CHAPTER 23
“คว้า” นานทีเดียวที่พวกเราอยู่กันในท่านั้น มือของเขาลูบไหล่ผมเบาๆ มันไม่ได้ชวนรู้สึกน่าแขยงแบบเมื่อก่อนแต่กลับรู้สึกอ่อนโยนจนผมเริ่มหวาดกลัวไม่ใช่น้อย
“คุณเพชร”
“หือ...” ผมพึมพำเบาๆ เมื่อฟ้าครามเรียกผม
“ผม เอ่อ... ค้างที่นี่ได้มั้ย”
นั่นเป็นคำถามที่ทำให้ผมดันกายตัวเองออกจากร่างอีกฝ่ายในเสี้ยววินาทีและเลิกคิ้วขึ้น ไม่ทันพูดอะไรฟ้าครามก็รีบอธิบายด้วยสีหน้าตกใจเสียก่อน
“ผมไม่ได้คิดอะไรไม่ดีนะครับคุณเพชร ผมแค่ แค่... ไม่อยากให้คุณเพชรอยู่คนเดียวเฉยๆ เอง” เขาว่าเสียงหนักแน่นและเหลือบตามองผมอย่างอ้อนๆ “ถ้าคุณเพชรเมาแล้วเกิดเหตุสุดวิสัยขึ้นมาทำยังไงล่ะครับ นะครับ...” ไม่ว่าเปล่าแต่ยังส่งสายตาอ้อนวอนมาอีกต่างหาก “ถ้าไม่ไว้ใจให้ผมนอนข้างนอกก็ได้นะครับ”
และ... ใช่ ผมแพ้ท่าไม้ตายของให้อีกแล้ว!
ผมสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ ก่อนที่จะเอ่ยออกมา “ชะ เชิญเลย”
พอได้ยินแค่นั้นเขาก็คลี่ยิ้ม “ขอบคุณครับ”
อุก ยิ้มเทวดามันกลับมาอีกแล้ว! “เดี๋ยวผมไปอาบน้ำแป๊บนึง!”
ผมลุกพรวดขึ้นและเอ่ยออกมาเสียงดัง ก่อนที่จะหันหลังเดินขึ้นบันไดไปที่ห้องตัวเองในเวลาอันรวดเร็ว ไม่ได้หันมองด้านหลังแม้แต่น้อย แต่ทายว่าอีกฝ่ายต้องทำหน้าเหวอแน่ๆ
“...แล้วไหนบอกว่าจะดื่มล่ะครับ”
หุบปากไปเลยไอ้เด็กบ้า!
ผมใช้เวลาอาบน้ำสงบสติอารมณ์ตัวเองสักพักหนึ่ง แต่เนื่องด้วยไม่ใช่คนสำอางอะไร อาบน้ำแค่เกือบๆ สิบนาทีก็เสร็จแล้ว ค่อยสดชื่นขึ้นมาหน่อย
...แต่เดี๋ยวเด้ ไม่พร้อม!
ผมสางหัวตัวเองที่ยังไม่แห้งไปด้วย มองกระจกไปด้วย นั่งเครียดไปด้วยว่าตัวเองควรทำอย่างไรดี
ตอนนั้นผมให้เขาค้างด้วยก็ไม่ได้อะไรหรอก พระพายก็อยู่ ไอ้ธามก็อยู่ ถึงมันจะเมาแอ๋...
ใช่แล้ว ไอ้ธามไง!
ทันทีที่คิดได้ผมก็ควานหาโทรศัพท์มือถือของตัวเองทันที ผมเดินออกมาที่ห้อง หยิบโทรศัพท์มือถือที่ตัวเองหยิบขึ้นมาข้างบนด้วยและกดโทรออกหาเพื่อนที่น่าจะเป็นที่พึ่งเดียวในตอนนี้ทันที
รอสัญญาณอยู่สักครู่ก่อนที่จะได้ยินเสียงกวนตีนดังขึ้นมาผ่านสาย [ว่าไงจ๊ะที่รักกกกกกก]
“ที่รักพร่องส์” ผมสวนกลับทันที
[โอ๋ๆ ไม่โกรธนะ] ไอ้ธามหัวเราะผ่านปลายสายก่อนที่จะตะโกนอะไรก็ไม่รู้ ดูเหมือนจะไม่ได้พูดกับผม [รอกูแป๊บนึง]
“เออ” ผมตอบรับด้วยน้ำเสียงเนือยๆ พลางเหลือบตามองนาฬิกา ก็ไม่ได้ดึกมาก ไอ้ธามอาจจะไปเที่ยวอยู่ล่ะมั้ง คนอย่างมันไม่เคยจะออกจากบ้านวันเสาร์ – อาทิตย์หรอกนอกจากจะดื่มหรือโดนเด็กในสต๊อกมันชวนไปไหนมาไหนด้วย
[มาแล้วๆ โทษที]
“ดื่มอยู่รึไง”
[นิดหน่อยเว้ย] เป๊ะ... เดาผิดเสียที่ไหน [มึงต่างหาก โทรมามีอะไรวะ คิดถึงกูรึไง]
“ตลกแล้ว” ผมเค้นหัวเราะนิดหน่อย “แค่มีเรื่องมาถามหน่อย...” ผมหยุดไว้แค่นั้น ไม่รู้จะเล่าดีมั้ยว่าอะไรเป็นสาเหตุให้ผมโทรมาหามัน สงสัยโดนมันล้อไปอีกสามชาติ
[ทำไม มีอะไร เสร็จน้องฟ้าแล้วเหรอ]
“ไอ้ธาม!”
[โอ๋ หนูเพชรจ๋า อย่าโกรธป๋า...] มันแหย่ก่อนที่น้ำเสียงจะเปลี่ยนมาเป็นปกติ [แล้วไง สรุปมีอะไรวะ กูทายนะ เกี่ยวกับน้องฟ้าแน่ๆ เลย]
“ก็ประมาณนั้น” ผมอ้อมแอ้มตอบ “คือตอนนี้น้องฟ้ามึงอ่ะอยู่บ้านกู”
[...]
“...”
[เอ้า พูดต่อดิ]
“ก็แค่นั้น” ผมตอบสั้นๆ
ปลายสายพ่นคำผรุสวาทออกมาเป็นเบือจนผมตกใจ รอบข้างมันกลายเป็นสวนตัวเงินตัวทองไปแล้วล่ะมั้งนั่น ก่อนที่มันจะตวาดใส่ผมเสียงดัง
[แค่เนี้ย! มึงโทรหากูด้วยสาเหตุแค่นี้เหรอนายพชร!]
“เออออออออ” ผมลากเสียงยาว “ก็ตอนนี้หลานกูไม่อยู่อ่ะ แล้วกูให้มันค้างไปแล้ว กูควรทำยังไงวะ”
[โอ๊ย ไอ้เพชร! ไอ้โง่ววววววววว] มันลากคำว่าโง่ยาวมาก ยาวจนผมรู้สึกว่าหน้าผากตัวเองมีเขางอกขึ้นมาอย่างไรชอบกล [นี่ถามจริงหรือตลก]
“จริง” ผมว่าเสียงเข้ม
[จะให้บอกอะไรล่ะ ยอมน้องไปเหอะมันจ้องแกขนาดนี้ แสนดีขนาดนี้ แกหาเมียจะได้ดีขนาดนี้รึเปล่าเถอะ]
ไอ้ธามร่ายยาวเป็นหางว่าวเลย ในขณะที่ผมได้แค่ทำหน้าเบ้ ใช่สิ... น้องรักมึงนี่ เจ้าฟ้าครามนี่ก็มีมิตรไปทั่วไปหมด ขนาดไอ้ธามเป็นมิตรผมยังเอาไปเป็นพวกมันเลย
“กูไม่ขำนะ” ผมเอ่ยเสียงเรียบ “กูจริงจัง ตอนนี้กูทำอะไรไม่ถูก”
พอได้ยินแบบนี้ไอ้ธามก็เงียบไปพักหนึ่งก่อนที่จะถามผมด้วยน้ำเสียงดูจริงจังเป็นผู้เป็นคนขึ้นมาหน่อย
[คงไม่ได้ชอบน้องฟ้าไปแล้วหรอกนะ?]
ผมเงียบ ลำคอแห้งผากไปหมด ไม่อยากจะยอมรับเท่าไหร่แต่สุดท้ายผมก็ขยับริมฝีปาก
“ใช่...”
ปลายสายเองก็เงียบไปสักพักก่อนที่จะร้องออกมาเสียงดัง [วู้วววววว]
“หุบปากเลยนะ!” ผมขู่กรอด “เออ กูยอมรับแล้ว กูชอบมัน พอใจยัง ไม่ใช่รักนะ แต่ชอบ...” เสียงผมอ่อนลงนิดหน่อยก่อนที่ตัวเองจะหลับตาลง
ชอบ... จนขาดไม่ได้เสียแล้ว
[ครึๆๆๆๆ] ไอ้ธามหัวเราะได้กวนตีนที่สุดในสามโลก [กูรู้สึกดีใจแทนน้องฟ้าจัง ครึๆ]
“เลิกหัวเราะแบบนั้นสักที” ผมว่าเสียงขุ่นอย่างหงุดหงิด เกลียดเสียงหัวเราะแบบนี้ของมันจริงๆ
[โอเคๆ] มันไม่วายหัวเราะต่ออีกนิดหน่อย [แล้วมึงจะมาบอกกูทำไมล่ะ] ก่อนที่จะเปลี่ยนเป็นน้ำเสียงจริงจังอย่างรวดเร็ว เชี่ย... ปรับอารมณ์ไม่ทัน [ก็ไปบอกน้องเขาดิ]
“ตลก...”
[ไม่ตลก] มันสวนเสียงเข้ม [น้องเขาก็อยากฟัง ไปบอกน้องเขาดิ น้องฟ้าเขารอแกมานานแล้วนะเว้ย เป็นเดือนๆ แล้วมั้งนั่น จะปล่อยให้เขารอต่อไปทำไมวะ]
“แต่...”
[คนเราจะตายวันตายพรุ่งก็ไม่รู้ จะทำอะไรก็รีบทำดิไอ้เพชร]
“...”
[มีคนที่ทำให้มึงหลุดจากกรอบที่มึงเคยอยู่ขนาดนี้แล้ว มึงจะไม่คว้าเขาไว้เหรอ] ผมเดินลงมาชั้นล่าง ฟ้าครามเปิดทีวีดูอยู่ อาจจะเพราะไม่รู้ว่าจะทำอะไรก็ได้ เขาหันมาเห็นผมก่อนที่จะคลี่ยิ้ม “อาบน้ำนานจังครับคุณเพชร”
“นิดหน่อยนะ” ผมตอบอ้อมแอ้ม
เปล่าเลย อาบน้ำน่ะแป๊บเดียว... คุยกับไอ้ธามก็แป๊บเดียว เสียเวลาไปทำใจและทบทวนสิ่งที่ตัวเองกำลังจะทำต่างหาก
“เป็นอะไรรึเปล่าครับ?” พี่เลี้ยงเด็กขมวดคิ้ว “แปลกๆ แฮะ...” คำหลังเหมือนจะพึมพำกับตัวเอง
“เปล่า” ผมโกหกคำโต “ดื่มต่อเถอะ ชงให้หน่อย”
“อา ครับๆ” ฟ้าครามรับคำอย่างว่าง่ายก่อนที่จะจัดการชงเหล้าให้ผมอีกรอบ
ผมเหล่มองแอลกอฮอล์ที่เขาจัดการยื่นให้ก่อนที่จะเอ่ยออกมาเสียงเรียบ “ขอเข้มๆ ได้มั้ย”
“ฮะ?” ฟ้าครามหันขวับ ก่อนที่แกล้งหยอกด้วยสีหน้าเจ้าเหล่ “ไม่กลัวผมจะมอมเหรอครับ” พูดเสียงระรื่นเสียจนผมต้องเอื้อมมือไปหยิกเขาแรงๆ อย่างนึกหมั่นไส้ “โอ๊ยยย คุณเพชร! เจ็บนะครับ!”
“สำออย”
“คุณเพชรอ่า”
“ชงมาเร็วๆ” ผมย้ำอีกที
ฟ้าครามจัดการให้ผมตามที่ต้องการ เขาส่งมาให้ผม และผมก็ยกมันขึ้นมาดื่มอย่างรวดเร็วจนพี่เลี้ยงเด็กทำหน้าตกใจ
“เดี๋ยวก็เมาหรอกครับ”
“นายกล้าทำอะไรผมรึยังไงล่ะ?”
“ไม่ครับ...” เขาเสียงอ่อน พ่นลมหายใจหนึ่งคราก่อนที่จะสบตากับผมตรงๆ มันเป็นการสบตาที่ทำให้ลมหายใจของผมสะดุดไปนิดหน่อย
“ไว้ใจผมแบบนี้... ผมดีใจจะตายแล้วนะคุณเพชร” เป็นผมเสียเองที่หลบตาเขา “เดี๋ยวก็ได้ดีใจมากกว่านี้”
“หืม” ฟ้าครามเลิกคิ้ว
“ไม่มีอะไร” ผมสั่ง พยายามควบคุมลมหายใจตัวเองให้เป็นปกติ “ไม่ดื่มรึยังไง หรือจะให้ผมชงให้” ก่อนที่จะสังเกตได้ว่าเขายังไม่ทันดื่มอะไรเลย
“ไม่เป็นไรครับ ผมชงเอง” ฟ้าครามยิ้ม
“อย่ามอมผมล่ะ”
“คุณเพชร ผมบอกว่าไม่มอมไงล่ะครับ” พีเลี้ยงเด็กทำหน้ายู่ “ไว้ใจผมหน่อยสิ”
“...แค่นี้ก็ไว้ใจจะตายอยู่แล้ว”
ผมเอ่ยเช่นนั้นก่อนที่จะเม้มปาก ชวนเขาคุยเรื่องอื่น เปลี่ยนเรื่องไปเรื่อยตามประสาเพราะไม่ต้องการให้เขาเอ่ยปากถามเรื่องที่ผมยังไม่พร้อมที่จะพูดออกมา
ขอให้ตัวเองเมาอีกหน่อยเถอะน่า... ไม่มีน้ำเมามันช่วยไม่ได้จริงๆ นะ
ผมจำไม่ได้ว่าตัวเองดื่มไปมากแค่ไหน รู้ตัวอีกทีก็ตอนเกือบเที่ยงคืนนั่นแหละ ฟ้าครามเองก็คงเริ่มกรึ่มๆ แล้วเหมือนกัน แต่ดูเหมือนเจ้าเด็กนี่จะเป็นพวกเมาแล้วเงียบ ไม่แสดงออกว่าเมา ตาเขาแค่เยิ้มหน่อยๆ เท่านั้น สภาพผมเองก็ไม่ต่างเท่าไหร่ โลกเริ่มหมุนนิดๆ แล้วด้วยซ้ำ
“คุณเพชร...”
“อะไร” ผมเอ่ยเสียงห้วนเมื่ออีกฝ่ายเรียกชื่อ
“ผมเริ่มมึนแล้วครับ” ...นั่นไง “คุณเพชรจะดื่มต่อมั้ย”
“ไม่ต้องแล้วก็ได้” หน้าเขาดูเข้ม น่าจะเป็นพวกดื่มเก่ง เอาเถอะ... หน้ากับนิสัยของเขาขัดกันมาตั้งแต่แรกแล้ว “ไม่ยักกะรู้ว่าคุณจะคออ่อน นี่เมาแล้วเหรอ”
“ไม่เมาหรอกครับ” ฟ้าครามตอบเสียงอ่อน “แต่มึนๆ นิดหน่อย ผมไม่อยากเมาให้คุณเพชรดูหรอก”
“ทำไมล่ะ”
“สภาพผมไม่น่าดูหรอกครับ เรื้อนเหมือนหมา” เขาหัวเราะนิดหน่อย
“ผมอยากเห็น”
“...”
“ผมอยากเห็นทั้งหมดของคุณนั่นแหละ” ให้ตายเถอะ ผมคงเมาแล้วจริงๆ
ผมไม่ค่อยได้สติเท่าไหร่แต่ดูเหมือนฟ้าครามจะหนักกว่าผมเสียอีก เขาเบิกตากว้างเล็กน้อยก่อนที่จะเปลี่ยนเป็นขมวดคิ้วและหัวเราะแห้งๆ
“คุณเพชร ไม่ตลกน่า”
“เปล่าตลก” เอาเถอะ ไหนๆ ก็เริ่มเมาแล้ว...
ผมสบตากับเขาตรงๆ ฟ้าครามนิ่งไปหมด เขาทำหน้าเหมือนไม่มั่นใจเท่าไหร่นัก แววตาสีเข้มของเขาวูบไหวเล็กน้อย เห็นแล้วก็ได้แต่นั่งพิจารณา ทำไมเขาถึงหน้าตาดีจนใจสั่นงี้วะ... โลกไม่เห็นจะยุติธรรม หรือว่าจริงๆ แล้วตัวผมชอบคนเด็กกว่า ก็ไม่น่าจะใช่ ผ่านมาทั้งชีวิตไม่เคยคิดมองคนที่เด็กกว่าเกินสองปี แถมเจ้าเด็กนี่ยังเป็นผู้ชายอีกต่างหาก
วิบัติไปแล้ว... ไม่ใช่โลกนะ ผมนี่แหละ ทำไมเขาถึงทำให้ผมเป็นได้ขนาดนี้กัน
‘มีคนที่ทำให้มึงหลุดจากกรอบที่มึงเคยอยู่ขนาดนี้แล้ว มึงจะไม่คว้าเขาไว้เหรอ’
คำพูดของไอ้ธามย้อนกลับเข้ามาในหัวอีกครั้ง และมันทำให้ผมค่อยๆ ขยับริมฝีปาก
“ผม... ชอบคุณ” เสียงของผมแผ่วเป็นบ้า แต่ผมค่อนข้างมั่นใจว่าเขาได้ยินมันอย่างชัดเจน “ผมชอบคุณ รักมั้ยไม่รู้ แต่ผมคิดว่าผมชอบคุณ”
ผมไม่กล้าสบตาเขา หายใจไม่ทั่วท้อง ไม่อยากเห็นหรอกว่าเขาทำหน้าอย่างไร หนักกว่านั้นคือการที่ผมรู้สึกร้อนวูบวาบบนใบหน้า นั่นไม่ตลกเลย ไม่ขำแม้แต่นิดเดียว
...เขาทำมันจริงๆ ทำให้ผมหลุดออกนอกกรอบที่เป็นอยู่จริงๆ
ความเงียบแทรกตัวอยู่ทุกอณูในอากาศ มันน่าอึดอัดไม่ใช่น้อย สิ่งแรกที่ทำให้เกิดเสียงคือการที่มือของฟ้าครามวางแก้วลงบนโต๊ะเบาๆ จนเกิดเสียงน้ำแข็งกระทบกับแก้ว
“จริงเหรอครับ” อีกฝ่ายถามเสียงแผ่วเบา “คุณเพชรพูดจริงเหรอครับ”
ผมหายใจไม่ออก แต่ต้องขยับริมฝีปากออกไป “ใช่...”
มือของฟ้าครามเคลื่อนมาที่มือของผมที่ไม่ได้ถือแก้วอยู่ ผมอยากจะห้ามเขาอยู่หรอกแต่ตอนนี้คลำหาเสียงไม่เจอด้วยซ้ำ ยิ่งเขาไล้มือขึ้นมาเรื่อยๆ แบบนี้มัน... ไม่ดีเท่าไหร่ล่ะมั้ง
“คุณเพชร...”
อย่ามาเรียกชื่อแบบนี้ได้มั้ย
ผมอยากจะพูดแบบนั้นแต่พูดไม่ออก สิ่งที่ทำคือการเงยหน้าขึ้นไปมองเขาจริงๆ จังๆ เสียที
ฟ้าครามมองผมนิ่งๆ ก่อนที่จะพึมพำออกมา
“ขออนุญาตนะครับ” คำนี้เป็นครั้งที่สองของวันแล้ว
ใบหน้าของเขาเคลื่อนเข้ามาใกล้ ส่วนหนึ่งในใจของผมตะโกนว่าหยุด แต่อะไรไม่รู้ดลใจให้ผมหลับตาลงและคล้ายว่าเสียงนั้นจะเป็นเพียงเสียงเบาๆ ที่ผมแทบจะไม่ได้ยิน ในที่สุดมันก็เงียบสงบลง
เมื่อผมได้สัมผัสกับรสละมุนบนริมฝีปากตัวเอง -------------------------------------------
คืบหน้าของจริง