||*Hardcore Cinderella*||เจ้าชายและนายซิน [ประกาศรวมเล่ม หน้า 23 :D]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ||*Hardcore Cinderella*||เจ้าชายและนายซิน [ประกาศรวมเล่ม หน้า 23 :D]  (อ่าน 365118 ครั้ง)

ออฟไลน์ kongxinya

  • Skt KS
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-0
อ่า นึกว่าจะเศร้าซะแล้ว  :katai2-1:
มันก็จริงเนาะชีวิตจริงมันไม่มีคำว่าจบบริบูรณ์สำหรับความรัก
ทุกอย่างมันขึ้นอยู่ที่ตัวเราต่างหากว่าจะประคับประคองจับมือกันและกันไปได้ถึงไหน  :L2:

ขอบคุณสำหรับตอนพิเศษรอตอนต่อไปค่ะ  :L2: :กอด1: :pig4: :L2:

ออฟไลน์ MaRiTt_TCL

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1513
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +67/-6
น่ารักโครตๆเลยอ่ะ >< เขินเลย

ออฟไลน์ TIKA_n

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1391
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +308/-4
เห็นมั้ย ซินของเรา ก็ยังเป็นซินคนเดิม ที่ซื่อสัตย์ต่อเจ้าชายตลอดเวลา ปลื้มใจจริงเลย
ซินชัดเจนแต่แรกแล้วแท้ ๆ มีแต่ยัยเกรต้า นี่แหละ ด้านมาก ๆ คิดจะแย่งของ ๆ คนอื่น
แล้วยังไม่เชื่ออีกว่าซินเป็นเกย์ แต่ที่แปลกใจกว่า พี่หมอบีม จนถึงทุกวันนี้ ก็ยังไม่เชื่อว่าซินเป็นเกย์
ไม่น่าถึงได้คิดมากกับข่าวของซินกับยัยผู้หญิงคนนี้มากมาย เพราะงี้เอง โธ่ พี่หมอบีมมมม :heaven
เข้าใจในอารมณ์เหวี่ยงของพี่หมอบีมนะ ระเบิดซะ แต่อาละวาดอย่างนี้สิดี ดีกว่าหนีกลับไปเงียบ ๆ
อย่างนี้จะได้เคลียร์กันไปเลย ไม่ค้างคาใจ แล้วก็นับถือความใจเย็นของซินด้วย โดนด่าทั้งที่ไม่ได้นอกใจ
ก็ยังใจเย็นได้ แถมเข้าใจพี่หมอบีมอย่างดีเลย อย่างนี้สินะถึงจะทำให้รักกันได้ตลอดรอดฝั่ง
พอเข้าใจกันแล้ว ก็ได้ใช้เวลาด้วยกันอย่างโรแมนติกเลยอ่ะ  :o8: แล้วสุดท้าย ลอยกระทง ได้ลอยกระทงด้วย
แถมเป็นกระทงที่ไม่เหมือนใครซะอีก  กระทงขนมปังฝรั่งเศส แหม่ น่าประทับใจออกนะพี่หมอบีม
แล้วถึงยังไม่ได้ขอแต่งงาน ตามที่สัญญาไว้ แต่นายซินก็ได้จองเจ้าชายด้วยแหวนหมั้นไว้แล้วน้า :m1:
งานนี้สำเร็จได้ ต้องขอบคุณคุณพ่อที่น่ารักที่ให้ตั๋วพี่หมอบีมมา และคุณแม่ที่น่ารักที่ให้แหวนไว้เพื่อหมั้นพี่หมอบีม
ที่สำคัญ ทั้งสองคน ต้องขอบคุณความพยายามของกันและกัน ที่ทำและอดทน ทุกอย่างเพื่อให้คนที่ตนรัก มีความสุข

แหม ได้อ่านตอนพิเศษ อนาคตที่รักกันชื่นมื่นขนาดนี้ แม้จะมีอุปสรรคเข้ามาเป็นระยะ ๆ ก็เถอะ
ทำให้อ่านตอนหลักได้แบบสบายใจเต็มที่  ถึงตอนหลักจะมีดราม่าเข้ามาเท่าไหร่ก็ไม่หวั่น
เพราะยังไงคู่นี้ก็แฮ้ปปี้เอ็นดิ้งอยู่ดี   งั้นก็รอตอนหลักต่อไปดีกว่าเนอะ  ขอบคุณคนเขียนค่ะ  :L1: 

ออฟไลน์ zearet17

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 345
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +555/-0
    • facebook
||*Hardcore Cinderella*||เจ้าชายและนายซิน[rewrite#7]
«ตอบ #93 เมื่อ21-11-2013 01:30:45 »

#7 เจ้าชายผู้เสียสละ
    

เช้าของวันแห่งโลกาวินาศในความคิดมัน ไอ้แว่นที่ไม่ได้ใส่แว่นตื่นเช้ามาเพราะเสียงฝนกระหน่ำและความอุ่นที่มากกว่าปกติ

“หือ...?”

มันตาโตเล็กน้อยเมื่อพบว่ามันกำลังเอาขาก่ายขาของอีกคนที่นอนแหมะอยู่ข้างกันออก มันพันกันยุ่งจนแยกไม่ออกว่าขาใครเป็นขาใครแถมยังมีลมร้อนๆเป่าอยู่บนหน้าผากอีก พอเงยหน้าขึ้นไปแล้วก็ เหวอ...ใกล้สุดๆหมอที่ตาโตเท่าไข่ห่านค่อยๆกระดึ๊บตัวออกห่าง ทำให้ไอ้หน้าหล่อส่งเสียงอืออาในลำคออย่างรำคาญเมื่อมันพยายามดึงขาตัวเองออกมันจึงยื้อตัวออกมาได้แค่นั้น ก่อนจะลอบถอนหายใจไอ้บีมมันมีเหตุผลที่ทำแบบนั้น ข้อแรกคือมันไม่อยากกวนผู้มีพระคุณที่พึ่งได้นอนไม่ถึงแปดชั่วโมงเพราะมันไม่ดีต่อร่างกาย...ว่าไปนั่น ข้อที่สองคือมันไม่อยากให้คนข้างๆตื่นมาเห็นสภาพขาเยี่ยงหนวดปลาหมึกและหูแดงๆของมัน...รู้ไปถึงไหนอายไปถึงนั่น... ใบหน้าของคนหล่อแม้ยามหลับก็หล่อ หมอที่แม้ไม่สวมแว่นแต่ด้วยระยะห่างไม่มากนักมันจึงมองเห็นแม้กระทั่งขนคิ้วเรียงหนาของอีกคน เพียงแค่คืนเดียวที่ผ่านอะไรมาด้วยกัน ได้นอนด้วยกัน? มันรู้สึกว่ารู้จักและสนิทกับคนตรงหน้ามากขึ้นแต่ไม่รู้ว่าคนที่แกล้งหลับอยู่จะคิดเหมือนมันไหม...

                 การมานอนต่างถิ่นแค่เสียงฝนเปาะแรกแม้จะล้าไปทั่วตัวไอ้ซินก็ตื่นเต็มตาแล้ว แต่มันไม่ได้ตื่นเพราะเสียงฝนหรอกมันตื่นเพราะมีปลาหมึกบางตัวเอาหนวดมาก่ายเอวและมือฟาดกกหูนายซินอย่างคิดว่ามันเป็นหมอนข้าง ซินค่อยๆลืมตาขึ้นพร้อมกับอีกคนที่ซุกตัวเข้ามาเสียใกล้มันนอนมองหน้าตายามสิ้นฤทธิ์ของคนเพี้ยนปากหมาอยู่สักพัก  ไอ้คนนั้นก็ค่อยๆขยับตัวยุกยิกก่อนที่ซินจะปิดเปลือกตารอดูปฏิกิริยาของปลาหมึกตัวนั้น ตอนแรกไอ้ซินมันคิดว่าไอ้แว่นเพี้ยนจะลุกขึ้นมาโวยวายอย่างที่ควรเป็น แต่เปล่า ไอ้คนนั้นเพียงแค่ขยับตัวออก ที่สำคัญคือมันได้ยินเสียงหัวใจของไอ้แว่นดังมากดังจนเหมือนจะเด้งออกมา มันจึงขยับตัวนิดหน่อยเพื่อให้อีกคนขยับตัวออกเพราะมันกลัวหมอจะหัวใจวายตาย

"ไอ้บีม เมื่อคืนมึงกลับมาเหรอวะ"

เสียงจากข้างนอกเกือบทำให้หมอเพี้ยนสะดุ้งเฮือกเพราะตกใจ

“ไอ้บีม”

ก่อนที่โจ้เพื่อนยากจะตะโกนจนคนทั้งตึกตื่น มันจึงเสนอหน้าไปเปิดประตูแล้วค่อยๆแทรกตัวออกไปเยี่ยงคนกำลังซ่อนเมียน้อยไว้แล้วกลัวสามีเห็นนั่นทำให้ไอ้โจ้หรี่ตามองอย่างจับผิด

"เออ...วะ...ว่าไง"

แว่นก็ช่างทำตัวให้ดูไร้พิรุธเสียจริง

“อ๋อ ก็กูได้ยินว่าวันนี้มึงจะไปอยู่กับแม่ทำไมกลับมาได้วะ ”

“วันนี้มึงทำงานเหรอวะ”

หมอตอบไม่ตรงคำถามก่อนจะเดินชิวไปที่ตู้เย็นแล้วเปิดหาน้ำดื่ม ทำเป็นไม่สนใจเสียงไต่ถามของเพื่อนที่เหมือนบุพการีคนที่สอง ไอ้โจ้ส่ายหน้าเพราะปลงกับเพื่อนของตนแล้วคว้ากระเป๋าเตรียมตัวไปทำงาน ไอ้เพี้ยนแอบโล่งใจและภาวนาให้เพื่อนรักรีบจรลีไปทำงานให้เร็วที่สุด แต่ทว่าแว่นลืมอะไรไปซักอย่าง...

"มึงมากับใครวะ"

โจ้ยืนนิ่งอยู่ตรงประตูหน้าห้อง มีเสียงคำรามของฟ้าและบรรยากาศขมุกขมัวเป็นฉากหลัง

"มะ...มากับใครที่ไหน ไม่มีๆ"

ไอ้แว่นปฏิเสธตามเสต็ป ก็ไม่เข้าใจว่าทำไมมันต้องทำตัวลับๆล่อๆ ก็แค่บอกไปว่าพาผู้ชายมานอนที่ห้องเรื่องก็จบ...ง่ายจะตายไป...

"แล้วนี่รองเท้าใคร"

หมอโจ้ชี้ไปที่รองเท้าแก้ว แว่นหมายถึงรองเท้าผ้าใบสีดำที่ยังชุ่มเพราะฝน รองท้าสีดำคู่ยาวที่มันไม่เคยเห็น เป็นเวลาเดียวกับแสงแปลาปลาบและเสียงผ่าเปรี้ยงของฟ้าฝน 

"พรวด!"

แว่นที่กระดกน้ำแร่ขวดละเจ็ดบาทอยู่ สำลักออกมาทั้งปากและจมูกทำเอาพื้นเปียกเป็นวงกว้าง

"ไอ้บีม! ซกมกฉิบหาย"

โจ้มอบคำแทนความเป็นห่วงแต่สายตามันฟ้องว่า ‘กูต้องการความจริง เดี๋ยวนี้!’

"มีอะไรหรือเปล่าครับ?"

แล้วเจ้าของรองเท้าแก้วก็เดินทะเล่อทะล่าออกมา ไอ้โจ้อึ้งแดกแทบจะสิ้นสติพอๆกับไอ้เพี้ยนที่ยืนตาโตเป็นไข่ห่านอยู่ข้างตู้เย็น

“พี่หวัดดีครับ”

ไอ้ซินผู้มารยาทดีไหว้รุ่นพี่อีกคนที่มันเคยเห็นเมื่อครั้งก่อน รุ่นพี่คนนั้นยกมือรับไหว้ท่าทางแข็งๆเหมือนหุ่นยนต์ก่อนจะชี้มือมาที่เพื่อนตนอย่างคาดโทษแล้วผลักประตูออกไปอย่างเร่งรีบ โจ้ว่าเรื่องนี้ต้องขยายให้หายคับข้องใจ พ่อมือเบสที่ยืนมองประตูสลับกับอีกคน

"ตะ...ตื่นแล้วเหรอ"

คนที่ยืนนิ่งอยู่หน้าตู้เย็นยิ้มแหยแล้วถาม  ถ้ายังไม่ตื่นแล้วเขาจะเดินออกมาได้เหรอเอ็งก็ถามอะไรเพี้ยนๆนะแว่นแถมหน้าตาก็ดูส่อพิรุธอีก 

"ผมอยากเข้าห้องน้ำ"

ซินบอกความต้องการของมัน

"โอ้ ตะ...ตามสบายเลยนะ"

ดูมันพูดจาเข้า นายซินเดินออกมาจากห้องน้ำด้วยสภาพผ้าขนหนูผืนเดียวไอ้แว่นจึงขับไล่ให้มันรีบไปใส่เสื้อผ้าก่อนที่จะเอาซ้อมจิ้มกล้ามเพราะอิจฉา  มือเบสหายไปสักพักก็กลับออกมาเห็นอีกคนกำลังนั่งรื้อตู้เย็นกุกกักจนหน้าแทบจะทิ่มเข้าไปในช่องใส่ผัก

"กินอะไรได้บ้าง"

เจ้าของห้องหันมาถาม ซินกวาดสายตามองให้ทั่วก่อนจะตอบ

"ทุกอย่าง ยกเว้นนมวัวครับ"

หมอพยักหน้ารับแต่ก็มิวายปากดี

"แล้วไหงมึงสูงอย่างกับเสาสัญญาณสามจีว่ะ"

มันบ่นแล้วลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ซินมองหระหม่อมของไอ้เพี้ยนที่อยู่ตรงคางมันพอดี

"กรรมพันธุ์ครับ"

มันตอบด้วยน้ำเสียงปกติแต่คนไม่ปกติกลับคิดว่ามันอวดดี

"กูจะฟ้องคุณนายแม่ว่า มึงหาว่าแม่กูเตี้ย"

 ไอ้ซินมันยิ้มกว้างให้กับท่าทางกวนตีนที่แต่ก่อนมันไม่อยากจะยุ่งแต่ตอนนี้มันกลับรู้สึกขบขันแทน ไอ้เตี้ยที่เตรียมจะด่าต่อจึงทำแค่ย่นจมูกแล้วเดินไปที่ครัวจิ๋วอันได้แก่ไมโครเวฟและอ่างล้างจาน ก่อนจะแว้บไปให้ข้าวไอ้ปลาที่นอนถ่างให้ลูกดดูดนมอย่างสุขีพอมีลูกแล้วก็ไม่ค่อยมากวนพ่อมันเสียเท่าไหร่

"พี่ทำอาหารเป็นด้วยเหรอ"

นายซินถามเมื่อเห็นไอ้แว่นหยิบนั่นนี่อย่างคล่องแคล่ว

"สมัยนี้เขามีนวัตกรรมที่เรียกว่าอาหารสำเร็จรูป"

คนที่อ้างนวัตกรรมดังกล่าวทำแค่เทน้ำร้อนใส่โจ๊กซองเวฟไส้กรอกอาหารเช้าก็พร้อมทานแล้ว ซินนั่งกินเงียบๆแต่คอยเงยหน้าลอบมองอีกคนอยู่เป็นระยะ ซึ่งถ้าจังหวะไม่ดีมันมักจะเจอตากลมๆใต้กรอบแว่นมองอยู่ก่อนแล้วแต่เจ้าของแว่นกลับรีบหลบตาลงเสียนี่ ซินมันจึงได้เห็นแค่หูแดงๆของอีกคนแทน

“เฮ้ย!เมื่อคืนมีบอลนัดชิง ทำไมมึงไม่เตือนกูเนี่ย”

แว่นที่กำลังล้างจานในอ่างรีบขยับมือให้ไวพร้อมกับเหลือบมองนาฬิกาเป็นระยะ

“ครับ?”

บีมมันชอบคิดไปเองว่าผู้ชายทุกคนต้องดูบอล เผื่อไอ้ซินไว้คนนึงเถอะอะไรคือล้ำหน้ามันยังไม่ค่อยเข้าใจเลย

“ดูรีรันก็ได้วะ แต่กูว่ามันไม่ค่อยได้อารมณ์มึงว่างั้นป่ะ?”

นายซินว่าจะแย้ง แต่พอเห็นสีหน้าอีกคนมันก็เงียบเพราะไม่อยากทำลายความตั้งใจก่อนจะเดินมานั่งบนเบาะนั่งข้างๆไอ้แว่นที่นั่งจ้องช่องกีฬา

“แมตซ์นี้นะมึง ฝั่งเสื้อเขียวแม่งอย่างแจ่มแต่มึงเห็นนั่นไหม”

ซินมองตามนิ้วมือยาวที่ชี้อยู่บนจอ  จะว่าเห็นก็เห็นนะแต่ก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี

"กุว่าฟอร์มมันต่างกัน มึงดูช่างภาพดิเอียงไปถ่ายฝั่งยิงของทีมนั้นเฉยเลย"

"…"

บีมได้กลับมาแค่ความเงียบมันจึงละสายตาจากจอแล้วหันมาถาม

“หรือมึงไม่ดูบอล”

“ผมดูไม่เป็น....”

เมื่อคำตอบมันแย่กว่าคิด แว่นจึงเดินไปหยิบคลังดีวีดีของมันกับไอ้โจ้มาให้อีกคนเลือกดูทีวีต่อสายเคเบิลบนชั้นห้ายามฝนตกหนักก็ไม่ใช่ความคิดที่ดีนักหรอก 

"นั่นหนังสนุกนะมึง เรื่องโปรดกูเลยกูดูทุกครั้งที่เข้าเวรไม่ต่ำกว่า 20 รอบ”

แว่นโอ้อวดถึงหนังที่นายซินกำลังพิจารณาปกอยู่ 

“จริงเหรอพี่”

ซินถามว่าสนุกจริงไหม แต่คนขี้โม้กลับคิดไปอีกทาง

“จริงสิวะ แต่ดูแบบเป็นท่อนๆนะโดนโทรตามก่อนทุกที "

แถได้หล่อที่สุดเลยเอ็ง

"เหนื่อยสินะพี่"

บางทีซินมันก็แอบเข็ดขยาดกับอาชีพอันไร้เวลาเป็นของตัวเอง แต่หมายความว่าคนที่ทำงานเช่นนี้ต้องมีความรับผิดชอบสุดๆ

"ไม่สักนิด ได้ช่วยคนอื่นเท่ห์จะตายไป"

ด้วยคำตอบที่จริงใจกับการยอมไม่ดูบอลแล้วหาหนังมาให้มันดู นายซินหาข้อดีของไอ้หมอแว่นโรคจิตได้ข้อแรกนั่นคือ 'ไอ้แว่นเป็นคนเสียสละ' พวกมันนั่งดูหนังที่ไอ้แว่นว่าสนุกจวบจนเกือบเที่ยง ไส้กรอกกับโจ๊กก็ไม่อยู่ท้องเสียแล้ว 

"กินอาหารแช่แข็งได้ป่ะวะ"

"ได้ครับ"

"เอาอะไร"

ซินมองอาหารสองกล่องในมือหมอ

"ข้าวผัดก็ได้พี่"

"มึงไม่ชอบกินสปาเกตตี้เหรอ..."

นายซินผู้แสนซื่อดูไอ้บีมออกอย่างง่ายดาย มันรู้ว่าพี่แกกำลังหมายความว่า ’กูอยากกินข้าวผัด’ ต่างหาก แต่มันก็ตอบความจริงของตัวเองออกไป

"ไม่ครับ"

“เออนะ ข้าวผัดนะ”

ซินยิ้มขำกับใบหน้าติดเสียดายของพี่แก แต่นั่นทำให้รู้ว่า...ไอ้เพี้ยนมีความเสียสละมากกว่ามัน บรรยากาศการกินข้าวเหมือนเมื่อเช้าไม่มีผิดแต่ไอ้ซินจะถือว่าการเห็นพวงแก้มกับหูแดงๆถือว่าเป็นจังหวะดีๆแทนก็แล้วกัน

“พี่เล่นกีตาร์ด้วยเหรอ”

เพราะพายุฝนที่เทกระหน่ำจนถนนเกือบทุกสายในกรุงเทพมีน้ำเอ่อล้น นายซินผู้ติดแหง็กจึงทำได้แค่มองสำรวจไปทั่วห้องของรุ่นพี่กำมะลอจนเหลือบไปเห็นอคูสติคกีตาร์ตัวหนึ่งอยู่ในซอกระเบียง

"กีตาร์ไอ้โจ้มันเอาไว้เล่นตอนจีบแฟน พอจีบติดแล้วก็เลิก"

"ลองเล่นได้ไหมครับ"

"เล่นเป็นด้วยเหรอวะ"

บีมมันไม่ได้มีเจตนาดูถูก เพียงแต่มันเคยแค่เห็นนายซินเล่นเบสแถมเป็นการเห็นในทีวีเสียด้วย

"พื้นฐานมันเหมือนกัน ผมก็เล่นกีตาร์มาก่อนเล่นเบส"

หมอที่ไม่ค่อยเข้าใจวงการดนตรีเสียเท่าไหร่ เดินไปรื้อโต๊ะได้หนังสือเพลงมาเล่ม ก่อนจะเปิดหาเพลงที่ตัวเองรู้จัก เห็นแบบนี้งานปีใหม่ของโรงเรียนประถมมันเป็นเซียนคาราโอเกะเลยนะ

"กูขอพี่เสกสิบสี่อีกครั้ง เอาวงนี้ด้วย"

มันจิ้มนั่นนี่วุ่นวาย นายซินลอบมองหน้าขาวๆก่อนจะยิ้มขำ

"เก่านะพี่"

หมอที่กระตือรือร้นอยู่เมื่อครู่ หันขวับขึ้นมาพร้อมกับแยกเขี้ยว

"กูห่างจากมึงไม่กี่ปีเองนะ มึงเกิดปีอะไร"

ซินตอบแบบเนิบนาบตามสไตล์มัน หมอยกนิ้วขึ้นมานับก่อนจะขมวดคิ้วยุ่ง

"สี่ปีเลยเหรอวะเนี่ย เดี๋ยวนะแล้วเดือนอะไรวันไหน"

“29 ธันวาครับ”
 
“เชี่ยยยยยย  สิ้นปีเลยเหรองั้นก็ห่างเกือบห้าปีเลยดิ”

ผู้แก่กว่าหลุดอุทานออกมาอย่างหยาบคาย ไอ้ซินหัวเราะก๊ากกับท่าทางจ๋อยสนิทของแว่น ไอ้แว่นชะงักกับการหัวเราะจนตาปิดของพ่อคนดัง...ก็มันพึ่งเคยเห็นนี่หว่า ถึงหลังๆนายซินจะยิ้มบ่อยขึ้นแต่ปกติคนข้างๆตีหน้านิ่งใส่มันอย่างเดียว  มันเขิน...เออ! ยอมรับก็ได้ว่าเขินมันถึงได้ก้มหน้าก้มตาเปิดหนังสือเพลงไปมานี่ไงเล่า

"เพลงของพี่เสก สิบสี่อีกครั้งจัดมากูจะร้อง"

"เธอทำให้ฉันรู้สึกเหมือนตอนสิบสี่  ตอนที่ฉันมีเมียคนแรกลึกๆข้างในมันแผ่นดินไหวแปลกๆ เธอรู้ม้ายยยยยฉันเหมือนสิบสี่อีกคร้างงงงง"

หมอร้องเพลงได้เพี้ยนมาก เพี้ยนทั้งเนื้อร้องเพี้ยนทั้งคีย์แต่ซินแอบคิดว่าบางทีคงเพี้ยนเหมือนเจ้าตัวยังไงอย่างนั้น นายซินเริ่มมาดหลุดกับความบ้าบอของเจ้าของห้อง มันจึงซื่อตรงกับความรู้สึกของตัวเองโดยการหัวเราะไปด้วยพยายามดีดกีตาร์ให้ทำนองเข้ากับอีกคนไปด้วย

“หัวเราะเหี้ยไร  กูอุตส่าห์ตั้งใจร้อง ”

คนร้องเมื่อครู่ทำหน้าตาหงิกงออย่างไม่พอใจ แต่ริมฝีปากกลับยิ้ม...ยิ้มเพราะเห็นคนเล่นกีตาร์หัวเราะ และดูท่าจะหัวเราะไม่หยุดด้วย

“ถ้ามึงคิดว่ามึงร้องดีกว่า มึงก็ร้องสิ”

ไอ้หมอถลึงตาใส่พร้อมท้าทาย

“ผมร้องไม่เพราะ แต่ผมร้องไม่เพี้ยนครับ”

มันยิ้มกว้างจนเห็นฟันหน้าครบทุกซี่ หมอแทบจะยกมือบังตาเพราะความเปล่งประกายแต่พอนึกได้ว่าพ่อคนดังกำลังล้อมันอยู่มันจึงยัดหนังสือเพลงให้

“มึงอย่ามาโม้  ร้องให้ฟังก่อนเถอะ”

“นั่นมันหนังสือเพลงรุ่นเก่าพี่ ผมร้องไม่เป็นหรอกเกิดไม่ทัน”

โอ้...เดี๋ยวนี้ซินเดอเรลาชักจะปีกกล้าขาแข็งกล้าประชดเจ้าชายผู้แก่กว่าและเตี้ยกว่าด้วย ก่อนที่ไอ้เจ้าชายจะได้ฟาดงวงฟาดงาคืนมันก็เริ่มเล่นเพลงที่ตัวเองพอจะร้องได้ เสียงมันไม่ได้เพราะอย่างที่มันว่าก็แค่พอฟังได้แต่ที่ทำให้หมอนั่งนิ่งเป็นเพราะเพลงที่มันร้องต่างหาก

" I can't live in here for another day
Darkness has kept the light   concealed
Grim as ever……“

“มึงชอบเพลงน่ากลัวแบบนี้เหรอวะ”

หมอตีหน้ายุ่งเอ่ยขัดท่วงทำนองที่กำลังได้อารมณ์ของคนร็อค ซินยิ้มที่มุมปากก่อนจะพูดยาวที่สุดเท่าที่มันเคยพูดกับไอ้แว่นเพี้ยน

“ผมชอบเพลงร็อค  ผมชอบการสัก ผมชอบขับรถเร็วๆแต่ไม่ได้ทำเพราะคิดว่ามันเท่ห์หรือน่ากลัวอะไรหรอก ผมทำก็เพราะชอบ ก็แค่ชอบ...”

หมอเบิกตากว้างแล้วรีบแก้ตัวเป็นพัลวัน

“ปะ...เปล่านะ กูไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น ”

ซินคือคนที่ลุคภายนอกดูน่ากลัวสำหรับหลายๆคน แต่นิสัยจริงๆกลับเงียบแม้จะโดนหมอมันกวนตีนหรือโดนคนอื่นสร้างความวุ่นวายให้ก็ตาม อีกทั้งใจเย็นและสุภาพทุกอย่างดูตรงข้ามกับลุคหล่อร้ายของมือเบส และดูเหมือนผู้คนส่วนใหญ่ก็มักจะมองคนแต่ภายนอกเสียด้วย แต่แว่นมันเชื่อสุดใจว่านายซินนิสัยดี  ดีมากกว่ามันที่ต่งตัวเรียบร้อยหน้าตาดูเรียบร้อยและผู้คนนับถือในหน้าที่การงานเสียอีก

“กูไม่เคยคิดว่ามึงเป็นคนไม่ดีเลยนะ”

หมอก้มหน้าชิดอกแล้วโพล่งออกมาแผ่วเบา ไอ้ซินยิ้มเบาๆก่อนจะตอบกลับด้วยน้ำเสียงแจ่มชัด

“ผมรู้ตั้งนานแล้ว”

รู้มาตั้งแต่ที่ไอ้คนเพี้ยนกวนตีนกางแขนผอมๆปกป้องมันจากป้าที่จตุจักรแล้ว เมื่อได้ยินดังนั้นไอ้แว่นที่ก้มหน้านิ่งก็เงยหน้าขึ้นมาอย่างไวซินยิ้มล้อใบหน้าแดงแจ๋ของหมอแว่นจึงกลบเกลื่อนด้วยท่าทีปากดีเหมือนเดิม

“งั้นมึงเล่นไปเลยนะ กูขอสักสิบเพลงเอาให้แม่งดาร์คจนกูฟังแล้วฝันร้ายเลย...หัวเราะทำเหี้ยอะไร! หยุดเลยนะมึง”

“ฮ่าๆแล้วทำไมพี่ต้องหน้าแดง?”

“หุบปาก!!!”
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 31-03-2015 17:04:27 โดย zearet17 »

ออฟไลน์ zearet17

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 345
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +555/-0
    • facebook
||*Hardcore Cinderella*||เจ้าชายและนายซิน[rewrite#7]
«ตอบ #94 เมื่อ21-11-2013 01:41:06 »

"กรี๊ดดดดดดด แม่หัวใจจะวายคืบหน้าเร็วไปแล้วนะเนี่ย"

โจ้นำความมาบอกว่าที่แพทย์หญิงเอ้ที่เอาแต่กรี๊ด คราวนี้มันหวังว่าจะได้ข้อมูลเป็นชิ้นเป็นอันบ้าง

"อะไรของมึงวะเอ้"

เอ้มองซ้ายมองขวาแล้วลากเพื่อนเข้าไปที่ซอกล็อกเกอร์ ก่อนจะกระซิบด้วยเสียงที่ได้ยินไปถึงห้องจ่ายยา

"คือว่านะ เมื่อวานกูนั่งรถติดแหง็กเกือบชั่วโมงอยู่กับว่าที่สามีที่แยกนรก มึงรู้ไหมกูเห็นใคร"

เจ๊แกเล่าด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นแต่ไอ้โจ้เหนื่อยใจ

"เล่ามาให้จบเถอะ"

"เขาสองคนซ้อนบิ๊กไบค์คันโคตรเท่ห์ นอกจากนั้นนะมึงอ้ายยยยยยยย"

"มึงเลิกกรี๊ด แล้วเล่าให้จบได้ไหมว่าเขาที่มึงว่าคือใครครับงานกูรออยู่"

นางส่ายหน้าละเหี่ยใจกับจินตนาการของเพื่อนชายที่ไม่สูงพอจะเข้าใจสิ่งที่เจ๊แกพูด

"ไอ้บีมเว้ย ไอ้บีมแม่งกอดน้องซินกลมดิ๊กเลยมึงแบบแทบจะสิงร่าง กูบอกให้แฟนขับตามนะมึงแต่แม่งไม่ทันน้องซินบิดเร็วมาก"

ท่อนหลังเธอบ่นอุบอิบอย่างคนเสียดายสุดหัวใจ

"เดี๋ยวนะ แล้วมึงแน่ใจได้ไงว่าเป็นสองคนนั้น"

โจ้ที่พยายามเข้าใจแต่ไม่เข้าใจ เอ่ยถามเพื่อนแบบตะกุกตะกัก

“โอ้ยมึง เมื่อวานน้องมันเอารถมอไซค์มารับไอ้บีมถึงนี่เลยนะเห็นบอกจะกลับไปงานวันเกิดแม่ด้วยกัน อะไรทำนองนี้แหละ”

นางตอกไข่ใส่สีเสียเรียบร้อย เพราะเริ่มมั่นใจอะไรหลายๆอย่างแล้ว เซนส์ผู้หญิงน่ากลัวมากขอบอก

“เมื่อเช้ามึงไม่เห็นบิ๊กไบค์ที่ตึกรึไง"

เธอแหย่ต่อ ไอ้หมอโจ้ทำหน้าครุ่นคิด

“บิ๊กไบค์สีดำที่จอดใต้หอ เออว่ะ”

"นั่นแหละๆ”

เจ้เอ๊ปล่อยให้โจ้เพื่อนยากประมวลผลเหตุการณ์ทั้งหมดเอง แต่ตัวนางเองเดินโฉบออกมาหาอะไรเข้าท้องอย่างสบายใจ

*******************************


เพลงร็อคน่ากลัวของนายซินไม่ได้ทำให้หมอแว่นฝันร้ายแต่กลับทำให้ฝันดี มันหลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ตื่นมาตอนบ่ายแก่ก็พบว่าฝนหยุดตกแล้ว แต่นั่นไม่ได้ทำให้มันประหลาดใจเท่ากับเจอคนนอนกอดกีตาร์เยี่ยงเมียอยู่ข้างๆ  ถ้ามันถ่ายรูปเอาไปโพสต์ในโซเชี่ยลเน็ตเวิร์ก คนคงกดไลค์กันคีย์บอร์ดแทบพังทั้งๆที่เมื่อวานมันรู้สึกแย่มาก แต่วันนี้มันกลับรู้สึกปรอดโปร่งดั่งฟ้าหลังฝนเหมือนตอนนี้ มันลุกไปหาไอ้ปลาที่ตั้งแต่มีลูกก็เมินมันอย่างเห็นได้ชัด ไม่นานนักนายซินก็เดินขยี้ตาหาวหวอดเดินมาหา ไอ้ปลาที่นอนนิ่งอยู่เมื่อครู่ลุกขึ้นมาคลอเคลียกับผู้มาใหม่

“ไอ้ปลา ทำไมเอ็งเมินพ่อวะ”

นั่นแว่นกำลังเสียใจจริงๆนะ นายซินหัวเราะกับท่าทางของแว่น...หัวเราะอีกแล้ว...

“พี่ตั้งชื่อยัง?”

มันถามถึงลูกเหมียววัยเดือนเศษ

"ตัวนี้ชื่อ ดอลลี่ ขาวล้วนเอาไทยๆหน่อยชื่อไอ้กระพง"

ซินเคยได้ยินมาว่าปลาดอลลี่ที่กินๆกันคือปลากระพงน้ำจืดนี่เอง ไม่ได้เกี่ยวกับปลาสีฟ้าเหลืองขี้ลืมเลยแม้แต่นิด แต่มันก็ไม่ได้พูดออกไปเพราะเห็นแววตาเป็นประกายของรุ่นพี่หน้าแว่น

 "ตัวนี้ชื่อวาฬ ลายน้ำตาลชื่อนีโม่ สีเทาชื่อ...หางนกยูง แม่งยาวไป เอาชื่ออะไรดีวะ"

"ฉลาม"

ซินช่วยเมื่อเผ็นอีกคนจนหนทางแม้ชื่อแมวจะประหลาดเกินไปก็ตามที

"เฮ้ย! แจ่มมากไอ้น้อง"

มันใช้มือตบไหล่คนที่นั่งยองๆอยู่ข้างๆ

"เอางี้ไหม กูจะยอมยกไอ้ฉลามให้มึงก็ได้แต่มึงต้องดูแลมันให้ดีๆนะ"

"ไม่เอาครับ"

ซินปฏิเสธอย่างตรงไปตรงมา มีแต่หมอที่จ๋อยสนิทเพราะคิดว่าอีกคนคงไม่อยากได้อะไรจากมัน คิดเองเออเองอีกแล้ว

"ผมอยู่ไม่ค่อยติดที่ เดี๋ยวมันจะเหงา"

นายซินทอดสายตามองลูกเหมียวน่ารักน่าชัง

"เออ...เนอะ"

มันยิ้ม แล้วแตะไหล่อีกคนพร้อมกับเดินนำเข้ามาที่ห้องนอนก่อนจะยื่นกุญแจรถให้อีกคน

"วันนี้มึงไม่มีเรียนเหรอ"

แต่คำถามของแว่นติดจะแปลกไปหน่อย

"วันนี้วันอาทิตย์ครับ"

"แล้วมึงไม่กลับบ้านหรือไงเล่า"

มันแยกเขี้ยวใส่อีกคน

 "อ่า..."

จะว่าไปซินก็ลืมไปว่าฝนหยุดตกแล้ว ลืมไปแล้วด้วยว่าต้องกลับบ้าน

"กะ....กูไม่ได้ไล่นะ ตะ...แต่ว่าเดี๋ยวเย็นแล้วรถจะติด"

หมอก้มหน้าลงคงเพราะประหม่า

"ครับ"

"เดี๋ยวเอารองเท้าไปให้นะ"

และเป็นไปดังคาด  พวงแก้มนั่นแดงขึ้นเรื่อยๆ

"ครับ"

"เอ่อ..."

"ขับรถกลับดีๆนะ"

"ครับ?"

คราวนี้คำตอบรับกลับกลายเป็นคำถามเพราะนายซินไม่เชื่อหูตัวเองเท่าไหร่

"กูหมายความว่ามึงไม่ต้องบิดเร็วมากก็ได้ คือ...มึงมันขับรถได้น่ากลัวเหี้ยๆ"

เกือบจะดีแล้วแว่น ถ้าเอ็งไม่ตกม้าตายเพราะท้ายประโยค มีการเงยหน้าขึ้นมาย้ำด้วยนะนั่น นายซินเคยคิดว่าการบิดรถความเร็วสูงต้านลมเย็นๆคือความสุขอย่างหนึ่งของมันแต่ครั้งนี้มันว่าค่อยๆขับไปก็ไม่ได้แย่นักหรอก ‘ขับรถกลับดีๆ’ ไงไม่เคยได้ยินกันเหรอ!?


*******************************

"กลับไปแล้วหรือไง?"

โจ้บิดฟีโน่คันที่มันคิดว่างามสวนกับบิ๊คไบค์คันทะมึนเมื่อครู่ ถามเพื่อนของตนที่นั่งเล่นกับสมุนสัตว์น้ำของมันเมื่อเข้ามาถึงห้อง

"ใคร?"

แว่นทำเป็นไขสือ

 "ไอ้บีม!"

หมอโจ้ตวาด

"อะไรวะ!"

หมอบีมก็ตวาดคืน  เอาสิ...ใครจะทำให้ห้องข้างๆขึ้นมาด่าได้ก่อน

 "มึงรู้จักกับมือเบสวงนั้นได้ไง"

โจ้เปิดประเด็นแบบตรงแด่ว

"รุ่นน้องมันมาค้างด้วยเฉยๆฝนตก"

บีมก็ตอบอย่างตรงแด่วเช่นกัน

"สนิทกันขนาดนั้นเลย?"

“…”

เมื่อได้จุดไข่ปลามาเป็นคำตอบมันจึงซักต่อ

"กูถามจริง...พวกมึงคบกันเหรอ"

โจ้เห็นหน้าตาโง่เง่าของเพื่อนจึงอธิบายต่อ

“กูหมายถึงแบบแฟน”

"เฮ้ย! มึงจะบ้าหรือไง"

คนที่บ้าคือคนที่ทำอะไรลับๆล่อๆตั้งแต่แรกต่างหากล่ะหมอ

"ก็น้องมันไปส่งบ้านเฉยๆ"

มันก้มหน้างุดตอบ ไอ้โจ้เหยียดยิ้มอย่างคนรู้ทัน

"เหรอ แล้วทำไมเมื่อเช้ามึงต้องลุกลี้ลุกลนขนาดนั้นทำอย่างกับมึง...ไม่บริสุทธิ์ใจ...."

มันก้มหน้ายิ้มแหยๆอย่างคนหาทางออกไม่ได้เพราะพ่อและแม่คนที่สองอย่างโจ้อ่านเกมส์มันออกเสียแล้ว
เห็นบื้อๆแบบนี้หมอเพี้ยนก็รู้ตัวนะว่า


 ...เวลาเริ่มตกหลุมรักมันเป็นยังไง...


________________________________________________________________________________________

TBC.
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01-04-2015 21:04:23 โดย zearet17 »

ออฟไลน์ ReiSei

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1377
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-5
 :-[ :-[  กลับเข้าสู่สเตทตอนจีบกัน  น่าร๊ากกก
หมอบีมนี่ ซื่ออะไรขนาดน๊าน เขาเปิดโอกาสให้ต่างหากกก รุกเร็วว

ออฟไลน์ วัวพันปี

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1309
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +540/-3
ซินพาเจ้าชายขี่บิกไบต์ไปส่งบ้าน :laugh:
อะนะ ยุคนี้เปลี่ยนกันไล่ล่าจะมีรถฟักทองกับรอเจ้าชายอยู่เฉยๆได้ไง 
เดี๋ยวพลาด สู้เค้านะซิน พี่หมอบีมช่างเป็นขวัญใจ'เด็ก'ตัวจริง

ออฟไลน์ sweetbasil

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 807
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-3
สนุกมากค่ะ อ่านไปยิ้มไป
แต่ตอนพิเศษอ่านแล้วร้องไห้เลย
ซึ้งกับความรักของทั้งคู่
ยกนิ้วให้คนเขียนเลย o13

ออฟไลน์ kongxinya

  • Skt KS
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-0
เจ้าชายรุกเร็วซินเปิดโอกาสให้ล่ะ o18
แต่อดฮาไม่ได้ตรงที่ซินยุค2556 ต้องซิ่งมอไซต์ไปส่งเจ้าชายนี่แหละ  :laugh:

 :L2: :กอด1: :pig4: :L2:

ออฟไลน์ maemix

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4403
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +299/-3
ซินพาหมอบีมซ้อนท้ายเป็นสก๊อยส์
มีกอดเอวด้วย ถึงจะด้วยความกลัวก็เถอะ แต่ฉัน ฟิน

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ แป้งข้าวหมาก

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 749
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +38/-1
ซินเดอเรลล่าไปส่งเจ้าชาย    o18

ออฟไลน์ patchylove

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1585
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +134/-4
น้องซิน น่ารักฝุดๆ  :-[

ออฟไลน์ ゚゚ღ✿ศิลินส์✿ღ゚゚

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 247
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-4
หมอบีมน่ารักอ่ะ

ซินเริ่มสนใจเขาแล้วชิมิ คริคริ

ออฟไลน์ quiicheh.

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1629
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +73/-9
ซินไปส่งหมอบีมด้วยยยยยยยยยย
ดูท่าหมอบีมจะชอบซินก่อนละม้างงงงง

ออฟไลน์ shijino

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 480
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0
เฮ้ออออ ตอนนี้เริ่มมีลุ้นแล้วนะ :katai2-1:

ออฟไลน์ suck_love

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 780
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-1
รักกันไวๆนะ เขินแทนหมอบีม  :hao6:

ออฟไลน์ BeeRY

  • ❤。◕‿◕。ยิ้มเข้าไว้นะ。◕‿◕。❤
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 9404
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +897/-8
เห็นด้วยค่ะที่บอกว่าซินหล่อ อิอิ :o8:
หมอบีมกเท่มากเหมือนกันนะตอนนี้ เอเดนคงต้องหลุมรักแล้วแน่เลย  :-[
แต่ขำเอเดนมาก ฝรั่งก็สำออยเป็นด้วยอะ :m20:

ออฟไลน์ toshika

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 819
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +38/-4
เพิ่งเข้ามาอ่านเรื่องนี้ :hao7: :hao7:

ติดใจชื่อพระเอก นายซินแว๊บแรกทำให้นึกถึงพี่ซินหน้าสวยกันเลยที่เดียว ฮ่าๆๆๆๆๆๆ

นายเอกอย่างพี่หมอบีมดูกวนๆน่ารัก

ตอนพิเศษทำเอาเกือบน้ำตาไหล สงสารพี่หมอที่ต้องรออย่างเดียวดาย

สิ่งสุดท้ายสตั้นรูปโปรไฟล์ นาโอะ ขา~ แอร๊ย เจร็อคสินะ   :mew1: :mew1: :mew1:

จะรอติดตามนะคะ ชอบเรื่องนี้จังคะ

ออฟไลน์ Lonelyนู๋โรนลี่

  • ฉุด กระชาก ลากถู พาเข้า.....
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 667
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-2
โอยย เขิน เขิน เขิน
น่ารักมากกกก
แบบว่า...พอเจอคุณนายแม่ หวังว่าคุณนายแม่จะถูกอกถูกใจลูกเขยนะ55

ออฟไลน์ nevergoodbye

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1240
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-2

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ greenapple

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1115
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +48/-5
น่ารัก :o8:
ขอบคุณตอนพิเศษทำเราน้ำตาซึม
 :L2: :L1: :pig4:

ออฟไลน์ becrazie

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 710
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-1

ออฟไลน์ TIKA_n

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1391
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +308/-4
ซินของเรา เริ่มเป็นฝ่ายคิดถึงพี่หมอบีมบ้างแล้ว ยิ้มระรื่นเชียวน้า
ฮาพี่ฟ้าอ่ะ เคยหวังจะงาบซินน้อยผู้น่ารักด้วย ตอนนี้ดันกลายเป็นซินล่ำบึ้กเข้าให้
งาบไม่ไหวเลยใช่มะ :laugh: ดีแล้ว ๆ ไปงาบเอเดนต่อเถอะพี่ ซินเค้ามีคนจองแล้วจ้า
แต่พี่หมอบีม ไหงเป็นงั้นล่ะ เข้าใจมั้ย ๆ ว่าซินเค้าให้โอกาส ถึงได้บอกเบอร์รองเท้ากับพี่
ไม่ได้โกรธที่พี่เอารองเท้ามาให้ผิดเบอร์ พี่หมอบีมเข้าใจเป็นอย่างนั้นไปได้ไงเนี่ย  :heaven
ถ้าพี่หมอบีม เป็นคนที่เข้าใจอะไรยากมาก พี่เอ้นี่ก็ประเภทเข้าใจอะไร ๆได้ง่ายมาก ๆ
เอาเรื่องนั่นนี่มาปะติดปะต่อ จนเข้าใจเองจนได้นะ เก่งจริง ๆ
เอเดนบาดเจ็บ ทำไมพี่ฟ้าเย็นชาจัง ปล่อยให้น้องไปหาหมอเองได้ไง ดีนะที่พึ่งซินได้
ทำให้ซินได้เจอพี่หมอบีมในอีกเวอร์ชั่น ถึงดูเพี้ยนเหมือนเดิม แต่ความมุ่งมั่นและรักเด็ก ก็ดูดีใช่ม่า
ซินหล่อแล้วยังใจดี ซิ่งบิ๊กไบด์ไปส่งเจ้าชายซะด้วย แถมบิ๊กไบด์ ก็ชวนฟินจริงเลย แนบชิดซะ
พี่หมอกอดเอวซะแน่นเลยอ่ะ  :o8:  ไม่ทันไร เจ้าชายจะได้เปิดตัวลูกเขย กับคุณแม่แล้วนะเนี่ย
แหม ไปบ้านพี่หมอครั้งแรก ยังได้เป็นงานวันเกิด(ว่าที่) แม่ยายพอดีซะด้วย ก้าวหน้าจริง ๆ
นิสัยน่ารัก ๆ ของซิน คงถูกใจคุณแม่ยายน่าดูนะเนี่ย อิอิ  :impress2:

แล้วตกลงเอเดน ปิ๊งพี่หมอบีมแบบไหนนะ เพราะดูแล้วก็ท่าทางติดพี่ฟ้าหนึบเลยนะเนี่ย
รอตอนต่อไปจ้า ขอบคุณคนเขียนค่ะ  :L1:

ออฟไลน์ ❝CHŌN❞

  • เหงา เหงา :(
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1924
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +213/-3
อร๊ายยย รู้สึกดีใจแทนพี่หมอบีมอ่ะ
พี่หมอรุกเลย สู้ๆนะ

ออฟไลน์ zearet17

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 345
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +555/-0
    • facebook
||*Hardcore Cinderella*||เจ้าชายและนายซิน[rewrite#8]
«ตอบ #114 เมื่อ24-11-2013 21:52:39 »

#8 บัตรเชิญงานเต้นรำ


สองอาทิตย์ที่ผ่านมาตั้งแต่บีมเริ่มรู้ตัวว่ามันคงชอบมือเบส หรือเรียกได้ว่าสับสนทางเพศมาสักระยะมันก็นำความไปถวายไอ้โจ้ที่เปรียบดังพระราชาและราชินีในคืนวันหนึ่ง ด้วยเหตุผลว่าโจ้ลงเรียนวิชาจิตวิทยาเยอะกว่ามัน

"กะ...กูควรจะทำไงดีวะ"

เป็นครั้งแรกก็ว่าได้ที่มันรู้ตัวก่อนที่จะให้ชาวบ้านชาวช่องต้องมาบอกว่า 'เฮ้ย! กูว่ามึงชอบมือเบสแล้วล่ะ' แต่กระนั้นมันก็ยังไม่รู้จะจัดการความรู้สึกตัวเองยังไง

"กูไม่ถือหรอกถ้ามึงจะเป็นเกย์เพราะแค่เป็นมึงก็ประหลาดพออยู่แล้ว"

เพื่อนที่เหมือนพ่อพูดไปพลางเล่นกับแมวไปพลาง คำตอบนั่นไม่ได้ทำให้หมอเพี้ยนโล่งใจแม้แต่น้อย

"ไม่ใช่เรื่องนั้น กูถามว่าควรจะทำยังไงดี"

เอาจริงๆคือเป็นเกย์หรือเปล่ามันยังไม่ทันคิดแต่พอรู้ตัวว่ามันชอบนายซินมันก็ชักจะกระวนกระวายจนทำตัวไม่ถูก

"ทำอะไรล่ะวะ"

"กูไม่ค่อยแน่ใจในตัวเองว่ะ"

"ว่ามึงเป็นเกย์หรือเปล่า"

ไอ้โจ้ก็วกเข้าแต่เรื่องเดิมๆ

"ว่ากูจะทำยังไงต่อไปดี"

ไอ้นี่ก็อธิบายไม่เคลียร์

"ไอ้ห่า กูจะรู้กับมึงไหม!?"

ในที่สุดระเบิดก็ลงกับไอ้โจ้ที่ยังนอนผวามาหลายคืนเพราะนึกไม่ถึงว่าเพื่อนจะมีซัมติงรองกับมือเบสผู้หล่อเหลา 

"ไอ้เหี้ยโจ้เพื่อนรัก กูไม่รู้จะทำยังไงจริงๆนะมึง"

โจ้มองไปที่เพื่อนที่นั่งยองๆเอามือลูบคอไอ้ปลาอยู่ตรงข้าม เมื่อผู้ชายนิสัยเสียมานั่งก้มหน้าสลดไอ้โจ้ก็อดสงสารอยู่ไม่ได้มันจึงสูดหายใจเข้าลึกๆก่อนจะเริ่มไต่สวน

"มึงชอบน้องคนนั้น?"

มันถามอีกครั้งเพื่อให้แน่ใจ

"กะ...กู...เอ่อ"

เสียงของไอ้แว่นตะกุกตะกักไปชั่วครู่พร้อมกับใบหูที่แดงจนเหมือนมันร้อน

"คงงั้น..."

มันอ้อมแอ้มตอบออกมาในที่สุด แม้ไอ้โจ้จะพอเดาออกอยู่แล้วแต่พอได้ยินจริงๆกลับอึ้งแดกไปพักใหญ่ก่อนจะป้อนคำถามต่อไป

"มึงเป็นเกย์หรือเปล่า"

เพื่อนผู้น่าสงสารชำเลืองมองมันอยู่ปราดนึงก่อนจะก้มหน้าลงตามเดิม

"กูไม่รู้..."

แว่นขยี้หัวอย่างคนสติหลุดจนโจ้อดสงสัยไม่ได้

"มึงไปชอบน้องมันได้ไงวะ ปกติเห็นไม่สนใจใครก่อน"

"เพราะมันใจดีมั้ง...กูอธิบายไม่ถูก"

แว่นก้มหน้าลงมากกว่าเดิม ทำเป็นเกาพุงให้แมวแต่หน้าคอและหูแดงเหมือนเส้นเลือดฝอยแตก เอาเถอะ...โจ้ก็เปรียบเทียบได้โหดสมกับอนาคตหมอของมัน

“เวลากูมองหน้ามันแล้วกูไม่เป็นตัวของตัวเองเลยว่ะ หรือเพราะแม่งหล่อไปวะกูอยากเกิดมาหน้าตาแบบนั้นด้วยดิ”

“มึงชอบน้องมันหรือชอบหน้าน้องมันกันแน่?”

เพื่อนโจ้เริ่มเหนื่อยกับไอ้บ้าที่พูดจาวกไปวนมา

“ไม่ได้ชอบแค่หน้านะ เวลามันยิ้มกับหัวเราะกูก็ชอบ”

แว่นทำหน้าเหมือนอมตะปูไว้พลางตอบไปด้วย

“มึงไม่ได้คิดไปเองใช่ไหม”

ไอ้โจ้ถามอย่างจริงจัง ไอ้เพี้ยนเงยหน้าขึ้นมาเบะปากเหมือนจะร้องไห้ไอ้โจ้จึงโบกมือไปมาเป็นทำนองว่า ‘มึงไม่ต้องตอบหรอก’  เพราะยังไงก็คงคิดไปเองอยู่แล้วไม่อย่างนั้นจะชอบได้ยังไง

"ขอกูสูดหายใจแปปนะ"

เพื่อนโจ้ขอทำให้ครู่หนึ่งก่อนจะเสนอทางเลือกให้

"กูให้มึงสามทางเลือก ข้อแรก ตัดใจซะทุกอย่างก็จะจบมึงจะได้ไม่ต้องวุ่นวายใจ"

แว่นมองหน้าเพื่อนผู้เป็นที่ปรึกษาที่ดีมาโดยตลอด พลางครุ่นคิดไปด้วย

"สอง มึงเอารองเท้าไปคืนน้องมันแล้วก็หาทางจีบต่อไป"

"เฮ้ย!? จีบเหี้ยอะไร"

แว่นร้องเสียงหลงเพราะคำแนะนำข้อสอง

"งั้นก็ข้อสาม มึงก็เอารองเท้าไปคืนแล้วกลับมาใช้ชีวิตตามเดิมของมึงซะ ซักวันมึงก็คงลืมไปเอง"

แว่นจ้องตาเพื่อนนิ่ง ลืมงั้นเหรอวะ

ลืม.......ลืมคนที่ช่วยมันจากฝ่าตีนไอ้ยักษ์
ลืม.......คนที่สะกดกั้นอารมณ์กับคำพูดกวนตีนของมันได้
ลืม.....คนที่แม้ไม่ได้พูดอะไรแค่ทอดยิ้มอ่อนโยนให้มันก็รู้สึกสบายใจ
ลืม.....คนที่ยอมให้มันกอดหลายๆครั้งแม้จะเกลียดการสกินชิพท์
ลืม.....คนที่ช่วยพามันฝ่าฝนไปส่งบ้าน
ลืม.....คนที่เล่นกีตาร์ให้มันร้องเพลง
ลืม.....คนที่หัวเราะปากกว้างแต่ก็ยังหล่อ ถึงเหตุผลจะบ้าบอไปนิดแต่เพี้ยนก็มั่นใจได้ว่า

"กูลืมไม่ได้หรอกว่ะ"

"งั้นมึงจะมาทำตัวอกหักตั้งแต่ยังไม่เริ่มจีบทำไมวะ"

"ก็กู...จีบไม่เป็น..."

ไอ้โจ้เพื่อนยากตบหน้าผากตัวเองดัง’ผัวะ’อย่างละเหี่ยใจ ไอ้โจ้ผู้จะมีเมียเป็นตัวเป็นตนต้องมาสอนเพื่อนจีบผู้ชาย มิหนำซ้ำดูท่าเพื่อนจะไปเป็นเมียเขาอีก...ว่าแต่เจ้าตัวมันคิดถึงจุดนี้หรือยังวะ หรือว่ามันคิดว่าเป็นป๊อปปี้เลิฟใสๆ โจ้ล่ะกลุ้ม! และเมื่อกลุ้มแล้วคงต้องหาตัวช่วย

"ทำอะไรวะ"

แว่นเพี้ยนถามเมื่อเพื่อนยากสไลด์หน้าจอโทรศัพท์มือถือเพื่อโทรหาใครบางคน

"โทรหาเอ้"

"เฮ้ย! กูยังไม่อยากให้เอ้รู้"

แว่นตาลีตาเหลือก

"มันรู้ก่อนมึงอีก"

เมื่อเพื่อนตอบด้วยเสียงเรียบๆ อย่างกับทุกอย่างคือเรื่องธรรมดาแว่นจึงทำได้เพียงนั่งยิ้มแหยๆอย่างคนเพี้ยน ไอ้เพื่อนสองตัวนี่มันรู้ทุกอย่างก่อนที่เจ้าตัวจะรู้เสียอีก

"เอ้มาที่ห้องหน่อย มีเรื่องให้ช่วย"

เพื่อนโจ้เริ่มบทสนทนาเมื่อปลายสายกดรับ

"กูไม่ว่าง มีนัดกินข้าวกับสามี"

"กูจะคุยเรื่องน้องซิน"

"ไม่แดกแม่งละข้าว เดี๋ยวกูไปนะคะ"

เพราะเหตุนั้นเองนางจึงรีบให้ว่าที่สามีมาส่งถึงที่พักเพื่อนโดยหอบเสบียงมาด้วย และใล่ให้ว่าที่สามีกลับไป...เจริญดีแท้...

“นี่กูให้พี่เขากลับไปก่อนเลยนะ บอกว่าเพื่อนกำลังถูกพิษรักเล่นงาน”

นางยักคิ้วให้หนุ่มๆเจ้าของห้องก่อนจะวางลาบ ไก่ย่าง และอะไรอีกมากมายลงบนโต๊ะกินข้าวขนาดย่อม โดยเหลือบมองไอ้แว่นที่ทำหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออกอยู่เป็นระยะ

“เป็นนิมิตหมายอันดีเลยนะ ที่ไอ้บีมมันหัดชอบคนอื่นก่อน”

เจ๊เปิดประเด็นโดยไม่ให้เสียเวลา

“และก็เป็นผู้ชาย”

เอาจริงๆคือไอ้โจ้ยังสงสัยและเคืองอยู่ไม่น้อยที่เพื่อนเปลี่ยนรสนิยมทางเพศจากหน้ามือเป็นหลังตีน...ก็มันไม่เคยนึกมาก่อนนี่หว่า

“หล่อ เป็นที่รู้จัก สุภาพ นิสัยดีเป็นกูกูก็เอา”

โจ้ถอนหายใจเฮือกใหญ่กับวาจาของเพื่อนสาว

 “เอาล่ะ  ต่อไปหม่อมแม่จะมาช่วยเจ้าชายวางแผนชิงหัวใจซินเดอเรลาเอง”

นางพูดพร้อมกับใช้ฟันเรียงสวยฉีกน่องไก่อย่างน่าสยดสยอง ภายใต้สายตาของไอ้แว่นที่นั่งหน้าบอกบุญไม่รับแต่พวงแก้มแดงจัด 


*********************************

“โย่ว”

ไอ้แว่นพยามแทบกระอักเลือดที่จะหาเวลาว่างมาดักรอผู้ชายที่ม้าหินอ่อนของคณะไอทียามเย็น มันยิ้มแหยๆยกมือทักทายอ้วนออมเพื่อนแว่นอีกคนและนายซินที่เดินมาพอดี ความบังเอิญมันไม่ได้มีในโลกหรอกทุกอย่างมันถามอ้วนออมมาตั้งแต่รู้ว่าวันไหนในอาทิตย์ที่ตัวเองไม่มีเวรดึกแล้ว ซึ่งทุกขั้นตอนเวลาและกระบวนการทุกอย่างก็อยู่ในแผนของเจ๊เอ้

“อ้าวพี่”

ไอ้ออมทักทายได้เนียนเหมือนคนไม่รู้มาก่อน ปล่อยให้ไอ้บิ๊กตัวผอมทำหน้างงกับสถานการณ์ประหลาด นายซินผู้เป็นเป้าหมายของวันนี้ยิ้มให้น้อยๆก่อนจะยกมือไหว้ แค่ยิ้มเดียวก็ทำเอาหมอเพี้ยนหน้าร้อนเหมือนเอาเหล็กนาบมันนึกว่าพ่อคนดังจะเดินขมวดคิ้วตีหน้านิ่งอย่างเคยเสียอีก

“พอดีกูเอาชุดมาคืน”

มันยื่นชุดที่ไอ้ซินเคยไปค้างมาให้ บทนี้มันท่องอยู่เกือบอาทิตย์ได้ตอนพูดจึงไม่ค่อยตะกุกตะกักนักแต่ก็เร็วปรื๋อจนเกือบฟังไม่ทัน

“ขอโทษครับ ผมยังไม่มีเวลาเอาชุดพี่ไปคืน”

“มะ...ไม่เป็นไร”

ไอ้แว่นปัดมือเป็นพัลวัน เพราะบทนี้ไม่ได้ท่องมาก็เลยเป็นอย่างที่เห็น...ให้ตายเถอะไอ้ออมและไอ้บิ๊กผู้ไม่รู้เรื่องชุดได้แต่มองหน้ากันด้วยความงงงวย

“ช่วงนี้ผมมีซ้อมตอนเย็น เดี๋ยวพรุ่งนี้ตอนเช้าผมรีบเอาไปให้นะ”

นายซินพูดด้วยความเกรงอกเกรงใจ

“ว่างแล้วค่อยเอามาคืนก็ได้ กูไม่ได้ใช้หรอก”

แว่นรีบตอบจนดูเหมือนรนทุกอากัปกิริยาตกอยู่ในสายตาของบางคน 

“มันว่างหลังปีใหม่โน้นแหละพี่”

อ้วนออมตอบให้เพื่อน ทำเอาใจหมอร่วงไปอยู่ตาตุ่มมันลืมไปได้ยังไงว่าไม่ใช่แค่มันที่ยุ่ง อย่าว่าแต่จีบติดอย่างที่ไอ้เอ้บอกเลยแค่อยากทำความรู้จักดีๆเป็นเพื่อนกันอย่างที่มันหวังไว้ก็ยากสุดๆ เพราะเวลาของมันสองคนยุ่งวุ่นวายพอกัน

“ผมมีซ้อมวง”

ซินอธิบายเหตุผล ไอ้เพี้ยนที่เคยหน้าทะเล้นปั้นยิ้มแบบฝืนๆมาให้แล้วพยักหน้าอย่างเข้าอกเข้าใจแว่นกระชับมือขวาที่ถือถึงรองเท้าคู่ใหม่ไว้ก่อนจะยื่นไปให้อีกคนอย่างที่ซ้อมมากับเจ๊เอ้ ‘แลกกับเบอร์มึงนะเว้ย’  นั่นเป็นบทที่มันหลับหูหลับตาท่องมา แต่เอาจริงๆมันก็พูดได้แค่

“เบอร์ใหม่รอนานไปนิดนะ”

เบอร์โทรกับเบอร์รองเท้าความหมายช่างต่างกันเยอะ หมอลอบถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่ายกับตัวเอง การที่จะทำความรู้จักกับใครอีกคนนี่มันเหนื่อยใจกว่าที่คิดแฮะ ต้องนับถือแฟนคนก่อนๆของมันเลยทีเดียวที่ตื้อจนมันยอมเป็นแฟนด้วยได้

“ขอบคุณมากครับ”

ยิ่งอีกคนรับของไปง่ายๆมันก็ยิ่งใจแป้ว เพราะเหมือนกับคงไม่มีเรื่องไหนแล้วที่มันจะตามมาวุ่นวายคนข้างหน้าได้อีก

“คืนนี้พี่ไม่ทำงานเหรอ”

ซินถามไอ้เพี้ยนที่ยืนคอตก แว่นพยักหน้าแล้วยิ้มให้ก่อนจะหันหลังแล้วโบกมือลาทั้งแบบนั้น จะไม่ว่างได้ไง เขาแพลนกันเป็นอาทิตย์เว้ย

“ไปดูผมซ้อมไหม”

ไม่ใช่แค่แว่นที่ตกใจกับคำชวนจนชะงักกึก อ้วนออมแล้วแว่นบิ๊กก็ตกใจเสียจนตาโตเป็นไข่ห่าน

ไอ้บีมชี้นิ้วเข้าหาตัวเองเป็นทำนองว่า ‘มึงชวนกูเหรอ’ ซินยิ้มขำกับหน้าตาเหรอหราของอีกคน ก่อนจะพยักหน้าตอบรับ

“ห๊ะ!?”

นั่นเป็นเสียงของไอ้แห้งบิ๊กที่เรียกสติอีกสองแว่นที่ไปคนละกู่ ไอ้ออมกำลังงงกับตรรกะและข้อมูลที่ตัวเองเคยสรุปไว้ก่อนหน้าดูหลุกหลิกพอๆกับหมอแว่นที่ไม่เชื่อหูตัวเอง ไอ้เพี้ยนรีบพยักหน้ารัวๆอย่างกลัวคนชวนจะเปลี่ยนใจกริยาประหลาดนั่นทำให้ไอ้ซินหลุดขำพรืดออกมา ผู้ไม่เคยเห็นไอ้ซินมาดหลุดมาก่อนอย่างไอ้แว่นแห้งบิ๊กถึงกับขมวดคิ้วด้วยความไม่เข้าใจ

“ไปนะ”

ซินบอกลาเพื่อนด้วยคำพูดง่ายๆเป็นเรื่องปกติ จะไม่ปกติตรงที่มันเดินไปแตะไหล่รุ่นพี่ที่หน้าตากวนตีนเหมือนเด็กมัธยมปลายเบาๆแล้วเดินนำไปที่ลานจอดรถนั่นแหละ ไอ้ออมหันซ้ายหันขวาก่อนจะโบกมือลาอีกแว่นที่กำลังจะกลับบ้านเหมือนกัน นายซินขึ้นคร่อมพาหนะคู่ใจอย่างชำนาญก่อนปลดหมวกกันน็อคอันใหญ่ออกมา มันนึกอะไรอยู่ครู่นึงก่อนจะยื่นหมวกกันน็อคให้ไอ้แว่นที่ยืนบื้ออยู่ข้างรถ

“พี่ใส่ดีกว่า”

มันไม่พูดเปล่าแต่สวมหมวกให้รุ่นพี่ที่ยังยืนเลิกคิ้วสงสัยอยู่

“เฮ้ย! มึงไม่ใส่รึไงเล่า”

ไอ้เพี้ยนโวยวายพร้อมกับทำท่าจะถอดหมวกใบใหญ่ออก ไอ้ซินจับด้านบนของหมวกไว้เพื่อไม่ให้อีกคนถอดออกได้ ใจจริงมันอยากจะตบลงบนหมวกด้วยซ้ำ...โทษฐานหมั่นเขี้ยวหนะนะ

“ขึ้นมาเถอะ เดี๋ยวผมสาย”

แว่นยอมทำอย่างว่าง่าย เพราะถ้าให้มันดื้อดึงถอดหมวกกันน็อคออกพ่อคนดังต้องเห็นหน้าร้อนๆเหมือนเตาถ่านแดงแจ๋ของมันแน่
    ทุกอากัปกิริยาของพวกมันอยู่ในสายตาใครหลายคน  ทั้งการสวมหมวกให้ที่ดูอย่างไรก็ประหลาดเพราะความรู้สึกอิจฉา ทั้งรอยยิ้มขี้เล่นของนายซินผู้เป็นเสือยิ้มยาก ทั้งการที่หมอแว่นเกาะไหล่มือเบสเพื่อขึ้นบิ๊กไบค์คันสุดหวงอย่างกับเป็นเรื่องธรรมดา และการที่นายซินปล่อยให้อีกคนกอดเอวไว้ก่อนที่จะขี่รถลับสายตาไปด้วยความเร็วสูง ใครบางคนในนั้นได้แค่แค่นยิ้มแล้วเดินกลืนตามฝูงชนออกไป


********************************


วันนี้ไอ้ซินมาแปลก รถสองล้อคันสุดหวงบรรทุกใครบางคนมาด้วย ไอ้เต้ที่ยืนรดน้ำต้นดอกไม้อยู่หน้าสตูดิโอเพ่งมองจนตาแทบจะถลน

"ใครมากับไอ้ซินวะ"

ไอ้พี่พายยื่นหน้าเข้ามาถามไอ้เต้ คนที่ยืนจ้องอยู่สะดุ้งเฮือก

"พี่พาย! ผมตกใจหมด"

"ใครวะ"

ไอ้พายไม่ได้สนใจรุ่นน้องแต่พยักเพยิดไปทางคนอีกคู่ที่กำลังจอดรถไว้ตรงลานด้านหน้าสตูดิโอ

"ไม่รู้ว่ะพี่ น้องชายพี่ซินเขามั้ง"

ไอ้เต้เดาจากการคาดคะเนทางสายตา

"เออ...นั่นใครวะ"

ไอ้พี่พายรับไหว้มือเบสก่อนจะส่งสายตาไปที่คนที่กำลังเดินตามมา แว่นยิ้มให้เบาๆเพราะทำหน้าไม่ถูก

"รุ่นพี่ที่ม."

ไอ้ซินมันนึกชื่อหมอแว่นอยู่หน่อย น่าสงสารไอ้บีมจริงๆแม้แต่ชื่อนายซินก็แทบนึกไม่ออก

"หมอบีมครับ"

ไอ้แว่นถึงกับหันขวับไปหาคนพูดด้วยความแปลกใจ จริงๆซินไม่ได้ลืมหรอกเพียงแต่มันไม่เคยเรียกเลยกระดากปากพิกล

"เช้ดดดดดดด เรียนหมอด้วย"

ไอ้เต้อุทานอย่างสบประมาท ที่จริงมันนึกว่าจะได้เพื่อนวัยเดียวกันมาเย้วที่สตูดิโอเสียอีก

"นี่พี่พาย มือกีตาร์วงผม"

นายซินแนะนำไอ้พายให้คนมาใหม่ แว่นผู้เงอะงะยกมือไหว้มือกีตาร์พอๆกับไอ้พายที่ยืนกร่างรับไหว้ด้วยความเหนือกว่า ไอ้ซินยิ้มก่อนจะแก้ความเข้าใจผิด

"พี่พายต้องไหว้หมอ  พี่บีมเขาแก่กว่าพี่"

"เวร"

ไอ้พายสบถพลางยกมือขึ้นมาไหว้ปะหลกด้วยความขวยเขิน ต้องสมน้ำหน้าไอ้เพี้ยนเพราะไอ้โจ้อุตส่าห์เตือนแล้วว่าอย่าใส่เสื้อลายสก็อตกับสกินนี่รัดขามา มันเหมือนเด็กแวนซ์มันก็ไม่เชื่อ แว่นที่หน้าตา(ปัญญา)อ่อนเหมือนเด็กม.ปลายต้องโบกมือในเชิงว่าไม่เป็นไร

"เฮ้ย!"

ผู้ที่มาทำลายบรรยากาศประหลาด คือเด็กฝรั่งที่เดินง่วงออกมาจากห้องซ้อมมันวิ่งเต็มความเร็วมาหาใครบางคน

"คุณหมอ!"

คนในฝันของเอเดนอยู่ตรงหน้าแล้วมันแอบคิดว่าจะลองหกสูงให้มือเดาะเล่นจะได้ไปนั่งมองหน้าหมออีก แต่นี่มันพรหมลิขิตชัดๆ หมอแว่นมาหาถึงที่ มันถือวิสาสะจับแขนเขาแล้วโวยวาย

"หมอจริงด้วย หมอมาได้ไง"

แถมลามไปที่มือแล้วเขย่าๆ อีกหลายรอบ

"เอเดน พี่ฟ้าล่ะ?"

เอเดนทำหน้ายู่ มันแอบเบื่อไอ้ซินอยู่หน่อย เวลาไม่พอใจอะไรก็ถามถึงแต่พี่ฟ้าแถมวันนี้มีสายตาพิฆาตแถมมาด้วย ถามว่าฝรั่งกลัวไหม...ขอตอบว่าไม่!!!

"หมอมาทำอะไรเหรอ"

"พี่มาดูเราซ้อม"

มันเอ่ยถึงจุดมุ่งหมายจริงๆที่ถูกชวนมา

"Oh God Really!? เข้าไปข้างในกันเถอะ"

เด็กฝรั่งผู้สร้างโลกส่วนตัวลากคุณหมอหลุนๆไปข้างใน ไอ้ซินถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะเดินตามเข้าไป ไม่รู้ว่ามันคิดถูกหรือผิดที่พามาด้วยก็แค่เห็นหน้าตาเหมือนเด็กถูกทิ้งก็เลยชวนมา...แค่นั้นเอง แล้วอีกอย่างการที่ได้พูดคุยกันมากขึ้นจากวันนั้นคงเรียกได้ว่าพวกมันเป็นรุ่นพี่รุ่นน้องหรือคนรู้จักกันได้สนิทปาก ถ้าหมอรู้มันคงจะดีใจน่าดู ซินแนะนำไอ้เพี้ยนให้ทุกคนรู้จักอย่างที่เคยพูด หลายๆคนแปลกใจกับหน้าตาและท่าทางเด็กกว่าอายุและอาชีพมีแต่ไอ้ฟ้าที่เริ่มประมวลผลสมองและยิ้มเยาะในใจอย่างผู้รอบรู้...นี่มันแกรนด์โอเพนนิ่งว่าที่เจ้าชายชัดๆ...

                    พวกมันเริ่มซ้อมตอนเกือบสองทุ่มเพราะมัวแต่เซ็ตนั่นนี่ที่หมอไม่เข้าใจ ไอ้เต้เล่าให้ฟังว่าเพลงนี้เป็นเพลงที่จะนำไปเป็นเพลงประกอบภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ตอนปิดเรื่อง แว่นที่ไม่ค่อยเข้าใจถึงความสำคัญก็พอรู้ว่าเพลงนี้จะต้องได้เปิดในคลื่นวิทยุทั่วโลกทั้งเนื้อร้องก็เป็นภาษาอังกฤษหมด เพราะหนุ่มๆร็อควงนี้กำลังจะบินข้ามน้ำข้ามทะเลไปเซ็นสัญญากันที่ยุโรป อธิบายตามตรงแบบไม่ได้อวยมันคิดว่าเพลงนี้เพราะและติดหูมาก เป็นเพลงร็อคเสียงเครื่องดนตรีและเสียงร้องแน่นๆแต่ฟังแล้วเมโลดี้สวย  คำร้องของเด็กฝรั่งสำเนียงก็ชัดเจนยังไงก็ขายได้แน่ๆ ไอ้บีมที่ฟังเพลงป๊อบและลูกทุ่งมาตลอดชีวิตไม่ได้อวยจริงๆนะ...เชื่อมันหน่อยเถอะ ยิ่งเมื่อรวมกับองค์ประกอบทางศิลปินหมอให้ผ่านรวด! มือกลองก็ดูท่าดี มือกีตาร์ก็พลิ้ว นักร้องก็หน้าตาเยี่ยงบอยแบนด์อังกฤษโดยเฉพาะมือเบสที่ยืนหน้านิ่งๆ แต่หันมายิ้มให้เป็นพักๆถ้าเป็นสาวๆคงนอนตายกันเกลื่อนด้วยความฟิน ซึ่งไอ้แว่นได้แต่นั่งถลึงตาใส่เพราะหมั่นไส้ในความเท่ห์ที่ตัวเองไม่มีแต่ก็อดยอมรับไม่ได้ว่ามันหน้าร้อนวูบๆอยู่หน่อย    แต่เพราะวันนี้อากาศหนาวกว่าปกติหรืออย่างไรไม่รู้  นักร้องร้องเพลงได้เพี้ยนเสียจนพี่โปรดิวเซอร์ต้องให้หยุดซ้อมและเรียกไปคุย มันให้เหตุผลแค่ว่า...มันไม่มีสมาธิเพราะคุณหมอมองอยู่ แค่นั้นก็ได้เสียงโห่ฮาจากบรรดาคนรอบข้าง ไอ้พี่ฟ้าถึงกับกุมขมับแล้วโบกกบาลมันไปสองทีแต่ฝรั่งที่กำลังเห่อคุณหมอก็ยังยิ้มร่าไม่สะทกสะท้านแม้แต่น้อย  ไอ้ตัวต้นเรื่องอย่างแว่นหัวเราะแหะๆแบบอยากจะสารภาพเหลือเกินว่าพี่แกฟังไม่ออกแต่น้อยว่ามันเพี้ยน เพราะมองแต่มือเบสจนไอ้ซินแทบจะสึก

“ทีหลังไม่ต้องมาแล้วนะพี่ นักร้องผมร้องไม่ได้”

เป็นเสียงจากไอ้พายผู้กวนส้น  ความจริงหมอน่าจะโกรธนะ แต่ทว่า....

“ก็คนมันหล่อ”

ดูไอ้แว่นกับไอ้พายจะเข้ากันได้ง่ายเหลือเกิน เหตุผลคงเพราะพวกมันห่ามเหมือนกัน เจ้เอมมี่ปรบมือเรียกทุกคนเพื่อให้หยุดซ้อมและพาไปเลี้ยงมื้อดึกตอนเกือบห้าทุ่ม แว่นผู้ความเกรงใจน้อยนิดเดินตามต้อยๆไปหน้าปากซอยเพราะหิวเหมือนกัน ไอ้ฟ้าเห็นทางสะดวกจึงเดินเนียนมาข้างๆหนุ่มแว่นเพื่อเปิดฉากการทักทาย

“พี่เรียนหมอเหรอ”

“ครับ”

แว่นตอบพลางมองตามหลังนายซินที่เดินคุยกับพี่โปรดิวเซอร์ข้างหน้า ไอ้ฟ้าลอบมองแล้วก็เก็บข้อมูลไว้ในใจ ‘พี่มาได้ไง’ หรือ ‘รู้จักกับซินได้ยังไง’ มันเป็นคำถามที่คนธรรมดาเขาถามกันแต่กับนางฟ้าหรือไอ้พี่ฟ้ามันเหนือกว่านั้น

“อากาศมันเริ่มเย็นๆแล้วนะพี่”

มันถูแขนตัวเองไปมา

“ผมนึกถึงงานเทศการที่เขาใหญ่เลย ขนาดหน้าร้อนแม่งยังหนาว พี่ได้ไปไหมตอนสามเดือนที่แล้ววงพวกผมก็ขึ้น”

“อ๋อ ไปๆแต่ผมดูเวทีแดนซ์ต่างประเทศ เสียดายไม่ได้ไปดูพวกคุณ”

เพราะมันเป็นตัวเอกนิยายปรัมปราไง พี่แกถึงคิดไม่ค่อยทัน

“แดนซ์ที่ติดกับเวทีแจ๊ส ที่เขาตีกันเหรอพี่”

แว่นหัวเราะหึๆเพราะเป็นคนต้นเรื่อง แต่ก็ตอบจนไอ้ฟ้ากระจ่างทุกข้อสงสัยอยู่ดี

“ใช่ครับ ดีที่ซินช่วยไว้ก่อน”

เพราะมันไม่รู้นี่หว่าว่าไอ้ซินผู้ซื่อเล่าเหตุการณ์แม้กระทั่งการกอดที่แสนอับอายให้ชาวบ้านชาวช่องฟังหมด ไอ้ฟ้าที่ได้ข้อมูลจนครบแล้วกำลังจะหาวิธีล้วงข้อมูลของวันนี้ที่นายซินให้นั่งรถมาด้วยง่ายๆแต่มีมารที่เป็นฝรั่งมาขัดเสียก่อน

“คุณหมอ”

เอเดนไม่เดินเปล่าแต่ใช้แขนสองข้างแหวกตัวไอ้พี่ฟ้าออกจากคุณหมอของมันแล้วเดินแทรกกลาง

“คุณหมอมากับพี่ซินได้ไง”

ถือว่ามารตัวนี้มีคุณอยู่ไม่น้อย ไอ้แว่นผู้ป๊อปปูล่าร์ชั่วขณะยังไม่ได้ตอบอะไรนายซินก็เดินร่นมาข้างหลังพร้อมกับใบหน้าไล่แขกสองคนที่เกาะแกะคนที่มันพามาด้วย

“รำคาญป่ะพี่”

มันถามเรียบๆตามสไตล์แต่ทำเอาคนที่เดินมาเป็นปกติตอนต้นแทบจะขาขวิดกัน...แว่นท่าจะเป็นเอามาก...

“ปะ...เปล่า น้องมันน่ารักดี”

ฝรั่งยิ้มเยาะพลางเดินขนาบข้างไอ้แว่นแต่คนละข้างกับนายซิน

“โทษทีนะพี่ดึกจนได้ เพราะวันนี้เอเดนมันเพี้ยนเลยซ้อมนานหน่อย”

ซินยิ้มอ่อนๆให้แว่นเพี้ยนที่อุตส่าห์นั่งนิ่งๆดูมันซ้อมมาหลายชั่วโมง

“ทำไมให้กูมาด้วยวะ”

แว่นก้มหน้าต่ำไม่มองทางแล้วเดินเหตุเพราะมันเขินล้วนๆ ถ้ามันใจกล้าเหลือบมองพ่อมือเบสสักนิดคงเห็นว่าอีกคนเกาคอแก้เก้อเพราะเขินเหมือนกัน เอ็งพลาดแล้วบีม!

“ผมกำลังเห่อเพลงมั้ง”

ไอ้ซินโกหก! เป็นไม่กี่ครั้งในชีวิตที่มันโกหกแต่ตอนนี้มันขอไว้ก่อนเพราะมันก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน  ฝรั่งที่เดินอยู่ข้างๆเหมือนไม่มีตัวตนในสายตาคนสองคนแม้แต่น้อย เอเดนจิ๊ปากแบบไม่พอใจแต่ก่อนที่จะได้พูดอะไร นางฟ้า....หมายถึงไอ้ฟ้าก็มาลากตัวไปซะก่อน

“ผมจะนั่งข้างๆหมอออออออ”

มันโหยหวนเมื่อไอ้พี่ฟ้าลากไปนั่งตรงข้ามกับหมอแว่น

“มึงก็นั่งตรงข้ามพี่หมอไง จะได้เห็นชัดๆ”

ไอ้เต้ผู้ซึ่งฉลาดอยู่นิดหน่อยเสนอทางเลือกให้ ซึ่งเด็กฝรั่งก็ยอมแต่โดยดี
หัวข้อการสนทนาในร้านข้าวต้มเที่ยงคืนวันนี้ไม่ใช่เรื่องเพลงใหม่ แต่เป็นเรื่องผู้มาใหม่ต่างหาก อย่างเช่นว่า

“พี่อายุยี่สิบห้าจริงดิ”

 “รู้จักกันได้ยังไงวะ”

หรือไม่ก็

 “ทำไงให้ไอ้ซินยอมให้ซ้อนรถคะ พี่ขอซ้อนนิดหน่อยมันปฏิเสธตลอด”

เจเอมมี่พูดพลางถลึงตาใส่มือเบสที่นั่งเงียบแว่นได้แต่ยิ้มแหะๆมองนายซินที่จ้วงข้าวเข้าปากอย่างเรียบร้อย แต่ไม่ได้สนใจคำถามใด...เขาเรียกตีมึนไว้ก่อน จะมีแต่ไอ้ฟ้าที่นั่งเงียบอย่างผู้กำความลับของโลกแล้วคอยสังเกตพฤติกรรมเล็กน้อยๆอย่างเช่น

“เผ็ดเหรอ จมูกแดงหมดแล้ว”

ว่าแล้วนายซินก็ส่งทิชชู่ให้ หมอหันไปฉีกยิ้มให้ก่อนจะรับทิชชู่มาด้วยไปหน้าที่แดงกว่าเดิม
แล้วมารอย่างเด็กฝรั่งก็จะแยกเขี้ยวขู่นายซินที่นั่งกินเงียบๆแต่ดูกวนตีนพิกล การกินข้าวมื้อดึกผ่านไปด้วยความเฮฮา หมอแว่นเข้ากับทุกคนได้ดีจนเหมือนไม่ได้เจอกันครั้งแรก ไอ้ซินยิ้มกับภาพที่แว่นโดนเจ๊เอมม่าขอถ่ายรูปแล้วติ๊ต่างว่าได้แฟนเป็นหมอแต่โดนเอเดนไหว้ขอร้องเพราะไม่ให้ถ่าย พอๆกับพี่ๆโปรดิวซอร์และไอ้พายที่บ่นตลอดว่าแพ้ทางเพราะอาชีพการงาน ไม่รู้ทำไมมันถึงรู้สึกสนุกและยิ้มได้บ่อยๆเพราะไอ้แว่นเพี้ยนโรคจิตในตำนานก็ไม่รู้ ในที่สุดนายซินก็หาข้อดีข้อที่สองของหมอแว่นนอกจากความเสียสละได้  นั่นก็คือ...ไอ้แว่นเป็นคนสนุกสนาน...


_______________________________________________________________________________________
ต่อหน้า 5


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 31-03-2015 17:06:25 โดย zearet17 »

ออฟไลน์ harumi

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1188
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +156/-33

ออฟไลน์ วัวพันปี

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1309
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +540/-3
เจ้าชายลูกผู้ดีจริงๆด้วย
จะมีวันเริ่มใหม่กับพ่อไหมคะ

ออฟไลน์ becrazie

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 710
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-1

ออฟไลน์ nunnan

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2275
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-6
ตอนนี้บีมน่าสงสารอ่ะ โดนซินแกล้งงงงง ไหนจะพ่ออีกกกก  :mew6: :mew6:

ออฟไลน์ BeeRY

  • ❤。◕‿◕。ยิ้มเข้าไว้นะ。◕‿◕。❤
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 9404
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +897/-8
พอมีปมเรื่องครอบครัวแล้วเริ่มอ่อนไหว เราจะไม่ทนนะคะ ขอร้องไห้ก่อน  :o12:
ถ้ามันได้จำฝังใจแล้วล่ะก็ ยากค่ะที่จะเริ่มต้นใหม่ ไม่รู้จะมีวันนั้นไหม แต่ก็อยากให้คุณพ่อกับบีมเข้าใจกันก่อนที่ฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดจะจากไปชั่วนิรันดร์นะคะ :mew4:
เรื่องกรรมเวร เชื่อไว้บ้างก็ดีเนอะ เหมือนที่คุณนายแม่บอกอ่ะ ยังไงอีกฝ่ายก็คือพ่อ คนที่ให้ชีวิตมานะคะ
นั่นๆ ดราม่าเรื่องครอบครัว บอกเลยเราจะไม่ทน (อีกรอบ)  :sad4:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด