบีมที่ห้อง นายวางไปได้แล้วเอเดน”
เด็กฝรั่งจำเสียงนิ่งแต่อวดดีนั่นได้ดี มันไม่ค่อยชอบพวกทำตัวลึกลับอย่างนายซินเท่าไหร่ทำมาเป็นเงียบแต่จริงๆแล้วสมองกำลังประมวลผลอะไรก็ไม่รู้ เอเดนถึงค่อนข้างสนิทกับซินน้อยที่สุดในบรรดาพี่ๆทุกคน คนที่เด็กที่สุดเบ้หน้าแล้วหันไปค้อนพี่ใหญ่สุดก่อนจะวางสาย ไอ้พี่ฟ้าเดินมาหวังจะลูบหัวหยิกที่สูงเลยไหล่มันมาหน่อยแล้ว แต่เด็กฝรั่งกลับปัดมือนั่นทิ้งแล้วเดินหนี วันนี้มันอะไรนักหนา...อุตส่าห์เป็นวันที่จะได้ดูเอ็มวีเพลงแท้ๆเพื่อนพี่ซินที่ชื่อบิ๊กมาสตูดิโอทั้งๆปกติไม่เคยเห็นหน้าค่าตามาก่อนแถมมาวันเดียวกับหมอสุดที่รักมันอีก แล้วไม่รู้อีท่าไหนหายนะถึงมาเยือน มันเดินหน้ายุ่งเข้าไปหยิบกระเป๋าก่อนจะไหว้ลาทุกคนแล้วเดินออกมาข้างนอกเพื่อจะกลับบ้าน
“เฮ้ย....ทำไมกลับเร็ว”
ไอ้พายที่นั่งจูนกีตาร์อยู่ถามขึ้น เด็กฝรั่งตอบโดยใช้คำศัพท์แสลงแบบที่มันชอบ
“เซ็ง!”
ฟ้าเดินมาใกล้แล้วยื่นของบางอย่างให้
“อ่ะกุญแจ....พี่คงกลับดึก ”
เด็กฝรั่งชายตาไปที่คนชื่อบิ๊กแล้วกระแทกเสียงใส่หัวหน้าวง
“It up to you ,bro!”
ฟ้าผู้มีกฎในบ้านว่าอยู่ในเมืองไทยห้ามพูดภาษาอังกฤษเอ่ยห้าม
“เอเดน...พี่บอกแล้วว่าอย่า”
เด็กฝรั่งมู่หน้าแล้วแล้วเอ่ยอีกอย่าง
“Ahhhhh naruhodo ”
“ภาษาอื่นก็ห้าม!!!”
ไอ้พายถึงกับส่ายหน้าด้วยความอิดหนาระอาใจ
“แม่ง...น่ารามคานจุงเบย”
“พูดให้มันถูกๆหน่อยเถอะ”
พี่ฟ้าก็ถอนหายใจอย่างเหนื่อยอกเหนื่อยใจไม่แพ้กัน คนที่เด็กที่สุดมองหน้าท่านหัวหน้าวงทำหน้ายักษ์แล้วประกาศสงคราม
“สักวันเถอะพี่ฟ้า สักวันเถอะ...เราจะได้เห็นดีกัน!”
แล้วมันก็โบกแท็กซี่ลับตาไป ไอ้ฟ้าถอนหายใจเป็นรอบที่ร้อยในวันนี้...เพลีย
_____________________________________________________________________
TBC.