Part 11

เหมือนว่าเวลาจะหยุดเดินไปชั่วอึดใจ เมื่อผมเอ่ยปากเรียกชื่อคนที่ยืนตรงหน้าอย่างแผ่วเบา...คุณพ่อมากับผู้หญิงที่ผมไม่รู้จัก มือเรียวนั่นเกาะแขนคุณพ่อพร้อมกับแนบชิดอย่างสนิทสนม…สายตาคมกริบทอดมองผมอย่างผ่าน ๆ
“ยินดีที่ได้พบ..เป็นยังไงบ้างครับผู้นำพยัคฆราชคนใหม่บังเอิญจริงๆ”
“ครับบังเอิญจริง ๆ” คุณโอจงใจดันหลังผมให้ขึ้นมายืนเสมอตัวเองที่กำลังยื่นมือไปจับมือกับคุณพ่อ...ทำหน้าไม่ถูก เมื่อรู้สึกได้ถึงสายตาที่ทอดมองมาว่าผม...เหมือนส่วนเกิน...ทั้งที่คนที่ยืนตรงหน้าคือคนที่ผมต้องการอ้อมกอดอยู่ทุกค่ำคืน...หญิงสาวคนนั้นยังกอดแขนไม่ปล่อย..แต่สายตาเชื่อมหวานกลับจับจ้องที่ผู้นำของอีกฝ่ายอย่างไม่ปิด...
“ผมไม่ยักจะทราบนะ ว่ารุ่นลูกของพยัคฆราชจะชอบเก็บของไร้ประโยชน์ไว้ด้วย”
“..ครับ..ของไร้ประโยชน์...ที่จะมีประโยชน์มหาศาล..”
“..ฮ่าๆๆ ความคิดของคนแนวใหม่สินะ คุณก็คงเหมือนลูกชายของผมทั้งสามคน..ที่มองของเหลือเป็นของมีประโยชน์..”
กำมือแน่น...จนเจ็บ..แต่สิ่งที่เจ็บกว่ามือคือหัวใจที่ยังเต้นอยู่...เป็นสิ่งเดียวที่แสดงให้ผมรู้ว่า...ยังมีชีวิตอยู่...แต่คำพูดแต่ละคำที่ได้ยิน...มันทำให้ผมตายทั้งเป็น...จ้องมองได้แค่ปลายเท้าของคนเป็นพ่อ..ไม่มีสิทธิแม้แต่จะกล่าวทักทาย...ไม่มีสิทธิแม้แต่จะมองหน้าหรือคิดว่าอีกฝ่ายจะพูดคุยด้วย...ทั้งที่ครั้งแรกที่เห็น…เหมือนกับเจอคนที่แสนคิดถึงมายืนอยู่ตรงหน้า...
“ครับ แน่นอน ความคิดแนวใหม่...ที่สอนเสมอว่าความงมงายนำมาซึ่งหายนะ..และความสูญเสีย ไม่ว่าจะเป็นของสำคัญและบุคคลสำคัญ..ขอบคุณนะครับที่ให้เกีรยติทักทายผม”
“หามิได้..ผมต่างหากที่รู้สึกเป็นเกีรยติที่ได้คุยกับคุณโออีกครั้ง...และครั้งนี้...คุณทำให้ผมรู้สึกรังเกียจสิ่งที่ผมทิ้งมากกว่าเดิมหลายเท่า..ไว้พบกันนะครับ”
“.................” คนที่ยืนข้างกันก้มหัวให้คนที่เดินจากไป...เงยหน้ามองแผ่นหลังกว้าง และอ้อมแขนแข็งแรงที่โอบกอดหญิงสาวคนนั้นเดินไป...รังเกียจ...คำพูดที่ไม่ต้องคิดให้มาก ก็รู้ว่าหมายถึงใคร...มันเจ็บจนเกือบลืมหายใจ...เสี้ยวนึงที่แอบคิดว่าคุณพ่อจะคิดถึงผมบ้าง..แต่มันก็ชัดเจนแล้ว..ว่าผมคิดมากไปเอง...หนำซ้ำยิ่งเจอผมก็ยิ่งเป็นตัวน่าขยะแขยง...
...ไม่มีน้ำตา...หัวใจร้าวและกำลังจะแตกออกเป็นเสี่ยง ๆ...ความรู้สึกชาและช็อคทำให้ผมคิดอะไรไม่ออก...แค่คำพูดพวกนั้น...ทำให้รู้ว่าผมจะพยายามแค่ไหน..ก็ไม่มีทางได้รับการยอมรับ..ในฐานะคนของราชสีห์เกริกไกร....
..คนรักเป็นล้าน...แต่คนที่สำคัญที่สุดในชีวิตเกลียดแค่คนเดียว...มันก็เหมือนกับคนรังเกียจผมทั้งโลก...
“...เดี๋ยวค่อยมาซื้อเค้ก...”
“.........................” ผมออกเดินตามแรงฉุดที่ข้อมือ...ไม่ขัดขืนและไม่พูดอะไร...ไม่แสดงสีหน้าอะไรออกมา...มีเพียงขาที่ก้าวตามคนที่ฉุดให้เดินตาม..อยากทำอะไรก็ทำ...ผมไม่มีแรงแม้แต่จะอ้าปากพูดด้วยซ้ำ...
“..อยากร้องไห้ใช่ไหม..”
“......................” ส่ายหัวออกไปอย่างช้า ๆ เมื่อได้ยินคำถาม...เดินตามอย่างไร้จุดหมาย...ลงลิฟท์มาอีกไม่กี่ชั้น..รู้ตัวอีกทีก็มาอยู่ในห้อง ๆ หนึ่ง...ทุกอย่างในห้องครบครัน...เหมือนห้องในโรงแรม...
“แล้วน้ำตาที่ไหลนี่ล่ะ...ที่นี่เป็นห้องผมเอง..ตึกนี่ก็ของผม...คุณร้องได้...ไม่ต้องกลั้น..”
“...............” เงยหน้ามองคนที่พิงตัวเองกับประตูห้องที่อยู่ ก่อนจะรั้งเอวผมให้หันเข้าหาตัวเอง...มือหนายกขึ้นมาเช็ดบางอย่างออกจากใบหน้าผม
..น้ำตา...น้ำตาผมไหลตั้งแต่เมื่อไหร่...ไหลอย่างไม่รู้ตัว...ผมร้องตอนไหน..
“..ผม ไม่ ฮึก อยาก ร้อง..”
“..ผมบอกให้ร้อง..นี่คือคำสั่ง..”
“ ฮึก ฮืออ ผม ไม่ ร้อง ฮึก ฮือออ!”
“...ไม่ร้องก็ไม่ร้อง...”
“ฮึก ฮือออ เจ็บ ฮืออ ..ฮืออ” โผเข้าหาอ้อมกอดของคนที่เคยทำร้ายผม พร่ำพูดถ้อยคำที่ไม่คิดว่าจะพูดออกไป...อ้อมกอดที่โอบกอดทำให้รู้สึกอุ่นใจในชั่วครู่ ยิ่งทำให้ความตีบตันและความเศร้าถาโถมเข้ามาอย่างไม่หยุด
...น้ำตาท่วมท้นและคำพูดพร่ำเพ้อเหมือนคนเสียสติ...มือขยำเสื้อเชิ๊ตของอีกคนอย่างไม่ปราณีปราศรัย...ร่ำไห้ปานจะขาดใจ...
“..ผมแค่อยากทำให้คุณรู้..ว่าคุณกำลังเสียสละตัวเองให้กับคนแบบไหน..” เสียงกระซิบแผ่วเบาที่เบามากในความรู้สึกตอนนี้...เหนื่อยเหลือเกิน..เกินกว่าที่จะยืนและลืมตาขึ้นรับรู้อะไรต่อมิอะไร ที่บีบคั้นหัวใจผมอยู่...ขอพักซักนิดก็ยังดี...ในอ้อมกอดของใครไม่รู้...แต่มันก็อุ่นจนทำให้หัวใจที่บอบช้ำเบาบางลง...จนสามารถที่จะเข้าสู่ห้วงนิทราได้ในที่สุดเพราะความเหนื่อยล้า...
“...อยู่โกลไทเกอร์ครับ...ครับ คุณพ่อ..ก็ร้องไห้...ครับ..จะรีบพากลับ..”
“...................” เสียงพูดคุยแว่วเข้ามาโสตประสาท ทำให้ต้องพยายามที่จะลืมตาตื่นให้ได้...สัมผัสอ่อนนุ่มทำให้ไม่อยากจะตื่น...เผลอหลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่...
ลืมตาได้ในที่สุด ก่อนจะจ้องมองแผ่นหลังของคนที่ยืนอยู่ระเบียง...เพราะม่านสีขาวสะบัดไปมาเรียกสายตา...ร่างสูงยืนทอดสายตาไปเบื้องล่างพร้อมกับพ่นควันสีขาวออกจากปากเหมือนกำลังคิดอะไรอยู่...จ้องมองอยู่อย่างนั้น...คน ๆ นี้คือคนเดียวกับคนที่กอดปลอบผมเมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมารึเปล่า...และคือคนที่ทำเรื่องร้ายกาจกับผมเมื่อเช้านี้รึเปล่า...
“ตี่นแล้วก็ลุกเถอะ ผมหิวแล้ว”
“...................” ค่อย ๆ ขยับตัวลุกขึ้นอย่างเบลอ ๆ รู้สึกปวดตาขึ้นมา คงเพราะร้องไห้หนักก่อนหน้านี้...ดีที่ไม่ปวดหัว...นั่งอยู่บนเตียงตามคำสั่งของคนที่พูดทั้งที่ยังไม่หันมามองผมด้วยซ้ำ...แต่ก็ยังอุตส่าห์รู้ว่าผมตื่นแล้ว..
“..อยากนอนต่อเหรอ...ผมจะได้นอนเป็นเพื่อน..”
“.....................” ส่ายหัวออกไปเบา ๆ ไม่มีอารมณ์จะโกรธเคืองอะไรทั้งนั้น อยากจะพูดอะไรก็เชิญเถอะ...ก้าวเท้าลงจากเตียงก่อนจะเก็บโทรศัพท์ของตัวเองที่วางไว้ที่หัวเตียงใส่กระเป๋า...แล้วขยับเสื้อผ้าให้เข้าที่ให้อีกคนรู้ว่าผมพร้อมแล้ว...
“เพื่อนผมกลับไปหมดแล้วล่ะ เราคงต้องไปทานกันสองคน”
“ครับ”
“เลิกทำหน้าแบบนี้ซักที..ที่คือคำสั่ง..ผมไม่ชอบ”
ปัง!
“................” จ้องมองประตูที่ปิดลงหลังจากที่อีกคนเปิดประตูแล้วออกจากห้องไป...ใครจะอยากเป็นอย่างนี้...เปิดประตูออกจากห้องตามอีกคน ถึงได้รู้ว่าห้องที่ร้องไห้กับห้องที่นอนมันคนละห้อง ทุกอย่างในห้องหรูหราสมกับเจ้าของตึกอย่างที่เจ้าตัวบอก...ก็เพราะคำบอกและเสียงทุ้มนุ่มนั่นแหละที่ทำให้ผมร้องไห้ออกมาเหมือนคนบ้า...
“คุณโอ ครับ..”
“..ว่าไง..” ผมเรียกคนที่เปิดประตูออกจากห้องก่อน ทิ้งให้ผมเดินตามพอออกจากห้องภายในตัวตึกถึงได้เห็นการ์ดชุดสูทดำยืนอยู่หน้าห้องสองคน..ทั้งสองคนโค้งตัวให้ผม แค่โค้งตัวรับน้อย ๆ ก่อนจะเดินตามคนที่หยุดยืนรอที่หน้าลิฟท์..
“คือ...ผมอยาก ซื้อเค้กไปฝากบัว..”
“...อืม...” แค่นั้นก่อนจะเข้าไปยืนในลิฟท์ที่การ์ดกดเปิดให้ ทำให้ผมต้องรีบตามเข้าไป...หรือผมขอเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ มากไป...แต่ก็อยากซื้อไปฝากบัวจริงๆ... คนที่สำคัญที่สุดอีกคน...คนที่คอยอยู่เคียงข้างผมเสมอ แบบจริงใจ และไม่เคยหวังอะไรตอบแทน...
ตอนนี้ผมกำลังส่อง ๆ มองเค้กหลากหลาย... หลายชนิดอยู่หน้าตู้เค้กหลายชั้นที่อยู่ตรงหน้า...เค้กส้มมีหลายอย่าง..จนเลือกไม่ถูก อยากจะเอาไปให้หมด...
“จะเอาเค้กอะไร..หรือจะเอาหมดตู้”
“คือ เปล่าครับ...เอาชิ้นนี้ครับ..” ผมคงทำหน้าคิดนานไปหน่อย คนที่ยืนซ้อนหลังผมอยู่เลยรำคาญ...ตัดสินใจชี้เค้กส้มรูปหัวใจที่แต่งง่ายๆ แต่ดูสวยมาก.. ป้ายเขียนไว้ว่า 5 ปอนด์ ราคาก็ไม่หยอกเหมือนกัน....แต่ผมกะจะให้บัวเอาไปแบ่งพวกแม่ครัวทานด้วย...
“...ไปเถอะ ไม่ต้องจ่ายหรอก....”
“ไม่เป็นไรครับผมจ่ายเอง” รีบค้านสิ่งที่อีกคนพูด ก่อนจะรีบควักกระเป๋าตังค์ตัวเองออกมา...พนักงานส่งยิ้มก่อนจะยื่นเค้กไปให้การ์ดที่เข้ามารับ
“มีเยอะ ก็ให้ผมยืมใช้ก็ได้ ไปเถอะคุณพ่อรออยู่”
“........คุณโอ!........” คว้าตามกระเป๋าตังค์ตัวเอง ก่อนจะหันยิ้มให้พยักงานแบบแหย ๆ รีบเดินเร็วๆ ตามคนที่จู่ ๆ ก็คว้ากระเป๋าตังค์ผมไปหน้าตาเฉย..แต่คงจะพูดเล่นใช่ไหมที่ว่าจะยืมเงินผมใช้...เพราะเท่าที่มีอยู่อีกคนใช้แค่ไม่กี่นาทีคงจะหมดแน่ๆ
รถวิ่งเข้าสู่บ้านหลังใหญ่ในเวลาไม่นาน...เพื่อน ๆ คุณโอไปเที่ยวกันต่อยังไม่กลับ...ผมหอบเค้กก้อนใหญ่ลงจากรถอย่างระมัดระวัง มองเห็นบัวมาชะเง้ออยู่หน้าบ้าน ก่อนจะส่งยิ้มให้จาง ๆ
“อีกสิบนาที ผมกับคุณพ่อรออยู่ห้องหนังสือนะ”
“คะ ครับ” ผมรับคำคนที่พูด ก่อนจะเดินเข้าบ้านไปก่อน...
“ให้บัวช่วยนะคะ”
“อันนี้ของบัว ซอซื้อมาฝาก ให้เอาไปแบ่งพวกแม่บ้านด้วย...”
“จริงเหรอคะ ขอบคุณค่ะ...แต่คุณน้องไม่น่าเปลืองเงินเลย..” บัวรับเค้กส้มไปถือไว้ ส่อง ๆ ดู สีหน้ามองก็รู้ว่าดีใจ เพราะเป็นของชอบของเธอ..
“ไม่หรอก..ได้มาฟรี..ตอนแรกก็ตั้งใจจะซื้อ แต่มันเป็นของกิจการบ้านนี้”
“งั้นเหรอคะ คุณน้องไม่โดนทำอะไรแปลก ๆ นะคะ”
“ปะ เปล่าไม่โดน..เอาไปเถอะ ซอจะต้องไปพบเจ้าสัว..อ้อ! บัว ช่วยตัดเค้กให้ซอ 2 จานนะ..”
“อ๋อ ได้ค่ะ รอเดี๋ยวนะคะ เดี๋ยวบัวเอามาให้”
หลังจากที่ยืนรอไม่นานผมก็ถือถาดที่มีจานเค้กส้มวางอยู่สองจาน..พร้อมกับน้ำเก๊กฮวยเย็นๆ สองแก้ว...ไม่ได้อยากประจบหรอกนะ แต่เห็นว่าเค้กชิ้นนี้ผมไม่ได้ซื้อมา ก็เท่ากับว่าของชิ้นนี้คนบ้านนี้ก็ควรจะได้ทานบ้าง...ถือเข้าไปทั้งที่ไม่รู้ว่าเหตุการณ์ข้างในเป็นยังไง..
“มาแล้วเหรอ..มานี่สิ”
“...................” เดินเข้าไปในห้องกระจกหลังจากที่การ์ดเปิดประตูให้....เห็นเจ้าสัวของบ้านนั่งอยู่บนโซฟา..แต่อีกคนยืนพิงชั้นหนังสืออ่านหนังสืออยู่..ดูเหตุการณ์ก็ผ่อนคลายดี...บนโต๊ะมีหนังสือพันธุ์กล้วยไม้อยู่สองเล่ม...วางถาดเค้กไว้ตรงหน้าเจ้าสัวก่อนจะยกมือไหว้..อีกคนรับไหว้แล้วส่งยิ้มให้ผมอย่างใจดี..
“มานั่งข้างฉันสิ”
“คะ ครับ” เหมือนมีอะไรบางอย่างทำให้ผมสนิทใจจนกล้าที่จะลุกไปนั่งใกล้ๆ คนมีอายุที่ยกมือขึ้นลูบหัวทันทีที่นั่งลง
...เหมือนมีไออุ่นบางอย่างแผ่ซ่านอยู่กับฝ่ามือที่มีรอยเหี่ยวย่น..
“เอามาให้ฉันใช่ไหม...น่ากินจัง..”
“ครับ ซอ..เอ่อ ผมชิมไปแล้ว อร่อยมากเลยก็เลยตัดมาให้ท่าน กับคุณโอด้วย..”
“งั้นเหรอ เรียกแทนตัวเองว่าซอ ดูสนิทกว่าไหม.”
“ครับ..นี่ครับ..” ผมเลื่อนจานเค้กส้มมาวางไว้หน้าเจ้าสัว อีกฝ่ายยิ้มก่อนจะตักเข้าปาก...แล้วหันมายิ้มให้อย่างอ่อนโยน...ผมชอบจัง...รอยยิ้มของคนที่พึ่งรู้จักกัน แต่ทำไมเหมือนกับว่ารู้จักกันมาแสนนาน ทำให้ผมพลอยยิ้มไปด้วย...และพาลอุ่นในหัวใจ...เพราะไม่เคยได้รับความรู้สึกพวกนี้ทำให้จู่ ๆ น้ำตาก็คลอขึ้นมา...
“งั้นลองชิมอีกสิ อร่อยจริงๆ ด้วย”
“................” อ้าปากรับเค้กคำพอดีเข้าปาก จากคนที่ทานก่อนตักขึ้นมาจ่อตรงหน้าผม....มืออีกข้างที่ว่างก็ลูบหัวผมไปมา....คำเค้กเข้าปากละเลียดรสชาติอย่างเชื่องช้าพร้อมกับก้อนบางอย่างที่จ่อจุกเป็นสัญญาณว่าจะมีบางอย่างตามมา...
“..ร้องจนตาบวมแล้ว...เลิกร้องเถอะ...อยู่กับฉันไม่ต้องร้อง...”
“..อึก..ขอโทษ..ครับ.” กลั้นน้ำตาอย่างยากลำบาก...ความรู้สึกอบอุ่นจะดีแค่ไหน ถ้าคนที่ปฏิบัติกับผม....เป็นคุณพ่อ...ยิ่งเจอ ยิ่งรู้ว่าตัวเองโหยหาความรักพวกนี้มากมายแค่ไหน...และนั่นก็คงเป็นสาเหตุที่ทำให้ผมต้องอ่อนแอขนาดนี้...
“เอ้า ๆ ร้องใหญ่เลย ดูสิโอ..นี่ถ้าแม่แกยังอยู่ก็ได้ปลอบกันยาวแน่ ๆ...”
“..................” รู้สึกอายเลยรีบกลั้นสะอื้นแล้วเช็ดน้ำตา เงยหน้ามองคนที่เดินมานั่งลงตรงหน้า ตักเค้กเข้าปากแล้วก็แค่ยกยิ้มกับคำพูดพ่อตัวเอง...
“เอ้า ไหน ๆ ลองกอดกันดีไหม...”
“ คือ ซอไม่..”
“เอาเถอะน่า ฉันไม่ได้ล่วงเกินอะไรหรอก...ถือซะว่ากอดคนแก่คนนึงก็ได้..มาสิ”
“..ฮึก..ขอบ คุณครับ..” บ่อน้ำตาตื้นเกินไปเวลาได้รับไออุ่นจากใครแบบนี้...ยิ่งคน ๆ นี้อายุรุ่นราวคราวเดียวกับคุณพ่อ...ไม่ยากเลยที่จะร้องออกมาอีกเมื่อยอมที่จะเข้าไปอยู่ในอ้อมกอดของคนที่อ้ารับ...ถึงจะน่าอายที่อีกคนมองอยู่...แต่ก็ต้านทานความโหยหาในหัวใจตัวเองไม่ได้...
...ไม่เคยได้รับ...และไม่คิดว่าชาตินี้ คงจะไม่ได้รับความอบอุ่นเหล่านี้จากคนที่ขึ้นชื่อว่า..พ่อ...
***************************************************************
สาย ๆ ของอีกวัน ก็ต้องร่ำลาเจ้าสัวอดุลย์กลับไปที่สวน...หนังสือกล้วยไม้สองเล่มที่วางอยู่บนโต๊ะ ตอนนี้ก็อยู่ในกระเป๋าผมเรียบร้อยแล้ว...ไม่น่าเชื่อว่าเจ้าสัวจะดีกับผมขนาดนี้...ขากลับผมก็เอาแต่นอนหลับเพราะเรื่องที่เจอคุณพ่อทำให้นอนไม่หลับในคืนนั้น...ตื่นอีกทีก็ตอนถูกปลุกให้ลงไปทานข้าว พี่ชัชที่ตามคุณโอมาด้วยบอกว่านัดคุณอาทิตย์ไว้ที่ร้านอาหาร เพื่อจะได้ไปที่สวนด้วยกัน...เห็นบัวกำลังเก็บเสื้อแขนยาวลงกระเป๋าเพราะแอร์ในรถเย็น..ต้องเอาออกมาห่ม..
“ลงเถอะค่ะคุณน้อง..ท้องบัวร้องจ๊อกๆ เลย..”
“อืม..” ตอบรับในลำคอ ก่อนจะก้าวลงจากรถก่อนพี่ชัชจะปิดประตู มองคนที่เดินออกก่อน..พึ่งสังเกตว่า...คุณโอใส่นาฬิกาที่ผม
ซื้อให้เป็นของขวัญวันเกิดด้วย...แต่ว่าอาจจะมีอยู่แล้วรึเปล่า...
“ของคุณซอนั่นแหละครับ”
“..ครับ..” เหมือนพี่ชัชจะรู้เมื่อผมมองและแอบเอนหัวมองข้อมือคนที่เดินเข้าร้านไปก่อนตามสไตล์พวกไม่เคยรอใคร...เงยหน้ายิ้มให้พี่ชัชก่อนจะรีบเดินตามเข้าไปในร้าน...นึกว่าจะไม่สนใจซะอีก...
“สวัสดีครับคุณอาทิตย์”
“อ้าว มาพอดี กำลังสั่งอาหารเลยครับ สวัสดีครับคุณโอ แล้ว คุณซอ...ไม่คิดว่าจะเจอ..” ผมยิ้มทักทายคุณอาทิตย์ อีกฝ่ายดูแปลกใจที่ได้พบผม กำลังจะหันไปหาบัวก็เห็นไปจับจองที่นั่งกับพี่ชัชเรียบร้อยแล้ว...พร้อมกับส่งสัญญาณว่าเธอจะนั่งตรงนั้น ผมเลยจำเป็นต้องนั่งลงข้างๆ คุณโอที่นั่งตรงข้ามกับคุณอาทิตย์...
“ไปธุระกันมาเหรอครับ”
“ครับพอดีมีธุระที่ผมกับซอต้องทำด้วยกัน...แต่ว่าขอบคุณคุณอาทิตย์มากที่อุตส่าห์สละเวลาให้สวนของเรา..ทั้งที่คิวเต็มขนาดนี้..”
“ครับยินดี...แล้วคุณซอสบายดีใช่ไหมครับ..”
“ครับ.. สบายดี....” ตอบไปอ้อมแอ้ม..หลังจากที่มือผมที่วางหน้าขาตัวเอง ถูกมือปริศนา แต่ผมก็พอจะเดาถูกว่าใคร...ถ้าไม่ใช่คนที่นั่งใกล้กัน เพราะผ้าคลุมโต๊ะสีหวานที่คลุมอยู่ ทำให้ผมรู้และสัมผัสได้เพียงแค่คนเดียว...มือหนาวางบนมือผมพร้อมกับบีบเบา ๆ หลังจากที่คุณอาทิตย์จงใจส่งยิ้มและถามผม...
“แล้วกล้วยไม้ที่ผมให้ไปเป็นยังไงบ้างครับ”
“ก็สวยครับ ผมชอบ..” หันมองเสี้ยวหน้าคนที่ยังมองไปด้านหน้าเหมือนกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น มือหนานั่นจงใจบีบมือผมแรงขึ้นตรงคำพูดผมที่บอกว่าชอบกล้วยไม้ ตกลงจะไม่ให้ผมคุยกับคุณอาทิตย์ใช่ไหม...
“...อาหารมาพอดี..มดเยอะนะครับแถวนี้...”
“...ครับ..มดคันไฟด้วย...” ผมจงใจพูดยอกย้อนคำพูดของอีกคนหลังจากที่หยิกหลังมือหนานั่นกลับไปเพราะความหมั่นไส้...แม้กระทั่งพูดก็จะมาจำกัดสิทธิกันด้วยรึไง...
“เหรอครับ ให้ทางร้านมาดูไหมครับ!”
“ไม่ต้องหรอกครับมีอยู่ตัวเดียว”
“...............” คุณโอหันมามองหน้าผมทันทีที่ผมบอกคุณอาทิตย์.. พยายามดึงมือตัวเองออก แต่สุดท้ายมือหนานั่นก็คว้าไปบีบไว้เหมือนเดิม..เอาสิจะจับไว้อย่างนี้ตลอดการกินก็ตามใจ...คุณอาทิตย์ดูจะงงๆ แต่ก็ไม่พูดอะไร กรอปกับอาหารกำลังถูกทยอยมาวางบนโต๊ะ พร้อมกับของอีกสองคนที่นั่งโต๊ะข้างๆ เลยต้องจัดจานจัดช้อน...
“..ผมขอตัวไปห้องน้ำครับ..”
“ผมขอตัวด้วยครับ..” อยากจะนั่งลงเหมือนเดิมหลังจากที่ลุกขึ้นแล้วอีกคนก็ลุกตาม...คงจะมีอะไรไปเคลียร์กับผมอีกแน่ ๆ ...
“ดูคุณสดชื่นขึ้นะ”
“.................” ชักจะกวนโมโหขึ้นมาอีกแล้วหลังจากเมื่อวานอุตส่าห์มองว่าก็เป็นคนดีเหมือนกัน...หรือว่าการปลอบหรือท่าทางอบอุ่นนั่นจะเป็นการแสดง...เสียงทุ้มดังขึ้นหลังจากที่มายืนล้างมือข้างผม..รีบล้างรีบเช็ดอย่างเร็วที่สุดเพราะไม่อยากอยู่ในเหตุการณ์อยางนี้นาน ๆ
"เดี๋ยวก่อน!”
“คุณโอ!” ร่างผมถลากลับทันทีที่อีกฝ่ายรั้งข้อมือไว้... ใจคอจะอะไรนักหนา...
“ชอบเหรอ ดีใจสินะที่จะได้เจอกันบ่อยๆ”
“คุณโอครับ!..หยุดคิดอกุศลซักที..ผมไม่ได้คิดอะไรกับคุณอาทิตย์ทั้งนั้น!” ดีที่ตอนนี้ไม่มีคนในห้องน้ำไม่งั้นก็คงได้ซุบซิบกัน
แน่ ๆ เพราะท่าทางขึงขังและใบหน้าที่ยื่นเข้ามาจนใกล้ผม...ใบหน้าหล่อเคร่งเขม็งขึ้นมาทันที...
“เหรอ ไมได้คิดอะไรทั้งที่ก่อนหน้านี้ซึมกะทือเวลาอยู่กับผม แต่พอเจอคุณอาทิตย์สีหน้าก็สดชื่น..เป็นกระดี่ได้น้ำขึ้นมาทันที..”
“.............” หมดทุกคำพูดที่จะพูดจริงๆ ผมย่นคิ้วทำสีหน้าหงุดหงิดเล็ก ๆ ใส่คนตรงหน้าที่คิดอะไรออกมาได้แบบที่ผมยังไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าแสดงท่าทางแบบนั้นไปตอนไหน..แล้วเรื่องอะไรมาจ้องจับผิดกันขนาดนี้...
“จะให้ผมลงโทษคุณยังไง!”
“ลงโทษ?” ลงโทษอะไร ผมทำอะไรผิด...ผมงงกับคนที่อารมณ์ขึ้นๆ ลง ๆ บางครั้งก็ดูเป็นผู้ใหญ่ บางครั้งก็ทำตัวไม่มีเหตุผล อย่างตอนนี้...หันมองหน้าคนที่ยอมปล่อยมือแต่ก็ใช้แขนทั้งสองข้างยันกำแพงกักขังผมไว้...
“โทษฐานที่ทำให้ผมไม่พอใจ..”
“..มันจะเยอะเกินไปแล้วนะครับ..ผมไมได้ทำอะไรผิดเลย..” พยายามใจเย็นและพูดกันด้วยเหตุผล..เพราะรู้ตัวว่าขืนพูดอะไรแรง ๆ ก็มีแต่ผมนี่แหละที่จะเจ็บเปล่า ๆ
“ ผมคิดเองว่าจะทำยังไง “
“ คุณ โอ คือ อุ!”
“..อืม...” เรียวปากหนากดจูบลงมาที่ปากผมอย่างเร็วจนไม่ได้ตั้งตัว...จะดิ้นหนีแต่ก็ไม่ทันมือหนาทั้งสองข้างที่รั้งเอวผมเข้าหาตัวเองพร้อมกับอีกข้างที่กดท้ายทอยผมให้แหงนรับจูบได้มากขึ้น....ลิ้นร้อนรุกเข้าอย่างเร็วจนไม่ได้ตั้งตัว...ในหัวตอนนี้วูบวาบมึนเบลอจนคิดอะไรไม่ออก...ไม่คิดแม้กระทั่งว่าใครจะเข้ามาเจอ...
“ฮึก ฮาส์~!”
“ ผมบอกแล้วไงว่าอย่าทำให้ผมไม่พอใจ อย่าทำในสิ่งที่ผมไม่ชอบ...จุ๊บ!..”
“คุ คุณ โอ อยะ” ขาอ่อนแรงจนอีกคนตั้งรั้งเอวไว้เหมือนครั้งที่อยู่ในห้องน้ำ...หายใจไม่ทัน...ทั้งที่รู้สึกแปลก ๆ กับจูบที่ได้รับ แต่การหายใจติดขัดก็ฉุดอารมณ์ผมให้เข้าสู่ความจริงได้ในไม่ช้า...รีบโกยอากาศเข้าปอดทันทีที่ถอนจูบ...คุณโอก้มกัดที่คอผมเบา ๆ แต่ก็ทำให้สะดุ้งเพราะมันทำให้เจ็บแปลบได้จนต้องร้องออกมา...
...ทำไมต้องถูกทำอย่างนี้ด้วย...ผมไม่เข้าใจอะไรซักอย่างว่าทำทำไม หรือสะใจที่เห็นผมถูกปั่นหัว...ไม่ว่าจะแสดงท่าทีสับไปมาแค่ไหน...สุดท้ายแล้วความร้ายกาจคือสิ่งที่เป็น....
“ออกไปเถอะ...”
“................” สูดลมหายใจเข้าจนลึก ก่อนจะเดินตามตามคนที่เปิดประตูออกไปก่อน....มือยังสั่นอยู่เลยกับจูบเมื่อครู่...ใกล้จนเกินไป จนลืมว่าก่อนหน้านี้เคยกลัวสัมผัสจากผู้ชายคนนี้แค่ไหน...
ตลอดเวลาที่นั่งทานข้าวดูเหมือนว่าคุณอาทิตย์จะเงียบไป หลังจากนั้นก็เอาแต่คุยเรื่องงานกับคุณโอและส่งยิ้มให้ผมเป็นบางที แต่ทำไมถึงได้ทำสีหน้าแปลก ๆ เหมือน...กำลังเศร้า...ถึงจะมองมาที่ผมเป็นระยะ ๆ ตามมารยาทก็ตาม...
“อิ่มไหมบัว”
“อิ่มค่ะ อร่อยมาก” ผมคุยกับบัวหลังจากที่เข้ามาเดินในมินิมาร์ทที่อยู่ข้างๆ ร้านอาหาร...ทั้งสามคนอัดบุหรี่กันอยู่ด้านนอก...ยังหงุดหงิดที่ผมยังไม่ได้กระเป๋าตังค์คืน แต่ก็ยังไม่กล้าทวงดีที่มีสำรองไว้ในกระเป๋ากางเกงอยู่แล้ว...
“อืม ก็อร่อยดี..”
“คุณน้องคะ”
“หืม อะไรเหรอ” ผมชะงักหลังจากแหงนหน้ามองน้ำส้มที่วางอยู่ชั้นบนสุดของตู้แช่..ก่อนจะหันมามองบัวที่เรียกผมไว้เหมือนมี
อะไรจะพูด..
“รอยแดง ๆ ที่คอนั่นโดนอะไรกัดมาคะ?”
***

ขอบคุณที่ร้องขอเอ็นซีกันเน้อ แต่มันก็ต้องมีเหตุก่อนสิ มาถึงจะโจ๊ะพรึ่มพรึมกันเลยก็ใช่ที่ ใครหื่น? ไม่นานเกินรอจ้า 555 มองพี่โอเราดีขึ้นบ้างรึยังนะ นิดนึงก็ยังดี พ่อคนหลายบุคลิกก็งี้...ยังไงก็ขอบคุณทุกคนที่ชอบเรื่องนี้ค่ะ..ขอโทษด้วยที่มาช้าน้า มีงานต้องเคลียร์จร้า