- - OMG! โคตรเศร้า..รักเขาผมต้องทน - - ตอนที่12 (40%) P.5 >Up.13/04/14<
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: - - OMG! โคตรเศร้า..รักเขาผมต้องทน - - ตอนที่12 (40%) P.5 >Up.13/04/14<  (อ่าน 43733 ครั้ง)

ออฟไลน์ senty

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 115
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0
สงสารเพทาย. ความจริงสงสารทั้งคู่
เนื้อเรื่องสมกับชื่อเรื่องจริงๆ แหละ  อ่านไปแล้วรู้สึกหน่วงๆ

ออฟไลน์ hembetaro

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1122
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +112/-1
 :sad4: :sad4:

หน่วงตลอดๆ อ่ะ

ออฟไลน์ sukaz

  • I Will Love You Unconditionally
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1431
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-3

tuktik_narak

  • บุคคลทั่วไป


ตอนที่5

   เวอร์มุธ พาร์ท

   ผมเก็บของกำลังจะกลับบ้าน วันนี้เลิกคลาสเร็วกว่าปกติถึงสิบนาทีเพราะมีคนที่รอผมอยู่ให้ผมต้องรีบไปรับ

   มือสาละวนกับการเก็บของตั้งใจว่าวันนี้จะพาเพทายไปกินของที่มันชอบ ‘ปูนึ่ง’ เล็งไว้แล้วร้านอาหารทะเลในกรุงเทพที่อร่อยๆถึงไม่ได้ไปในจังหวัดที่ติดทะเลอย่างชลบุรีหรือระยอง แต่ร้านนี้ก็พอไหว

   หลังจากเหตุการณ์คราวนั้นผมก็บอกตัวเองไว้เสมอว่าอย่าทำให้มันต้องป่วยอีก ยิ่งเห็นมันเจ็บผมก็ยิ่งเจ็บกว่า โดยเฉพาะสาเหตุนั้นมาจากผม ผมก็ยิ่งรู้สึกผิด

   ประมาณเกือบๆสองอาทิตย์ที่ผ่านมาตั้งแต่มันออกจากโรงพยาบาล ผมดูแลมันอย่างดีเรียกว่าแทบจะอุ้มมันเดินพาไปส่งยังที่ต่างๆที่มันต้องการจะไป จนมันต้องออกปากห้ามว่าให้ผมกลับมาเป็นปกติ แต่นั้นผมเต็มใจที่จะทำให้มันนะครับ

   จนมันพูดว่าผมกำลังปิดบังอะไรมันหรือเปล่า ผมสะดุ้งเหมือนคนมีคดีติดตัว แน่นอนว่าผมปฏิเสธ

   ผมไม่อยากให้มันรู้

   ผมเห็นว่าสายตามันหม่นลงแต่ก็ฝืนยิ้มกว้างแล้วพูดคำเดิมที่มันพูดเป็นประจำคือ ‘ผมเชื่อใจพี่นะ’ ผมได้ฟังประโยคนั้นยิ่งรู้สึกผิดเหมือนผมเป็นคนที่กำลังทำลายความรักของมันให้แหลกคามือไปเรื่อยๆ ทั้งๆที่ผมก็ยังรู้สึกกับมันเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง ไม่เคยมีใครแทนมันได้ บนโลกใบนี้ไม่มีอีกแล้ว

   แต่...จะให้บอกมันได้ยังไงว่าสองวันหลังจากมันออกจากโรงพยาบาล ผมได้รับคำสั่งจากบุพการีให้ไปเป็นเพื่อนน้องศศิคนที่ผู้ใหญ่เขาหมายมั่นปั้นมือว่าจะให้ผมแต่งงานด้วยไปซื้อของเพื่อนำไปใช้ในการเรียน ทีแรกผมปฏิเสธเพราะไม่ได้สนิทถึงขนาดจะไปรับไปส่ง พาไปซื้อของกันสองคน แต่ม๊าผมเขาบอกเหตุผลมาว่าถ้าผมไม่เปิดใจลองคุยดูแล้วถึงวันที่ต้องหมั้นและแต่งงานผมกับน้องจะสนิทกันได้อย่างไร

   ผมอยากเถียง ว่าผมไม่อยากแต่ง

   แต่ทว่า...มันไม่ได้อย่างที่ใจผมนึกนี่ครับ ผมรู้ว่าสุดท้ายยังไงผมก็ต้องทำตามคำที่ป๊ากับม๊าผมเขาต้องการ ผมยอมสละเวลาของตัวเองหนึ่งวันแล้วพาน้องศศิไป โดยแลกกับความรู้สึกผิดในใจเมื่อกลับไปที่คอนโดแล้วเห็นมันนั่งรอผมเพื่อกินข้าวด้วยกัน ถึงแม้ว่าผมจะอิ่มแต่ผมก็กินจนหมดเกลี้ยง

   ผมคิดว่านั่นคือการโทษให้ตัวเองไม่รู้สึกผิดไปมากกว่านี้ แต่เปล่าเลยยิ่งเห็นมันยิ้มผมยิ่งเสียใจ ผมทดแทนความเชื่อใจของมันด้วยการดูแลมันให้ดีที่สุด ผมไม่รู้ว่าในอนาคตผมกับมันจะได้อยู่ด้วยกันตลอดไปหรือเปล่า หรือจะอยู่ด้วยกันไปอีกนานแค่ไหน แต่ผมบอกกับตัวเองไว้แล้วว่าก่อนที่จะถึงวันที่ผมกับมันต้องแยกทางผมจะดูแลมันให้เป็นอย่างดี

   ถึงแม้ว่าผมจะไม่เคยทำได้อย่างที่ใจคิดเลยสักครั้งก็ตาม

   RRRrrrr

   คิดไปพลางเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น ตอนแรกคิดว่าเป็นเพทายโทรตามแต่ผิดคลาด

   ‘ม๊า’

   ทุกครั้งที่ชื่อม๊าหรือป๊าโทรมา ผมจะสูญเสียความมั่นใจของตัวเองไปทุกครั้ง ยิ่งในเวลาที่ผมมีนัดกับเพทายแบบนี้ใจผมยิ่งหวิวรู้สึกได้ในใจเลยว่าวันนี้ผมคงทำให้มันเสียใจอีกแล้ว

   ม๊าโทรหาผมไม่บ่อยหรอกยิ่งผมออกมาอยู่ข้างนอก มีงานทำเป็นของตัวเองด้วยยิ่งแล้วใหญ่จะโทรมาเพราะธุระสำคัญหรือไม่ก็โทรมาตามให้กลับบ้านเพราะมีเรื่องด่วน

   “ครับม๊า” ผมรับสาย ในใจกลับร้อนรุ่มบอกไม่ถูก

   “วันนี้กลับบ้านนะ” นั่นไงเขาโทรมาตามผมจริงๆ

   “มีอะไรหรือเปล่าครับ พอดีผมไม่ค่อยวะ.....” กำลังจะปฏิเสธว่าไม่ค่อยว่างแต่อีกฝ่ายกลับพูดขัดขึ้นมาเสียก่อน

   “วันนี้ครอบครัวหนูศศิเขามาทานข้าวบ้านเรา มุธกลับบ้านนะลูก” เสียใจดีของคนเป็นมารดาอ้อนซะขนาดนี้ แล้วผมจะปฏิเสธยังไง แต่ใช่ว่าผมอยากไปนะครับ ไม่เลยในเมื่อผมอยากทานข้าวกับอีกคนที่นั่งรอผมอยู่ด้านนอกมากกว่า

   “ม๊า พอดีวันนี้ผมคงไปไม่ได้” ผมกลั้นใจพูดออกไป

   “เหรอ เดี๋ยวนะ คุณคะลูกบอกว่าวันนี้มาไม่ได้น่ะค่ะ” ปลายประโยคผมคิดว่าม๊าน่าจะหันไปพูดกับใครบางคนถ้าให้ผมเดาก็เป็นป๊าผมนั่นแหละ

   “ไหนมาคุยสิ” ไม่นานป๊าผมก็ส่งเสียงทักมา

   “ไม่ว่างเหรอ”

   “ครับป๊า” ผมยืนกำโทรศัพท์แน่น ใจไม่ค่อยอยู่กับเนื้อกับตัวแล้วตอนนี้ ทำไมทุกครั้งที่ผมให้มันรอคนที่บ้านผมถึงต้องมีธุระเรียกให้กลับบ้านทุกทีไป

   “งั้นไม่เป็นไร เดี๋ยวป๊าคุยเรื่องแกไปพลางๆก่อนก็ได้ รอแกว่างค่อยมาคุยเรื่องวันกันอีกที”

   วัน? คำพูดของป๊าทำให้ผมสงสัย วันอะไร เรื่องของผมที่ว่าน่ะมันคือเรื่องอะไร

   ไม่ต้องรอให้ความสงสัยผมมันอยู่ในใจนานผมถามออกไปทันทีครับ “เรื่องอะไรครับป๊า”

   “ฮ่าๆๆ”

   ป๊าผมไม่ตอบแต่หัวเราะเหมือนคนมีความสุข

   “มุธ” เสียงม๊าผม ผมกัดฟันลางร้ายเริ่มลอยเข้ามาเกาะกุมหัวใจ

   “บอกผมเดี๋ยวนี้นะครับ” ผมทำเสียงเย็น ความหงุดหงิดเล็กๆเริ่มเกิดขึ้น

   “ก็วันหมั้นไง วันนี้ป๊าเขาเชิญครอบครัวหนูศศิมาทานข้าวที่บ้านเพื่อคุยกันเรื่องนี้”

   !!!!!

   ทันทีที่ผมได้ยินผมก็เหมือนถูกฟ้าผ่าลงมากลางหัวดังเปรี๊ยงสามทีติดๆ คิดไว้อยู่แล้วว่าต้องมีสักวันที่ผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายคงมาเจรจากัน แต่ผมไม่คิดว่าจะเป็นวันที่ผมกับเพทายเพิ่งจะเข้าใจกันได้ไม่นาน

   และผมคิดว่าเรื่องนี้เพทายคงไม่เข้าใจผมเหมือนเรื่องอื่นๆที่ผ่านมาแน่นอน

   “เร็วไปหรือเปล่า น้องเพิ่งอยู่ปีหนึ่.....”

   “อย่าพูดมากน่าก็ถ้าแกไม่กลับมา ป๊าก็จะกำหนดวันตามใจชอบเลย…..ติ๊ด!”

   ป๊าผมแย่งโทรศัพท์ไปพูดก่อนจะกดตัดสายผมอย่างเร็ว เป็นการมัดมือชกว่ายังไงซะผมต้องกลับไปแน่ เพราะถ้าผมไม่ไปก็เหมือนเป็นการตกลงการกระทำของป๊าอย่างดี

   “โธ่เว๊ย!!”

   ผมทรุดนั่งที่เก้าอี้ทำงาน เครียดจนหัวจะแตก นวดขมับยังไงก็ไม่หายผมคิดว่าถ้าผมไม่กลับไปบ้าน ป๊าเอาจริงแน่ป๊าต้องนึกวันขึ้นมาเลือกวันเวลาที่เร็วที่สุดและนั่นก็จะยิ่งทำให้เวลาของผมเหลือน้อยลงไปทุกที

   แต่ถ้าผมไปสัญญาของผมกับเพทายในวันนี้ก็คงต้องยุติลง เป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วไม่รู้ที่ผมต้องยกเลิกนัดเพียงเพราะต้องกลับไปจัดการปัญหาของตัวเองที่ถูกคนในครอบครัวยัดเยียดมาให้

   ถ้าผมมีสำนึกของลูกอกตัญญู ผมจะพาเพทายหนีไปที่ไกลแสนไกล

   แต่ผมทำไม่ได้

   นั่งจมอยู่กับความคิดของตัวเองก่อนจะเลือกส่งข้อความไปหาเพทาย

   ‘ขอโทษทีนะเพทายวันนี้พี่ต้องรีบกลับบ้านด่วน’

   ผมอ่านมันแล้วอ่านอีก กดลบทิ้งไปหลายครั้งแต่สุดท้ายผมก็เลือกที่จะส่ง ผมคิดว่าบางทีผมต้องตัดสินใจทำอะไรให้เด็ดขาด ผมคิดว่าการกลับไปบ้านครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้ายที่ผมจะกลับไปเพราะเรื่องการจับคลุมถุงชนของผมกับเด็กหญิงที่ม๊าผมหามาให้

   ผมคิดว่าผมจะไปบอกเรื่องที่ผมคบกับเพทายให้ครอบครัวได้รู้

   ก็ถ้าผมจะต้องกลายเป็นลูกที่เลว เป็นพี่ที่ทำให้น้องๆต้องผิดหวังผมก็จะแบกรับไว้คนเดียว

   “พี่ขอโทษ แต่คราวนี้ห้ามนั่งตากฝนอีกนะ เดี๋ยวเจอกันที่คอนโดตอนค่ำๆ”


   ผมส่งไปอีกครั้ง ย้ำเพื่อไม่ให้มันนั่งรอจนตัวเองต้องป่วยอีกรอบ คราวนี้ผมคิดแล้วว่าผมจะทำเพื่อมันบ้าง ขอแค่มันรอผมถึงวันพรุ่งนี้

   ติ๊ดๆ

   ‘ขับรถดีๆนะครับ’

   มันส่งกลับมา ผมฝืนยิ้มไม่รู้ว่าเจ้าของประโยคมันอยู่ในอารมณ์ไหน แต่ตอนนี้ผมมีเรื่องด่วนกว่าให้ต้องไปจัดการ

   RRrrrr

   “ว่าไงลูก”

   “ม๊าครับ ผมจะกลับบ้านและผมมีเรื่องจะบอกนะครับ”

   “เหรอ กลับมาๆ ป๊าเราเขาก็อยากจะคุยเหมือนกัน”

   “ม๊าครับ” ผมเรียกอยากจะพูดอะไรสักหน่อยก่อนวางสาย

   “หืม”

   “ป๊ากับม๊าคาดหวังตัวผมมากใช่หรือเปล่า”

   อีกฝ่ายเงียบเสียง ผมกำโทรศัพท์แน่นรอฟังอยากได้ยินคำตอบว่า ‘เปล่า’ ‘ไม่ใช่’ แต่ไม่รู้เหมือนกันครับว่าผมหวังมากไปไหม

   “ลูกน่าจะรู้นะว่าป๊าคาดหวังให้มุธเดินตามทางที่ป๊าขีดไว้ตั้งแต่มุธลืมตาดูโลกด้วยซ้ำ ป๊ากับม๊ารักลูกนะและหวังว่าเราจะเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้กับลูก” ผมขบกรามก้มหน้าให้กับประโยคของม๊าผม

   “แต่ลูกรู้ไหมนอกเหนือจากเส้นทางที่ป๊าเขาวาดไว้ให้ลูกเดินตามแล้วนั้น ป๊าเขาต้องการอะไรอีก” ม๊าถามต่อเมื่อเห็นผมเงียบ ผมส่ายหน้าก่อนจะส่งเสียงตอบกลับไป

   “ไม่ทราบครับ”

   “เห็นลูกทุกคนมีความสุขยังไงล่ะ” ผมนิ่งอึ้งหรือบางทีผมอาจจะพอมีความหวังในการเจรจาเรื่องเพทายครั้งนี้

   “ม๊าครับผมจะรีบกลับบ้านนะครับ”

   ผมกดวางสายตัดสินใจแล้วว่าถ้าผมไม่ยอมทำอะไรสักอย่าง สุดท้ายคนที่เสียใจก็คือผมเอง ผมควรกล้าที่จะพูดมากกว่านี้ถึงแม้ว่าสุดท้ายป๊ากับม๊าผมเขาเกิดรับไม่ได้ก็เถอะ แต่อย่างน้อยผมก็ยังได้บอกท่านว่าผมมีคนที่ผมรักอยู่แล้ว

   ผมรักเขามาก....และขาดเขาไม่ได้

   ในเมื่อคำพูดสุดท้ายของม๊าผมเมื่อสักครู่มันก็ดูพอจะมีความหวังอยู่บ้างแล้วผมจะยังต้องกลัวอะไรอีก ผมควรฉีกกรอบทุกอย่างแล้วลองวาดเส้นทางเล็กๆของตัวเองสักที

   คิดได้ดังนั้นผมคว้าของแล้วรีบตรงดิ่งไปที่รถ ใจผมตอนนี้ถึงบ้านแล้วปลอบใจตัวเองว่าต่อให้วันนี้จะเกิดอะไรขึ้นก็ตามผมจะไม่หนีอีกแล้ว




NEXT 55%



นักเขียนขอเม้าาา

มาแล้วฮับ เรื่อยๆเนอะ


แฟนเพจจ้า

https://www.facebook.com/nanznnyaoi

 :katai4: :katai4: :katai2-1: :katai2-1: :hao5: :hao6: :hao7: :mew1: :mew2:



ออฟไลน์ snowboxs

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5445
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-7
ต้องอดทนกับความรักมากมายเลยนะเพทาย

@Lucifer_Prince@

  • บุคคลทั่วไป
ให้มันได้จริงๆนะพี่มุธไม่ใช่แค่คิด  ทำด้วยนะพี่มุธ  อิทายจะได้มีความสุขซะที  โอกาสมาแล้วก็อย่าปล่อยให้มันพลาดไป  แต่อิครอบครัวนี้ก็ไม่มีคนสืบสกุล  ฮาาาาาา  ไม่เป็นไรถ้าลูกมีความสุขพ่อแม่ก็มีความสุขนะพี่มุธ  เป็นกำลังใจให้พี่แนนคนสวย^^

ออฟไลน์ hembetaro

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1122
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +112/-1
 :m16: :m16:

พี่มุธกล้าๆหน่อย ป๊ากับม๊าอาจเห็นความสุขของลูกสำคัญกว่าก็ได้นะ คนเราถ้าไม่เอ่ยปากร้องขอก็คงไม่มีใครหยิบยื่นความสุขมาส่งให้หรอกนะ เราต้องดิ้นรนด้วยตัวเราเองก่อนนะฮับ

ออฟไลน์ Eternal luv

  • ชะตาฟ้าลิขิต แต่ชีวิตนะ...ของกรู
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 361
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-1
สงสารเพทายจังที่ได้ ผู้ชายอย่าพี่มูธเปนแฟน :hao4:
อยากจะเชียร์ให้มีแฟนใหม่ แต่ทายคงไม่ยอม

เอ่อคือ คำว่า "มัน" กับ "พี่มัน"เยอะมากอะ
เวลาอ่านแล้วแปลกๆ อะ

ออฟไลน์ sukaz

  • I Will Love You Unconditionally
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1431
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-3
จะได้หร๊อออออ
 :mew5: :mew5: :katai1: :katai1:

ออฟไลน์ koikoi

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3861
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +311/-13
สงสารเพทายเวอมุธเห็นแก่ตัวอ่ะทำอะไรเพื่อน้องไม่ได้เลย

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






tuktik_narak

  • บุคคลทั่วไป

ต่อจ้าาา


RRRrrrr

   “ฮัลโหลครับ” เจ้าเก่าเจ้าเดิมเพื่อนสนิทของเพทายคนที่ผมไว้ใจให้มันดูแลเพทายนอกจากผม

   “อยู่ไหน” ผมถามสั้นๆ ขาก็ก้าวยาวๆไปที่รถด้วยความเร่งรีบกลัวว่าถ้าช้าแม้แต่วินาทีจะทำให้เรื่องมันไปกันใหญ่

   ป๊าผมชอบทำอะไรตามใจตัวเองอยู่ด้วย

   “ในโรงหนังครับ” เสียงมันกระซิบเบาลงกว่าเดิมได้ยินเสียงระเบิดดังตู้มต้ามเล็ดลอดมาตามสาย นี่อย่าบอกนะว่ามันไปดูหนังบู๊กับสาว

   “อ้อ เหรอ คือ...” ผมพูดไม่ออกครั้งนี้ไอ้ซันมันไม่ว่างแล้วผมก็ไม่กล้าพอที่จะให้คนที่กำลังเดทกับสาวไปรับแฟนตัวเอง

   “เฮ้อ...นี่พี่ทิ้งไอ้ทายไว้อีกแล้วใช่ไหม” มันถามกลับฟังรู้เลยว่าน้ำเสียงติดไม่พอใจ ผมก็ไม่โทษมันหรอกที่บางครั้งชอบทำตัวก้าวร้าว เพราะรู้ดีว่ามันโมโหทุกเรื่องที่เป็นเรื่องของเพทาย

   “ไม่ได้ทิ้ง แต่ฉันมีเรื่องต้องรีบกลับไปสะสาง” พอดีกับที่ผมถึงรถตัวเอง

   ผมจัดที่ทางให้เหมาะเปลี่ยนมาสวมเฮดโฟนแทนการจับโทรศัพท์แล้วขับด้วยมือเดียว ผมเหยียบคันเร่งเท่าที่จะเร็วได้ ใจมันร้อนรุ่มเหมือนร่างกำลังจะระเบิด

   “ครับๆ ผมรู้ว่าพี่มันคนธุระเยอะเดี๋ยวผมไปรับมันเอง” มันว่าอย่างหน่ายๆ ผมถอนหายใจรู้สึกเหนื่อยล้าทั้งร่างกายและสมอง เหมือนว่าผมทำอะไรก็ดูไม่ถูกไม่สมควรไปซะทุกอย่าง บางทีผมอาจจะไม่ใช่คนดีอะไรมากมายเหมือนที่คนส่วนใหญ่เขาเข้าใจกัน

   ผมคงแย่มากเหมือนที่ไอ้ซันเคยพูดไว้จริงๆ

   “อย่าเลย นายกำลังเดทอยู่ไม่ใช่หรือไง”

   “แต่ยังไงผมก็เลือกเพื่อนมากกว่าอยู่แล้ว” ตอนที่มันพูดผมถึงกับสะอึก นั่นสินะลำดับความสำคัญของไอ้ซันคงมีเพทายเป็นอันดับหนึ่งไม่ว่ามันจะทำอะไรอยู่ที่ไหนก็ตามแค่โทรบอกว่าช่วยไปรับเพทายหน่อยมันจะทิ้งธุระนั้นๆแล้วไปทันที แต่กับผมพอมาคิดๆดูแล้วไม่เคยเลย ผมไม่เคยปฏิเสธธุระที่สำคัญของบ้านผมได้เลยสักครั้ง ผมมักจะถือคติที่ว่าลูกชายคนโตที่พ่อแม่ตั้งความหวัง จนบางครั้งผมมองข้ามความสำคัญของเพทายไป บ่อยครั้งที่ผมทิ้งให้มันต้องอยู่คนเดียว

   จะว่าไปซันมันยังเป็นแฟนได้ดีกว่าผมซะอีก

   “ก็จริงพี่ผิดเอง” ผมตอบ เสียงจากฝั่งนั้นเงียบลงเหมือนมันอยู่เพียงคนเดียว เดาว่ามันคงเดินออกมาจากโรงหนังเพื่อคุยกับผมเป็นการส่วนตัว

   “ไม่หรอก ไอ้ทายต่างหากที่โง่เอง”

   จึ่ก!

   เหมือนแทงเข้าถึงหัวใจมันด่ากระทบแต่ทำไมนะผมกลับไม่โกรธ แถมยังรู้สึกเหมือนที่มันพูดมาอีกต่างหาก

   ผมเงียบครับไม่ได้ตอบอะไรก็เพราะไม่รู้ว่าสมควรจะพูดอะไรดี ยิ่งใกล้ถึงบ้านผมก็ยิ่งคิดมากผมทำถูกหรือเปล่านะ แต่ครั้งนี้ธุระของผมก็คือการทำเพื่ออนาคตของผมกับเพทายนะ ผมคิดแบบนี้แต่เหมือนจะไม่ค่อยพอใจไอ้ซันมันสักเท่าไหร่

   “เอาเถอะ เดี๋ยวผมให้ไอ้เชมันไปรับเอง มันยังไม่กลับบ้านน่ะพี่ไม่ต้องกังวลหรอก” สุดท้ายมันก็หาทางออกได้

   “ขอบคุณมากและก็ขอโทษด้วยที่พี่ดูแลเพื่อนเราไม่ดี” ผมพูดด้วยความรู้สึกจากใจจริงๆ

   ผมเคยคิดเล่นๆนะครับว่าถ้าตอนนี้ผมไม่ได้เป็นแฟนกับเพทายต่างคนต่างไม่รู้จักกัน ไอ้ซันมันต้องจีบเพทายแน่นอน ผมคิดว่าผมรู้นะผมมองออกเพียงแต่ผมไม่หึงหวงเพราะผมรู้ดีว่าไอ้ซันมันวางตัวไว้ในฐานะอะไร แล้วก็มั่นใจด้วยว่าซันมันสุภาพบุรุษพอที่จะไม่ทำอะไรแฟนผม ไม่รู้สินอกจากตัวเองแล้วก็มีมันนี่แหละที่ผมคิดจะฝากเพทายไว้ให้ดูแลถ้าเกิดวันหนึ่งผมไม่สามารถทำหน้าที่นั้นได้

   แต่มันก็ยังไม่ใช่ตอนนี้

   แต่ดูเหมือนตัวของซันเองก็ไม่อยากพูดว่ารู้สึกกับเพทายมากกว่าเพื่อน ผมก็ไม่เคยถามว่าจริงไหมบางทีเรื่องบางเรื่องก็ควรปล่อยให้เป็นความลับจะดีกว่า ผมไม่ใช่คนดีอะไรถามว่ามันดูแลเพทายได้ดีไหมตอบเลยว่ามากเผลอๆดูแลได้ดีกว่าผมเสียอีก ยิ่งมันดีมากเท่าไหร่ผมก็ยิ่งเลวไปมากเท่านั้น

   “ช่างมันเถอะ คนเรามีเหตุผลที่ต่างกันอยู่แล้ว”

   “..............” ผมเงียบไร้คำตอบใดๆ จนมันถามผมอีกคำถามหนึ่งทำเอาผมเครียดหนักกว่าเก่าคำตอบมันจุกอยู่ปาก

   “พี่จะไม่ทิ้งเพื่อนผมใช่ไหม”

   “พี่.................” ผมไม่เคยคิดจะทิ้งมันอยู่แล้วนี่คือคำตอบที่ผมคิดในใจเสมอมาตั้งแต่คบกับเพทาย ตั้งแต่ต้นที่ผมรู้ว่าตัวเองจะต้องแต่งงานผมบอกกับตัวเองเสมอว่าอย่าไปรักใครเพราะสุดท้ายผมต้องทิ้งเขาอยู่ดี ผมคบเล่นๆกับคนนับสิบผมไม่ยึดติดเพราะผมถือว่ายังไงซะอนาคตผมต้องแต่งงาน

จนได้มาเจอมันตอนแรกผมคิดว่านั่นก็เหมือนกับทุกคนความรู้สึกอยากสนุกกับของเล่นชิ้นใหม่แต่ไม่ใช่ มันทำให้ผมรักมันจนผมถอนตัวไม่ขึ้นสุดท้ายผมก็บอกกับตัวเองว่าผมไม่สามารถปล่อยมือจากมันได้ แต่....ผมจะทำอย่างนั้นได้อย่างไรในเมื่อผมสัญญากับป๊าไปแล้วว่าผมจะยอมแต่งงานในฐานะลูกคนโต และภาระนี้จะได้ไม่ต้องไปตกอยู่ที่น้องของผมอีกทั้งสองคน

และเพราะเหตุผลนี้ผมจึงไม่เคยพูดคำว่า ‘รัก’ ให้มันฟัง ผมมักจะกระซิบที่ข้างหูในเวลาที่มันหลับไปแล้ว มันคงรับรู้ได้จากการกระทำของผม ผมไม่อยากให้มันจมอยู่กับคำว่ารักที่ผมพูด ถ้าวันหนึ่งเราไม่ได้อยู่ด้วยกันมันจะได้ไม่รู้สึกขาดคำว่ารักของผมไป ถึงจะดูไร้หัวใจแต่ผมก็อยากจะบอกว่าเปล่าเลย เห็นมันเจ็บผมเองก็เจ็บกว่า

   “ว่าไงล่ะ คำถามง่ายๆพี่ตอบผมสิ”

   “พี่.....” ผมนึกสมเพชตัวเอง นั่นสินะคำถามง่ายๆ แค่เรื่องความรักผมยังตัดสินใจเองไม่ได้เลยด้วยซ้ำ ผมว่าบางทีผมก็ไม่ควรไปดูแลใคร

   “ถ้าคำตอบแค่นี้พี่ยังคิดนานผมว่า.....” มันหยุดแค่นั้น ผมขมวดคิ้วสงสัยจนต้องเอ่ยปาก

   “อะไร” ผมถามเร่งเมื่อเห็นมันเงียบไม่พูดต่อ

   “พี่ยกมันให้ผมได้ไหม...ผมคิดว่าผมดูแลมันได้ดีกว่าพี่นะพี่มุธ”

   ผมอึ้งเหมือนโดนหมัดหนักๆกระแทกเข้าที่ใบหน้า ผมบอกเลยว่าถ้าเป็นใครหน้าไหนไม่รู้มาพูดกับผมด้วยประโยคเมื่อกี้ผมจะต่อยหน้ามันไปหนักๆสักทีสองที แต่เผอิญว่าคนที่พูดมันเป็นไอ้ซันคนที่ผมยอมรับมาเสมอว่ามันดูแลเพทายได้ดีกว่าผม เป็นคนที่ผมนึกกลัวอยู่ตลอดเวลาว่าวันหนึ่งมันจะรักไอ้ซันไม่ใช่ผม ความดีของไอ้ซันผมเชื่อว่าต่อให้ถูเขาก็ยังต้องแพ้มัน

   “ถ้าพี่คิดว่ายังไงก็ดูแลมันไม่ได้ พี่ยกมันให้ผมเถอะ” มันย้ำอีกครั้ง

   “เพทายมันไม่ใช่สิ่งของที่จะโยนให้ใครก็ได้” ผมก็พูดไปแบบนั้นเองแต่ที่จริงผมกลัวไอ้ซันมันมากต่างหาก ยิ่งมันเป็นคนดีผมก็ยิ่งกลัว

   “งั้นพี่หมายความว่าถ้าผมทำให้มันรักผมได้พี่ก็จะยอมถอยให้ใช่ไหม”

   “ซัน!!” ผมตะคอก รับไม่ได้ครับผมกลัวสิ่งที่มันพูด ยิ่งมันตอกย้ำผมก็ยิ่งรู้สึกว่าจะเสียเพทายไปไม่ได้จะเรียกเห็นแก่ตัวหรืออะไรก็ช่างผมจะไม่ปล่อยมันไปให้ใคร

   มันดูเลวใช่ไหมครับ ผมยอมรับแต่ตอนนี้ผมยังทำใจปล่อยเพทายไปจากมือผมไม่ได้ อย่างที่บอกผมเคยคิดว่าถ้าวันหนึ่งไม่มีผมอยู่ข้างๆก็มีไอ้ซันนี่แหละที่เหมาะที่สุดจะทำหน้าที่นี้ แต่พอมาถึงตอนนี้ตอนที่ไอ้ซันมันตอกย้ำความคิดของผมผมกลับยอมรับไม่ได้

   “พี่รับไม่ได้เหรอ แล้วพี่เคยนึกถึงเพทายมันบ้างไหมว่ามันต้องอยู่กับความเสียใจกับคำพูดของพี่มานานกี่ปีแล้ว พี่โดนแค่ประโยคเดียวจากผมยังไม่เท่ามันโดนจากพี่เลย”

   ผมคิดตามสิ่งที่มันพูด นั่นสินะผมไม่เคยนึกถึงจิตใจของเพทายมันเลยสักนิดอย่างที่ไอ้ซันมันว่าจริงๆนั่นแหละ การคุยกับซันครั้งนี้ผมยิ่งค้นพบว่าตัวเองมันเลวสิ้นดี

   “แต่พี่.....รักมันนะซัน รัก...” ผมนิ่งอยู่นานก่อนจะพูดประโยคที่อยากพูดมากที่สุด ใครจะไปรู้ว่าจริงๆแล้วผมอยากพูดคำนี้ให้เพทายมันฟังมากแค่ไหน แต่ผมเองที่ไม่กล้าพอ ไม่กล้าที่จะพูดเพราะกลัวว่าวันหนึ่งถ้าไม่มีผมอยู่ข้างๆมันแล้วใครจะเป็นคนบอกรักให้มันฟัง

   ซันเหรอ?

   ผมคงทรมานมากจริงๆ

   “พี่บอกผมมันคงไม่ได้ยินหรอกครับ” มันพูด

   “ขอแค่ครั้งนี้ พี่จะจัดการเรื่องทุกอย่างให้มันจบ”

   “จบของพี่คืออะไรจบเรื่องครอบครัวหรือจบกับเพทาย”

   “เลิกค่อนขอดซะที” ผมกำพวงมาลัยรถแน่นระบายความอึดอัดใจ ผมกำลังโดนเด็กย้อนศรและถอนหงอก แต่ทุกเรื่องที่มันพูดกลับเป็นเรื่องจริงทั้งหมดแล้วตัวผมจะเถียงอะไรมันได้ ผมไม่เคยรู้สึกว่าตัวเองพ่ายแพ้ได้เท่านี้มาก่อน

   “ขอให้พี่ตอบคำถามผมอีกครั้ง พี่..จะไม่ทิ้งมันใช่ไหม” ผมนิ่งสักครู่ก่อนจะตอบคำที่ผมอยากตอบออกไปมากที่สุด ผมจะตอบตามความรู้สึกตัวเองโดยไม่มีคำว่าหน้าที่ ภาระ ครอบครัวเข้ามาเกี่ยว

   “พี่จะไม่ทิ้งมัน” ถึงอยากทิ้งยังไงผมก็คงทำไม่ได้อีกแล้ว

   การได้คุยกับไอ้ซันวันนี้ก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ทำให้ผมฉุกคิดไปได้ว่า มือของล้ำค่าในมืออย่าได้ปล่อยไปเพราะสุดท้ายคนที่จะเสียใจก็คือตัวเรา

   
   “ผมถือว่าพี่พูดแล้วนะ สำหรับผมนี่คือคำสัญญา”

   “พี่สัญญา” ผมไม่เคยมั่นใจอะไรเท่านี้มาก่อน

   “ผมจะเข้าข้างพี่ครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้าย ถ้าพี่ยังทำมันเสียใจและผิดหวังอีก ผมเอาตัวมันมาแน่”

   “นายจะไม่มีวันได้ตัวเพทาย” ผมย้ำทั้งตัวมันและย้ำสติตัวเอง

   “ก็ถ้าพี่ดูแลมันไม่ดีผมก็จะ......”

   “ซัน” ผมเรียกก่อนที่มันจะพูดจบ

   “ครับ”

   “พี่รู้ว่านายเจ็บ การรักใครข้างเดียวมันไม่ง่ายเลยที่จะทำเฉยเหมือนไม่ได้คิดอะไร”

   “ผมไม่ได้เจ็บอย่างที่พี่คิดหรอก พี่ไม่ต้องห่วง” มันตอบเสียงหนักแน่น ก่อนจะพูดต่ออีกประโยค

   “อีกอย่างผมไม่ใช่คนแย่งของคนอื่น นอกเสียจากเจ้าของเดิมเขาจะไม่ต้องการผมก็พร้อมจะเข้าแทนที่ทันที”

   “นายก็รู้ว่าไม่ว่ายังไงนายก็แทรกเข้าหัวใจเพทายไม่ได้” ผมบอกเพื่อเตือนสติมัน ผมสงสารที่มันต้องมาแอบรักเพื่อนตัวเอง เพราะว่ามันดีมากผมถึงอยากให้มันตัดใจและหาคนที่ใช่จริงๆซักที

   “เรื่องนั้นผมรู้ดี แต่แค่เห็นมันมีความสุข ผมก็มีความสุขแล้ว พี่ก็ระวังตัวไว้เหอะ อย่าได้คิดว่าไอ้ทายมันเป็นของตายเด็ดขาด”

   “หึหึ” ผมขำประโยคที่มันต่อว่าผม

   “นายรู้ไหมว่าพี่เคยคิดเล่นๆนะว่าวันหนึ่งพี่ไม่ได้อยู่กับเพทายอีกแล้วคนที่ไว้ใจจะฝากมันไว้ก็คือนาย” ผมพูดบอกมัน มันนิ่งเงียบเหมือนกำลังรอฟังสิ่งที่ผมจะพูดต่อ

   “นายเป็นคนดีและรักเพทายได้มากพอๆกับที่พี่รัก แต่บางความคิดก็คิดอย่างเห็นแก่ตัวว่าไม่ควรปล่อยเพทายไว้ให้นายดูแล เพราะยิ่งนายดีมากเท่าไหร่พี่ก็ยิ่งอิจฉา อิจฉาที่ทั้งร่างกาย หัวใจนายพร้อมยกให้เพทายคนเดียวโดยไม่ต้องสนรอบข้างใดๆ” เป็นครั้งแรกในรอบหลายๆปีที่ผมพูดยาวขนาดนี้ถ้าไม่รวมการสอน ถือว่าครั้งนี้ผมทำสถิติใหม่ได้

   “พี่เวอร์มุธ....”

   “ขอสักครั้งให้พี่ได้ทำหน้าที่แฟนที่ดี พี่จะจัดการเรื่องนี้ให้เร็วที่สุด ตอนนี้พี่ตัดสินใจแล้ว”

   “ครับ..พี่จะตัดสินใจว่ายังไง” มันถาม

   “ไม่ว่าจะยังไงพี่ก็จะทำเพื่อเพทาย”

   “อืม ผมจะยอมยืนข้างพี่อีกสักครั้งก็ได้”



TBC______________



นักเขียนขอเม้าาา

มาอีกละจ้าาาา

แฟนเพจ

https://www.facebook.com/nanznnyaoi


 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:


ออฟไลน์ hembetaro

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1122
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +112/-1
ซันก็น่าสงสารอ่ะ แอบรักเพื่อนมาตั้งหลายปี รักเค้า แต่เค้ารักคนอื่น แถมพอมีปัญหาทีไรก็ต้องมารับรู้เรื่องราวตลอด

 :sad4: :sad4:

ออฟไลน์ sukaz

  • I Will Love You Unconditionally
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1431
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-3

@Lucifer_Prince@

  • บุคคลทั่วไป
สงสารเพทาย  สงสารอิซัน  เบื่อพี่มุธมันไม่เด็ดขาดสักที  รอพี่แนนมาต่อตอนต่อปายยยย

tuktik_narak

  • บุคคลทั่วไป


ต่อจ้าาา

ตอนที่6

   เวอร์มุธ พาร์ท

   “สวัสดีครับป๊า ม๊า” ผมเดินเข้าบ้านด้วยหัวใจตุ้มๆต่อมๆ พร้อมแล้วครับกับการบอกความจริงของผมกับเพทายให้ท่าทั้งสองคนได้รับรู้

   “เข้าบ้านก่อนลูก” ทั้งสองคนเดินมารับผมถึงที่รถเลยนะครับ ผมยิ้มบางๆให้ท่าน ผมบอกเลยนะครับว่าได้เห็นรอยยิ้มท่านแบบนี้แล้วผมทำร้ายความรู้สึกท่านไม่ลงจริงๆ รอยยิ้มที่ภูมิใจในตัวของผม คำพูดที่มักจะชมให้ใครต่อใครฟังเสมอว่าผมเป็นลูกที่ดีพร้อมที่จะดูแลครอบครัวได้ แต่ใครจะรู้ว่าจริงๆแล้วผมไม่ได้ดีอย่างที่ท่านพูดไว้ แล้วก็เป็นผมเองที่หักหลังความรักที่ท่านมีให้ ด้วยการโกหกมาถึงห้าปี

   แต่ยังไงซะวันนี้ผมคงต้องบอกเป็นตายร้ายดีก็ต้องบอก จะช้าหรือเร็วสักวันท่านต้องรู้ สู้ผมบอกความจริงไปซะวันนี้เลยยังจะดีซะกว่า

   “ผมมีเรื่องอยากบอกป๊ากับม๊าครับ” ตอนที่กำลังจะเดินเข้าห้องรับแขกผมก็เรียกทั้งสองคนไว้ก่อน ผมอึดอัดในใจอยากพูดอยากบอก มันไม่ใช่เรื่องง่ายนะครับที่ผมจะทำใจให้กล้าพูดความจริงได้

   “เดี๋ยวค่อยคุยตอนนี้ครอบครัวหนูศศิเขามารอได้สักพักแล้ว” ป๊าผมขัดทำให้ผมทำได้แต่เดินตามเข้าไปข้างใน พอมาถึงก็เห็นว่าตอนนี้มีคนอื่นนอกจากครอบครัวผมอยู่สี่คนซึ่งผมก็รู้จักดี

   “สวัสดีครับคุณอา” ผมไหว้ผู้ใหญ่ตามมารยาท

   “สวสัดีค่ะพี่มุธ/สวสัดีครับพี่เวอร์มุธ” ผมยกมือรับไหว้ตามมารยาทคนอายุมากกว่าและส่งยิ้มให้น้อยๆ

   ผมนั่งลงตรงที่ยังว่างซึ่งก็ดูทุกคนจะเป็นใจเหลือที่ข้างน้องผู้หญิงไว้ให้ผม ผมแสร้งทำเป็นไม่สนใจหรือต้องบอกว่าผมไม่สนใจเลยมากกว่าในใจตอนนี้นึกถึงอีกคนที่คงงอนผมไปแล้วเรียบร้อย

   มันชอบงอน น้อยใจ และคิดว่าตัวเองไม่สำคัญผมรู้ดี แววตาคู่นั้นปิดบังอะไรไม่ได้ แต่มันไม่เคยปริปากพูด ผมไม่เข้าใจว่าทำไมมันไม่โวยวายเรียกร้องสิ่งที่ตัวเองควรจะได้ทั้งๆที่มันมีสิทธิ์จะทำ

   “เหนื่อยไหมคะ” คนนั่งข้างผมถามขึ้นทำให้ผมต้องหยุดความคิดของตัวเองอย่างช่วยไม่ได้

   “นิดหน่อยครับ” ผมตอบสั้นๆ อารมณ์ตอนนี้ไม่พร้อมจะคุยกับใครเลยด้วยซ้ำแต่ถ้าไม่โต้ตอบเลยก็ดูจะน่าเกลียดไปนิด อีกอย่างผมก็ยังไม่อยากให้ป๊าม๊าผมต้องขายขี้หน้า

   “แล้วสอนสนุกไหมครับ” อีกฝ่ายยังถามต่อ

   “ก็ดีครับ” จะให้ตอบว่ายังไงล่ะครับ ปกติก็ไม่ใช่คนพูดเยอะมากมายอยู่แล้วพอมาเจอคำถามปัญญาอ่อนผมยิ่งอยากลุกหนีไปไกลๆ

   นี่อีกสาเหตุที่ผมแทบจะไม่อยากเจอน้องศศิเลย น้องเป็นเด็กสดใสผมว่าดีนะครับมารยาทก็ดูเรียบร้อยดีเพียงแต่ช่างเจรจาไปนิด ชอบชวนคุยในเรื่องที่ผมเองก็ไม่รู้จะตอบยังไง ผมเบื่อครับ

   แต่ก่อนเคยคิดเล่นๆนะครับว่าถ้าผมกับน้องต้องแต่งงานกันจริงๆผมจะทำงานเต็มอาทิตย์เจ็ดวัน จะออกให้เช้าจะกลับให้ดึกผมคงอยู่ร่วมกับน้องเขาไม่ได้จริงๆ สักวันผมคงประสาทกินตาย

   “แล้ว....” เหมือนคำถามที่สามจะตามมาแต่ก็มีคนช่วยชีวิตไว้ก่อน

   “ศศิ!”

   คนๆนี้ชื่อ กลินท์ เป็นพี่ชายแท้ๆของศศิอายุก็คงเท่าๆกับเพทาย แต่นิสัยกลับไม่เหมือนน้องสาวเลยสักนิดพูดน้อยกว่า เรียบร้อยกว่าแต่ก็ดูเป็นพี่ชายที่ดีนะครับ เวลามาบ้านผมถ้าเห็นว่าน้องสาวตัวเองเริ่มไม่สำรวมก็จะมีกลินท์เนี่ยแหละที่คอยติอยู่ใกล้ๆ เรียกว่าเป็นฮีโร่ของผมเลย

   “อะไรเล่า!” ดูท่าฝ่ายนี้ก็จะไม่ยอมง่ายๆ เอาแต่ใจน่าดู

ถ้าตัดเรื่องหน้าตากับฐานะผมว่าน้องคนนี้แทบไม่มีอะไรดีเลย ไม่ใช่ว่าเลวนะครับเพียงแต่นิสัยแบบนี้ผมยังทำใจรับไม่ค่อยได้ ลำพังแค่วิสกี้มันดื้อเงียบ วอดก้ามันขี้โวยวายผมก็ยังพอทนได้ นี่ถ้าเอาอีกคนหนึ่งเข้ามาแล้วเอาแต่ใจแบบนี้ผมว่านะ ผมคงเป็นบ้าก่อนจะครบสามสิบแน่ๆ

“ให้มันน้อยๆหน่อย” กลินท์พูดขึ้น

“ชิ!” น้องศศิกอดอกหันหน้าหนีไปทางอื่น งอนแล้วครับแต่ผมไม่สนใจ อย่างที่บอกผมเอาความสนใจไปไว้กับคนอื่นหมดแล้ว

“เด็กๆเขาดูสนิทกันดีนะครับ” ผมเงยหน้ามองเมื่อรู้สึกว่าตัวเองได้กลายเป็นหัวข้อสนทนาของผู้ใหญ่ทั้งสี่คน ป๊ากับม๊าผมเพียงแต่ยิ้มรับตามประสาคนอารมณ์ดี แต่ผมเริ่มอารมณ์เสีย

“ศศิดูสดใสมากเลยนะคะเวลาได้อยู่กับตามุธ” แม่น้องศศิพูดเสริมขึ้นมาอีก เหมือนจะพยายามตอกย้ำว่าผมกับน้องเหมาะสมกัน ผมรู้ว่าเขาต้องการจะสื่อถึงอะไร

ทุกครั้งที่เขามาที่บ้าน เขาทั้งสองก็มักจะพูดถึงแต่ว่าเหมาะสมอย่างนั้น เข้ากันอย่างนี้ซึ่งไม่ได้ดูดีๆเลยว่า ผมกับน้องสนิทกันอย่างที่พวกเขาพูดหรือเปล่า

“ผมว่าน้องก็สดใสแบบนี้ตั้งนานแล้วนะครับแม่” กลินท์พูดแทรกขึ้นด้วยท่าทีสำรวม ผมว่าเด็กคนนี้ก็ไม่เห็นด้วยเท่าไหร่ที่จะให้น้องสาวตัวเองมาแต่งงานกับผม ซึ่งนั่นทำให้ผมดีใจสุดๆที่มีพวกอยู่ข้างเดียวกัน

“กลินท์ เงียบไปเลย!” คุณอาผู้หญิงหันมาตวาดเล็กๆ

“เอ่อ...คือบ้านเราสองคนก็รู้จักกันมานาน ผมว่าเรื่องปรองดองเป็นทองแผ่นเดียวกันมันก็ดูจะสมควร ผมว่ามันก็น่าจะได้เวลาแล้วนา” คราวนี้คุณอาผู้ชายพูดขึ้นบ้าง

ผมขมวดคิ้วเป็นครั้งแรกที่ดูคุณอาทั้งสองจะออกตัวก่อนม๊าและป๊าของผม เหมือนต้องการเร่งรัดงานแต่งงานให้เกิดขึ้นเร็วๆนี้

“เราล่ะว่าไง” ป๊าไม่ตอบแต่หันมาถามผม

“.........” ผมอึ้ง ทุกคนในห้องหันมามองผมเป็นตาเดียว

“หนูศิล่ะลูกว่าไง” ม๊าผมถามบ้าง

“หนูก็แล้วแต่คุณพ่อคุณแม่ค่ะ” น้องพูดด้วยท่าทีเหนียมอาย ผมไม่ได้อะไรเพราะน้องอาจจะรู้สึกแบบนี้จริงๆ

ผมบอกตรงๆนะว่าผมไม่เคยไว้ใจใครทั้งนั้นผู้หญิงแค่สองคนที่ผมรักและมั่นใจว่าท่านเป็นคนดีคือแม่ของผมและแม่ของเหนือ นอกเหนือจากสองคนนี้แล้วผมระแวงตัวเองอยู่เสมอ ผู้หญิงเล่ห์เหลี่ยมแพรวพราวผมรู้ แต่ผมก็ไม่ได้มองว่าทุกคนจะมีแต่ลบผมเองก็เชื่อเช่นกันว่าผู้หญิงก็มีด้านบวกไม่น้อยเหมือนกัน

“ว่าไงล่ะตามุธ” แม่น้องถามผม

“ผมยังไม่พร้อมครับ” ผมกลั้นใจพูดออกไป ผมไม่ได้กลัวว่าฝ่ายนั้นจะโกรธที่ถูกหักหน้าหรือโกรธที่ผมพูดคล้ายๆว่าปฏิเสธ แต่ผมกลัวบิดามารดาผมมากกว่าว่าท่านจะไม่พอใจที่ผมตอบแบบนี้

ไม่ว่าจะครั้งไหนๆ ผมจะเงียบแล้วได้แต่ตอบว่า ‘ตามใจป๊ากับม๊าครับ’ แต่คราวนี้ผมแค่อยากลองเดินตามทางตัวเองบ้าง

ผมไม่กล้าหันไปมองเลยครับว่าตอนนี้ม๊าป๊าผมเขาทำหน้ายังไงอยู่ ผมมองนิ่งลงที่พื้นเหมือนว่ามันมีอะไรน่าสนใจอยู่ตรงนั้น

“หมายความว่าไง” พ่อของน้องศศิถามผมเสียงห้วน

ผมเงยหน้ามองสบตากับท่านก่อนจะหันไปมองบุพการีของตัวเองแล้วก็ต้องยิ้มในใจ เพราะท่านนอกจากจะไม่ดูโมโหแล้วยังยิ้มมุมปากอีกด้วย

“หมายความว่าผมยังไม่อยากแต่งงานครับคุณอา”

ผมกลั้นใจพูดสิ่งที่ติดอยู่ในใจผมตลอดเวลาคือเรื่องนี้แล้ววันนี้ผมก็ได้พูดมันออกไปซะทีว่ารู้สึกยังไงแล้วก็ทำให้ผมได้รู้ว่า

มันไม่ยาก..อย่างที่คิด

“พูดอะไรออกมา” ผมนั่งหลังตรงมือทั้งสองข้างยังวางไว้บนหน้าขาอย่างสำรวมที่สุด ผมปรายตามองผู้ใหญ่ตรงหน้าด้วยแววตาว่างเปล่า

“ผมพูดสิ่งที่ผมคิดครับ” ผมตอบตามตรง

“เวอร์มุธ!” สิ้นเสียงตอบของผมคุณอาพัดคุณพ่อน้องศศิก็ตวาดกร้าวเรียกชื่อผม

“ผมว่าเราใจเย็นๆกันก่อนดีกว่าครับ” เมื่อเห็นว่าเรื่องราวเริ่มไปกันใหญ่ป๊าผมเขาก็เอ่ยแทรกขึ้น ผมมองเห็นท่านไม่ได้มีท่าโกรธอะไรแถมยังดูสบายอกสบายใจเสียด้วย

“คุณพี่คะ ลูกชายคุณพี่ช่างไม่มีความรับผิดชอบต่อเรื่องนี้เลยนะคะ จู่ๆก็มาบอกว่ายังไม่พร้อมจะแต่งงานแล้วลูกสาวของน้องจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน!”

“ครับแต่ลูกชายผมเขาแค่บอกว่ายังไม่พร้อม เราก็แค่เลื่อนออกไปให้ทั้งสองคนได้มีเวลาศึกษากันมากกว่านี้หน่อยก็ได้นี่ครับ ผมไม่เห็นว่ามันจะเสียหาย” ผมเห็นด้วยกับสิ่งที่ป๊าพูด

ถึงแม้ว่าความต้องการของผมจริงๆจะคือยกเลิกการแต่งงาน แต่ผมรู้ดีว่าผมยังไม่สามารถหักหน้าทุกคนได้ เพียงแค่เลื่อนงานแต่งออกไปก่อนทุกอย่างคงง่ายขึ้นสำหรับผม ให้ผมได้หายใจและมีเวลาเตรียมตัวหาทางออกค่อยๆยกเลิกงานอย่างละมุนละม่อมน่าจะดีกว่า โดยสิ่งแรกที่ผมต้องจัดการคือน้องศศิ

ผมรู้ดีว่าเธอมีใจให้กับผม แต่มันคงเป็นไปไม่ได้ที่ผมจะมีใจให้กับเธอ ต่อให้วันข้างหน้าเราแต่งงานกันผมก็รักเธอไม่ได้อยู่ดี และเพราะเหตุนี้ผมถึงไม่อยากให้ผู้หญิงคนหนึ่งต้องมาจมปลักอยู่กับผมทั้งๆที่รู้ว่าผมไม่สามารถให้รักตอบได้

“ไม่ได้!/ไม่ได้!” คุณอาทั้งสองพูดพร้อมกัน ครอบครัวผมจ้องไปทางทั้งคู่เป็นตาเดียวด้วยความสงสัย ดูเหมือนว่าเขาอยากจะให้ลูกสาวเขาแต่งงานกับผม

“แม่ครับพอเถอะ” กลินท์เดินมาพูดกับคนเป็นแม่ ผมเห็นสีหน้าของน้องแล้วสงสารนะครับตัวเองคงจะไม่เห็นด้วยกับความคิดครั้งนี้แต่ไม่รู้จะห้ามยังไงเพราะดูน้องเองจะไม่ค่อยได้รับความสนใจจากคนในครอบครัวเลย

“แกน่ะหยุดไปเลย ยุ่ง!” กลินท์กัดฟันจำใจต้องเดินไปนั่งที่เดิม ผมเห็นใจจริงๆ

“คุณพี่อย่าลืมนะคะ ว่าอาเตี่ยของคุณพี่หญิงเคยมาสัญญิงสัญญาอะไรไว้กับคุณพ่อน้อง คนจีนเขาไม่ตระบัดสัตย์กันหรอกนะคะ” ผมหันมองหน้าม๊าเห็นท่านมีอาการไม่ค่อยดี ผมไม่เคยรู้ว่าการแต่งงานของผมมันไม่ใช่การตกลงกันของคนรุ่นนี้เท่านั้นมันมีตั้งแต่รุ่นก่อนหรือ ถึงว่าท่านถึงต้องการให้ผมแต่งงานกับครอบครัวน้องศศิ ไม่สิต้องบอกว่าเป็นใครก็ได้ในสามคนพี่น้องผมที่ต้องแต่งกับลูกสาวบ้านนู้น

ผมนั่งอึ้งพูดอะไรไม่ออก ผมว่าผมยังไม่รู้ลายละเอียดเรื่องนี้ดีนัก คิดไปคิดมาการตัดสินใจของผมมันจะถูกต้องหรือเปล่าคิดถึงตรงนี้ หน้าเพทายก็ลอยขึ้นมาในหัวทั้งๆทีผมต้องการจะทำเพื่อมันบ้าง แต่ทำไมดูเหมือนว่าจะไม่ง่ายอย่างที่ผมตั้งใจ

“แม่ครับ ผมว่าแม่พูดแรงไปหรือเปล่า” กลินท์พูด

“แม่บอกให้แกเงียบ!”

บรรยากาศตอนนี้ดูลุกเป็นไฟ บ้านผมที่เคยเงียบสงบกลับมีเสียงโวยวายของคนจำนวนหนึ่งเรื่องการแต่งงาน

“อย่างที่ภรรยาผมพูด อาเตี่ยของคุณพี่หญิงเคยบอกไว้ว่าอย่างไรคุณพี่ทั้งสองน่าจะจำมันได้ดีนะครับ แต่เหมือนว่าลูกชายคุณพี่กำลังทำให้เรื่องนี้มันยุ่งยาก ต้องโดนตราหน้าว่าเป็นพวกไม่รักษาสัจจะ”

“พ่อคะ....”

“ผมจำได้ว่าคุณเตี่ยของผมท่านเคยพูดอะไรไว้บ้าง แต่ถ้างานมันจะต้องเลื่อนออกไปอีกสักห้าเดือน ห้าปี หรือมากกว่านั้นมันจะเกิดอะไรขึ้นหรือครับ ในเมื่อรอกันมาได้ตั้งนมนานจะรอให้ลูกสาวคุณเรียนจบก่อนก็คงจะไม่ผิดสัญญาที่ให้ไว้หรอกมั้งครับ”

“หมายความว่ายังไง” ฝ่ายนั้นถามเสียงเครียด

“หมายความว่าที่คุณรีบร้อนจะให้แต่งภายในปีนี้เพราะครอบครัวคุณมีเหตุผลบางอย่าง สิ่งที่คุณต้องการไม่ใช่งานแต่ง แต่คุณต้องการผลพลอยได้ที่มาจากงานแต่งงานต่างหาก”

“คุณ/คุณพี่!”

“พี่จำได้นะคะน้องอนงค์ ว่าเตี่ยพี่พูดอะไรบ้างแต่ถ้าสุดท้ายคำสัญญาของคนรุ่นก่อนมันทำให้ลูกชายของพี่อึดอัด พี่ยอมเป็นคนผิดสัจจะดีกว่าเห็นลูกตัวเองไม่มีความสุขค่ะ แล้วพี่ก็เชื่อว่าเตี่ยพี่เขาต้องเห็นด้วย”

“คุณป้า” น้องศศิเรียกม๊าผมเสียงตื่น ผมหันไปมองโดยพยายามเก็บซ่อนรอยยิ้มไว้ในใจ ผมไม่ใช่ว่าจะยินดีซะทีเดียวหรอก ผมเองก็รู้สึกผิดไม่น้อยที่เป็นต้นเหตุทำให้ครอบครัวต้องมาโดนคนอื่นชี้หน้าด่าว่าเป็นพวกไม่รักษาคำพูด

แต่ผมปลื้มที่ป๊ากับม๊าผมเข้าใจ

ต่างจากที่คิดไว้ในใจลิบลับ ความกลัวที่เกาะกินมานานด้วยกลัวว่าป๊ากับม๊าจะรับเรื่องที่ผมไม่อยากแต่งงานไม่ได้ ทำให้ต้องผิดเป็นความลับแต่วันนี้ผมรู้แล้วว่าไม่ใช่อย่างที่ผมกลัว จากวันนี้ผมคิดไว้เลยว่ายังไงซะเรื่องของเพทายผมต้องบอก ผมจะไม่กลัวอีกแล้ว

กำหนดแต่งงานของผมคือปลายปีนี้ช่วงเดือนธันวาเหลือเวลาอีกประมาณสามสี่เดือนก็จะถึงฤกษ์ที่ผู้ใหญ่เขาเคยคุยๆกันไว้คร่าวๆ มันยังไม่ใช่ฤกษ์จริงหรอกครับเพียงแต่เป็นเวลาสะดวกที่ทั้งสองฝ่ายเขาพร้อมที่สุด แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นครอบครัวผมยังไม่เคยคุยกับฝ่ายหญิงเป็นจริงเป็นจังเลยเรื่องของสินสอดและยังไม่ได้สู่ขออย่างเป็นทางการด้วย สิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดไม่รู้ว่าฝ่ายผมทำให้ฝ่ายนั้นคิดไปไกล หรือฝ่ายนั้นคิดไปมากกว่าที่ตัวเองจะได้ผมก็ไม่แน่ใจ

“ว่าไงลูก” ม๊าผมยังเป็นคนที่ใจเย็นและใจดีที่สุดในโลก

“คือ....เปล่าค่ะ” ตอนแรกเหมือนน้องอยากจะพูดแต่ก็เปลี่ยนเป็นไม่พูด

   “ผมว่าเรากลับกันเถอะ” กลินท์พูด

   “ได้ วันนี้พวกเราขอตัวกลับก่อนแล้วกัน”

   “ผมขอโทษจริงๆครับคุณอา” ยังไม่ทันยกมือไหว้ทั้งสองก็เดินผ่านผมไปอย่างใยดี ผมไม่สนใจหรอกครับ

   “ผมกลับก่อนนะครับพี่มุธ คุณลุงคุณป้าด้วย”

   “พี่เข้าใจ ไม่โกรธหรอก” ผมตอบตามจริง

   “ขอโทษแทนคุณพ่อคุณแม่ด้วย” ผมยกมือลูบหัวเห็นแล้วนึกถึงไอ้เหนือ เหมือนน้องชายของผม

   “อย่าคิดมาก กลับเถอะท่านรออยู่” น้องก็วิ่งออกไป

   “เฮ้อ!” ผมทรุดนั่งอย่างหมดแรง

   “เราล่ะมีอะไรอยากจะพูดอีกไหม” ม๊าเดินมานั่งข้างผมแล้วพูดขึ้น ผมหันหน้าไปมองจ้องเข้าไปในดวงตา ปกติม๊าไม่ถามแบบนี้หรอกครับแต่วันนี้มาแปลกเหมือนรู้อะไรอยู่ในใจ

   “คือ..... ก็”

   “พรุ่งนี้แล้วกัน ป๊ารอฟังอยู่นะ” ผมนั่งงง

   “ม๊าไปนอนก่อนนะ มีอะไรก็รีบบอกอย่าเก็บไว้คนเดียว”





NEXT 40%


นักเขียนขอเม้าาา

มาแล้วฮับบบ >///<

 :hao5: :hao6: :hao7: :mew1: :mew2: :mew3:


ออฟไลน์ snowboxs

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5445
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-7
หึหึ พี่มุธกลัวความรักและความดีของซัน
แต่คราวนี้พี่มุธกล้าที่จแย้งด้วยนะนั่น
แต่กลินนี่ดีเกินทุกคนในครอบครัว

ออฟไลน์ Pumpkin_23

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 201
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
อยากให้พี่มุธบอกพ่อแม่เร็วๆ สงสารทาย
ศศินี่อยากจะแต่งจังเลย = =
มาต่อเร็วๆนะคะ :))

@Lucifer_Prince@

  • บุคคลทั่วไป
ครอบครัวฝั่งนู้นเขามีอะไรกันว่ะ  กลินท์นี่ก็คู่ซันสินะ(ชื่อเรื่องไรว่ะ?)  อิตามุธใจเด็ดไว้แล้วบอกป๊ากะม๊าเขา  ณ เวลานี้รักคุณป๊าคุณม๊าและก็คุณพ่อคุณแม่(ของเหนือ)  จังเลยอ่ะ  รอพี่แนนมาต่อที่เหลือนะคัฟ^^

tuktik_narak

  • บุคคลทั่วไป


ต่อจ้าาา

.

   .

   เช้าวันรุ่งขึ้น

   ผมตั้งใจจะตื่นมาคุยกับป๊าตั้งแต่เช้า แต่พอดีวันนี้ผมมีสอนตั้งแต่แปดโมงทำให้ผมต้องรีบไปมหา’ลัยเพื่อเตรียมตัว

   ผมรู้สึกใจไม่ค่อยดี คิ้วผมขมวดทั้งวันจนเพื่อนอาจารย์ด้วยกันยังทักว่าผมดูเหมือนคนไม่ค่อยสบาย ผมปฏิเสธพวกเขาแต่ผมปฏิเสธตัวเองไม่ได้ ใช่! ผมไม่สบายแต่ผมไม่สบายใจ ข้างในมันเต้นตุบๆเหมือนประท้วงอะไรอยู่จลอดเวลา

   “จบคลาสเท่านี้ครับ”

พอพูดประโยคนี้จบเป็นอันรู้ดีว่าหน้าที่ในวันนี้สิ้นสุดลง ผมมองนาฬิกาเป็นเวลาเลิกงานของป๊าผมทันที ผมตั้งใจจะกลับบ้านแล้วขอให้ท่านยกเลิกงานแต่งงานของผมซะ ผมจะชดใช้ความผิดเองโทษฐานที่ทำให้อากงต้องกลายเป็นคนผิดสัจจะ โดนคนอื่นดูถูกแต่ผมจะดูแลครอบครัวของผมให้ดีที่สุด นี่คือสิ่งที่ผมต้องทำให้ได้

และอีกหนึ่งข้อคือเรื่องเพทาย ผมจะบอกกับพวกท่านว่าผมมีคนรักอยู่แล้วความกลัวตลอดห้าปีที่ผมเก็บไว้ ผมพร้อมแล้วที่จะบอก มันไม่มีความกลัวอะไรอีกแล้ว หน้าที่ พี่คนโต ความรับผิดชอบ ผมจะลองถอดมันทิ้งแล้วลองทำตามความต้องการของตัวเองดูสักครั้ง

   ถ้าถามว่าตอนนี้ผมกลัวอะไรมากที่สุดคงจะเป็น

   กลัวเสียเพทายไป

   ผมรู้แล้วว่าพอใกล้ถึงเวลาที่ผมต้องเลิกกับมัน เป็นผมเองที่ทำใจไม่ได้ แค่คิดว่าผมต้องนอนกอดคนอื่นที่ไม่ใช่มันผมกลับทำไม่ได้

   ผมเก็บของทุกอย่างแล้วตั้งใจจะรีบกลับบ้านให้เร็วที่สุด ผมอยากให้เรื่องทุกอย่างจบลงในวันนี้ ผมไม่อยากให้เพทายรุ้เรื่องว่าผมมีพันธะที่ต้องแต่งงานกับผู้หญิงคนอื่น มันยังไม่รู้เรื่องนี้และผมจะไม่ให้มันรู้ไปตลอดชีวิต ผมตั้งใจแล้วว่าจะลองสู้ดูสักครั้ง ผมต้องทำให้ได้

   “หืมม”

   เดินมาที่รถก็ต้องแปลกใจเมื่อเห็นคนคุ้นเคยยินรออยู่ มันเดินวนไปวนมาบางครั้งก็ชอบเหม่อมองฟ้า ถ้ามองจากด้านข้างมันดูเหงามากๆเลยครับ และคนที่ทำให้มันต้องเป็นแบบนั้นก็คงไม่พ้นผมเอง

   ผมยังไม่ได้เดินไปหามัน ภาพจากตรงนี้เพทายดูเป็นคนที่มีหลายอารมณ์ ทั้งเหงา ทั้งเศร้า แต่บางครั้งมันก็จะยิ้มออกมาน้อยๆราวกับว่ามันกำลังคิดอะไรบางอย่างที่ทำให้มันมีความสุข

   และผมหวังว่าในนั้นอาจจะเป็นเรื่องของผม

   “พี่มุธ” มันเรียก

   มันหันมาเห็นผมพอดี มันหยุดยืนนิ่งๆโดยไม่ได้ก้าวเท้าเข้ามาหาผมเหมือนทุกครั้ง ระยะตรงนี้ผมไม่เห็นว่าสีหน้าและแววตามันเป็นยังไง ผมรู้แต่ว่าไหล่ของมันตั้งตรงขึ้นกว่าทุกครั้งบอกเป็นนัยๆว่าเจ้าตัวคงมีความมั่นใจอะไรสักอย่าง

   ผมก้าวเท้าเดินเข้าไปหา ผมอยากลองเป็นฝ่ายเดินเข้าไปหามันบ้าง ไม่เคยเลยที่มันจะหยุดกับที่แล้วผมเป็นคนเดิน ผมรู้แต่ผมก็ยังทำ

   “หยุด!”

   แต่พอผมจะเดินเข้าไปใกล้ เหลืออีกแค่หนึ่งช่วงแขนของผมเท่านั้น มันกลับพูดขึ้นด้วยเสียงที่ดังฟังชัด กระทั่งได้ยินเสียงสะท้อนเบาๆ

   “เพทาย” ผมเรียกชื่อมัน ยอมหยุดอย่างที่มันบอก ผมคิดว่ามันคงมีอะไรจะพูด

   “พี่มุธ...ฮึก” มันตัวสั่น ผมรับรู้ได้ มันสะอื้นจนตัวคลอนจนผมอยากจะเข้าไปดึงมันมากอดแต่มันก็เอ่ยห้ามไม่ให้ผมเข้าใกล้อยู่ดี

   “อย่าเพิ่งเข้ามานะ” มันพูดพร้อมถอยหลังออกไปอีกหนึ่งก้าว

   “เพทาย” ผมครางเรียกชื่อมัน อะไรบางอย่างบอกว่ามันกำลังเสียใจที่สุดในตอนนี้

   “ได้โปรด...ฮึกๆ..ฟังผมพูดได้ไหม” มันยังคงก้มหน้าเหมือนเดิม ตั้งแต่ที่ผมเดินเข้ามาจนบัดนี้ มันยังไม่เงยหน้าขึ้นมามองผมเลยสักวินาทีเดียว

   “ได้” ผมตอบ ถึงแม้ว่าในใจผมจะอยากทำตรงกันข้ามอย่างที่มันขอก็เถอะ

   “พี่มุธ...ผมรักพี่นะ” มันเริ่มต้นด้วยการบอกรักผม ผมไม่เข้าใจในสิ่งที่มันกำลังจะสื่อ

   “ผมรักพี่มาก..ฮึกๆ..”

   “แต่เหมือนว่า..ฮึก..ผมไม่เคยอยู่ในสายตาของพี่เลย..ตลอดเวลาที่เราคบกัน..ฮึกๆ..ผมยอมพี่ได้ทุกอย่าง..พี่จะให้ผมเป็นอะไร..ผมก็ยอมพี่ได้..ฮึกๆ”

   “เพทายยย” ผมเรียกมันหวังจะดึงมันเข้ามากอด ตัวมันสั่นมากขึ้น

   มันกำลังร้องไห้....เพราะผมอีกแล้ว

   “ฟังผม..ได้โปรด..ฮือออ”

   ฟุบ!

   ผมตกใจ เมื่อเห็นมันทรุดลงกับพื้น ผมอยากเข้าไปดึงมันขึ้นมาอยู่ในอ้อมกอดแต่มันกลับร้องห้าม

   “อย่า” ผมหยุดเท้าไว้ที่เดิม

   “พี่ไม่เคย..ฮึกๆ...บอกรักผม..ผมไม่ว่า”

   “ผมเคยขอ..ฮึกๆ..ให้พี่ไม่ทิ้งผม..ผมอยู่ไม่ได้ถ้าขาดพี่”

   ผมปวดที่ใจ มันยอมเงยหน้าขึ้นมามองผมที่ยืนเหนือมันขึ้นมา มันยกมือกุมที่ตำแหน่งหัวใจ มันคงรู้สึกเจ็บเหมือนที่ผมกำลังรู้สึกตอนนี้

   “แต่ตอนนี้ ผมขอให้พี่ทิ้งผมได้ไหม..ฮืออ..พี่มุธพี่ช่วยทิ้งผมไปได้ไหม...ฮืออออ” มันพูดแต่น้ำตากับไหลมาไม่หยุด ผมไม่อยากจะเชื่อว่าจะได้ยินประโยคนี้จากปากมัน

   “พูดอะไรออกมา รู้ตัวหรือเปล่า!” ผมขึ้นเสียง ไม่ได้โกรธมันแต่ผมกำลังโกรธตัวเองที่ทำให้มันต้องอดทนจนถึงที่สุดแบบนี้

   ผมโมโหตัวเองที่ปล่อยให้มันแบกรับความทุกข์ไว้เพียงคนเดียว

   “หึ..ฮ่าๆ...ผมมันบ้า..บ้าที่รักพี่..ฮึกๆ...โง่...โง่ที่รักผู้ชายที่ไม่มีวันจับต้องได้อย่างพี่...ฮึกๆ..ฮืออ...รู้ตัวสิทำไมจะไม่รู้..ผมจะบอกเลิกพี่ไงล่ะ..ฮ่าๆๆ...ฮือออ...ผมอยากเลิกกับพี่”

   “เพทาย!” ผมตกใจกับคำพูดของมัน

   “พี่มุธ..พี่ช่วยเลิกกับผมที..ผมเจ็บ..ผมทนไม่ไหวแล้ว..ฮืออ...ผมจะตายอยู่แล้ว” มันยกมือขึ้นปิดหน้าแล้วร้องไห้อย่างหนักอีกครั้ง

   หมับ!

   “ไม่!” ผมคว้าตัวมันขึ้นมากอดไว้ ถึงมันจะขัดขืนแค่ไหนก็ไม่มีวันที่ผมจะปล่อย ทั้งๆที่ผมตั้งใจไว้แล้วว่าจะให้เรื่องของผมกับมันดำเนินไปต่อตลอดชีวิตของผม แล้วจู่ๆทำไมมันถึงพูดแบบนี้ออกมา

   “ปล่อยนะๆ..ปึกๆๆ..ปั่ก!...ปล่อยเซ่” มันโวยวาย แต่ผมไม่ปล่อยจนสุดท้ายมันก็หมดแรงยอมยืนซบอกผมแต่ยังคงร้องไห้ไม่หยุด

   “พี่จะไม่ปล่อยเราไป” ผมประคองแก้มมันทั้งสองข้างให้เงยหน้าขึ้นเพื่อจ้องตามาที่ผม ให้มันมองมาที่ผมคนเดียว

   “ทั้งๆที่พี่กำลังจะแต่งงานน่ะหรือ” มันพูดขึ้นทำเอาผมพูดอะไรไม่ออก

   “!!!!!!!!!!!!!!!”

   “ทั้งๆที่พี่กำลังจะแต่งงานกับผู้หญิงที่สมบูรณ์แบบ แล้วพี่ยังจะเก็บผมไว้ทำไม..ฮึก..พี่รู้ไหม ผมเหมือนคนโง่ที่รักพี่อยู่ได้ทั้งๆที่รู้ว่าพี่ไม่ใช่ของผม.....คนเดียว” มันพูดต่อ

   ผมตกใจที่มันรู้เรื่องนี้มันรู้ได้ยังไง เรื่องนี้ผมคิดว่ายังไม่น่าจะมีใครรู้นะ แต่ทำไมมันถึงรู้ได้..... แต่ผมคงปฏิเสธอะไรไม่ได้ ในเมื่อมันเป็นเรื่องจริง

   “พี่ไม่ปฏิเสธ..แต่พี่กำลังจะจัดการเรื่องนี้ รอพี่หน่อยได้ไหม ขอแค่ครั้งเดียว” ผมพูดก่อนจะดึงมันเข้ามากอดแน่นอีกครั้ง มันไม่ขัดขืนแต่ไม่ได้กอดตอบ มันเหมือนคนไร้ชีวิต จนประโยคต่อมาของมันทำเอาผมเจ็บจนจุก

   “ได้ พี่จะให้ผมรออีกกี่ครั้งก็ได้ เพราะยังไงผมก็เป็นของตายสำหรับพี่”

   “ทำไมถึงพูดแบบนั้น”

   “งั้นก็เลิกกับผมสิ เลิกกับผมเถอะปล่อยผมไป ผมทนเห็นพี่แต่งงานกับคนอื่นไม่ได้” มันร้องไห้แต่ไร้อาการสะอื้นแล้ว มันคงเจ็บจนชา

   มันดิ้นออกจากอ้อมแขนผม ออกไปยืนแล้วเงยหน้ามองมาที่ผม น้ำตาของมันยังไหลลงมาเหมือนว่าไม่หมดง่ายๆ

   “ถ้าพี่ไม่อยากเห็นผมเจ็บ เราก็เลิกกันเถอะนะ”

   “ถ้าพี่ไม่ยอมล่ะ”

   “ผมยอมพี่อยู่แล้ว งั้นผมจะยอมเป็นคนที่ยืนอยู่ข้างหลังพี่เอง พี่จะให้ผมเป็นอะไรผมก็จะยอม”
   “แต่ถ้าพี่ยังมีความรู้สึกดีๆให้ผมบ้างสักนิด ได้โปรดสงสารผมแค่พี่พูดมาว่ายอมเลิก ผมจะรีบไปให้ไกลจากชีวิตของพี่เลย..ฮึกๆๆ” น้องร้องไห้สะอื้นอีกครั้ง มันคงสุดทนจริงๆ

   ยิ่งมองมันร้องไห้ ทำให้ผมลองนึกย้อนกลับไปมองตัวเองที่ผ่านๆมา ใช่ ผมแย่มาก งั้นหมายความว่าผมควรจะปล่อยมันไปงั้นหรือ

   ถึงแม้สุดท้ายผมจะไม่ต้องแต่งงาน แต่ผมคงทำลายความเชื่อใจของมันไปหมดแล้ว ผมทำลายทุกอย่างหมดแล้ว

   “เพทาย” ผมทรุดลงคุกเข่า น้ำตามันไหลออกมาเองโดยที่ผมไม่ต้องแกล้งบีบ ผมไม่รู้ว่ามันมีสีหน้ายังไง แต่ผมได้ยินว่ามันร้องไห้หนักขึ้น นี่ผมทำมันเสียใจอีกแล้ว

   “พี่อย่าทำแบบนี้เลย” มันร้องห้ามแต่ผมก็ยังนั่งที่เดิม คุกเข่าตรงหน้ามัน

   “พี่ขอโทษ”

   “พี่อยู่ไม่ได้...พี่...พี่ขาดเราไม่ได้”

   “พี่มุธ!” มันเรียกชื่อผมแต่ยังคงร้องไห้หนักเหมือนเดิม

   “พี่จะไม่รั้งเราไว้” ผมเงยหน้ามองมัน เห็นมันปิดปากกลั้นเสียงตัวเอง

   “ถ้าอยู่กับพี่แล้วทำให้เราเจ็บ งั้นแล้วแต่เราจะตัดสินใจเถอะ” ผมควรให้มันตัดสินใจเอง ทุกครั้งเป็นผมที่คอยออกความคิดเห็น แต่ครั้งนี้ผมจะไม่รั้งมันไว้ มันเจ็บเพราะผมมามาก

   แต่ผมจะไม่มีวันปล่อยมันไป มันหนีผมจะตามหาถึงจะได้ดูแลห่างๆผมก็จะทำ

   เราจ้องตากันทั้งๆที่เราสองคนยังร้องไห้ไม่หยุด ทำไมผู้หญิงถึงชอบร้องไห้กันนะ ผมไม่ชอบเลยเพราะมันทำให้ผมเห็นหน้าเพทายไม่ชัด แต่ผมกลับห้ามไม่ให้มันไหลไม่ได้

   รอบข้างเงียบสงัด มีแค่เสียงสะอื้นของมัน และเสียงหัวใจที่เต้นดังของเราทั้งสองคน ผมรอฟังคำตอบ ผมคาดหวังว่ามันจะไม่ทิ้งผมไป

   “ผมรักพี่นะพี่มุธ.........ถ้าไม่มีผมพี่ต้องดูแลตัวเองให้ดีด้วยล่ะ”

   ผมเงยหน้ามอง เห็นมันค่อยๆเดินจากผมไปเรื่อยๆ ยิ่งเห็นแผ่นหลังมันเล็กลงไปเท่าไหร่น้ำตาผมยิ่งไหลมากเท่านั้น

   ผมเพิ่งรู้วันนี้เองว่าน้ำตาลูกผู้ชายมันก็ไหลลงมาง่ายๆเหมือนกัน



TBC_____________________

ออฟไลน์ nunnan

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2275
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-6
กรรรม มุธ กำลังจะไปบอกพ่อแท้ๆ เศร้าเลยยย

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






FoN LiGhT~

  • บุคคลทั่วไป
อย่ามาม่า สิ ร้องไห้จนน้ำตาจะไม่มีให้ไหลแล้ว T^T

ออฟไลน์ Pumpkin_23

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 201
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
สงสารทั้งทายและพี่มุธ กำลังจะไปบอกพ่แม่อยู่แล้ว
ลุ้นๆ อยากอ่านต่อแล้วววววววว  :katai4:

ออฟไลน์ snowboxs

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5445
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-7
แง ๆ น้ำตาท่วมจอ :sad4:

ออฟไลน์ liza sarin

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2538
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +91/-14
มุธไปบอกพ่อก่อนแล้วค่อยมาง้อทาย

ออฟไลน์ AMINOKOONG

  • ฝากติดตามนิยายด้วยนะคราฟฟฟฟ
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 861
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +183/-12
อ่านตอนนี้แล้วทำไมเรากลับรู้สึกสะใจปนสมน้ำหน้ามุธก็ไม่รู้อ่ะ อิๆๆ

ก็ตัวเองไม่เด็ดขาดเองนี่นาจะโทษใครได้ คนรอมันก็เจ็บนะ

คงคิดว่าเค้าจะเป็นของตาย ไม่ค่อยใส่ใจ จนสุดท้ายเค้ามาบอกเลิก

บางครั้งก็ควรโดนซะบ้างนะ เผื่อจะทำให้อะไรๆมันดีขึ้น จะได้ดูแลเอาใจใส่มากขึ้นด้วย  :mew1:

@Lucifer_Prince@

  • บุคคลทั่วไป
สมพี่มุธมัวคิดมากก็งี้แหละ  สงสารเพทายอ่ะไม่น่าเลยนะ

ออฟไลน์ cocoaharry

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 618
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-2
    • cocoaharry_Demmy Chan_Otaku Y Girl
น้ำตาไหลพรากกกกกกก

tuktik_narak

  • บุคคลทั่วไป


ตอนที่7

   เพทายพาร์ท

   ก็อกๆ

   “พี่ทายนอนหรือยังคะ ขอลินเข้าไปหน่อย” ผมโผล่หน้าขึ้นจากกองผ้าห่ม ดวงตาที่บวมช้ำของผมทำให้เกิดอาการเจ็บจนเกือบจะทนไม่ไหว

   “แปปนะ” ผมตอบน้องเสียงแหบ แน่ละเสียงผมมันหายไปกับการร้องไห้สะอึกสะอื้นหมดแล้ว

   ผมลุกจากที่นอนเพื่อที่จะไปเปิดประตูให้ไพลิน น้องสาวคนเดียวของผม น้องเป็นเด็กที่น่ารักนะครับเรียนม.ปลายที่โรงเรียนรัฐบาลชื่อดัง ผมค่อนข้างห่วงและหวงมันมากเรียกว่าถ้าอยู่ในสายตาผมผู้ชายคนไหนก็ห้ามมาจีบเด็ดขาด

   แกร๊ก...แอ๊ด

   “มีธุระอะไร” ผมถามก่อนจะเบี่ยงตัวนิดหน่อยเพื่อให้น้องเดินเข้ามาในห้อง

   “ลินเอานมกับซีเรียลมาให้ทานรองท้อง พี่ทายต้องหิวแน่ๆเพราะเมื่อเย็นก็ไม่ยอมลงไปกินข้าว” น้องย่นจมูกใส่แล้วหันไปวางถาดลงบนโต๊ะก่อนจะจัดการเททุกอย่างลงในถ้วยโดยไม่ถามผมสักคำว่าผมหิวไหม

   “แต่พี่...” กำลังจะอ้าปากห้ามแต่ก็ไม่ทันเมื่อนมหยดสุดท้ายถูกเทเข้าถ้วยเรียบร้อย

   “ต้องทานนะคะ นิดเดียวเองเนี่ยถ้าลินกินนะเท่านี้ไม่อิ่มหรอก” น้องยิ้มกว้างส่วนผมก็อดจะยิ้มตามไม่ได้แต่ลึกๆผมยิ้มเพื่อให้น้องสบายใจมากกว่า

   “ขอบใจนะ เราก็ไปนอนได้แล้ว” ผมรับถ้วยซีเรียลมาจากน้องก่อนจะเดินไปนั่งที่ปลายเตียง ยกขาทั้งสองข้างขึ้นขัดสมาธิก่อนจะลงมือทาน

   “พรุ่งนี้ลินหยุดค่ะ นอนดึกได้” ผมพยักหน้าเข้าใจ

   “พี่ทาย...ลินขอถามอะไรหน่อยสิ” ผมมองน้องด้วยสายตาที่บ่งบอกว่าอนุญาต

   “พี่...เลิกกับพี่มุธจริงๆเหรอคะ”

   จึก!

   ช้อนในมือค้างอยู่กลางอากาศ ผมก้มหน้าไม่สบตาด้วยเพราะกลัวว่าไพลินมันจะเห็นว่าผมอ่อนแอมากแค่ไหน ทั้งๆที่ผมเป็นพี่ชายแต่กลับทำตัวเหมือนคนใกล้ตายให้คนอื่นมาดูแล

   ครอบครัวของผมทุกคนรับรู้ว่าผมเป็นอะไร ตอนแรกพ่อกับแม่เขาก็รับไม่ค่อยได้หรอกแต่ท่านเขาคงเห็นว่าพี่มุธเอาใจใส่ผมดีเวลามาส่งผมที่บ้านท่านก็เลยรับได้ แถมยังรักซะเหมือนลูกชายอีกคนซะอีก

   พอผมมาบอกกับท่านว่าผมกับพี่มุธเลิกกัน พ่อผมยังหาว่าผมงอนไร้สาระอยู่เลยแต่ผมไม่ได้บอกไปหรอกว่าเพราะอะไรผมถึงขอเป็นฝ่ายเดินจากมา ผมกลัวพ่อกับแม่จะเกลียดพี่มุธถ้าเกิดรู้ว่าพี่มันมีภาระหน้าที่ต้องไปแต่งงานกับคนอื่น

   นี่ก็เข้าวันที่สามแล้วที่ผมกับพี่มันไร้การติดต่อใดๆ โชคดีที่คณะผมกับคณะวิศวะที่พี่มันสอนอยู่ห่างกันทำให้ไม่ต้องกลัวว่าจะเจอ

   ผมจำได้ดีเลยล่ะสาเหตุที่ทำให้ผมตัดสินใจขอร้องให้พี่มันยอมปล่อยมือผม

   แต่งงาน...

   ตอนแรกที่ผมรู้เหมือนหัวใจมันจะหยุดเต้น พี่มันไม่เคยบอกอะไรผมเลยสักอย่างถ้าพี่มันพูดสักนิดว่าไม่เต็มใจจะแต่ง ขอแค่บอกผมยังไงผมก็คงจะยอมทนอยู่กับพี่มันอยู่แล้ว แต่นี่มันใหญ่จนเกินที่ผมจะรับไหว ผมรับความเจ็บนั้นไม่ไหวหรอก

   ส่วนคนที่บอกผมก็ไม่ใช่ใคร ว่าที่เจ้าสาวของพี่มันนั่นแหละ....

   แต่เข้าไม่ได้บอกผมตรงๆหรอกครับ ที่ผมรู้เพราะไอจีของน้องเขาผมเหมือนคนบ้าทั้งๆที่อุตส่าห์บอกกับตัวเองแล้วว่าอย่าไปยุ่ง แต่ผมก็ยังกดฟอลโล่จนได้เห็นประโยคเด็ดของน้องผู้หญิงที่ชื่อว่าศศิ

   น้องบอกว่าน้องกำลังจะแต่งงานพร้อมโพสต์ภาพพี่มุธออกสื่อ อธิบายชัดเจนว่าวันนี้จะไปคุยเรื่องงานแต่งที่บ้านฝ่ายชาย พี่มุธมันไม่เล่นอะไรพวกนี้อยู่แล้วแน่นอนว่าพี่มันไม่รู้ว่าผมรู้มาจากไหน หลังจากนั้นผมจัดการบล็อกน้องคนนี้ไม่อยากรับรู้อะไรต่อไป ตอนแรกผมไม่เชื่อหรอกครับสิ่งที่น้องโพสต์มา แต่ผมก็อดกลัวไม่ได้

   หลายๆครั้งที่พี่มันมีพิรุธบ่อยๆ จนผมตัดสินใจว่าจะไปหาพี่มันในวันรุ่งขึ้นพร้อมคำถามมากมายที่อยู่ในใจ ผมขอร้องพี่มันคำแรกว่าถ้ายังสงสารผมให้ปล่อยผมไป ผมบอกพี่มันว่าผมรู้เรื่องที่พี่มันกำลังจะแต่งงานแล้ว ในใจตอนนั้นผมภาวนาให้พี่มันด่าผมว่าไร้สาระ หรือฟุ้งซ่านอะไรก็ได้ที่พี่มันเคยว่าผมในอดีต ให้มันยืนยันว่าผมคิดไปเองและน้องคนนั้นก็คงโรคจิตที่แอบชอบพี่เวอร์มุธ

   แต่คำตอบคือใช่...พี่มันกำลังจะแต่งงานหัวใจผมเหมือนหยุดเต้น ผมคิดเพียงแต่ว่าผมไม่สามารถยืนอยู่ตรงนั้นข้างๆพี่มันได้อีกแล้ว...สุดท้ายพี่มันยอมปล่อยผมมา..ทั้งๆที่มันเป็นสิ่งที่ผมต้องการแต่ทำไมผมกลับเจ็บมากกว่าเดิม...เจ็บมากกว่าตอนที่ได้อยู่ข้างๆถึงแม้ไม่มีตัวตน

   “ใช่....เขาไม่ได้รักพี่แล้ว” ผมเลือกตอบแบบนี้เพราะผมรู้ดีว่าผมรักพี่มันสุดหัวใจและจะรักตลอดไปด้วย แต่ผมไม่มั่นใจว่าพี่มันยังรักผมเหมือนเดิม

   รัก...หึหึ..ไม่สิพี่มันไม่เคยบอกรักผมเลยนี่นา ตั้งห้าปีมีแต่ผมฝ่ายเดียวที่คิดเอาเองว่าพี่มันรัก จริงแล้วเขาอาจจะแค่คบผมเพราะสงสาร

   ผมมักจะขอร้องเสมอว่าให้พี่มันไม่ทิ้งผม ตำแหน่งไหน ฐานะไหนผมยอมได้ขอแค่พี่มันอย่าทิ้งผมไปก็พอ ผมเพิ่งรู้ตอนนี้เองว่าจริงๆแล้ว ผมรู้ตัวเองมาตลอดว่าวันหนึ่งพี่มันต้องไปเจอใคร

   “ทำไมล่ะ ลินเห็นนะเวลาพี่มุธเขามองพี่ทายเขาเหมือนรักพี่คนเดียว” น้องผมพูด ผมแค่นยิ้มรักคนเดียวเหรอไม่หรอก

   “เขาอาจจะรักคนเดียวจริง แต่คนนั้นคงไม่ใช่พี่”

   “พวกพี่มีปัญหาอะไรกันแน่คะ” ไพลินย้ายมานั่งข้างผมบนเตียง ผมวางช้อนลงในถ้วยมันทานไม่ลงเสียดื้อๆ จนน้องยังถอนหายใจ

   “กินน้อยแบบนี้ไง ร่างกายพี่มันถึงเหมือนศพขึ้นไปทุกที” น้องบ่นแต่ก็เอาไปเก็บในถาดที่ยกมาก่อนจะกลับมานั่งข้างผมเหมือนเดิม

   “เป็นศพก็ดี พี่เจ็บจนไม่อยากหายใจแล้วรู้ไหม” ผมพูดเจ็บจริงๆครับแต่ผมไม่ร้องไห้แล้วนะเพราะมันไม่มีเหลือให้ไหลแล้วต่างหาก ผมร้องทุกวันจนตอนนี้น้ำตาผมมันแห้งไปหมดแล้ว

   “ถ้าพี่ทายเป็นน้องลินนะ ลินจะตีพี่ให้ก้นลายจริงๆด้วย ทำไมพูดอะไรไม่คิดแบบนั้น”

   “พี่ก็แค่คิดเพราะถ้าพี่จะทำพี่คงทำตั้งแต่วันแรกที่พี่เดินจากมา” ผมตอบตามจริงๆถึงผมจะเจ็บมากแค่ไหน อยากตายมากแค่ไหนแต่ผมยังมีสำนึกว่ายังมีอีกสามคนที่รักผมและคงเสียใจไม่น้อยถ้าผมเกิดทำอะไรโง่ๆแบบนั้น

   “อย่าพูดแบบนั้นอีกนะคะ” น้องกอดเอวผมแล้วซบอ้อนๆ

   “เออน่า” ผมลูบหัวเล็กๆนั้นด้วยความเอ็นดู

อย่างน้อยๆผมมีอีกสามกำลังใจที่คอยให้ผมเสมอ แล้วผมจะทำร้ายตัวเองแบบนั้นได้ยังไงล่ะครับ

“พี่ทายเชื่อลินนะ พี่มุธเขาต้องมีเหตุผลอะไรบางอย่างที่หายหน้าไปสามวันไม่มาง้อพี่” น้องเงยหน้าพูดกับผม

ผมยิ้มแบบสมเพชตัวเอง ผมไม่เคยหวังจะให้พี่มันมาง้อหรือกลับมาขอคืนดีหรอก ผมไม่อยากหวังอะไรมากเกินไปอีกแล้ว เพราะเวลาหวังสูงเกินแล้วมันเกิดตกลงมาคนที่เจ็บที่สุดก็คือผมคนเดียว

“พี่ไม่หวังอะไรทั้งนั้นล่ะ” ผมตอบตามจริงเลยครับไม่ได้เล่นตัว

“แล้วถ้าสมมติว่าพี่เขามาง้อพี่จะคืนดีไหม”

“…………..” ผมเงียบ

นั่นสินะ ผมจะคืนดีไหม? ตอนนี้ไม่มีพี่มันผมเข้มแข็งได้แต่พอถึงเวลานั้นถ้าเกิดพี่มันมาง้อผมจะใจอ่อนหรือเปล่าอันนี้ผมไม่รู้ครับ ยอมรับเลยว่าผมไม่รู้จริงๆว่าจะใจแข็งได้นานขนาดไหน

แต่ขอให้พี่มันมาเถอะ....อย่างที่บอกตอนนี้ผมไม่หวังบางทีจบกันไปแบบนี้อาจจะดีที่สุดก็ได้ พี่มันก็แต่งงานกับผู้หญิงที่เพียบพร้อมทุกอย่างแถมป๊ากับม๊าพี่มันจะได้ไม่ต้องรู้ด้วยว่าลูกชายตัวเองเคยมีความสัมพันธ์กับผู้ชาย

“พี่ง่วงแล้ว” ผมลุกขึ้นดันมันให้ออกนอกประตู

“แหนะ ตลอดๆงั้นฝันดีนะคะ จุ๊บ!” น้องยื่นปากมาจูบแก้มเบาๆทีผมก็จูบหน้าผากน้องกลับไปก่อนจะไปส่งถึงหน้าห้องนอน

.

.

ตึงๆๆๆ

“ไปแล้วครับแม่” ผมวิ่งลงจากบันไดบ้านตะโกนบอกทุกคนซึ่งไม่รู้ว่าอยู่ส่วนไหนแล้วจะได้ยินกันหรือเปล่า ผมไม่สนใจครับเพราะตอนนี้มันสายมากแล้ว ผมมีสอบเก็บคะแนนตอนเก้าโมงครึ่ง แต่ตอนนี้เก้าโมงสิบนาที บ้านผมไม่ใช่ว่าใกล้ๆกับมหา’ลัยซะด้วย แถมช่วงเช้าๆแบบนี้รถติดที่สุด

ผมเลือกนั่งมอไซค์รับจ้างหน้าปากทางให้ไปส่งครับ มันไกลผมรู้ มันร้อนผมก็รู้อีกแต่ถ้ารอรถเมล์หรือขับรถไปเองสิบโมงผมก็ยังไม่ถึงมหา’ลัยหรอก

ผมเคยชินกับการนอนตื่นสาย เพราะคอนโดพี่มุธอยู่ห่างจากมหา’ลัยแค่สิบนาทีเท่านั้นเอง พอกลับมาอยู่บ้านก็ดันติดนิสัยขี้เกียจตื่นนอนมาซะได้ อ๊ะ! ผมจะไม่พูดถึงเรื่องอดีตอีกผมลืมไป

“เอาไปเลยพี่ไม่ต้องทอน” ผมยัดแบงค์ร้อยใส่มือ เห็นพี่วินทำหน้าเลิ่กลั่กไม่รู้ว่าดีใจที่ได้เยอะหรือเสียใจที่ผมจ่ายไม่ครบก็ไม่รู้ แต่ช่างครับพี่มันไม่วิ่งตามถือว่าเลิกแล้วกันไปนะพี่นะ

ตอนนี้เวลาเก้านาฬิกาสี่สิบนาที สายมาสิบนาทีแล้วครับแต่เวลาสอบมันสามารถมาสายได้ไม่เกินสิบห้านาทีเพราะฉะนั้นผมยังสิทธิ์สอบอยู่

แฮ่กๆๆ

“มาแล้ว...ครับ..แฮ่ก” เห็นเพื่อนๆกำลังนั่งทำข้อสอบกันอย่างขะมักเขม้น พวกแม่งหันมาทำทางหัวเราะเยาะผม อยากจะเอาเท้ายัดปากมันมากนี่ถ้าไม่ติดว่าอยู่ต่อหน้าอาจารย์นะ พวกมันโดนเรียงตัวเลย

“คุณญาติวัตถุ์ สุทธิสวัสดิ์ คุณมาสายในวันสอบ ฉันควรจะทำยังไงกับคุณดี” อาจารย์ป้าขาโหดประจำภาคเอ่ยกับผมเสียงเย็นจัดเหมือนก้อนน้ำแข็ง แกเป็นอาจารย์หนึ่งเดียวในโลกใบนี้ผมมั่นใจว่าไม่มีลูกศิษย์คนไหนสามารถประจบประแจงหรือเลียแข้งเลียขาแกได้

อาจารย์ป้าแกเถรตรงอย่างกับไม้บรรทัด เท่าเทียมกันทุกคนจะว่าดีก็ดีนะครับจะว่าไม่ดีมันก็ไม่ดี นี่ถ้าผมรู้มาก่อนว่าป้าแกคุมสอบด้วยตัวเอง ผมจะไม่ยอมให้ตัวเองตื่นสายแน่นอน

นึกแล้วก็น่าเศร้านะครับแต่ก่อนถ้าผมตื่นสายจะมีมือของผู้ชายคนหนึ่งมาเขย่าตัวผมให้ตื่น เวลาผมหิวก็จะมีคนคอยทำกับข้าวให้ทาน แต่เดี๋ยวนี้ไม่มีแล้วครับ ผมต้องกลับไปเป็นเพทายคนเดิมเหมือนเมื่อห้าปีก่อน อาจจะทำได้ยากแต่ผมเชื่อว่าผมต้องทำได้

“เอ่ออออ....ขอโทษครับอาจารย์ แต่ผมพยายามมาให้ทันแล้วนะครับแต่รถมันติดมากแล้วก็...”

“ไม่ต้องอธิบายกับฉันค่ะ เชิญเข้าไปนั่งสอบแต่เวลาของคุณจะมีเท่าเพื่อนเท่านั้นคุณมาสายไปสิบห้านาที เพราะฉะนั้นคุณจะมีเวลาสอบแค่สองชั่วโมงกับอีกสี่สิบห้านาทีเท่านั้น”

ผมพยักหน้ารัวรีบเดินเข้าไปนั่งโต๊ะที่มันยังว่าง ข้างๆผมเป็นไอ้ห่าเขียนตามด้วยไอ้ริวและไอ้พวกห่าที่เหลือ เห็นเลยไอ้ริวมันหัวเราะเยาะผมจนอาจารย์อีกท่านต้องเดินมาเขกหัวมันจึงหันกลับไปทำข้อสอบตามเดิม

ผมนั่งทำไปก็หาวไปใช้เวลาแค่ชั่วโมงเศษๆก็ส่งข้อสอบและออกมานั่งข้างนอกรอแก๊งค์เพื่อน คล้อยผมแปปเดียวไอ้เชกับไอ้ปานก็มานั่งจุมปุกที่ข้างผม

“มึงแน่มากเข้าทีหลังแต่ออกก่อนพวกกูเนี่ย” ไอ้ปานมันบ่น

“หึหึ เพื่อนมึงเก่งไง” ผมยอ

“เก่งมากไอ้สัส เมื่อวันก่อนหมาตัวไหนร้องไห้ให้กูไปส่งบ้านวะ” ไอ้ห่าเชพูดขึ้นทำเอาผมสำลักน้ำเปล่าแทบเข้าจมูก อื้มหืมมพูดทำไมมมมมม กูอุตส่าห์ลืม

“แหมมมมมมึงก้ออออออ” ผมลากยาวคือไม่รู้จะตอบอะไรอ่ะครับ

“ถามจริง วันนั้นที่มึงร้องไห้อ่ะโดนแฟนบอกเลิกมาเหรอวะ”

ฉึก!

แผลที่สองสำหรับวันนี้ ผมว่าไอ้ห่าเชนี่ต้องตายด้วยตีนคนสักวัน ไม่ได้แก่ตายหรอกมันอ่ะ

“มึงกลับคณะมึงไปเลยไปไอ้เหี้ย!” ผมไล่ จริงๆไอ้เชมันเรียนถาปัตนะครับคณะเดียวกับไอ้ซันแต่ไอ้ห่านั่นยังไม่มาไม่รู้ไปไหน เพื่อนเขามากันครบเกือบมดละเนี่ย

“แทงใจดำแล้วมาทำเป็นไล่กู ตุ๊ดเอ๊ยย” มันด่า ผมนี่ยกเท้าขึ้นมาวางบนโต๊ะละดีว่าเกรงใจมหา’ลัยและคนรอบข้างเลยยอมเอาลง



NEXT 50%


 :hao5: :hao6: :hao7: :mew1: :mew2: :mew3: :mew4:



ออฟไลน์ nunnan

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2275
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-6
รอครึ่งหลังงง  :mew4: :mew4:

ออฟไลน์ Pumpkin_23

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 201
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
รอครึ่งหลังง

เมื่อไหรพี่มุธจะมาง้ออ สงสารทาย

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด