- - OMG! โคตรเศร้า..รักเขาผมต้องทน - - ตอนที่12 (40%) P.5 >Up.13/04/14<
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: - - OMG! โคตรเศร้า..รักเขาผมต้องทน - - ตอนที่12 (40%) P.5 >Up.13/04/14<  (อ่าน 39102 ครั้ง)

tuktik_narak

  • บุคคลทั่วไป

ตอนที่9

   เวอร์มุธ พาร์ท

   “ก็บอกว่าเจ็บ!” ผมลากมันมาที่รถของผมไม่สนกับคำว่าเจ็บของมันเพราะตอนนี้ผมกำลังโกรธ...โกรธมาก...มากที่สุด

   ผมโกรธจนตัวผมจะระเบิด

   “เจ็บเหรอ พี่เจ็บกว่าอีก!” ผมหันมาขึ้นเสียงใส่ตามอารมณ์ที่เกิดขึ้นตอนนี้ ผมทั้งโกรธทั้งเสียใจที่เห็นเพทายกับซันหยอกล้อกันมากกว่าเพื่อนธรรมดา

   ผมเห็นทั้งหมด

   ก่อนหน้านั้นไอ้ซันมันมาหาผมบอกว่ามันรู้เรื่องที่ผมกับเพทายเลิกกันแล้ว มันต่อว่าผมชุดใหญ่ที่ทำให้เพื่อนมันเสียใจ ผมก็บอกไปว่าผมก็เสียใจไม่ต่างกัน แต่ผมจะไม่รั้งให้มันต้องมาทนเจ็บ ผมดูแลมันไม่ได้ข้อนี้ผมรู้ดี

   ตลอดเวลาห้าปีผมไม่เคยทำให้เพทายมันยิ้มออกมาจากใจจริงๆได้เลยสักครั้งเดียว แล้วผมยังจะเห็นแก่ตัวรั้งมันไว้ทำไมกัน ผมควรปล่อยมือมันไป แต่ผมอยากให้รู้ว่าผมก็เหมือนร่างที่ไร้วิญญาณและหัวใจไม่ต่างกัน

   “พี่แม่งป๊อด! พี่เคยสู้อะไรเพื่อเพทายมันมั่ง อย่ามาอ้างว่าไม่อยากรั้งมันไว้ถ้าพี่จะปล่อยมันไป พี่ก็ไม่ควรเก็บมันไว้ตั้งห้าปี!”

   นี่คือสิ่งที่มันตอบกลับมาตอนนั้น ผมยืนอึ้ง นั่นสิทำไมกันผมไม่เคยรู้ว่าตัวเองเลวได้ขนาดนี้ถ้าซันไม่บอก

   “เขาเป็นคนขอไปจากพี่เอง แล้วจะให้พี่ทำไง” ผมถามกลับ แต่ในใจเริ่มรู้สึกเสียใจมากกว่าเดิม

   “พิสูจน์สิว่าพี่รักมันมากจนปล่อยมันไปไม่ได้” มันบอกแบบนั้น

   “มันเจ็บเพราะพี่มามากแล้วนะซัน พี่อยากให้มันมีความสุข” ผมตอบกลับอย่างที่ใจนึกแต่น่าแปลกที่ผมไม่ได้รู้สึกเหมือนที่พูดออกไป

   พลั่ก!

   “นี่สำหรับความโลเลของพี่!” มันต่อยหน้าผมตอนที่ผมตั้งตัวไม่ทัน

   ผลัวะ!

   “นี่สำหรับที่พี่ทำให้เพื่อนผมต้องร้องไห้ทุกวัน” หมัดที่สองของมันตามมา

   พลั่ก!

   “และนี่คือคำประกาศว่าผมจะเอามันคืน ผมจะดูแลมันเอง” ผมยืนอึ้ง กำลังงงกับสามหมัดแรงๆของมัน

   ผมได้กลิ่นคาวเลือดปากแตกนิดหน่อย ผมทั้งเจ็บและโกรธที่รู้ว่าไอ้ซันจ้องจะเอาเพทายไว้กับตัวเองตลอดเวลา

   พลั่ก!

   “แกไม่มีวันได้เพทายไป!” ผมต่อยมันกลับไปอีกที

   ผลัวะ!

   “และนี่คือคำตอบ คือไม่ยกให้!!” ผมตะโกนลั่นใส่หน้ามัน โมโหจนตัวสั่นที่มันพูดแบบนี้

   ณ เวลานี้ผมรู้แล้วว่าผมจะไม่ยกเพทายให้ใครทั้งนั้น

   ผมยืนกำหมัดแน่น คิดว่าผมกับซันคงได้วางมวยกันอีกรอบแน่นอน แต่เปล่าเลยมันใช้หลังมือเช็ดเลือดที่มุมปากก่อนจะเงยหน้ามองผมและยิ้มออกมา

   “พี่ควรจะรู้ตัวตั้งนานแล้วว่าไม่ควรปล่อยเพทายไป” ผมขมวดคิ้วมองอย่างไม่เข้าใจทั้งหมด

   “หมายความว่าไง”

   “ผมแค่อยากให้พี่รู้สึกหึงหวงมันบ้าง เข้าใจหัวอกมันบ้าง ว่าการที่เห็นแฟนตัวเองกำลังตกไปเป็นของคนอื่นมันรู้สึกเจ็บขนาดไหน” มันเงียบเว้นช่วงพูด

   “พี่เจ็บใช่ไหม? เพื่อนผมมันเจ็บกว่าพี่ พี่หึงผมกับมันใช่ไหม? มันหึงพี่กับคนอื่นจนนับไม่ถ้วน มันไม่เคยแสดงออกเพราะกลัวพี่จะทิ้งมันไป แต่ตอนนี้พี่กลับบอกว่าจะปล่อยมือเพราะกลัวมันเจ็บ ผมพูดเลยนะพี่แม่งไม่ใช่ลูกผู้ชาย”

   ผมยืนนิ่ง ตลอดเวลาที่ผ่านมาผมคิดว่าผมเข้าใจความรู้สึกของเพทายนะ แต่การมาได้ฟังจากปากคนใกล้ชิดและสนิทที่สุดอย่างซันมันทำให้ผมเข้าใจได้อีกว่าเพทายมันเจ็บและทรมานมากกว่าที่ผมคิดหลายร้อยเท่านัก

   เรายืนหอบต่างคนต่างมองอีกฝ่ายสุดท้ายเป็นมันที่พูดขึ้นมาอีกประโยค

   “ผมจะพามันมาที่นี่ ตอนเย็น พี่ช่วยมาปรับความเข้าใจกับมันด้วย ผมเกลียดพี่นะ แต่ผมไม่เลวพอที่จะเอามันมาทั้งๆที่รู้ว่าหัวใจมันเป็นของพี่ และจะไม่มีวันเป็นของคนอื่น ผมทำร้ายมันไม่ลง”

   ผมมองเข้าไปในสายตาของซัน เห็นความเจ็บปวดสะท้อนออกมาจนปิดไม่มิด ผมรู้ว่ามันรักเพทายมาก มันดูแลเพทายได้ดี ผมสงสารมันแต่ผมก็ไม่อยากให้เพทายกับมันอยู่ดี นั่นสินะผมเลวมาตลอดถ้าตอนนี้ผมจะเปลี่ยนตัวเองใหม่เพื่อเพทายบ้าง อนาคตมันอาจจะไม่จบลงด้วยการแยกทางก็ได้

   “โอเค” และนี่คือคำสุดท้ายที่ผมพูดกับไอ้ซันก่อนที่ผมจะเห็นภาพมันกับเพทายกำลังหยอกล้อและประกาศตัวเสียงดังว่าเป็นแฟน คำว่าเป็นแฟนกับกูนะ ของไอ้ซันยังดังก้องอยู่ในหัวผม ผมโกรธที่มันทำแบบนี้ มันตั้งใจพาเพทายมาเพื่อตอกย้ำความพ่ายแพ้ชองผมใช่ไหม!

   “พี่มันเลว ปล่อยยยย” เพทายยังร้องโวยวายไม่หยุด แต่ผมก็จับไว้ไม่ปล่อยเหมือนกัน

   “ขึ้นรถ!” ผมตวาด มันผงะอย่างตกใจ ผมรู้สึกผิดที่ขึ้นเสียงแต่อารมณ์ตอนนี้ผมยังขอโทษมันไม่ลง

   “ฮึกๆ..ฮืออ..ปล่อยสิ..ปล่อยนะปล่อยผมสิ..ฮืออออ..ปล่อยมือจากผมไปสิ!” ผมเข้าใจความหมายที่เพทายต้องการจะบอก ใจผมอ่อนยวบเมื่อเห็นมันร้องไห้ไม่บ่อยนักที่มันจะร้องไห้ต่อหน้าผมโดยเฉพาะเป็นเรื่องที่ผมเป็นคนทำให้มันเสียใจ

   “เพทาย...” ผมเรียกชื่อมันแผ่วเบา สงสารมันครับแต่ก็โกรธด้วยเมื่อนึกไปถึงว่ามันกับซันหักหลังผม

   “ผมจะฟ้องซัน! มันเป็นแฟนผมเข้าใจไหม! มันเป็นแฟนผมพี่ไม่มีสิทธิ์!!” มันเงยหน้าตะโกนเต็มเสียง ผมหูอื้อความโกรธที่ทำท่าจะหายไปกลับเกิดขึ้นมาใหม่อีกครั้งเมื่อเพทายพูดย้ำว่าเป็นแฟนกับไอ้ซัน

   ผมเหมือนคนเป็นบ้าอยากจะร้องออกมาสุดเสียง ผมไม่มีทางยอมเด็ดขาด ผมปล่อยมือเพทายไม่ได้

   “สิทธิ์เหรอ? ถ้าทายอยากได้สิทธิ์พี่ก็จะมอบให้เอง!” ผมพูดกลับก่อนจะดันตัวมันที่ทั้งดีด ทั้งดิ้นให้เขารถ

   ปึกๆๆ

   “ปล่อยยยยย” ผมจับมันยัดเข้าฝั่งคนขับเลยครับ ถ้าให้มันขึ้นฝั่งนั้นรับรองได้ว่ามันเปิดประตูเผ่นแนบไปแน่ ถึงจะดูทุลักทุเลแต่ผมก็คิดน้อยเกินกว่าจะมากลัวมันเจ็บแล้ว

   “ปล่อยแน่” ผมบอกก่อนจะขับรถตรงกลับคอนโด

   “ฮืออออ...ฮึกกๆๆ” ตลอดทางมันร้องไห้อย่างน่าสงสาร ทั้งสะอึกสะอื้นน้ำหูน้ำตาไหลลงมาไม่หยุดแล้วก็พร่ำบอกแต่ว่าจะไปฟ้องแฟน

   ฮึ่มม!

   ผมโกรธจนแทบจะพ่นไฟ ยิ่งมันพูดก็ยิ่งตอกย้ำความห่างเหินของพวกเรามันต้องการแบบนั้นใช่ไหมถ้าแบบนั้นผมก็จะย้ำมันเองว่าเราเป็นอะไรกัน

   ปัง!

   “บอกว่าเจ็บ” มันร้องบอกเมื่อผมกระแทกปิดบานประตู

   พวกเรายืนกันอยู่กลางห้อง ผมไม่ชอบให้มันร้องไห้ ไม่ชอบเลยจริงๆ

   “พี่ก็เจ็บ! เจ็บที่เห็นซันสวมเขาให้พี่!” ผมตะโกน

   น้องตกใจผงะถอยหลังเหมือนว่ากลัวผมที่เสียงดังแบบนี้ ผมไม่เคยเป็น แต่ตอนนี้ผมเสียงดังใส่มันเพราะกำลังโมโห และหึงหวง

   “พี่นั่นแหละ ที่สวมเขาให้ผม!” มันตอบกลับอย่างไม่ยอมแพ้

   “เห็นจะๆแบบนั้นยังจะมาบอกว่าพี่ผิดเหรอ!” ผมถาม

   “แล้วผมผิดหรือไง ในเมื่อเราไม่ได้เป็นอะไรกัน! พี่มีคนใหม่ผมก็มีคนใหม่บ้างจะเป็นอะไรไป”

   “พี่ไม่ยอม!” ผมตอบ

   “เรื่องของพี่สิ เราไม่ได้เป็นอะไรกัน!” มันว่ากลับพร้อมทำท่าจะเดินหนีออกจากห้อง แต่ผมคว้าแขนมันไว้ได้ทัน

   “ผัวเมียไง ชัดเจนพอไหม” ผมกดเสียงหนักๆย้ำให้มันเข้าใจ มันกัดปากและพยายามสะบัดแขนออกจากมือผม

   “ถ้างั้นผมจะหาคนมาแต่งงานกับผมสักคนดีไหม จะได้เสมอภาคกัน พี่มีได้ผมก็มีได้ โอเคไหมล่ะ” มันแสยะยิ้มถามผมแต่น้ำตาก็ยังไหลลงมาไม่หยุด

   “พูดอะไรออกมา” ตอนนี้ผมเริ่มรู้สึกว่าตัวเองผิดมาก ผมทำร้ายความรู้สึกมันมาก

   พอมาคิดๆดูแล้วผมว่าผมเองที่คิดมากไปเลยซันกับเพทาย

   “พี่ต้องแต่งงานกับยัยน้องศศินั่น พี่จะมาแคร์ผมทำไม” มันนั่งลงกอดตัวเองซุกหน้าลงกับหัวเข่าและร้องไห้จนตัวโยน

   “………………………..”

   “ในขณะที่พี่มีเขาข้างกาย สุดท้ายผมก็ต้องอยู่คนเดียว...ฮืออ....ผมแค่อยากมีใครดูแลก็ไม่ได้เหรอ” มันถามเสียงเครือ

   “พี่ไม่เคยอยากแต่งงาน” ผมบอกเสียงเรียบ

   “แต่พี่ก็กำลังจะแต่งแล้ว ฮืออ...ไหนบอกว่าจะปล่อยผมไปไง...” มันทวนคำที่ผมเคยบอกมันว่าจะปล่อยมือ

   “พี่ปล่อยเราไปไม่ได้” ผมบอกก่อนจะทรุดนั่งลงตรงหน้ามัน

   มันเงยหน้าขึ้นมามองผมทั้งน้ำตา ผมสงสารจนอดไม่ได้ที่จะยื่นปลายนิ้วไปเกลี่ยออก ผมน่าจะรู้ดีว่าเพทายกับซันไม่มีวันจะคบกันได้

   เพทายเป็นของผม

   ซันเองก็รู้ ผมไม่รู้ว่านี่คือแผนทำให้หึงหวงหรือเรื่องจริง ถ้าเป็นแผนไอ้ซันก็ทำสำเร็จแล้ว ผมโกรธ โมโห แค้น เจ็บ และหึงอย่างรุนแรง ตลอดเวลาที่ผ่านมาที่ผมไม่เคยแสดงอาการนี้เพราะเพทายไม่เคยปรายตาไปมองใครใช่ไหม นี่หรือเปล่าที่เรียกว่า

รู้ค่าเมื่อวันที่เสียไป

   หมับ!

   “กลับมาหาพี่นะเพทาย” ผมบอกต่อ ดึงมันมากอดไว้ทั้งตัว

   ตัวมันสั่นเหมือนลูกนกที่ตกน้ำ เสียงสะอื้นยังดังแว่วให้ได้ยินเป็นระยะๆ เงียบอยู่นานมันก็ไม่ตอบผมสักทีจนผมต้องเอ่ยขึ้นอีกครั้ง

   “ที่ผ่านมาพี่เพิ่งคิดได้ว่ามือของพี่จะต้องมีมือใครสักคนคอยจับให้ความอบอุ่น ซึ่งมือคู่นั้นก็เป็นของเรา”

   “ผมเป็นแฟน..ฮึกๆ..ซัน” มันตอบทั้งๆที่สะอื้น ผลักผมออกห่าง

   “อย่าพูดถ้ามันไม่ใช่เรื่องจริง” ผมพูดดัก

   “แต่พี่ก็ทำผมเจ็บ เพราะคิดว่าเราสองคนเป็นแฟนกัน” มันต่อว่าผมเหมือนตัดพ้อที่ผมไม่เชื่อใจ ผมยิ้มน้อยๆให้มัน

   “พี่หึง พี่ขอโทษ” ผมพูด คำว่าหึงกับรัก ไม่เคยหลุดออกจากปากของผมเลยสักครั้ง แต่ครั้งนี้ผมเต็มใจจะพูดให้มันฟัง

   “อะ...อะไรนะ” มันจ้องหน้าผมถามกลับเหมือนไม่อยากเชื่อ ผมแค่นยิ้มกอดมันไว้กับตัวอีกครั้ง บอกตัวเองว่าจะไม่ยอมปล่อยมันไปอีกแล้ว

   “พี่หึง”

   “แต่พี่ปล่อยผมไปแล้ว” มันพูดต่อ

   “ปล่อยไป ก็จับมาใหม่เพทายจะยอมกลับมาอยู่ที่นี่กับพี่อีกครั้งไหมล่ะ” ผมถาม

   หมับ!

   “ฮืออออ ใจร้ายๆๆๆๆ ใจร้ายที่สุดฮือออ” มันกอดตัวผมก่อนจะระดมทุบตีจนเจ็บไปหมดแต่ผมทนได้ ยอมเจ็บถ้ามันจะระบายเพื่อความสบายใจ

   “ยอมไหม” ผมจูบที่ขมับแทนความคิดถึง

   “ไม่...ฮึกๆ” มันบอกกลับมาแบบนี้แต่มือก็จับเสื้อผมไว้ไม่ปล่อย

   “งั้นพี่ต้องทำยังไง...อึบ!” ผมถามมันพร้อมก็ลุกขึ้นและอุ้มมันขึ้นมาไว้ในอ้อมกอด

   “ฮึกๆๆ” มันส่ายหัวกอดคอผมไว้และมุดหน้าเข้าที่อกของผม

   “งั้นพี่ง้อนะ”

   “ฮึกๆ” มันพยักหน้าเป็นอันว่าตกลง
   
   ผมค่อยๆวางมันลงบนเตียงนอน แต่มือมันก็ยังไม่ยอมปล่อยจากต้นคอทำให้ตัวผมต้องลงไปนอนกอดมันไว้อย่างช่วยไม่ได้ เสียงสะอื้นยังหลุดมาให้ผมได้ยินเป็นระยะ ผมก็ทำได้แค่จูบซับน้ำตาให้

   “ขอโทษที่ทำให้ร้องไห้อีกแล้ว” ผมบอกมันยิ่งสะอื้นใหญ่ไม่รู้เพราะเสียใจหรือซึ้งใจกันแน่

   “ขอโทษที่ทำให้ต้องเจ็บมาตลอด” ผมบอกอีก

   ผมคิดว่ามันถึงเวลาที่ผมควรพูดในสิ่งที่อยากพูดสักที ความกลัวไม่ใช่ปัญหาในการพูดความจริง

   “ฮึกๆๆ”

   “เพทายครับ” ผมเรียกมัน

   เพทายลืมตาขึ้นมาสบตากับผม มันยังกอดคอผมแน่นเหมือนกลัวว่าผมจะทิ้งมันไป ผมใช้มือข้างหนึ่งรองศรีษะมันไว้อย่างเบามือ ช่วงเวลาแบบนี้ไม่ค่อยได้เกิดขึ้นบ่อยนัก เราแทบจะไม่เคยได้นอนคุยกันแบบนี้ด้วยซ้ำ

   “ฮะ...ฮึกๆ” มันยังสะอื้นไม่หยุด จนผมเริ่มจะสงสารซะแล้ว

   “ได้โปรดกลับมายืนข้างๆพี่อีกครั้งได้ไหม” ผมมองมันกลับด้วยความจริงใจ

   มันส่ายหัวไปมาเหมือนไม่ยอมรับ ริมฝีปากสีแดงของมันสั่นระริกเหมือนว่าน้ำตาจะไหลลงมาอีกรอบ

   “ผมเจ็บ ผมเจ็บจนจะทนไม่ไหวอยู่แล้ว” มันร้องบอก ผมหลับตาลงนึกภาพในช่วงที่ผ่านมา ผมคงปล่อยให้มันต้องเผชิญชะตากรรมแบบนี้คนเดียวนานเกินไป ผมผิดเอง

   “ขอแค่ครั้งเดียว ได้โปรด” มันมองผมทั้งๆที่ดวงตาก็มีน้ำใสๆเอ่อล้นไม่หยุด

   ผมใช้มือข้างว่างอีกข้างเช็ดหยดน้ำพวกนั้นออกไปให้หมด ปลายนิ้วชี้ลูบผ่านหน้าผากมาถึงข้างๆแก้ม ผมที่ปรกหน้าถูกผมเกลี่ยไปไว้ที่ข้างหู ผมอยากจะมองหน้ามันชัดๆ

   ใบหน้าของเจ้าของหัวใจของผม

   “ผมกลัว...” มันพูดเสียงแหบ

   “พี่ไม่สัญญา แต่พี่จะทำให้ดีที่สุด ให้อภัยพี่สักครั้งได้ไหม” ผมพูดสิ่งที่ค้างคาในใจให้มันได้รับรู้ ขอแค่เพียงมันให้โอกาสครั้งนี้กับผม ผมจะทำทุกอย่างเพื่อรักษามันไว้อย่างสุดความสามารถ

   “และ..แล้วถ้าพี่ผิดสะ..สัญญาล่ะ” มันถามต่อ ผมยิ้มน้อยๆให้มัน

   “ถึงตอนนั้น พี่ยอมทำทุกอย่างตามที่เพทายต้องการ” ผมให้คำมั่นกับมัน

   “ถ้าพี่ผิด..ฮึก..สัญญา..ผมจะไปเป็นแฟน..ฮึก...กับซัน” มันขู่ ผมยิ้มขำมันทำหน้ายู่ใส่ผมเหมือนไม่พอใจ

   “ไม่มีทาง เพราะพี่จะไปฆ่าไอ้ซันให้ตาย” ผมแกล้งมันบ้าง

   ปึ่ก!

   “โอ๊ย” ผมร้องเมื่อมันทุบลงมาที่ไหล่ผม

   “ฮึกๆ..ใจร้ายที่สุด ผมพูดจริงๆนะ..ถ้าพี่ดูแลผมไม่ได้..ฮึกๆ..ผมจะยอมเป็นของคนอื่นทันที” ผมหุบยิ้มเมื่อเห็นแววตาที่เด็ดเดี่ยวต่างจากเพทายคนเดิม

   ผมคงทำให้มันต้องกลายเป็นคนเผด็จการซะแล้วล่ะมั้งเนี่ย

   “ถ้าเป็นอย่างนั้น พี่ยอมตายซะดีกว่า” ผมพูดจริงๆครับถ้าต้องเห็นเพทายไปเป็นของคนอื่นสู้ให้ผมตายไปจากโลกนี้ซะยังดีกว่า ผมไม่เข้มแข็งพอเห็นมันไปอยู่ในอ้อมกอดคนอื่นที่ไม่ใช่ผมได้หรอกครับ ยิ่งเป็นไอ้ซันผู้ชายที่ดีกว่าผมคนนั้นด้วยแล้วล่ะก็นะ

   “ตายไป..ฮึกๆ..เลย” มันร้องไห้

   “อย่าร้อง พี่ขอโทษครับ” ผมเช็ดน้ำตาให้มันอีกครั้ง

   หมับ!

   “ผมรักพี่นะพี่มุธ ฮึกๆ...ขอแค่พี่ไม่ทิ้งผมไปจะให้ผมเป็นอะไรก็ยอมทั้งนั้น..ฮืออ..อย่าพูดว่าจะปล่อยมือผมได้ไหม” มันร้องไห้พลางกอดผมทั้งตัวจนแน่น

   ผมเม้มปากรับรู้ความทรมานในจิตใจมันได้เป็นอย่างดี ผมไม่รู้เลยว่าภายในมันอึดอัดมากแค่ไหน แค่รักกันแต่บอกใครไม่ได้ก็ลำบากพออยู่แล้ว ยังมาเจอความห่างเหินของผมอีก ทั้งๆที่ผมคิดว่าการไม่มอบความหวานให้มันคือการปกป้องมันจากความเจ็บปวด แต่ทำไมกลายเป็นว่าผมนี่แหละที่ทำร้ายมันอย่างเจ็บสาหัสที่สุด

   “พี่จะไม่ทิ้งเราไป...พี่จะไม่มีวันปล่อยเราไป...” ผมดันตัวมันให้ลงนอนกับที่นอนอีกครั้งก่อนจะค่อยๆประทับความหวานลงบนริมฝีปากของมัน

   “อื้ออ..พี่มุธ....อืออ” มันครางเรียกชื่อผมเสียงแผ่วหวาน

   ความหอมหวานที่ผมชอบ สัมผัสที่คุ้นเคยของเราสองคนทำให้ร่างกายถูกปลุกเร้าได้ง่ายเพียงแค่รสจูบบางๆ มันรู้สึกตัวเมื่อน้องชายผมไปดุนดันตรงกลางของมันผ่านเนื้อผ้า

   ผมลอบยิ้มเมื่อเห็นเพทายหน้าแดงเหมือนลูกตำลึง มันหลุบตาลงต่ำมีท่าทางขวยเขินๆทั้งๆที่เราผ่านเรื่องพวกนี้มานับครั้งไม่ถ้วน แต่นี่เป็นครั้งแรกที่ผมมอบสัมผัสที่เบาหวิวให้มันขนาดนี้

   “อ๊าๆ..ฮึก..ตรงนั้น..อีกๆ..ตรงนั้น” มันแอ่นตัว เมื่อผมลงลิ้นที่ยอดอกผ่านเนื้อผ้าบางๆของเสื้อนักศึกษา รอยน้ำลายที่เปื้อนตรงเสื้อทำให้มันเปียกกลายเป็นวงกว้างขึ้นเห็นถึงเนื้อขาวๆข้างใน ยอดอกชูชันดุนเสื้อที่เปียกขึ้นมาจนเห็นว่ามันแข็งขืนขึ้นเป็นตุ่มไตรอรับสัมผัสจากผมอยู่

   ผมใช้นิ้วขยี้ผสมกับบดคลึงไปทั่วแผ่นอกที่เปียกเป็นวงทั้งสองข้าง แค่สัมผัสเบาๆมันก็แอ่นอกขึ้นลงด้วยความเสียวซ่าน

   “อื้มม” ผมร้องบ้างเมื่อมันเลื่อนมือมาจับน้องชายผมผ่านเป้ากางเกง ผมหน้าเวอแต่ก็ครางสุขสมมันรู้ดีว่าผมชอบอะไรและไม่ชอบอะไร

   “อย่า..อึก...เล่น” ผมร้องห้ามเสียงเข้ม เมื่อมันบี้ขยำจนมันส์มือแต่ไม่ยอมชักรูดเพื่อช่วยผมปลดปล่อย

   ผมเปลี่ยนมานอนหงายอยากให้มันเป็นคนทำให้ มันทำหน้าตกใจนิดหน่อยเมื่อต้องมาเปลี่ยนอยู่ด้านบน มันก้มหน้าหลบสายตาร้อนแรงแต่ก็ยอมเลื่อนไถลตัวไปนั่งอยู่ตรงหว่างขาผมก่อนจะปลดซิปกางเกงและรูดมันพร้อมชั้นในลง ทันทีที่เป็นอิสระเจ้าน้องชายน้อยก็ดีดผึงสู้ฟ้าสู้เพดานทันที

   “อื้ออ...เพทายย..อื้อออ”

   “อื้มม...”

   ผมกดหัวมันไว้ขยำเส้นผมนิ่มๆเบาเพื่อลดอาการเสียว มันใช้ปากเก่งพอๆกับผม มันรู้ดีว่าทำยังไงแล้วผมจะชอบที่สุด มันดูดตรงส่วนปลายเหมือนเป็นแท่งไอติมก่อนจะใช้ปากครอบลงไปจนหมดแท่ง รูดขึ้นบ้างรูดลงบ้างสลับเร็วช้าเพื่อเพิ่มความเสียว

ท่านั่งของมันก็เซ็กซี่ไม่หยอก เสื้อนักศึกษาที่ผมปลดกระดุมออกไปแล้วสองเม็ด เปิดกว้างทุกครั้งที่มันขยับตัว เวลามันก้มจะเห็นยอดอกเล็กๆที่ตั้งชันขึ้นในระดับสายตายิ่งพาให้ผมจวนเจียนจะไปถึงฝั่ง

“อ๊า..ไม่ไหวๆ..อ๊า..อื้มมมม” แล้วไม่นานผมก็ปล่อยน้ำแรกใส่ปากมันเต็มๆ

เราเงยหน้ามองกัน ยังเห็นมันหน้าแดงไม่หยุดคราวนี้ตัวมันก็แดงเหมือนกุ้งลวกไปด้วย ผมไม่ให้เสียเวลาจับมันขึ้นมานอนหงายอยู่ใต้ร่าง ผมถอดเสื้อผ้าออกจากตัวให้หมดรวมทั้งเสื้อผ้าบนตัวมันด้วย

“อ๊า…ซี๊ด” มันร้องซี๊ดเมื่อผมใช้ปากกับยอดอกของมันและใช้มือรูดน้องชายมันขึ้นลง ตัวมันบิดเร้าสู้มือกับปากจนพอมันใกล้ถึงจุดหมายผมก็หยุดมือจนทำให้มันเงยหน้ามองผมด้วยสายตาไม่เข้าใจผนค้างคาที่ไม่ได้ปลดปล่อย

“ทะ..ทำไม” มันถามแต่ก็เด้งสะโพกให้มาโดนผม ผมเองก็ทรมานเพราะถึงจะปล่อยไปแล้วรอบหนึ่งก็ยังไม่หมดยิ่งมาเห็นตัวขาวๆของมันนอนบิดเร้าไปมาแบบนี้ยิ่งอยากสวนแก่นกายเข้าข้างในตัวมัน แต่ตอนนี้ผมอยากแกล้งมันมากกว่า

“ขอสิ” ผมบอกสั้นๆ

“พี่มุธ” มันเรียกเสียงหวานตาปรือปรอย ก่อนจะทำในสิ่งที่ผมไม่คาดฝันมาก่อน

มันยกมือขึ้นโอบรอบคอผมก่อนจะบดริมฝีปากเข้าหา เราจูบกันเสียงดังจ๊วบ มันเหมือนโดนของดูร้อนแรงและเซ็กซี่แบบแปลกๆ แต่ผมก็ชอบนะเมียยั่วขนาดนี้ไม่ชอบก็บ้าแล้ว

“ครับ” ผมครางรับเหมือนคนเสียสติ

“เข้ามาเถอะ ผมอยากได้ นะ” มันทำตาปรือมองผมก่อนจะยกสะโพกขึ้นให้น้องของเราสองคนโดนกัน มันถูไถให้ตรงกลางเสียดสี จากที่ผมจะทำให้มันทรมานดูเหมือนว่ามันเองนี่แหละที่ทำให้ผมทรมาน!!

“อ๊า” มันหลับตาเงยหน้าอ้าปากคราง เมื่อผมใส่นิ้วเข้าไปทีเดียวสามนิ้ว

ผมค่อยๆวนควานด้านในเพื่อลดอาการเจ็บ จากหน้าตาที่ดูเหยเกเริ่มบิดเบี้ยวเพราะความต้องการผมจึงถอนนิ้วออก

“พร้อมแล้วนะ” มันพยักหน้า

ผมยืดตัวขึ้น มองร่างขาวๆอีกที เห็นมันทำตาฉ่ำหวานส่งให้ก็ไม่รอช้า จ่อแท่งร้อนเข้าปากทางและค่อยๆกดตัวแทรกเข้าไปจนมิดด้าม

“อึกๆๆ...เจ็บบ....อ๊า” เสียงร้องของมันกลับกระตุ้นให้น้องชายผมขยายตัวมากกว่าจะสงสาร เพราะผมรู้ดีว่าจากเจ็บจะเปลี่ยนเป็นอย่างอื่นแทน

พั่บๆ

เสียงเนื้อกระทบเนื้อดังลั่นแข่งกับเสียงแอร์ เสียงครวญครางดังผ่านลำคอของเราทั้งสองคนมันกระตุ้นอารมณ์ได้ดีเยี่ยม

“ไม่ไหวแล้ว” มันร้องบอก ยกมือขึ้นโอบรอบคอผมไว้จนแน่น ผมเริ่มรู้สึกว่าอยากปลดปล่อยรอบที่สองเหมือนกัน

“พร้อมกัน” ผมพูด เร่งเครื่องให้เร็วกว่าเดิมจนสุดท้ายก็สุดฝั่งฝัน

“อ๊า!!!!!!!!!!!!!!”

“อื้มมมมมมมมมมม” ผมปล่อยตามมันหลังจากกระแทกเร็วๆอีกสองสามครั้ง

ผมทรุดตัวลงนอนทับร่างบางๆของมันอย่างหมดแรง ค่อยๆถอนแก่นกายที่ค้างอยู่ในตัวมันออกทีละนิดเพราะกลัวมันจะแสบ ผมก้มมองเห็นน้ำรักของผมไหลย้อยลงมาเต็มเตียง

ผมเงยหน้ามองเพทายอีกครั้งก็เห็นหางตามีหยดน้ำตาเอ่ออยู่ทั้งสองข้าง

“เสียใจเหรอ ทำไมถึงร้องไห้” ผมถามอย่างสงสัย คิดในใจว่ามันคงจะเสียใจที่ผมทำแบบนี้หรือเปล่า

มันไม่ตอบแต่ยิ้มน้อยๆส่งให้ผมก่อนจะยืดตัวขึ้นมากอดคออีกครั้ง

“พี่มุธ...ผมรักพี่นะ” มันกระซิบข้างหู

ผมยิ้มบ้างแต่มันคงไม่เห็น ผมคิดว่าคำว่ารักก็คงไม่ได้ยากเกินที่จะพูดให้มันฟังหรอกมั้ง

“พี่รักเรานะ เพทาย”

เป็นครั้งแรกที่ผมบอกมันตอนที่มันยังตื่นอยู่

“เพทาย” ผมเรียกเมื่อเห็นมันเงียบไม่ยอมตอบ หรือว่ามันจะดีใจจนพูดไม่ออก

“เพทาย” ผมเรียกอีกรอบ ตบหลังมันเบาๆด้วย มันก็ยังเงียบเหมือนเดิม ผมดันร่างมันให้นอนลงบนเตียงก็พบว่า

มันหลับแล้ว….

“โธ่ พอพี่บอกก็ดันมาหลับซะอีก” ผมขำกับท่าทางของมัน สีหน้ามันดูเหนื่อยมากให้ผมเดามันคงไม่ได้นอนหลับมาหลายวันแล้ว

ไม่เป็นไรวันที่ผมสามารถบอกรักมันยังเหลืออีกเยอะ เพราะมันยังเหลือตลอดทั้งชีวิตของผมไงล่ะ






นักเขียนขอเม้าาา

หายไปนาน ติดงานและติดปีใหม่ยาวเบยยย

ขอโทษฮับบบบ  :hao5: :hao5: :katai4: :hao6: :hao7: :mew1: :mew2:

Happy New Year 2014 ย้อนหลังนะคะ ><


ออฟไลน์ hembetaro

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1122
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +112/-1

กิ่งทองใบหยก พี่เวอร์มุธสายเอส น้องเพทายมาสายเอ็ม ....ว่าแต่พี่เวอร์มุธติดโชตะด้วยเว้ยเฮ้ย  :hao6:

ออฟไลน์ pee122

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 156
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
 :hao6: มาแล้ววววววว

ออฟไลน์ liza sarin

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2538
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +91/-14

ออฟไลน์ GintoniC

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 829
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-0
สงสารเพทายอ่ะ  พี่มุธต้องจัดการตัวเองขั้นเด็ดขาดแล้วน้า

ออฟไลน์ snowboxs

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5445
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-7
เวงกรรม อยากได้ยินคำนี้จากพี่มุธมาตั้ง 5 ปี
พอพี่มุธพูดออกมาให้ฟัง ก็ดันหมดแรงหลับไปก่อน  :sad4:


สวัสดีปีใหม่ค่ะ มีความสุขมาก ๆ นะคะ  :mc4:

ออฟไลน์ hembetaro

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1122
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +112/-1
สงสารเพทายอ่ะ  พี่มุธต้องจัดการตัวเองขั้นเด็ดขาดแล้วน้า

ู^
^
พี่มุธไม่จัดการตัวเอง....พี่มุธจัดการน้องเพทาย จัดหนักด้วยยยย   :a1:

ออฟไลน์ clock_nuchchee

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 243
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-1

ออฟไลน์ AMINOKOONG

  • ฝากติดตามนิยายด้วยนะคราฟฟฟฟ
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 860
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +183/-12
ยังไงก็เกลียดมุธอยู่ดี  :katai1:

ช่างเป็นผู้ชายที่ไม่มีค่าพอจะเป็นคนรักของใคร

เปลี่ยนพระเอกเหอะ

@Lucifer_Prince@

  • บุคคลทั่วไป
«ตอบ #129 เมื่อ03-01-2014 17:47:28 »

ถ้าพี่มุธไม่เคลียร์ตัวเองให้เด็ดขาดในทุกเรื่อง  เค้าก็ขอให้เปลี่ยนพระเอก  สวัสดีปีใหม่คัฟพี่แนน^^

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

« ตอบ #129 เมื่อ: 03-01-2014 17:47:28 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






เหนือฟ้ายังมีจักรวาล

  • บุคคลทั่วไป
เย้ คืนดีกันแล้ว

ออฟไลน์ sukaz

  • I Will Love You Unconditionally
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1431
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-3
ตอนนี้จะเอาหื่น  :haun4: :haun4: :haun4:   
 รึ ดราม่าดีว่ะ   :katai1: :katai1: :katai1: :katai1:

เลือกอารมณ์ไม่ถูก
 :z3: :z3: :z3: :z3: :z3:

tuktik_narak

  • บุคคลทั่วไป


ตอนที่10

   เพทาย พาร์ท

   หลังจากที่เคลียร์กันวันนั้นผมก็กลับมาอยู่กับพี่มุธเหมือนเดิม ทุกอย่างกลับเข้าสู่โหมดปกติติดแค่เรื่องเดียวคือพี่มุธดูใส่ใจผมกว่าแต่ก่อนถึงจะไม่มากแต่มันก็เปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นอย่างที่ผมรู้สึกได้

   ผมนอนกลิ้งอยู่ในห้องอย่างสบายอารมณ์ ไม่มีเรียนครับแต่พี่มุธมีสอนตั้งแต่เข้าจรดค่ำนี่อีกสักพักก็คงใกล้ได้เวลาพี่มุธกลับมาแล้ว กับข้าวกับปลานี่ไม่ต้องห่วงผมเตรียมพร้อมหมดทุกอย่างแล้วถึงจะไม่อร่อยแต่ทุกครั้งพี่มุธก็กินจนหมด

   วันนี้ผมตั้งใจรอพี่มุธกลับมาเพราะมีเรื่องจะมาขออนุญาต เมื่อวานพอดีพวกไอ้เหนือไอ้ดินมันชวนไปเที่ยวจันทบุรี ซึ่งปีที่แล้วก็ชวดไปทีเพราะติดงานและติดว่าพ่อคุณเขาไม่อนุญาตแต่ปีนี้จะลองขอใหม่และคิดว่าถึงจะไม่ให้ไปผมก็จะไปให้ได้ครับเพราะผมอยากไป

   แกร๊ก!

   “หืม มานั่งทำอะไรตรงนี้” พี่มุธเปิดประตูเข้ามาเห็นผมนั่งอยู่ที่โซฟาก็ถามขึ้นทันที ผมมองพี่มุธทุกอากัปกิริยาเลยครับตั้งแต่ปลดกระดุม ปลดเนคไท ถอดรองเท้า วางกระเป๋าจนสุดท้ายเดินเข้ามานั่งข้างๆผม

   “อ๊ะ” ผมร้องเมื่อถูกพี่มุธจุ๊บปาก ผมไม่รู้ว่าหน้าตัวเองตอนนี้เป็นยังไงนะครับแต่เดาได้ว่ามันคงจะแดงมากแน่ๆเพราะตอนนี้ผมรู้สึกร้อนหน้าอย่างบอกไม่ถูก

   “มารอพี่เหรอ” พี่มุธยกแขนข้างหนึ่งวางไว้บนพนักพิงก่อนจะจ้องหน้าผม ผมมองตอบกลับไปรู้สึกเคลิ้มอยู่ในใจเบาๆว่าพี่มุธนี่หล่อดีจัง

   “เพทาย!” พี่มุธตะโกนจนผมต้องหลุดออกจากภวังค์

   “ครับๆ”

   “พี่ถามว่ามานั่งทำอะไรตรงนี้ครับ” พี่มุธถามย้ำแถมยังยิ้มน้อยๆส่งมาให้ผมอีก

   “พอดีผมมีเรื่องจะคุยกับพี่น่ะครับ” โดยปกติแล้วผมไม่ชอบมานั่งที่โซฟาหรอกครับ เพราะผมไม่ค่อยชอบดูโทรทัศน์สักเท่าไหร่ถ้าว่างก็จะหาเปิดอะไรในเน็ตดูหรือไม่ก็วาดรูปวิวซะมากกว่าจึงไม่แปลกที่พี่มุธจะสงสัยว่าผมมาทำอะไรตรงนี้

   “เรื่องอะไร” พี่มุธถาม

   “ผมขอไปเที่ยวจันทบุรีนะ” ผมพูดพยายามบีบเสียงเล็กๆจะได้ดูอ้อน

   “จันทบุรี?” พี่มุธทวนชื่อจังหวัดแต่ทำไมต้องทำเสียงขุ่นด้วยวะ

   “ใช่ ให้ผมไปนะแค่สามสี่วันเอง” ผมพยายามพูดยิ้มๆแถมส่งสายตาอ้อนๆให้อีกต่างหากแต่ไม่รู้ว่าพี่มุธจะใจอ่อนไหม

   “ไม่อนุญาตครับ” พี่มุธตอบทันควัน ผมหน้ามุ่ยที่โดนห้าม

   “ทำไมล่ะ” ผมถามหน้าเริ่มเครียด

   “พี่เป็นห่วง” แต่พอเจอเหตุผลนี้ก็โอเคล่ะนะ ให้อภัยได้แต่ก็ยังไม่หมดอยู่ดี

   “แต่ผมอยากไปนี่ฮะ ถือว่าเป็นการไปเที่ยวกับเพื่อนส่งท้ายก่อนจะเรียนจบด้วย”

   “ครั้งต่อไปดีกว่า พี่จะหาวันหยุดแล้วไปด้วย” พี่มุธตอบแบบนั้นก็ทำเอาผมหน้างอกว่าเดิมสิครับ จู่ๆมาพูดว่าจะตามไปด้วยทำยังกะว่าจะไปได้อย่างนี้ผมก็อดไปเที่ยวตลอดชีวิตเลยรึไง

   “ใจร้ายๆๆๆๆๆ” ผมลุกขึ้นโวยวายซึ่งปกติแล้วผมไม่เคยทำกิริยาแบบนี้ แต่ครั้งนี้ผมน้อยใจจากเรื่องก่อนๆที่ผ่านมาจนมันระเบิดออกมาเป็นเสียงตะโกนและน้ำตา

   “เพทายหยุดร้อง” พี่มุธเบียดตัวเข้ามาหาผมก่อนจะดึงผมไปกอด มันดูงี่เง่ามากเลยใช่ไหมครับกับอีแค่ไม่ได้ไปเที่ยว แต่นี่มันเป็นโอกาสเดียวที่จะได้ไปกับเพื่อนๆและน้องๆที่ผมรักนะครับ พอเรียนจบก็ไม่รู้ว่าจะได้เจอกันแบบนี้หรือเปล่า

   “ไม่!”

   “ทำไมพี่พูดแล้วไม่ฟัง แต่ก่อนไม่เป็นแบบนี้นะ” พี่มุธพูดใส่ผม ผมชะงักค้างหยุดเสียงโวยวายไว้แค่นั้น หมายความว่ายังไง....

   พี่มุธเบื่อผมเหรอ

   “พี่รำคาญผมสินะ” ผมถามตามที่ใจคิดพี่มันส่ายหน้าเหมือนว่าผมคดอะไรไร้สาระ

   “คิดมากอีกแล้ว”

   “หรือไม่จริง สีหน้าพี่มันบอกกำลังว่าผมงี่เง่า” ผมกำลังดื้อแต่ให้รู้ไว้เลยว่ามันเป็นเพราะพี่มุธล้วนๆ

   “แล้วมันใช่ไหมล่ะ พี่ห้ามอะไรไม่เคยฟัง ดื้อ ไม่น่ารักเลย” พี่มุธพูดตอบกลับถึงจะไม่เสียงดังแต่ก็ทำให้ผมเสียใจ

   “ฮึกๆ....ผมจะกลับบ้าน!” ผมไม่รอให้พี่มันตอบผมหยิบกระเป๋าสะพายตัวเองในห้องนอนแล้ววิ่งออกจากห้องไปทันที

   “เดี๋ยวเพทาย!....เดี๋ยว” ผมไม่ฟังเสียงเรียกข้างหลัง ผมไม่แคร์

   ผมอาจจะดูงี่เง่าเอาแต่ใจ แต่เพราะใครล่ะที่ทำให้ผมเป็นแบบนี้ พี่มุธอาจจะเบื่อผม รำคาญผม แต่ผมก็แค่อยากให้พี่มุธตามใจผมบ้างสักเรื่องแค่นี้ผมผิดหรือไง ถ้ามันดูน่ารำคาญนักผมก็จะไม่อยู่ให้พี่มันเห็นเสียสายตาอีก

   ผมกดโทรศัพท์หาซัน แต่คิดอีกทีผมไม่อยากให้มันต้องคิดมากและเดือดร้อนเพราะผมอีกผมเลยกดตัดสายและเก็บมันกลับเข้ากระเป๋าไป

   ผมลงลิฟท์มาชั้นล่างก่อนจะวิ่งออกจากคอนโดตรงไปที่ป้ายรถเมล์ ผมไม่กล้าโบกแท็กซี่นั่งไปคนเดียวแต่ก็ขึ้นรถเมล์ไม่เป็นครั้นจะโทรหาซันก็ไม่กล้า แต่จะให้กลับขึ้นไปหาก็ไม่เอาหรอกครับ แต่การที่พี่มุธไม่ยอมตามลงมาก็ทำให้ผมเสียใจอยู่ลึกๆ เพราะในใจมันก็หวังที่จะเห็นพี่มุธมันวิ่งมาง้อผมนี่ครับ หึ

   “เอาไงดีวะ” ผมมองท้องฟ้าที่เริ่มดำสนิทสลับกับจราจรที่เริ่มสัญจรไปมาสะดวกบนถนน คิดไม่ตกว่าควรจะทำยังไง

   RRrrr

   ไพลิน

   “ฮัลโหล” ผมกดรับสายน้องสาวของผม

   “อยู่ไหนเอ่ย”

   “เอ่ออออ คอนโดพี่มุธไง” ผมไม่กล้าบอกว่าตอนนี้ผมหอบร่างตัวเองหนีออกมา ถ้าไพลินรู้มันต้องตกใจแน่เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่ผมหนีพี่มุธมาด้วยเรื่องปัญญาอ่อนแบบนี้

   “ตรงไหนของคอนโด” มันถามอีก จะให้บอกยังไงล่ะว่ายืนอยู่ป้ายรถเมล์หน้าคอนโด

   “มีอะไร” ผมถามกลับ

   ปี๊นๆๆๆ

   ไพลินยังไม่ได้ตอบก็มีรถคันหนึ่งบีบแตรใส่ผมเสียงดัง ผมหันไปมองอย่างรำคาญก่อนจะต้องอ้าปากค้างทำตาโตเมื่อคนนั่งอยู่บนรถคือน้องสาวผมเอง

   “ไหนบอกว่าอยู่คอนโดไงคะ เฮีย” ไพลินถามเยาะเย้ยหน่อยๆก่อนจะเปิดรถลงมาหาผม

   “มาได้ไง” ผมถาม

   “เผอิญมาส่งเพื่อนแถวๆนี้ เพิ่งเลิกติวกันมาน่ะค่ะ” ไพลินตอบ

   “แล้วนี่พ่อยอมให้เอารถออกมาขับได้ไง” ผมถามเพราะปกติไพลินยังไม่ได้รับอนุญาตให้ขับรถเพราะอายุยังทำใบขับขี่ไม่ได้เลยครับถ้าโดนตำรวจโบกนี่ตายแน่

   “ใครบอกว่าพ่อยอม แม่ยอมต่างหาก อิอิ” แม่เป็นใหญ่เสมอสินะ

   “ถึงว่า...”

   “แล้วนี่จะไปไหน แล้วพี่มุธล่ะอย่าบอกนะว่าทะเลาะกันอีกแล้ว” น้องทำท่าทางจับผิดผม ชิยัยเด็กบ้าเอ๊ยรู้ดีซะจริง

   “ไม่ได้ทะเลาะ” ผมบอกปัด

   “อย่ามาโกหกน้องหน่อยเลย” ไพลินทำหน้าโหดจนผมต้องยอมตอบความจริง

   “แค่งอนๆ”

   “ฮ่าๆ จริงๆด้วยปกติพี่ทายไม่เคยหนีออกมาแบบนี้ไม่ใช่เหรอ อะไรกันพอกลับมาคบกันใหม่เพิ่มเลเวลความเอาแต่ใจเลยเหรอ”

   “เดี๋ยวเหอะๆ เยอะไปๆ” ผมดุ ไพลินขำไม่จริงจัง แต่ก็อดคิดตามที่น้องพูดไม่ได้นะครับ นั่นสิทำไมถึงได้ขี้งอนหนักกว่าแต่ก่อนอีกวะกู

   “งั้นก็กลับบ้านเถอะ ไปนอนรอให้พี่มุธมาง้อพรุ่งนี้ดีกว่าเนอะ” น้องควงแขนผมมาขึ้นรถ ก่อนที่ผมจะบอกให้น้องไปนั่งที่ข้างคนขับแล้วผมไปขับเองขืนให้น้องขับโชคร้ายเจอตำรวจมีหวังได้เป็นข่าวแน่

   ‘เด็กอายุสิบเจ็ดไร้ใบขับขี่ได้รับอนุญาตให้ขับรถหรูบนท้องถนนได้’

   “ว่าแต่ทะเลาะเรื่องอะไรกันเหรอ” ไพลินถามตอนที่ผมขับออกมาได้สักพัก ผมเงียบก่อนจะเล่าความจริงให้ฟังทั้งหมด ผมไม่เคยปิดบังอะไรมันได้สักอย่าง

   “ก็พี่อยากไปเที่ยวจริงๆนิ มันครั้งนึงในชีวิตพี่เลยนะ” ผมพูดย้ำพูดให้พี่มุธดูผิดที่ขัดใจผม

   “อืมๆ ลินเข้าใจแล้วค่ะที่แท้ก็แบบนี้ แต่พี่มุธเขาก็ไม่ได้ผิดถึงขนาดที่พี่ต้องน้อยใจแล้ววิ่งหนีออกมาเลยนี่นา” ไพลินพูดเสนอแนะ ผมหน้างอที่ดูเหมือนน้องจะเข้าข้างพี่มุธมากกว่าผม

   “นี่เธอเป็นน้องใครกันแน่” ผมถาม

   “แหะๆ ก็น้องพี่แต่แอบเข้าข้างพี่เขยไง” น้องทำหน้าทะเล้นจนผมอดจะเขกหัวทุยๆนั้นไม่ได้

   RRRrrrr

   “โอะๆ พี่เขยโทรมาพอดีเลย” สายเรียกเข้าจากพี่มุธดังขึ้น หัวใจผมนี่เต้นแทบระเบิดเลยครับแต่ผมต้องวางมาดไว้จะรับไม่ได้เดี๋ยวเสียฟอร์มหมดทั้งๆที่จริงแล้วผมน่ะหายโกรธตั้งแต่เห็นชื่อโชว์บนหน้าจอแล้วครับ

   “กดตัดไปเลย” ผมบอกเสียงขุ่นแต่ในนี่กระดี๊กระด๊ายิ่งกว่าปลากระดี่

   “จริงๆอ่ะ เล่นตัวไปป่ะเนี่ย” น้องหัวเราะจับผิดผม

   “นิอย่าให้มันมากเกินไป” ผมบอก

   “ตัวเองก็อย่างอนให้มันมากเกินไป เหตุผลน่ะเหตุผลรู้จักไหม” น้องสองผมหันขวับมองตาเขียวไพลินก็ยักไหล่แบบไม่สนใจ

   เสียงโทรศัพท์ยังดังอย่างต่อเนื่อง ผมแอบชำเลืองมองอยู่บ่อยๆแต่ก็ต้องรีบหันหลับเวลาที่ไพลินมองมาอย่างคนจับผิด ยัยเด็กนี่ร้ายใช่เล่น

   “น่ารำคาญจริงๆเนาะ กดตัดตัดดีกว่า ติ๊ด!” มันพูดและทำอย่างรวดเร็วจนผมห้ามไว้ไม่ทัน โถ่อุตส่าใจอ่อนจะยอมคุยแล้วแท้ๆ

   “โดนแน่” ผมเค้นเสียง

   “ฮ่าๆๆ ก็พี่ทายเล่นตัวระวังเถอะเขาจะไม่มาง้อน่ะ” ไพลินพูดจนผมสะอึก ทำไมต้องแทงใจดำด้วยไม่รู้หรือไงว่าพี่กลัวโดนทิ้งมากแค่ไหน

   “ช่างปะไร เขาก็ไม่ได้สนใจพี่อยู่แล้วนิ” ผมพูดอย่างคนน้อยใจน้ำตาก็พาลจะไหลซะดื้อๆ

   “เฮ้ออ ทำไมต้องงอนกันไปมาด้วย” ผมไม่ตอบคำถามนั้นแต่ในใจก็อดคิดไม่ได้ว่าพรุ่งนี้และวันต่อๆไปพี่มุธยังคิดจะมาง้ออยู่ไหม

   เอี๊ยดด

   “ขึ้นห้องไปอาบน้ำเร็วๆเลยนะ” ผมไล่เมื่อรถจอดที่หน้าบ้านเรียบร้อย

   “ค่าไปละ” ผมมองตามจนน้องปิดประตูห้องเรียบร้อย

   ผมเดินกลับเข้ามาในห้องซึ่งไม่ค่อยได้นอนเท่าไหร่ตั้งแต่คบกับพี่มุธ ผมทิ้งตัวลงบนที่นอนอย่างหมดแรงคิดถึงเรื่องก่อนหน้านี้และนึกถึงคำพูดของไพลินไปด้วย สรุปว่าผมงี่เง่าเองใช่ไหม ผมมันเอาแต่ใจจริงๆใช่ไหม และอีกไม่นานพี่มุธคงเบื่อผมสินะ

ใช่หรือเปล่า

ผมยกโทรศัพท์ขึ้นมามองอย่างน้อยใจโดนตัดสายไปแค่ครั้งเดียวก็ถอดใจไม่โทรกลับมาอีก หึ บ้าชะมัด

“ไม่ได้รักกันจริงๆสินะพี่มุธ ทำไมถึงไม่ง้อผมล่ะ” พูดจบก็รู้สึกว่าน้ำตามันมาคลอๆที่หางตา อีกแล้วอ่อนแออีกแล้ว

“ชิ ไหลอยู่ได้ไอ้น้ำบ้าเอ๊ย” ผมสบถ

“เพทาย”

ผมสะดุ้งเหมือนได้ยินเสียงคนเรียกหรือว่าผมหูฝาด แถมเสียงยังคุ้นๆเหมือนคนที่ผมเพิ่งหนีเค้ามาอีกต่างหาก

“กูเพ้อเปล่าวะ” ผมบ่น

“เพทาย” ผมสะดุ้งอีกทีก่อนจะยกโทรศัพท์ในมือขึ้นมาดู

“เชี่ย!” ผมสบถเด้งตัวขึ้นนั่งอย่างไวในเมื่อเสียงที่เรียกผมคือเสียงที่ดังมาจากในโทรศัพท์

ใช่!

ยัยน้องตัวดีมันไม่ได้กดตัดแต่มันกดรับสินะ! แล้วผมจะทำไง

“หึหึ ร้องไห้อยู่สินะ” พี่มุธพูดลอดออกมาให้ผมได้ยินผมปิดปากเงียบไม่ตอบอะไรแต่ในมือก็ยกมือถือขึ้นแนบหูอย่างห้ามไม่ได้

เกือบยี่สิบนาทีเลยเหรอเนี่ยที่พี่มุธยอมเสียตังค่าโทรฟรีๆเพื่อฟังเสียงผมขับรถ เดินเข้าห้อง และเพ้อเจ้อคนเดียว เขาได้ยินอะไรไปบ้างหรือเปล่าเนี่ย

“ฮึก” ผมเผลอสะอื้นเสียงดังจนต้องรีบปิดปากให้แน่นไว้

“ขอโทษที่ทำให้ร้องไห้อีกแล้ว” พี่มุธตอบกลับมา

“…………….”

“ถ้าการที่พี่เป็นห่วงแล้วทำให้เราเสียใจ งั้นต่อไปพี่จะไม่เป็นห่วงอีกแล้วดีไหม” ผมน้ำตาไหลเมื่อพี่มันพูดแบบนั้น

“ฮึกๆ...พะ..พี่เบื่อผะ..ผมแล้วจริงๆ..ฮึก..ด้วย” ผมยอมพูดเพราะทนไม่ไหวจริงๆ

“พี่ไม่เคยเบื่อมีแต่เราที่ไม่ยอมเข้าใจอะไรเลย”

“แต่ผมอยากไป” ผมก็ยังไม่ยอมแพ้ผมคิกแล้วว่าครั้งนี้ผมจะดื้อให้ถึงที่สุด และถ้าพี่มันไม่ยอมผมก็จะงอนต่อไปเรื่อยๆ

“งั้นก็แล้วแต่” ผมร้องไห้หนักขึ้นอีก

“ฮึกๆ จะไม่สนใจกันแล้วเหรอ”

“นอกจากเรื่องครอบครัว เพทายเป็นสิ่งเดียวที่พี่สนใจเสมอยังไม่รู้ตัวอีก” ถึงจะไม่ได้เป็นคนเดียวที่พี่มันสนใจแต่ก็ทำให้ผมรู้สึกดีขึ้นอย่างน้อยพี่มุธก็เป็นผู้ชายที่รักครอบครัวนะ

“งั้นทำไมพี่ไม่มาง้อผม” ผมถามเสียงอ่อน

“ก็รู้ไงว่าถึงตามยังไงเพทายก็คงไม่หายโกรธ”

“ละ..แล้วถ้าผมนั่งคนเดียวแล้วโดนคนมาทำอะไรล่ะ พี่ไม่ห่วงเหรอ” ผมน้อยใจอีกแล้วครับ ทุกทีสิน่างอแงอีกแล้วเรา

“พี่ก็จะเข้าไปช่วยไง พี่เห็นแล้วว่าน้องลินมารับพี่เลยไม่เข้าไปหา”

“หมายความว่าไง” ผมถามอยากได้แบบชัดๆ

“เพทายอยู่ในสายตาพี่เสมอจำไม่ได้หรือไง” นี่ผมกำลังยิ้มผมรู้สึกได้ แต่นี่เป็นครั้งแรกหรือเปล่าที่ผมเหมือนเป็นคนที่เหนือกว่าเพราะงั้นขอเล่นตัวอีกหน่อยได้หรือเปล่าเนี่ย

“จำไม่ได้ แค่นี้นะผมจะนอนแล้ว” ผมพูดจบก็กดตัดโดยไม่รอว่าอีกฝ่ายจะพูดว่าอะไร

แต่คืนนั้นพี่มุธก็ไม่ได้โทรกลับมาอีกผิดจากที่คิดไว้นิดหน่อยแต่อย่างน้อยพี่มันก็ส่งข้อความมาบอกราตรีสวัสดิ์แทน

ไม่รู้ทำไมผมรู้สึกว่าหลังจากที่เรากลับมาคืนดีกันพี่มุธดูจะอ่อนโยนขึ้น แล้วผมก็ดูจะงี่เง่ามากขึ้นด้วยแต่ผมห้ามไม่อยู่จริงๆหรือเป็นเพราะผมมักจะคิดถึงเรื่องที่พี่มุธต้องแต่งงานอยู่ในหัวตลอดเวลาจนผมรู้สึกว่าผมไม่สามารถอดทนเป็นคนรออยู่ฝ่ายเดียวได้อีกต่อไป

ผมรับได้ถ้าวันหนึ่งพี่มันจะเดินเข้ามาบอกว่าเราเลิกกันเถอะเพราะพี่ต้องแต่งงานแล้วจริงๆ ถ้าถึงเวลานั้นอย่างน้อยให้ผมได้งอแง ได้งี่เง่าให้พี่มันง้อผมสักครั้งเถอะ ให้ผมรู้สึกว่าตัวเองยังเป็นคนสำคัญที่พี่มันต้องใส่ใจก่อนจะถึงเวลานั้นจริงๆ

.

.

ตอนนี้เป็นเวลาเช้าตรู่พวกเรามารวมกันที่บ้านไอ้ดินเพื่อจะเดินทางไปจันทบุรี ถึงจะโดนห้ามแต่ผมไม่แคร์บอกตกลงกับพวกไอ้ดินในวันรุ่งขึ้นทันทีว่าตกลงจะไปด้วย พวกน้องๆก็ดูจะดีใจที่พวกผมจะไปด้วย

ผมไปเล่าให้พวกไอ้เขียนเพื่อนอีกกลุ่มของผมที่สนิทกันฟังมันก็บอกว่าจะขอตามไปด้วยแต่ขออยู่ทำงานให้เสร็จก่อนแล้วจะตามไปทีหลังสีหน้ามันดูหื่นกามอย่างไม่ทราบสาเหตุ ทำเอาทุกคนแปลกใจนะเพราะปกติมันไม่ใช่คนที่จะชอบไปเที่ยวต่างจังหวัดซะด้วยไม่รู้เพราะมีอะไรที่มันสนใจอยู่ในทริปนี้หรือเปล่าผมก็ไม่แน่ใจ

หรือมันอาจจะตามไปเอาเรื่องไอ้เหนือหรือเปล่า เหตุผลนี้ก็อาจจะเป็นไปได้นะครับเพราะมันเคยทะเลาะกันในผับอย่างรุนแรงจนพวกผมตกใจอยู่ครั้งหนึ่ง เกือบคิดว่าน้องที่พวกผมรักกับเพื่อนที่พวกผมรักต้องมาทะเลาะกันแต่ก็ยังดีที่เรื่องมันจบโดยที่ไม่มีฝ่ายใดเอาเรื่อง

ยืนรอขนกระเป๋าขึ้นบนรถตู้สายตาก็พลันไปเห็นวิสกี้มันส่งยิ้มทักทายมาให้ ในใจผมหน่วงทุกครั้งที่เห็นหน้ามัน รู้สึกผิดครับที่ผมต้องทำตัวเหมือนไม่มีอะไรแต่จริงๆแล้วผมแอบมีความสัมพันธ์กับพี่ชายมันไปถึงไหนต่อไหน ผมไม่รู้เหมือนกันว่าถ้ามันรู้ความจริงมันจะยังรับผมให้เป็นพี่ที่สนิทได้หรือเปล่า

หลายครั้งนะครับที่ผมเผลอทำหน้าตาเศร้าๆให้มันเห็น เวลามันถามผมว่าเป็นอะไรถึงทำหน้าเหมือนคนป่วยไม่ได้กินยาผมพูดไม่ออกที่ต้องโกหกว่าเครียดเรื่องเรียนทั้งที่เครียดเรื่องพี่ชายมัน ผมไม่อยากให้มันคิดว่าผมหลอกมันเอาความหวังดีของมันมาทำเหมือนเป็นเรื่องสนุก

“ครบละ หกชีวิตที่หล่อและโสด เดินทางได้เลสโก”ไอ้ดินมันพูดเมื่อเห็นว่าทุกอย่างพร้อมทั้งของทั้งคนทั้งรถที่ตรวจเช็คสภาพมาแล้วอย่างดี

“ตื่นเต้นว่ะ” ผมพูดกับไอ้ซันมันหันหน้ามามองผมงงๆนิดหน่อย

“มึงพูดว่าอะไรนะ” ผมขมวดคิ้วมันเหม่ออะไรถึงไม่ได้ยินที่ผมพูด

“จดๆจ้องๆโทรศัพท์เป็นอะไร หรือรอใครโทรมาอยู่เอ๊ย หรือว่ามึงอยากจะโทรหาใคร” ผมแกล้งถาม มันทำหน้าตกใจรีบปฏิเสธ

“เปล่าๆ บ้าแล้ว” แม่งพิรุธชัดๆกูต้องรู้ให้ได้เลย

“เออ ไม่มีก็ไม่มี” ผมยักคิ้วล้อเลียน มันหันฟน้าหนีไม่กล้าสบสายตานั่นไงนี่มันอาการของคนมีพิรุธชัดๆ

“มาเหี้ยอะไรกูไปเที่ยวกะเพื่อน ไอ้มุธมึงอย่ากวนตีนกูได้มะ มึงจะไปทำไม วันหยุดมึงแล้วเกี่ยวไรกะกู โอยไอ้เหี้ย ไอ้พี่เลวแม่งตัดสายกู”

แต่ยังไม่ทันได้ก้าวขึ้นรถพวกผมก็ต้องหันไปมองตามเสียงร้องของวิสกี้ ผมเห็นมันยืนแกปากคุยกับโทรศัพท์ดูแล้วคงหัวเสียอย่างบ้าคลั่ง แต่ใจผมนี่โครมครามไม่อยากคิดว่าเมื่อกี้นี้มันจะคุยกับพี่มุธแถมพูดเหมือนว่าพี่มันจะตามมาอีก

ตั้งแต่วันที่เราทะเลาะกันวันนั้นพี่มันไม่โทรมาหาผมอีกเลย ไอ้ผมก็ดันงอนไม่เลิกทิฐิสูงไม่ยอมโทรไปก่อนด้วยผมก็เลยคิดว่าพี่มันคงไม่สนใจแล้วซะอีก

“แสดงว่าพี่มุธเขากำลังจะมาที่นี่สินะ” ผมตื่นจากภวังค์เมื่อได้ยินประโยคที่ไอ้เหนือถามวิสกี้ ก่อนหน้านี้มันคุยอะไรกันไม่ทราบครับผมไม่ทันได้ฟัง

“เออมั้งแม่งกูโทรหาก็ปิดเครื่องหนีอีก มันนึกคึกอะไรของมันวะมึง” วิสกี้มันกำลังโวยวายแต่ผมกำลังจะหัวใจวาย

ไม่ได้เจอหน้ากันมาสองสามวันแถมยังงอนกันซะใหญ่โตอีก พูดตรงๆถ้าพี่มันมาผมไม่รู้จะทำหน้ายังไง แต่คิดๆไปผมจะทำอะไรได้นอกจากทำหน้าเหมือนว่าเราไม่เคยรู้จักกัน

“เอาน่าถ้าพี่มึงไปพวกเราอาจจะไม่ต้องจ่ายอะไรเลยนะเว้ย คิดในแง่ดีดิมึง” ไอ้เหนือพูดเหมือนจะดีนะถ้าได้เที่ยวฟรีแต่ถ้ามันทำให้ผมต้องอึดอัดใจผมขอเที่ยวแบบเสียเงินเองยังจะดีซะกว่า

แล้วสุดท้ายกำหนดการเดินทางก็ต้องเลื่อนออกไปเพื่อนั่งรอแขกคนสุดท้ายที่โทรมาปุบปับว่าจะไปด้วย ผมภาวนาว่าให้พี่มุธล้อเล่นและโทรมายกเลิกกับวิสกี้ว่าไม่ไปแล้ว ถ้าก่อนหน้านี้เราไม่ได้โกรธกันผมคงอยากให้พี่มันมา แต่ถึงจะมาเราก็ต้องต่างคนต่างอยู่ หึ ผมนี่อาภัพเกินใครจริงๆ

บรืนนนน

สิบนาทีเห็นจะได้รถบีเอ็มสีดำก็มาจอดสนิทเทียบข้างรถตู้ของบ้านไอ้ดิน ไม่ถึงสิบวินาทีเจ้าของรถเขาก็เดินลงมาพร้อมกระเป๋าใบเล็กๆหนึ่งใบ ใจผมโครมครามเมื่อเห็นใบหน้าของคนที่ผมคิดถึงตลอดเวลาถึงแม้ว่าจะโกรธให้ตาย

พี่มุธตีเนียนดีเยี่ยมเขาไม่มีท่าทีว่าจะสนใจผมเป็นพิเศษทำเหมือนทุกครั้งที่พวกเรารวมตัวมาเจอกัน ทั้งๆที่ผมควรจะชินแต่ทำไมคราวนี้ผมกลับรู้สึกไม่ชอบใจ ผมเห็นแก่ตัวหรือเปล่าถ้าผมจะบอกว่าผมอยากได้คำพูดที่บอกว่า ‘เพทายแฟนพี่’ หรืออ้อมกอดที่พี่มุธมักจะมอบให้ผมบ่อยๆ

“นี่มุธ มึงไปหัดแต่งตัวแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ขนาดมึงไปเที่ยวทะเลกะครอบครัวมึงยังใส่สูทรองเท้าหนังเลย” ทุกคนขำกับคำถามของวิสกี้แม้แต่ผมยังอดหัวเราะตามไม่ได้

“ชุดนี้เมียกูซื้อให้กูเลยเอามาใส่” ผมสะดุ้งรู้เลยว่าหน้าแดงขึ้นแน่ๆ ผมไม่ทันสังเกตเลยว่าชุดนี้ผมซื้อให้เมื่อช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา ราคาไม่ได้แพงมากหรอกครับเพียงแต่ผมเห็นว่ามันเหมาะกับพี่มุธเลยซื้อมาให้แบบยกชุด เสื้อ กางเกง รองเท้า แม้กระทั่งแว่นกันแดดผมก็เป็นคนเลือกให้

หรือว่าพี่มันตั้งใจใส่มาง้อ แต่จะด้วยเหตุผลอะไรก็ตามผมก็ยังจะคงงอนและน้อยใจต่อไป อย่าถามหาเหตุผลเพราะผมเองก็ตอบไม่ได้ว่าทำไมผมถึงอยากจะงอน อยากจะให้พี่มันง้ออยู่ตลอดเวลา

พี่มุธ วิสกี้ และเหนือ หยอกล้อกันอย่างปกติจนเกิดเสียงหัวเราะจากคนรอบข้าง มีแต่ผมคนเดียวละมั้งที่ในใจเผลออิจฉาทั้งๆที่เขาเป็นพี่น้อง ผมอยากได้แบบนั้นแต่ผมก็ไม่ได้และไม่มีวันได้ สายตาของผมคงจะแสดงออกเกินไปจนซันต้องมาสะกิดที่ไหล่ให้ผมได้สติ

“เก็บๆไว้บ้างถ้าไม่อยากให้ใครรู้” ผมพยักหน้ารับ ขอบคุณนะที่คอยเตือนให้กูรู้ว่ากูมีสิทธิ์แค่ไหน

ในช่วงขณะนั้นผมกับพี่มุธเผลอสบตากันแวบนึงก่อนที่จะเป็นผมเองที่หันหน้าหนีและลากมือซันก้าวขึ้นไปนั่งรอบนรถ

“ใจเย็นๆ” มันกระซิบบอก

“จะพยายาม” ผมคงทำได้แค่นี้จริงๆ





TBC_________________



@Lucifer_Prince@

  • บุคคลทั่วไป
อ่านมาถึงตอนนี้ก็รู้แจ่มชัดแล้วว่ามันเป็นชวงเวลาไล่เลี่ยกันกับเรื่อง หมดกันฯ  แต่เริ่มก่อนนิดหน่อย  #พี่มุธ-เพทายสู้ๆนะ  รอตอนต่อไปคัฟ

ออฟไลน์ snowboxs

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5445
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-7
อืมมม เรื่องราวมันเป็นแบบนี้นี่เอง

ออฟไลน์ nokkaling

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 941
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-4

ออฟไลน์ liza sarin

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2538
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +91/-14

tuktik_narak

  • บุคคลทั่วไป


ตอนที่ 11

ซัน พาร์ท

   “อื้อออ”

ผมขยับตัว เมื่อได้ยินเสียงครางเบาๆจากคนที่นอนด้านข้าง ผมค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้นช้าๆสมองกำลังประมวลผลไม่นานผมก็ได้สติคืนมาแบบครบถ้วน

“หึ” ผมขยับตัวลุกขึ้นเอาตัวพิงไว้กับหัวเตียงมองคนที่นอนขดกายอยู่ใต้ผ้าห่มผืนเดียวกันอย่างยิ้มเยาะ

เมื่อคืนมันไม่ได้ต่อต้านผม...

ในความคิดตอนนั้นผมรู้สึกสมเพชมันนิดหน่อย ใช่อยู่ที่ผมไม่ดีใช้ยากับมันในตอนแรกแต่ครั้งต่อมาล่ะ ผมรู้ดีว่านั่นเกิดจากจิตใต้สำนึกของมันลึกๆที่ต้องการเติมเต็ม และผมก็จัดให้มันอย่างถึงใจ

ผมนั่งมองมันอยู่พักใหญ่ มองเห็นปัญหาที่จะเกิดขึ้นในภายภาคหน้า ผมคิดว่าผมรับมือได้ขอแค่มีมันยอมให้ความร่วมมือกับผมซึ่งก็แน่นอนว่ายังไงมันก็ต้องยอม การที่มันต้องมาเสียตัวให้ผู้ชายผมว่ามันคงไม่อยากให้ใครรู้หรอกโดยเฉพาะครอบครัวที่รักของมัน

ผมตามสืบประวัติของครอบครัวนี้มาอย่างละเอียด รู้ลึกแม้กระทั่งเหตุผลที่บ้านนี้ต้องการให้ลูกสาวรีบๆแต่งงานโดยหวังต้องการเงินมาโปะหนี้ก้อนโต หึหึ ผมละอายใจแทนแบบนี้หรือเปล่าที่เรียกว่าขายลูกกิน

ผมตามผู้หญิงที่ชื่อศศิอยู่นานหลายวัน ตามไปถึงโรงเรียนบ้างก็มีแต่สุดท้ายผมก็คิดไม่ตกว่าจะจัดการยังไง เพราะยังไงซะผู้หญิงก็คือผู้หญิง แต่แล้ววันหนึ่งผมก็เห็นมัน...

‘พี่กลินท์’

ผู้หญิงคนนั้นตะโกนเรียกพี่ชายตัวเองเสียงดัง ผมหันไปมองอย่างอดไม่ได้ ไม่รู้เพราะรอยยิ้มของมันหรือสายตาที่เผลอมองมาทางผมที่เหมือนจะรู้ตัวว่าโดนแอบมองกันแน่ทำให้ผมตัดสินใจไปหามันที่มหา’ลัยในวันรุ่งขึ้น

ความคิดชั่วผุดขึ้นมาในสมอง ในใจคิดเพียงแต่ว่าแก้แค้นแทนเพทายให้ได้ ไม่ว่าจะต้องลงกับใครผมก็จะทำ กับผู้ชายด้วยกันผมไม่เคยมันเป็นผู้ชายคนแรกของผมและผมก็คงเป็นคนแรกของมัน ผมยกยิ้มอย่างพอใจอย่างน้อยการทำลายความมั่นใจในความเป็นชายของมันก็ทำให้ผมรู้สึกดีขึ้นมาได้บ้าง แต่ไม่ว่ายังไงเรื่องนี้ผมจะให้เพทายมันรู้ไม่ได้เด็ดขาด มันคงไม่ชอบแน่ที่ผมต้องทำอะไรเพื่อมันขนาดนี้

ผมไม่สน ผมทำได้ทุกอย่าง...เพื่อให้มันมีความสุข

ผมรักมัน...ใช่ผมรู้ตัวเองมานานแล้วว่าแอบรักเพื่อน แต่ระหว่างแย่งชิงมันมากับรักษาความเป็นเพื่อนไว้ผมยอมเลือกข้อหลังดีกว่า ให้ผมได้เห็นมันทุกวันดีกว่าให้มันรู้ความจริงแล้ววิ่งหนีไปจากผม แบบนั้นผมคงอยู่ไม่ได้

“กูจะทำทุกอย่าง” ผมกำหมัดแน่นพูดกับตัวเองเพื่อตอกย้ำถึงสิ่งที่ผมต้องทำ ภาพของผู้หญิงคนนั้นกับพี่เวอร์มุธติดอยู่ในหัวสมองของผมอย่างไม่มีวันลบได้ ไม่ว่าใครที่เกี่ยวข้องหรือนามสกุลเดียวผมจะจัดการให้หมด โดยคนๆนั้นที่ต้องมาโดนรับโทษแทนก็คือมัน..ผมเลือกแล้ว

“มึงผิดที่เกิดมาเป็นพี่ชายของผู้หญิงคนนั้น” ผมโน้มหน้าลงไปพูดชิดใบหู มันขยับตัวเหมือนขัดใจที่โดนรบกวนการนอน ผมปล่อยให้มันได้นอนไป ถึงยังไงผมก็ไม่ใจร้ายขนาดที่จะไล่มันกลับทั้งๆที่ยังนอนได้ไม่ถึงสามชั่วโมงหรอก

“ฮึกๆ ทำไม..ฮึกๆ..ต้องทะ..ทำกับกะ..กูแบบนะ..นี้ ฮึกๆ” ผมผงะกำลังจะก้าวลงจากเตียงเพื่อไปชำระล้างร่างกาย หันกลับมามองก็พบว่ามันยังปิดเปลือกตาอยู่ แต่น้ำใสๆกลับไหลผ่านขนตายาวงอนจนเปื้อนไปทั้งหมอน ริมฝีปากมันแห้งผากจนซีดเซียวขยับเอื้อนเอ่ยทีเหมือนคนไม่มีแรง

“.............” ผมเงียบนั่งมองว่ามันจะพูดอะไรต่อ หรือเมื่อกี้มันแค่ละเมอ

ผมรู้ว่าการทำแบบนี้กับมันไม่ใช่การแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ ผมก็ไม่ได้อยากทำแบบนี้ แต่เพื่อเพทายแล้วไม่ว่าอะไรบนโลกต่อให้เลวร้ายมากแค่ไหนผมทำได้ทุกอย่าง

ผมไม่ใช่คนเลว..แต่ผมก็ไม่ใช่คนดี

“กู..จะ..เจ็บ..ฮึกๆ” มันขมวดคิ้วพลางขดตัวเข้าหากันแน่นเข้าไปอีก ผมสงสัยเลยยกมือขึ้นแตะที่หน้าผากของมัน

“เชี่ย ทำไมร้อนแบบนี้วะ” ผมเอามืออกแทบไม่ทัน เมื่อครู่ตอนที่เข้าใกล้ก็ไม่ทันได้สังเกตว่าตัวมันร้อนผิดปกติ เพราะมัวแต่โกรธจนไม่ทันได้คิด แต่ตอนนี้ผมรู้แล้วว่ามันคงเพ้อเพราะพิษไข้ซึ่งผมก็ไม่ได้ไร้หัวใจถึงขนาดจะปล่อยให้มันนอนตาย หรือโยนมันกลับไปบ้านด้วยสภาพแบบนี้

หึ แต่ผมก็ไม่ใช่คนดีนะเพียงแต่คิดว่าการเก็บเรื่องที่เรามีอะไรกันไว้เป็นความลับมันคงมีประโยชน์กับผมมากกว่าป่าวประกาศให้คนอื่นรู้

“กูจะช่วยมึงแค่ครั้งนี้นะ” ผมบอกมัน ซึ่งก็ไม่รู้จะบอกทำไม

ผมเดินไปหยิบกะละมังใส่น้ำพร้อมผ้าขนหนูผืนเล็กมาวางไว้ข้างหัวเตียง ผมบิดจนผ้าหมาดได้ที่ก็วางลงไปบนหน้าผากของมัน แน่ละพอเจอน้ำอุ่นๆมันก็สะบัดหันตัวหนีผม

“แม่ง เล่นตัวเชียวนะมึง” ผมพูดอย่างหงุดหงิดที่มันดูจะไม่ให้ความร่วมมือในการเช็ดตัวครั้งนี้ ผมมันก็พวกความอดทนต่ำนะครับถ้ามามากมายใส่ผมก็ไม่สนใจเหมือนกัน

“อย่าดิ้นสิวะ” ผมจับไหล่มันกดลงกับที่นอน ความร้อนจากตัวมันแทรกซึมมาตามฝ่ามือของผม

“ร้อนจังวะ เชี่ยจะเป็นไรไหมเนี่ย” ผมบ่นเริ่มกังวลเพราะมันดูตัวร้อนมากผิดปกติ

“ฮึกๆ.... หนาว” มันร้องพูดจาไม่ค่อยรู้เรื่องเท่าไหร่

ผมค่อยๆเช็ดใบหน้ามันเพื่อคลายความร้อนในร่างกาย ใบหน้ามันแดงมากเหมือนคนเพิ่งไปตากแดดมา มันส่ายหน้าหนีเริ่มดิ้นจนผมต้องกดไหล่ไว้ให้แน่นขึ้น ปากก็พูดแต่ว่าหนาวๆทั้งๆที่ตัวมันร้อนจะตายห่าอยู่แล้ว

พรึ่บ!

“!!” ผมตกใจกับสิ่งที่ได้เห็นตรงหน้าชัดๆ

ผมดึงผ้าห่มออกจากร่างกายของมันเพื่อที่จะเช็ดตัวให้ง่ายขึ้นแต่ก็ต้องตกใจเมื่อร่องรอยที่ผมทำไว้มันกระจายอยู่ทั่วทั้งตัว ลำคอ หน้าอก แผ่นท้องขาว โดคนขาอ่อน ยันขาขาวๆของมันต่างก็มีวีรกรรมที่ผมทำไว้ทั้งสิ้น

“ฮึกๆ...หนะ...หนาว” ผมตื่นจากภวังค์ เมื่อมือไม้มันเริ่มควานหาผ้าห่มมาปกคลุมกายที่เปลือยเปล่า ผมไม่ได้ใส่เสื้อผ้าให้มันสักชิ้นเพราะตั้งใจตอกย้ำตอนมันตื่นขึ้นมา แต่กลายเป็นว่าตอกย้ำความชั่วช้าของผมซะเอง

“กะ..กู” ผมจ้องใบหน้าที่เริ่มเปลี่ยนจากสีแดงเป็นสีขาวซีด ในใจเริ่มตีกันระหว่างความดีกับความชั่ว ผมทำเกินไปหรือ....

“ฮึกๆ...ขอโทษ” ผมได้ยินชัดเจนมันร้องไห้พูดขอโทษแต่ผมไม่รู้ว่ามันขอโทษอะไร หรือขอโทษใคร

ผมบิดน้ำอุ่นให้หมาดอีกครั้งก่อนจะนำมาเช็ดตัวมันให้ไข้ลดลง มันดิ้นพล่านเมื่อมันรู้สึกหนาว ตัวมันบิดไปมาจนผมเช็ดตัวให้ไม่ได้ ก็มันเล่นปัดแขนปัดขาจนทำผมเจ็บไปหมด เลยตัดสินนั่งคร่อมมันไว้ตรึงแขนไว้ที่เหนือหัวมันซะ

“ฤทธิ์เยอะจังนะมึงเนี่ย” ผมหอบกับการเช็ดตัวให้คนป่วย

ผมจัดการเช็ดร่างกายมันอย่างรวดเร็ว ไม่ใช่เพราะอยากให้มันหาย แต่ตอนนี้ผมทำเพื่อตัวเองมากกว่า ก็การที่มันบิดตัวไปมาคิดหรือว่าจะไม่สัมผัสโดนเข้ากับน้องชายของผมที่ซุกซ่อนอยู่ใต้บ็อกเซอร์ตัวบาง

ยิ่งเห็นภาพมันถูกตรึงแขนนอนบิดร่างด้วยความทรมานก็ยิ่งทำให้ผมคิดถึงเหตุการณ์เมื่อคืน ทุกภาพของมันถูกผมฝังเป็นเมมโมรี่ไปแล้ว ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมผมถึงจำได้ ปกติกับผู้หญิงทั่วๆไป แค่ผ่านไปชั่วโมงเดียวผมก็จำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าชื่ออะไร

“อย่าดิ้นสิวะ..อื้ม” ผมเผลอร้องครางเมื่อมันยกขาขึ้นมาโดนน้องชายผมที่ผมรู้ดีว่ามันคงเกิดอาการสั่นสู้เรียบร้อย

“ฮึกๆ...หนาววว” มันยังร้องไห้ไม่หยุด ตัวมันเริ่มเย็นลงไม่ร้อนเท่าตอนแรกเห็นอย่างนั้นก็รีบลงมาจากตัวมันและเอาผ้าห่มมาทับมันไว้ทันที

“ฮึกๆๆ” มันขดตัวเข้าหากันทันทีที่มีอะไรปกปิดร่างกาย

“แม่งทำกูเดือดร้อนสองเด้งเลยนะ” เด้งแรกเหนื่อยที่ต้องมาเช็ดตัวให้ที่ทำเพราะว่าสงสารหรอกที่ต้องมาไม่สบายเพราะผมเป็นต้นเหตุ ส่วนเด้งสอง....

“เหนื่อยมือกูอีกและ” ผมก้มมองที่น้องชาย อืมม โอเคมันผงาดได้ที่ ถ้าไม่ใช่เพราะมันขยับตัวไปมาคงไม่ต้องทำให้ผมต้องใช้นิ้วทั้งห้าจัดการแบบนี้หรอก

ผมรีบหาเสื้อผ้ามาใส่ให้มัน ชุดผมก็มีแต่ตัวใหญ่ๆและก็บางๆเพราะผมมันคนขี้ร้อนและก็ไม่ได้ป่วยง่ายด้วย ชุดที่หนาที่สุดก็คงเป็นชุดนอนที่แม่ผมซื้อให้นั่นแหละ ปกติผมใส่แต่เสื้อกล้ามกับบ็อกเซอร์

ผมเลือกชุดที่ผมไม่เคยใส่มาสวมให้มัน ไม่น่าเชื่อว่าตัวมันจะเตี้ยถึงขนาดที่ว่าขากางเกงกับแขนเสื้อเลยยาวตัวมันออกมาเกือบๆฝ่ามือ ผมพับแขนเสื้อขึ้นให้และก็พับขากางเกงขึ้นให้พอดีกับร่างกายมันก่อนจะห่มผ้ากลับให้เหมือนเดิม

“อย่างกับลูกกู” ผมเท้าเอวมองมันนอนหลับตาพริ้ม ขนตามันยังเปียกอยู่แต่ไม่มีน้ำตาไหลลงมาแล้ว เสียงครางเพราะความร้อนจากร่างกายยังดังขึ้นมาเป็นระยะ

“แล้วทำไมกูต้องมาดูแลขนาดนี้ด้วยวะ รอมึงหายก่อนเถอะไอ้กลินท์” ผมชี้หน้ามันคาดโทษเหมือนคนบ้าที่พูดคนเดียวก่อนจะเดินเข้าห้องน้ำเพื่อจัดการตัวเอง

ใช้เวลาแต่งตัวให้มันเกือบๆสิบนาทีเพราะไม่รู้จะดิ้นหาอะไรนักหนา แทนที่จะทำให้ผมโมโหจนน้องผมมันลดขนาดลงแต่เปล่าเลย กลับทำให้น้องผมขยายกว่าเดิมอีกเท่าตัว

เฮ้อออ....นี่คงเป็นวิธีเอาคืนของมันล่ะมั้ง...

.

.

ตึง!

“โอ๊ย” ผมสะดุ้งเด้งตัวขึ้นจากโซฟาทันทีที่ได้ยินเสียงเหมือนของหนักๆตกลงพื้น แถมยังมีเสียงร้องดังขึ้นพร้อมๆกันอีกไม่ต้องบอกก็รู้ว่ามันคือเสียงอะไร ผมทิ้งหนังสือแต่งบ้านไว้บนโต๊ะตัวเตี้ยๆก่อนจะก้าวเท้าไปตามทางของเสียง

ผมเดินหัวเสียกลับเข้าไปในห้องนอนทันทีที่เปิดประตูออกปุ๊บผมก็เห็นคนกำลังคลานลากสังขารตัวเองขึ้นเตียงนอนอย่างยากลำบาก แล้วเหมือนมันก็จะรู้ตัวว่ามีผมยืนมองอยู่มันหันมามองสีหน้ามันดูตื่นตะลึงนิดหน่อยแล้วก็แสร้งทำเป็นไม่สนใจยังลากร่างที่ไร้เรี่ยวแรงของตัวเองขึ้นเตียงเหมือนเดิม

ผมขมวดคิ้วหงุดหงิดที่มันทำเหมือนไม่เห็นผมทั้งๆที่ผมก็ยืนหน้าตาดีอยู่ตรงนี้ แถมพอมันขึ้นเตียงได้ปุ๊บก็รีบดึงผ้านวมขึ้นคลุมหัวตัวเองปั๊บ ให้มันได้อย่างนี้สิ

“เมื่อกี้มึงเป็นอะไร” ผมถามทั้งๆที่รู้ว่ามันคงตกเตียง แต่มันเป็นเหมือนคำถามตามมารยาทไงอีกอย่างผมอยากรู้ด้วยว่าทำไมคนโตเป็นควายขนาดนี้แล้วยังกลิ้งให้ตกเตียงได้ ดีที่เตียงผมไม่สูงไม่อย่างนั้นแข้งขาหักขึ้นมาผมซวยอีก

“…………..” แต่ดูเหมือนคำถามของผมจะไม่ได้รับการสนใจจากฝ่ายตรงข้ามเท่าไหร่ มันยังนอนนิ่งอยู่ในผ้าห่มไม่ขยับเขยื้อนจนผมเริ่มโมโหกว่าเดิม

“กูถามว่าเมื่อกี้มึงเป็นอะไร!” ผมเริ่มขึ้นเสียง สังเกตเห็นร่างเล็กๆใต้ผ้าห่มตัวสั่นขึ้นมานิดนึงคงสะดุ้งตกใจ ขวัญอ่อนจริงๆแต่อย่าคิดว่าผมสงสารไม่เคยมีคำนั้นอยู่ในสมองผม

“…………………” พอมันเงียบอีกเป็นครั้งที่สองก็ทำให้ผมปรี๊ดแตก เดินกระแทกเท้าแรงๆเข้าไปหามันบนที่นอนซึ่งผมเป็นเจ้าของอย่างไม่พอใจ

พรึ่บ!

“โอ๊ย!”

“ดื้อด้านนักเหรอมึง!!” ผมตวาดดังลั่นพร้อมกับกระชากแขนมันให้ลุกขึ้นมาจากที่นอน ร่างมันปลิวมาปะทะผมอย่างไม่มีสะดุด มันร้องเสียงหลงคงเจ็บจากแรงมือที่ผมบีบ

ผมรู้ว่ามันเจ็บ..แต่ผมไม่คิดจะปล่อย

“เหี้ยอะไรของมึงอีก!” มันตะคอกกลับมาแต่เหมือนเสียงแหบๆของมันจะไม่ส่งผลให้ผมกลัวเท่าไหร่นัก

“แล้วทำไมมึงถึงไม่ตอบคำถามกู” ผมบังคับเสียงให้เบาลงเมื่อรู้สึกว่าความร้อนจากร่างกายมันเริ่มลวกมือของผมที่จับต้นแขนมันอยู่ ผมเกือบลืมไปว่ามันไม่สบายแต่ก็เพราะมันที่ดื้อเงียบใส่ผมก่อนผมไม่ผิด

“แล้วทำไมกูต้องตอบด้วย” มันส่งเสียงกลับมาเหมือนไม่ใส่ใจ แต่ผมรู้ว่ามันกำลังกลัว

“ถ้าไม่อยากเจอแบบเดิมอย่าจองหองใส่กูนะไอ้กลินท์ มึงก็รู้ว่ากูพูดจริงทำจริง” ผมขู่ มันแสยะยิ้มกลับมา

“ตามสบาย เพราะหลังจากนี้กูคิดว่าตัวเองคงอยู่เหมือนตายทั้งเป็นอยู่แล้ว ถ้าจะโดนมึงทำแบบเดิมอีกกูก็จะถือว่าทำบุญให้หมามัน”

กึก!

“อึก!” สิ้นประโยคที่มันจงใจด่าผมก็เหมือนกับเติมเชื้อเพลิงใส่กองไฟ ผมโมโหจนเลือดขึ้นหน้าปล่อยมือที่แขนมาบีบคอเล็กๆของมันไว้อย่างโกรธจัด

“ปละ...ปล่อย..อึก” มันพยายามแกะนิ้วมือผมออกแต่เหมือนว่าสองมือมันจะมีแรงไม่สู้มือเดียวของผมด้วยซ้ำ ทั้งงัดทั้งแงะผมก็ไม่ปล่อยจนสุดท้ายมันก็นั่งนิ่งๆหลับตาลงปล่อยให้ผมกระทำได้ตามใจ

ผมกัดฟันแน่นมองท่าทีนิ่งสงบของมันก็ยิ่งโมโหจนสุดท้ายผมก็ผลักมันลงกับเตียงนอนอย่างคนหัวเสีย ผมกำมือแน่นขยับตัวเองให้ออกห่างจากมันอีกนิด

“แฮ่ก..เฮือกกก” มันสูดอากาศเข้าปอดเต็มแรง ยกมือที่เกือบจะไม่มีแรงของตัวเองขึ้นคลำที่ต้นคอขาวๆซึ่งตอนนี้มันปรากฎรอยมือทั้งห้าของผมอย่างชัดเจน

“ทะ..ทำไม..แฮ่ก..ไม่ฆ่า...กูละ..เลย” มันหันมาถามผมด้วยเสียงที่ขาดห้วง ตัวมันนอนเกยอยู่บนหมอน ดวงตาที่หรี่ปรือเริ่มมีน้ำใสๆมาคลอจนสุดท้ายก็ไหลลงมาทั้งสองข้างแก้มของมัน

ผมมองมันที่พยายามลุกขึ้นนั่งอย่างยากลำบาก ผมรู้ว่าตัวเองไร้เหตุผลที่ทำกับมันแบบนี้ แต่ผมถอยหลังกลับไปไม่ได้อีกแล้ว ผมบอกตัวเองเสมอว่ายังไงผมก็ต้องแกแค้นเรื่องนี้ให้เพทายให้ได้ ไม่ว่าจะต้องเลวแค่ไหนผมก็จะทำ

“มึงอยากตายนักใช่ไหม” ผมถามเสียงเย็น ลงจากเตียงมายืนมองมันอยู่ที่ปลายเตียง มันยังคงนั่งๆนอนๆเหมือนแรงจะหมดอยู่ที่เตียงของผมซึ่งผมก็ไม่ได้ว่าอะไร

“แค่นี้กูก็ตายไปแล้วครึ่งนึง..ฮึกๆ...กูจะขอบคุณมึงมากถ้าช่วยบีบคอกูให้อีกครึ่งกูตายตามกันไป” มันพูดบอกทั้งน้ำตา

   กึก!

   ผมสะดุ้ง รู้สึกหวิวขึ้นมาในใจเมื่อเห็นมันร้องขอทั้งๆที่ร้องไห้อย่างทรมาน ผมหันหน้าหนีจากมันไม่อยากมองและไม่อยากตั้งคำถามกับตัวเองว่าเพราะอะไรถึงเกิดความรู้สึกเหมือนมีคนมาสะกิดเข้าที่ต่อมความสงสารของผม

   “สำหรับมึงตายคงสบายไป...” ผมตอบอย่างเย็นชา

   “ฮึกๆ” มันเหลือบมามองผมด้วยหางตาก่อนจะพูดต่อ “กูคงโชคดีสินะที่ยังมีชีวิตอยู่”

   “ทำไมไม่คิดบ้างล่ะว่าจริงๆแล้วมึงอาจไม่สมควรเกิดมา ทั้งมึงทั้งน้องสาวมึง ถ้าไม่มีพวกมึงเรื่องคงไม่เป็นแบบนี้” ผมพูดคำที่คิดว่าเลวที่สุดออกไป ส่วนนึงในใจผมรู้สึกแบบนั้น ถ้าไม่มีครอบครัวมันเพื่อนผมคงมีความสุขที่สุดในโลก แต่อีกส่วนในใจผมแค่อยากให้มันรู้สึกเจ็บที่สุดด้วยคำพูดของผม

   “น้องสาวกูเขาสมควรได้เกิดมาน่ะถูกแล้ว ฮึกๆๆ...ที่รักของคนในบ้าน หึหึ...มึงพูดถูกกูไม่ควรเกิดมาบนโลกใบนี้ด้วยซ้ำ ...ฮึกๆๆ...แต่สงสัยกูคงต้องมาชดใช้กรรมด้วยการตายทั้งเป็นก่อนละมั้ง” มันพูดไปพร้อมทั้งร้องไห้ไปจนตัวโยน ผมฟังคำพูดของมันก็เริ่มรู้สึกผิดกับคำพูดของตัวเอง

   สายตามันที่มองผมมันทั้งตัดพ้อและเกลียดชังแต่แวบนึงผมเห็นแววตาที่ฉายชัดที่ความน้อยเนื้อต่ำใจและสมเพชตัวเอง มันดูเย้ยหยันแต่สายตานั้นไม่ได้มีให้กับผม ถ้าให้ผมเดามันคงมีไว้ให้กับตัวเอง แต่เพราะอะไรที่ทำให้มันเกิดความรู้สึกแบบนั้น

   “กูไม่รู้หรอกนะว่ามึงพูดอะไรแต่กูมีเรื่องต้องตกลงกันกับมึง” ผมบอกเพื่อเปลี่ยนเรื่อง

   มันยังร้องไห้หนัก ผมยืนเฉยๆปล่อยให้มันร้องจนพอใจมันถึงหันมาสนใจผมที่ยืนรอที่ปลายเตียง

   “กูขอโทรศัพท์กูก่อน” มันไม่ได้พูดเรื่องเดียวกับผมแต่กลับถามหามือถือตัวเองแทน

   “คุยกันให้เสร็จแล้วกูจะคืนให้”

   “คุยอะไร กูไม่มีอะไรจะคุย” มันพยายามลุกจากเตียงขึ้นยืน แต่ไม่รู้เพราะขามันเล็กหรือเพราะโดนจัดหนักถึงทำให้ขามันรับน้ำหนักตัวเองไม่ไหวล้มลงไปกองกับพื้นจนเกิดเสียงเหมือนตอนแรกที่ทำให้ผมต้องวิ่งเข้ามาดู

   ตึง!

   “เชี่ย สมควรรู้ว่าไม่ไหวแล้วลุกมาทำบ้าอะไร” ผมถลาเข้าไปหาจะดึงมันขึ้น แต่มันกลับปัดมือออก

   “กูไม่อยากนอน...มีอะไรจะคุยก็คุยมากูอยากกลับบ้าน” มันพยุงตัวเองขึ้นนั่งที่ขอบเตียงสำเร็จ คราบน้ำตามันยังเปรื้อนแก้มอยู่ผมหันหน้าหนีภาพนั้น

   “เรื่องน้องสาวมึง....ศศิ” ผมพูดในสิ่งที่ต้องการ

   “ศศิทำไม....เรื่องพี่มุธกับเพื่อนมึงใช่ไหม” มันถามกลับเหมือนรู้ใจผม

   “ใช่รู้ก็ดี”

   “ยังไง จะให้กูคอยขัดขวางน้องสาวตัวเองกับพี่มุธใช่หรือเปล่า...มึงคงอยากให้กูทำยังไงก็ได้เพื่อไม่ให้พี่มุธกับน้องสาวกูแต่งงานกันสินะ” ผมมองคนตรงหน้าอย่างอึ้งๆที่มันพูดออกมาเป็นสิ่งที่ผมคิดทั้งหมด

   “รู้ก็ดี”

   “หึหึ” มันยิ้มมุมปากเงยหน้ามองผมด้วยสายตาที่อ่านไม่ออก ก่อนจะพูดประโยคถัดไปที่ผมคาดไม่ถึง

   “มึงไม่ต้องบังคับ ไม่ต้องขอร้อง เพราะสิ่งที่มึงต้องการก็คือสิ่งที่ต้องการเหมือนกัน”

   ผมนิ่งฟังมันพูดพร้อมทบทวนในใจคนเดียวเงียบๆ

   “ยังไง”

   “มึงคงไม่รู้ใช่ไหมว่าสิ่งที่มึงขอ กูพยายามทำมันมาตลอด ทั้งๆที่กูไม่ใช่คนผิดแต่ทำไมกูถึงต้องมาโดนมึงทำแบบนี้ด้วย” ผมสะอึกเหมือนโดนตีที่หน้าอกด้วยไม้หน้าสาม

   มันร้องไห้อีกครั้งฟูมฟายต่อว่าผมว่าทำชีวิตมันพัง ผมไม่รู้ว่ามันไม่เห็นด้วยกับการแต่งงานครั้งนี้ เพียงแต่ถ้าผมรู้ก่อน.....

   “กูไม่รู้.....” ผมไม่รู้จะพูดอะไรจริงๆ

   “ไม่ต้องห่วง กูจะไม่ทำให้การแก้แค้นของมึงต้องสูญเปล่าแน่ๆไม่ต้องห่วง มึงลงทุนไปเยอะกูรู้ดี” มันมองหน้าผมแล้วยิ้มให้ แต่ผมรู้ว่ายิ้มนั้นมันกำลังเยาะเย้ยที่ผมโง่ไม่รู้อะไรเลย

   ผมหลับตาลงเรียกสติตัวเองอีกครั้งก่อนจะลืมตาขึ้นมามองคนตรงหน้าให้ชัดๆแล้วพูดออกไป

   “กูขอโทษแล้วกัน กูจะไม่แก้แค้นมึง....” ผมพูด มันยิ้มกว้าง

   “แต่กูจะไปลงกับน้องสาวมึงแทน ในเมื่อมึงไม่อยากให้น้องมึงแต่งเท่ากับมึงไม่ใช่ศัตรูกู แบบนี้ถึงจะถูกใช่ไหม” ผมยิ้มกว้างอย่างคนเหนือกว่า มันหุบยิ้มถลาร่างเข้ามาหาผม

   “มึงจะทำอะไรศศิ!” มันถามเสียงเครียด ใบหน้าเผยความกลัวที่ซ่อนไม่มิด

   “ง่ายๆ ทำเหมือนที่ทำกับมึง กูไม่ชอบคิดวิธีอะไรใหม่ๆ มึงว่าดีไหม” มันกัดฟันสีหน้าบูดเบี้ยวบ่งบอกถึงความโกรธระดับสิบ

   “ถ้ามึงทำอะไรน้องกู มึงตายแน่ไอ้เหี้ยซัน!” มันเรียกชื่อผมพร้อมสรรพนามนำหน้าอย่างเต็มยศ

   ผมยิ้มไม่ตอบอะไร มองหน้าขาวๆของมันที่มีสีแดงๆจากพิษไข้อย่างเพลินตา จะว่าไปไอ้กลินท์มันก็ดูอ้อนแอ้นผิดผู้ชายเหมือนกันนะ ถึงมันจะดูหน้าไม่สวยเหมือนเพทายแต่ก็เรียกว่าเป็นผู้ชายน่ารักคนนึง ไม่แปลกหรอกถ้ามันจะไปเป็นเมียเขาไม่ใช่ไปเป็นผัวคนอื่น

   “มึงเอาตัวเองให้รอดจากวันนี้ก่อนดีกว่านะ” ผมเอานิ้วจิ้มหน้าอกมันไม่แรงมาก ร่างที่โงนเงนไม่ค่อยมีแรงเจอแรงแค่นิ้วชี้ก็ล้มลงบนที่นอนอย่างง่ายดาย

   “เลวเอ๊ย!” มันสบถด่า เสียงเริ่มแหลมไม่แหบเหมือนเมื่อเช้าตอนตื่นมา เสียงใสแบบนี้แสดงว่ายังปากดีได้อยู่

   ผมขำ ไม่คิดว่าการเถียงกับมันจะทำให้ผมหัวเราะออก เวลาเห็นหน้ามันมีความทุกข์แล้วผมมีความสุขผมบอกเลย

   “ก็มึงบอกเองว่ามึงไม่ใช่คนผิดทำไมต้องมาเจออะไรแบบนี้ นี่ไงกูก็เลือกคนผิดให้ถูกคนแล้วนี่ไง” ผมยังแหย่รังแตนไม่หยุด

   “มึงห้ามทำอะไรน้องกู”

   “น้องมึงวิเศษมาจากสวรรค์ชั้นไหน ถึงทำอะไรไม่ได้” ผมถามเสียงเข้มแค่นึกถึงหน้าผู้หญิงคนนั้นก็โมโหขึ้นมาอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย

   “ทำกูแทน ไอ้ซัน! มึงทำกูแทน กูขอร้อง” มันเกาะชายเสื้อผมแล้วเงยหน้าทำสายตาอ้อนวอนใส่ผม ผมก้มลงมองก็ยิ่งโมโห ยิ่งโกรธ แต่ครั้งนี้เป็นเพราะผมโกรธผู้หญิงที่ชื่อศศิ เขาจะรู้บ้างไหมว่าตัวเองเป็นต้นเหตุของเรื่องอะไรบ้าง และตัวเองยังเป็นต้นเหตุที่ทำให้พี่ชายต้องมานั่งขอร้องคนอื่นเพื่อปกป้องตนอีก ยิ่งคิดก็ยิ่งโมโห

   “ได้....งั้นหลังจากนี้มึงต้องฟังกูทุกอย่าง ย้ำว่าทุกอย่าง เรียกต้องมา กูสั่งต้องทำ อย่าให้ย้ำมึงเข้าใจไหม!” ผมก้มตัวลงใช้มือบีบคางมันให้เงยหน้าขึ้นมาสบตากับผมใกล้ๆ น้ำเสียงดุดันแต่มันก็ยังพยักหน้ารับอย่างง่ายๆ

   “ได้ๆ...กูยอม..อย่าทำอะไรน้องกูก็พอ มึงสัญญาสิ” มันพูดลิ้นพันกัน

   “กูสัญญา” ผมพูดจบ มันก็ร้องไห้อีกรอบ

   ผมผลักหน้ามันให้พ้นมือตัวเอง ก่อนจะเดินออกจากห้องนอนกลับไปที่โซฟาตัวเดิม ปล่อยมันให้ร้องไห้คนเดียวอย่างนั้น

    “แม่ง!” ผมพยายามสงบสติตัวเอง ที่มันเดือดพล่านให้เย็นลง

   นึกถึงแววตา น้ำเสียงของไอ้กลินท์ที่ยอมรับเพื่อช่วยน้องสาวผมยิ่งโมโหจนอยากจะฆ่าใครสักคนนึงเพื่อดับอารมณ์ในอก ผมอยากให้มันแข็งขืน ผมอยากให้มันปฎิเสธ แต่มันโง่

   “ช่วยไม่ได้ มึงรับปากกูเองนะกลินท์”

   ไม่ได้เป็นเพราะผม ทุกอย่างมันไม่ได้เป็นเพราะผม.....

   ผมคิดแบบนี้ไม่ผิดใช่ไหม....





TBC_______________



@Lucifer_Prince@

  • บุคคลทั่วไป
อร้ากกกอิซันอย่าโหดกับพี่กลินท์เขานักสิ  รู้ว่าเขาน่าสงสารอย่างนี้แล้วจะยังร้ายกับขาอีกเหรอ

ออฟไลน์ sukaz

  • I Will Love You Unconditionally
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1431
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-3
คู่ของซันก็ยังดราม่าไม่เลิก

 :katai5: :katai5: :ling1: :ling1: :ling1: :katai1: :katai1: :katai1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ snowboxs

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5445
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-7
เจอฉากซันกับกลินไป เล่นเอาน้ำตาร่วงเลย
กลินน่าสงสารอ่ะ ที่บ้านก็คงจะไม่ค่อยสนใจ
คู่นี้มันช่างน่าติดตาม ตามติดซะจริงเชียว

tuktik_narak

  • บุคคลทั่วไป




ตอนที่ 12

เพทาย พาร์ท
 
                “ซันๆ มึงมีเสื้อแขนยาวเปล่าวะกูลืมหยิบมาจากคอนโดอ่ะ” ผมถามไอ้ซันที่นอนอยู่ข้างๆ ผมเสียงเบาสะกิดมันยิกๆ จนมันต้องตื่นขึ้นมามองหน้าผมแถมทำหน้างงใส่อีก

                ออกมาจากบ้านไอ้ดินได้ชั่วโมงกว่าๆ แล้วครับแต่คงเป็นเพราะอากาศข้างนอกตัวรถมันเย็นมากเลยทำให้อากาศข้างในยิ่งเย็นเข้าไปใหญ่และผมเองก็ดันลืมเอาเสื้อแขนยาวมา แบบว่าตอนนี้หนาวมากหนาวที่สุด ขนาดผมใส่ชุดแขนยาวขายาวมายังไม่ช่วยบรรเทาความหนาวจากแอร์รถตู้บ้านไอ้ดินได้เลย

                “กูไม่มีวะมีตัวเดียว มึงเอาของกูไปก็ได้ป่ะ” มันพยักหน้าเหมือนเข้าใจอาการของผม มันพูดจบก็ทำท่าจะถอดเสื้อจากตัวเองส่งมาให้ทำเอาผมร้องห้ามแทบไม่ทัน

                “ไม่เป็นไร กูยังไหว” มันทำหน้าเหมือนไม่เชื่อจนผมต้องยอมปล่อยแขนออกจากอกเพื่อให้มันเห็นว่าผมไม่ได้หนาวมากเท่าไหร่ ทั้งๆ ที่ในใจนี่ติดลบหลายองศาแล้งนะครับ

                ผมทำท่าจะกลับไปหลับต่อเพื่อตัดบทสนทนา สงสารไอ้ซันด้วยถ้ามันต้องถอดเสื้อมาให้ ผมรู้ว่าถ้าผมยังจ้องหน้ามันอยู่อย่างนั้นไอ้บ้านี่ต้องถอดเอามาให้ผมแน่ๆ แต่เหมือนว่าจะมีใครบางคนไม่ยอมจบหัวข้อเสื้อกันหนาวง่ายๆ

                “เอานี่ไปใส่ก่อน” ผมแอบสะดุ้ง ไอ้ซันเองก็สะดุ้งผมรู้สึกได้ ผมสองคนเหมือนพวกวัวสันหลังหวะ ทั้งๆ ที่ไม่ได้ทำอะไรผิดแต่อาการทุกอย่างมันเป็นไปเองอ่ะครับ

                ผมหันหน้ามามองไอ้ซันนิดหน่อยเห็นมันยิ้มให้ ผมเลยหันหน้าไปพูดกับพี่มุธ พยายามควบคุมเสียงให้เป็นปกติ

                “ขอบคุณฮะ แต่ไม่ดีกว่า” ผมว่าไปอย่างนั้น ทั้งที่ในใจนี่เต้นแรงจนแทบจะหลุดออกมากองอยู่ข้างนอกอยู่แล้ว

                ผมไม่กล้ามองหน้าพี่มุธตรงๆ ด้วยซ้ำไม่รู้ว่ายังโกรธหรือว่าเขินสายตาของพี่มุธกันแน่ แต่ที่รู้ๆ ผมยังไม่อยากใจอ่อนให้พี่มันเร็วนักขอเล่นตัวบ้างอะไรบ้าง

                ผมหันหน้ากลับมาแล้วล้มตัวลงกับเบาะนุ่มบ่งบอกเป็นนัยๆ ว่าจะนอนแล้วนะห้ามรบกวน แต่พี่มุธคงไม่สนใจเพราะพี่มันยังส่งเสียงเย็นมาให้แถมยังโยนเสื้อมาใส่หัวผมอยู่เลย

“ใส่ซะ อย่าให้พูดเป็นรอบที่สาม”

ผมรีบดึงเสื้อออกแล้วหันไปมองเจ้าของเสื้อ พี่มันก้มลงสนใจไอแพดโดยไม่เงยหน้าขึ้นมามองผมสักนิด ผมเม้มปากแน่น ความรู้สึกมันตีวนอยู่ในอกจนแทบจะระเบิด ทำไมพี่มันทำเหมือนมีอะไรเกิดขึ้นได้เนียนขนาดนี้นะ

ผิดกับผม

ถ้าไม่มีไอ้ซันคอยเตือนสติ ผมก็แทบจะร้องไห้วันละหลายรอบ

ผมหันกลับมาเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเขาไม่ใยดี หยิบเสื้อขึ้นมาคลุมตัวเองไว้ เอาจริงนะ ไม่อยากจะหยิ่งมากอากาศแบบนี้แล้วจันทบุรีก็ไม่ได้ว่าใกล้มากเหมือนสยามไปมาบุญครอง อีกอย่างผมคิดถึงกลิ่นที่คุ้นเคย

หมับ

ผมกระชับกอดตัวเองที่มีเสื้อพี่มุธคลุมอยู่ให้แน่นขึ้น อยากสัมผัสไออุ่นของพี่มันให้นานที่สุดเท่าที่ผมจะมีโอกาสได้ทำ กลิ่นประจำตัวของพี่มุธลอยเข้าจมูกของผมจนทำให้ผมรู้สึกเคลิ้มเหมือนได้นอนอยู่ในอ้อมกอดพี่มัน

และแค่นี้

ผมก็หลับได้อย่างรวดเร็ว โดยไม่สนใจเลยว่าจะมีใครลอบมองอยู่

------------------------------------------
 
                ผ่านมาสามชั่วโมงกว่าๆ ตอนนี้ก็มาถึงบ้านญาติไอ้ดิน ร่มรื่นมากครับผิดจากกรุงเทพเหมือนท้องฟ้ากับเหว อากาศดีเว่อร์แถมยังมีสวนผลไม้ให้กินได้ตลอดทั้งปีอีกต่างหาก

                ไอ้เหนือจัดการปลุกทุกคนได้แสบแก้วหูมาก เห็นไอ้ดินบอกว่าให้แวะกินข้าวเที่ยงกันที่บ้านป้ามัน เสร็จแล้วค่อยไปที่พักที่จองเอาไว้

                อาหารหลายสิบอย่างถูกวางเรียงไว้เต็มเตียงไม้ไผ่หรือที่คนส่วนใหญ่เขาเรียกว่าแคร่นั่นแหละครับ พวกผมนี่กลืนน้ำลายกันดังเอื้อกๆ จนญาติๆ ไอ้ดินหัวเราะขำอย่างขบขัน


                พอป้าไอ้ดินอนุญาตพวกผมก็จัดการโซ้ยโดยความเร็วแสง แย่งกันกินโคตรสุดยอด แต่กินไปได้ไม่ถึงครึ่งท้องผมก็เพิ่งนึกขึ้นได้ว่ามีใครบางคนยังไม่ได้มาร่วมวง

                ผมเงยขึ้นจากกับข้าวหลากหลายชนิดเพื่อมองหาเจ้าของเสื้อแขนยาวที่ผมนอนห่มให้ไออุ่นบนรถตู้ เห็นพี่มันยืนมองต้นมะม่วงหน้าบ้านอย่างคนมีอารมสุนทรี ผมขมวดคิ้วในใจอยากเรียกให้มาร่วมวงกินอาหารกันแต่ก็พูดไม่ได้ ในเมื่อในสายตาคนอื่นผมกับพี่มันไม่ได้สนิทอะไรกันมากมาย

                “พี่มุธทำไมไม่มากินข้าว” แต่โชคคงดีที่สวรรค์ดันส่งไอ้เหนือมาช่วยตะโกนถามให้

                “ไม่หิวน่ะ” พี่มันตอบยิ้มๆ และเราก็หันมาสบตากันพอดี

                ผมสะดุ้งตกใจเมื่อถูกจับได้ว่าแอบมอง รีบก้มลงจัดการอาหารตรงหน้าต่ออย่างเร็ว ไม่อยากให้พี่มันได้ใจว่าผมแอบมองเดี๋ยวจะสำคัญตัวผิด เชอะ!

                “อืมๆ” มันว่าสั้นๆ และก็หันมาจัดการอาหารตัวเองต่อเหมือนกัน

                ทุกคนยังทานอาหารกันอย่างสนุกสนานและดูเหมือนจะไม่มีใครยอมแพ้ง่ายๆ คงมีแต่ผมที่เริ่มอิ่มไม่รู้ทำไมเหมือนกัน แต่ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับพี่มุธหรอกนะครับ ไม่เกี่ยวจริงๆ เชื่อผมสิ ไม่เกี่ยวเลยถึงพี่มันจะไม่กินก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับผมเลย
                ให้ตายเถอะ!

                เสร็จจากการทานของคาวก็มาสู่การทานของหวานบ้าง ป้าไอ้ดินอนุญาตให้พวกผมเข้าไปเด็ดผลไม้กินได้ตามใจชอบ กินไม่อั้น เลือกได้ตามสะดวก อันไหนอยู่สูงเกินไปก็ให้บอกคนงานเด็ดให้

โคตรเจ๋ง

ผมตรงดิ่งไปที่ต้นส้มอย่างเร็ว ส่วนคนอื่นๆ นี่แยกย้ายกันไปหาผลไม้โปรดของตัวเองเหมือนกัน ผมไม่สนใจคนพวกนั้นแล้วครับ เดินตัวปลิวละลิ่วมาคนเดียวอย่างอารมณ์ดี ยิ่งเห็นลูกส้มๆ  แขวนอยู่เต็มต้นก็ยิ่งตื่นเต้น

“อ๊า...ส้มหวาน...ขอกินหน่อ....อุ๊บ!...อื้อ!” ผมพูดกับตัวเองอย่างตื่นเต้น แต่พูดยังไม่ทันจบก็มีใครบางคนส่งมือมาปิดปากผมจนแนบสนิท แถมยังลากให้ผมเข้าไปในดงส้มอีกต่างหาก

อื้ออออ

ผมดิ้นจนสุดแรงแต่ก็ดูเหมือนจะสู้คนที่อยู่ด้านหลังไม่ได้ เขายังคงลากผมเข้าไปลึกเรื่อยๆ จนถึงที่ที่เขาต้องการ ผมก็โดนปล่อยให้เป็นอิสระ

“ใครวะ!.....” ผมหันมาตวาดเต็มเสียง ตั้งท่าจะยกหมัดมอบให้สักหนึ่งทีแต่แค่หันมาเห็นหน้า ผมก็ได้แต่ยืนค้างอยู่อย่างนั้น

พี่เวอร์มุธ

---------------------------40%----------------------------






ออฟไลน์ IsDeer

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2519
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +85/-8
 :impress2: พี่เวอร์มุธจะทำอะไรน้องเพทายในสวนส้มน่ะ

ออฟไลน์ snowboxs

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5445
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-7
พี่มุธดักฉุดเพทาย
รู้ล่ะซิว่าทายต้องมาที่สวนส้ม

ออฟไลน์ A-J.seiya*

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3335
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +306/-8
โงยยยยย
ชอบทั้งคู่หลักและคู่รองเลยนะ
ฮือออ
พี่เวอร์มุธ ต้องพยายามไฟท์ต่อไปนะ
เพทายต้องเอาแต่ใจตัวเองมากกว่านี้
น้องกลินท์ก็น่าสงสาร
โอยยยย ซันอย่าใจร้ายกับน้อง
เอ็นดูหน่อย ฮือออ

ออฟไลน์ badcow

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +112/-10
ตามมาจากOMG พี่เขียนกะเหนือฮะ ชอบ

+zoLoMegWoz+

  • บุคคลทั่วไป
พี่มุธสู้ๆ พี่มุธสู้ๆ
ตามมาจากพี่เขียนน้องเหนือ เพื่อมาเชียร์พี่มุธเพทายโดยเฉพาะ น่ารักจริงๆ
น้องน้ำแข็งนี่มีเพื่อนน่ารักเชียว น้องกันน้องอ้อม กันท่าสุดใจขาดดิ้น 555
 :pig4:

ออฟไลน์ shikyu3211

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1537
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +67/-1
สงสารกลินท์แทนละตอนนี้

ออฟไลน์ aom2529

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 885
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-0
มาแปะไว้ก่อน..แล้วจะตามมาอ่านนร๊า :กอด1:

ออฟไลน์ SOBANG✖

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 260
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1
ยังอ่านเหนือเขียนไม่จบบบบบบ แต่มันทนไม่ไหวต้องลองเสิซชื่อดู และก็ดีใจมากที่เลือกสุ่มค้นหาาา เพราะมันทำให้เค้าได้อ่านพี่มุธ ฮือๆ ขอเถอะะะะะ อยากอ่านต่อมากๆเลยคะ ถ้าเรื่องนี้ยังไม่แฮปปี้คงอ่านเขียนเหนือไม่รู้เรื่องๆแน่ๆ ใจมันพะวง ~

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด