- - OMG! โคตรเศร้า..รักเขาผมต้องทน - - ตอนที่12 (40%) P.5 >Up.13/04/14<
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: - - OMG! โคตรเศร้า..รักเขาผมต้องทน - - ตอนที่12 (40%) P.5 >Up.13/04/14<  (อ่าน 39107 ครั้ง)

tuktik_narak

  • บุคคลทั่วไป


.

   .

   เวอร์มุธ พาร์ท

   “อะไรนะครับ”ผมถามบุพการีทั้งสองเสียงนิ่ง แต่ในใจผมนี่แทบจะหลุดออกนอกอกอยู่แล้ว

   “จำน้องศศิได้ไหม ที่เคยทาบทามไว้ให้ตอนเด็กๆ ตอนนี้ก็โตแล้วม๊าอยากให้จัดงานหมั้น คุยเรื่องแต่งกันให้เรียบร้อย”

   ผมเหมือนคนหูอื้อ มันชาๆตั้งแต่แม่ผมบอกอยากให้หมั้นแล้ว ผมอยากจะร้องให้มันสุดเสียง แต่ผมทำไม่ได้นิสัยผมไม่ใช่คนเอาแต่ใจเหมือนน้องทั้งสอง ผมอยากปฏิเสธแต่ไม่รู้จะพูดยังไงดี

   “แกว่าไงล่ะ ป๊าก็ไม่เห็นแกจะมีใคร ตอนนี้น้องก็เรียนอยู่ปีสาม ตอนนี้หมั้นอีกสองปีน้องจบก็แต่งงาน พอดีเลยนะ จะได้ศึกษาดูใจกันไปด้วย”ป๊าผมพูดเสร็จสรรพเรียบร้อยเหมือนเตรียมการในใจมาแล้ว

   “น้องยังเด็กเกินไป ผมว่า...”

   “อย่าอ้อมค้อมเวอร์มุธ บอกมาคำเดียวว่าแกมีแฟนหรือยัง ฉันไม่ได้บังคับนะว่าแกต้องแต่ง แต่ถ้าแกโสดฉันก็หมายปองคนนี้ไว้เท่านั้น”ป๊าผมพูด

   ผมทราบดีว่าในบ้านจะไม่สามารถมีใครบังคับผมได้ แต่เรื่องบางเรื่องมันก็อยู่ที่ความเกรงใจ อย่างน้อยๆถ้าผมจะปฏิเสธก็ควรทำอย่างค่อยเป็นค่อยไปยังไงฝั่งนั้นก็เป็นผู้หญิง น้องเขาจะเสียหายได้ อาจจะถูกหาว่าหม้ายขันหมาก

   แต่ถ้าถามว่าผมจะยอมแต่งงานเหรอ คำตอบก็คือ

   ไม่!

   ผมจะแต่งได้ยังไงในเมื่อผมยกหัวใจให้ใครคนหนึ่งดูแลไปแล้ว

   แล้วผมก็มีหัวใจที่ต้องดูแลแล้ว

   แล้วนี่ก็เป็นสาเหตุที่ทำให้ผมต้องยกเลิกนัดกับเพทายอย่างกะทันหัน ผมรู้ว่ามันต้องน้อยใจ แต่นี่มันเป็นเรื่องด่วนจริงๆ

   ผมตกใจมากตอนที่ม๊าโทรมาบอกว่าให้กลับบ้านเพื่อจะคุยเรื่องแต่งงาน ใบหน้าของเพทายผุดขึ้นหัวผม ผมไม่ซีเรียสอะไรเพราะยังไงผมก็ไม่แต่ง แต่แค่คิดถึงหน้ามันตอนที่รู้เรื่องนี้ ผมก็กระวนกระวายใจจนต้องรีบกลับมา

   ผมโทรไปหามันโชคดีจังที่มันอยู่กับซัน ผมมั่นใจว่าซันจะพาเพทายกลับบ้านอย่างปลอดภัย

   แต่ทำไมใจผมมันยังหวิวๆอยู่นะ

   “ว่าไงล่ะตามุธ ป๊าถามก็ตอบสิ”

   “ครับ”

   “มีใครหรือยัง ถ้ายังลองคบน้องศศิดูไหม”

   “ผม...”

   “ป๊ากับม๊าอยากอุ้มหลานจะแย่ ลูกแกคงน่ารักน่าดู ว่าไหมคุณ”

   ผมตั้งใจจะบอกว่าผมมีแฟนแล้ว แต่ประโยคถัดมาของป๊าผมทำให้ผมตัวสั่น

   “ใช่ค่ะ ลูกชายเราก็หล่อ หนูศศิก็สวย ยังไงหลานเราก็ต้องน่ารักแน่ๆ เนอะตามุธ”

   “ป๊าครับ ม๊าครับ ผม...”ผมเหมือนน้ำท่วมปาก จะบอกยังไงดี ผมยังไม่พร้อมจะบอกเรื่องนี้กับใคร ผมมีแฟนไม่เท่าไหร่ แต่แฟนผมเป็นผู้ชาย ท่านทั้งสองจะต้องผิดหวังในตัวผมมากแน่ๆ

   ลูกชายคนโต

   มีหลานสืบตระกูล

   คำเหล่านี้ผมฟังมาตั้งแต่เด็กๆ แต่เหนือสิ่งอื่นใดรอยยิ้มมีความสุขที่ปรากฏบนใบหน้าของป๊าและม๊าผม ทำให้ผมบอกปฏิเสธออกไปไม่ได้

   สุดท้ายผมมันก็ขี้ขลาดเหมือนทุกๆครั้ง

   “ผม..ยังไม่มีใครครับ”

   “งั้นก็ดี คุยๆไว้ก่อนก็ได้ถ้าแกยังไม่อยากหมั้น ผมนึกไปถึงหน้าหลานแล้วนะเนี่ยคุณ”

   ผมควรทำยังไงดี ภาพลักษณ์ที่คนอื่นมองผม เป็นลูกที่ดี เป็นพี่ที่เก่ง เป็นอาจารย์ที่น่านับถือ

   แต่ผมกลับเป็นแฟนที่ไม่ได้เรื่อง

   ผมทำให้มัน..เสียใจอีกแล้ว

   .

   .

   ผมเดินกลับขึ้นมาบนห้อง ล้มทั้งตัวลงบนที่นอน ผมก่อเรื่องเพื่มทำไมผมถึงไม่มีความกล้าบอกไปนะว่าแฟนผมเป็นเพศอะไร สุดท้ายผมก็หาห่วงมารัดคอตัวเอง แต่ไม่เป็นไรยังไงซะผมก็ต้องหาทางคุยกับน้องศศิให้ได้ ผมคิดว่าน้องต้องเข้าใจ น้องยังเด็กยังเจอคนอีกมาก น้องเขาก็คงไม่ยากโดนบังคับให้แต่งงานกับคนที่ไม่รู้จักหรอก

   “เฮ้อ”

   จู่ๆก็อยากโทรหาเพทาย ดูนาฬิกาคิดว่ามันคงหลับไปแล้ว เอาเป็นว่าโทรไปหาไอ้ซันดีกว่าว่าตอนไปส่ง เพทายมีสีหน้ายังไง รู้สึกผิดนะ รู้สึกมากๆ ผมไม่อยากให้มันต้องร้องไห้เพราะผมอีกแล้ว

   “ครับพี่”ไอ้ซันมันรับ

   “อยู่ไหนน่ะ”

   “บ้านครับ พี่ล่ะคงมีความสุขเลยสิท่า”มันหยอกผมแกมขำเบาๆ

   “ไม่เลยต่างหาก”ผมตอบเซ็งๆ

   “เอ๋ เพื่อนผมมันทำอะไรพี่ หรือว่าพี่ทำอะไรเพื่อนผมให้งอนอีกเนี่ย”มันถามเสียงดังเหมือนตกใจ

   แต่ไม่ใช่มันคนเดียวที่ตกใจ ผมเองก็ไม่ต่างกัน

   “อะไร แกพูดอะไร เพทายอยู่ไหน!”ผมเหมือนคนสติหลุด

   “พี่ไม่ได้อยู่กับเพทายหรอ พี่ไม่ได้ไปรับมันที่หน้าคณะหรอกเหรอ”แค่ประโยคนั้นของซัน ผมก็รู้ได้ทันทีว่าเพทายหลอกผมเรื่องที่อยู่กับซันแล้วจะให้มันพาไปส่งบ้าน

   มันโกหกเพื่อความสบายใจของผมอีกแล้ว

   “แค่นี้นะ”ผมกดวางสายโดยไม่สนใจว่าปลายสายจะอยากพูดอะไรอีก

   ผมคว้างกุญแจรถโทรศัพท์แล้ววิ่งออกจากห้องไปอย่างรวดเร็ว ผมคิดว่าเพทายคงยังไม่ได้กลับบ้านแน่ๆ

   ไม่เคยนั่งรถคนเดียว

   ตอนกลางคืนแบบนี้

   มันจะกลับได้ยังไง ผมทิ้งมันได้ยังไง ผมทำกับมันแบบนี้ได้ยังไง

   ครืนนน ครืนนน

   เสียงฟ้าร้อง ฟ้าผ่าตามด้วยสายฝนที่เทกระหน่ำ ยิ่งทำให้หัวใจผมบีบรัด มันร้อนรนจนเหงื่อกาฬแตกพลั่ก ผมกำลังจะกลายเป็นบ้า ถ้าเพทายเป็นอะไรไป ผมจะทำยังไง

   โว๊ยย!!

   “นั่นจะไปไหนลูก”ม๊าผมร้องถามตอนที่เห็นผมรีบร้อนใส่รองเท้า

   “ปิดประตูเลยครับ ผมคงไม่กลับ”ว่าจบผมก็วิ่งไปที่ดรงจอดรถอย่างเร็ว

   ความหนาวของแอร์ไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกเย็นขึ้น ใจผมยังร้อนและร้อนมากขึ้น ยิ่งผมขับไปใกล้มหา’ลัยมากเท่าไหร่ ผมก็เหมือนกำลังจะตายไปทุกที

   ปัง!

   ผมปิดประตูวิ่งตามหามันที่ตึกวิศวะ มันมืดมากยิ่งสายฝนที่กระหน่ำตกแบบไม่ลืมหูลืมตายิ่งทำให้ผมมองอะไรไม่เห็น แต่ผมจะถอดใจไม่ได้

   ซ่า ซ่า!!!

   แฮ่กๆ

   ใจของผมร้อนรน ไม่พบร่างของคนที่ตามหา มันอยู่ไหน เพทาย เราอยู่ที่ไหน

   “เพทาย! เพทาย!!”ผมตะโกนเรียกมันอย่างบ้าคลั่ง ผมกำลังจะเสียสติถ้าผมยังหามันไม่เจอ อยู่ไหน อยู่ที่ไหน

   “โว๊ยยย!!! เพทายอยู่ที่ไหน”

   ผมวิ่งไปมา ความกลัวคือสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นในใจของผม หรือว่ามันจะกลับไปแล้ว ไม่หรอก ผมมั่นใจว่ามันยังอยู่ที่นี่

   และ

   ผมก็เจอมันแล้ว....

   “เพทาย...”ผมครางเรียกชื่อมันเบาหวิว

   ผมเดินเข้าไปหามันช้าๆ ร่างของคนที่ผมตามหานอนขดตัวเองอยู่บนเก้าอี้โต๊ะหินอ่อน ผมเดาได้ว่ามันคงนั่งอยู่ที่โต๊ะตัวนี้ตั้งแต่ตอนที่มานั่งรอผม

   กระทั่งตอนนี้มันก็ยัง รอผม

   “ทายครับ พี่มาแล้วนะ”ผมอุ้มร่างบางของมันขึ้นมาไว้บนตักหลังจากที่ผมนั่งตรงเก้าอี้ตัวเดียวกันกับมัน ตัวมันสั่นและซีดขาว ฝนยังตกอยู่แต่ยังดีที่เบาลงกว่าตอนแรก ผมเห็นหน้ามันชัดๆแล้ว ผมเห็นมันแล้ว

   “เพทาย พี่มาแล้วนะครับ”

   “พี่มุธหรอ พี่มารับผมกลับบ้านหรอ”มันถามผมทั้งๆที่ยังไม่ลืมตา มันคงเพ้อมากกว่า

   “ครับ กลับบ้านเรานะ”มันยิ้ม เอื้อมมือมาคล้องคอผมเป็นสัมผัสที่เคยชิน

   หัวเล็กๆของมันเบียดเข้ากับอกของผม ผมกระชับกอดให้แน่นขึ้น ผมจะไม่ทำร้ายมันอีกแล้ว ผมพูดคำนี้มามากกว่าร้อยครั้ง

   แต่ผมก็ทำไม่ได้ทุกที เพราะครั้งนี้ก็เป็นผมที่ทำให้มันต้องเสียใจ ผมทำร้ายหัวใจของมัน

   “ฮะ กลับบ้านนะ”

   ผมพามันมาขึ้นรถตรงไปยังคอนโดของผม หรือบ้านของเรา ตอนที่กำลังจะอุ้มมันขึ้นไปข้างบน ผมเพิ่งรู้สึกว่าตัวมันร้อนมาก นั่นยิ่งทำให้ผมรู้สึกผิด

   “พี่ขอโทษนะครับ พี่ขอโทษจริงๆ”ผมได้แต่พูดบอกคำเดิมซ้ำๆ มันคงเบื่อที่จะฟัง แต่มันไม่เคยทิ้งผมไป

   ผมมันเป็นแฟนที่แย่

   เป็นผู้ชายที่แย่มากจริงๆ

   ผมวางมันลงบนที่นอน จับแก้ผ้าเช็ดตัวให้มันเพื่อที่จะบรรเทาอาการไข้ของมัน ตัวมันสั่นมาก ปากซีดตัวซีดน่าสงสาร

   “ไปโรงพยาบาลกันเถอะ”ผมบอกใกล้ๆหู

   มันส่ายหน้าแถมยังถดตัวหนีไปอีกด้าน มันกลัวโรงพยาบาลกลัวหมอกลัวเข็ม ผมรู้

   “ไม่เอา ฮึกๆ ฮือ กอดผม พี่มุธ”มันร้องไห้ ขนาดว่าป่วยยังกลัวจนร้องไห้เหมือนตอนปกติเลยจริงๆ

   “ครับ”ผมล้มตัวลงนอนกอดมัน

   มันหันหน้าเข้ามาซุกตัวผม ผมกอดมันแน่นจนแทบจะไม่มีช่องว่างให้หายใจ

   ผมถอนหายใจหนักๆ โล่งอกที่เจอมัน เป็นอีกครั้งที่ผมกลายเป็นแฟนนิสัยเลว แต่ผมไม่ได้ตั้งใจ ผมรีบกลับไปก็เพื่อมัน อยากไปบกับทุกคนที่บ้านว่าผมมีแฟนแล้ว แต่สุดท้ายผมก็ไม่ทำ

   จริงๆแล้วผมอาจจะไม่ได้ทำเพื่อมันด้วยซ้ำ

   แต่ผมทำเพื่อตัวเอง ผมมันเห็นแก่ตัว





TBC_______________________




นักเขียนขอเม้าาาา

ฝากค่าาาา เรื่องนี้แน่นอนดราม่าจ้าจะพยายาม

จัดเต็มให้สุดๆนะคะ <3



ออฟไลน์ liza sarin

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2538
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +91/-14
รอค่ะ กำลังต้มน้ำรอมาม่า

ออฟไลน์ Mookkun

  • magKapleVE
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 637
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-0
    • Consensual free relationships
เง้อออออ เพทายย
น่าสงสารง่ะ
T___________________T//

ออฟไลน์ hembetaro

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1122
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +112/-1

ทำไมถึงเชียร์ให้พี่วอดก้าเป็นเคะล่ะ 55555555555555

ต้องการเอาคืนอิพี่ว็อดก้าอ่ะ  มาขัดขวางฟามสุขของเรา อุตส่าห์เชียร์น้องเหนือ กับน้องวิสกี้อยู่ดีๆ  จัดคู่เป็นเพื่อนที่มาจากเมืองนอกคนนั้นเบย

 :laugh: :laugh:

na-au

  • บุคคลทั่วไป
 :sad2: คนแก่สงสารหลานเพทายจังเลย

 :bye2: :bye2:

tuktik_narak

  • บุคคลทั่วไป


ตอนที่3
 
          ผมค่อยๆขยับตัวช้าๆ แสงแดดที่ลอดผ่านม่านเข้ามาภายในเริ่มทำให้ผมแสบตาคิดว่าไม่นานน้ำตาคงต้องไหล
 
          บิดกายไปมาสมองยังปรับอะไรไม่ได้หรอกครับ มึนงงๆ ครั่นเนื้อครั่นตัวแปลกๆด้วยล่ะ คล้ายว่าจะไม่สบาย พอลองนึกดูดีๆก็คิดได้ว่าเมื่อวานผมตากฝนมา
 
          ใช่!
 
          ผมตากฝนเพราะกลับบ้านไม่ได้ ผมรออยู่เดิมเกือบสามชั่วโมง เพราะคนๆหนึ่งบอกให้ผมรอ คนๆหนึ่งที่ผิดนัดผม
 
          ผมมองเพดานอีกครั้งชัดเจนแล้วว่า เพดานห้องที่คุ้นตาแบบนี้เป็นคอนโดพี่มุธแน่ๆ คิดได้อย่างนั้นผมก็หันขวับมองคนข้างกายทันที
 
          ณ วินาทีที่หันมาเจอผู้ชายร่างใหญ่นอนกอดผมไว้อย่างหมิ่นเหม่ ผมก็อยากจะร้องไห้ ความรู้สึกของผมตอนนี้มันไม่สามารถอธิบายออกมาได้เลย
 
          คิ้วเข้มแบบนี้ ตาคมคู่นี้ ใบหน้าหล่อเหลาของคนๆนี้สินะที่ทำให้ผมร้องไห้มาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน เรื่องเมื่อวานผมไม่โกรธพี่มันเลย ผมโกรธตัวเองที่รักพี่มันมากเกินไป มากกว่าที่รักตัวเอง จะเจ็บขนาดไหนผมก็ยอม
 
          ก็เพราะคำว่ารักคำเดียว
 
          ผมรักพี่มันมากจริงๆ
 
          “ฮึกๆ ฮือ”และอาจจะเพราะเสียงร้องไห้อันแสนจะน่ารำคาญของผม ทำให้คนข้างๆขยับตัวไปมา ผมรีบยกมือขึ้นปาดน้ำตาทิ้งไป พี่มันไม่ชอบเห็นน้ำตาผมรู้ดีที่สุด
 
          ผมพลิกตัวหันหลังหนีไปอีกทาง ซ่อนรอยความหมองช้ำไว้ให้ลึกที่สุด
 
          “เพทายครับ”พี่มันเรียกผมเสียงแหบแห้ง ผมยังคงนอนนิ่งอยู่ที่เดิมทำราวกับว่ายังนอนไม่ตื่น ทั้งๆที่ความเป็นจริงแล้วมันไม่ใช่อย่างนั้น
 
          หมับ!
 
          สัมผัสได้ถึงไออุ่นของคนด้านหลัง แรงกอดรัดที่มากขึ้นราวกับว่าอยากให้ตัวของผมมันจมหายไปกับอกอย่างนั้น แต่ยิ่งทำแบบนี้ผมยิ่งอยากจะร้องไห้
 
          ผมสับสน
 
          ผมเสียใจ
 
          หรือผมทำใจได้
 
          ณ ตอนนี้ผมยังไม่รู้ตัวเองเลย ว่าผมคิดอย่างไรกันแน่ หรืออาจจะเป็นเพราะว่าผมเจ็บมามากเกินไป ตอนนี้ผมเลยรู้สึกว่าตัวเอง
 
          ด้านชา
 
          ใช่ ผมคงด้านชา คำๆนี้เหมาะกับผมที่สุดแล้ว
 
          “ทายครับ พี่ขอโทษ”ไม่ไหว ผมไม่สามารซ่อนอาการสั่นเทาของตัวเองได้อีกต่อไปแล้ว
 
          “ฮึกๆ ฮือออ”
 
          “อย่าร้องนะคนดี”คำหวานของพี่มันกลายเป็นยาพิษเคลือบน้ำตาลสำหรับผมไปซะแล้ว ยิ่งพี่มันพูดแบบนี้มากเท่าไหร่ ผมก็ยิ่งอ่อนไหวมากเท่านั้น
 
          “ผะ ผม ฮึกๆ”
 
          “ทาย ทายครับ”พี่มันร้องเรียกผมด้วยน้ำเสียงแตกตื่น
 
          ผมเริ่มได้ยินเสียงพี่มันเบาลง ไออุ่นเริ่มแปลงเปลี่ยนเป็นความหนาว มันหนาวมากจนผมต้องร้องระบายขอความช่วยเหลือ
 
          “ผมหนาว ฮึกๆ ผมเจ็บ อึก”ผมได้ยินเสียงตัวเองสะท้อนก้องไปมาอยู่ในหู สลับกับเสียงเรียกของพี่มุธที่เหมือนกับว่ามันดังอยู่ในที่ไกลแสนไกล
 
          “เพทาย ได้ยินเสียงพี่ไหมครับ ทายได้โปรดตอบพี่”
 
          “หนะ หนาวว”
 
          ผมคงกำลังเพ้อล่ะมั้ง ผมรู้สึกได้ว่าตัวเองน่าจะตกอยู่ในสภาวะไม่สบาย ไม่น่าแปลกใจหรอก แต่ผมแค่ไม่เคยรู้สึกว่า ผมอยากป่วยแบบครั้งนี้ไปเรื่อยๆ
 
ผมไม่อยากหาย
 
ผมไม่อยากได้ยินเสียงใคร
 
ผมอยากนอนหลับแบบนี้ตลอดไป
 
ถ้าเป็นไปได้ผมคงนอนฝันดี

.

.

เวอร์มุธ พาร์ท

ผมนั่งกระวนกระวายอยู่หน้าห้องผู้ป่วย เพทายมันเป็นไข้สูงมากตอนนี้ผมกำลังรอฟังผลจากหมอ

มันอ่อนแอ

ก็เพราะผม กี่ครั้งแล้วนะที่ทำให้มันต้องเจอกับเรื่องเสียใจ กระทบกระเทือนใจแบบนี้ กี่ครั้งแล้วนะที่ผมไม่เคยทำอะไรให้กับมันสมกับคำว่าเป็นแฟนกันได้เลย ผมเป็นผู้ชายที่แย่ใช่ไหม

แต่ในชีวิตผู้ชายคนหนึ่งอย่างผม คนที่ต้องแบกรับทุกสิ่งทุกอย่างของครอบครัวไว้เพียงคนเดียว ในอนาคตผมไม่รู้ว่าอะไรมันจะเกิดขึ้นกับชีวิตของผมบ้าง บางครั้งเหตุการณ์หลายๆอย่างก็บังคับให้ผมต้องโหดร้ายใส่มัน

ชีวิตรักของผมกับมันไม่มีความแน่นอนเลยแม้สักนิด ทั้งหมดก็คงอยู่ที่ตัวผมเอง

ลูกชายคนโต

ใช่ไม่ว่าจะฟังมันกี่ครั้งผมก็จะรู้สึกเสียใจที่ว่าทำไมไม่เป็นวิสกี้ที่เกิดก่อน ทำไมไม่เป็นวอดก้าที่เกิดก่อนผม ทำไมต้องเป็นผมที่เป็นความหวังของป๊ากับม๊า

น้องทั้งสองของผมมันมองผมเหมือนฮีโร่ประจำบ้านรองจากป๊า ผมไม่อยากให้มันรู้สึกเสียใจในสิ่งที่ผมเลือก

เลือกที่จะมีแฟนเป็นผู้ชาย ผมไม่รู้ว่าน้องชายของผมจะรับได้ไหมโดยเฉพาะวอดก้ามันนิสัยไม่เหมือนใคร สุขุมแต่ก็แอบใจเด็ดมันจะว่ายังไงในเมื่อต้นแบบของมันได้กลายมาเป็นคนชอบเพศเดียวกัน

ตอนเรียนจบผมเคยสัญญากับป๊าเอาไว้ว่าขอทำงานตามที่ตัวเองเป็นเวลาสามปี ขอแค่ได้ทำในสิ่งที่รักผมจะกลับไปรับช่วงต่อบริษัทของครอบครัวอย่างเต็มภาคภูมิแลกกับการที่น้องชายของผมทั้งสองคนไม่ต้องมาทนเรียนและทำงานในสิ่งที่พวกมันไม่ชอบ ป๊าตกลง ยอมให้ผมมาเป็นอาจารย์ในช่วงเวลาสามปีที่ได้ตกลงกัน

ซึ่งก็เหลือเวลาอีกไม่นานที่ผมจะต้องยอมทิ้งอาชีพตรงนี้เพื่อไปแบกรับอะไรที่มันใหญ่กว่า

นอกเหนือจากนั้น ‘การแต่งงาน’ คือสิ่งที่ป๊ากับม๊าของผมเขาคาดหวังเอาไว้ทันทีที่ผมก้าวขึ้นแท่นผู้บริหาร

น้องศศิ ผู้หญิงที่ป๊าเลือกเขาดูเหมาะสมกับผมไปซะหมด

ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งที่ผมเคยไปสัญญาเอาไว้ตอนที่ผมเพิ่งเรียนปริญญาตรีใหม่ๆ ผมไฟแรงผมคิดว่าผมทำได้ แต่ความคิดเหล่านั้นก็มอดหายไปในวันที่ผมเจอกับมัน

เพทาย

ผมไม่คิดว่าผมกับมันจะคบกันได้นานขนาดนี้ ผมคิดไว้เสมอว่าสักวันหนึ่งอาจจะต้องเลิกกันเพราะภาระที่ผมแบกไว้บ่นบ่าทั้งสองข้าง ผมไม่สามารถโยนไปไว้ให้คนอื่นแบกแทนได้

สาเหตุนี้ด้วยที่บางครั้งผมก็ใจร้าย เย็นชา

และไม่เคยบอกรักมัน

ผมไม่อยากให้มันยึดติดกับคำว่ารักที่ฟุ้งเฟ้อ อีกอย่างมันจะได้ตัดใจจากผมง่ายๆถ้าวันหนึ่งผมต้องทิ้งทุกอย่างแล้วกลับไปทำหน้าที่ของตัวเอง

แต่ถึงอย่างนั้นผมก็เจ็บไปกับมันทุกครั้ง ผมคงเลวมากเลยใช่ไหมที่มีมันเอาไว้ข้างกายแต่ก็ทำให้มันเสียใจเพราะผมทุกครั้ง

ทำไมมันถึงอยากจะฟังนักกับไอ้คำว่ารักจากปากผม ไม่รู้หรือไงยิ่งมันฟังมากเท่าไหร่สุดท้ายมันก็จะยิ่งเจ็บมากขึ้นเท่านั้น

ผมต้องแต่งงานกับคนที่พ่อแม่หามา

ผมอยากยกเลิกทุกอย่าง

แต่ผมทำไม่ได้ เข้าใจผมหรือเปล่า ผมโยนภาระทุกอย่างทิ้งไม่ได้

แต่ผมก็โยนมันทิ้งออกไปจากหัวใจไม่ได้เหมือนกัน

“ญาติคนไข้ใช่ไหมครับ”เสียงของแพทย์รักษาอาการถามขึ้นจากด้านหลัง ทำให้ผมสะดุ้งนิดหน่อยครับ กำลังจมอยู่กับความคิดของตัวเองเลยไม่ทันได้สนใจรอบข้างสักเท่าไหร่

“ครับ มันเป็นยังไงบ้าง”ผมถามอย่างร้อนรน

“ไม่ถึงกับร้ายแรงมากครับ ปอดติดเชื้อแล้วก็ไข้ขึ้นสูงคงเพราะตากฝนนานไปหน่อย”คุณหมอบอก

ผมขมวดคิ้วจนเป็นปมแน่น เพราะผมสินะ

“ดูอาการอีกสักสองวันถ้าดีขึ้นก็กลับบ้านได้ครับ แต่ถ้ายังไม่หายหมออาจจะต้องตรวจอย่างละเอียดอีกครั้ง”คุณหมอพูดจบก็เดินจากไป

ผมเข้าไปในห้องผู้ป่วยเห็นร่างบอบบางนอนซีดขาวอยู่บนเตียง สายอะไรไม่รู้ระโยงระยางเต็มไปหมด ผมมองใบหน้าไร้สีเลือดของมันอย่างเจ็บปวด ถ้าผมเข้มแข็งกว่านี้ ถ้าผมเห็นแก่ตัวหว่านี้ และถ้าผมกล้าพอที่จะฉีกคำสัญญาทุกอย่างออกไปให้หมด ทั้งผมและมันคงจะมีความสุขเหมือนคนรักคนอื่นๆไปนานแล้ว

“ขอโทษครับ พี่ขอโทษ”ผมไม่รู้จะพูดคำไหนแล้วในตอนนี้

ผมจับมือมันขึ้นมากุม มือมันเย็นชืดมากจนผมต้องกุมไว้ให้แน่นขึ้นกว่าเดิม

“พี่ทำเราเจ็บมากเลยใช่ไหม พี่มันแย่มากๆเลยสินะ”

“ทุกสิ่งทุกอย่างที่พี่ทำไปมันมีเหตุผล เราจะรับฟังเหตุผลของพี่ได้หรือเปล่าครับ”

รู้นะว่าพูดไปยังไงมันคงยังไม่ตื่นตอนนี้ พยาบาลเพิ่งฉีดยาสลบอ่อนๆให้มันจะได้นอนหลับพักผ่อนแบบเต็มที่ แต่ผมก็อยากจะพูด หึหึ ผมมันปอดแหกอีกแล้ว พูดตอนมันหลับเพราะผมรู้ตัวเองดีว่ามันตื่นขึ้นมาผมคงไม่กล้าพอทีจะพูดกับมัน

“เพทายครับ พี่รักเราที่สุดในชีวิตนะ”

ผมรู้สึกว่าร่างกายมันสั่นเทาไปหมด ผมกำลังร้องไห้ ทำไมกันนะผมถึงต้องเป็นคนที่เกิดมาแบกรับทุกสิ่งอย่างแบบนี้

“รู้ไว้นะ ไม่ว่าอนาคตจะเกิดอะไรขึ้น พี่ก็รักเราที่สุด”

อยากฟังใช่ไหม ตอนนี้พี่ยังไม่พร้อมจะบอกแต่พี่ก็คิดว่าเพทายจะได้ยินนะ




นักเขียนขอเม้า

มาอัพเพิ่มแล้วค่าาาา ><


ออฟไลน์ sukaz

  • I Will Love You Unconditionally
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1431
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-3
เริ่มไม่น่าเชื่อถือ

 :beat: :beat: :beat:

@Lucifer_Prince@

  • บุคคลทั่วไป
ได้ฤกษ์ตามมาอ่านแล้ว  ที่จริงถ้าไม่อยากให้มันดราม่ามันก็ทำได้เยอะ  แต่พี่แนนยืนยันมาแล้วว่าดราม่า  เราก็เลยคิดไปถึงว่าแม่นางศศิอาจจะไม่ได้ง่ายๆ  แล้วอิวอดก้ายิ่งยากไปใหญ่เลย  ยังยืนยันเหมือนเดิมว่าให้บ้านนี้มีคนสืบทอดตระกูลบ้างเน้อ  รอพี่แนนมาต่อที่เหลือครัฟ

ออฟไลน์ zelesz

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 525
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-4
เป็นเรื่องที่ลำบากใจเนาะ แต่เราเชื่อว่าสองอย่างนี้มาด้วยกันได้นะ
ถ้ามีความมั่นคงและไม่ยอมแพ้ล่ะก็นะ

tuktik_narak

  • บุคคลทั่วไป


ต่อจ้าาาาาาาาาา

เพทาย...พาร์ท

   ผมขยับเปิดเปลือกตาได้อย่างยากลำบาก มันรู้สึกหนักอึ้งไปหมดเหมือนคนไม่มีแรงขนาดจะอ้าปากส่งเสียงก็ยังทำไม่ได้ ผมนอนเรียกกำลังและสติของตัวเองอีกครั้งก่อนจะพยายามเปิดตาขึ้นอีกรอบ

   สว่าง

   ผมกระพริบตาถี่ๆไล่น้ำตาออกไปรู้สึกแสบมากครับอาจจะเป็นเพราะว่าหลับตามานานมั้งเลยยังไม่สู้แสงดี

   “นะ น้ำ..”คำแรกที่ผมเรียกร้องมันรู้สึกไปอัตโนมัติพร้อมๆกับร่างกายที่โหยหาน้ำอย่างสุดกำลัง

   ผมได้ยินเสียงคนลุกจากโซฟาไม่รู้ว่าใครแรงจะหันไปมองยังไม่มีขยับนิดหน่อยก็เมื่อยเนื้อเมื่อยตัว

   ไม่ถึงสิบวิได้มั้งแก้วน้ำพร้อมหลอดดูดก็ยื่นมาตรงหน้าผมผมนอนกินเลยครับมีหลอดมาแล้วนิ ไม่มีแรงจะลุก

   อึกอึก

   “ขะ ขอบคุณ....พะ..พี่มุธ”ผมเรียกเสียงแผ่วน้ำตาจวนจะไหล แค่เห็นหน้าผู้ชายคนนี้ความอ่อนแอทั้งหมดของผมก็ล้นทะลักแบบว่าถล่มทลายยิ่งเป็นช่วงที่ผมไม่ค่อยสบายนี่ใช่เลย

   “ครับ พี่เอง”พี่มันเดินเอาแก้วไปเก็บที่โต๊ะก่อนจะเดินมานั่งที่เก้าอี้ข้างเตียง

   “ผม..เป็นอะไร”เสียงโคตรจะน่าเกลียดมันแหบซะผมเองยังฟังไม่รู้เรื่อง

   “ไม่ต้องพูดแล้ว ทายไม่สบายพี่เลยพามานอนโรงบาล”ผมพยักหน้าเข้าใจ

   พอบอกว่าโรงพยาบาลเออจริงๆด้วยเพิ่งมาสังเกตเห็นสายน้ำเกลือ กับชุดผู้ป่วยสีเขียวอ่อน ไม่ได้ตกใจอะไรนะเพราะโรงบาลสำหรับผมเป็นเหมือนบ้านหลังที่สอง ผมอกับผมจะเป็นเพื่อนกันอยู่แล้ว

   “หลับไปนานมากเลยรู้ไหม”เสียงคนข้างตัวผมทำให้ผมต้องหยุดความคิดทุกอย่างแล้วหันไปมอง พี่มุธจับมือผมข้างหนึ่งขึ้นไปจูบ ผมไม่เห็นว่าตอนนี้พี่มุธทำหน้ายังไงเพราะเขาก้มหน้าเอาไว้แต่ที่ผมรับรู้ได้คือ

   พี่มุธร้องไห้

   “พี่ผิดเอง พี่ผิดเอง”

   ผมร้องไห้ทำไมที่รักของผมต้องมานั่งร้องไห้ด้วย ผมไม่โกรธพี่มันแล้ว ผมเองก็ผิดที่ไม่ยอมกลับไปตั้งแต่เย็นนั่งตากฝนอยู่ได้

   ร่างกายผมอ่อนแอกว่าคนอื่นๆเป็นสารพัดโรคจนแม่ทำใจตั้งแต่ผมยังไม่สิบขวบด้วยซ้ำว่ายังไงซะผมก็ไม่รอด จนดีหน่อยที่เริ่มเล่นกีฬาเบาๆพวกแบต ปิงปอง อะไรแบบนี้ร่างกายก็เลยเริ่มแข็งแรงขึ้น แต่ถ้าได้เป็นหวัดหรือไม่สบายนะสองอาทิตย์ก็ไม่มีทางหาย

   “ไม่ พี่มุธไม่ผิดสักหน่อย”ผมพยายามเอี้ยวตัวไปหาพี่มันเต็มตัว ทำไมต้องโทษตัวเอง

   “พี่ผิดเองที่ดูแลเราไม่ได้”ผมส่ายหน้าแต่พี่มันคงไม่เห็น ผมพูดอะไรไม่ออกได้แต่ร้องไห้ไปพร้อมๆกับพี่มัน

   ทั้งห้องเงียบกริบไร้เสียงใดๆนอกจากเสียงสะอื้นของเราสองคน ผมไม่เคยเห็นพี่มุธร้องไห้เลยนะครับ ไม่เคยเลย พี่มันเป็นพี่ชายที่ดี เป็นอาจารย์ที่ดี แล้วสำหรับผมพี่มันก็เป็นแฟนที่ดี ไม่ว่ายังไงพี่มันเป็นผู้ชายที่ดีที่สุด

   ผมรู้แค่นั้น

   “ไม่ผิด ฮืออ พี่มุธไม่ผิด!”ผมขึ้นเสียง จนพี่มันตกใจ

   ผมไม่อยากให้ใครโทษตัวเองเพราะผม ไม่มีใครทำอะไรผมนอกจากตัวเอง ถ้าจะผิดก็ผิดที่ผมรักพี่มันมากเกินไป

   “ครับ เพทายครับ”ผมดิ้นไปมาบนเตียง รู้สึกเจ็บที่เห็นพี่มันเจ็บ

   หมับ!

   “อย่าทิ้งผมก็พอ สัญญาสิ ฮืออ ฮึกๆ พี่มุธ ฮืออ”ผมกอดเอวพี่มันแน่น พี่มุธก็ลูบหัวผมกอดผมไว้ในอ้อมกอดที่แสนจะอบอุ่นเหมือนเดิม

   “………………..”

   “เงียบทำไม พี่มุธ ฮืออออ สัญญาสิ”ผมร้องลั่นไม่สนใจอะไรทั้งนั้น

   ผมยิ่งร้องไห้หนักเมื่อเห็นพี่มันเงียบ

   “พี่.....”

   “พี่มุธ ผมรักพี่มากนะพี่รู้ไหม พี่จะทิ้งผมเหรอ พี่ไม่รักผมเหรอ ฮือออ”ผมเงยหน้ามองพี่มันทั้งน้ำตา

   ผมยังกอดเอวพี่มันไว้แน่นครับ กลัว กลัวว่าถ้าปล่อยไปแล้วพี่มันจะไม่กลับมา อะไรไม่รู้ทำให้ผมคิดแบบนั้น แต่ก่อนผมไม่เคยกลัวว่าพี่มันจะทิ้งผมไปถึงแม้จะมีไม่มั่นใจบ้างแต่ไม่เคยรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังใจจะขาดแบบนี้

   “พี่บอกผมสิ ฮึกๆ ว่าพี่จะไม่ไปไหน”ผมถามอีกครั้ง

   “พี่มุธ ฮึกๆ”

   “ฟังพี่นะเพทาย”

   “ไม่! ไม่ฟัง!”

   ผมรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังจะเสียสติ ทำไมล่ะพี่มันจะทิ้งผมใช่ไหม ใช่ไหม!!

   ผมดิ้นไปมาบนเตียงยกมือปิดหูไม่ยอมรับฟังอะไรทั้งนั้น ผมร้องไห้เหมือนจะขาดใจขนาดว่าพี่มันยังไม่ทิ้งผมผมยังรู้สึกปวดใจได้ขนาดนี้

   แล้วถ้าวันนึงพี่มันต้องทิ้งผมไปจริงๆละ

   “ผมไม่ฟัง ไม่!! ฮืออ”

   “ฟัง เพทายฟังพี่ก่อน”พี่มุธกอดผมไว้ทั้งตัว ผมก้มหน้าซุกเข่ามือยังปิดหูอยู่อย่างนั้น

   ผมรู้ว่าพี่มุธคงตกใจในเมื่อผมไม่เคยมีสภาพเหมือนคนจะกลายร่างแบบนี้มาก่อน แต่เป็นเพราะว่าผมรักพี่มันมากเกินไป ผมเสียพี่มันไปไม่ได้

   ผมอยู่ไม่ได้

   “ไม่ ฮืออ พี่จะทิ้งผม พี่ไม่สัญญากับผม ฮึกๆ”

   “ไม่ทิ้งครับไม่ทิ้ง อย่าร้องนะ”

   ผมค่อยๆนิ่งลง พี่มันสัญญาแล้วใช่ไหม

   “พี่สัญญากับผมแล้วนะ ฮืออ ห้ามทิ้งผมนะ”ผมมองพี่มันน้ำตายังไม่หยุดไหลง่ายๆ พี่มันยิ้มน้อยๆมาให้

   เรากอดกันนานเท่าไหร่ไม่ทราบจนพี่มันพูดขึ้นมาเบาๆเหมือนอยากให้ผมตั้งใจฟัง

   “ให้รู้ไว้นะเพทาย ทุกสิ่งทุกอย่างที่พี่ทำมันมีเหตุผล ไม่ว่ายังไงพี่ก็ไปรักใครไม่ได้อยู่ดี”

   รัก

   รักเหรอ

   “รักผมเหรอ...อื้ม”

   พี่มันก้มลงจูบผมปิดกั้นประโยคทุกอย่างจากปากผมได้อย่างดี ผมหลับตารับสัมผัสนั้นอย่างหวงแหนและโหยหา

   “บอกผมหน่อย อื้ม”โดนจูบอีกแล้ว

   โอเคผมจะไม่ถาม ไม่ว่ารักของพี่มันจะมีให้ผมจริงหรือเปล่าก็เถอะ ขอแค่พี่มันยังให้ผมอยู่ตรงนี้ ข้างๆกับพี่มันอย่างนี้จะรักไม่รัก จะอยู่ในฐานะอะไรผมก็ยอมหมดนั่นแหละ



TBC_______________


นักเขียนขอเม้าาา

ต่อไปจะอัพให้ทุกวันนะคะ

จะได้ทันเว็บอื่น ขออภัยค่า

 :katai4: :katai4: :katai4: :katai2-1: :hao5: :hao6: :mew1: :mew2:



CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ zuu_zaa

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2003
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-1

ออฟไลน์ snowboxs

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5445
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-7
น้ำตาร่วงเลยอ่ะ สงสารเพทายจังเลย

แต่ดีใจจังที่บอกว่าจะมาลงให้ทุกวัน :hao3:

ออฟไลน์ ทั่วหล้า

  • ไม่ช่างพูดแต่ช่างพิมพ์
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1049
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-3
เป็นพี่คนโตต้องแบกรับความหวังของพ่อแม่ทั้งหมดเลยเหรอ? :sad2: แอบเห็นใจพี่มุธเหมือนกันนะ :o11: เพทายเข้มแข็งไว้นะลูกเดี๋ยวเรื่องร้ายก็ผ่านไป :hao5:

na-au

  • บุคคลทั่วไป
 :hao5:  คนแก่เศร้ามาก ๆ เลย สงสารหลานเพทายด้วย

 :bye2: :bye2:

ออฟไลน์ liza sarin

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2538
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +91/-14

ออฟไลน์ sukaz

  • I Will Love You Unconditionally
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1431
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-3

@Lucifer_Prince@

  • บุคคลทั่วไป
อิทายแกน่าสงสารจัง  พี่มุธทำอะไรให้มันเคลียๆหน่อยสิพี่  บอกพ่อแม่เลยเขารับได้อยู่แล้ว  :sad11: :sad11:  รอพี่แนนมาต่อนะคัฟ

ออฟไลน์ GintoniC

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 829
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-0
ตามมาจากเรื่องโน้นคร่าาาาาาา อ่านแล้วน้ำตาแตกทุกตอนอ่ะ ฮืออออสงสารพายและก็เข้าใจพี่มุธด้วย ยิ่งเป็นลูกชายคนโตของครอบครัวคนจีน เรื่องรักกับเพศเดียวกันนี่เป็นอะไรที่ต้องห้ามสุดๆ อ่ะ ต้องมาดูกันว่าพี่มุธจะกล้าบอกกับคนในครอบครัวหรือเปล่าที่มีแฟนเป็นผู้ชาย และที่สำคัญครอบครัวพี่มุธจะรักและรับในสิ่งที่พี่มุธเป็นได้หรือเปล่า จะรออ่านคร่าาาา (เตรียมผ้าห่มไว้ซับน้ำตาเรียบร้อยแล้ว เอาตอนใหม่มาเลย )
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16-11-2013 21:37:21 โดย GintoniC »

ออฟไลน์ sang som

  • เจ็บจิต!!
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1609
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +108/-6

ออฟไลน์ Mafiaziip

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 318
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1
เป็นคู่ที่น่าสงสารมาก

ต้องต่อสู้กันอีกเยอะ สู้ๆนะ

 :o12: :o12: :o12: :o12:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






tuktik_narak

  • บุคคลทั่วไป


ตอนที่4

   ผมกลับจากโรงพยาบาลได้สามวันแล้วครับ ทุกอย่างดูดีจนผมเริ่มได้กลิ่นตุๆ พี่มุธปรนนิบัติกับผมดีซะจนผมไม่ไว้วางใจ ไม่ใช่ว่าปกติพี่มันจะไม่ใส่ใจผมหรอกนะเพียงแต่ว่าคราวนี้ผมว่าพี่มันทำมากเกินไป

   ผมถูกพี่มันห้ามไม่ให้ไปเรียนหนึ่งอาทิตย์บอกว่าพวกใบลาเดี๋ยวเขาจะจัดการเอง คงให้เพื่อนๆที่เป็นครูด้วยกันช่วยละมั้งผมก็ไม่มั่นใจ ถูกงดอาหารรสจัดทั้งๆที่ผมชอบมาก อะไรที่ไม่ดีต่อสุขภาพพี่มันจะไม่ซื้อหรือพาผมไปกินเลยแม้แต่อย่างเดียว หลังจากสอนหนังสือเสร็จ ไม่เกินสี่สิบนาทีพี่มันกลับถึงคอนโดพร้อมด้วยอาหารบำรุงร่างกาย

   ทำเหมือนผมเป็นแม่ลูกอ่อนเพิ่งคลอดน้องอ่ะครับ

   แรกๆผมก็ชอบนะเหมือนตัวเองเป็นเจ้าหญิง พี่มันเอาใจผมทุกอย่างเรียกว่าแทบอุ้มผมเข้าห้องน้ำด้วยซ้ำ แต่พอมานอนคิดดูอีกทีผมว่าบางทีพี่มันก็ทำเกินไป

   โอเค! ผมอาจจะเพิ่งออกจากโรงพยาบาลแถมพี่มุธยังพูดนักหนาว่าเป็นความผิดตัวเอง แต่ยังไงล่ะผมไม่ใช่คนอ่อนแอขนาดนั้นซะหน่อย แค่เป็นไข้หวัดอ่ะๆอาจจะหนักถึงให้น้ำเกลือแต่ผมไม่ได้เป็นง่อยหรืออัมพาต

   “มากินข้าว”

   นั่งดูนั่งบวกกับคิดอะไรเพลินๆ เสียงสุดหล่อของผมก็ดังมาจากด้านในครัว ผมยิ้มกดปิดทีวีวางรีโมทไว้บนโต๊ะตัวเล็กๆและเดินตามเสียงเรียกพี่มันเข้าไปในครัว

   “เดี๋ยวพี่ช่วย”เดินยังไม่ทันจะสามก้าวพี่มันถลาแล่นลมมารับผมถึงโซฟา

   อย่างนี้มันน่าแปลกใจไหมล่ะ

   “คะ..ครับ”ผมปฏิเสธไม่ทัน

   ถามว่าชอบไหมชอบนะ ฝันมานานว่าวันหนึ่งเราจะอยู่ด้วยความอบอุ่นแบบนี้ไปตลอดจนวันที่เราตาย แต่...

   มันต้องไม่ใช่การกระทำหลังจากที่พี่มุธทำความผิดกับผมสิ แต่ผมว่านะถ้าให้ผมเดาเล่นๆแบบคิดให้ตัวเองเจ็บ พี่มุธต้องมีอะไรปิดบังผมอยู่อีกแน่ๆไม่ใช่แค่รู้สึกผิดที่ปล่อยให้ผมตากฝนจนไม่สบาย

   ผมอยากถามนะ แต่ผมกลัว

   ผมกลัวพี่มุธจะรำคาญที่ผมดันสงสัยอะไรไร้สาระ แต่ผมมักมีสังหรณ์แปลกๆ ห้าปีที่คบกันมาสังหรณ์ของผมมักถูกต้องเกินแปดสิบเปอร์เซ็นต์ซะด้วยนะแต่ยังดีที่เราไม่เคยทะเลาะกันเพราะเรื่องในนั้นไม่มีเรื่องมือที่สามเข้ามาให้ผมกังวลใจ

   แต่ถ้ามาแบบตอดเล็กตอดน้อยอ่ะมีตรึม แน่ล่ะแฟนผมรูปหล่อนิ

   “พี่มุธพี่ไม่ต้องเอาอกเอาใจผมขนาดนั้นก็ได้ครับ”ผมบอกจากใจจริง ผมอยากได้แบบพอดีๆ ผมว่าพี่มันทำให้ผมขนาดนี้พี่มันดูไม่เหมือนเวอร์มุธคนดีของผมยังไงก็ไม่รู้

   “ไม่ชอบเหรอ”ผมส่ายหน้า ก็บอกแล้วว่าชอบแต่...คือมันเยอะแบบแปลกๆ

   “ชอบสิ..แต่ผมว่ามันมากไป”ผมพูดเสียงเบากลัวพี่มันโกรธ ทั้งๆที่ผมไม่ควรกลัวเลยนะ คบกันมาไม่เคยเห็นพี่มันโกรธเลยสักครั้ง อย่างมากก็แค่โมโหหึง

   พูดถึงโมโหหึงแล้วผมขอเล่าให้ฟังสักนิดนึงนะครับ คือเมื่อประมาณตอนที่ผมขึ้นมหา’ลัยใหม่ๆ น่าจะประมาณเกือบๆสี่ปีที่แล้วได้ วันนั้นเป็นวันรับน้องรวมทั้งคณะศิลปกรรมเลยครับ ไอ้เราก็ใหม่ๆรู้จักแต่ไอ้ซันคนเดียวก็ไม่สุงสิงกับใคร กลายเป็นคนไม่ค่อยมีเพื่อนไปเลยตอนนั้น แต่หารู้ไม่ว่าไอ้ความนิ่ง ความเงียบของผมดันไปเข้าตารุ่นพี่ปีสามซะได้

   ไม่ต้องตกใจนะครับพี่ๆกลุ่มนั้นเป็นผู้หญิงครับ หน้าตาดีจัดว่าดีมากด้วยเขาบอกว่าชอบคนเงียบๆ ผมอยากจะบอกเหลือเกินว่าผมไม่ได้เงียบหรอกแค่เป็นคนไม่แสดงออกต่อหน้าคนไม่รู้จักแค่นั้น ไอ้ผมก็ยิ้มรับไมตรีก็พี่เขาน่ารักดีนี่ครับจะปฏิเสธก็ใช่เรื่อง อีกอย่างผมเป็นรุ่นน้องถ้าทำกร่าง เก๊กท่าเยอะเดี๋ยวเจอเขม่นอีกผมก็ซวยเลย

   ประเด็นคือหลังจากนั้นพี่เขาไปเอาเบอร์ผมมาจากพี่รหัสของผม เป๊ะมากดันเป็นเพื่อนในสาขาเดียวกันซะได้ ผมพูดตรงๆนะตอนนั้นจนกระทั่งตอนนี้ผมก็ไม่คิดอะไรกับใครทั้งนั้นแหละ ไม่ได้อยากมีกิ๊กด้วยแต่แบบผมไม่รู้จะปฏิเสธยังไงนี่ครับ เขาโทรมาก็คุยตามมารยาทแต่ก็ต้องแอบๆอ่ะกลัวพี่มุธจับได้

   แต่ว่าต่อมาหายนะก็บังเกิด เมื่อในขณะที่ผมกำลังคุยกับพี่ผู้หญิงคนนั้นที่หน้าตึกพี่มุธก็ดันมาเห็นเข้า ไม่เห็นธรรมดาดันเป็นตอนที่พี่ผู้หญิงกระโดดหอมแก้มผม รู้ไหมครับตอนนั้นผมรู้สึกยังไง

   กู..ตาย..แน่!!!

   ผมกลืนน้ำลายลงคอเอื้อกใหญ่ พี่มันก็นิ่งๆอยู่มหา’ลัยต้องทำเป็นไม่รู้จักกันครับ แต่ผมรู้ชะตาตัวเองเลยกลับห้องไปกูโดนแน่

   แล้วก็ไม่ผิด พี่มันอาละวาดห้องแทบแตกแถมเกือบจะโทรไปด่าพี่คนนั้นด้วยซ้ำดีที่ปลุกสำนึกได้ทันว่าตัวเองเป็นผู้ชายแล้วคนๆนั้นเป็นผู้หญิง แถมอีกอย่างผมไม่ได้เป็นคนไปหอมเขาด้วย อย่าว่าแต่พี่มันตกใจเลยผมเองก็ยังตกใจ

   หลังจากนั้นมาผมก็ต้องไปบอกขอโทษและปฏิเสธอย่างจริงจัง เจอด่ากลับมาชุดใหญ่บอกว่าถ้าผมไม่ชอบแล้วไปคุยให้ความหวังเขาทำไม

   กูเหวอสิครับ เพิ่งรู้นะว่าไอ้การที่คุยด้วย แค่ ครับ อืมๆ นี่คือเรียกว่าให้ความหวัง

   นั่นก็เป็นครั้งแรกและผมหวังว่าจะเป็นครั้งสุดท้ายที่เห็นพี่มุธโมโหแบบนั้น เฮ้อ

   “พี่แค่อยากไถ่โทษ”พี่มันมองเข้ามาที่ตาผม ผมหยุดความคิดทุกอย่างเอาไว้แค่นั้น ความโกรธ ความโมโหที่ผมพูดมามันก็นานมาแล้ว

   ตอนนี้ เวลานี้มีแต่เพียงเวอร์มุธแฟนที่น่ารักของผมเท่านั้น ถึงพี่มันจะชอบผิดสัญญาและทำให้ผมเสียใจแต่อย่างน้อยๆพี่มันก็ไม่เคยคิดจะทิ้งผมไป

   “แต่ก่อนพี่ก็ทำผิดเยอะแยะไม่เห็นจะทำดีกับผมแบบนี้เลย”ผมพูดติดตลก แต่ดูเหมือนพี่มันจะไม่ตลกด้วยแฮะ

   “เพทาย....พี่”

   “ผมล้อเล่นน่า ผมไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อย กินๆ”ผมกลัวพี่มันคิดมากอ่ะครับ เมื่อกี้ผมล้อเล่นจริงๆนะ

   แต่ว่าทำไมพี่มันถึงต้องทำหน้าเครียดขนาดนั้นด้วย

   “พี่.....อืมกินเถอะ”

   “พี่มุธพี่มีอะไรปิดบังผมอยู่หรือเปล่า”ผมวางช้อนทำหน้าตาจริงจังแกล้งถาม

   จู่ๆก็เกิดความกล้าอยากจะลองใจพี่มันดู แกล้งทำเป็นโหดมั่งดูสิว่าพี่มันจะทำยังไง ถ้าเป็นปกติพี่มันก็คงจะบอกว่า

   ‘ไร้สาระน่าเพทาย’

   ‘คิดอะไรเพ้อเจ้อ’

   แต่ตอนนี้ผมว่ามันไม่ใช่

   “………………………..”พี่มันเงียบ

   กลายเป็นผมที่ใจเสีย อ้าว!หรือว่าพี่มันมีเรื่องปิดบังจริงๆวะ จากตอนแรกที่อารมณ์ดีๆ กลับกลายเป็นม่านหมอกสลัวๆมาปิดกั้นหัวใจผมอีกครั้ง

   ผมไม่ได้อยากจะให้สิ่งที่ผมกลัวมันเป็นจริง พี่มันก็รู้ว่าผมกลัวการทอดทิ้งมากที่สุดแล้วถ้ามันดันเป็นเรื่องนั้นล่ะ เรื่องที่ทำให้พี่มันต้องผิดบังผมไว้ ตอนนี้ผมคงภาวนาให้พี่มันตอบผมว่าไม่มีอะไร

   ถึงจะจริงหรือหลอกผมรับได้ทั้งนั้น

   “พี่มุธ...จริงๆเหรอ”ผมถาม ความไม่แน่ใจเริ่มครอบคลุมสมองและจิตใจของผม

   “เปล่าหรอก”พี่มันฝืนยิ้มมาให้ ยังคงตักอาหารใส่จานข้าวให้ผมเรื่อยๆ

   กับข้าวสามอย่าง ของโปรดที่ผมชอบ แต่ผมกำลังน้ำตาตกใน ลางสังหรณ์ผมเริ่มทำงานอีกครั้ง สายตาที่เศร้าลงกะทันหันของพี่มันทำให้ผมไม่เชื่อคำว่าเปล่าของพี่มุธสักเท่าไหร่ แต่ผมจะตอบอะไรได้นอกซะจาก

   “ผมเชื่อใจพี่นะ พี่มุธ”





NEXT 65%



นักเขียนขอเม้าาาา

ขอโทษฮับมาลงช้า ฟิ้ววววว


 :hao5: :hao5: :hao5: :hao5: :hao5:


ออฟไลน์ snowboxs

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5445
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-7
เพทายน่าสงสารอีกแล้ว
แต่ก็เข้าใจความรู้สึกของพี่มุธ

ออฟไลน์ Sirada_T

  • We Will [Luk] You!!
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 453
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-0
แอร๊กกกก OMG เดอะซีรีย์สินะ.....   จำได้ว่าพี่มุธขัดขวางความสุขคนอื่นนะ...  แล้วนี่ยังไง  อธิบายมาซะคนเขียนนนน  แฮ่มมๆๆๆๆ

@Lucifer_Prince@

  • บุคคลทั่วไป
จากรีบนตอบแทนคนเขียนนะ  คนขัดขวางความสุขคือพี่วอดก้า  แต่ตอนนี้พี่วอดมันก็รับผลกรรมไปแล้ว(เสียดายพี่มันนิดๆ  บ้านนี้ไม่มีคนสืบตระกูล  ฮา)  ส่วนพี่มุธมันเงียบนนะตาย.....  พี่มุธอ่าอมพะนำอยู่นั่น  ห่วงใยความรู้สึกคนอื่นแต่ห่วงใยผิดเวลาหน่อย  สงสารอิทายสงสารพี่มุธ  พี่แนนๆๆมันจะม่าทั้งเรื่งมั๊ยนี่  รอพี่มาต่อที่เหลือนะคัฟ^^

ออฟไลน์ zelesz

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 525
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-4
เพทายคงรู้แหละว่าพี่มุธมีอะไรปิดบัง ก็แหม มีพิรุธขนาดนี้นี่เนาะ

ยังพอรู้ความจริงแล้วเพทายก็ต้องมีสติฟังเหตุผลก่อนนะ

รักกันต้องสู้ไปด้วยกัน

ออฟไลน์ anuruk97

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 476
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-4
หนูต้องทั้งสติให้ดีนะหนูเพทาย   

ออฟไลน์ sukaz

  • I Will Love You Unconditionally
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1431
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-3

tuktik_narak

  • บุคคลทั่วไป
ต่อจ้าาา


   หลังจากวันนั้นทุกอย่างกลับมาเป็นปกติ ปกติจนผมคิดมากอีกครั้งหรือว่าบางทีผมจะเพ้อเจ้อไปเอง พี่มันลดอาการดูแลเหมือนผมพิการลงไปเยอะทีเดียวครับแต่ก็ยังมีบ้างโทรมาหาตอนเที่ยง ตอนเย็นๆก็จะพยายามรีบกลับมาหาผมวันไหนจะกลับไปนอนบ้านพี่มันก็จะบอกผมล่วงหน้าสักสองวัน เพื่อให้ผมเตรียมตัวกลับไปนอนหอตัวเองถึงเวลาก็ไปรับผมกลับมา

   ชีวิตประจำวันผมเริ่มกลับมาเป็นปกติเหมือนเมื่อสมัยคบกับได้สักสองปีที่แล้ว ผมชอบนะถึงต้องคบกันแบบหลบๆซ่อนๆก็เถอะแต่ผมกลับมีความสุขอย่างบอกไม่ถูก ผมก็ไม่ได้ว่าชอบนักหรอกให้คนอื่นมารู้ความสัมพันธ์แบบนี้ ผมไม่ได้อยากให้ใครมามองเวลาผมกับพี่มันเดินจับมือกันไปไหนอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นแค่การกอดคอก็โรแมนติกสุดๆสำหรับพวกเราสองคน

   ตุ๊บ!

   “เหม่อๆ เหม่อไรวะ”

   “เชี่ย! กูตกใจหมด”ผมสะดุ้ง หันไปด่าไอ้ห่าซันซะหนึ่งยก มันฟาดหนังสือลงมากลางโต๊ะจนผมตกใจคนกำลังคิดอะไรเพลินๆเลย

   “ฮ่าๆ เห็นนั่งทำหน้าเหมือนหมาได้รับความรักจากเจ้าของ โคตรขำ”มันนั่งลงที่เก้าอี้อีกตัวที่ว่างอยู่ ขำผมเสียงดังจนอื่นหันมามอง

   “หมาพ่องง แล้วมาที่คณะกูมีไรมิทราบ”ไอ้สัสด่ากูเป็นหมา หมาห่าไรหน้าตาน่ารักขนาดนี้

   “มาหาน้องน้ำหวานดาวคณะมึงอ่ะ”มันตอบยักคิ้วกวนส้นตีนมาด้วย แหมะๆไอ้หล่อ หล่อเหี้ยๆ หล่อไม่ดูตาม้าตาเรือ

   “อย่าบอกนะว่า......”

   “ตามนั้นว่ะครับ” รู้เรื่อง น้องน้ำหวานหญิงในฝันของชายทั่วปฐพีเสร็จไอ้ห่าซันแล้วครับ

   “เร็วๆ คณะตัวเองไม่มีให้กินหรือไง”

   “ก็นะ..เด็กมันมายั่วจะปล่อยไปก็เสียดาย”ผมเบะปากหมั่นไส้ คนอะไรวะมั่นใจหนังหน้าเหลือเกิน

   “หึๆ ทำแบบนี้แล้วเมื่อไหร่จะเจอรักแท้วะ”ประโยคนี้ผมพูดกับมันแทบจะทุกครั้งที่เห็นมันเปลี่ยนแฟน

   มันเพียงยักไหล่เหมือนไม่สนใจแถมหลบสายตา ผมล่ะเบื่อที่จะพูดคนห่าอะไรโคตรดื้อ ที่พูดเพราะไม่อยากให้มันใช้ชีวิตไม่มีหลักแหล่งแบบนี้ อายุยี่สิบสองแล้วนะครับไม่เด็กแล้วควรเริ่มหาใครสักคนที่เรารู้สึกรักจริงๆสักทีคบกันสักหกเจ็ดปีแล้วแต่งงาน ตอนนั้นก็สามสิบเพอเฟ็กต์สุดๆละถ้ารอไปหาตอนสามสิบคบกันอีกกี่ปีล่ะครับกว่าจะได้ใช้คำว่าครอบครัว

   “รักแท้ถึงเจอไปก็ใช่ว่าจะได้ใช้ชีวิตร่วมกันนี่หว่า ดูอย่างมึงกับพี่มุธสิ....เอ่อ กูขอโทษที”ผมยิ้มส่ายหัวบอกมันกลายๆว่าไม่เป็นไร

   ผมไม่โกรธหรอกนะครับเพราะที่มันพูดก็ถูก รักแท้เราเจอกันได้แต่คู่แท้นี่สิคนที่จะอยู่กับเราไปจนแก่เฒ่าล่ะจะมีใครคนนั้นไหม ดูอย่างผม

   ผมมั่นใจว่าชีวิตผมรักใครไม่ได้อีกแล้วนอกจากพี่มุธ ผมก็ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงรักมาก แต่แล้วยังไงล่ะ รักก็ใช่ว่าจะได้อยู่ด้วยกัน เปิดเผยให้คนในครอบครัวได้รับรู้ ผมยังไม่มีโอกาสได้ทำแบบนั้น แล้วดูเหมือนว่ามันจะไม่มีวันนั้นด้วย

   ไอ้ซันพูดถูกแล้วครับ แต่รักของผมมันผิดธรรมชาติข้อนั้นผมรู้ ที่ผมพูดผมไม่ได้หวังให้มันมาเจอความรักแบบผมสักหน่อย มันชอบผู้หญิงโอกาสสมหวัง แต่งงานมีลูกเรียกว่ามากกว่าเก้าสิบเก้าเปอร์เซ็นต์ซะอีก

   “ช่างมันเหอะ แต่กูอยากอุ้มลานนะเว้ย ลูกมึงอ่ะๆ”ผมแกล้งเย้า ไม่อยากให้มันรู้สึกไม่ดีที่พูดพาดพิงถึงเรื่องของผม

   “กูคงไม่มีว่ะ”มันทำหน้าเศร้าๆ ผมก็สงสัยสิครับ

   “ทำไมวะ เป็นหมันหรือไง”

   “กู....ชอบผู้ชาย”

   O___O!!!

   “จริง!!!!!”โคตรตกใจ ผมไม่เคยจะรู้สึกเลยว่ามันชอบไม้ป่าเดียวกัน หรือว่ามันคลุกคลีอยู่กับผมวะ เลยรู้สึกว่ารักแบบนี้ก็โอเคดี

   ฉิบหายละ!

   “อุ..ฮึ..ฮ่าๆๆๆๆ นี่มึงเชื่อเหรอไอ้ทาย กร๊ากกก”

   เพี๊ยะ!

   “แม่งห่านี่!” ผมตกใจจริงๆ แต่อย่างน้อยก็ดีใจว่ามันไม่ต้องมามีความเสี่ยงเจ็บกับรักที่บอกใครไม่ได้เหมือนผม

   “กูหยอกๆ เด็กกูมาละ กูไปก่อนนะเว้ย”มันมาเท่านั้นก่อนจะขอตัวไปกับน้องน้ำหวาน หวานสมชื่อ นี่ถ้าผมยังคงกระพันเหมือนห้าปีที่แล้วละก็นะ เด็กสวยๆในคณะและนอกคณะต้องเสร็จผมทุกรายไป

   “เออ โชคดีอย่ามีเอดส์ล่ะ”

   “แรว๊งงง”

   “ฮ่าๆๆๆ”ผมหัวเราะไปกับมันก่อนจะกลับมาอยู่คนเดียวอีกครั้ง

   ตอนนี้เกือบๆสี่โมง ผมเลิกเรียนตั้งกะสามโมงแล้วล่ะครับแต่ยังไม่ได้กลับห้อง พี่มุธบอกว่าให้รอถึงประมาณห้าโมงแล้วกลับพร้อมกัน

   เวลาอยู่มหา’ลัย ถ้าผมจะกลับพร้อมพี่มันผมนี่ต้องทำตัวยิ่งกว่านินจา เดินหลบ มุด แอบ ไม่ให้คนอื่นเห็นแต่ส่วนใหญ่ก็ไม่มีใครเห็นหรอกพี่มันจอดรถลับตาคนอยู่แล้วแถมกว่าจะเลิกงานก็เย็นมืดสลัวๆพอดีไม่มีคนสังเกต

   “อีกสักครึ่งชั่วโมงค่อยไปนั่งรอหน้าตึกแล้วกัน” ผมกะว่าอีกสักพักค่อยไปนั่งรอที่ตึกวิศวะคณะที่พี่มันสอนอยู่

   ผมนั่งเล่นเกมส์รอเวลาไปพลางๆ แต่เล่นไปนานๆก็เบื่อนะครับ เกมส์เดิมๆเลยออกแล้วเข้าอินสตราแกรม เช็คไอจีสักนิดนึง

   ผมฟอลโล่คนไม่ค่อยเยอะหรอกครับส่วนใหญ่ก็มีแต่เพื่อนหรือคนรู้จักแต่คนฟอลโล่ผมสิ บานตะไทรู้จักกันตั้งแต่ชาติปางไหนผมอยากถามแต่ก็กลัวเสียมารยาท ฮ่าๆ ช่างเขาเถอะครับคงอยากรู้เรื่องราวส่วนตัวของผมอยากฟอลก็ฟอลผมไม่ซีเรียสอยู่แล้ว

   เข้าไปเช็คคนฟอลโล่ใหม่อันดับแรก มีเพิ่มมาสิบคนที่สำคัญผู้หญิงล้วนๆ โหน้าตาน่ารักทุกคนผมขอบอก ผมเข้าเช็คประวัติทุกคนนะครับเผื่อเป็นรุ่นน้อง เพื่อน คนรู้จักอะไรงี้ผมจะได้ฟอลกลับ

เช็คไปเรื่อยๆพบว่าไม่รู้จักใครสักคน อะไรวะบางครั้งก็สงสัยว่าเขาไปเอาไอจีผมมาจากไหน เฮอะสาวๆสมัยนี้น่ากลัวนะครับผมว่า

เช็คถึงคนสุดท้ายผมก็กะว่าจะเดินไปหาพี่มุธละ หน้าตึกคณะผมมันมืดยุงมันเยอะ แต่อะไรบางอย่างของไอจีน้องผู้หญิงคนนี้ทำให้ผมอดที่จะไล่ดูย้อนหลังไม่ได้

ศศิ
@SasiSVM

ชื่อไอจีธรรมดาๆ แต่รูปภาพและคลิปที่เธอลงนั้นไม่ธรรมดา ผมย้อนดูภาพที่น่าสนใจทีละอัน ทีละอัน สะดุดเข้ากับภาพๆหนึ่งเมื่อประมาณหนึ่งอาทิตย์ก่อน

@SasiSVM พี่ชายคนดีพาศศิไปซื้อของ ขอบคุณมากค่ะ

มันจะไม่อะไรเลยถ้าภาพนั้นมันไม่ปรากฏแผ่นหลังของผู้ชายคนหนึ่งที่ดูเหมือน...

“พี่มุธ”ผมครางเสียงเบา ก้อนสะอื้นมันจุกอยู่ตรงคอได้แต่บอกตัวเองว่ามันไม่ใช่ ก็แค่แผ่นหลัง หรือคนคล้ายกันเท่านั้น โลกนี้คนเราจะเหมือนกันไม่ได้เลยหรือไง

ทั้งๆที่ผมควรปล่อยผ่านไป กดปิดไอจีน้องผู้หญิงคนนี้แล้วลืมมันไปซะแต่มือของผมกลับทรยศไม่ยอมทำตาม

นิ้วผมเลื่อนดูภาพที่คิดว่าผู้ชายคนนั้นคล้ายกับพี่มุธจนเจออีกภาพหนึ่งเมื่อประมาณสองเดือนก่อน รูปนี้เห็นดานหน้าชัดเจนแต่ค่อนข้างไกลคล้ายๆว่าแอบถ่ายมากกว่า

   @SasiSVM เขินนะคะ แต่แม่บอกว่าพี่ชายเป็นคนที่ใช่ของศศิ

   ผมพยายามจะไม่มองลึกลงไปถึงใบหน้าของคนที่อยู่ในภาพ ไม่เลยผมไม่ได้อยากมองแต่ความคุ้นเคยของผมกับผู้ชายคนนั้นที่ต่อให้แม้จะเป็นข้างหลัง ให้ไกลจากผมสักหนึ่งกิโลเมตรผมก็ยังจำได้แม่น

   แต่ผมก็จะบอกตัวเองว่ามันไม่ใช่...เขาก็แค่คนหน้าคล้าย

   “ผมจะไม่ถามพี่เรื่องนี้ ผมเชื่อใจพี่นะ..ฮึก” ถึงจะบอกแบบนั้นแต่น้ำตามันก็ไหลออกมาจนได้ ผมยอมรับเลยว่าคิดมาก

   ผมจะพูดเสมอว่าห้าปีที่เราคบกันไม่เคยมีเรื่องมือที่สามให้ต้องคลางแคลงใจ และผมก็หวังอย่างยิ่งว่าครั้งนี้ก็จะไม่ใช่

   พี่ชาย.....

   ผมรู้สึกได้ว่ามันไม่ใช่แค่พี่ชายอย่างที่น้องศศิอะไรนั่นเรียก สมมติว่าถ้าเป็นพี่มุธจริงๆผมว่าพี่มันคงไม่รู้เรื่องหรอกดูจากภาพเหมือนน้องผู้หญิงจะแอบถ่ายมากกว่า อีกอย่างพี่มุธก็ไม่เล่นไอจีจะจับผิดในนี้ก็คงไม่ได้

   แต่ผมค่อนข้างคาใจเรื่องที่น้องคนนั้นบอกว่า ‘คนที่ใช่’ อะไรกันลางสังหรณ์ของผมเริ่มตื่นตัวอีกแล้ว ตอนนี้ผมขอให้เรื่องที่ผมคิดมันผิด ขอให้ลางสังหรณ์ของผมมันล้มเหลวลงไม่เป็นท่า ขอให้ผมบ้าไปเอง ขอให้เรื่องทั้งหมดเป็นแค่เรื่องเข้าใจผิด

   ผมหวังอย่างนั้น

   ติ๊ด ติ๊ด

   “อ๊ะ” ผมสะดุ้งเมื่อข้อความเข้า

   จากพี่มุธผมรีบกดอ่าน

   ‘ขอโทษทีนะเพทายวันนี้พี่ต้องรีบกลับบ้านด่วน’

   ผมเม้มปากเมื่ออ่านจบ น้ำตาที่ไหลกลับเข้าดวงตาเมื่อครู่ตอนนี้มันต้องไหลออกมาทางเดิมเพื่อยืนยันถึงความเสียใจของผม

   “ฮือออ ฮึกๆ...ฮือออ”ครั้งนี้ผมร้องระบายอย่างไม่อายใคร จะมีคนหรือไม่มีคนผมก็ไม่สนใจแล้ว ผมอยากร้องเอาความอึดอัดให้มันไหลออกมาพร้อมน้ำตาให้หมด

   กี่ครั้งแล้วนะที่ผมได้รับข้อความหรือสายโทรเข้าที่ปฏิเสธว่าไม่สามารถมารับผมได้ตามที่สัญญากันไว้ได้ กี่ครั้งแล้วที่ปล่อยให้ผมเป็นฝ่ายรอ กี่ครั้งแล้วที่ผมก็ยอม

   ติ๊ด ติ๊ด
   
   “พี่ขอโทษ แต่คราวนี้ห้ามนั่งตากฝนอีกนะ เดี๋ยวเจอกันที่คอนโดตอนค่ำๆ”

   ผมไม่รู้จะตอบยังไงในเมื่อเขากลับไปแล้วนิ ผมจะโวยวายให้เขาเลือกผมมันก็ไม่ใช่ ผมคิดอย่างคนโง่ผมชอบนะที่เขาเห็นครอบครัวสำคัญกว่า แต่บางครั้งผมก็น้อยใจเพราะเขาไม่ได้ทำเหมือนครอบครัวสำคัญกว่าผม แต่เขาทำเหมือนไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าครอบครัวเขาต่างหาก

   แม้กระทั่งผมเอง.....

   ‘ขับรถดีๆนะครับ’

   ผมส่งกลับไปแค่นั้น ไม่รู้ว่าเขารีบร้อนอะไรนักหนาถึงกับทิ้งผมไว้เป็นครั้งที่สองทั้งๆอาทิตย์ที่ผ่านมาเขาเพิ่งโทษตัวเองว่าเป็นสาเหตุทำให้ผมต้องเข้าโรงพยาบาล ผมไม่ได้อยากเป็นคนงี่เง่า แต่อดคิดไม่ได้ว่าบางทีอาจจะเกี่ยวกับน้องที่อยู่ในไอจีผมก็ได้

   หึหึ น่าขำไหมละ

   ทั้งๆที่ผมยังไม่มีหลักฐานอะไรมายืนยันว่าคนในรูปกับพี่มุธจะเป็นคนเดียวกันหรือเปล่าเลย แต่ทำไมผมถึงชอบคิดอะไรแบบนี้

   ลางสังหรณ์ไง ผมเคยบอกว่าความคิดของผมถึงจะแปลกแต่ก็แม่น

   แต่อีกเช่นกันผมขอให้คราวนี้ลางสังหรณ์ของผมมันผิดเพี้ยน อย่าให้ลางสังหรณ์กลายมาเป็นลางสังหารเลย

   “ฮึกๆ...ฮือ” ผมพยายามจะไม่ร้องแล้วนะไม่ใช่ไม่อาย แต่มันชาชินจนเรียกว่าต่อให้อายก็ไม่แคร์

   ผมเช็ดน้ำตาอย่างลวกๆ บอกใจว่าอย่าไปคิดมาก

   หมับ!

   “เฮ้ย!” ผมร้องเมื่อมีมือมาแตะที่ไหล หันกลับไปมองก็พบว่าเป็นเพื่อนตัวเอง

   “ไอ้เช ยังไม่กลับอีกอ่อ”

   “กำลังแต่แวะมารับมึงก่อนไง” ผมขมวดคิ้วแล้วมันตรัสรู้ได้ไงว่าผมยังไม่กลับ

   “ไม่ต้องถามว่ารู้ได้ไง กูรู้ละกันว่าแต่มึงร้องไห้ทำไม ตุ๊ดแตกเหรอ” มันถามเอาผมยิ้มออกมาได้บ้างถึงจะฝืนแต่ก็ต้องทนๆไป ไม่อยากให้เพื่อนไม่สบายใจ

   “เออ ตุ๊ดแตก ริดสีดวงกูก็แตก” ผมตอบ มันนั่งขำ

   ไอ้เชเป็นเพื่อนอีกคนหนึ่งของพวกผม ถึงไม่สนิทกับมันมากแต่ก็เรียกว่ารักมันไม่น้อยไปกว่าเพื่อนคนอื่นๆ มันเป็นคนนิ่งๆติดจะติสแตกบ่อยๆ มันชอบอะไรที่แปลกใหม่ ธรรมชาติ อะไรที่จับต้องไม่ได้มันจะลึกซึ้งเป็นพิเศษ แต่ก็ดีนะครับเพราะอย่างน้อยตอนนี้มันทำให้ผมไม่ต้องสติแตกจมอยู่กับความคิดตัวเองคนเดียว

   “กลับกัน” มันชวน ผมพยักหน้า

   ก้มลองมองโทรศัพท์ตัวเองอีกครั้ง เปิดดูไอจีอีกรอบภาพผู้ชายคนนั้นที่ถูกถ่ายจากไกลๆกระแทกหัวใจผมอีกรอบ ภาวนาให้มันไม่ใช่ๆๆ ขอให้ผมกับน้องคนนี้ไม่เกี่ยวข้องอะไรกันเลยยิ่งดี

   ถ้าผมยังพอมีกรรมดีอยู่บ้าง ช่วยขอให้ผมสมหวังในคำขอของผมสักเรื่องด้วยเถอะ




TBC_______________________ :katai4: :katai4: :katai4:


เจอกันจ้าาาาาา

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 19-11-2013 23:25:49 โดย tuktik_narak »

@Lucifer_Prince@

  • บุคคลทั่วไป
เอาอีกแล้วอ่ะพี่มุธ

ออฟไลน์ GintoniC

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 829
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-0
ฮือๆๆ สงสารพาย :hao5:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด