||*Hardcore Cinderella*||เจ้าชายและนายซิน [ประกาศรวมเล่ม หน้า 23 :D]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ||*Hardcore Cinderella*||เจ้าชายและนายซิน [ประกาศรวมเล่ม หน้า 23 :D]  (อ่าน 364836 ครั้ง)

ออฟไลน์ Palmpalm

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 671
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4
ตอนพิเศษ ค้างมาก หน่วงอึนอึนดี
ซินเดอเรลล่าต้องคู่กับเจ้าชายเท่านั้น
ที่ซินต้องควงผู้หญิงต้องมีเหตุแน่
ก็ซินเป็นเกย์รู้ตัวตั้งแต่อายุสิบสอง(ใช่ป่าว)
จะหน้ามืดเอาตอนจะแก่คว้าผู้หญิงมาทำพันธ์
ไม่ใช่แน่นอน

ออฟไลน์ greenapple

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1115
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +48/-5
แปะไว้ก่อนนะเจ๊อะะะะะะ 

เดี๋ยวจะมาฮา   

ออฟไลน์ Noo_Patchy

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1055
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +123/-4

ออฟไลน์ nevergoodbye

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1240
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-2
@ คนเขียนที่รัก

มันคือสิ่งที่อยากให้เป็นค่ะ 555 =>>  :katai4: :katai4: :katai4:
รีบมาต่อด่วนนนนนนน

ออฟไลน์ greenapple

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1115
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +48/-5
เหวออออออ
ผิดคาดแฮะ :hao4:
เห็นเป็นตอนพิเศษนึกว่าจะฮาาาาา
อยากรู้เสียแล้วสิ
ว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นไผ :katai4: :katai4: :katai4:
แอบสงสารหมอบีม

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
มาทิ้งประเด็นเด็ดแบบนี้ เมื่อไรจะมาต่อคะ

ออฟไลน์ golove2

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4478
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +277/-6
 :sad4: :sad4: :sad4:

สงสารทั้งซินและเจ้าชาย

ออฟไลน์ minminmin

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 255
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
 :o12: :o12: :o12:

อย่านะ อย่านะ อย่าบีบคั้นกันไปมากกว่านี้เลยยยยยยยยยย   :ling1:

มาต่อเร็วๆเถอะค่าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา :katai1: :katai1: :katai1:

ออฟไลน์ BeeRY

  • ❤。◕‿◕。ยิ้มเข้าไว้นะ。◕‿◕。❤
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 9405
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +897/-8
ตอนพิเศษนอกจากไม่ฮาแล้วยังทำให้เศร้ามากด้วยค่ะ  :hao5:
ระยะทางมันน่ากลัวจริงๆ หมอบีมทนได้ถึงห้าปีก็เก่งมากแล้วอ่ะ :กอด1:
ถามให้รู้เรื่องเลยเถอะ ถ้าซินมีคนอื่นแล้ว หมอจะได้ไม่ต้องรออีก ไม่ต้องยื้อให้เจ็บมากกว่านี้
แต่ก็ยังไม่คิดนะว่าซินจะเปลี่ยนใจ อย่าทำเลย เดี๋ยวจะกลายเป็นคนเลวนะซิน :ling1:

ออฟไลน์ Lonelyนู๋โรนลี่

  • ฉุด กระชาก ลากถู พาเข้า.....
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 667
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-2
ตอนพิเศษนี้ให้ความรู้สึกเหมือนอ่านเรื่องนี้แต่เป็นภาค2 ภาค2ที่ไม่ใช่อยู่ในช่วงจีบ หวานกันเหมือนภาคแรก แต่เป็นภาค2ที่อยู่ในช่วงการใ้ช้ชีวิตด้วยกัน แล้วเกิดการห่างเหินด้วยระยะทาง....และอุปสรรคคือระยะทาง แบบทั้งคู่จะเ็ป็นอย่างไรต่อไป...จะแฮปหรือจะแบดอะไรแบบนี้
ปล.รู้สึกเหมือนอ่านข้าม แบบอ่านหวานๆกันอยู่ดีๆก็กระโดดมาอ่านตอนคบกันแล้วแล้วเหมือนจะเลิกกัน กร๊ากกกก

รออ่่านตอนต่อไป ปล.แอบอยากอ่านภาคพิเศษต่ออะ555

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ quiicheh.

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1629
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +73/-9
5ปี.......สุดยอดเลยคู่นี้
โอ๊ยยยยเพื่อนซินมันนน มันเกย์บอร์นทูบี ยากจะกลับใจ
หมอบีมอย่าพึ่งคิดไปไกล หมอบีมเก่งอะทนได้ไง

ออฟไลน์ วัวพันปี

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1310
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +540/-3
 :hao5:เหมือนอ่านนิยายข้ามหน้า...มาตอนเกือบจบ
อ่านตอนนี้แล้วคนละฟีลกับตอนมึนๆอึนๆเพราะตอนนี้(SP1:ลอยกระทง)หวานๆเศร้าๆ
เราหลงทาง...เพราะงั้น มาเย็บกระทงกันต่อเถอะ ..พลีสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสส

ออฟไลน์ TIKA_n

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1391
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +308/-4
ตอนแรกนะ เห็นตอนพิเศษ ก็คิดว่า เราอยากอ่านตอนหลักต่ออ่ะ รออ่านเจ้าชายจีบนายซินอยู่น้า
แต่พออ่าน SP 1 เสร็จแค่นั้นแหละ บอกเลยว่า อย่าเพิ่งเอาตอนหลักมาน้า ขอ SP 2 อย่างด่วนจ้า :ling1:
แหม๊ มันค้างคาใจเหลือเกิน สงสารพี่หมอบีมจังเลย นี่ใช่พี่หมอเพี้ยนโรคจิตคนนั้นจริงป่ะเนี่ย
ที่ชอบมาก ๆ เลย คือ เป็นตอนที่ได้รู้ ว่าอนาคตคู่สมรส สมรัก ของเจ้าชายกับนายซิน เป็นยังไงกันบ้าง
อ่านแล้วรู้สึกดี ที่ทั้งคู่ได้ใช้ชีวิตรักร่วมกัน ได้รับความรัก และการยอมรับจากครอบครัวทั้งสองฝ่าย
อุปสรรคส่วนใหญ่ของชีวิตคู่ชายกับชาย มักเกิดจากการไม่ได้รับการยอมรับจากครอบครัว แต่คู่นี่ไม่ใช่
กลับกลายเป็นว่า สิ่งที่มาทดสอบความรักของพี่หมอบีมกับนายซิน คือ ตัวของทั้งสองคนเองสินะ
ต่างฝ่ายต่างก็ได้ทำตามความฝันของตัวเอง แล้วก็ทำสำเร็จซะด้วย แต่สิ่งที่ต้องใช้แลก ก็คือเวลาที่มีให้กัน
เข้าใจความรู้สึกของพี่หมอบีมนะ ฝ่ายที่ต้องอยู่อย่างเฝ้ารอ ในสถานที่ที่มีแต่ความทรงจำ มันคงเหงาน่าดู
ยิ่งตอนที่สูญเสียน้องปลา พี่หมอบีมกลับไม่มีซินอยู่เคียงข้างในเวลาที่อ่อนแอ อ่านแล้วมันเศร้าจริง ๆ

แต่ยังไง เราก็เชื่อ นายซินของเรา ต้องทำตามคำอธิษฐานที่ขอกับพี่หมอบีมแน่ ๆ ที่ว่าจะมาลอยกระทงด้วยกันทุกปี
แล้วสักวันจะขอพี่หมอแต่งงาน ดังนั้นนะพี่หมอ ไม่ว่าภาพที่เห็นจะ ทำให้คิดไปไกลแค่ไหน แต่ในเมื่อคนที่เรารัก
ก็อยู่ตรงหน้าแล้ว คุยกันให้รู้เรื่องไปเลยสิ อุตส่าห์มาหาถึงที่นี่แล้ว ได้เจอเจ้าตัวแล้วแท้ ๆ เคลียร์กันไปเลย
รอฟังคำอธิบายของซิน ยังไงเราก็เชื่อ ว่าซิน ยังเป็นซินที่แสนซื่อ และรักมั่นคง ไม่มีทางนอกใจเจ้าชายได้หรอก
รอ SP 2 ต่อไปจ้า  อยากอ่านเร็ว ๆแล้วอ่ะ คาใจ ๆ        ขอบคุณคนเขียนค่ะ    :3123:

ออฟไลน์ soul love

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 197
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-1
เป็นสเปฯที่หน่วงมาก
ค้างเลย!!!!

ออฟไลน์ ReiSei

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1379
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-5
ค้างงงงงงงงงงงงง
มันอะไร ยังไง  หน่วงงงง  ขอต่อภาคพิเศษก่อนนะค๊าาา :hao5:

ออฟไลน์ Lonelyนู๋โรนลี่

  • ฉุด กระชาก ลากถู พาเข้า.....
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 667
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-2
ทำไมหัวข้อมัน มีตอนพิเศษตอนที่2แล้ว แต่เนื้อเรื่องยังไม่มี =[]=!
//รอ

ออฟไลน์ zearet17

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 345
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +555/-0
    • facebook
#5 รถฟักทองสองล้อ

"ไปเจออะไรดีๆมาหรือไง"

ฟ้าถามเมื่อเห็นไอ้ซินมันนั่งยิ้มน้อยๆตั้งแต่กลับมาจากห้องน้ำ คาดว่าต้องไปป๊ะกับอะไรบางอย่างมาแน่บางทีอาจจะเป็นหนุ่มถูกสเป็คที่ยืนฉี่อยู่โถข้างๆก็เป็นได้

"ก็ไม่ได้แย่เกินไปหรอกพี่"

ซินตอบก่อนจะกระดกน้ำมะพร้าวเย็นๆเข้าปาก บางทีไอ้เพี้ยนที่ซินมันเบื่อมาตลอดอาจจะไม่ได้เลวร้ายจนกู่ไม่กลับ  ถ้าจำไม่ผิดชั่วครู่แห่งความวุ่นวายนั่นไอ้หมอบ้าเอาตัวเล็กๆของตัวเองมายืนบังด้านหน้ากันนายซินไว้เสียด้วย ท่างทางขู่ฟ่อๆเหมือนแมวหวงของไม่ผิด

"ถ้าคราวหน้าจะเอารองเท้ามาคืน ผมไม่เคยบอกพี่เหรอว่าผมใส่เบอร์ 46"

พอพูดออกไปแบบนั้นไอ้แว่นเพี้ยนก็เบิกตากว้าง แล้วก็ก้มหน้าก้มตาเดินสาวเท้าออกไปซะอย่างนั้น ‘ใจอ่อน’ คงใช้จำกัดการกระทำและคำพูดข้างต้นของไอ้ซินไม่ได้เท่าไหร่ เพราะมันก็ไม่ได้จงเกลียดจงชังอีกคนมาตั้งแต่ไหนแต่ไรอยู่แล้ว ใช้คำว่า ‘ให้โอกาส’ น่าจะเหมาะกว่า นึกได้แบบนั้นก็ทำให้มือเบสยิ้มกับตัวเองอีกรอบ

"เพี้ยนแล้วมึง"

ไอ้ฟ้าว่า

"เพี้ยนนี่คืออะไรเหรอ"

เอเดนที่ภาษาไทยยังไม่แตกฉานเท่าที่ควรเอ่ยปากถาม

"คล้ายๆกับบ้านั่นแหละ"

หัวหน้าวงตอบเสียงนิ่งๆแล้วขยี้หัวหยิกๆของนักร้องนำไปด้วย

"งั้นพี่ฟ้าก็เพี้ยนมาตลอดสินะ"

ฝรั่งผู้เด็กและตัวเล็กแบบทรยศโครโมโซม พูดแล้วหัวเราะเอิ้กอ้ากอยู่คนเดียวแต่พอเห็นคนข้างๆตีหน้านิ่งตวัดหางตามามองปุ๊บ มันก็หุบปากฉับแล้วกลับคำทันที

"เพี้ยนแบบหล่อๆไง"

ลื่นเป็นปลาไหลเลยไอ้ฝรั่งขี้นก!

"ไปเจอสาวที่ไหนมาวะ"

อ้วนออมที่นั่งเงียบมานานมีบทพูดบ้าง...ต่างกับหัวหน้าวงที่หัวเราะลงคออย่างมีเลศนัยไอ้ออมมีตาหามีแววไม่!!!
ไอ้พี่ฟ้ารู้จักกับไอ้ซินครั้งแรกตอนที่มันอายุแค่ 16  ปี พึ่งขึ้นม.ปลายสดๆร้อนๆ ส่วนเขาขึ้นมหาลัยปี 1 พอดี ตอนนั้นนายซินของพวกเรากำลังน่ารักเลย ตอนที่มันมาออดิชั่นท่านหัวหน้าวงตัดสินใจรับมันเข้าวงด้วยเหตุผลส่วนตัวล้วนๆ ฝีมงฝีมือที่มันนำเสนอหาสนใจไม่ เพราะแค่สบตาผู้เชี่ยวชาญเรื่องเพศอย่างไอ้ฟ้าก็ฟันธงฉับ ไอ้พายที่รู้ทันเตือนด้วยความหวังดีมาโดยตลอดหลายปีว่า 'อย่างาบน้องมันนะ กูขี้เกียจหามือเบสใหม่' ตอนแรกไอ้ฟ้าที่แต่ก่อนนิสัยขี้ม่อก็คิดว่าจะงาบมือเบสจริงๆนั่นแหละเพราะตอนนั้นนายซินทั้งขาว ทั้งซื่อ ทั้งน่ารัก พูดจาสุภาพ มีรอยสักที่ต้นแขนเพรียว เรียกได้ว่าเซ็กซี่...ตามแบบฉบับสเป็คไอ้ฟ้ามันเลย  แต่ไม่ถึงปีเด็กที่ว่าก็สูงขึ้นเยี่ยงเสาไปฟ้ามีกล้ามเนื้อแน่นบึ๊กขึ้นมาจากไหนไม่รู้ ใบหน้าขาวตี๋ที่เคยน่ารักก็ดูแมนแถมหล่อนำไอ้ฟ้าไปอีก ในที่สุดมันยังไปสักเพิ่มให้เต็มแขนทำให้ห่างไกลจากคำว่าน่ารักหลายขุม ไอ้ฟ้าที่หวังจะจีบน้องถอยกรูดแทบไม่ทันด้วยเกรงว่าจะไม่ได้งาบน้องแต่น้องจะงาบมันแทน! ฟ้ามันชัดเจนในความเป็นชายเหนือชายมาตลอดเพราะอย่างนั้นแล้วมันถึงปล่อยไอ้ซินไว้เป็นเพียงเพื่อนร่วมอุดมการณ์ แค่คิดว่าแต่ก่อนตัวเองจะป้อมือเบสที่นั่งอยู่ตรงข้ามก็ขนลุกด้วยความสยองแล้ว

"สาวไหนของมึง"

นายซินถามไปพลางหยิบขนมเข้าปากพลาง

"ทำเป็นนิ่ง กูเห็นนะที่มึงเดินกับสาวบริหารวันนั้น"

ไอ้ซินได้แต่เงียบแล้วนั่งรำลึกถึงวันนั้น...วันไหนวะ?

ท่าทางของไอ้ซินกับหมอเพี้ยนในวันนั้นต่างกันเหมือนฟ้ากับเหว ตามนิสัยอันฝังรากลึกของไอ้บีมคือคิดไปเองซึ่งอาจจะรวมถึงวิตกจริตในบางที ‘ถ้าคราวหน้าจะเอารองเท้ามาคืน ผมไม่เคยบอกพี่เหรอว่าผมใส่เบอร์ 46’ ประโยคที่พ่อคนดังบอกมัน ยังก้องอยู่ในหูตลอดการเดินทางจากตลาดถึงที่พัก คนที่แบกหญ้าออแกนิกส์ของแมวกลับที่พักได้แต่คิดว่าไอ้ซินต้องโกรธสุดๆแน่ๆไหนจะหน้าด้านเดินตามทำแฟนคลับมันหายไปตั้งคนนึงแถมรองเท้าที่เอาไปให้ยังผิดไซส์อีก ยิ่งคิดไอ้แว่นยิ่งหม่นหมองแทบอยากจะกินหญ้าของไอ้ปลาให้ไปเกิดในท้องแล้วตายให้รู้แล้วรู้รอด มันเดินแบกถุงหญ้าห้ากิโลมาถึงที่พักแล้วถอดรองเท้าออกด้วยสภาพซังกะตาย หมอโจ้ที่เห็นสภาพเพื่อนตั้งแต่แรกเอ่ยทัก

“ไปทำเหี้ยอะไรมา หน้าตาเหมือนคนอกหัก”

“ไปซื้อของไห้ไอ้ปลากับลูก”

มันจะชูถุงหญ้าให้เพื่อนดูแต่พลาดชูถุงรองเท้าขึ้นแทน โจ้หรี่ตามองอย่างจับผิด

“นั่นมันถุงรองเท้า  กูถามจริงมึงซื้อรองเท้ามาทำไมเห็นมึงหิ้วไปหิ้วมาจะสองเดือนแล้วนะ”

หมอแว่นมู่หน้าก่อนจะเปลี่ยนเรื่อง เมื่อเห็นเพื่อนนั่งเปิดคอมทำอะไรบางอย่าง   

“ยืมคอมสั่งรองเท้าแป๊บนึงนะครับ โจ้เพื่อนรัก”

เอ่อ...ก็เรื่องรองเท้านั่นแหละแต่คนละหัวข้อ มันเดินมาตบไหล่โจ้หนักๆอย่างคนกำลังขออนุญาต ก่อนจะเดินมาเบียดแล้วเปิดหน้าเว็บไซต์เดิมเมื่อสองเดือนก่อนสั่งรองเท้ารุ่นเดิมสีเดิมและราคาแพงเหมือนเดิม ทำเอาโจ้ที่อดใจไม่ถามมานานหมดความอดทน

“มึงสั่งมาทำไมอีก”

ไอ้หมอแว่นจ้องที่จอคอมพิวเตอร์ไม่หันมาสบตาเพื่อน

“คู่เดิมมันใหญ่ไป”

มันตอบไม่เต็มเสียง

“อ๋อ…อันเดิมเบอร์ใหญ่ไป แต่อันที่มึงกำลังสั่งก็ใหญ่เกินไซส์ตีนมึงเหมือนกันนะ”

เพื่อนโจ้พูดเสียงเรียบ อีกเหตุผลที่มันไม่มีความลับกับไอ้โจ้และไอ้เอ้เพราะเวลาสองคนนี้ดุแม่งน่ากลัวกว่าแม่ที่บ้านเสียอีก

“มึงสั่งมาให้ใคร”

ไอ้แว่นเพี้ยนหันมายิ้มเจื่อนแล้วก้มหน้าลงมองพื้นเป็นท่าประจำยามมันอารมณ์ไม่ปกติ

“กูไปทำของคนอื่นหาย”

“ใคร”

โจ้มองเพื่อนตัวเองอย่างระอา ใครที่ทำให้ไอ้แว่นรู้สึกผิดขนาดนี้กันแต่พอลองโยงหลายๆเหตุการณ์ในช่วงสองเดือนได้ เพื่อนโจ้ก็ถอนหายใจเฮือก

“กูไม่รู้หรอกว่ามึงกำลังทำอะไรอยู่กันแน่ แต่ที่มึงเพียรทำไปเขาจะเก็ทมึงไหม กูแนะนำว่ามึงควรจะไปขอโทษให้เป็นเรื่องเป็นราวมึงอย่าทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่เลยบีม”

ไม่กี่ครั้งที่เพื่อนที่อยู่ร่วมกันมาเกือบหกปีจะกล้าพูดถึงนิสัยของมัน เพราะปกติมันเห็นว่ามันเป็นเรื่องส่วนตัวไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อน หรือถ้าหมอโจ้จะเคยเดือดร้อนเพราะนิสัยเพี้ยนๆของมันอยู่บ้าง คนที่ดูความคิดเป็นผู้ใหญ่กว่าอย่างโจ้ก็เลือกที่จะเงียบเพราะคนที่ดูน่าเบื่อในความคิดไอ้ซิน จริงๆแล้วมีข้อดีมากกว่าข้อเสียอยู่มากโข แต่ดูท่าครั้งนี้ข้อดีของแว่นเพี้ยนคงสื่อไม่ถึงคู่อริใหม่ของมันแม้แต่น้อย ไอ้บีมเลยเหมือนคนแพ้ภัยตัวเองเพราะมันเลือกที่จะทำเองแล้วก็มากลุ้มเอง  ไอ้โจ้ที่เหมือนพี่ชายของแว่นเพี้ยนนำความข้องใจมาปรึกษาไอ้เอ้ที่เหมือนคู่อริของไอ้เพี้ยนอีกคนหนึ่ง?  ในยามพึ่งเลิกงานแต่ดูพ่อหมอจะขึ้นประโยคผิดไปหน่อย

“ช่วงนี้กูว่าไอ้บีมมันทำอย่างกับกำลังจีบใครอยู่ แล้วก็อกหักงั้นแหละ”

“จีบ...เหรอวะ”

เอ้ทวนคำ เท่าที่มันจำได้ไอ้บีมไม่เคยจีบใครก่อน ใครจะมาเป็นแฟนมันต้องเริ่มจีบมันเองเรียกได้ว่าอดทนตั้งแต่เริ่มจีบยันคบกันเลยทีเดียว  ตอนปีหนึ่งเอ้ก็เคยชอบมันอยู่พักนึงจีบก็แล้วอ่อยก็แล้วไอ้แว่นบ้าก็ยังไม่รู้ตัว อุตส่าห์จับฉลากให้ได้ทำงานกลุ่มเดียวกันมันก็ยังไม่เห็นถึงความพยายาม แต่เอ้ก็คิดว่าโชคดีแล้วที่คราวนั้นหน้ามืดได้ไม่นาน พอได้มาเป็นเพื่อนมันจริงๆต่อให้มันแก้ผ้าโชว์ซิคแพคสมยอม สาวเปรี้ยวอย่างเอ้ยังทำใจข่มขืนไม่ลง!

“เออ ก็กูเห็นมันซื้อรองเท้าไปให้เขาไม่รับ กลับมาหน้าบูดเป็นตีนแล้วก็มาซื้อคู่ใหม่เห็นบอกคู่เดิมใหญ่ไปยังไงเนี่ยแหละ”

“รองเท้า...เหรอ”

เขาใหญ่ รองเท้า น้องซิน ภาพมโนความคิดของไอ้เอ้ไหลมาเรื่อยๆจนถึง...เกย์ เอ้ที่ยืนนิ่งเมื่อครู่สะดุ้งเฮือกเยี่ยงคนโดนน้ำร้อนราดตีนก่อนจะอุทาน

“เวร!!!”

“อะไรเอ้”

โจ้เห็นเพื่อนท่าทางเพื่อนก็พลอยตระหนกไปด้วย

“มึงรู้จักน้องซินไหม คนที่เป็นนักดนตรี”

คราวนี้ว่าที่แพทย์หญิงเปลี่ยนมาเป็นกระซิบกระซาบแทน โจ้นึกถึงวันที่ไอ้บีมลากใครบางคนมาตอบ 

“เอ...ที่ขาวๆ สักที่แขนหน้ามันเกือบจะเหมือนฝรั่งแต่ติดตาตี่ๆยาวๆเหมือนอาแปะนั่นเหรอวะ”

“ไอ้เวร...นั่นเขาเรียกตาเรียว”

มันใช่เวลาแก้ตัวให้ผู้ชายเหรอเอ้!?

“เห็นมาที่ห้องพักรอบนึง มากับไอ้บีมวันที่ไอ้ปลามันคลอดลูก”

ไอ้โจ้ตอบเรียบๆ  มีแต่เจ๊เอ้ที่ตาโตเท่าไข่ห่านแล้วอุทานเสียงดังอีกรอบ

“เวร!!!”

“เวรอะไร วันนี้เวรดึกมึงเหรอ”

โจ้ที่เบื่อคำอุทานของสาวข้างหน้าเต็มทนประชดประชัน เจ๊เอ้หันซ้ายขวาหลุกหลิกอย่างคนมีพิรุธก่อนจะโน้มหัวไปชิดหัวอีกคนแล้วกระซิบกระซาบ รู้เลยว่าทำไมพวกมันถึงเป็นเพื่อนกับไอ้แว่นมหาปะลัยได้ ท่าทางพวกมันประหลาดเหมือนกันเป๊ะ

“มึงว่าไอ้บีมมัน เอ่อ...เป็นไปได้ไหม เอ่อ...”

“พูดซะทีสิวะ”

โจ้ที่ตั้งใจฟังเร่งให้มันพูดอย่างรำคาญการอึกอัก

“พี่หมอเอ้แอบจุ๊บพี่หมอโจ้!”

เสียงแหลมของเด็กสาวดังมาแต่ไกล น้องใบหลิวไม่ได้มาแค่คนเดียวแต่จูงมือคนที่เป็นหัวข้อการสนทนาเมื่อครู่มาด้วย

“ทำอะไรกันวะ”

ไอ้แว่นเพี้ยนผู้รักสาวน้อยใบหลิวเยี่ยงเจ้าสาวในอนาคต? อุ้มสาวน้อยขึ้นแนบอกแล้วใช้ผ้าเช็ดหน้าเช็ดเหงื่อเบาๆ

“เปล่า”

ถึงบีมมันจะเพี้ยนแต่ก็ไม่ได้โง่เสียทีเดียว

“พวกมึงมีความลับกับกู”

มันทำหน้าเคืองอย่างน่าถีบ

“พี่หมอพูดไม่เพราะ”

สาวน้อยเอามือที่ถือการ์ตูนเรื่องโปรดขึ้นปิดปากทันทีที่พี่หมอพูดไม่เพราะ ผลก็คือกลายเป็นกำลังเอาหนังสือเล่มหนาฟาดหน้าคนที่อุ้มอยู่

“โธ่...ที่รักครับ”

ไอ้แว่นเอามือถูที่จมูกแดงๆของตน พลางคิดไปด้วยว่าเจ้าสาวในอนาคตคนนี้มือหนักจริงๆก่อนที่มันจะเพี้ยนไปได้มากกว่านั้นเสียงสวรรค์จากห้องฉุกเฉินก็มา

“กูไปดูหน่อยนะ ฝากน้องด้วย”

ข้อดีอีกอย่างของบีมมันคือเป็นพวกที่รักอาชีพยิ่งชีพ  ขนาดหมดเวลาทำงานของตนแล้วก็ยังกระตือรือร้นอยู่อีกหมอส่งสาวน้อยใส่มือเพื่อนโจ้ก่อนจะรีบสาวเท้าไปที่ห้องฉุกเฉิน แพทย์เวรที่วิ่งหน้าตั้งมาก่อนตนเมื่อเห็นว่าเคสที่มาคือฝรั่งหน้ามนหัวแตกที่น่าจะให้เขาฝึกมือได้เป็นอย่างดีก็โยนงานมาให้ดื้อๆบางทีหมอว่าฝรั่งคนนี้หน้าคุ้นๆนะ

“พี่ซิน มาพอดีเลยพาไอ้เดนไปหาหมอหน่อย”

"เอเดนเป็นอะไร"

ซินที่พึ่งบึ่งบิ๊กไบค์คันสีดำฝ่าฝนปรอยๆมาที่ห้องสตูดิโอถามไอ้เต้ เมื่อเห็นว่าบรรยากาศกำลังวุ่นวายได้ที่ไอ้เต้ที่อยู่สตูดิโอกับลุงยามสองคนในยามเย็นกำลังสาละวนกับการรื้อกล่องปฐมพยาบาล มีคนกำลังกุมหัวเลือดโชกอยู่

"มันมักง่าย วางกีตาร์พิงผนังพอหันไปอีกทีกีตาร์แม่งกำลังโสลว์ลงพื้นคาดว่าน่าจะคอหัก มันก็เลยรีบถลาไปรับแต่ไม่เอามือรับเอาหัวรับแทน"

"ผมลื่น หัวไปโขกกับเหลี่ยมของตู้แอมป์"

ขอบคุณฝรั่งที่สรุปสถานการณ์ได้เข้าใจมากกว่าไอ้เต้ที่เป็นคนไทยเสียอีก

“เลือดเยอะเลย พี่ฟ้าไปไหน”

พอได้ยินว่าเลือดเยอะฝรั่งก็เบ้หน้า แล้วค่อยๆตอบด้วยท่าทางค่อนข้างน้อยใจ

“พี่ฟ้าบอกว่าฝนตกรถติด ให้นั่งแท็กซี่ไป”

“แล้วไหวไหม”

นายซินถามนักร้องของวงที่เลือดโชกลงมายันกราม

“เวียนหัวเหมือนจะเป็นลม”

“ใส่เสื้อกันฝน เดี๋ยวพี่พาไป ไปแท็กซี่มึงได้เลือดไหลหมดตัวแน่รถติดขนาดนี้”

ไอ้ซินสั่งเบ็ดเสร็จ ก่อนจะยื่นเสื้อกันฝนให้รุ่นน้องเป็นเหตุให้เอเดนต้องมานั่งกุมหัวอยู่ในห้องฉุกเฉินในโรงพยาบาลในมหาลัยของใครบางคน

"พูดไทยได้ไหม"

เอเดนเงยหน้าขึ้นมองคุณหมอผู้สวมแว่นใส่เสื้อกราวและใส่ผ้าปิดปาก หมอแว่นนิ่งไปนิดนึงเมื่อเห็นหน้าฝรั่งหัวหยิก ฝรั่งคิดว่าคงผงะเพราะเลือดของมัน คนเป็นหมอเขาจะตกใจทำไมกะอีแค่เลือด ที่มันตกใจเพราะมันจำเอ็งได้ต่างหากล่ะ...นักร้องของวงซินเดอเรลา

"ครับ"

"มา เดี๋ยวหมอทำแผลให้"

ถึงไอ้บีมมันจะเพี้ยน แต่พอสวมวิญญาณแพทย์มันก็เป็นหมอผู้ปกติคนหนึ่งเลยนะ

"เจ็บไหมครับ"

ฝรั่งถามขณะที่คุณหมอของมันกำลังแหวกผมหยิกฟูของมัน

"ไม่ต้องเย็บครับ ไม่เจ็บหรอก"

เสียงนิ่งๆภายใต้หน้ากากอนามัย ทำให้ไอ้ฝรั่งป่วนอยากเห็นหน้านักเพราะมันเดาว่าต้องหล่อตรงสเป็คมันแน่ๆ

“แต่บริเวณที่เป็นแผลต้องโกนผมนะ”

"อ่า...ครับ ห๋า!"

ฝรั่งที่ล้านิดหน่อยเพราะเสียเลือดแหกปากทันทีที่รู้ว่าผมตัวเองจะแหว่ง ทำเอาอีกคนที่พึ่งไปจอดรถเสร็จต้องโผล่หน้าเข้ามาดูสถานการณ์แต่เมื่อเห็นว่ารุ่นน้องแค่แหกปากตามนิสัยป่วนก็ผละตัวออกจากประตู เป็นช่วงเสี้ยววินาทีเดียวกันกับที่หมอเพี้ยนหันมาพอดี ทั้งคู่ประสานตากันนานแค่ไหนไม่รู้แต่พี่พยาบาลต้องสะกิดว่าที่คุณหมอให้รับอุปกรณ์ทำแผล ไอ้บีมรีบดึงสติกลับมาที่งานทั้งๆที่เมื่อกี้หัวใจแทบวาย ดีที่ใส่หน้ากากอยู่ไม่อย่างนั้นก็ไม่รู้ว่าจะทำหน้าอย่างไรดี  จะให้ทักแล้วบอกว่า โย่ว  อย่างเคยมันคงไม่กล้าก็อาทิตย์ที่แล้วเล่นก่อความผิดไว้หลายกระทงเลย กอรปกับคำพูดอันเสียดแทงใจของไอ้โจ้ทำให้มันปอดแหกยิ่งกว่าเดิม ผิดกับอีกคนที่นั่งอมยิ้มเพราะตลกตัวเองที่ลืมคิดว่าไอ้แว่นเกรียนกวนเบื้องล่างมันทำงานอยู่ที่นี่ แอบเห็นในมาดคุณหมอแล้วแทบไม่เชื่อตาตัวเองว่าจะเป็นคนเดียวกับที่ตื้อเอารองเท้าไปให้จนเหมือนคนบ้า 

"หมออายุเท่าไหร่"

ฝรั่งที่ทำใจกับทรงผมตัวเองได้แล้วจ้องเป๋งมาทางคุณหมอที่ค่อยๆทำแผลอย่างบรรจง 

"หมอดูแก่แล้วเหรอ"

"เปล่า..หมอดูเด็ก"

"ความจริงผมเป็นนักศึกษาแพทย์ปีสุดท้ายครับ"

เขาไขข้อข้องใจให้เด็กฝรั่งตรงหน้า

"มิน่าล่ะ ตาหมอดูกลมๆวาวๆ"

"เหมือนอุลตร้าแมนที่ปล่อยแสงนะเหรอ"

เขาพูดไปกลั้วหัวเราะไป

"ไม่สิ...มันต้องพูดว่ายังไงนะผมหมายถึง shining eyes"

ไอ้แว่นยิ้มจนตาหยีกับคำชม แล้วถามต่อ

"แล้วเราอายุเท่าไหร่"

"16"

"ทำไมตัวเล็กจัง จะโตอีกได้ไหมนะ"

มันหมายถึงตัวเล็กเกินไซส์ฝรั่งแต่แน่นอนว่าเด็กที่มันจิ๋วอีกไม่กี่เดือนคงโตแซงหน้าคนล้ออย่างแน่นอน

"เอ๋"

"เอาแคลเซียมไหม"

หมอล้อต่อ ทำให้คนที่เกร็งในตอนแรกกลับมาหัวเราะ เป็นเวลาเดียวกับที่การทำแผลเสร็จเรียบร้อยหมอถอดถุงมือล้างมือแล้วถือโอกาสถอดหน้ากากอนามัยออก ฝรั่งที่นั่งเมาเลือดตอนแรกถึงกับตื่นเต็มตาหน้าตาหมอเป็นแบบที่มันคิดเป๊ะ เรียกได้ว่าถูกตาต้องใจนักร้องเลยทีเดียว ฝรั่งตัวจิ๋วเหม่อไปนานจนไอ้แว่นต้องทัก

"เสร็จแล้วครับ เดินไหวไหม"

"เอ่อ..."

พจนานุกรมในหัวฝรั่งแปรปรวนไปเล็กน้อย

"ครับ?"

ไอ้บีมเลิกคิ้วสงสัยกับท่าทางฝรั่งตรงหน้า

"เดินไม่ไหวครับ"

แต่แน่นอนว่าความตอแหลของฝรั่งไม่มีทางแปรปรวนตามความมึนหัวอย่างแน่นอน!

“เดี๋ยวพี่เข็นออกไปให้แล้วกัน”

ฝรั่งบ้าลืมไปเสียแล้วว่าเขามีอุปกรณ์ที่เรียกว่ารถเข็น หวังจะเกาะเอวไอ้หมอยังเร็วไปอีกสิบปี!

“เอเดน!”

เสียงของผู้มาใหม่ทำให้ฝรั่งหัวแหว่งต้องมู่หน้า วันนี้มันงอนหัวหน้าวงเป็นพิเศษนอกจากจะไล่ให้มันมาโรงพยาบาลเองแล้วยังมาขัดขวางช่วงเวลาแสนหวานที่มันคิดไปเองอีก แต่ก็ได้แค่งอนในใจเพราะแค่ท่านหัวหน้าวงโผล่หน้ามาให้เห็นมันก็แทบจะถลาตัวเข้าไปเกาะเยี่ยงตุ๊กแกแล้ว พอเดินออกมานอกห้องไอ้หมอเพี้ยนก็รีบสาวเท้าออกจากบริเวรหน้าห้องฉุกเฉินเหมือนควายหาย นายซินที่นั่งอยู่เลยได้แค่มองตามอย่างงุนงง...สงสัยวันนี้พี่แกเพี้ยนไปอีกแนวนึงเพราะฝนที่ปรอยอยู่ในช่วงเย็นเปลี่ยนมาจกเหมือนฟ้ารั่ว ไอ้หัวหน้าวงผู้ใจดีจึงพานักร้องคนสำคัญกลับบ้านเหลือแต่มือเบสที่นั่งเฝ้าน้องมอเตอร์ไซค์สุดรักของตัวเองอยู่คนเดียว ท่ามกลางความเงียบยามเย็นที่ไม่น่าพิสมัยเสียเท่าไหร่ มันได้ยินสียงที่คุ้นหูดังอยู่ใกล้ๆ

"น้องใบหลิวอ่านตามพี่นะ"

ไอ้แว่นเพี้ยนกำลังอ่านนิทานให้เด็กสาววัยไม่น่าจะถึงห้าขวบฟัง ที่หน้าปกเขียนว่า ‘ซินเดอเรลา’  นิทานเรื่องโปรดของเด็กคนนี้เลยทีเดียว

"ค่าาาา"

เด็กสาวตากลมขานรับเสียงดังพลางชูมือสองข้างหรา

"พี่หมอบีมหล่อที่สุด"

"เอ๋...ในเรื่องมีพี่หมอด้วยเหรอ?"

ไม่เพียงแต่จะไม่อ่านตาม เด็กสาวยังท้วงอีกต่างหาก

"มีสิ พี่เป็นเจ้าชายไงเห็นไหมนี่ไง"

มันชี้ไปที่เจ้าชายสุดหล่อในเรื่อง ไอ้ซินส่ายหัวกับความบ้าของผู้ชายอายุยี่สิบกว่า

"แต่เจ้าชายไม่ได้ใส่แว่นนะคะ"

อนาถจิตจริงเลยบีม แม้แต่เด็กยังรู้ว่าเจ้าชายไม่ได้สวมแว่น

"งั้นน้องต้นหลิวว่าพี่หมอเหมือนใครคะ"

ผู้มาใหม่เอ่ยถาม เจ๊เอ้อริคนเดิมของไอ้แว่นเพี้ยนนั่นเอง

"เหมือน...เหมือน…เหมือนรถฟักทองค่ะ"

เธอทำท่านึกอยู่หน่อยก่อนจะตอบเต็มเสียง ไอ้เอ้หัวเราะก๊ากอย่างชอบใจเอ้มันออสโมซิสความปากร้ายให้สาวน้อยเสียแล้ว

"เฮ้ย! ได้ไงสาวน้อย"

ไอ้แว่นแย้งอย่างเป็นจริงเป็นจริงกับเด็กวัยไม่ถึงห้าขวบ...น่าอายไหมนั่น ไอ้ซินผู้แอบมองท่าทางบ้าๆของแว่นเพี้ยนหัวเราะน้อยๆ ก่อนจะสบตากับเด็กน้อยอย่างจัง

"พี่คนนั้นเหมือนเจ้าชายมากกว่า"

เด็กน้อยชี้มาหาอีกคนที่นั่งอยู่มุมเสาแต่มองดูพวกมันตั้งแต่ต้น ไอ้เอ้แอบสะดุ้งเพราะคิดว่าตัวเองจะเจอดียามหกโมงเย็น ผิดกับไอ้บีมที่สะดุ้งจริง...ตอนนี้สำหรับไอ้แว่นไอ้หน้าหล่อตรงหน้านี่แหละที่มันไม่อยากเจอที่สุด

"โอ้...น้องซิน"

เจ๊เอ้ปรับโทนเสียงแทบไม่ทันเมื่อเห็นชายในฝันตัวเป็นๆอีกครั้ง

"สวัสดีครับ"

ชายในฝันมันก็ยังมารยาทงามเหมือนเดิม

"มาทำอะไรคะ"

"พอดีรุ่นน้องหัวแตกครับพี่"

"อ้าว แล้วเป็นไงบ้าง"

"ทำแผลแล้วครับ"

เคสฉุกเฉินเมื่อครู่นี่เอง...ไอ้เอ้เหลือบมองเพื่อนที่นั่งตีหน้านิ่งชั่วครู่  มึงไม่เคยเก็บความรู้สึกได้เนียนเลยบีมหน้านิ่งแต่ทำตาหลุกหลิกพิกล

"ฝนตกหนักเลยกลับไม่ได้เหรอ"

“ครับ พอดีผมเอามอ’ไซค์มา”

“เหมือนไอ้บีมเลยไม่รู้จะกลับยังไง วันนี้วันเกิดแม่มันซะด้วยว่าจะกลับบ้านคงอดแล้วล่ะมั้ง”

เจ๊เอ้ชงอย่างเปิดเผย แต่คงใช้ไม่ได้เมื่ออีกคนบื้อส่วนอีกคนก็ซื่อ

“แล้วพี่กลับยังไงครับ”

นายซินถามรุ่นพี่ผู้หญิงอย่างเป็นห่วง เจ๊จีบปากจีบคอแล้วตอบ

“เพื่อนมา...”

“แฟนมันมารับ”

ไอ้บีมก็ช่างแก้ได้สวยงาม เอ้ถลึงตาใส่มันที่ดันตอบความจริงไปเสียได้แล้วแบบนี้เอ้จะม่อชายในฝันได้ยังไงเล่า!!
แต่มานึกๆดูอีกที  ผู้หญิงคนเดียวในบทสนททนาก็ตาลุกวาวมันคิดว่าไอ้บีมต้องหวงน้องซินแน่ๆ แต่ไอ้แว่นผู้ที่ไม่ค่อยมีเหตุผลในตัวเองแค่คิดว่าหมั่นไส้เพื่อนเฉยๆ ถ้าไอ้โจ้อยู่คงฟันธงได้ว่าความคิดของใครถูกต้องกันแน่ ขณะที่เจ๊แกกำลังจะหามุกชงต่อ ว่าที่สามีก็เอาราชรถมาเกยเสียแล้วมันจึงได้แต่โบกมือลากลับบ้านไปอย่างช้ำใจ

"ฝนแม่งอย่างกับฟ้ารั่วนะ"

ท่ามกลางความเงียบผู้ที่ทนไม่ได้ก่อนคือคนที่ไม่เคยเงียบเกินห้านาทีอย่างไอ้แว่น

“ทำไมพี่ยังไม่กลับ”

ไอ้ซินนึกถึงหอพักด้านหลังโรงพยาบาลที่ขี่ไอ้แก่ที่มันเคยซ้อนกลับไปเพียงห้านาทีก็ถึง ยอมเปียกยังดีกว่ามานั่งประวิงเวลารอดูฝนที่ไม่รู้เมื่อไหร่จะหยุดตก

“วันนี้กูต้อง...”


Trrrrrrrrrrrrrrrrrrr

ยังพูดไม่ทันจบเสียงริงโทนของไอ้แว่นก็ดังขึ้นอีกแล้ว มันบ่อยจนซินแทบจะร้องเพลงป๊อปงุ้งงิ้งนั่นได้แล้วหมอกดรับแต่เอามือถือไว้ห่างจากหูพอสมควร พออีกฝ่ายทักทายด้วยเสียงที่ดังมากจบมันถึงเอามาแนบหู

“คุณนายแม่คร้าบบบบบ ที่นี่ฝนตกหนักมากอย่าว่าแต่เดินไปป้ายรถเมล์เลยคุณนาย เดินออกไปสองก้าวก็เปียกแล้ว แท็กซี่ยามรถติดก็หามีไม่”
มันหยุดฟังการคร่ำครวญของคุณนายก่อนจะพูดต่อ

“โถ...ยังไงก็ต้องกลับครับ กลับก่อนเที่ยงคืนชัวร์ รักนะครับ”

มันถอนหายใจให้กับโชคชะตาและฝนฟ้าไฟสีแดงที่ถนนบ่งบอกได้ว่าถึงมันจะรีบปานใด คนขับรถก็คงรีบกับมันไม่ได้  อีแก่ที่จอดไว้ตรงลานจอดก็อย่างหวังโดนน้ำทีไรสำออยทุกที

“บ้านพี่อยู่ไหน”

คนข้างๆหันมาถาม ไอ้บีมสะดุ้งเหมือนโดนเหล็กนาบพุงซินสังเกตมาตั้งแต่ต้นแล้วว่าวันนี้พี่แกเพี้ยนไปอีกแนวเหมือนกลัวมันยังไงไม่รู้  พอหมอแว่นตอบไอ้ซินก็พยักหน้าหงึกหงักอย่างเข้าใจ  บ้านไอ้เพี้ยนอยู่ปริมณฑลคนละฟากกับที่ทำงาน ต้องนั่งรถประมาณ 3-4 ต่อ ไอ้ซินที่บ้านไกลจากมหาลัยเหมือนกันพอเข้าใจว่าถ้าฝากชีวิตไว้กับระบบขนส่งมวลชนก็คงใช้เวลาไม่ต่ำกว่าสองชั่วโมง แล้วยิ่งฝนตกแบบนี้อีกแต่ถ้าเป็นมอเตอร์ไซค์นะต่อให้เป็นบิ๊กไบค์เรื่องนี้ก็หมูๆ

“กลับกันเถอะ เดี๋ยวผมไปส่งที่รถไฟฟ้า”

เมื่อฝนซาลงจนเกือบหยุด ไอ้ซินก็ดึงหูฟังออกแล้วหันไปหาไอ้เพี้ยนผู้นั่งอยู่ข้างๆ ที่ตลอดเวลาเกือบชั่วโมงพี่แกเอาแต่รับโทรศัพท์จากแม่ด้วยท่าทางวิตกจริต แต่พอมันได้ยินที่ไอ้ซินพูดก็ยิ่งวิตกจริตยิ่งกว่าเดิม เขาเรียกแค้นเก่ายังไม่ทันหายก็เอาบุญคุณมาทับถมเสียแล้ว...สำนวนอะไรกันวะนั่น แต่มันก็พยักหน้าตอบตกลงในที่สุดเพราะเสียงริงโทนที่ดังรอบที่สิบแท้ๆเชียว

    นอกจากไอ้แก่แล้วบีมไม่เคยนั่งมอเตอร์ไซค์ที่ราคาเท่ารถยนต์มาก่อนมันพาดขาขึ้นด้วยท่าทางงกๆเงิ่นๆ มันน่าอายตรงที่ตอนขึ้นต้องจับไหล่อีคนไว้ด้วยนั่นสิ เบาะหลังมันจะสูงไปไหนก็ไม่รู้ นั่งทีเหมือนอยู่บนโตเกียวทาวเวอร์...เสียวสุดๆ แถมพื้นที่แคบของเบาะทำให้ตัวมันโน้มจนอกชิดแผ่นหลังของอีกคนขาก็แนบกันสนิทอีก คนที่ชอบผู้ชายด้วยกันอย่างไอ้ซินยังไม่คิดเยอะเท่าไอ้หมอผู้มีความผิดหลายกระทงเลยให้ตาย

    รถรายามเกือบสองทุ่มขยับได้บ้างแล้ว ม้าเร็วอย่างไอ้ซินจึงเร่งความเร็วแบบลืมว่าคนข้างหลังไม่เคยนั่งรถสองล้อที่ความเร็วเกินหกสิบกิโลเมตรต่อชั่วโมง หมอที่นั่งให้ลมตีหน้าอยู่นานก้มลงจนหน้าผากร้อนแนบกับไหล่ของอีกคน มือที่วางนิ่งอยู่ตอนแรกเปลี่ยนมาขยุ้มเสื้อบริเวรเอวของไอ้ซิน เรียกว่ากลัวตายจนลืมไปว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่ นายซินยิ้มเมื่อรับรู้ถึงความร้อนตรงไหล่กับแรงดึงที่เอว บางทีมันก็คิดว่าคนๆนี้ไม่แย่เมื่อทำแผลด้วยสมาธิ เมื่อเงียบหรือว่าง่าย เมื่อพูดเพราะกับเด็กน้อยเมื่อเย็นหรือเมื่อเถียงกับเพื่อนด้วยท่าทางเอาเป็นเอาตาย ต่างกับที่มาเดินกร่างปากเสียอย่างกับคนละคน ในตอนนั้นซินมันรีบเร่งความเร็วเพื่อที่จะพ้นไฟแดงหน้าไปได้ทันเป็นเวลา เป็นช่วงเดียวกันที่คนด้านหลังเอื้อมวงแขนมากอดเอวมันไว้แน่น ไอ้ซินหัวเราะในคอก่อนจะเลยป้ายรถไฟฟ้าไปอย่างจงใจ 


...ถ้าถนนโล่งแบบนี้มันคิดว่าคงไปส่งไอ้เพี้ยนได้ทันเวลาคุณนายแม่เป่าเค้กแน่...

_______________________________________________________________________________

TBC.
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 28-03-2015 16:21:59 โดย zearet17 »

ออฟไลน์ nevergoodbye

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1240
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-2

ออฟไลน์ zearet17

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 345
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +555/-0
    • facebook
#6 ปราสาทของเจ้าชาย


"เฮ้ย!? จะไปไหน"

ไอ้แว่นที่ก้มหน้าก้มตาเอาหัวเหม่งแนบไหล่อีกคนเพราะความกลัว เงยขึ้นมาตะโกนแข่งกับลมเมื่อระยะทางถึงป้ายรถไฟฟ้าไกลกว่าที่คิดไว้

"พี่ต้องรีบกลับเดี๋ยวผมไปส่ง บอกทางมาสิ"

ซินส่งเสียงอู้อี้ออกมาจากหมวกกันน็อคหนาสีดำเมี่ยม

"ไม่ต้องหรอก...มันไกล"

ไอ้เพี้ยนที่นั่งหน้าซีดบอก นายซินเหลือบมองท่าทีคนข้างหลังจากกระจกคงไม่ใช่เพราะไกลอย่างที่ว่าคงเป็นเพราะกลัวเสียมากกว่า

"ขับช้าๆหน่อยได้ไหม"

ยังไม่ทันจะขาดคำคนข้างหลังก็ขอร้องด้วยหน้าตาน่าสงสารแถมมือที่รวบกอดมันไว้ยังสั่นอีก ซินมันจึงผ่อนความเร็วให้หน่อย แต่ก็แค่หน่อยเดียวไอ้เพี้ยนข้างหลังก็ละอ้อมแขนที่เผลอกอดออกเหลือเพียงการเกาะที่เสื้ออีกคนหลวมๆ ทั้งที่เมื่อครู่รัดซะจนพุงคนขับจะปลิ้น

"ช้าอีกได้ไหม"

ไอ้หมอนี่ได้คืบจะเอาศอก

"ขับช้าตำรวจก็ตามทันสิ พี่ไม่ได้ใส่หมวกกันน็อค"

ไอ้ซินได้ยินมาว่าขับเร็วๆแบบนี้ตำรวจไม่ตามแน่นอน เพราะพวกลุงแกขี้เกียจกว่าจะตามทันก็เมื่อมันถึงบ้านนู่น  สู้เอาเวลาไปจับแวนซ์ดีกว่าแต่ถ้าเจอกล้องก็อีกเรื่อง อันนี้สารวัตรธงพ่อมันบอกมาเอง

"งั้นมึงก็เอามาให้กูใส่  มึงไม่ต้องใส่ตำรวจจับก็เรื่องของมึง"

อ้าว...ทำไมพูดจาแมวๆแบบนี้ล่ะไอ้แว่น  ซินขมวดคิ้วกับคำขอร้องสุดพิสดารของมันแต่ก็ไม่ถือสาเอาความเพราะมันไม่ถือคนบ้าไม่ว่าคนเพี้ยน แต่ยอมรับว่าเคืองอยู่หน่อยเลยบิดแฮนด์เร่งความเร็วขึ้นสูงกว่าเดิม ฝั่งไอ้แว่นนึกอยากจะตบปากตัวเองร้อยทีทำไมเวลาคุยกับไอ้ซินมันไม่เคยพูดดีๆบ้างเลยวะ คิดอย่างหนึ่งแต่พูดอีกอย่างตลอด เมื่ออีกคนเร่งความเร็วขึ้นมันถึงกับลืมกลัวความเร็ว มัวแต่กลัวคนที่มันเกาะอยู่จะเกลียดมันยิ่งกว่าเดิมมากกว่าเรียกได้ว่าสลดตลอดการเดินทางทีเดียว ในที่สุดไอ้แว่นก็มาถึงบ้านด้วยสภาพหน้าชาขาแข็งเพราะลมที่ตีมาตลอดทาง

"อย่าพึ่งลงนะ เดี๋ยวล้ม"

พี่แกฟังที่ไหนกันเล่า! นายซินพึ่งเอี้ยวหน้ามาบอกได้ไม่ทันไรไอ้แว่นก็ลงไปกองพับอยู่บนพื้นถนนหน้าบ้านเรียบร้อยแล้ว

"เฮ้ย!?"

ไอ้ซินที่นั่งยืดขาได้ไม่เท่าไหร่จำต้องรีบลงจากรถพร้อมถอดหมวกกันน็อคออกเพื่อมาช่วยไอ้คนที่นั่งหน้าเบ้ น้ำตาไหลอยู่บนพื้น ผลเพราะความบ้าดีเดือดที่นั่งรถสองล้อความเร็วสูงมาแบบไม่พักตลอดทางเกือบร้อยกิโลในวันที่ลมหลังฝนเย็นจัด เลยทำให้ขาที่ชาตอนต้นปวดไปทั้งกระดูก...กรรมตามสนองเอ็งแล้วไอ้หมอ…

"ลุกได้ไหม"

ไอ้เพี้ยนที่สิ้นฤทธิ์แล้วส่ายหน้าแทนคำตอบ เป็นเวลาเดียวกับคุณนายแม่เปิดประตูรั้วมารับลูกชายด้วยนึกว่าลูกแวนซ์มากับพี่วินหน้าหมู่บ้าน  แต่คุณนายแม่ว่าวินคนนี้ชักจะหล่อเกินไปแถมรถก็หรูเกินไปเสียด้วย

"ไอ้บีมลูกแม่! ไปนั่งตรงนั้นทำไม"

คุณนายแม่ที่ไอ้บีมเรียกไม่ได้เป็นคุณนายอย่างที่ว่าหรอก ป้าแกเป็นอาซิ้มเจ้าของหอพักสามที่พร้อมกับรับจ็อบเก็บค่าแชร์แถวนี้ต่างหาก ลักษณะนิสัยเรียกได้ว่าโหดจนลูกชายสุดเกรียนยอมซูฮก

"คุณนาย..."

มันเพรียกเสียงเรียกแม่อย่างน่าสงสารปนน่าสมเพช

"ไปนั่งวัดพื้นทำไม? เอ็งเป็นถึงคุณหมอเลยนะ!"

คงไม่มีข้อห้ามว่าหมอห้ามโง่และมันก็เป็นหมอที่ไม่เจียมสังขารเสียด้วย

"ตายแล้ว...พาใครมาด้วย สวัสดีจ้าพ่อรูปหล่อ"

คุณนายแม่ยกมือรับไหว้อีกคนก่อนจะเอ่ยชมด้วยความตาถึง

"ลุกไหวไหม"

ไอ้ซินถามอีกคน หมอแว่นค่อยๆยันตัวลุกขึ้นแต่ไม่ทันไรก็ลื่นพรืดลงไปอีก ดีที่คุณนายแม่อยู่ใกล้จึงจับแขนไว้ได้ทัน ไอ้ซินรีบเดินมาหิ้วปีกคนที่เดินไม่ไหวคุณนายที่พอจะทราบถึงสถานการณ์ได้แต่บ่นไปตลอดทางเดินเข้าบ้าน

"เอ็งนี่มันทะเล่อทะล่า ประสบการณ์ชีวิตน้อยไปเหรอหมอ คงจะกระโดดพรวดลงมาเลยสินะดีนะขาแข้งไม่หักเอา"

บีมได้แต่กลืนก้อนน้ำตาแล้วบ่นในใจ  รีบก็เพราะคุณนายนั่นแหละโทรจิกยิกๆเชียว

“ดูสิเสื้อก็ชุ่มไปหมด  ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าทั้งคู่เลยนะแล้วค่อยลงมากินข้าว”

คุณนายยังบ่นต่อไปด้วยความเป็นห่วง เธอยังไม่ได้ถามที่มาที่ไปของเด็กหนุ่มหล่อข้างลูกชายแต่เอาไว้ก่อนเถอะ ฝ่าลมฝ่าปรอยฝนมาขนาดนี้เอาไว้ถามตอนกินข้าวก็ได้ ตามจริงคือแว่นไม่อยากให้ไอ้หล่อข้างๆเข้ามาเห็นห้องนอนอันเป็นฐานลับของตนเพราะเขากับมันก็ไม่ได้สนิทอะไรกันขนาดนั้นแม้แต่คนรู้จักก็ยังเรียกได้ไม่เต็มปาก ความสัมพันธ์ของพวกมันคือ เป็นคู่อริที่ซับซ้อน วุ้ย! ยิ่งพูดยิ่งงงแต่จะให้ทำไงได้มันอุตส่าห์ขับรถมาส่งแค่นั้นก็น่าจะมากพอสำหรับกุญแจเข้าห้องเน่าๆของมันแล้ว

"ใส่ได้ไหม"

แว่นยื่นเสื้อยืดที่ตัวใหญ่สุดของตนให้  ไอ้ซินไม่รอช้ารีบถอดเสื้อที่ชุ่มออกด้วยกลัวตัวเองจะเป็นหวัดรับช่วงทัวร์คอนเสิร์ตสิ้นปี  ช่วงแผ่นหลังกว้างของมันมีรอยสักรูปปีกขนาดใหญ่ติดอยู่ชั่วพริบตาที่เจ้าของขยับตัวปีกนั่นก็ขยับไปด้วย บีมที่จ้องอยู่ตั้งแต่ต้นให้คำนิยามว่าปีกของเทวดาเอวสอบของพ่อคนดังมีกล้ามเนื้อแต่พอประมาณ เมื่อมันหันหน้ากลับมา เผยให้เห็นลอนซิคแพคแน่นงามๆอย่างคนที่ดูแลตัวเอง ไอ้เพี้ยนที่ยืนตีหน้ายุ่งอยู่ก่อนหน้าเปลี่ยนมาเป็นบ่นหงุงหงิง เมื่อเกิดหมั่นไส้หุ่นสูงใหญ่ของอีกคน...บอกให้ก็ได้ว่าหมอมันแอบใจเต้น...โดยมันให้เหตุผลว่าตัวเองแค่อิจฉาเท่านั้นเอง

"มึงจะอายกูบ้างก็ได้นะ"

มันว่าในท่าทางก้มหน้าชิดอก

"......"

ไอ้ซินกะจะบอกว่า ‘กลัวทำไมก็ผู้ชายเหมือนกัน’  พอนึกได้ว่าตัวเองเคยโพล่งบอกอีกฝ่ายว่าตัวเองเป็นอะไรจึงเลือกที่จะเงียบแล้วรีบสวมเสื้อตัวใหม่เข้าไป  หารู้ไม่ว่าอีกคนไม่ได้เชื่อมันเรื่องนั้นตั้งแต่อยู่แล้ว

"หันไป กูจะถอดเสื้อ"

ไอ้แว่นบอกให้อีกคนหันไป ซินก็หันไปตามที่สั่งคือหันไปเจอกระจกพอดี ไอ้ซินกลั้นขำพลางทอดสายมองอีกคนผ่านกระจกบานใหญ่ด้วย มันไม่เคยคิดว่าคนบ้าจะขาวได้ขนาดนี้ขาวจนซีด ไหล่ลาดแคบกว่ามันแต่ก็พอดีตัวขนาดผู้ชายไทยทั่วไป แว่นถอดกางเกงแสล็คด้วยเพราะรู้สึกมันจะชื้นเหมือนกันในตอนนั้นมันรู้สึกเหมือนมีคนจ้องอยู่

 "เฮ้ย!?"

หมอแว่นหันมาเจอกับสายตาอีกคนขณะที่ถอดกางเกงได้ครึ่งขา ผลก็คือล้มคะมำท่าเดิมเหมือนตอนตกรถสองล้อเป๊ะ!

"กะ...กูบอกให้หันไป"

"ผมก็หันมาแล้วไง ยังไม่ได้หันกลับไปเลย"

ซินมันก็ทำตามที่แว่นสั่งนะ ว่าแต่...ซินมึงมันก็ซื่อไปนะ...

แว่นอ้าปากพะงาบๆอย่างกับกำลังด่าพ่อคนดังอยู่ ซินหัวเราะแต่หันกลับมายื่นมือไปหวังจะช่วยอีกคนให้ลุกขึ้นแต่ไอ้เพี้ยนนั่นปัดมือทิ้งอย่างจงใจ

"พี่จะอายอะไรขนาดนั้น"

แว่นเงียบแล้วนึกอยู่สักพัก แล้วก้มมองหน้าอกแบนๆของตัวเอง

"เออว่ะ...กูจะอายทำไมวะ"

แว่นก็บอกมันไปเลยสิว่าอายหุ่นอันอ่อนด๋อยของตัวเองหรืออีกนัยหนึ่งคือเอ็งกำลังเขิน ไอ้ซินยืนมองอีกคนที่ใช้สายตาสำรวจร่างกายตัวเองไปด้วย มองหน้ามันไปด้วยมีใครเคยบอกไหมว่าจริงๆแล้วหมอบ้าเป็นคนที่ดูออกง่ายมาก เรียกได้ว่าทุกอย่างสะท้อนออกมาผ่านสีหน้าและการกระทำทั้งหมด แว่นนั่งมองมือและแขนสองข้างของตัวเองที่เคยโอบอีกคนพร้อมกับปีกกลางหลังไว้ชิดตัว แถมวันนี้ยังเผลอกอดเอวหนาเสียแน่นจะว่าไปมันก็น่าอิจฉานะถ้าวัยรุ่นสาวๆ ทั่วไทยรู้ละก็หมอได้กินยำตีนแหงๆ มันคิดไปพลางก็หน้าแดงไปพลางแต่พอจะเหลือบมองหน้าอีกคนก็พบว่านายซินจ้องอยู่แต่ก่อนแล้ว ตาเรียวและใบหน้าหล่อยิ้มกรุ้มกริ่มอย่างหน้าหมั่นไส้

"มึงยิ้มทำไม"

"ผมเปล่า"

"ก็เมื่อกี้กูเห็นมึงยิ้ม"

ซินมันไม่ได้โกหกจริงๆนะ แต่มันจำไม่เห็นได้ว่าเมื่อกี้มีเหตุผลอะไรให้ยิ้มบางทีอาจจะเป็นท่าทางประหลาดและใบหน้าแดงแจ๋ของอีกคนก็ได้

"บีมเสร็จหรือยังลูก"

หมอที่ตั้งท่าจะคาดคั้นมือเบสเป็นอันต้องทิ้งความคิดนั้นเสียเมื่อเสียงแม่ดังมาจากหน้าห้อง

"คุณพ่อเขามาหา"

แว่นยิ้มเยาะที่มุมปาก มันเป็นกิริยาที่ไม่น่ารักเอาเสียเลยแต่มันก็ทำแบบนั้นจริงๆเพราะพ่อผู้นั้นมักจะทำให้บรรยากาศของมันขมุกขมัวอยู่เสมอ

"ได้ยินว่าปีนี้เรียนจบเหรอ"

ชายสูงอายุที่นั่งอยู่ตรงข้ามในโต๊ะอาหารเอ่ยถาม  พ่อของมันดูแก่ลงไปมากแต่บรรยากาศรอบข้างก็ยังดู ’เป็นผู้ดี’ อยู่เสมอ

"ครับ"

มันตอบอย่างเรียบร้อยจนเกินปกติ

“เกียรตินิยมที่เธออยากได้ หวังว่าเธอคงจะได้มานะ”

คนเป็นพ่อเหยียดยิ้ม

“ผมกำลังพยายามอยู่ครับ”

คำตอบนั่นทำให้ชายผู้สูงอายุที่สุดหัวเราะเบาๆ

"ไม่น่าเชื่อนะว่าเด็กที่เคยเกเรขนาดนั้นจะได้เป็นหมอ"

ชายผู้นี้พูดโดยไม่ได้สนใจบรรยากาศอันคุกกรุ่น เพียงแต่เขาเห็นเช่นนั้นจริงๆว่าแว่นเป็นเด็กห้องบ๊วยไม่เคยได้เกรดดีๆ  แต่ที่มันหัวดีรักแม่มันมากหรือเอาจริงเอาจังเขาไม่เคยมองเห็นแม้สักนิด

"แล้วนี่ใคร"

เขาชายตามายังแขกของบ้านที่นั่งอยู่ข้างลูกชาย

"รุ่นน้องครับ เขาขับรถมาส่ง"

บีมมองมายังนายซินที่นั่งอยู่เงียบๆ ดีที่เสื้อที่มันให้เปลี่ยนเป็นเสื้อแขนยาวปกปิดรอยสักมิเช่นนั้นคนข้างๆมันคงโดนดูถูกอยู่ไม่น้อย มันไม่อยากให้คนอื่นมารับรู้เรื่องมารยาทผู้ดีเยี่ยงละครหลังข่าวนักหรอก

"เรียนหมอ เจาะคิ้วได้ด้วยหรือยังไง?"

"เปล่าครับ เรียนไอที"

นายซินตอบด้วยท่าทางนอบน้อมเป็นปกติ ชายผู้นั้นแค่มองอย่างไม่วางใจแต่แล้วก็ละสายตาไปยังลูกชายของตนแทน

"จบแล้วจะไปทำงานที่ไหน"

"ยังไม่ทราบเหมือนกันครับ"

เป็นใครก็คิดว่าแปลกกับประโยคอันสุภาพที่เอาไว้ตอบพ่อตัวเอง ซินสังเกตอยู่หลายครั้งว่าเวลาเพี้ยนมันอารมณ์ไม่ปกติมันมักจะก้มหน้าลง แต่คราวนี้กลับไม่ใช่เพียงแต่มันเหลือบไปเห็นมือสองข้างของแว่นที่บีบกันแน่นตรงหน้าตัก ...ก้มหน้าไม่ได้เลยเป็นแบบนี้สินะ...

"จะไม่รู้ได้ยังไง หรือจะให้ฉันฝากให้"

"ไม่เป็นไรครับ"

"ยังอวดดีเหมือนเดิมเลยนะเธอ"

ผู้เป็นพ่อปรามาศออกมา เมื่อเห็นว่าเรื่องราวน่าจะไปกันใหญ่คนเป็นแม่จึงเอ่ยตัดบท

"แม่อยากให้กินข้าวกันก่อน แล้วค่อยคุยกันนะคะ"

"ฉันยังคุยกับมันไม่เสร็จ แต่เอาเถอะเอาไว้จบแล้วค่อยคุยก็ได้ตอนนี้หิวแล้วด้วย"

คนเป็นแม่ยิ้มเจื่อนมายังผู้เป็นแขก ซินยิ้มเบาๆตอบกลับเป็นเชิงว่าไม่เป็นไรครับก่อนจะลุกไปช่วยจัดโต๊ะ กับข้าววันนี้เป็นไข่เจียวหอมใหญ่ ผัดพริกแกงหมูสับใส่ข้าวโพดอ่อนและต้มจืดเต้าหู้ไข่ ทั้งหมดเป็นของโปรดของลูกชายคุณนายแม่ เธอเพียงแค่ใช้วันเกิดตัวเองเป็นข้ออ้างการกินข้าวกับลูกชายในรอบหลายเดือนเท่านั้นเอง

"ทานข้าวกันเถอะค่ะ"

แม้แต่คุณนายแม่ก็ดูสุภาพเหลือเกิน ซินแอบคิดว่ามันชอบแบบเหมือนเดิมมากกว่า แต่คุณนายผู้เถื่อนดิบก็ละเอียดอ่อนต่อความรู้สึกลูกชายอยู่เสมอ

“พรุ่งนี้หนูทำงานเช้า รีบกลับไปกับเพื่อนเถอะลูกแต่ค่อยๆกลับกันนะถึงแล้วค่อยโทรมาบอกแม่”

แม่ของแว่นบอกหลังจากมื้อเย็นผ่านพ้นไป เพียงแต่เธอพูดโกหก พรุ่งนี้แว่นไม่ได้มีงานมันยอมทำงานหนักหลายเดือนเพื่อใช้วันพรุ่งนี้มาอยู่กับแม่ของต
   
“เดี๋ยวพรุ่งนี้แม่จะไปทำบุญกับพ่อ หนูไม่ต้องเป็นห่วงนะ”

เธอกำลังบอกว่า พ่อจะอยู่ค้างที่บ้านและพรุ่งนี้เขาจะอยู่ที่นี่ทั้งวัน ให้มันกลับไปในที่ๆมันสบายใจเสียก่อน หมอเดินเข้ามากอดแม่ของตนพร้อมกับไหว้แนบอกแล้วหันไปไหว้ผู้เป็นพ่อโดยไม่ได้มองตาอย่างที่ควรทำ แต่มันก็รู้อยู่แล้วว่าใครคนนั้นไม่รับไหว้มันแน่นอนก่อนจะเดินไปแตะไหล่ชายหนุ่มที่มาด้วยกัน  ไอ้ซินเก็บข้อสงสัยไว้เต็มอกแต่ก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากหันไปไหว้ผู้ใหญ่ทั้งสอง แล้วเดินตามรุ่นพี่สมอ้างออกมา 

      ผู้เป็นพ่อมองตามลูกชายของตนจนลับตา พวกเขาทั้งคู่มีความทรงจำที่ไม่น่าจดจำนักแต่ที่ผู้เป็นพ่อจำได้แม่น คือพวกเขาดื้อเหมือนกันไม่มีผิด พ่อของแว่นรักกับแม่ของแว่นมาตั้งแต่สมัยเรียนพวกเขารักกันจนเรียบจบแล้วก็แต่งงานอาศัยอยู่ที่บ้านหลังใหญ่ด้วยความไม่เห็นด้วยของผู้ใหญ่ฝ่ายพ่อเพราะเห็นว่าผู้หญิงเป็นเพียงลูกคนจีนคนข้าขาย แม้จะรวยก็ตามทีแต่ไม่ได้มีต้นตระกูลที่สวยหรู การแต่งงานของผู้เป็นพ่อครั้งที่สองก็เกิดขึ้นกับลูกสาวของครอบครัวผู้ดีสักคนโดยที่เขาไม่ได้ปฏิเสธเพราะถ้าเขาทำเช่นนั้น คำนำหน้าชื่ออันสวยหรูจากตระกูลจะถูกตัดออกไปแต่พวกเขาไม่ได้หย่ากันทางนิตินัย เขาขอแค่ทะเบียนสมรสที่จะผูกมัดคนที่รักไว้ได้ ลูกชายคนแรกและภรรยาคนแรกจำต้องย้ายออกมาอยู่ที่บ้านเดิมของภรรยาย่านชานเมือง หัวใจที่เจ็บของแม่และลูกวัยสองขวบก็เกินเยียวยา ในตอนนั้นเขาผู้ซึ่งยึดเกียรติและศักดิ์ศรีของวงศ์ตระกูลมาก ขอโอกาสมาเยี่ยมภรรยาและลูกที่เขารักน้อยกว่าศักดิ์ศรีในทุกอาทิตย์ เด็กคนนั้นโตขึ้นทุกครั้งที่เขามาหา และดูจะนิสัยเกรี้ยวกราดมากขึ้นทุกครั้งเขาโทษสิ่งแวดล้อมการเลี้ยงดูและทุกอย่างที่เขาคิดว่าทำให้ลูกชายดื้อกับพ่อได้มากขนาดนี้...แต่เขาไม่เคยโทษตัวเอง ในตอนนั้นเขาได้ตัดไฟตั้งแต่ต้นลมของนิสัยห่ามๆด้วยคำพูดอันแสนเจ็บปวดเกินกว่าเด็กจะเข้าใจ จนทำให้เขากับลูกชายคนแรกตีตัวออกห่างกันเหมือนอยู่คนละโลก ทุกๆครั้งที่พวกเขาเจอกันมักจะเกิดสงครามย่อมๆอยู่เสมอเหตุเพราะเขาไม่อยากให้ลูกชายคนโตเกเรกับเขา หรือทำอะไรที่มันเสื่อมเสียนามสกุลเขานัก ในตอนแรกพวกเขาจุดสงครามกันด้วยคำพูดแต่เมื่อเด็กชายเริ่มที่จะโตขึ้นกลับเป็นเขาที่พูดอยู่เพียงฝ่ายเดียวเพราะเด็กคนนั้นเลือกที่จะเงียบ บ่งบอกว่าลูกชายไม่ได้อยากที่จะพูดคุยกับเขาอีกแล้ว มันยิ่งทำให้เขาวุ่นวายและรำคาญใจมากขึ้นและคำพูดเสียดสีก็ยิ่งมากขึ้นด้วยเช่นกัน

                                                                                 
  *******************************

 “คุณนายแม่บีมสอบติดหมอแล้ว ไว้บีมทำงานมีเงินเยอะๆเราย้ายบ้านกันนะ”

เขาได้ยินผู้เป็นลูกในวัยมัธยมปลายพูดในเย็นวันหนึ่ง  วันที่เขานึกอยากจะแวะมาเจอหน้าคนทั้งสองเขาประหลาดใจไม่น้อยกับความสำเร็จของลูกชายคนโต 

“ว่าแล้วว่าเอ็งต้องติด ลูกคุณนายแม่ยังไงก็เก่ง”

เขารู้มาสักพักแล้วว่าแม่ลูกคู่นี้มักใช้สรรพนามแบบที่เขาไม่ชอบ แต่เขาก็ปล่อยไปเพราะทั้งคู่ไม่เคยพูดให้เขาได้ยิน

“นะแม่นะ”

“นะ....เรื่องอะไรกัน”

“ย้ายบ้านกัน”

“ย้ายทำไมกัน ที่อยู่นี่ก็ดีออกนี่มันบ้านบรรพบุรุษชาวแผ่นดินใหญ่เลยนะไอ้หมอ”

เธอพูดกลั้วหัวเราะ ทั้งที่รู้อยู่เต็มกลืนว่าทำไม

“เอ็งต้องมีเหตุผลสิ”

“บีมอยากอยู่กับแม่แค่สองคน”

ผู้ยืนอยู่หน้าประตูชะงักนิ่งกับคำพูดของลูกชาย

“พอแล้ว...เขาเป็นพ่อนะ”

เธอเข้าใจความรู้สึกเจ็บปวดของลูกดีแต่เธอไม่อยากให้เขาทำอะไรหุนหันพลันแล่น หรือแม้แต่การหนีผู้ให้กำเนิดไปเพราะเพียงว่าเธอเชื่อในกรรม เธอไม่อยากให้สองพ่อลูกต้องทำร้ายใจกันอีกแต่ที่เธอทำได้ก็แค่ประวิงเวลา

“ไม่ต้องมานั่งดราม่าไปอาบน้ำมากินข้าว เอาไว้ได้เกียรตินิยมก่อนค่อยมาคุยกัน”

ชายวัยเกือบห้าสิบรีบหันหลังกลับแล้วจ้ำไปที่รถ ลูกชายคนแรกที่เขาไม่เคยภูมิใจสอบติดหมอและกำลังใช้ความสำเร็จนั่นหนีจากเขา เขาควรจะดีใจหรือไม่นะ   


เช่นเดียวกับวันนี้ชายสูงอายุให้คนไปสืบเรื่องลูกชายแล้วพบว่าลูกชายจะกลับมาหาแม่ แล้วมาอยู่กับแม่อีกหนึ่งวันเขาจึงลงทุนรีบกลับจากการไปเยี่ยมลูกชายคนเล็กที่ต่างประเทศเพื่อกลับมาหาลูกชายคนโตเพราะจะพาไปทำบุญในวันพรุ่งนี้ ตั้งแต่ลูกเข้ามหาวิทยาลัยและไปอยู่หอเขาพวกเขาได้เจอกันแทบจะนับครั้งได้ ครั้งล่าสุดเห็นจะเป็นสองปีที่แล้ว วันนี้เขาตั้งใจจะมาคุยดีๆกับลูกชายคนโตแต่เขาคงลืมไปว่าระยะห่างของพวกเขายังเยอะเหลือเกิน ลูกชายคนนี้ดูผอมลงอย่างคนทำงานหนักแต่หน้าตาที่คล้ายเขาเมื่อตอนหนุ่มก็ยังดูดีอยู่เสมอ ลูกชายคนนี้ดูสุภาพกว่าทุกๆครั้งที่เขาเคยเจอไม่พูดจาห้วนๆเช่นเดิม แต่ใช้คำสุภาพจนเหมือนไม่เคยรู้จักกันไม่จ้องเขม็งเช่นเดิม แต่กลับไม่ยอมสบตา ถ้าสบตาเขาเพียงนิดคงเห็นแล้วว่าผู้เป็นพ่อต้องการแค่มาเริ่มต้นใหม่...เท่านั้นเอง

"ขอโทษน้องสิ ฉันบอกให้ขอโทษ"

เสียงชายวัยกลางคนผู้สืบเชื้อสายผู้ดี ตวาดเด็กชายผู้เป็นลูกของเขาเองเด็กคนนั้นวัยประมาณอนุบาลและเด็กคนนั้นคือไอ้หมอเพี้ยนในปัจจุบัน

"ไม่!!!"

มันตวาดกลับคืน คนเป็นพ่อใช้ฝ่ามือใหญ่ฟาดเข้าที่กลางหลังของเด็กน้อยจนเด็กสะอึกเพราะความจุกแน่น เขาไม่ได้ตีเต็มแรง...เพียงแต่มันเป็นแรงผู้ชายเท่านั้นเอง...

"บีม...ลูก"

คนเป็นแม่ปรี่จะเข้ามาห้ามแต่โดนสายตาของสามีหยุดตรึงไว้

"ฉันบอกให้ขอโทษ"

"ผมไม่ขอโทษ!"

"เธอมันไร้มารยาท ผ่าเหล่าผ่ากอ"

เขาชี้หน้าว่าเด็กที่ยืนสะอื้นฮักอยู่ตรงหน้า

"คุณพ่อ...เบสท์อยากกลับบ้าน"

เด็กชายอีกคนที่ยืนอยู่ข้างๆ ดึงชายเสื้อผู้เป็นพ่อเมื่อเขาเริ่มทนต่อบรรยากาศอันอึดอัดไม่ไหวคนเป็นพ่อหันมาลูบหัวคนที่เรียกว่าน้องชายน้อยๆ ก่อนจะอุ้มขึ้นแนบอกแล้วเดินออกไปโดยไม่เหลียวมามองลูกชายอีกคนเพียงนิด และไม่เคยถามแม้แต่น้อยว่ามันเกิดอะไรขึ้นเพราะเบสท์คือผู้ที่ถูกที่สุดเสมอ เรื่องราวมันเกิดขึ้นเพราะในตอนนั้นไอ้เด็กบีมกำลังใช้พรวนพลาสติกพรวนดินต้นไม้ของแม่อยู่ที่ข้างบ้าน เพราะแม่บอกว่าถ้าต้นไม้โตเมื่อไหร่มันจะได้ลองกินเงาะลูกมีขนสีแดงสดๆจากต้นสักพักรถวอลโว่คันยาวก็มาจอดหน้าบ้าน มันรีบวิ่งออกไปหาผู้ที่มาใหม่ผู้ที่มันเรียกว่า ‘พ่อ’ แต่แล้วเท้าเล็กๆก็ต้องชะงักเมื่อนึกได้ว่าตัวเองเลอะมากกว่าที่จะเข้าไปหา ’พ่อ’  พ่อผู้หล่อเหลา พ่อผู้ร่ำรวยและที่สำคัญพ่อเป็นผู้ดี มันไม่เคยเข้าใจถึงคำว่าผู้ดีสักทีแต่พ่อผู้นั้นมักจะพูดเสมอว่ามันเป็นลูกผู้ดี

มันเดินกลับมาพรวนดินเช่นเดิมด้วยใบหน้าหม่นหมอง ไม่นานนักก็มีเด็กชายอายุไล่เลี่ยกับมันมายืนยิ้มน้อยๆอยู่ข้างหน้ากระถางต้นไม้ คนๆนั้นชื่อน้องเบสท์เป็นลูกชายของพ่อเหมือนกันแต่ที่ไม่เหมือนคือน้องเบสท์ได้อยู่บ้านหลังใหญ่ ได้นั่งรถคันยาวและที่สำคัญคือได้นอนกับพ่อทุกคืน พ่ออุ้มน้องเบสท์เกือบจะทุกครั้งที่มันเห็นพวกเขาอยู่ด้วยกัน

"ทำอะไรเหรอ"

"พรวนดิน"

"นี่ต้นอะไร"

เด็กชายตรงหน้าเอื้อมมือมาจับยอดต้นไม้ของแม่ มันโกรธอย่างไร้เหตุผลแต่ถ้าเป็นผู้ใหญ่จะสามารถดูออกได้ง่ายว่าเด็กมีตะกอนของความอิจฉาอยู่เป็นทุนเดิม ฉะนั้นแล้วของเพียงไม่กี่สิ่งบนโลกที่เป็นของมันก็อย่าได้ไปยุ่ง แต่พ่อบอกเสมอว่าพ่อเกลียดเด็กที่ไร้เหตุผลและงอแง มันจึงทำๆได้แค่เงียบและก้มหน้าพรวนดินต่อไป

"ถามไม่เห็นตอบเลย"

เด็กคนนั้นติดจะพลาดไปหน่อยเมื่อดึงยอดตนไม้ที่มันรักติดมือไป มือเล็กๆที่ถือพรวนพลาสติกอยู่จึงฟาดเข้าเต็มแรงเด็กบนหัวของอีกคน เพียงแค่ชั่วเสียงแผดจ้าของน้องชาย คนเป็นพ่อก็รีบเดินออกมาจากบ้านและเหตุการณ์ก็เป็นอย่างที่เด็กอย่างมันจะคิดได้ มันเป็นเด็กที่ดื้อเสมอในสายตาพ่อไม่เป็นผู้ดีในสายตาพ่อแต่เป็นพ่อผู้ที่ไม่เคยอุ้มมันแม้เพียงครั้ง...เหตุการณ์นั้นทำให้มันเกลียดคำว่าขอโทษเป็นที่สุด...

หมอยืนเหม่อจนอีกคนต้องแตะไหล่แล้วตบเบาะหลังของรถสองล้อคันใหญ่ 

“ความจริงแม่กูจะลาด้วยคำว่า เอ็งกลับดีๆนะอย่าไปทำเรื่องประหลาดให้ชาวบ้านชาวช่องเขาเบื่อล่ะ”

มันโพล่งล้อเลียนแม่ของตัวเองด้วยความรัก ซินยิ้มน้อยๆก่อนจะตอบ

“ผมก็ชอบแบบนั้นมากกว่า”

ไอ้แว่นกระโดดคร่อมมอเตอร์ไซค์คันใหญ่ที่บัดนี้มันเลิกกลัวแล้ว แต่ก็ยังอดไม่ได้ที่จะเอื้อมมือไปกอดอีกคนเมื่อขีดความเร็วมันทะลุเกินร้อยและสมองคิดแต่เรื่องเมื่อครู่ที่จากมา...เรื่องของผู้เป็นพ่อ แต่นายซินมันก็ขับรถเร็วจนหน้าหมอตึงเหมือนฉีดโบทอกซ์มา ตอนขาไปแว่นว่ามันหนาวนะแต่ขากลับมันกลับอุ่นแปลกๆ จะไม่อุ่นได้ยังไงเล่าก็ขาไปมันมีแจ็คเก็ตกันระหว่างทั้งคู่อยู่แต่ขากลับมีแค่เสื้อตัวบางๆกั้น แล้วพี่เล่นกอดซะเนื้อแนบเนื้อแถมเอาหน้าไปซุกคอเปลือยๆของมือเบสอีก

 “เฮ้ย!?”

แว่นที่ได้สติจำไม่เห็นได้ว่ากอดคนตรงหน้าไปตั้งแต่เมื่อไหร่ มันผละมือออกอย่างเร็วนั่นทำให้ตัวมันโงนเงนเหมือนจะลงไปวัดพื้นอีกรอบแต่คราวนี้คงเลี้ยงไม่โตนะหมอ ไอ้ซินรีบลดความเร็วแล้วใช้มือซ้ายปล่อยแฮนด์เพื่อดึงแขนไอ้บ้าที่นั่งโงนเงนไว้พลางตะโกนอย่างเหลืออด

“ทำอะไรของพี่วะ! จู่ๆก็ปล่อยมืออยากตายหรือไง!”

“.....”

การได้เห็นไอ้เพี้ยนโรคจิตทำหน้าสลด ถือเป็นความสำเร็จในชีวิตไอ้ซินได้เลย ก่อนที่จะถึงหอพักแว่นในไม่กี่กิโลเมตรในเวลาตี 1 ฝนก็สาดลงมาเหมือนฟ้ารั่วเสื้อผ้าที่พึ่งเปลี่ยนมาเปียกไปหมดกระทั่งกางเกงชั้นใน

“พ่องเอ้ย...หนาวสัส”

คงไม่ต้องบอกว่าใครจะสบถได้ไพเราะถึงเพียงนี้  หมอแว่นค่อยๆวาดขาลงจากบิ๊กไบค์ก่อนจะก้าวขึ้นบันไดหอพัก ฝนยังตกอยู่และคนที่รับส่งมันก็ยังนั่งอยู่บนพาหนะเช่นเดิม

“ซิน...”

มันเรียกชื่อไอ้คนที่นั่งเปียกลู่เหมือนหมาป่าตัวบักเอ๊กตกน้ำ ไอ้ซินหันมองแบบไม่เชื่อสายตานักปากบางๆของพ่อมือเบสซีดจนเกือบม่วง ทำให้ไอ้ตัวต้นเรื่องของวันนี้กลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก

“เอารถเข้ามาจอดข้างในแล้วขึ้นไปข้างบนเถอะ”

ไอ้แว่นชวนผู้ชายขึ้นห้อง! และผู้ชายคนนั้นเป็นถึงชายในฝันของสาวหลายร้อยคน...น่าอิจฉาไอ้หมอเพี้ยนสุดๆ...
แว่นเดินขึ้นมาชั้นห้าด้วยความยากลำบาก พร้อมกับอีกคนที่เดินมาด้วยสภาพหน้าซีดไม่ต่างกัน มันไขกุญแจห้องด้านหน้าและห้องของตัวเองอย่างเบามือเพื่อไม่ให้รบกวนรูมเมทที่นอนอยู่ในห้องส่วนตัวเล็กๆอีกห้องที่กั้นไว้เพื่อความเป็นส่วนตัว

“ไปอาบน้ำไป”

หมอยื่นผ้าเช็ดตัวให้อีกหนุ่มที่ยืนงงงวยอยู่ไม่น้อย ดูเหมือนคู่ข้าวใหม่ปลามันไม่มีผิด...คิดไปนั่น นายซินทำตามอย่างว่าง่าย หลังจากจัดการตัวเองเสร็จมันจึงหยิบของๆตนพร้อมกุญแจรถก่อนตั้งใจจะเอ่ยบางอย่างกับไอ้หมอบ้าที่พึ่งอาบน้ำเสร็จ  ไอ้แว่นคนนั้นไม่ได้สวมแว่นอย่างเคยตารูปเม็ดแอลมอนด์กลมๆสีน้ำตาลเข้มและใบหน้าปราศจากเครื่องปิดบังที่มันไม่เคยเห็นดึงดูดสายตาอยู่ไม่น้อย แต่มันก็คิดแค่ว่าหมอบ้าดูดีและดูเป็นผู้ใหญ่กว่าที่คิด...ใส่แว่นแล้วดูเด็กลงว่างั้น เอ๊ะ!?แล้วเมื่อกี้ซินมันจะพูดอะไรวะ

“ฝนยังตกอยู่เลย มึงกลับไม่ได้หรอกค้างแม่งที่นี่แหละ”

ไอ้เพี้ยนเห็นอีกคนหยิบกุญแจรถจึงปรามไว้ก่อน อย่างน้อยวันนี้ไอ้ซินก็เป็นผู้มีพระคุณของมัน มันไม่ใจร้ายขนาดที่จะปล่อยให้กลับไปทั้งๆอย่างนี้หรอก แค่นั้นจริงจริ๊งงงงงงง

“แต่ว่าผม...”

ซินมันเกรงใจตามประสาคนดี หมอโบกมือไปมาอย่างไม่ให้ถือสา แว่นที่ดูเงียบและซึมมากว่าเดิมตั้งแต่ที่บ้านทำให้กริยาอาการแม้กระทั่งการพูดเหมือนคนทั่วไปเป๊ะ คงเพราะปกติมันคงล้นเกินไป

“ไม่ต้องเกรงใจ มึงนอนในห้องน้ำก็ได้”

พึ่งจะชมไปแหมบๆ ความล้นก็กลับมาอีกครั้ง...เพลียจิต
ไอ้ซินถอนหายใจอย่างปลงตกมันเหนื่อยเกินกว่าที่จะต่อล้อต่อเถียง แต่ปกติซินก็ไม่เคยทำอยู่แล้วยกเว้นว่ามันจะเหลืออดจ

“กูล้อเล่น นอนบนเตียงนั่นแหละ”

ไอ้แว่นชวนผู้ชายขึ้นเตียง! อยากปลุกไอ้โจ้มาดูจริงๆ

“แล้วพี่ล่ะ”

ซินมันถามประสาซื่อ

“ก็นอนบนเตียงไง ในห้องแค่เตียงก็เต็มพื้นที่แล้วหรือมึงจะให้กูไปนอนห้องข้างนอกที่เอาไว้ถอดรองเท้ากับวางโต๊ะทำงาน  เอ๊ะ!หรือในตู้เย็นไม่งั้นก็นอนตรงระเบียงตรงบ้านไอ้ปลา!”

หมอหยุดพูดเพราะหายใจไม่ทัน ไอ้ซินยิ้มจนตาหยีเมื่อเห็นท่าทางอธิบายอย่างเอาเป็นเอาตาย...แล้วทำไมหมอต้องหน้าแดงด้วยวะ

“ยิ้มเหี้ยอะไร จะนอนไม่นอน”

หมอตบปุลงพื้นที่ข้างๆตัวของเตียงขนาดหกฟุต...เชิญชวนนะนั่น...

“นอนครับนอน”

มันตอบทั้งๆที่อดยิ้มขำไม่ได้

“เดี๋ยว!”

พอคนหล่อจะล้มตัวนอนพี่แกก็ดันห้ามอีก...จะเอายังไงกันแน่วะ หมอมันทำอะไรกุกกักอยู่สักครู่ก่อนจะยื่นเม็ดยาและขวดน้ำมาให้ทั้งๆที่ก้มหน้าหูแดงคอแดง

“กินซะ เดี๋ยวพรุ่งนี้จะไม่สบาย”

มันแค่ห่วงในฐานะหมอ แค่นั้นจริงๆนะ


______________________________________________________________________________

TBC.


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 31-03-2015 17:01:11 โดย zearet17 »

ออฟไลน์ nevergoodbye

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1240
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-2

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ soul love

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 197
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-1
หมอบีม i love you!!!!
น่ารัก น่ารัด อย่างใครจะทิ้งลงล่ะจ๊ะ!!!!

ออฟไลน์ maemix

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4414
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +299/-3
พอหายหน่วงก็หวานเลยนะ ชอบตอนนี้จัง
ซินกับเจ้าชายบีมแฮปปี้วันลอยกระทง

ออฟไลน์ ReiSei

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1379
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-5
งืออออ  หมอบีมอดทนมากอะ  ซินเองก็ยังใจเดียว
มันทั้งซึ้งทั้งเศร้าทั้งอุ่นทั้งเหงาในคราวเดียวเลยนะเนี่ย   :hao5:

ออฟไลน์ quiicheh.

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1629
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +73/-9
หมอบีมน่าร้ากอ่า ตอนปัจจุบันก็รักกันเร็วๆนะ
อยากเห็นหมอบีมลุคนี่บ่อยๆ555555555555555

ออฟไลน์ BeeRY

  • ❤。◕‿◕。ยิ้มเข้าไว้นะ。◕‿◕。❤
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 9405
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +897/-8
ลอยกระทงปีนี้คงมีความสุขทั้งสองคนเนอะ :impress2:
ทั้งสุข  เศร้า  เหงา  ซึ้ง ครบตามที่บอกเลยค่ะ :hao5:
แต่ว่าตอนหลักยังไม่ญาติดีกันเลยนะนั่น :laugh:

ออฟไลน์ becrazie

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 716
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-1

ออฟไลน์ ゚゚ღ✿ศิลินส์✿ღ゚゚

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 247
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-4
น่ารักเบา ๆ อ่ะ นึกว่าจะเศร้าซะแล้ว

เรื่องใครจะอยู่ตำแหน่งไหน จะเมะ จะเคะ หรือสลับ ไม่สำคัญค่ะ คริคริ เค้าอ่านได้หมด

จะรอตอนต่อไปนะคะ




ออฟไลน์ omyim_jjj

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 632
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-1
รอตอนต่อไปจร้า

ออฟไลน์ Lonelyนู๋โรนลี่

  • ฉุด กระชาก ลากถู พาเข้า.....
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 667
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-2
ไม่ต้องเว้นไปกี่วันเลยยย
ลงต่อเลยเดี๋ยวนี้55555+
โอย อย่างน้อยก็ยังประคองกันต่อไปได้T_T
ไม่เป็นไรหน่า มันไม่มีอุปสรรคครอบครัว แต่มีอุปสรรคของคนสองคนเองเสียอย่างนั้น เฮ้อ...
ขอตอนต่อไปปปป

ออฟไลน์ Palmpalm

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 671
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4
บีมซิน อร๊ากกกกกก น่าร้ากกก

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด