ต่อจ้า
“เลิกๆๆพอๆ แล้วนี่ไอ้เขียนกะไอ้ริวมันจะทำให้ได้เต็มเลยว่างั้นเถอะ” ไอ้ห่าปานพูด
“สงสัย ตัวเกร็งนิ” ไอ้เชพูด
“แล้วนี่มึงไม่มีเรียนไง แล้วไอ้ซันไปไหน” ผมถามมันพร้อมกับแกะถั่วต้มเข้าปาก
“เลิกเรียนก่อนมึงสอบเสร็จอีก ส่วนไอ้ซันมันบอกว่าเดี๋ยวมาไปทำธุระแปป”
“อ้อออ”
นั่งคุยสัพเพเหระกันอีกเกือบๆครึ่งชั่วโมงคุณชายเขียนและคุณชายริวก็เสด็จจากสวรรค์ลงมายังโลกมนุษย์สักที
“ไง ทำได้?” ผมถาม
“สบายมาก” ไอ้ริวตอบแต่เห็นมันลงมาพร้อมกับชวดกระทิงแดง ริวมึงแน่ใจนะว่าไหว
“ห่า ตอแหลชิบ”
“ว่าไงวะพวกมึง” มาแล้วครับเสียงไอ้ซัน พวกเรากำลังหัวเราะกันตึกแทบแตก แต่พอมันเดินมาเสียงทั้งกลุ่มก็เงียบลง
“หน้ามึงไปทำอะไรมาวะซัน” ผมถามขึ้นคนแรก
“ฟัดกับ....หมานิดหน่อยอย่าสนใจเลย” ผมตอบปัดๆ ซึ่งผมรู้ดีว่ามันกำลังโกหก ทำไมวะไหนบอกว่าเพื่อนกันต้องคุยกันทุกเรื่องไง
“หมาชื่ออะไร เดินสองขาหรือว่าสี่ขา” ผมถามต่อ
“เฮ้ยย มึงไปเซ้าซี้มันมากไปหรือเปล่า” ไอ้ริวพูดขึ้นคงเห็นว่าผมไม่ค่อยพอใจที่ไอ้ซันมันไปมีเรื่อง
“คงงั้น ขอโทษทีกูอารมณ์ไม่ค่อยดี” ผมบอกก่อนจะยกมือขึ้นลูบหน้าตัวเอง
ผมกลัวไปหมด ความรู้สึกมันสับสนพัวพันกันยุ่งเหยิง มันห่วงอ่ะครับเพื่อนผมทั้งคนนิ กลัวไปสารพัดผมเสียพี่มุธไปคนนึงแล้วผมก็ไม่อยากจะเสียมันไปอีก ผมไม่ชอบเห็นใครทะเลาะกับใคร แล้วถ้าเรื่องนั้นเกี่ยวกับผมด้วยล่ะก็ ผมจะโกรธทั้งคนหาเรื่องและคนโดนหาเรื่องเลย
“อย่าเครียดดิ กูทำเพื่อมึงนะ” ผมหันขวับ มันยิ้มมุมปากเหมือนว่ากำลังพอใจบางสิ่งบางอย่าง
“ทำเพื่อกู? ทำอะไร”
“เหอะน่า....” มันหันหน้าหนีแล้วก็เปลี่ยนเรื่องคุยเรื่องอื่นกับไอ้ปานและไอ้เช ทำเหมือนว่าเรื่องเมื่อกี้ไม่ได้สำคัญทั้งๆที่มันสำคัญกับผมมากจริงๆ
“ทาย ไปหาไอ้เหนือเป็นเพื่อนกูหน่อยดิ” จู่ๆไอ้ซันมันก็ชวนผมไปหาไอ้เหนือ ถ้าเป็นแต่ก่อนผมคงไม่อะไรนะครับ แต่ตอนนี้ผมไม่อยากไปเหยียบตึกวิศวะเท่าไหร่เลย ไม่อยากแม้ขับรถผ่านด้วยซ้ำ
“ปะ..ไปทำไมวะ” ผมถาม
เรื่องผมกับพี่มุธผมยังไม่ได้บอกไอ้ซันเลยครับ จะหาเวลาดีๆค่อยบอกมัน กลัวมันด่าเอาหาว่าผมทำอะไรไม่คิด แต่ไม่ใช่หรอกครับครั้งนี้ผมคิดดีมากๆแล้วต่างหาก แต่ทำไมไม่รู้นะครับการแสดงออกของไอ้ซันวันนี้เหมือนว่ามันรู้เรื่องทั้งหมดแล้ว แต่จะรู้จากใครล่ะหรือว่าพี่มุธ
แล้วที่หน้าแหกก็เพราะพี่มุธด้วยใช่ไหม?
แต่คิดอักทีคงไม่หรอกครับ
“เอาของไปให้ไอ้เหนือน่ะ วิสกี้มันฝากกูเอาไปให้เมื่อกี้” ผมสะดุ้งเลยครับพอได้ยินชื่อนี้
ความรู้สึกผิดตีกันไปมาเหมือนเสียงระฆัง ผมมองหน้ามันสองตัวไม่ค่อยติดหรอกครับ ยิ่งตอนนี้ยิ่งแล้วใหญ่เป็นไปได้ถ้าไม่ใช่ธุระหรือนัดเลี้ยงกันผมจะไม่พยายามโผล่หน้าไปหามันเด็ดขาด
“กูขี้เกียจนี่” ผมบอก
“อืม งั้นกูไปคนเดียวก็ได้” แวบนึงผมเห็นมันทำหน้าเหมือนผิดหวังที่ผมไม่ตามใจมัน ผมรู้สึกผิดอีกแล้วครับ
“เดี๋ยวกูไปเป็นเพื่อนมะ” ไอ้ริวเสนอหน้ามันคงอยากไปหาสาวสวยๆนุ่งสั้นๆที่คณะอื่นบ้าง ที่ศิลปกรรมคงมีแต่สาวเซอร์
“ไม่เป็นไร” ไอ้ซันตอบเสียงเบา โหหห่ากูยิ่งรู้สึกผิดเลยเนี่ย
“เออๆๆๆ กูไปก็ได้เว้ยยย” แล้วสุดท้ายผมก็ต้องยอมไป
จะบอกเลยว่าถ้าผมย้อนเวลากลับไปได้ผมจะไม่สงสารมัน จะปล่อยให้มันไปคนเดียว ผมพูดเลย!!
“มึงนัดไอ้เหนือไว้ที่ไหน” ผมถามในขณะที่นั่งรอที่โต๊ะหินอ่อนหน้าตึกวิศวะ ผมมองซ้ายแลขวากลัวเหลือเกินครับ ว่าจะเจอกับผู้ชายผู้เป็นเจ้าของหัวใจของผม ผมไม่พร้อมจะเจอจริงๆ
“ที่นี่แหละ แล้วมึงเป็นอะไรนั่งยุกยิกๆไปมาอยู่ได้” มันถาม ผมสะดุ้งกลับมานั่งตัวตรง กลัวทำตัวมีพิรุธแล้วเดี๋ยวมันจะซักถามเยอะผมรำคาญ
“ก็...กูคันอ่ะ เออๆเรื่องของกูเหอะน่า” ผมบอกปัด มันอมยิ้มก่อนจะพูดกับผมอีก
“คันตรงไหนมาเดี๋ยวกูเกาให้” มันพูดจบก็คว้าหมับมาที่เอวผมก่อนจะเกาๆถูๆจนผมจักกะจี้
“เฮ้ย ไอ้ห่าซัน ฮ่าๆๆ พอ...ฮ่าๆๆ..พะ..พอแล้ว” ผมหัวเราะไม่หยุดเลยครับ ยิ่งมันเห็นว่าผมจักกะจี้ขำหน้าดำหน้าแดงมันก็ยิ่งแกล้ง ไอ้หี่โรคจิตจังวะ
“เอ้า นี่กูช่วยมึงอยู่นะเนี่ย”
“ไม่..ไม่ต้อง..ฮ่าๆๆ” ผมพยายามปัดมือมันออกแต่ไม่ไหวไอ้ห่านี่แรงเยอะ
พอมันเห็นว่าผมเริ่มขัดขืน คราวนี้มันล็อคคอผมเลยครับแล้วผมจะไปสู้มันไหวได้ไง ผมก็ได้แต่นั่งบิดไปบิดมาให้มันแกล้งนั่นล่ะ
“ฮ่าๆๆๆ ไอ้เหี้ยปล่อยกู” ผมทั้งขำทั้งด่า มันกลับหัวเราะชอบใจ คอยดูนะมึงแกล้งกู
“อ่ะๆ ปล่อยก็ได้นี่กูสงสารลูกหมาหรอกนะ” มันยอมปล่อยผม
แฮ่กๆ
ส่วนผมนี่หอบแฮ่กเลยครับ เสื้อผ้าหลุดลุ่ยดูเหมือนกุ๊ยมากกว่านักศึกษา
เพี๊ยะ!
“แม่ง! แกล้งกู” ผมตบกบาลมันไปทีเอาคืนครับเล่นซะผมเกือบขาดใจตาย
“เจ็บนะ” มันกุมหัวทำหน้าตาปานว่าถูกยิง ตอแหล
“สมควร”
“หึหึ” มันหัวเราะในลำคอ
จู่ๆมันก็หยุดขำแล้วมองหน้าผมตรงๆด้วยสายตาสื่อความหมาย ผมไม่เข้าใจก็เลยหันหน้าหนีมันครับ ไม่เคยเห็นมันมองผมด้วยสายตาแบบนี้ผมไม่ชิน นอกจากพี่มุธผมก็ยังไม่เคยได้รับจากใคร แล้วผมก็ไม่อยากได้รับจากมันด้วย
เพราะมันเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของผม
“เพทาย” มันเรียกพร้อมใช้มือมาจับหน้าผมให้หันไปหามัน ผมตัวแข็งค้างไม่รู้ว่ามันคิดจะทำอะไร แต่ผมก็ขออย่าให้มันทำในสิ่งที่ผมกำลังกลัว
“วะ..ว่า” ผมขานรับ
“มึงเลิกกับเขาแล้วใช่ไหม” มันถามผมเสียงจริงจังๆ มันใช้คำว่า ‘เขา’ แทนชื่อเพราะกลัวคนอื่นจะรู้ว่าหมายถึงใคร
ปลายนิ้วมันลูบไล้ใบหน้าของผมไปมาจนผมเริ่มรู้สึกขนลุก ไม่ได้ว่าพิศวาสอะไรนะครับเพียงแต่ไม่เคยมีผู้ชายคนไหนทำกับผมแบบนี้ มันสยิวๆแปลกๆ
“มึงรู้ได้ไง” ผมไม่ตกใจเท่าไหร่ที่มันรู้ ไอ้ซันมันจมูกไวจะตาย
“กูรู้แล้วกัน ตอบกูมาก่อน” มันยื่นหน้ามาใกล้ผมเรื่อยๆจนผมต้องหงายตัวไปข้างหลังเพื่อรักษาระยะห่าง จนตอนนี้ผมแทบจะนอนไปกับเก้าอี้อยู่แล้ว
“อะ..อืม” ผมครางรับไม่รู้จะปฏิเสธให้มันได้อะไร แต่ประโยคต่อไปของมันทำเอาผมแทบสำลักน้ำลาย
“งั้นเป็นแฟนกับกูไหม”
“ห๊ะ!!” ผมตกใจตาโต อ้าปากค้างอย่างไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง
“มาเป็นแฟนกู กูจะดูแลมึงให้ดีที่สุดเอง” มันยังพูดต่อ แต่สติผมมันหลุดไปแล้วครับ
พรึ่บ!
“เดี๋ยวๆ มึงพูดบ้าอะไรวะ” ผมปัดมือมันที่อยู่บนหน้าผมออกห่างก่อนจะลุกขึ้นยืนแล้วมองมันอย่างตกใจ
“กูพูดจริง” มันลุกขึ้นจ้องหน้าผมด้วยสายตาที่ผมอ่านไม่ออก
คราวนี้ผมจุก มันหน่วงพูดไม่ออกเลยครับ ผมลองคิดตามที่มันพูด ไอ้ซันมันชอบผมเหรอ ตลอดเวลาที่ผ่านมาผมเข้าใจว่ามันรักผมในฐานะเพื่อนสนิทมาตลอดแต่ทำไมตอนนี้มันถึงมาพูดขอผมเป็นแฟนอย่างหน้าตาเฉย ผมไม่ขำกับมันด้วยนะ
หรือมันจะทำไปเพราะสงสารที่เห็นผมไม่มีใคร ก็เลยอยากมาดามหัวใจถ้าเป็นแบบนี้จริง ผมขอไม่รับความหวังดีจากมันหรอก
“แต่เราเป็นเพื่อนกัน” ผมไม่รู้หรอกว่ามันพูดแบบนั้นเพื่ออะไร แต่ผมว่าคำพูดของผมเป็นคำปฏิเสธที่ละมุนละม่อมที่สุดแล้ว
ผมไม่สามารถคิดอะไรกับใครได้นอกจากผู้ชายที่ชื่อ ‘เวอร์มุธ’ เพียงคนเดียวเท่านั้น
หมับ!
“ให้โอกาสกูเป็นมากกว่านั้นสิ” จู่ๆมันก็เข้ามากอดผม ผมตกใจกว่าเดิมจะผลักออกก็ไม่ทันแล้ว
“กู...มึง.....” ผมพูดไม่เป็นภาษาแล้วครับตอนนี้ คืองงถึง งงมาก
แล้วยิ่งประโยคที่มันกระซิบข้างหูผมยิ่งทำให้ผมไม่เข้าใจเป็นสองเท่า
“กูทำทุกอย่างเพื่อมึงนะเพทาย”
ยังไม่ทันที่ผมจะได้เรียบเรียงประโยคของมัน ยังไม่ทันที่ผมจะได้คิดตามคำพูดของมัน เสียงของใครบางคนก็แทรกกลางอากาศขึ้นมาก่อนจะตามด้วยแรงกระชากที่ทำเอาผมและไอ้ซันหลุดออกจากกันอย่างง่ายดาย
“นี่มันอะไรกัน!!!!”
“พี่มุธ!!” ผมเรียกชื่อคนที่กระชากแขนผมอย่างตกใจ
ผมไม่คิดว่าเขาจะเห็น
ผมไม่คิดว่าเขาจะมาตรงนี้
ผมไม่คิดว่าเขายังจะสนใจผม....
ทันทีที่ได้สติผมก็พูดประชดเขาออกไปเรียบร้อย
“ผมกำลังพลอดรักกับแฟนไงล่ะ” ผมพยายามบิดแขนตัวเองออกจากข้อมือใหญ่แต่ดูเหมือนผมไม่สามารถทำอะไรเขาได้เลย แรงเขาเยอะเกินไป
พอพูดจบได้ยินเสียงพี่มุธคำรามในลำคอเหมือนกำลังสะกดกลั้นโทสะ แล้วทำไมเขาจะต้องมาโกรธผมด้วยทั้งๆที่เขาปล่อยมือจากผมแล้ว
“กูไม่คิดว่ามึงจะทำแบบนี้นะซัน” พี่มุธพูดเลยไปถึงคนด้านหลังผม ทำให้ผมโกรธที่เขาพาล
“พี่ไม่มีสิทธิ์มาว่าซันนะ!”
“ทำไมจะไม่มี!” เขาตอบกลับมาแถมด้วยใบหน้าที่บูดเบี้ยวเต็มที่
“ซันเป็นแฟนผม!!”
“แต่กูเป็นผัวมึง มานี่เลย!” ผมตกใจที่เขาขึ้นคำหยาบ เขาไม่เคยพูดกับผมแบบนี้กว่าผมจะตั้งสติได้ก็ถูกเขาลากมาถึงไหนต่อไหนแล้ว
แต่ก่อนที่ผมจะถูกลากมาได้ยินเสียงไอ้ซันตะโกนตามหลังผมมาว่า
“กูทำเพื่อมึงนะ” ทำให้ผมไม่แน่ใจว่ามันตั้งใจขอผมเป็นแฟนหรือตั้งใจพาผมมาสังเวยพี่มุธกันแน่
คำว่าทำเพื่อผม มันคืออะไรกัน
“ผมเจ็บ!!!!!” ผมแหกปากลั่นเมื่อเขาจับผมยัดเข้ารถ
สรุปการทำเพื่อผมคงหมายถึงให้ผมโดนกระทำให้เจ็บตัวแบบนี้กระมัง
“เงียบ!!!!!!!”
TBC____