เรื่องวุ่น ๆ ของคุณ รปภ. ตอนพิเศษ 2-2(ครึ่งหลัง) (24/12/56)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: เรื่องวุ่น ๆ ของคุณ รปภ. ตอนพิเศษ 2-2(ครึ่งหลัง) (24/12/56)  (อ่าน 119935 ครั้ง)

ออฟไลน์ Thyme103

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 93
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-0
เป็นเจ้าชายรัชทายาทด้วยอ่ะ

แล้วงี้แล้วริวเราต้องฝ่าด่านอะไรรึเปล่านะ

ออฟไลน์ MiSS-U

  • {^o^} {^3^}
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4168
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2800/-11
ความเป็นรัชทายาทของกีรติคงไม่ทำให้ความรักของทั้งคู่วุ่นวายใช่มั้ย  o18

อยากอ่านคู่โนอากะเรนค่ะ

บวกเป็ด

ออฟไลน์ inspirer_bear

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2003
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +206/-5
โอ้ววววว คีน่ารักกก ชอบ แล้วจะเป็นไงหนอ
รักระหว่างรัชทายาทกับองเมียว

ออฟไลน์ Ryoooo

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3146
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +288/-2
สนุกมา ชอบกี ชอบแฟนธอม ตอนแรกนึกว่าจะคู่กัน
ที่ไหนได้ เคะทั้งคู่ อิอิ
แต่น่ารักเนอะ มีอีกหลายๆคู่ใช่มั้ย
รอๆๆๆ

ปล.ให้น้องชายคู่กับน้องชายได้มั้ยยย

ออฟไลน์ monoo

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1957
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +101/-4

ออฟไลน์ วัวพันปี

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1309
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +540/-3
ขอคู่โนอาเรนๆๆๆๆๆ :mc4:

เกเร

  • บุคคลทั่วไป
อ้าวเป็นเจ้าชายไปซะละ งี้ก็ต้องกลับประเทศดิ

แต่แอบชอบคุณลีอะ จะมีคู่กับเค้าไมหนออ :katai1:

ออฟไลน์ KhunToOk

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 304
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +42/-4
เพิ่งเข้ามาอ่าน ......... ไปมุดหัวอยู่ไหนมาน้อเรา  :z3:

เรื่องนี้โดนใจมากเลยค่ะ น่ารักกันทุกคนเลย อิอิ

รอตอนต่อไปนะคะ เป็นกำลังใจให้คนเขียนจ้าา  :L2:

ออฟไลน์ Xenon

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 705
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +482/-4
พอดีปัดเพิ่งปั่นตอน 23 เสร็จ เลยเอา 21 - 22 มาโพสให้อ่านกันต่อเนื่องไปก่อนค่ะ  หลัง ๆ คงจะได้ทยอยลงทีละตอนแล้วนะคะ ^^ จะได้อ่านทันปัจจุบันกันไปเลยล่ะนะคะ 



บทที่ 21
พูดคุย



          ริวมองคนรักของเขาที่กำลังส่งยิ้มเจื่อนเรื่องส่วนสูงของเจ้าตัวอย่างนึกเอ็นดู ก่อนจะตัดสินใจเอ่ยตัดบทขึ้นเสียก่อนที่สองพี่น้องจะยึดถนนกลางซอยเป็นที่ยืนคุยกันต่อไปเรื่อย ๆ ดังเช่นที่เป็นอยู่

        “ผมว่าพวกคุณสองคน ไปหาที่นั่งคุยสบาย ๆ กันดีกว่านะครับ ...ยืนอยู่ตรงนี้นอกจากจะอากาศร้อนแล้ว ยังไม่ค่อยสะดวกอะไรอยู่หลาย ๆ อย่างด้วย”

        กีรติและโนอาฟังที่ริวบอก ก่อนจะชะงักเมื่อมองไปรอบ ๆ ก็เห็นว่าแต่ละคนกำลังจ้องพวกเขาเขม็งด้วยสายตาสนอกสนใจเป็นพิเศษ

        “เฮ้อ...ไปบ้านผมดีไหม อ้อ...เฉพาะกีกับคุณโนอาเท่านั้นนะครับ ไหน ๆ พวกคุณก็มีอเล็กซ์คอยถ่ายทอดสดให้ดูถึงบ้านแล้วนี่ครับ ...คงไม่จำเป็นจะต้องตามไปแออัดยัดเยียดในบ้านของผมอีก…จริงไหมครับ”

        ริวบอกพลางยิ้มเยียบเย็นปรามพวกชาวหมู่บ้านที่เตรียมตัวจะออกเดินทางไปบ้านเขา ทำเอากีรติที่กำลังจะตอบตกลงชะงักกึก ส่วนโนอาลอบกลืนน้ำลายลงคอ เพราะเพิ่งเคยได้เห็นโฉมหน้าในอีกรูปแบบของริวเป็นครั้งแรก

        “ไม่ต้องห่วงนะครับคุณริว! ผมจะถ่ายทอดสดทั้งภาพและเสียง ให้ทุกคนได้รับรู้ อย่างที่คุณต้องการเองครับ!”

        เสียงอเล็กซ์ดังโพล่งขัดบรรยากาศอึมครึมที่เริ่มก่อตัว ทำให้แต่ละคนสะดุ้งโหยงและมีรอยยิ้มเจื่อนประดับบนใบหน้า ก่อนจะตัดสินใจแยกย้ายกันกลับบ้านใครบ้านมัน เพราะดูเหมือนว่าริวนั้นจะเริ่มหงุดหงิดให้เห็นมากขึ้นเรื่อย ๆ

        “หึ ๆ สมแล้วกับที่เป็นสิ่งประดิษฐ์ของฉัน นายเข้าใจเลือกวิธีสลายการชุมนุมได้อย่างสันติวิธีและรวดเร็วใช้ได้ทีเดียวนะอเล็กซ์”

        เจอรัลด์ออกปากเอ่ยชม ทว่าแฟนธอมที่อยู่ข้าง ๆ เหลือบมามองด้วยหางตาอย่างหมั่นไส้ เพราะเขามั่นใจว่าอเล็กซ์นั้นไม่ได้คิดไปไกลอย่างที่เจอรัลด์พูดมาแน่นอน

        “ไปกันเถอะกี...”

        ริวหันไปชวนกีรติเพราะขี้เกียจต่อล้อต่อเถียงกับทั้งเจอรัลด์และอเล็กซ์ ที่ล้วนแล้วแต่กวนโมโหพอ ๆ กันทั้งคู่

        “อะ...ครับ!”

        กีรติรับคำแล้วเตรียมจะเดินตามริวไป ทว่าพอเห็นโนอายังคงลังเล ชายหนุ่มก็ยิ้มน้อย ๆ พลางยื่นมือส่งให้กับน้องชายของตน         

        “ไปกันเถอะโนอา”

        โนอาชะงักชั่วครู่ ก่อนจะค่อย ๆ พยักหน้าตอบรับ และยื่นมือของเขาส่งให้พี่ชาย พร้อมกับก้าวเดินตามอีกฝ่ายไปอย่างว่าง่าย จนอีกสองคนที่อยู่แถวนั้นและไม่ได้ตามไปด้วยถึงกับอมยิ้มน้อย ๆ แล้วจึงตัดสินใจไปนั่งติดตามสถานการณ์หลังจากนี้ที่ป้อมยามตามเดิม

         

        ทางด้านเรนที่รับรู้เรื่องราวทั้งหมดผ่านการถ่ายทอดสดทางทีวีโดยฝีมืออเล็กซ์  ได้ออกมายืนรอต้อนรับกีรติและโนอาอยู่ทางเข้าบ้านพัก  ชายหนุ่มยิ้มน้อย ๆ ให้สองพี่น้อง ไม่นึกแปลกใจแล้วว่าทำไมญาติของกีรติถึงได้รู้จักคนใหญ่โตอย่าง ชิรากิ คาโอรุ ได้

        “เชิญครับ...”

        เรนพาทุกคนไปที่ห้องรับแขก ในบ้านนั้นอากาศเย็นสบายกว่าด้านนอกมากนัก แม้จะไม่เปิดแอร์ก็ตาม

        “อากาศเย็นจังเลยครับ ...ออกจะหนาวนิด ๆ ด้วยซ้ำ เอ่อ...ไม่ได้เปิดแอร์ไม่ใช่หรือครับ”

        กีรติถามเรนอย่างแปลกใจ เพราะประตูบานกระจกห้องรับแขกที่เปิดออกไปยังระเบียงติดสวนหน้าบ้าน ก็ถูกเปิดอ้าอยู่ จึงไม่น่าจะมีอากาศเย็นสบายขนาดนี้

        “ไม่ได้เปิดหรอกครับ แต่พอดีที่นี่มีจิ้งจอกหิมะ เอาไว้ช่วยทำความเย็นแทนน่ะครับ”

        เรนบอกพร้อมรอยยิ้มกึ่งขำ และคำตอบนั้นทำให้กีรตินิ่งอึ้งชั่วครู่ ก่อนจะมีรอยยิ้มน้อย ๆ ตามมา ส่วนโนอาขมวดคิ้วอย่างงุนงง พลางสะกิดพี่ชายของตน แล้วจ้องอีกฝ่ายด้วยสายตาตั้งคำถาม

        “อ้าว...นึกว่ารู้แล้วเสียอีก ท่านอาไม่ได้บอกหรือว่า คุณริวกับคุณเรนเป็นใครน่ะ”

        กีรติเป็นฝ่ายถามน้องชายของเขาบ้าง ทำให้โนอาถึงกับขมวดคิ้วยุ่ง เขามองตามไล่หลังเรนที่ขอตัวไปนำเครื่องดื่มมาเลี้ยงแขก จากนั้นจึงหันกลับมามองกีรติ ก่อนจะตอบคำถามพี่ชายไปตามตรง

        “ผมแอบไปได้ยินท่านอาคุยโทรศัพท์กับคุณคาโอรุเรื่องคีน่ะ ก็เลยคาดคั้นถามจากท่านอา เลยได้ความว่าคีขอแรงให้คุณคาโอรุช่วยคนสำคัญให้หน่อย แต่ท่านอาก็ไม่ได้อธิบายละเอียดมากนัก...อีกอย่างตอนนั้นผมคิดแต่อยากจะมาที่ไทยเพื่อเจอคนสำคัญของคี จนไม่สนอะไรแล้วด้วย”

        กีรติมองน้องชายที่นั่งขัดสมาธิ พร้อมทำหน้ายุ่งใส่ริวที่นั่งฝั่งตรงข้าม  ชายหนุ่มร่างเล็กแย้มยิ้มแกมระอา เพราะแม้จะเติบโตสูงใหญ่ขึ้นกว่าเมื่อห้าปีก่อนมากเพียงใด แต่โนอาก็ยังคงเป็นน้องชายที่น่ารักและค่อนข้างติดเขาแจเหมือนเดิมไม่มีเปลี่ยน

        “โตแล้วนะเรา ทำอะไรก็ให้รู้จักคิดสักหน่อย นี่ถ้าท่านพ่อจับได้ว่าแอบมา ระวังจะถูกทำโทษเข้าให้นะ”

        กีรติปรามเตือน ทำให้โนอาสะดุ้งแล้วอุบอิบตอบไม่เต็มเสียงนัก

        “รู้แล้วน่า ผมไม่ทำให้ท่านพ่อจับผิดได้ง่าย ๆ หรอก...อีกอย่างท่านอาก็มีส่วนช่วยเรื่องนี้ด้วย ท่านบอกให้ผมแวะมาเช็คคนสำคัญของคีว่าเป็นคนแบบไหน แล้วให้กลับไปรายงานให้ท่านทราบด้วยน่ะ”

        ท้ายประโยคโนอาเหลือบมองริวพร้อมกับขมวดคิ้วยุ่ง ส่วนริวนั้นชะงักเล็กน้อย แต่ก็ยังคงส่งยิ้มเป็นมิตรให้อีกฝ่าย ทำให้โนอาเม้มปากแล้วสะบัดหน้าเบือนหนีไปมองอีกทางด้วยความไม่สบอารมณ์เท่าใดนัก แต่ก็ไม่ได้คอยพูดจาหาเรื่องหรือตั้งตัวเป็นอริดังเช่นก่อนหน้านั้น ซึ่งนั่นก็ทำให้กีรติที่สังเกตทั้งคู่หลุดยิ้มน้อย ๆ อย่างยินดีให้ได้เห็น

        “น้ำชามาแล้วครับ แต่ถ้าไม่ชอบชาญี่ปุ่น จะรับเป็นน้ำเปล่าแทนก็ได้นะครับ”

        เรนนำเครื่องดื่มมาเสิร์ฟคนในห้องรับแขก โดยคุไรในร่างมนุษย์ก็ช่วยแบกโต๊ะญี่ปุ่นตัวย่อมมาไว้กลางห้อง ส่วนชิโระในร่างจิ้งจอกตัวเล็กก็เดินตามมาแอบมองห่าง ๆ อย่างสนใจ

        “จิ้งจอก...เลี้ยงสุนัขจิ้งจอกด้วยหรือครับ!”

        โนอาที่หันไปเห็นชิโระที่แอบอยู่ตรงทางเข้าห้อง หันไปถามริวอย่างสนใจด้วยความลืมตัว เห็นได้จากคำลงท้ายสุภาพอย่างที่ไม่เคยใช้กับอีกฝ่ายก่อนหน้านั้น

        “หือ...ชิโระ...”

        ริวหันตามไปมอง แล้วหรี่ตาดุใส่สัตว์อสูรของเขา จนชิโระสะดุ้งโหยง ก่อนจะรีบวิ่งหนีไป ทำให้โนอาเผลอหลุดอุทานด้วยความเสียดายอย่างลืมตัว จนริวที่ได้ยินต้องหันมามอง

        “ชอบหรือครับ?”

        ริวเอ่ยถามพร้อมรอยยิ้ม ซึ่งโนอาก็ชะงัก และทำท่าลังเลว่าจะยอมญาติดีกับอีกฝ่ายดีไหม เด็กหนุ่มเงียบไปสักพัก แล้วจึงพยักหน้าค่อย ๆ เป็นการยอมรับในที่สุด

        “โนอาเขาชอบพวกสัตว์ทุกชนิดน่ะครับ โดยเฉพาะพวกที่แปลก ๆ หาดูได้ยาก แต่เขาไม่ได้เลี้ยงไว้เอง เพราะไม่อยากจะพรากพวกมันจากถิ่นอาศัยให้มาเป็นสัตว์เลี้ยงในบ้านน่ะครับ”

        กีรติเอ่ยเสริมตามมาพร้อมรอยยิ้ม ทำให้ทั้งเรนและริวต่างได้รับรู้ว่า เด็กหนุ่มผมทองเองก็เป็นคนมีจิตใจดีและมีด้านที่น่ารักอยู่ไม่น้อยทีเดียว

        “บังเอิญชิโระของผมไม่ใช่สัตว์เลี้ยงธรรมดาเสียด้วยสิครับ...แต่ถ้าคุณรับได้ ผมจะเรียกเขามาให้ก็ได้นะครับ”

        ริวบอกพร้อมรอยยิ้มแปลก ๆ ทำเอากีรติลอบถอนหายใจ แล้วจึงหันไปบอกกับโนอา ซึ่งกำลังมีแววตาสงสัยในสิ่งที่ริวพูดอย่างเห็นได้ชัด

        “คุณริวกับคุณเรนเคยอยู่ในตระกูลองเมียวมาก่อนน่ะ แล้วคุณชิโระก็เป็นสัตว์อสูรที่คุณริวทำสัญญาด้วย ร่างจริงของเขาเป็นสุนัขจิ้งจอกสีขาวตัวใหญ่และสง่างามมากทีเดียวเลยล่ะ”

        คำพูดของกีรติสร้างความงุนงงแกมประหลาดใจให้กับโนอายิ่งนัก เด็กหนุ่มขมวดคิ้วยุ่งแล้วหันไปจ้องเรนกับริวอย่างพิจารณายิ่งขึ้นกว่าเดิม

        “คีกำลังจะบอกผมว่า คนรักของคีกับน้องชายของเขาเป็นพวกนักพรตองเมียวเหมือนในการ์ตูนญี่ปุ่น ส่วนจิ้งจอกน่ารักตัวนั้นเป็นอสูร ไม่ใช่จิ้งจอกจริง ๆ อย่างนั้นหรือ!”

        คำถามของโนอาทำให้เรนอมยิ้ม ส่วนริวนั้นค่อนข้างแปลกใจเรื่องที่เจ้าชายอย่างอีกฝ่ายติดการ์ตูนของประเทศเขาด้วยเหมือนกัน   

        “อืม...ก็ประมาณนั้นล่ะ”

        กีรติตอบง่าย ๆ โดยไม่ได้ใส่ใจที่มาของข้อมูล ที่น้องชายของตนหลุดปากออกมาแม้แต่น้อย

        “ว้าว! นึกว่าจะมีแต่ในการ์ตูนเท่านั้นเสียอีก เอ่อ...ว่าแต่จะช่วยลองแสดงอะไรที่มันเหนือธรรมชาติให้ดูสักหน่อยจะได้ไหมครับ”

        โนอาหันไปทางริวและอ้อมแอ้มขอร้องอย่างสุภาพ ด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลงผิดเคย ทำเอาริวถึงกับกลืนน้ำลายลงคอ เมื่อแววตาของอีกฝ่ายนั้นแสดงถึงความสนอกสนใจอย่างไม่คิดปิดบังเลยสักนิด

        “ลองดูสิครับพี่ ไม่เสียหายอะไรไม่ใช่หรือครับ”

        เรนหันไปช่วยพูดให้อีกเสียง ทำให้ริวลอบถอนหายใจแผ่วเบา ก่อนจะหันมาฝืนยิ้มน้อย ๆ ให้กับคนที่มองอยู่

        “ก็ได้ครับ...”

        ริวรับคำแล้วประสานมือแสดงสัญลักษณ์ร่ายอาคมตามที่ได้เล่าเรียนมา ฉับพลันหมอกหนาก็พลันก่อตัวรอบห้องรับแขก และบังเกิดเกล็ดหิมะโปรยปรายลงมาจากเพดานห้อง ทำให้โนอาเบิกตากว้างอย่างตกตะลึง แต่แล้วเด็กหนุ่มก็ต้องตกใจยิ่งกว่าเดิม เมื่อชิโระวิ่งพรวดพราดเข้ามาในห้องพร้อมกับส่งเสียงโวยวายยกใหญ่

        “ริวแสดงวิชางั้นรึ! อย่างนั้นฉันก็เปิดเผยตัวได้แล้วล่ะสิ!”

        เจ้าจิ้งจอกน้อยสีขาวขี้กลัวเมื่อสักครู่ มาบัดนี้กลับพูดฉอด ๆ ต่อหน้าต่อตาของเขา แม้โนอาจะเตรียมใจรับความตกตะลึงมาแล้วล่วงหน้า ทว่าพอเห็นจัง ๆ แบบนี้ เขาก็อดนิ่งอึ้งไปชั่วครู่ไม่ได้

        “ชิโระ...นายนี่มัน...”

        ริวหันไปขมวดคิ้วยุ่งใส่สัตว์อสูรของตน ทำเอาชิโระต้องสะดุ้งโหยง แต่ก็ยังคงทำเสียงสั่นเถียงสู้กลับไปอยู่ดี

        “กะ...ก็ ฉันเห็นริวใช้วิชาองเมียว ...ก็เลยคิดว่าจะเผยตัวได้แล้วน่ะสิ ...ขนาดคุไรยังมีส่วนร่วมได้ แล้วทำไมฉันจะต้องอยู่วงนอกคนเดียวด้วยล่ะ!”

        ชิโระบอกอย่างน้อยใจ ทำให้คุไรที่นั่งอยู่ระเบียงด้านนอกขมวดคิ้วยุ่ง แล้วเหลือบมามองจิ้งจอกขาวครู่หนึ่ง ก่อนจะสะบัดหน้าไปอีกทาง เพราะไม่อยากโต้เถียงด้วยนั่นเอง

        “เอ่อ...ขอโทษนะครับ เห็นคีบอกว่าคุณแปลงร่างได้...ช่วยแปลงร่างให้ดูหน่อยจะได้ไหมครับ”

        โนอาที่พอจะหายตกใจบ้างแล้ว บอกกับชิโระด้วยน้ำเสียงสุภาพอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ ซึ่งพอได้ยินดังนั้น ชิโระก็หันมายิ้มเยาะให้เจ้านายของตน ก่อนจะหันไปทางโนอาพลางเชิดหน้าขึ้นเล็กน้อย

        “ได้เลย! อ้อ...เห็นน่ารักแบบนี้ แต่ฉันอยู่มากว่าห้าร้อยปีแล้วนา รู้ไหม!”

        ชิโระซึ่งได้ที รีบพูดจาข่มเรื่องอายุยกใหญ่ ทำเอาริวนั้นนึกหมั่นไส้สัตว์อสูรของตนเต็มทน จึงแสร้งเปรยลอย ๆ ขึ้นมาบ้าง

        “ถ้ายังไม่คิดจะคืนร่างให้เขาดูก็ถอยไป จะได้ให้คุไรคืนร่างให้ดูแทน จะว่าไปร่างงูยักษ์ของคุไรก็น่าสนใจกว่าจิ้งจอกธรรมดาแถวนี้ตั้งเยอะ”

        ชิโระสะดุ้ง แล้วค้อนขวับใส่ริว แต่พอเห็นโนอาเริ่มหันไปมองทางคุไรแทนด้วยความสนอกสนใจยิ่งกว่าเดิม เขาก็รีบกลับคืนสู่ร่างอันแท้จริงอย่างรวดเร็ว ทำเอาโนอาที่หันกลับมาถึงกับหลุดอุทานอย่างตกตะลึง

        “โห! วิเศษไปเลย คีเจอเรื่องแบบนี้ตลอดทุกวันเลยหรือเนี่ย!”

        “แค่นี้ยังปกตินะ คนอื่น ๆ ในหมู่บ้านยังมีแปลกกว่านี้อีก!”

        คนตอบคำถามไม่ใช่กีรติ แต่เป็นตัวชิโระในร่างจิ้งจอกยักษ์ ทำเอาริวต้องถอนหายใจ ก่อนจะทำการผนึกไม่ให้สัตว์อสูรของตนพูดได้ชั่วครู่ ทำเอาชิโระที่อ้าปากพะงาบ ๆ เกิดอาการงอน แล้วหันมานอนหมอบหลบอยู่ด้านหลังกีรติแทน

        “ไว้ถ้าน้องยังพอจะมีเวลา เดี๋ยวพี่พาไปทัศนศึกษารอบหมู่บ้านนี้ทีหลังก็ได้”

        กีรติบอกกับน้องชายของเขา แต่นั่นกลับทำให้ริวขมวดคิ้วนิด ๆ ซึ่งหนุ่มญี่ปุ่นนั้นเชื่อว่าพวกชาวหมู่บ้านที่ติดตามการสนทนาของพวกตนอยู่ยามนี้ คงจะออกอาการร่าเริงยินดี แล้วเตรียมวางแผนการต้อนรับการทัศนศึกษาครั้งนี้ของโนอาอย่างเต็มที่เป็นแน่

        “จริงหรือครับ!”

        “แน่นอน พี่จะหลอกน้องทำไมกันล่ะ”

        กีรติตอบพร้อมแย้มยิ้มอ่อนโยน ทำให้คนมองชะงัก แล้วจึงก้มหน้าหลบตาอีกฝ่าย เมื่อหวนคิดถึงเหตุผลหลักที่เขาตั้งใจจะมาที่นี่

        “จริง ๆ แล้ว ผมน่ะตั้งใจจะมาพาคีกลับไปด้วยกันอยู่หรอกนะ แต่ว่าตอนนี้...”

        โนอาเหลือบมองริว แล้วก็ต้องรีบหลบตาเมื่อเห็นอีกฝ่ายหันมาสบตากับตน จากนั้นเด็กหนุ่มจึงแสร้งทำเป็นโพล่งขึ้นเสียงห้วนเพื่อกลบเกลื่อนความรู้สึกที่แท้จริงของเขา

        “...เพราะผมเห็นว่าคีดูมีความสุขเวลาอยู่ที่นี่หรอกนะ ไม่อย่างนั้นผมพากลับไปด้วยกันแล้วล่ะ!”

          กีรติยิ้มน้อย ๆ ต่อท่าทีของน้องชาย แล้วจึงขยับไปลูบศีรษะของอีกฝ่ายอย่างเอ็นดู แม้ว่าจะต้องเอื้อมจนสุดมือของตนก็ตาม

         “อีกตั้งห้าปีเลยนะคี...กว่าเราจะได้เจอกันอีกน่ะ”         

        โนอาพึมพำด้วยใบหน้าที่ซึมลง ทว่าคำพูดนั้นกลับทำให้ริวขมวดคิ้วเล็กน้อย

        “ห้าปี...”

        กีรติหันกลับไปมองริวอย่างลำบากใจ ทำให้โนอาเม้มปากชั่วครู่ แล้วจึงตัดสินใจบอกคนตรงหน้าไปตามตรง

        “ตามกฎของตระกูลเรา เจ้าชายรัชทายาทของลาซาจะต้องออกไปใช้ชีวิตนอกประเทศ จนกว่าจะอายุครบ 25 ปี โดยต้องไม่เปิดเผยตัวตนให้ใครได้รู้เด็ดขาด”   

         ริวกับเรนเงียบกริบ และเป็นเรนที่ย้อนถามกลับไปแทน

        “แล้วถ้ามีคนรู้ล่ะครับ”

        โนอาเหลือบมองพี่ชายของเขา ก่อนจะหันไปตอบคำถามของเรน

        “ก็ต้องดูว่าเป็นเรื่องใหญ่ขนาดไหน ถ้าไม่กระจายเป็นข่าวก็ยังอนุโลมได้ แต่ถ้าเป็นข่าวใหญ่โตจนปิดข่าวลำบาก ก็จะให้พาตัวกลับประเทศทันที และอาจจะมีการพิจารณาถึงความเหมาะสมในฐานะรัชทายาทอีกครั้ง ว่าเรื่องที่ความลับเปิดเผยเกี่ยวกับความประมาทเลินเล่อของเจ้าตัวหรือไม่ ...แต่จากเท่าที่ผ่านมาในประวัติศาสตร์ของตระกูลเรา ก็ยังไม่เคยเจอกรณีนี้มาก่อนล่ะนะครับ”

        ริวกับเรนพอฟังแล้วก็ถอนหายใจแผ่วเบาอย่างโล่งอก เพราะพวกเขามั่นใจว่า แม้ทุกคนในหมู่บ้านจะรู้ถึงชาติกำเนิดและฐานะที่แท้จริงของกีรติก็ตาม แต่คงไม่มีใครในที่นี้ จะเอาความลับนั้นไปโพทะนาให้คนนอกหมู่บ้านได้รับรู้จนทำให้กีรติต้องลำบากตามมาอย่างแน่นอน

        “จริง ๆ ผมก็อยากให้ความแตกเป็นข่าวใหญ่ครึกโครมไปเลยล่ะนะ ...แต่ถ้าคีต้องถูกพาตัวกลับแล้วโดนทำโทษ มันก็ไม่ดีเท่าไหร่  อีกอย่างก็อยากช่วยให้คีชนะพนันกับท่านพ่อด้วยนั่นล่ะ”

        “ชนะพนัน?”

        ริวทวนคำอย่างแปลกใจในคำพูดของโนอา ส่วนกีรตินั้นสะกิดไหล่แย้งน้องชายค่อย ๆ

        “ไม่ใช่พนันสักหน่อย สัญญาต่างหาก”

        “ฮึ! มันก็คล้ายกันล่ะครับ จะสัญญาหรือพนัน พลาดขึ้นมาก็ลงเอยแบบเดียวกันไม่ใช่หรือไง”

        โนอาเถียงอย่างไม่ใส่ใจ แล้วจึงหันไปเล่าให้ริวกับเรนฟังต่อ

        “ตามปกติแล้ว แม้ว่ารัชทายาทจะต้องมาใช้ชีวิตอยู่ภายนอกประเทศก็จริง แต่ไม่ใช่มาอยู่ลำบากอย่างที่คีเป็น  ส่วนใหญ่จะใช้ชีวิตในประเทศที่ตนเลือกในลักษณะนักศึกษาแลกเปลี่ยนเหมือนกับเชื้อพระวงศ์คนอื่น ๆ ที่พออายุครบ 18 ก็จะสามารถเลือกทำการศึกษาต่อต่างประเทศได้ เพียงแต่รัชทายาทนั้นจะแตกต่างกันไปสักหน่อยก็คือ จะไม่สามารถกลับประเทศได้จนกว่าจะอายุครบ 25 ปีบริบูรณ์...”

        เล่าถึงตรงนี้โนอาก็เหลือบมองพี่ชายของตนอย่างนึกงอน แล้วจึงเล่าให้ริวกับเรนฟังต่อ โดยไม่สนอาการถอนหายใจของกีรติแม้แต่น้อย

        “แต่คีกลับเลือกจะขอมาใช้ชีวิตอย่างสามัญชน หาเช้ากินค่ำในประเทศไทยนี้แทน โดยจะไม่ขอรับความช่วยเหลือใด ๆ จากลาซาทั้งสิ้น ...แน่นอนว่าเรื่องนี้ทางญาติพี่น้องก็ไม่มีใครเห็นด้วย ยกเว้นท่านพ่อที่ดันตกลงยอมรับเงื่อนไขของคีเสียอย่างนั้น โดยท่านพ่อพนันกับคีไว้... ฮึ! รู้แล้วน่า ยอมเรียกว่าสัญญาก็ได้!”

        โนอาทำเสียงในลำคออย่างไม่สบอารมณ์เล็กน้อยที่ถูกขัดจังหวะ เนื่องจากกีรตินั้นสะกิดเตือนยิก ๆ เพราะอยากจะให้น้องชายเปลี่ยนมาใช้คำพูดให้ถูกต้องสักทีนั่นเอง

         “...ท่านพ่อให้คีสัญญาต่อหน้าทุกคนว่า จะไม่เปิดเผยเรื่องตัวตนที่แท้จริงกับใครเด็ดขาด หากผิดคำสัญญาจนทำให้ท่านพ่อรู้เรื่องเข้า ไม่ว่าจะปิดข่าวได้หรือไม่ก็ตาม คีก็ต้องออกจากประเทศไทยทันทีเหมือนกัน”

         ขาดคำของโนอา เสียงถอนหายใจของกีรติก็ดังขึ้นอีกครั้งหนึ่ง ส่วนริวและเรนก็พากันนิ่งอึ้ง เช่นเดียวกับทุกคนที่ร่วมติดตามรับชมและรับฟังการถ่ายทอดจาก AI ประจำหมู่บ้าน

         “...คนอะไรก็ไม่รู้ มีแต่คนอื่นเขาอยากจะใช้ชีวิตสบาย แต่คีดันอยากจะใช้ชีวิตลำบากตรากตรำแทนเสียอย่างนั้น”

        โนอาบ่นอุบอิบใส่พี่ชายของเขา ทำเอาคนถูกบ่นต้องยิ้มเจื่อน ๆ ให้

        “ก็พี่อยากจะลองไปสัมผัสชีวิตแบบที่ท่านย่าเคยเป็นมาก่อนนี่นา”

        กีรติพึมพำและหวนคิดถึงคนที่เลี้ยงดูเขามาตั้งแต่เด็ก ส่วนริวพอได้ยินดังนั้นก็ย้อนถามกลับไปบ้าง

        “แสดงว่าคุณย่าของคุณเป็นคนไทยหรือกี”

        “ใช่ครับ...ท่านย่าของผมเป็นคนไทยตั้งแต่กำเนิด ท่านมีอาชีพเป็นแม่ค้าขายผลไม้ในตลาดสด และได้พบรักกับท่านปู่ที่เลือกมาใช้ชีวิตเป็นนักศึกษาแลกเปลี่ยนที่เมืองไทย เพราะท่านสนใจในวัฒนธรรมประเพณีของประเทศนี้ที่ค่อนข้างคล้ายกับทางลาซาน่ะครับ”

        กีรติตอบริวพร้อมรอยยิ้มน้อย ๆ ซึ่งโนอาที่ฟังอยู่ก็เสริมตามมา

        “ชื่อกีรติของคี เป็นชื่อแบบไทยที่ท่านย่าตั้งให้...น่าเสียดายที่ท่านเสียก่อนผมจะเกิด ไม่อย่างนั้นผมก็คงมีชื่อไทยกับเขาบ้างเหมือนกัน”

        ริวชะงักเล็กน้อยหลังจากได้ฟัง แล้วจึงเอ่ยกับสองพี่น้องด้วยสีหน้าขรึมลง

        “ขอแสดงความเสียใจด้วยนะครับ”

        โนอาจ้องมองริวชั่วครู่ ก่อนจะพยักหน้ารับรู้ค่อย ๆ เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายนั้นรู้สึกดังเช่นที่พูดจริง ส่วนกีรติไม่ได้รู้สึกเศร้าอะไรมากนัก และกลับส่งยิ้มให้คนรักของเขาแทน   

        “ไม่เป็นไรหรอกครับ เรื่องมันก็นานมามากแล้ว...อีกอย่างผมก็ดีใจมาก ที่ตัดสินใจมาอยู่เมืองไทยนี่ คนไทยน่ารักและมีน้ำใจเหมือนอย่างที่ท่านย่าเล่าให้ฟังไม่มีผิด ...คนไม่ดีก็มีบ้าง แต่โดยรวมแล้วความประทับใจมันมีมากเสียยิ่งกว่าน่ะครับ”

        “แต่ก็ไม่เห็นจำเป็นต้องออกมาจากประเทศตั้งแต่อายุ 15 เลยนี่...ยังดีนะที่คนที่นี่เขาไม่แปลกใจ ว่าทำไมเด็กตัวเล็กนิดเดียวถึงมาอาศัยอยู่ตามลำพังแบบนั้น”

        โนอาบ่นพึมพำขัด ทำให้กีรติหันมายิ้มเจื่อน ๆ ให้กับน้องชาย ส่วนเรนนั้นหันมาเอ่ยถามกีรติอย่างนึกสงสัยบางอย่าง

        “แล้วเรื่องค่าใช้จ่ายเบื้องต้น เรื่องที่อยู่อาศัย กับเรื่องเอกสารสิทธิ์ต่าง ๆ ล่ะครับ คุณจัดการเรื่องพวกนี้ด้วยตัวคนเดียวยังไงหรือครับ”

        กีรติหันมามองเรน ก่อนจะยิ้มน้อย ๆ แล้วตอบกลับไปตามตรง

        “จริง ๆ ก็ได้ท่านพ่อแอบช่วยน่ะครับ ท่านพ่อฝากฝังเพื่อนของท่านที่ไทยจัดการเรื่องสำคัญเบื้องต้นให้ทุกอย่าง พอผ่านไปสักเดือนสองเดือน ก็เริ่มปรับตัวได้ จนกระทั่งหางานรับจ้างเล็ก ๆ น้อย ๆ ได้เอง ก็โดนปล่อยเกาะอย่างสมบูรณ์แบบเลยล่ะครับ”

        ขาดคำของกีรติโนอาก็หันขวับมาทางพี่ชายพร้อมกับโพล่งขึ้นด้วยสีหน้าประหลาดใจ

        “อะไรกัน! ไม่เห็นท่านพ่อจะเคยบอกเลย! ขนาดโดนผมโวยวายใส่ตอนนั้น ท่านก็ได้แต่เงียบไม่ยอมโต้ตอบสักนิด ทำเอาผมงอนไม่ยอมพูดกับท่านเป็นเป็นเดือน ๆ  ฮึ...นี่ถ้ารู้แต่แรก ผมก็คงไม่พูดจาไม่ดีใส่ท่านพ่อแบบนั้นหรอก”

        ท้ายประโยคเจ้าตัวลดเสียงและมีสีหน้าสลดลงอย่างรู้สึกผิด ทำให้ผู้เป็นพี่เอื้อมมือไปลูบศีรษะน้องชายปลอบโยนอีกครั้งด้วยความเอ็นดู

        “ท่านพ่อคงเข้าใจน้องดีอยู่แล้วล่ะโนอา และที่ไม่ยอมบอกกับน้องเพราะท่านเป็นเพียงคนเดียวที่เห็นด้วยกับความเอาแต่ใจของพี่  ขืนปล่อยให้น้องรู้ว่าตัวท่านมีส่วนช่วยพี่แบบนี้ ก็อาจจะโดนน้องบ่นได้ว่า ท่านก็ไม่น่ายอมรับข้อเสนอของพี่ตั้งแต่แรกก็สิ้นเรื่องเสียมากกว่า”

        โนอาพยักหน้าหงึกหงักแล้วจึงมีสีหน้าดีขึ้นมากกว่าเดิม และนั่นจึงทำให้ริวกับเรนที่มองอยู่แอบลอบยิ้ม โดยเฉพาะริวนั้นถึงกับคิดว่า บางทีเขาคงจะต้องศึกษาการวางตัวเป็นพี่ชายที่ดีมาจากกีรติเสียบ้างแล้ว



... TBC ...

เห็นหลายคนจับโนอาจิ้นกับเรน ...... จึงมาแจ้งไว้ดับฝันว่า คู่นี้ไม่ได้คู่กันแน่ค่ะ ส่วนเหตุผลเพราะอะไร เดี๋ยวรออ่านได้ตอนหลัง ๆ ค่ะ ^^


ออฟไลน์ Xenon

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 705
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +482/-4
บทที่ 22
เหงา



          หลังจากได้พูดคุยถึงเรื่องราวในอดีตก่อนจะมาเมืองไทยของกีรติ รวมไปถึงการแลกเปลี่ยนชีวิตความเป็นอยู่ของสองพี่น้องแห่งลาซากันได้สักพัก เสียงท้องร้องของโนอาที่ดังขึ้น ก็ทำให้การสนทนาหยุดชะงัก และเรนจึงชักชวนให้ทุกคนทานมื้อกลางวันที่เตรียมไว้ร่วมกันที่นี่เสียเลย

        “ผมถนัดทำแต่อาหารง่าย ๆ อาจจะไม่ค่อยถูกปากนัก  ถ้าไม่ชอบก็บอกได้นะครับ”

        เรนบอกกับโนอาและกีรติ ซึ่งสองพี่น้องก็ยิ้มตอบ โดยเฉพาะโนอานั้นหลังจากที่ได้สนทนากับทั้งริวและเรนมาสักพัก ประกอบกับความชื่นชมและสนใจในเรื่องลี้ลับเหนือธรรมชาติที่มี ก็ทำให้เด็กหนุ่มเริ่มที่จะลดอคติส่วนตัวลงไปได้ในที่สุด

        “ไม่เลยครับ อร่อยมาก ๆ ได้รสชาติดั้งเดิมทีเดียว ตอนผมไปกินอาหารตามร้านอาหารญี่ปุ่นในอเมริกาที่มีเชฟจากญี่ปุ่นปรุงเอง ก็รสอร่อยราว ๆ นี้ล่ะครับ”

        คำชมของโนอา ทำให้กีรตินั้นอมยิ้มน้อย ๆ อย่างพึงพอใจ ที่เห็นน้องชายเริ่มปรับตัวยอมรับคนอื่น ๆ รอบตัวเขาได้อย่างเป็นธรรมชาติมากขึ้น

        “ขอบคุณครับ แต่จริง ๆ แล้วผมยังสู้พี่ริวไม่ได้หรอกครับ...สำหรับฝีมือของพี่ริว ถามคุณกีรติดูน่าจะได้คำตอบแน่ชัดกว่านะครับ”

        คำพูดของเรนทำให้กีรติกับริวสะดุ้งโหยง ส่วนโนอานั้นหันขวับไปมองทั้งคู่สลับไปมาด้วยความหวงพี่ชายอีกครั้ง  ทางด้านชิโระที่ริวยอมปลดผนึกอาคมให้แล้ว ก็เงยหน้าจากชามเต้าหู้ทอดของโปรดของตน แล้วเอ่ยถามขึ้นบ้าง   

        “หือ...เรนก็หวงริวเหมือนกันหรือ  เอ...จะว่าไป โนอาเองก็หวงพี่ชายน่าดูเลยนี่นะ”

        คำถามนั้นทำให้มนุษย์แต่ละคนที่ร่วมโต๊ะอยู่ต่างเงียบกริบ โดยเฉพาะริวถึงกับเขม่นมองมายังสัตว์อสูรของเขานิ่ง และเกิดนึกอยากจะใช้อาคมผนึกเสียงพูดของอีกฝ่ายไปตลอดกาลเลยทีเดียว

        “เรนเขาจะหวงริวไปทำไม ในเมื่อเรนเป็นผู้ใหญ่และแยกแยะได้แล้วว่า ถึงพี่ชายจะมีคนรัก แต่ก็ใช่ว่าจะละความสำคัญของความเป็นพี่น้องเสียเลยเมื่อไหร่ ... อีกอย่างฉันก็ไม่เห็นว่าโนอาเขาจะหวงพี่ชายของเขาจนเกินไปตรงไหน ปกติคนที่เป็นน้องก็มักจะเป็นแบบนี้ไม่ใช่หรือไง”

        คุไรที่ไม่ได้ร่วมวงกินข้าวกลางวันกับคนอื่นเปรยขัดขึ้นด้วยสีหน้าที่บ่งบอกว่าไม่ได้เสแสร้งแกล้งพูดเพื่อเปลี่ยนบรรยากาศแต่อย่างใด และแสดงให้เห็นว่าเจ้าตัวนั้นคิดอย่างที่พูดมาจริง ๆ

        “อะ...อืม ก็นั่นสินะ น้องชายบ้านอื่น ส่วนใหญ่เขาก็เป็นราว ๆ นี้นั่นล่ะเนอะ...ใช่ไหมครับคุณเรน”

         โนอาที่เริ่มร้อนตัวเกรงว่าจะถูกมองเป็นเด็กติดพี่รีบหาผู้สนับสนุน ซึ่งเรนก็ยิ้มเจื่อนแล้วพยักหน้าเห็นด้วย ส่วนริวก็ลอบถอนหายใจก่อนจะช่วยเสริมตามมา

        “ชิโระก็แบบนี้ล่ะครับ เขาชอบเข้าใจผิดอะไรง่าย ๆ ผมว่าพวกเราอย่าไปใส่ใจเลย กินกันต่อเถอะครับ”

        แต่ละคนต่างพยักหน้าหงึกหงักคนละที แล้วลงมือกินข้าวกลางวันกันต่อด้วยความเงียบ ทำเอาชิโระต้องค้อนขวับยกใหญ่ด้วยความหมั่นไส้ เพราะเขามองออกทะลุปรุโปร่งดีว่า โนอานั้นเป็นพวกหวงพี่ชายเกินเหตุ ส่วนเรนก็ใช่ย่อย หากแต่เรนไม่แสดงออกมากเท่าโนอานัก ชายหนุ่มเลือกที่จะพูดประชดแหย่เป็นระยะให้ริวกับกีรติลำบากใจเล่นเพียงแค่นั้น  แต่ที่ดูเหมือนจะไม่ค่อยเข้าใจอะไรก็คงจะเป็นงูยักษ์ตนเดียวนี่ล่ะ   

         แต่ถึงกระนั้น ชิโระก็ไม่ค่อยจะแปลกใจเท่าใดนัก เพราะคุไรเป็นพวกสนใจแต่คำสั่งของผู้เป็นนายอย่างเดียวเท่านั้น น้อยครั้งที่ปีศาจงูจะแสดงถึงความสนใจเรื่องความเป็นไปในทางโลกให้เห็น ดังนั้นเจ้าตัวจึงอาจจะเข้าใจไปเองว่า การแสดงถึงความเป็นห่วงและติดพี่ชายมากเกินไป เป็นเรื่องธรรมดาที่คนเป็นน้องชายทำกัน เนื่องจากยึดเอาตัวเรนเป็นหลักนั่นเอง



        เมื่อทานมื้อกลางวันเรียบร้อยแล้ว กีรติก็ชวนโนอาไปเดินเยี่ยมชมหมู่บ้านตามสัญญา โดยที่สองพี่น้องยูกิมูระและสัตว์อสูรรับใช้ก็อาสาตามไปด้วยเช่นกัน และนอกจากริวที่เป็นห่วงว่าพวกชาวหมู่บ้านจะทำการเปิดตัวต้อนรับโนอาอย่างเอิกเกริกแล้ว เรนที่ตามมาก็เห็นเพียงว่านี่เป็นการเดินผ่อนคลายย่อยอาหาร ส่วนชิโระนั้นนึกสนุกอยากเห็นสิ่งที่ริวกังวลให้เกิดขึ้นจริง ๆ และคุไรก็แค่ไม่อยากอยู่เฝ้าบ้านเพียงลำพังเท่านั้นเอง

        “นอกจากพวกคุณริวกับคุณเรนที่เป็นนักพรตองเมียวแล้ว ยังมีพวกที่ประหลาดกว่านี้อีกไหมคี”

        โนอาเอ่ยถามพี่ชายอย่างสนใจ ทำให้กีรติขมวดคิ้วแล้วจึงแก้คำพูดของอีกฝ่ายเสียใหม่

         “อย่าเรียกว่าประหลาดสิ มันฟังไม่ดีเลย พวกเขาไม่ใช่ของโชว์หรือแปลกแยกจากพวกเรานะ พวกเขาก็เป็นมนุษย์...เอ่อ พี่หมายถึงเป็นเผ่าพันธุ์อีกรูปแบบหนึ่งในโลกนี้ เหมือนกับมนุษย์เรานั่นล่ะ เพียงแต่ต่างเผ่าออกไป ก็จะมีลักษณะแตกต่างกัน ก็เหมือนพวกเชื้อชาตินั่นล่ะ ถ้าต่างเชื้อชาติรูปลักษณ์ก็จะแตกต่างกันไปจริงไหม”

        โนอาพยักหน้าหงึกหงักแล้วพึมพำขอโทษพี่ชายแผ่วเบา ส่วนริวนั้นอมยิ้มน้อย ๆ เมื่อเห็นกีรติสั่งสอนน้องชายด้วยถ้อยคำที่ถ้าหากคนในหมู่บ้านนี้มาได้ยินเข้า ก็คงจะดีใจกันไม่น้อยทีเดียว

        “แสดงว่าคนหมู่บ้านนี้ส่วนใหญ่ก็ไม่ใช่มนุษย์สินะ”

        โนอาสรุปตรงประเด็นซึ่งกีรติก็ชะงักเล็กน้อย แต่เมื่อนึกถึงนิสัยน้องชายแล้ว เขาก็ยิ้มตามมา

        “อืม...ใช่ แต่เป็นความลับนะ ห้ามบอกใคร สัญญากับพี่ได้ไหม”

        โนอาขมวดคิ้วยุ่ง จริง ๆ เขาอยากนำเรื่องพวกริวไปเล่าอวดเพื่อนซึ่งชอบการ์ตูนญี่ปุ่นด้วยกันที่อเมริกาในช่วงเปิดเทอมที่จะมาถึง แต่หากพี่ชายขอร้องแบบนี้ เขาก็คงจะปฏิเสธลำบาก

        “ก็ได้ครับ...”

        “ดีมาก เด็กดี”

        กีรติบอกพลางเอื้อมมือไปลูบศีรษะอีกฝ่าย ซึ่งโนอาก็ก้มลงมาให้พี่ชายลูบศีรษะง่าย ๆ อย่างไม่เกี่ยงงอน แถมดูเหมือนจะชอบเป็นพิเศษอีกด้วย

        “เอ่อ...นี่คี ปีนี้ผมก็ 16 แล้วนะ”

        โนอาเปรยกับพี่ชายเบา ๆ หลังจากกีรติลดมือลง เพราะถึงแม้จะชอบให้อีกฝ่ายทำแบบนั้น แต่เด็กหนุ่มก็ไม่อยากให้กีรติเรียกตนว่าเด็กอยู่ดี

        “หือ? เพิ่ง 16 เองหรือ ไหนโนอาบอกว่าเรียนมหาวิทยาลัยปี  3 แล้วไม่ใช่หรือไง”

        ชิโระถามด้วยความแปลกใจ เพราะเท่าที่รู้มาส่วนใหญ่คนเรียนมหาวิทยาลัยน่าจะอายุราว 18 ปีขึ้นไป ส่วนริวกับเรนนั้นยิ่งอึ้งเข้าไปใหญ่ เพราะทีแรกที่ฟังว่าเจ้าตัวกำลังศึกษาอยู่มหาวิทยาลัยชั้นปีที่ 3 เขาก็ว่าโนอานั้นเรียนเร็วกว่าคนธรรมดาทั่วไปอยู่แล้ว เพราะยังไงเด็กหนุ่มซึ่งเป็นน้องชายของกีรติที่อายุ 20 ปี ก็คงไม่มีทางที่จะอายุเกิน 20 เป็นแน่ อีกอย่างถ้าไม่นับส่วนสูงที่โตเกินวัยไปหน่อยนั่น เจ้าตัวก็หน้าตายังอ่อนเยาว์อยู่ ถึงจะหน้าไม่เด็กได้เทียบเท่าขนาดกีรติก็ตามที

        “ของผมน่ะถือว่าธรรมดานะ ยังสู้คีไม่ได้หรอก ก่อนจะออกจากประเทศตอนอายุ 15 คีก็สอบวัดระดับความรู้ขั้นพื้นฐานของปริญญาตรีผ่านหมดทุกวิชา ขนาดโปรเฟรสเซอร์ที่ทางวังเชิญมาสอนให้คี ยังนึกเสียดายไม่หายที่คีไม่ยอมเรียนต่อ ไม่อย่างนั้นป่านนี้ก็ได้จบดอกเตอร์ตั้งแต่อายุยังไม่ถึง 20 แล้วล่ะ”

        คนอื่น ๆ หันมามองกีรติด้วยสายตาที่ทึ่งกว่าเดิม เพราะตอนที่เห็นชายหนุ่มพูดได้หลายภาษาครั้งก่อน พวกเขาก็ว่าประหลาดใจแล้ว พอมาได้ยินแบบนี้ก็ยิ่งตอกย้ำว่าอีกฝ่ายนั้นเป็นอัจฉริยะตัวจริงเสียงจริง

        “ก็แค่ความจำดีกว่าคนอื่นเท่านั้นเอง อีกอย่างถ้าใครมีความจำดีเหมือนกับพี่ ก็สามารถท่องจำตำราพวกนั้นได้เหมือนกันนั่นล่ะ ไม่ใช่เรื่องน่ายกย่องอะไรสักนิด”

        กีรติแย้งน้องชายกลับไปอย่างไม่ใส่ใจเรื่องที่อีกฝ่ายพูดนัก ทำเอาแต่ละคนยกเว้นโนอา ถึงกับมองคนพูดตาปริบ ๆ

        “คีก็แบบนี้ทุกทีนั่นล่ะ ถึงคีจะบอกว่าธรรมดายังไง แต่ก็ใช่ว่าจะมีคนความจำดีเหมือนคีเยอะแยะนี่นา ...อีกอย่างมาอยู่เมืองไทย ก็เรียนต่อมหาวิทยาลัยไปด้วย ทำงานไปด้วยก็ได้นี่  แต่คีเล่นทำงานหาเช้ากินค่ำอย่างเดียวเลยไม่ใช่หรือไง น่าเสียดายออก”

        โนอาบ่นตามมาอย่างนึกเสียดายแทนพี่ชายไม่หาย เพราะก่อนหน้าที่นั่งคุยกันในบ้านของริวนั้น กีรติได้เล่าถึงชีวิตความเป็นอยู่ในช่วงห้าปีที่ผ่านมาให้เขาฟังคร่าว ๆ  ซึ่งก็มีแต่เรื่องชีวิตการทำงานแทบทั้งนั้น แถมงานแต่ละงานก็เป็นงานเงินเดือนน้อยแต่งานหนักด้วยกันทั้งสิ้น ที่เป็นเช่นนี้เพราะอายุของกีรติยังอยู่ในช่วงวัยเรียนนั่นเอง จึงไม่สามารถเลือกงานเงินเดือนดี ๆ ได้ นอกจากนั้นกีรติเองก็ยังปิดบังความสามารถพิเศษของตนไม่ให้ใครได้รู้อีกต่างหาก

        “ไม่เห็นน่าเสียดายเลย...สำหรับพี่แล้วความรู้ในตำราน่ะจะศึกษาเพิ่มเติมตอนไหนก็ได้ แต่ประสบการณ์ชีวิตที่ผ่านมานี่สิ ไม่ใช่เรื่องที่จะทำกันได้ง่าย ๆ นะ ...ถึงแม้จะลำบากและเหนื่อยขนาดไหน แต่พี่ก็ภูมิใจที่สามารถมีเงินเก็บจากน้ำพักน้ำแรงของพี่เองได้  ถึงมันจะไม่มากมายเหมือนสมบัติที่บ้านเรามีอยู่  แต่สำหรับพี่แล้วค่าของมันไม่ได้อยู่ที่จำนวนเงิน ...เพราะถึงจะมีเงินมากมายเพียงใด แต่ก็ไม่สามารถซื้อรอยยิ้ม มิตรภาพ และความทรงจำอันแสนสุข จากบรรดาผู้คนที่พี่ได้รู้จักใกล้ชิด ตลอดระยะเวลาห้าปีนั่นได้หรอก”

        โนอานิ่งเงียบรับฟัง ก่อนจะถอนหายใจยาวตามมา แล้วจึงส่งยิ้มอ่อนโยนให้กับพี่ชายของเขา

        “ถึงจะผ่านมาห้าปีแล้วก็ตาม แต่ผมก็ยังสู้คีไม่ได้อยู่ดี ทั้งความคิดและการกระทำ คีอยู่เหนือผมตลอดเสมอเลยนะ”

        แม้คำพูดจะเหมือนน้อยใจ แต่น้ำเสียงและสีหน้าของเด็กหนุ่มบ่งบอกถึงความภาคภูมิใจในตัวของพี่ชายคนนี้เป็นอย่างมาก และนั่นจึงทำให้เรนที่ฟังอยู่เหลือบมองพี่ชายซึ่งยืนอยู่ข้าง ๆ ก่อนจะลอบอมยิ้มน้อย ๆ เพราะสำหรับตัวเขาเองถึงอาจจะเคยอิจฉาในความสามารถของริวอยู่บ้าง ทว่าความเคารพรักชื่นชมในตัวริวที่เขามี มันก็มากมายเหนือกว่าความอิจฉาหลายเท่านัก

        “ไม่หรอกน่าโนอา! อย่างน้อยเรื่องส่วนสูง นายก็ชนะกีรติเขาขาดลอยเลยนะ!”

        เสียงโพล่งของชิโระที่ดังขึ้น ขัดจังหวะบรรยากาศชวนซาบซึ้งระหว่างพี่น้องได้ชะงัด สายตาทุกคู่หันขวับมาจ้องจิ้งจอกขาวตัวจ้อยแทบจะพร้อมกัน และก็เป็นโนอาที่ขมวดคิ้วยุ่ง ก่อนจะหันมาหากีรติอีกครั้ง

        “นั่นสิ...คีไม่สูงขึ้นสักเท่าไรเลยนะ  อืม...จะว่าไป เอวานี่ก็สูงพอ ๆ กับคีได้แล้วนะเนี่ย”

        “เอวา?”

        ริวพึมพำทวนคำเพราะไม่เคยได้ยินชื่อนี้จากปากของทั้งคู่มาก่อน

        “ชื่อน้องสาวคนเล็กของผมเองน่ะครับ ตอนผมออกจากบ้านมาเธอเพิ่งจะ 8 ขวบเท่านั้นเอง”

        “ว่าแต่น้องสาวของพวกคุณเป็นคนยังไงครับ หน้าตาเหมือนกับคุณกีรติไหม”

        เรนหันไปถามโนอาบ้าง เพราะดูจากรูปลักษณ์ภายนอกแล้ว กีรติกับโนอาก็ไม่ค่อยจะเหมือนพี่น้องกันสักเท่าใดนัก

        “หือ...เอวากับคีน่ะหรือ ไม่เหมือนหรอก รายนั้นน่ะเหมือนท่านแม่ ส่วนผมก็เหมือนท่านพ่อยังไงล่ะ”

        โนอาตอบกลับไปตามตรง ซึ่งคำตอบนั้นก็ทำให้ทุกคนประหลาดใจไปตาม ๆ กัน

        “ตัวผมดันไปเหมือนท่านย่าน่ะครับ...ทั้งสีผม สีตา เอ่อ...และดูเหมือนน่าจะรวมไปถึงส่วนสูงด้วยล่ะมั้งครับ”

        กีรติอธิบายแทนน้องชายอย่างไม่เต็มเสียงนัก และนั่นจึงทำให้ทั้งริวและเรนกระจ่างในเรื่องที่รูปลักษณ์ภายนอกของโนอากับกีรติไม่เหมือนกัน แต่ถึงอย่างนั้นคิ้วเรียวได้รูปทรงและขนตายาวหนาเป็นแพของทั้งคู่ก็ค่อนข้างคล้ายกันอยู่มากทีเดียว

        “งั้นก็แสดงว่า คุณพ่อของพวกคุณก็คล้ายกับทางคุณปู่สินะครับ”

        เรนหันมาถามกีรติ เพื่อให้อีกฝ่ายผ่อนคลายความกังวลเรื่องส่วนสูงที่โดนตอกย้ำถึงอยู่บ่อย ๆ

        “ใช่ครับ...ทั้งท่านพ่อ และท่านอาไรอัน เหมือนท่านปู่ทั้งคู่ พอผมเกิดมาท่านย่าเลยดีใจมาก ที่หลานชายคล้ายกับท่านบ้างน่ะครับ”

        กีรติบอกพร้อมรอยยิ้มเปี่ยมสุขเมื่อเอ่ยถึงย่าที่เลี้ยงเขามาตั้งแต่เด็ก และเป็นคนสอนภาษาไทยรวมถึงเล่าเรื่องราวสมัยอยู่เมืองไทยให้ฟังเสมอ จนเขาตัดสินใจว่าจะต้องมาอาศัยอยู่ในเมืองไทย และดำเนินชีวิตในแบบที่ย่าของเขาเคยสัมผัสให้ได้ในสักวันหนึ่ง         

        “จะว่าไป ที่ผมมาไทยนี่ไม่ได้บอกกับเอวาเลยนะ ว่าจะแอบมาหาคี นี่ถ้ารู้ทีหลังสงสัยคงจะรีบแจ้นตามมาเลยมั้ง ...เด็กนั่นติดคีออกจะตาย”

        คนอื่น ๆ ยกเว้นกีรติและคุไร ต่างหันไปมองโนอาเป็นตาเดียว พลางคิดในใจว่าคนพูดเองก็ทำตัวติดพี่ไม่แตกต่างกันนักหรอก

        ทางด้านกีรติพอได้ฟังที่โนอาพูดเรื่องน้องสาวอีกครั้ง เขาก็นึกถึงเรื่องที่น้องชายบอกให้ฟังก่อนหน้านั้น แล้วจึงหลุดพึมพำถึงน้องสาวคนเล็กในความทรงจำของเขา ด้วยใบหน้าที่ซึมเศร้าลงเล็กน้อย   

        “เอวา...เด็กที่เหมือนตุ๊กตาคนนั้น ตอนนี้กลับตัวสูงเท่าเราแล้วอย่างนั้นหรือ...”

        “ถ้าคิดถึงก็โทรไปหาสิครับ แค่โทรกลับบ้านคุยกับคนในครอบครัว มันคงไม่ผิดกฎอะไรไม่ใช่หรือ"

        ริวที่ได้ยินคำพูดพึมพำนั่น บอกกับอีกฝ่ายอย่างเห็นใจ ทำเอากีรติถึงกับชะงักและมีทีท่าลังเลพอสมควร ซึ่งพอโนอาได้เห็นพี่ชายเป็นเช่นนั้น เด็กหนุ่มจึงตัดพ้อออกมาบ้างอย่างน้อยใจ

        “...จริง ๆ ท่านพ่อก็ไม่ได้ห้ามเรื่องโทรกลับมาประเทศจริงจังสักหน่อย ท่านพูดแค่ว่าหากไม่จำเป็นก็ไม่ต้องโทรกลับประเทศมาบ่อยนักต่างหาก แต่คีเองนั่นล่ะที่ใจร้าย ไม่ยอมติดต่อกลับมาเลยสักครั้ง ...นี่ผมก็เพิ่งจะรู้จากท่านอาไรอันก่อนมานี่ล่ะ ว่าท่านอาเอาโทรศัพท์ของท่านให้คีไว้ เผื่อติดต่อเรื่องฉุกเฉิน... ถ้าผมรู้เบอร์คีแต่แรก ป่านนี้ก็เป็นฝ่ายโทรไปหาเองแทนแล้ว ...เพราะขืนรอให้คีโทรมาเอง ก็คงต้องรอเก้ออยู่ดี”

        กีรตินิ่งเงียบรับฟังน้องชายของตนตัดพ้อต่อว่า แล้วจึงมีสีหน้าซึมเศร้าลง ก่อนจะสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อริวเดินมาจับบ่าของเขาบีบเบา ๆ

        “มีเหตุจำเป็นอะไรหรือครับกี ที่ทำให้ไม่กล้าโทรกลับไปหาครอบครัวแบบนั้น”

        เพราะมั่นใจว่ากีรตินั้นรักครอบครัวมาก ยิ่งดูจากที่โนอาแสดงออกกับกีรติก็ยิ่งยืนยันความคิดของเขาได้เป็นอย่างดี  ริวจึงเชื่อว่าที่กีรติไม่เลือกที่จะติดต่อกับทางครอบครัวเลยสักครั้ง มันต้องมีเหตุผลบางอย่างแอบแฝงอยู่แน่

        “คุณริว...”

        กีรติหันมามองหน้าคนรักของเขา และเมื่อได้เห็นรอยยิ้มอ่อนโยนของอีกฝ่าย ก็ทำให้เขาหลุบตาลง แล้วจึงตัดสินใจสารภาพความจริงออกไปในที่สุด

        “จริง ๆ แล้วที่พี่ไม่โทรกลับไป...เพราะพี่กลัวน่ะ”

        โนอาชะงักกับคำตอบนั้น แล้วจึงย้อนถามกลับไปอย่างงุนงง

        “กลัว? คีกลัวอะไรอย่างนั้นหรือ”

        กีรติเงยหน้าจ้องน้องชายแล้วยิ้มเศร้า ๆ ให้กับอีกฝ่าย

        “ก็ถ้าโนอาหรือเอวา ใครคนใดคนหนึ่ง เกิดขอร้องให้พี่กลับบ้านขึ้นมา...พี่ก็คงจะได้ผิดสัญญากับท่านพ่อน่ะสิ”

        โนอานิ่งอึ้งพูดอะไรไม่ออก เพราะเขานั้นหลงคิดว่า ตลอดเวลาห้าปีที่กีรติไม่ยอมติดต่อมา คงเป็นเพราะอีกฝ่ายสนุกกับชีวิตนอกประเทศ จนลืมน้องชายอย่างเขาไปเสียแล้ว

        “จริง ๆ แล้วพี่คิดถึงทุกคนที่ลาซาเสมอ... ถึงพี่จะเหงาที่ต้องมาอยู่คนเดียวตามลำพัง แต่ในเมื่อพี่เป็นคนเลือกทางนี้เอง จะให้แสดงความอ่อนแอออกไปก็คงไม่ดีนัก ...  แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ หากพี่โทรกลับไปบ้าน แล้วมีใครสักคนขอร้องให้พี่กลับไป ...พี่ก็คงจะทนเหงาต่อไปอีกไม่ไหว และคงจะตัดสินใจรีบกลับไปหาทุกคนเสียเดี๋ยวนั้นเป็นแน่...”

        คนที่รับฟังต่างพากันเงียบกริบต่อคำสารภาพจากใจของอีกฝ่าย โดยเฉพาะริวนั้นเพิ่งจะเคยได้เห็นตัวตนอีกด้านของคนรักที่มักจะมีรอยยิ้มให้เขาได้เห็นอยู่เสมอ จนตัวเขาเผลอลืมไปว่า การที่กีรติต้องอยู่ตัวคนเดียวมาตลอดลำพังห้าปีเช่นนั้น มันจะเหงามากสักเพียงใด  ขนาดตัวเขาที่เลือกตัดขาดทิ้งญาติพี่น้องเอาไว้เบื้องหลังและมาอยู่ที่นี่ ในบางครั้งเองก็ยังรู้สึกเหงาขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ ถึงแม้จะมีชิโระอยู่เป็นเพื่อนด้วยก็ตาม

         “จริง ๆ แล้วไม่อยากให้น้องรู้เรื่องนี้เลยนะโนอา...”

        กีรติพึมพำขึ้นแผ่วเบา หลังจากที่ต่างฝ่ายต่างเงียบกันมาได้สักพักหนึ่ง

        “ไม่อยากให้ผมรู้? ...ทำไมล่ะคี”

        โนอาตั้งคำถามอย่างแปลกใจ และก็ต้องนิ่งอึ้งตามมาเมื่อเห็นพี่ชายยิ้มเศร้า ๆ ให้เขา

        “ก็น้องมักจะเห็นว่าพี่เข้มแข็ง และเป็นผู้นำมาเสมอไม่ใช่หรือ... พี่กลัวโนอาจะผิดหวัง หากรู้ว่าจริง ๆ แล้ว พี่เป็นคนอ่อนแอขนาดนี้น่ะ”

        โนอาเม้มปากกัดฟันอยู่ครู่หนึ่งคล้ายกับพยายามอดทนบางสิ่ง แต่แล้วสุดท้ายเขาก็ตัดสินใจโผเข้ากอดร่างเล็กตรงหน้าเต็มแรง จนกีรติแทบจะเซล้ม เคราะห์ดีที่ริวไหวตัวทันและช่วยรับอีกฝ่ายเอาไว้เสียก่อน ทว่าโนอาก็ไม่ได้สนใจทั้งคู่ เด็กหนุ่มกอดพี่ชายแน่นพร้อมกับโพล่งใส่ด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ

        “คีบ้า! บ้าที่สุด! การที่เหงาเพราะต้องอยู่คนเดียว มันก็เป็นเรื่องธรรมดาไม่ใช่หรือไง! มันเกี่ยวกับเรื่องอ่อนแออะไรตรงไหนกัน!”

        ทีแรกกีรตินั้นรู้สึกตกใจที่ถูกโผเข้ากอด แต่พอน้องชายตะโกนใส่เขาด้วยน้ำเสียงที่เหมือนจะร้องไห้แบบนั้น ชายหนุ่มจึงค่อย ๆ เอื้อมมือไปลูบหลังอีกฝ่ายปลอบโยนอย่างแผ่วเบา จนโนอาเริ่มที่จะควบคุมอารมณ์ของตนเองได้บ้าง

        “...สำหรับผมน่ะ ต่อให้คีทนเหงาไม่ไหว แล้วกลับมาที่ลาซาก่อนครบกำหนดสัญญาก็ตาม ...แต่ถึงยังไงคีก็ยังคงเป็นพี่ชายที่เข้มแข็ง และเป็นฮีโร่อันดับหนึ่งของผมอยู่ดีล่ะนะ...”

        โนอาพึมพำแล้วจึงคลายอ้อมกอดของเขา พลางขยับกายออกมาเผชิญหน้ากับพี่ชาย ด้วยแววตามุ่งมั่นจริงจังดังเช่นคำพูดต่อจากนี้

          “...คีน่ะเข้มแข็งที่สุด ตั้งแต่ตอนที่คีกล้ายืนกรานต่อหน้าท่านพ่อว่าจะมาอยู่เมืองไทยเพียงลำพังให้ได้นั่นแล้วล่ะ”

        กีรตินิ่งอึ้งแล้วจึงหลุดยิ้มอ่อนโยนตอบรับผู้เป็นน้องชาย ซึ่งโนอาพอเห็นพี่ชายของตนยิ้มออก เขาจึงมีรอยยิ้มขึ้นบ้าง จากนั้นสักพักเจ้าตัวก็เอ่ยขึ้นตามมาด้วยน้ำเสียงติดขัดเล็กน้อย

        “เอ่อ...แล้วหลังจากนี้ ...คีจะโทรมาหาผมบางครั้งบ้างได้ไหม... อ้อ! รับรองเลยนะ ว่าผมจะไม่อ้อนขอให้คีกลับมาอยู่ด้วยกันจนทำให้คีลำบากใจแน่!”

        ท้ายประโยคโนอารีบยืนยันด้วยน้ำเสียงหนักแน่น จนกีรติถึงกับหลุดหัวเราะในลำคอด้วยความเอ็นดู จากนั้นชายหนุ่มจึงพยักหน้าและตอบรับกลับไป

        “ก็ได้ ...แล้วพี่จะหาเวลาโทรไปคุยกับน้องบ่อย ๆ นะ”

        โนอาเบิกตากว้างแล้วพุ่งเข้ากอดคนตัวเล็กกว่าตนแน่นอีกครั้งด้วยความดีใจ แต่กีรติเหมือนจะรู้ตัวก่อนแล้วว่าจะเจอกับเหตุการณ์เช่นนี้ เขาจึงยืนปักหลักรับการโผกอดนั่นอย่างมั่นคงกว่าครั้งที่แล้ว จนริวที่เตรียมจะรอประคองต้องแอบยื่นมือค้างไปเล็กน้อย ก่อนจะทำเป็นเก๊กเฉยตามมาโดยไว แต่ถึงกระนั้นก็ยังตวัดสายตาดุไปมองชิโระที่หลุดเสียงหัวเราะออกมาเบา ๆ จนสัตว์อสูรถึงกับสะดุ้งเฮือก แล้วแสร้งทำเป็นเมินมองไปทางอื่น โดยไม่คิดพูดแซวเจ้านายอย่างที่เคยนึกไว้แม้แต่คำเดียว



... TBC ...

แต่งตอนหลัง ๆ นี่แอบบิวส์อารมณ์ด้วยเพลงประเภทแนวคู่ไม่ควร พลัดพราก อะไรราว ๆ นี้ ... อืม ได้อารมณ์ขึ้นเยอะ ฮ่าๆ  ...แต่เรื่องนี้จบแฮปปี้นะเอ้อ  (บอกไว้ก่อน เดี๋ยวจะโดนนักอ่านเขวี้ยงหมอนใส่ อิ ๆ)

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 04-10-2013 19:23:13 โดย Xenon »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Palmpalm

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 669
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4
โนอาน่ารักดีค่ะ

ออฟไลน์ beamintron

  • บีมๆ BMs / l3eamRessT
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 117
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0
น่ารักจังเลยยย โนอาติดพี่แจเลยสินะ

ชอบคู่แฟนทอม :oo1:

 สุดๆเลย ติดตามจ้า

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
เด็กติดพี่สองคนไม่ได้คู่กันหรอ เสียดาย 5555

ออฟไลน์ Chichi Yuki

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1584
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +94/-3
โนอานี่ก็น่ารักไม่แพ้กับกีเลยนะเนี่ย
สรุปในบรรดาพี่น้องกีตัวเตี้ยสุดใช่ไหมเนี่ย 55+
ทีนี้ก็ลองมาตามลุ้นดูว่าใครจะคู่กับใคร
กระซิบ//แอบจิ้นคุณอาของกีกับเพื่อนสนิทญี่ปุ่นคนที่ช่วยเหลือริวกับเรน อิอิ

เกเร

  • บุคคลทั่วไป
น้องชายกีน่ารักน่ากด อ๊ากกกกก  :z1:

ออฟไลน์ inspirer_bear

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2003
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +206/-5
โนอาเนี้ยยย น่ารักเนอะ หุหุ คุณริวก็น่ารักก

ออฟไลน์ MiSS-U

  • {^o^} {^3^}
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4168
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2800/-11
รับรู้ได้ถึงความรักความอบอุ่นของพี่น้องเลยล่ะ  :กอด1:

รออ่านตอนต่อไปค่า

บวกเป็ด

 :pig4:

ออฟไลน์ วัวพันปี

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1309
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +540/-3
ชอบชิโระ   :laugh:

ออฟไลน์ golove2

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4478
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +277/-6
เป็นคู่พี่น้องที่น่ารัก


 :mew1: :mew1: :mew1:

ออฟไลน์ Xenon

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 705
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +482/-4
นี่คือตอนปัจจุบันล่าสุด ดังนั้น ต่อจากนี้ไป ก็จะโพสแบบปั่นเสร็จก็แปะค่ะ  จะพยายามปั่นไม่หายไปนานเหมือนอีกเรื่องนะคะ (จริง ๆ อีกเรื่องก็จะจบตอนอยู่แล้ว แต่ไม่อยากให้ค้างเลยว่า จะปั่นเรื่องนี้ให้จบก่อนล่ะนะคะ)

 สู้ตายค่ะ!!
:katai4:


บทที่ 23
หวั่นไหว


           เมื่อกีรติเริ่มต้นพาน้องชายของเขาเดินเที่ยวชมในแต่ละซอย  เหล่าบรรดาผู้คนที่ไม่ได้ไปทำงาน ต่างก็ทยอยออกมาจากบ้านพัก และพูดคุยแนะนำตัวเองกับโนอาด้วยความเป็นมิตร บางคนนั้นถึงกับยอมแสดงร่างจริงให้เด็กหนุ่มได้เห็นตามที่เจ้าตัวขอร้อง  ซึ่งโนอาเองก็ไม่ได้มีท่าทางหวาดกลัวหรือรังเกียจแต่อย่างใด ถึงแม้จะแสดงท่าทีตกใจให้เห็นอยู่บ้าง แต่สักพักก็มักจะตามมาด้วยอาการตื่นเต้นสนอกสนใจอย่างออกนอกหน้าเสียทุกครั้ง ซึ่งก็สร้างความเอ็นดูแก่เหล่าผู้ใหญ่ในหมู่บ้านแห่งนี้ยิ่งนัก

        “หึ ๆ ดูเหมือนว่าพวกชาวบ้านจะได้ของเล่นชิ้นใหม่กันแล้วล่ะนะครับ”

        เจอรัลด์ที่มองอยู่วงนอก บอกกับแฟนธอมซึ่งยืนอยู่ข้างกัน ทำเอากีรติที่ได้ยินคำพูดประโยคนั้นแว่ว ๆ ถึงกับหลุดยิ้มเจื่อน แต่แล้วเขาก็ต้องชะงัก เมื่อเห็นโนอาแหวกบรรดาฝูงชนตรงมาหาเขาด้วยท่าทางกระตือรือร้นผิดเคย

        “คี! ทุกคนเขาชวนผมค้างคืนที่หมู่บ้าน และจะจัดงานเลี้ยงต้อนรับให้ด้วยน่ะ ผมเลยมาขออนุญาตคีก่อน คีให้ผมค้างที่นี่นะครับ!”

        กีรติจ้องตอบแววตาอ้อนวอนคู่นั้นพร้อมรอยยิ้ม แล้วจึงพยักหน้าตกลงค่อย ๆ

        “ถ้าน้องไม่ต้องรีบกลับลาซา ก็ไม่มีปัญหาอะไรหรอก... ว่าแต่มาที่นี่คนเดียวใช่ไหม มีใครมาเป็นเพื่อนด้วยหรือเปล่า”

        กีรติถามต่อเพื่อความแน่ใจ ซึ่งคำถามนั่นก็ทำให้คนฟังชะงักเล็กน้อย แล้วจึงตอบออกไปตามตรง

        “ก็มีคนขับกับบอดี้การ์ดที่ท่านอาให้ตามมาด้วยอีกสองคนน่ะครับ ผมให้พวกเขารออยู่ที่รถ  อืม...ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวผมบอกให้พวกนั้นกลับไปรอที่โรงแรมดีกว่า”

        โนอาบอกจบก็ทำท่าจะเดินตรงไปบอกผู้ติดตามที่มาด้วยกัน ทว่ากีรติก็เอ่ยขัดเอาไว้ก่อน

         “พี่ว่าถามความสมัครใจเขาก่อนจะดีกว่านะ ถ้าท่านอาไรอันสั่งพวกเขาให้คอยอารักขาน้อง การที่จะให้เขาอยู่ห่าง ก็อาจสร้างความลำบากใจกับพวกเขานะ”

        แต่ละคนพอได้ยินคำพูดนั้น ก็พากันอมยิ้มน้อย ๆ เพราะแม้แต่ผู้ที่มีฐานะเป็นลูกน้อง กีรติก็ยังคงให้ความใส่ใจเรื่องความรู้สึกของอีกฝ่ายเป็นอย่างดี

        “อืม... งั้นผมไปถามพวกเขาก่อนก็ได้”

        โนอารับคำโดยไม่เกี่ยงงอน ซึ่งก็ทำให้แต่ละคนอมยิ้มด้วยความเอ็นดู ต่อความเคารพนับถือในตัวพี่ชายที่เด็กหนุ่มมี ส่วนกีรตินั้นยิ้มให้น้องชาย แล้วจึงตัดสินใจตามไปด้วย เพราะอยากถามถึงกำหนดการอยู่ในไทยของโนอา เนื่องจากเขาเกรงว่าโนอาจะแกล้งหาเรื่องอยู่ที่นี่นานเกินไป จนทางบิดาของพวกเขาอาจจะสงสัยเอาได้

         

        ทางด้านริวนั้นมองตามสองพี่น้องไปเงียบ ๆ ยิ่งพอเห็นชายในสูทดำทั้งสองที่รออยู่แถวรถยนต์ราคาแพง ทำความเคารพต่อกีรติโดยการยกมือขวาวางทาบบนอกแล้วโค้งให้อย่างนอบน้อม เขาก็ยิ่งรู้สึกถึงช่องว่างระหว่างเขากับอีกฝ่ายมากยิ่งขึ้น

        “พี่ครับ...เป็นอะไรไปหรือครับ”

        เรนที่สังเกตเห็นสีหน้าหมอง ๆ ของพี่ชายเอ่ยถามอย่างเป็นห่วง ซึ่งริวก็ชะงักเล็กน้อย ก่อนจะหันมาฝืนยิ้มให้กับน้องชาย และขอตัวกลับไปพักผ่อนรองานเลี้ยงที่จะเกิดขึ้นในช่วงเย็นแทน ซึ่งเรนเองก็รีบขอตามไปด้วย เพราะยังคงนึกเป็นห่วงเรื่องสีหน้าเมื่อครู่อยู่ไม่หาย



CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Xenon

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 705
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +482/-4
   
..
..
    ทางด้านแฟนธอมกับเจอรัลด์ที่เห็นสีหน้าของริวก่อนหน้านั้นเข้าพอดี ก็ทำให้ทั้งคู่พอจะคาดเดาได้ถึงความกังวลที่หนุ่มญี่ปุ่นเป็นอยู่   

        “ถึงจะบอกว่าไม่ต้องคิดมาก แต่เจอแบบนี้มันก็อดไม่ได้ที่จะต้องคิดอยู่ดีนั่นล่ะนะครับ”

        เจอรัลด์เปรยอย่างนึกเห็นใจ ซึ่งแฟนธอมก็พยักหน้ารับรู้ค่อย ๆ ก่อนจะเหลือบมองคนข้างกาย แล้วก็ต้องรีบหลบตาเมื่อเจอรัลด์หันมาทางตนพอดี

        “มีอะไรหรือครับคุณแฟนธอม”

        “เอ่อ...เปล่า”

        แฟนธอมรีบปฏิเสธ แต่ก็ดูเหมือนว่าเจอรัลด์นั้นจะไม่เชื่อคำพูดนั้นเอาเสียเลย ทำให้ชายหนุ่มจำต้องยอมบอกออกไปตามตรง

        “ฉันก็แค่คิดว่า ถ้าเกิดฉันเป็นแบบกีรติบ้าง...นายจะทำอย่างไรน่ะ”

        พอบอกจบคนพูดก็เบือนหน้าไปอีกทางด้วยความอาย และนั่นทำให้เจอรัลด์อมยิ้ม ชายหนุ่มอยากจะกอดอีกฝ่ายแล้วจับถอดหน้ากากหอมแก้มทั้งสองข้างเสียให้หนำใจ แต่ขืนทำแบบนั้นกลางหมู่บ้าน เขาคงโดนแฟนธอมเล่นงานปางตายเป็นแน่

        “ถ้าผมอยู่ในฐานะเดียวกับคุณริว... แล้วทางบ้านของคุณแฟนธอมไม่ยอมรับ ผมก็คงไปฉุดคุณหนีมาอยู่ด้วยกัน หรือไม่ก็หาทางบีบบังคับยึดประเทศคุณมาปกครองเสียเอง จะได้ไม่มีใครขัดขวางเราได้ยังไงล่ะครับ”

        เจอรัลด์ตอบพร้อมยิ้มหวาน ทว่าคนฟังนั้นถึงกับเงียบกริบ ก่อนจะหลุดถอนหายใจออกมาแผ่วเบา

        “ฉันว่าดีแล้วที่ริวไม่เหมือนนาย...ไม่อย่างนั้นกีรติคงน่าสงสารแย่”

        แฟนธอมพึมพำอย่างเอือมระอา แต่ลึก ๆ ในใจแล้วก็รู้สึกยินดีที่เจอรัลด์เห็นเพียงเขาเท่านั้นที่สำคัญที่สุดสำหรับชายหนุ่ม

         “เอ๋...คุณแฟนธอมไม่ชอบแบบนั้นหรือครับ...เอ หรือจะให้ผมแปลงเพศเป็นหญิงแทน... ถ้าคุณต้องการผมก็ทำได้อยู่หรอกนะครับ แต่ก็ยังเสียดาย ที่จะไม่ได้เป็นฝ่ายจับคุณกดก็เท่านั้น...โอ๊ย!!”

        เสียงตะโกนด้วยความเจ็บของเจอรัลด์ทำให้พวกชาวหมู่บ้านที่กำลังจับกลุ่มคุยกันหันขวับมาทางทั้งคู่ และได้เห็นเจอรัลด์ลงไปนั่งก้นจ้ำเบ้ากับพื้นถนนมือกุมคางเอาไว้อย่างมึนงง  เมื่อแฟนธอมเห็นสายตาของคนอื่นที่ย้ายมามองเขา ชายหนุ่มจึงกระแทกเสียงห้วนขึ้นดัง ๆ บอกกับทุกคน   

        “ก็แค่จัดการคนปากเสียให้รู้จักจำว่าอะไรควรพูดอะไรไม่ควรพูด ก็เท่านั้นเองล่ะครับ! ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไรนักหรอก!”

        บอกจบแฟนธอมก็เดินดุ่ม ๆ กลับไปสำนักงานหมู่บ้านแทน เพราะลองคนในหมู่บ้านออกมาจับกลุ่มยืนคุยกันด้านนอกแบบนี้ เขาก็คงไม่ต้องเฝ้ายามแทนกีรติต่อแล้ว

        “เดี๋ยวก่อนครับคุณแฟนธอม! รอผมด้วย!”

        เจอรัลด์ที่หายมึนหลังจากโดนหมัดเสยคาง รีบวิ่งตามไป ส่วนคนอื่น ๆ ขมวดคิ้วยุ่งอย่างนึกแปลกใจ แต่พอเห็นพวกกีรติตามมาสมทบ พร้อมกับชายในสูทดำอีกสองคน พวกเขาก็หันมาให้ความสนใจกับทางด้านนี้แทน

        “สรุปว่าคืนนี้โนอาจะค้างที่ห้องผมนะครับ เอ่อ...แต่สองคนนี้ เขาจะค้างด้วย ทีแรกเขาบอกว่านอนในรถก็ได้ แต่ผมเห็นว่าไม่ค่อยเหมาะนัก ...ถ้าบ้านใครพอจะมีห้องว่าง ผมอยากฝากทั้งคู่ให้ค้างสักคืน พวกเขาฟังและพูดภาษาไทยได้นิดหน่อย แต่ใช้ภาษาอังกฤษได้ดีน่ะครับ”

        แต่ละคนหันมาปรึกษากัน ซึ่งลีก็เป็นคนแรกที่เสนอตัว

        “ถ้าอย่างนั้นนอนบ้านฉันก็ได้นะ ถ้าไม่รังเกียจความรกของบ้านน่ะ!”

        กีรติแย้มยิ้มอย่างยินดี และเตรียมจะเอ่ยขอบคุณ หากแต่ก็มีเสียงขัดขึ้นมาเสียก่อน

        “อย่าเลยกี บ้านหมอนี่ไม่ใช่แค่รกธรรมดานา แต่อภิมหารกเลยทีเดียว นอกจากนั้นยังวางของอันตรายไว้เกลื่อนกลาด ระเบิดมือเอย ดินปืนเอย ฉันละกลัวมันจะระเบิดแล้วไฟไหม้ลามมาแถวบ้านฉันสักวันจริง ๆ”

        สกล ชายวัยกลางคนไม้เบื่อไม้เมากับหนุ่มจีนเปรยขัดขึ้นด้วยสีหน้าเอือมระอา และไม่เพียงแต่เจ้าตัวเท่านั้น คนอื่น ๆ ต่างพยักหน้าหงึกหงักเห็นด้วยกันแทบทั้งสิ้น

        “ท่านคีโอขอรับ พวกผมนอนในรถ หรือในห้องรับแขกของสำนักงานหมู่บ้านที่ท่านอาศัยอยู่ก็ได้ขอรับ”

        หนึ่งในบอดี้การ์ดของโนอาบอกกับกีรติด้วยภาษาลาซาอย่างเกรงใจ เพราะแม้จะฟังไม่เข้าใจทั้งหมด แต่ก็ดูเหมือนว่าบ้านของผู้ชายที่ดูคล้ายชาวจีนคนนั้น จะไม่สะดวกให้เขากับเพื่อนค้างในคืนนี้นัก ซึ่งกีรติก็มีสีหน้าลังเล เพราะห้องรับแขกก็มีโซฟายาวเพียงแค่ตัวเดียวเสียด้วย ทว่ายังไม่ทันที่จะมีใครเสนอตัวต่อจากลี เสียงจากลำโพงป้อมยามก็ดังขัดขึ้นเสียก่อน

        “ผมขออนุญาตเสนอความเห็นสักหน่อยได้ไหมครับ!”

        เสียงของอเล็กซ์ทำให้แต่ละคนหันไปมอง ส่วนบอดี้การ์ดทั้งสองต่างเข้าใจไปเองว่าเสียงนั้นน่าจะดังมาจากสมาชิกคนใดคนหนึ่งของในหมู่บ้าน พูดผ่านไมค์ขยายเสียงออกมานั่นเอง

        “อะไรหรือครับคุณอเล็กซ์”

        อเล็กซ์เงียบไปชั่วครู่ แล้วจึงตัดสินใจตอบกลับมาเป็นภาษาอังกฤษเพื่อให้คนของโนอาฟังออกด้วย ทำเอาปีศาจบางตนที่ร้างลาการใช้ภาษาอังกฤษมานานต้องขมวดคิ้วยุ่ง ร้อนถึงคนที่รู้ภาษาก็ต้องกระซิบแปลอธิบายให้เพื่อนบ้านเข้าใจแทน

        “ผมมั่นใจว่า แทบทุกคนที่นี่เต็มใจให้พวกคุณค้างคืนกับเขา แต่ก็นั่นล่ะครับ นอกจากคุณลีที่เป็นมนุษย์เพียงไม่กี่คนแล้ว คนอื่น ๆ ก็เป็นพวกชอบเผลอลืมตัวแสดงร่างจริงอยู่บ่อย ๆ ผมเกรงจะเกิดกรณีหนึ่งในพวกคุณลุกเข้ามาห้องน้ำดึก ๆ ดื่น ๆ แล้วจ๊ะเอ๋กันเข้า... คราวนี้ล่ะครับ คงไม่ต้องหลับต้องนอนกันต่อแล้วล่ะ”

        กีรติพอได้ฟังก็หลุดยิ้มเจื่อน ๆ เพราะเขายังไม่ได้อธิบายถึงเรื่องสมาชิกในหมู่บ้านให้คนของเขาได้รับรู้เลยสักนิด ทว่ายังไม่ทันได้พูดอะไร โนอาก็หันไปบอกกับบอดี้การ์ดทั้งคู่เสียก่อน

        “ทุกคนในหมู่บ้านนี้มีหลากหลายเผ่าพันธุ์น่ะ อืม...ถ้าจะให้อธิบายง่าย ๆ ก็คือ เป็นแฟนตาซีวิลเลจยังไงล่ะ!”

        ชายทั้งสองกลืนน้ำลายลงคอ แม้จะยังไม่ค่อยเข้าใจนัก หากแต่ถ้าผู้เป็นเจ้านายรับได้ พวกเขาก็คงจำต้องยอมรับแบบงง ๆ ไปก่อนอยู่ดี

        “เข้าใจแล้วขอรับ...คิดว่านะขอรับ”

        หนึ่งในนั้นพึมพำตอบ ซึ่งโนอาก็พยักหน้ารับรู้อย่างพอใจ แล้วจึงหันไปทางพี่ชายของเขา   

        “เรียบร้อยแล้วล่ะคี  อืม...ส่วนเรื่องที่พัก ถ้าคีไม่อยากให้พวกเขานอนในรถ เราไปขอยืมหมอนกับผ้าห่มของบ้านอื่น แล้วนอนรวมกันที่ห้องคีก็ได้มั้ง”

        โนอาบอกอย่างไม่คิดถือสาว่าอีกฝ่ายเป็นลูกน้อง ทำให้กีรติอมยิ้มแล้วพยักหน้าเห็นด้วย ทว่าบอดี้การ์ดทั้งสองนั้นสะดุ้งโหยง เพราะถึงแม้จะได้รับอนุญาตก็ตาม แต่พวกเขาก็ไม่กล้าอยู่ดี

        “เฮ้! ไม่ต้องถึงขนาดนั้นก็ได้ ถึงพวกฉันจะชอบเผลอตัว แต่ส่วนใหญ่ก็จะระวังล่ะนะ  อ๊ะ...เอางี้ไหมล่ะ ถ้ายังไงก็นอนบ้านริวกับเรนก็ได้ สองคนนั่นยังไงก็เป็นมนุษย์เหมือน ๆ กันด้วย”

        สกลลองเสนอดูบ้าง ซึ่งแต่ละคนก็เห็นดีเห็นงามด้วย ทว่าลีที่โดนอีกฝ่ายขัดในทีแรก ก็รีบแย้งกลับไปเช่นเดียวกัน

        “บ้านสองคนนั้นน่ะหรือ เผลอ ๆ จะยิ่งแย่กว่าบ้านฉันอีก  ลำพังสองพี่น้องนั่นไม่เท่าไรหรอก แต่เจ้างูยักษ์กับเจ้าจิ้งจอกขาวนั่นไว้ใจได้เมื่อไหร่ บางคืนก็ดันลุกมาตีกันกลางดึกเสียอย่างนั้น เสียงดังลั่นข้ามซอยมาถึงบ้านฉันเลยทีเดียวล่ะนะ”

        พอลีพูดจบหลายคนก็ชะงัก เพราะสิ่งที่ชายหนุ่มพูดนั้นมันเป็นเรื่องจริงนั่นเอง

        “สรุปว่าทุกคนในหมู่บ้านนี้ยินดีต้อนรับให้พวกคุณค้างบ้านเขา เพียงแต่ด้วยเหตุจำเป็น จึงทำให้พวกเขาไม่กล้าจะให้คุณค้างด้วย เพราะฉะนั้นอย่าเข้าใจผิดนะครับ”

        อเล็กซ์สรุปเป็นภาษาอังกฤษปิดท้าย เมื่อเห็นคนของโนอาทั้งสองเริ่มมีสีหน้ากังวลแกมเกรงใจให้เห็นอีกครั้ง

        “ก็บอกแล้วไงว่านอนรวมกันที่ห้องก็ได้ เนอะคี”

        โนอายังยืนยันความเห็นเดิม ซึ่งกีรติก็พยักหน้าหงึกหงักอย่างเห็นดีด้วย

        “นั่นสิ แป๊บ ๆ ก็เช้าแล้ว แถมในห้องก็มีแอร์ ไม่ต้องกลัวยุงกัดด้วย อ๊ะ! ถ้านอนพื้นลำบาก ทั้งสองคนจะนอนบนเตียงแทนก็ได้”

        กีรติบอกแล้วยิ้มหวาน แต่นั่นก็ทำให้ชายสองคนยิ้มตอบไม่ออก ส่วนโนอาก็รีบโพล่งขัดขึ้นทันที

        “ถ้าคีนอนพื้น ผมขอนอนด้วยคนนะ!”

        “หือ...ก็ได้นี่”

        กีรติบอกอย่างไม่คิดมากอะไร ส่วนบอดี้การ์ดทั้งสองเริ่มหันหน้าปรึกษากัน ว่าพวกตนจะอยู่อารักขาเจ้าชายทั้งสองต่อ หรือจะกลับไปนอนโรงแรมเพื่อตัดปัญหาลำบากใจทั้งหมดนี่ดี ทว่าคุยกันยังไม่ทันไร เสียงเนือย ๆ จากใครบางคนก็ดังโพล่งขึ้นขัดมาเสียก่อน

        “อ้าว ๆ ไหงมามุงกันอยู่แถวนี้ล่ะ ฉันดูทีวีเห็นถ่ายทอดสดถูกตัดไปตั้งแต่ตอนพวกกีออกมาเดินเที่ยวหมู่บ้าน ก็เลยตั้งใจจะออกมาแจมสักหน่อย ...แล้วนี่คุยอะไรกัน ทำหน้าเครียดเชียว มีอะไรให้ฉันช่วยไหมนั่น”

        แต่ละคนพอได้ยินน้ำเสียงอันคุ้นเคยนั่นก็ต่างรีบหันขวับไปเป็นตาเดียว  ทางด้านปัณณ์นั้นเมื่อเห็นสายตาตกใจกึ่งไม่ไว้วางใจของแต่ละคนที่มองมายังตน ชายหนุ่มก็ขมวดคิ้วยุ่งอย่างไม่ค่อยจะสบอารมณ์นัก

        “อะไร...สายตาแบบนั้นมันหมายความว่ายังไง เหมือนว่าไม่อยากให้ฉันมีส่วนร่วมด้วยเลยนะ!”

        บรรดาคนฟังพากันสะดุ้งโหยง และก่อนจะมีใครพูดแก้ตัว คนตัวสูงใหญ่ที่เดินมาด้วยกันกับปัณณ์ ก็ถอนหายใจยาว แล้วใช้แขนข้างหนึ่งล็อกคออีกฝ่ายรั้งห่างออกมาเสียก่อน

        “เอาน่า ๆ ยังไม่มีใครพูดอะไรสักคน อย่าเพิ่งคิดแง่ลบไปเองเลย วันนี้มีงานเลี้ยงแท้ ๆ นา  อย่าอารมณ์เสียสิ เดี๋ยวงานก็กร่อยก่อนหรอก”

        ปัณณ์เหลือบมองคนที่ห้ามตน แล้วทำเสียงในลำคออย่างไม่สบอารมณ์เท่าใด  แต่ก็ยอมอยู่นิ่งเฉยไม่อาละวาดต่อ จนแต่ละคนพากันนึกทึ่ง ยกเว้นบางคนที่รู้จักไกรสรและปัณณ์มานานแล้ว  ก็ไม่ค่อยจะแปลกใจเท่าใด เพราะแม้คำพูดของไกรสรจะไม่สามารถทำให้ปัณณ์สงบและยอมรับในทันทีได้เท่ากับเจ้าของที่ดินรุ่นแรกก็ตาม ทว่าพ่อค้ากับข้าวคนนี้ก็เป็นอีกคนที่ปัณณ์ยอมลงให้มากกว่าใครในหมู่บ้านมีสุขนี่

        “แล้วตกลงพวกนายมีปัญหาอะไรกันหรือเปล่าน่ะ”

        ไกรสรถามชาวหมู่บ้านแต่ละคน ซึ่งกีรติก็เป็นฝ่ายเล่าให้พ่อค้ากับข้าวฟังแทน

        “พวกเขากำลังหาบ้านพักให้คนของโนอาครับ แต่ดูเหมือนว่าแต่ละบ้านจะไม่สะดวก  เอ่อ...คือจริง ๆ ก็สะดวกให้พักหรอกครับ แต่พวกเขาเกรงว่าอาจจะทำให้สองคนนี้ตกใจเข้าให้ก็ได้ ผมก็เลยตั้งใจจะให้ทุกคนมานอนค้างห้องเดียวกันให้หมดน่ะครับ”

         ไกรสรรับฟังคำอธิบายของอีกฝ่ายอย่างพอจะเข้าใจ และพอเหลือบไปมองคนของโนอาทั้งคู่ ก็พอจะแน่ใจว่าสองคนนั้นคงไม่กล้านอนร่วมห้องกับเจ้าชายทั้งสองอย่างแน่นอน

        “อะไรกัน เรื่องแค่นี้ก็แก้ปัญหากันไม่ได้  ก็ไหน ๆ จะมีงานเลี้ยงอยู่แล้ว ก็ตั้งแคมป์กางเต็นท์นอนกันไปเลยก็สิ้นเรื่อง  เรื่องยุงไม่ต้องเป็นห่วง เดี๋ยวฉันเอาต้นไม้กินแมลงที่บ้านมาตั้งไว้ให้ก็ได้...”

        “เอิ่ม...คือที่บ้านฉันมีเครื่องไล่ยุงที่เจอรัลด์สร้างให้อยู่ ฉันว่าน่าจะสะดวกกว่าให้นายยกต้นไม้กินคน เอ๊ย! กินแมลงนั่นมาเยอะ กระถางมันหนักมากไม่ใช่หรือไง”

        เพื่อนบ้านที่อยู่ซอยเดียวกัน และรู้ซึ้งถึงเจ้าต้นไม้พันธุ์ประหลาดที่ปัณณ์เป็นคนปลูกดีรีบห้าม ซึ่งคนอื่น ๆ ที่เคยเห็นฤทธิ์เจ้าต้นไม้ตัวแสบมาก่อนก็ต่างพยักหน้าเห็นดีด้วย ส่วนรายที่ไม่เคยเจอก็พากันออกอาการสนอกสนใจให้เห็น โดยเฉพาะโนอากับกีรติ ที่เตรียมจะอ้าปากถาม ทว่าก็ถูกคนบางคนที่ตาไว พูดดักเปลี่ยนเรื่องขึ้นเสียก่อน

        “อ๊ะ! ลี! ร้านนายมีเต็นท์ใหญ่ ๆ เก็บไว้ใช่ไหม มีหลายหลังหรือเปล่า ขอยืมด้วยแล้วกัน เพราะคืนนี้ฉันว่าจะออกมานอนชมดาวนอกบ้านเปลี่ยนบรรยากาศบ้างเหมือนกันน่ะ เดี๋ยวพวกฟูกหมอนอะไรนั่น พวกฉันขนมาเองได้!”

        ลีนิ่งคิดทบทวน แล้วจึงพยักหน้ารับรู้ต่อคำขอของอีกฝ่าย

        “ได้สิ ฉันมีเต็นท์ขนาด สิบคนนอน อยู่สองสามหลังน่ะ สั่งมาติดไว้อย่างนั้นล่ะ เอาไปใช้ได้ตามสบายเลย”

        ลีบอกพร้อมยิ้มกว้าง ก่อนจะชะงักเมื่อได้ยินเสียงไกรสรกำลังบ่นปัณณ์เรื่องต้นไม้ที่เจ้าตัวปลูกไว้

        “ฉันนึกว่านายเผามันทิ้งไปแล้วเสียอีก คราวก่อนมันก็เกือบจับบุรุษไปรษณีย์ที่มาส่งจดหมายในหมู่บ้านกินไปหนแล้วไม่ใช่หรือไง!”

        ปัณณ์ยักไหล่นิด ๆ แล้วจึงเปรยตอบกลับไปคล้ายไม่ใส่ใจมากนัก

          “มันก็แค่แหย่เล่นนิด ๆ หน่อย ๆ ฉันปลูกต้นไม้กินแมลงนะ ไม่ใช่ต้นไม้กินคน มันจะไปกินคนได้ยังไงกัน  อีกอย่างตอนนี้ฉันก็ทำให้มันย่อส่วนลงเหลือต้นนิดเดียว แล้วเลี้ยงด้วยเนื้อหมูวันละชิ้นแทน แค่นั้นมันก็อิ่มจนไม่ต้องไปหาอะไรกินเพิ่มแล้วล่ะ”

        คนอื่นที่ได้ยินพากันทำตาปริบ ๆ โดยเฉพาะคนที่พยายามเปลี่ยนเรื่องคุย ถึงกับลอบถอนหายใจ เมื่อความพยายามของตนไร้ประโยชน์อย่างสิ้นเชิง

        “หือ...มองอะไรกัน อยากเห็นหนูเดซี่ของฉันขนาดนั้นเลยหรือ”

        ปัณณ์หันมาถามแต่ละคนที่กำลังจ้องมองมายังเขา และคำถามนั้นก็ทำเอาคนที่ไม่เคยเห็นต้นไม้ที่ว่ามาก่อนพากันขมวดคิ้วยกใหญ่

        “หนูเดซี่?”

        “ใช่แล้ว! ต้นไม้กินแมลงที่แสนจะน่ารักของฉันยังไงล่ะ..  อ๊ะ! จะทำอะไรน่ะไกร! ปล่อยฉันสิ ไอ้พ่อค้างี่เง่านี่!”

        พ่อมดหนุ่มหลุดโวยวายเมื่อจู่ ๆ ก็ถูกคนที่ยืนใกล้ใช้แขนคล้องคอลากเขาให้ออกห่างจากผู้คนอีกรอบ

        “ฉันก็จะไปเช็คว่านายเก็บเจ้าต้นไม้อันตรายของนายนั่นดีขนาดไหนน่ะสิ  อ้อ! ฝากพวกนายจัดการเรื่องงานเลี้ยงด้วยนะ ไปเอาของเหลือที่รถของฉันไปทำก็ได้ ฉันเลี้ยงเอง ถึงไม่มากมายอะไรนักก็เถอะ!”

        ไกรสรบอกกับคนอื่น ๆ แล้วลากปัณณ์กลับบ้านพักอีกฝ่ายพร้อมกับเขา ทั้งนี้ก็เพื่อความปลอดภัยในตัวของชาวหมู่บ้านที่เริ่มอยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับเรื่องต้นไม้กินแมลงที่ปัณณ์เลี้ยงไว้นั่นเอง

         

        “ว้า! น่าเสียดายจัง  ผมก็อยากเห็นต้นไม้กินคนเหมือนกันนะ ...ถ้ายังไงคืนนี้เราลองขอให้เขาเอามาให้ดูด้วยดีไหมคี!”

        โนอาหันมาบอกกับพี่ชายด้วยสีหน้ากระตือรือร้น ซึ่งกีรติก็ยิ้มเจื่อน ๆ ตอบ เพราะดูจากปฏิกิริยาของคนที่คอยห้าม เขาก็ค่อนข้างมั่นใจว่าเจ้าต้นไม้ของปัณณ์นั้น คงจะอันตรายไม่น้อยทีเดียว

        “อ๊ะ...เอ๋? แล้วคุณริวไปไหนล่ะครับ...อ้าว พวกคุณเรนกับคุณชิโระแล้วก็คุณคุไรก็ไม่อยู่ด้วยแฮะ”

        กีรติที่เพิ่งจะสังเกตเห็นว่าพวกริวหายไป เอ่ยถามคนแถวนั้นอย่างแปลกใจ

        “อ้อ! เห็นว่าจะขอกลับไปพักผ่อนก่อนจะถึงงานเลี้ยงน่ะ”

        เจ้าตัวบอกกับกีรติแล้วจึงหันไปทางคนอื่น ๆ ที่ยังคงยืนออกันอยู่

         “อืม...ถ้าอย่างนั้นพวกเราก็เตรียมแบ่งงานกันแต่เนิ่น ๆ ดีกว่า ดาหลาเป็นฝ่ายอาหารนะ แล้วเดี๋ยวจะหาลูกมือเพิ่มให้”

        “ได้เลยจ้ะ! งั้นฉันโทรไปบอกให้ที่รักของฉันกลับไวหน่อยดีกว่า จะได้มาช่วยกันอีกแรง”

        ดาหลารับคำพร้อมยิ้มหวาน แล้วรีบหยิบมือถือโทรไปหาภูผาทันที และนั่นก็ทำให้มีใครบางคนนึกขึ้นได้ว่า พวกเขายังขาดสมาชิกคนสำคัญไปอีกราย

        “เฮ้! มีใครโทรไปบอกคุณเวธน์หรือยังน่ะ!”

        “คุณกรกฎคงโทรไปเรียบร้อยแล้วล่ะ ...อ้าว! พูดยังไม่ทันขาดคำ นั่นรถคุณเวธน์สินะ”

        ลีบอกอย่างอารมณ์ดีเมื่อเห็นรถยนต์สีดำคุ้นตา เลี้ยวเข้ามาจอดในเขตหมู่บ้าน แต่แล้วหนุ่มจีนก็ต้องชะงักเล็กน้อย เมื่อกีรติเอ่ยขัดขึ้นเบา ๆ

        “เอ่อ...ผมขอตัวไปหาคุณริวสักครู่ได้ไหมครับ เดี๋ยวจะรีบกลับมาช่วยทางนี้ทีหลัง”

        “ตามสบาย ๆ ยังมีเวลาเตรียมงานอีกเยอะ ไหนจะต้องรอพวกคนที่ไปทำงานกลับมาก่อนอีกด้วยล่ะนะ”

        ลีตอบพร้อมยิ้มกว้างอย่างไม่ถือสา ซึ่งกีรติก็พยักหน้าพร้อมกล่าวขอบคุณ และเดินตรงดิ่งไปบ้านริวทันที  ส่วนทางด้านโนอานั้นไม่ได้ตามกีรติไป เพราะมัวแต่ตื่นเต้นเรื่องการเตรียมงานเลี้ยง และที่สำคัญเขาก็เริ่มไว้ใจในตัวริว จนสามารถปล่อยให้อีกฝ่ายอยู่กับพี่ชายของตนได้อย่างวางใจบ้างแล้ว

         ทางด้านบอดี้การ์ดทั้งสองของโนอา เมื่อเห็นว่าแต่ละคนเริ่มแยกย้ายกันไปทำงาน พวกเขาจึงอาสาตัวช่วยเหลือทุกคนบ้างเช่นกัน ซึ่งภาษาไทยที่พวกเขาใช้ แม้จะฟังไม่ค่อยชัดแต่ก็ยังพอฟังออกอยู่บ้าง   

        “ได้เลยครับ! งั้นพวกคุณไปช่วยผมขนเต็นท์นอนของพวกคุณดีกว่า เดี๋ยวผมแถมถุงนอนให้ด้วยเลยแล้วกัน!”

        ลีตอบรับด้วยน้ำเสียงดังร่าเริง แต่ก็มีบางคนขัดแทรกขึ้นมา

        “แค่นั้นจะนอนสบายอะไร เดี๋ยวฉันขนฟูกหมอนแล้วก็ผ้าห่มมาเพิ่มให้ด้วยดีกว่า”

        “งั้นผมช่วยขนด้วยคนนะครับ!”

        โนอารีบอาสาตัวเอง แต่ก็ทำให้หนึ่งในบอดี้การ์ดทั้งสองรีบแย้งขัดขึ้นอย่างตกใจ

        “อ๊ะ! ท่านโนอา เดี๋ยวผมทำให้...”

        ยังไม่ทันที่อีกฝ่ายจะพูดจบดี โนอาก็เอ่ยขัดขึ้นมาด้วยสีหน้าเคร่งขรึมจริงจังเสียก่อน

        “ที่นี่ไม่ใช่ลาซา เพราะฉะนั้นทุกคนก็ถือว่าเท่าเทียมกันหมด ...เข้าใจนะ”   

        “...ขอรับ”

        ชายทั้งสองจำต้องรับคำอย่างช่วยไม่ได้ ซึ่งโนอาก็ยิ้มแย้มอย่างพึงพอใจ แล้วจึงตามไปช่วยขนฟูกจากบ้านหลังหนึ่ง ส่วนคนติดตามของเขาก็แยกไปช่วยลีขนเต็นท์เช่นเดียวกัน

 

         อีกด้านหนึ่งที่บ้านของหนุ่มญี่ปุ่นเองนั้น  ทั้งเรน ชิโระและคุไรต่างก็พากันยืนห่าง ๆ เฝ้ามองคนที่นั่งเหม่อลอยอยู่ตามลำพังในห้องรับแขก  ซึ่งก่อนหน้านั้นพอพวกเขาซักถามอะไรออกไป ริวก็ยิ้มเศร้า ๆ แล้วปฏิเสธไม่ยอมบอก จากนั้นก็เอ่ยปากขออยู่คนเดียวเงียบ ๆ ทำให้ทั้งสามไม่กล้าที่จะเซ้าซี้ให้ชายหนุ่มต้องแสดงสีหน้าลำบากใจไปกว่านี้

        “หือ...เสียงกดออด ใครมาน่ะ”

        เรนพึมพำแล้วเดินออกไปดูที่หน้าบ้าน ก่อนจะชะงักเมื่อเห็นกีรติยืนรออยู่

        “เชิญครับคุณกีรติ มาหาพี่หรือครับ”

        เรนเปิดประตูรั้วต้อนรับ ซึ่งกีรติก็ยิ้มน้อย ๆ ก่อนเอ่ยตอบ

        “ใช่ครับ...พอดีได้ยินว่าพวกคุณขอตัวมาพักผ่อนก่อน ผมก็เลยแวะมาดูน่ะครับ...เอ่อ คือจริง ๆ ก็เป็นห่วงน่ะครับ กลัวว่าจะมีใครไม่สบายอะไรด้วยหรือเปล่า”

        ท้ายประโยคกีรติอ้อมแอ้มตอบด้วยสีหน้าขัดเขินเล็กน้อย และนั่นจึงทำให้เรนอมยิ้มอย่างเอ็นดู  จากนั้นเขาจึงเชื้อเชิญคนที่ยืนอยู่นอกรั้วเข้าไปในบ้าน แล้วบอกกับอีกฝ่ายตามตรง

        “อันที่จริงตอนนี้พวกผมเองก็กำลังกังวลอยู่เหมือนกัน  เพราะพี่ริวเขาจู่ ๆ ก็ดูแปลกไปน่ะครับ”

        “เอ๋? เกิดอะไรขึ้นหรือครับ”

        เรนหันมามองคนถาม แล้วจึงถอนหายใจเบา ๆ ก่อนจะฝืนยิ้มให้คนข้างกายตน

        “ไว้คุณกีรติลองไปถามดูเองดีกว่าครับ ... บางทีพี่อาจจะยอมเล่าให้คุณฟังก็ได้”

        กีรติชะงักเล็กน้อย แต่ก็ยังคงพยักหน้ารับรู้ตามมา เพราะเชื่อว่าริวคงมีปัญหาจริง ๆ ไม่เช่นนั้นเรนคงจะไม่แสดงสีหน้าเช่นนี้ให้เขาเห็นแน่



         และเมื่อกีรติเดินตามเรนไปจนถึงห้องรับแขก  ชายหนุ่มก็ต้องขมวดคิ้วน้อย ๆ เมื่อเห็นริวนั่งเหม่ออยู่ในห้องที่ค่อนข้างมืด เพราะเจ้าของห้องนั้นจัดการปิดผ้าม่านบานประตูกระจกผืนใหญ่ จนทำให้แสงจากหน้าบ้านไม่ส่องผ่านเข้ามา มิหนำซ้ำยังไม่ยอมเปิดไฟในห้องอีกต่างหาก

        “เอ่อ...คุณริวครับ”

        กีรติเรียกชื่ออีกฝ่าย ซึ่งก็ทำให้ร่างนั้นชะงักแล้วหันมามองคนเรียกอย่างตกใจ

        “กี...มาได้ยังไงน่ะ”

        “คือผมเห็นว่าคุณริวไม่อยู่ เลยแวะมาหาน่ะครับ  เอ่อ...คือผมเป็นห่วงว่าคุณอาจจะไม่สบาย...  อ๊ะ! แล้วก็ตั้งใจว่าจะชวนคุณไปช่วยคุณดาหลาเตรียมอาหารสำหรับงานเลี้ยงคืนนี้ด้วยน่ะครับ!”

        ประโยคหลัง ๆ นั้นกีรติรีบแก้ตัวตามมา เพราะรู้สึกเขินที่จะบอกว่า จริง ๆ แล้วที่มาหาก็เพราะเป็นห่วงริวเพียงเท่านั้น   

        “ขอบคุณที่เป็นห่วง ผมไม่เป็นอะไรมากหรอก...ก็แค่รู้สึกเพลียนิดหน่อยเท่านั้น  อืม...ส่วนเรื่องเตรียมอาหาร เดี๋ยวสักพักผมจะตามไปช่วยทีหลังนะ”

        ริวยิ้มน้อย ๆ ตอบ ทว่าเป็นรอยยิ้มที่ดูไม่สดชื่นเอาเสียเลย และนั่นจึงทำให้กีรติต้องขมวดคิ้วยุ่ง เขายืนนิ่งอยู่ชั่วครู่ ก่อนจะตัดสินใจเดินเข้าไปหา พลางนั่งคุกเข่าลงข้าง ๆ อีกฝ่าย

        “มีอะไรเกิดขึ้นหรือครับคุณริว ...เล่าให้ผมฟังได้ไหม”

        ริวชะงักเล็กน้อย แล้วจึงประสานสายตาของตนสบกับนัยน์ตาสีดำที่แฝงความห่วงใยคู่นั้น ทว่าเมื่อหวนคิดถึงเรื่องที่เขาเป็นกังวล ชายหนุ่มจึงค่อย ๆ หลุบตาลง พลางตอบกลับไปเสียงแผ่ว   

        “ไม่มีอะไรมากหรอก...ผมก็แค่กำลังคิดถึงในสิ่งที่ผมลืมคิดไปก็เท่านั้นเอง”

        กีรติมองริวอย่างแปลกใจ ซึ่งริวก็เม้มปากน้อย ๆ สักพักเขาจึงยันกายลุกขึ้นยืน พร้อมบอกกับคนตรงหน้า   

        “ผมว่าผมไปช่วยคุณดาหลาเตรียมอาหารสำหรับงานเลี้ยงตอนนี้เลยดีกว่านะ”

        “คุณริว...”

        กีรติพึมพำเรียกชื่อของอีกฝ่ายด้วยความรู้สึกสับสน เพราะทันได้สังเกตเห็นแววตาเจ็บปวดของริวก่อนที่จะลุกไป แผ่นหลังที่ดูอมทุกข์นั่นทำให้คนมองต้องเม้มปากน้อย ๆ  แล้วจึงตัดสินใจแน่วแน่ลุกขึ้นตามไปฉุดข้อมือของชายหนุ่มรั้งเอาไว้เสียก่อน

        “อย่าเพิ่งไปครับ!”

        ริวหันมามองอย่างตกใจ และพอได้เห็นแววตาจริงจังของอีกฝ่าย เขาก็ต้องหลุดเรียกชื่อของชายหนุ่มร่างเล็กออกมาแผ่วเบา

        “กีรติ...”

         “คุณริว ...พวกเราเป็นคนรักกันแล้วใช่ไหมครับ...ถ้าอย่างนั้นโปรดบอกผมเถอะครับ ว่าคุณทุกข์ใจอะไรอยู่... ให้ผมได้รับฟังความทุกข์ของคุณ และแบ่งปันมันร่วมกับคุณ...นะครับ”

        กีรติบอกกับชายหนุ่มและจ้องตาเจ้าตัวนิ่งโดยไม่หวั่นไหว  ทางด้านริวเองนั้นก็จ้องตอบแววตาจริงใจที่มีให้เขาเสมอมาอยู่ครู่ใหญ่ ก่อนจะค่อย ๆ หลับตาลงช้า ๆ และเมื่อเขาลืมตาขึ้นอีกครั้ง ใบหน้าที่เคยหม่นหมองก็เริ่มมีรอยยิ้มที่แจ่มใสกว่าก่อนหน้านั้นให้กีรติได้เห็น

        “ขอบใจนะกี ... ผมนี่มันแย่จริง ๆ เอาแต่คิดกลัวไปเองฝ่ายเดียว จนเกือบทำตัวซ้ำรอยเมื่อก่อนอีกจนได้”

        ริวบอกพร้อมกับโอบกอดคนตัวเล็กที่ตอนนี้มีสีหน้างุนงงกึ่งโล่งใจยามได้เห็นคนรักกลับมายิ้มได้แบบเดิมอีกครั้ง  ส่วนทางด้านเรนที่แอบดูอยู่นอกห้องหลุดยิ้มน้อย ๆ ที่มุมปาก แล้วจึงสะกิดสัตว์อสูรทั้งสองให้ออกไปนอกบ้านเพื่อช่วยคนอื่น ๆ เตรียมงานแทน  เพื่อให้ริวกับกีรติได้ปรับความเข้าใจกันต่อ โดยไม่มีคนอื่นรบกวนตามลำพังนั่นเอง



... TBC ...


ฝากข่าวนิดนึง สำหรับคนเคยอ่าน my angel ของปัด เนื่องด้วย  แฟนเพจของปัด ได้ like เลขสวย 500 และใกล้กับวันเกิดของปัดเข้ามาทุกที ดังนั้นปัดจะลงตอนพิเศษของหนูไค ให้อ่าน เฉพาะในแฟนเพจเท่านั้นนะคะ เพื่อเป็นการขอบคุณนักอ่านทุกท่านที่ติดตามกันค่ะ ใครสนใจก็แวะเวียนไปเยี่ยมดูได้นะคะ จะลงตั้งแต่30กย เป็นต้นไปค่ะ(ก็ไม่มากมายหลายหน้าอะไรหรอกค่ะ ราวๆ  30 หน้าเอสี่เท่านั้นเอง)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 29-09-2013 17:20:10 โดย Xenon »

ออฟไลน์ yymomo

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 921
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-3
อร๊ากกกก ริวงุ้งงิ้งใส่ กีด้วย  :-[  น่าร๊ากกกกอร่า

ปล.เอ่อเค้าไปสมัครบอร์ดแล้วนะ แต่มันเข้าไปอ่านไม่ได้อ่ะ บอกเค้าหน่อยสิ ว่า ต้องทำยังไงหลอ

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
คู่เมนนี่เค้าน่ารักจริงๆ อร๊ายยย เขิลแทน

ออฟไลน์ Chichi Yuki

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1584
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +94/-3
ความรักคือความเข้าใจและไว้ใจซึ่งกันและกัน
เชื่อเลยว่าทั้งริวและกีจะต้องผ่านอุปสรรค์ทุกๆ อุปสรรค์ไปได้แน่ๆ

ออฟไลน์ Pumpkin

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1185
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +163/-8
ริวคิดมากโคตรๆ แต่ทำไมถึงรู้สึกว่าน่ารักนะ ฮ่ะๆ

ไกรสรกับปัณณ์นี่ซัมธิงรองใช่ป้ะ อิอิ

ออฟไลน์ Palmpalm

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 669
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4
น่ารักจริงเลยคู่นี้

งานเลี้ยงท่าจะสนุกนะ

เกเร

  • บุคคลทั่วไป
มายังเอ่ยยยย


ปัณกับ ไกร นิยังๆ ฮ่าๆ

ออฟไลน์ MiSS-U

  • {^o^} {^3^}
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4168
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2800/-11
ความรักทำให้คนเราอ่อนไหวเนอะ  แต่รักก็ทำให้คนเราเข้มแข็งได้อย่างที่สุดเหมือนกัน
หากมีคนที่รักอยู่เคียงข้าง  :mew1:

ปัณฑ์กับพ่อค้าคนนั้นต้องเป็นอีกคู่แน่ๆ

รอตอนต่อไปค่ะ

บวกเป็ด

ออฟไลน์ Xenon

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 705
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +482/-4
  :sad4:  ขออภัยนะคะ ที่หายหน้าไปนาน พอดีหวัดกิน + ที่บ้านใกล้จัดงานบวช
เลยต้องตะลอนทัวร์ออกนอกบ้านไปเรื่อย ๆ   ช่วงนี้พอจะว่า เลยได้มาปั่นต่อแล้วค่ะ


บทที่ 24
คืนงานเลี้ยง (1)



   เวลาผ่านไปพักใหญ่ ๆ กีรติและริวก็ตามมาสมทบกับทุกคนในหมู่บ้าน  ริวนั้นมีสีหน้าดีขึ้นผิดจากเดิมมาก จนเจอรัลด์และแฟนธอมที่ออกมาช่วยคนอื่นเตรียมงาน ถึงกับนึกแปลกใจ แต่พอเห็นอีกฝ่ายยิ้มแย้มพูดคุยกับกีรติระหว่างช่วยดาหลาเตรียมอาหาร พวกเขาจึงคิดตรงกันว่า น่าจะเป็นเพราะคนตัวเล็กที่อยู่ข้าง ๆ หนุ่มญี่ปุ่นมีส่วนช่วยเอาไว้เป็นแน่

   “กีรตินี่มหัศจรรย์ดีนะ แค่ได้คุยกับเขา ได้เห็นใบหน้ายิ้มแย้มนั่น ก็ทำให้รู้สึกสบายใจขึ้นมาแล้ว”

   แฟนธอมเปรยขึ้นเบา ๆ แต่นั่นกลับทำให้คนขี้หึงที่อยู่ใกล้ ๆ เริ่มชักสีหน้าด้วยความไม่สบอารมณ์อีกรอบ

   “ถึงจะชอบแค่ไหน แต่ก็ห้ามหลงรักนะครับ ไม่งั้นผมไม่ยอมจริง ๆ ด้วย”

   เจอรัลด์กระซิบขู่ ทำให้คนฟังหันมามองอย่างเอือมระอา เพราะคนข้างกายเขานั้นช่างขี้หึงเสียเหลือเกิน

   “นายนี่ก็นะ หัดมองความจริงบ้างสิ กีรติเขาก็มีริวเป็นแฟนอยู่แล้ว ที่สำคัญคนแบบฉัน ใครเขาจะคิดมาชอบกัน นอกจากคนโรคจิตแบบนายนี่ล่ะ”

   แฟนธอมเปรยบ่น แต่แล้วก็ต้องสะดุ้งโหยงเมื่อได้ยินเสียงหัวเราะคุ้นหูจากด้านหลังของเขา

   “อย่าตีค่าตัวเองต่ำแบบนั้นสิแฟนธอม ... เพราะนอกจากเจอรัลด์แล้ว ก็มีคนอื่นเขามอง ๆ คุณอยู่เหมือนกันล่ะ เพียงแต่ไม่อยากเสี่ยงโดนคนโรคจิตบางคนคอยรังควานชีวิตเข้าให้ล่ะนะ”

   “หมอเพชร!”

   แฟนธอมเรียกชื่ออีกฝ่ายอย่างตกใจ เพราะไม่ทันรู้สึกตัวว่าชายหนุ่มแอบย่องเข้ามาใกล้ตนในตอนไหน  ส่วนทางด้านเจอรัลด์นั้นยิ่งหน้าหงิกมากขึ้น เมื่อได้ยินคำพูดที่หมอเพชรบอกเมื่อครู่

   “หวังว่าคนอื่นนั่น คงจะไม่ใช่คนใกล้ตัวแถวนี้หรอกนะครับคุณหมอ”

   หมอหนุ่มแย้มยิ้มที่มุมปากนิด ๆ เขาไม่ใส่ใจสิ่งที่เจอรัลด์พูด แต่กลับหันไปหาแฟนธอมแทน

   “ผมว่าเราไปช่วยเขาเตรียมงานทางด้านนั้นดีไหมแฟนธอม ...จะว่าไปช่วงนี้หมู่บ้านคึกคักดีจังเลยนะ ผมเลยพลอยสบายได้กินฟรีไปด้วยบ่อย ๆ ประหยัดทรัพย์ไปเยอะเลยทีเดียว ช่วงนี้ยิ่งทรัพย์จางอยู่ด้วยสิ”

   “ก็คุณหมอไม่ค่อยจะชอบเก็บเงินค่ายาคนในหมู่บ้านนี่ครับ แล้วจะให้รวยกับเขาได้ยังไง”

   แฟนธอมตอบพร้อมส่งยิ้มในแบบที่เจอรัลด์ยิ่งมองก็ยิ่งหึงหวงหนัก พลางคิดว่าแทนที่จะไปมัวกังวลเรื่องกีรติ เขาควรจะต้องระวังคนกันเองในหมู่บ้านอย่างหมอเพชรเสียมากกว่า

    “สงสัยหลังจากนี้ เวลาผมจะคุยกับคุณคงต้องโดนกันท่าน่าดูล่ะนะ ...มีแฟนขี้หึงแบบนี้เบื่อไหม ถ้ายังไงจะเปลี่ยนเป็นคนใจเย็น เป็นผู้ใหญ่กว่าอย่างผมแทนไหมล่ะ”

   หมอเพชรที่สังเกตเห็นสีหน้าและแววตาของเจอรัลด์แกล้งแหย่ซ้ำ ซึ่งก็ทำให้แฟนธอมสะดุ้งโหยง ทว่ายังไม่ทันเอ่ยตอบอะไร เขาก็โดนเจอรัลด์กอดแน่นจากด้านหลัง ซ้ำคนที่กอดก็ยังโพล่งใส่หมอหนุ่มดังลั่นอย่างไม่สนใจว่าจะมีใครมาได้ยิน

   “ไม่มีวันเสียล่ะ! ยังไงผมก็ไม่มีวันยกคุณแฟนธอมให้หมอหรอก!”

   แฟนธอมซึ่งตกใจในทีแรก พอได้ยินเจอรัลด์พูดแบบนั้น เขาก็รู้สึกอายแกมฉุน ที่นักประดิษฐ์หนุ่มชอบทำให้เขาต้องตกอยู่ในสถานการณ์ขายหน้าเสมอ ทว่าการที่เจอรัลด์มักแสดงออกว่ารักเขาทั้งต่อหน้าและลับหลังคนอื่น ก็ทำให้แฟนธอมรู้สึกปลื้มใจอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว

   “อะไร ๆ ใครไม่ยอมยกใครให้ใครกัน!”

   เสียงแว่ว ๆ ที่แทรกขัดมา ทำให้แต่ละคนหันขวับไปมองเป็นตาเดียว ซึ่งคนถูกมองก็ขมวดคิ้วยุ่งทันที

   “อีกแล้ว! นายดูสิไกร จ้องฉันเสียยังกับเป็นตัวประหลาดอย่างนั้นล่ะ! ก่อนหน้านั่นก็ทีนึงละ คนหมู่บ้านนี้เป็นอะไรของเขากันเนี่ย! ระวังเถอะ จะจับกรอกยาเสน่ห์ให้ตกเป็นทาสทั้งหมู่บ้านเสียเลย!”

   ปัณณ์บ่นอย่างงอน ๆ ทว่าบางคนที่ได้ยิน ถึงกับกลืนน้ำลายลงคอ เพราะไม่แน่ใจว่าอีกฝ่ายจะคิดทำอย่างที่พูดจริงหรือไม่กันแน่

   “...ไม่เอาน่า ถ้าพวกนี้เป็นทาสนายกันหมด เดี๋ยวก็น่าเบื่อเหมือนหมู่บ้านก่อนหน้านั้นที่จากมาหรอก จริงไหม”

   ไกรสรที่มาด้วยกันพยายามปรามคนข้างกาย แต่นั่นกลับยิ่งทำให้คนอื่นที่ได้ยินทำตาปริบ ๆ ยกเว้นหมอเพชรที่หัวเราะในลำคอเบา ๆ 

   “คุณปัณณ์นี่ร่าเริงเสมอเลยนะครับ แล้วเมื่อไหร่จะมีเวลาว่างช่วยปรุงยาดี ๆ ให้ผมไว้ขายหาเงินใช้บ้างล่ะครับ”

   ปัณณ์หันขวับมาทางคนพูด แล้วจึงเปลี่ยนจากอารมณ์เสียเป็นยิ้มแย้มร่าเริงแทน

   “ก็มีแต่หมอเพชรคนเดียวนี่ล่ะ ที่เห็นข้อดีของผม  ส่วนเรื่องยาพวกนั้น ไว้ผมเขียนนิยายเรื่องล่าสุดจบเมื่อไหร่ จะจัดให้ชุดใหญ่เลยทีเดียว อยากได้แบบไหนบอกได้เลย ทั้งยาช่วยคน ยาฆ่าคน ผมปรุงได้ทั้งนั้นล่ะ!”

    หมอเพชรเอ่ยขอบคุณพร้อมรอยยิ้ม แต่นั่นกลับทำให้ชาวหมู่บ้านซึ่งอยู่ละแวกนั้นหันมาสบตากัน แล้วตัดสินใจแยกย้ายเลี่ยงกันไปคนละทางสองทาง  โดยเฉพาะเจอรัลด์นั้นรีบดึงตัวแฟนธอมให้ออกห่างทั้งคู่ให้ไกลที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะเกรงว่าทั้งปัณณ์และหมอเพชรจะหันมาร่วมมือกัน แล้วจับแฟนธอมเป็นหนูทดลองยาแปลก ๆ เพื่อแกล้งเขานั่นเอง



   “ไปเสียแล้ว...ยังแกล้งไม่สนุกเท่าไหร่เลย”

   หมอเพชรพึมพำเมื่อเห็นเจอรัลด์พาแฟนธอมออกห่างพวกเขา ส่วนปัณณ์หัวเราะเบา ๆ อย่างพอจะคาดเดาอะไรบางอย่างได้บ้าง

   “ช่วยไม่ได้ ก็เจอรัลด์ทั้งรักทั้งหลงแฟนธอมจะตายไป มองดูก็รู้แล้ว แต่ผมละแปลกใจที่คนหัวช้าและไม่ค่อยสนเรื่องคนอื่นอย่างแฟนธอมกลับยอมรับรักเขาได้นี่ล่ะ ตอนที่รู้ข่าวผมตกใจมากเลยนา”

   “คงเพราะมีกีรติเป็นตัวเร่งเชื้อไฟกระมังครับ เจอรัลด์ถึงได้แสดงออกให้แฟนธอมได้เห็นชัดเจนกว่าก่อนหน้านั้น  ขนาดตอนนี้คบกันแล้ว ผมยังเห็นหมอนั่นหึงแฟนธอมกับกีรติอยู่เลยด้วยซ้ำ”

   หมอเพชรตอบอย่างนึกขำ ซึ่งก็ทำให้คนฟังที่ได้ยินแว่ว ๆ ก่อนหน้านั้น ร้องอ๋อตามมา

   “อ๋อ! มิน่าล่ะ เมื่อครู่นี้ที่เจอรัลด์โวยวายนั่นก็ฝีมือหมอเองหรอกหรือ อืม... แต่ไม่แปลกหรอกที่เจอรัลด์จะหึงหวงหนักมากกว่าเดิม เพราะแฟนธอมกับคุณสนิทกันมากอยู่นี่นะ”

     คนฟังยิ้มตอบ ทว่าคนที่ยืนอยู่อีกคนกลับถอนหายใจหนัก ๆ จนทั้งเขาและปัณณ์หันไปมอง

   “เป็นอะไรของนายอีกล่ะไกร ถอนหายใจทำไม”

   “ไม่มีอะไร...ฉันแค่รู้สึกสงสารเจอรัลด์ขึ้นมาเฉย ๆ ก็แค่นั้นเอง”

   พ่อค้ากับข้าวตอบด้วยน้ำเสียงเอือมระอา ซึ่งนั่นก็ทำให้ปัณณ์ขมวดคิ้ว ส่วนหมอเพชรอมยิ้มน้อย ๆ อย่างเข้าใจในความหมายที่อีกฝ่ายต้องการสื่อเป็นอย่างดี

   “หึ ๆ ผมว่า พวกเราไปสมทบกับพวกคุณเวธน์ดีกว่า เพราะถ้าเป็นเรื่องอาหารผมก็คงไปเกะกะเขาเปล่า ๆ ส่วนเรื่องขนย้ายของ แค่ลีกับคุณสกลก็เหลือแหล่แล้ว”

   หมอหนุ่มตัดบทแล้วชักชวนทั้งคู่ให้ไปหาพวกเวธน์ที่จับกลุ่มนั่งพูดคุยกันอยู่ที่ลานกว้างหน้าหมู่บ้าน ซึ่งปัณณ์นั้นก็พยักหน้าตกลงทันที ส่วนไกรสรถอนหายใจเบา ๆ ใจจริงก็อยากไปช่วยเรื่องเตรียมอาหาร แต่ขืนปล่อยให้ปัณณ์อยู่ตามลำพังกับหมอเพชร มีหวังคงชวนกันก่อเรื่องวุ่นวายให้แต่ละคนในหมู่บ้านปวดหัวหนักเป็นแน่



   ตกเย็น บรรดาผู้คนที่ไปทำงานต่างเริ่มทยอยกลับ และพอตะวันลับขอบฟ้า งานเลี้ยงต้อนรับโนอาจึงเริ่มต้นขึ้น ณ บริเวณลานกว้างหน้าหมู่บ้าน ซึ่งมีเต็นท์นอนหลายหลังกางเรียงกันไป ทั้งจากที่ยืมลีมาและของชาวหมู่บ้านเอง จนมองดูคล้ายเป็นแคมป์ขนาดย่อม ๆ เลยทีเดียว

   “ดูครึกครื้นแทบไม่แตกต่างกับตอนเลี้ยงต้อนรับเรนเลยนะ”

    คุไรในร่างมนุษย์ซึ่งเกาะติดอยู่กับเรนเปรยขึ้น พร้อมกับมองไปรอบ ๆ ลานกว้าง ซึ่งตอนนี้แต่ละคนก็พากันจับกลุ่มสนทนา ดื่มกินสังสรรค์กันอย่างสนุกสนาน เสียงพูดคุย เสียงหัวเราะ ดังไปทั่วบริเวณนั้น อย่างไม่มีใครคิดเกรงใจใคร

   “ตอนพี่ริวมาถึงหมู่บ้านนี้ใหม่ ๆ ทุกคนที่นี่ก็จัดงานเลี้ยงต้อนรับเขาแบบนี้หรือเปล่าน่ะ”

   เรนหันไปถามจิ้งจอกขาวซึ่งจับกลุ่มอยู่กับพวกเขา และพอชิโระได้ยินคำถาม เจ้าตัวก็รีบพยักหน้าหงึกหงักตอบรับทันที

   “แน่นอน! แถมพวกนั้นเป็นมิตรเสียจนริวทำตัวไม่ถูกเลยล่ะ  อีกอย่างตอนนั้นภาษาไทยริวก็ยังพูดไม่ค่อยจะได้ ดีนะที่คุณเวธน์ช่วยเป็นล่ามให้ แต่ถึงตอนนั้นพวกเราจะคุยกันคนละภาษา แต่ก็ยังสนุกและอบอุ่นไม่แพ้กับงานเลี้ยงของที่นี่ทุก ๆ ครั้งนั่นล่ะ”

   ชิโระนึกถึงอดีตแล้วจึงแกว่งพวงหางไปมาอย่างอารมณ์ดี ซึ่งเรนกับคุไรเองก็เข้าใจดีถึงสิ่งที่จิ้งจอกขาวบอก เพราะพวกเขาเองก็รับรู้ได้ถึงความจริงใจและไมตรีจิตของผู้คนในสถานที่แห่งนี้ด้วยเช่นกัน

   “เป็นหมู่บ้านที่ดีจังเลยนะ โชคดีของพวกเราเหลือเกิน ที่มีโอกาสได้มาอยู่ที่นี่น่ะ”

   เรนพึมพำแผ่วเบา พวกเขานั่งมองรอบด้านเงียบ ๆ อยู่พักใหญ่ ชายหนุ่มก็ต้องหลุดอมยิ้มนิด ๆ เมื่อหันไปเห็นคุไรทำหัวผงกหงึก ๆ เพราะความง่วง เนื่องจากเวลานี้เป็นเวลาเข้านอนของอีกฝ่ายนั่นเอง

   “ถ้าง่วงนัก จะให้ยืมตัวแทนหมอนก็ได้นะ”   

   จิ้งจอกขาวที่หันไปเห็นเข้าเหมือนกันเปรยบอก พลางกลับคืนสู่ร่างเดิม ทางด้านคุไรเหลือบไปมองอีกฝ่าย แล้วขมวดคิ้วน้อย ๆ อย่างลังเล

   “ถ้าง่วงก็ไม่ต้องฝืนหรอกคุไร  อืม...หรือจะกลับไปนอนที่บ้านแทนก็ได้นะ”

   ปีศาจงูยักษ์เม้มปากน้อย ๆ แล้วจึงตัดสินใจยืมร่างนุ่ม ๆ ที่เต็มไปด้วยขนฟูฟ่องของจิ้งจอกขาวนอนต่างหมอน เพราะไม่อยากกลับไปนอนคนเดียวที่บ้าน ซึ่งชิโระก็หัวเราะในลำคอเบา ๆ แต่ก็ไม่ได้พูดแหย่ให้อีกฝ่ายโมโหจนงอนตามปกติ เพราะเข้าใจดีว่าคุไรนั้นอยากมีส่วนร่วมกับงานเลี้ยงครั้งนี้ ถึงแม้จะเป็นการหลับไปฟังคนอื่นคุยไปก็ตาม

   “ยังหลับง่ายเหมือนเคยนะ เจ้างูน้อยนี่”

   ชิโระพึมพำ มองร่างที่นอนหนุนตัวเขาหลับอย่างเอ็นดู ส่วนเรนที่มองทั้งคู่ หัวเราะเบา ๆ ในลำคอ เพราะแม้จะทะเลาะกันอยู่เสมอ แต่จิ้งจอกขาวกับปีศาจงูยักษ์ก็ยังสนิทสนมกันดี ยิ่งหลังจากพวกเขามาอยู่เมืองไทย ทั้งคู่ก็ยิ่งสนิทกันมากขึ้นไปอีก

   

   อีกด้านหนึ่ง ริวนั้นนั่งรวมกลุ่มกับกีรติและโนอา ฟังพี่น้องสนทนาถึงครั้งอดีตสมัยอยู่ลาซา แล้วลอบอมยิ้มน้อย ๆ เมื่อรับรู้ว่ากีรติในสมัยก่อนหรือตอนนี้ ก็ดูเหมือนจะไม่ค่อยเปลี่ยนแปลงจากเดิมเท่าใดนัก

   “ผมอยากอยู่ที่นี่กับคีต่ออีกสองสามวันจัง...แต่ถ้าทำแบบนั้นคงต้องโดนท่านพ่อจับได้แน่”

   โนอาบ่นเบา ๆ ทำให้กีรตินึกสงสารน้องชาย แต่เขาก็เห็นด้วยกับเรื่องที่อีกฝ่ายพูดมา เพราะจะว่าไปแล้ว ถ้าครั้งนี้ไม่ได้ไรอันช่วยอีกแรง โนอาก็คงจะหาข้ออ้างออกนอกประเทศ โดยไม่ให้บิดาของพวกเขาสงสัยได้อย่างลำบากแน่นอน

   “ไว้พี่จะโทรไปหาบ่อย ๆ แทนแล้วกันนะ”

   กีรติเอ่ยปลอบ ซึ่งโนอาก็เงยหน้ามองแล้วอ้อนต่อ

   “คุยแบบเห็นหน้าด้วยนะครับ”

   “ฮะ ๆ รู้แล้วน่า”

   กีรติบอกพร้อมกับเอื้อมมือลูบศีรษะของอีกฝ่าย ทำให้โนอายิ้มกว้างอย่างยินดี สักพักเด็กหนุ่มก็ขอตัวไปสนทนากับคนอื่น ๆ ในหมู่บ้านต่อ  จึงเหลือแต่ริวกับกีรตินั่งอยู่ด้วยกันสองคนแถวนั้นตามลำพัง

    “ถ้าผมต้องห่างกับกีจนสามารถทำได้แค่เพียงเห็นหน้าและได้ยินแค่เสียง ผมคงจะเหงาแย่เลยเชียวล่ะ”

   ริวพึมพำเบา ๆ ทำให้กีรติชะงักแล้วหันไปมองคนพูด อีกฝ่ายดูมีสีหน้าซึมลง แต่ก็ไม่ได้เศร้าจนน่าเป็นห่วงเหมือนเมื่อตอนบ่ายที่ผ่านมา

   “แต่ตอนนี้พวกเราก็ยังอยู่ด้วยกันไม่ใช่หรือครับ”

   กีรติตอบพร้อมกับเอนกายพิงไหล่ของอีกฝ่าย ซึ่งริวก็ยิ้มน้อย ๆ แล้วตอบกลับไปแผ่วเบา

   “นั่นสินะ...”

   จากนั้นแม้ระหว่างทั้งคู่จะมีเพียงแต่ความเงียบ ไร้ซึ่งเสียงสนทนา แต่กีรติก็ยังคงสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นผ่านมือของริวที่เลื่อนมาเกาะกุมมือของเขาเอาไว้  เวลาผ่านไปสักพักเมื่อริวเห็นว่าโนอากำลังจะลุกจากวงสนทนา เพื่อกลับมาหาพี่ชาย  หนุ่มญี่ปุ่นจึงหันไปมองคนข้างกายเขา พร้อมกับก้มหน้าลงไปหอมที่แก้มเนียนนั้นแผ่วเบา จนคนถูกหอมสะดุ้งโหยง

   “คุณริว!”

   กีรติอุทานไม่ดังนักอย่างตกใจ ใบหน้าขาวแดงระเรื่อแม้จะเห็นได้จากแสงไฟเลือนรางก็ตาม 

   “จริง ๆ ก็อยากจูบมากกว่าแก้มหรอกนะ ...แต่ขืนทำแบบนั้น คงถูกน้องชายคุณกลับมากีดกันเข้าให้อีกรอบแน่...ว่างั้นไหม”

   ริวบอกพร้อมยกยิ้มน้อย ๆ ติดเจ้าเล่ห์ จนกีรติต้องหน้าร้อนวาบอีกครั้ง เพราะไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่า คนขรึม ๆ ไม่ค่อยพูดจาเช่นริว จะมีด้านที่ดูขี้เล่นเช่นนี้เหมือนกัน


… TBC …


แปะก่อน// มาบอกว่าเขียนเดือนผิดค่ะ นี้เดือน10แล้วค่าาาา

อ๊าย อับอาย ๆ  ขอบคุณมากเลยค่ะ ที่ช่วยสังเกตให้ ... เขียน เดือน 5 แทนเดือน 10 เฉยเลย ^  ^"
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15-10-2013 18:55:10 โดย Xenon »

ออฟไลน์ Sirada_T

  • We Will [Luk] You!!
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 453
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-0
แปะก่อน// มาบอกว่าเขียนเดือนผิดค่ะ นี้เดือน10แล้วค่าาาา

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด