เรื่องวุ่น ๆ ของคุณ รปภ. ตอนพิเศษ 2-2(ครึ่งหลัง) (24/12/56)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: เรื่องวุ่น ๆ ของคุณ รปภ. ตอนพิเศษ 2-2(ครึ่งหลัง) (24/12/56)  (อ่าน 116069 ครั้ง)

ออฟไลน์ iammz

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2681
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +292/-6
ตามอ่านทันแล้วววว
พล็อตเรื่องสนุกมากค่ะ
ติดตามนะคะ ~^^

ออฟไลน์ yuyie

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2112
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +92/-5
เห็นชื่อเรื่องแล้วเฉยๆ แต่พอมาอ่านแล้วสนุกดีค่ะ

ชอบแนวนี้ ขอค้างไว้ที่ตอน 24 ก่อน แล้วจะมาอ่านต่อค่ะ  :mew1:

ออฟไลน์ Xenon

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 705
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +482/-4
ช่วงนี้ว่างแล้ว มาต่อแล้วค่ะ!  :katai4:
ขอบคุณนักอ่านทุกท่านที่สละเวลาคอมเมนต์ทักทายกันนะคะ   :pig4:


บทที่ 27
ทางเลือก



         องค์รักษ์ผิวคล้ำเดินนำหน้าชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่ง ผู้มีใบหน้าละม้ายคล้ายราชาแห่งลาซา เพียงแต่เส้นผมนุ่มสลวยยาวปรกคอนั้นกลับเป็นสีทองแทนดำ คิ้วเรียวยาวขมวดเล็กน้อย เมื่อถามคนมาตามถึงสาเหตุที่ถูกเรียก หากแต่กลับได้รับคำปฏิเสธว่าไม่ทราบแทน

        “จาค็อบตกลงไม่รู้เลยจริง ๆ หรือ ว่าท่านพี่เรียกฉันไปพบเพราะอะไร”

        แม้จะใกล้ถึงห้องซึ่งมีพี่ชายรออยู่ หากแต่ไรอันก็ยังคงสอบถามคนที่เดินนำอยู่เช่นเดิม และนั่นจึงทำให้จาค็อบกลืนน้ำลายลงคอ ก่อนจะอ้อมแอ้มตอบไปไม่เต็มเสียงนัก

        “ไว้หากท่านไรอันเข้าไปในห้องนั้น ก็จะทราบได้เองล่ะขอรับ”

        คนฟังยิ่งรู้สึกสงสัยมากขึ้น หากแต่เพราะเป็นคำสั่งของพี่ชาย จึงทำให้เขาจำต้องทำตาม ทว่าพอก้าวเข้าไปในห้อง และได้เห็นใบหน้าของแขกซึ่งนั่งอยู่กับพี่ชายของตน ก็ทำให้ไรอันหยุดชะงักฝีเท้าอย่างลืมตัว สีหน้าซีดเผือดนิด ๆ พอจะคาดเดาได้แล้วว่า ตนถูกเรียกมาเพราะเหตุใด

        “มาถึงแล้วก็เข้ามานั่งสิไรอัน...จะยืนอยู่แบบนั้นทำไม”

        ลูคัสบอกเสียงเยียบเย็น จนคนฟังต้องกลืนน้ำลายลงคอ ก่อนจะแสร้งทำเป็นยิ้มสู้ตอบ

        “เห็นท่านพี่ให้จาค็อบไปตามผม ก็เลยคิดว่ามีธุระด่วนอะไรหรือเปล่า... ที่แท้ก็เพราะนายมาเองหรอกหรือ เฟยหลง”

        ไรอันเอ่ยทักทายน้องชายของเพื่อนสนิทอีกคน ซึ่งเป็นถึงนักธุรกิจชื่อดังและค่อนข้างมีอิทธิพลในฮ่องกงคนหนึ่ง ทางด้านเฟยหลงเมื่อได้ยินดังนั้นเขาก็ฝืนยิ้มตอบ เพราะดูจากน้ำเสียงและอาการของลูคัส ท่าทางเรื่องที่เขาหลุดปากไปว่าเจอมิสเตอร์หลี่ คงจะทำให้เกิดเรื่องยุ่งยากกับไรอันตามมาเป็นแน่

        “ที่เรียกให้น้องมาพบ ไม่ใช่เพราะว่าเฟยหลงแวะมาที่ลาซาอย่างเดียวหรอกนะ... แต่ที่เรียกมาเพราะว่าพี่มีคำถามบางอย่าง อยากจะย้ำถามน้องให้แน่ใจสักหน่อย”

        ลูคัสบอกด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ทว่านัยน์ตาคมกริบนั้นจับจ้องมองมานิ่งจนไรอันถึงกับต้องกลืนน้ำลายลงคออีกรอบ แต่ก็ยังคงทำใจดีสู้เสือถามกลับไป

        “ท่านพี่อยากถามผม เกี่ยวกับเรื่องอะไรหรือครับ”

        “เรื่องมิสเตอร์หลี่น่ะ...”

        คำตอบที่ได้ยินทำให้ไรอันเงียบกริบ ทางด้านลูคัสพอบอกออกไปเช่นนั้น ก็ทำทีนิ่งเฉยไม่ได้พูดต่อ แต่กลับใช้สายตาจับจ้องผู้เป็นน้องชายนิ่ง และนั่นจึงทำให้ไรอันต้องยอมสารภาพความจริง ก่อนที่ลูคัสจะโมโหไปมากกว่านี้



        “...ผมขอโทษนะครับท่านพี่ ที่ช่วยหลานโกหกท่านพี่แบบนี้”

        ไรอันเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นแล้วย้ำขอโทษทิ้งท้ายด้วยสีหน้าสำนึกผิด ซึ่งก็ทำให้คนฟังถอนหายใจเบา ๆ แม้จะโมโหที่น้องชายกับลูกรวมหัวกันโกหกเขา แต่พอรับรู้ว่าเป็นเรื่องของบุตรชายคนโต ก็ทำให้ลูคัสพอจะเข้าใจว่า เหตุใดไรอันจึงต้องทำเช่นนี้

        “เอาเถอะ ทีหลังก็บอกกันตามตรง อย่าโกหกอีก... แล้วปล่อยโนอาให้ไปแบบนั้น ไม่กลัวเขาจะเผลอลืมตัวโวยวาย จนทำให้ฐานะที่แท้จริงของคีโอถูกเปิดเผยหรอกหรือ”

        คำพูดของลูคัสทำให้ไรอันเงียบกริบ ตอนนั้นเขามัวแต่สงสัยเรื่องคนสำคัญของหลานชายคนโต จนลืมนึกถึงเรื่องความใจร้อนของหลานชายคนรองไปเสียสนิท

        “...ไว้ถ้าเขากลับมาเมื่อไหร่ พี่จะสอบถามเขาเองก็แล้วกัน”

        ลูคัสเอ่ยตัดบท แล้วจึงหันมาทางเฟยหลงที่นั่งนิ่งรับฟังพวกเขาตลอดการสนทนานั้น   

        “แล้วเธอจะไปพบเอวาเลยไหมล่ะเฟยหลง ฉันจะได้ให้คนพาไป เพราะตอนนี้เขาขลุกอยู่กับแม่ของเขาในครัว เห็นว่ากำลังถ่ายทอดฝีมือทำอาหารให้กันอยู่ ...ยังไงเธอก็ช่วยไปเป็นหนูลองยาให้เอวาสักหน่อยก็แล้วกัน”

        เฟยหลงฝืนยิ้มพร้อมกับพยักหน้าตอบรับ ส่วนไรอันลอบถอนหายใจอย่างโล่งอก เพราะลองลูคัสพูดเล่นได้แบบนี้ แสดงว่าไม่ได้โกรธมากเท่าใดนัก แต่ถ้าหากเมื่อครู่เขาไม่ชิงสารภาพความผิดเสียก่อน แล้วรอจนโดนไล่ต้อนจนมุมเองล่ะก็  เขาเชื่อได้เลยว่าลูคัสจะต้องโมโหหนักยิ่งกว่านี้หลายเท่าแน่นอน



         เมื่อโนอาเดินทางกลับมาถึงประเทศของตน เด็กหนุ่มก็ต้องพบกับความประหลาดใจ เมื่อเห็นองครักษ์ประจำตัวของบิดามาดักรอพบเขา และแม้ว่าโนอาจะนึกสงสัยสักเพียงใด แต่เขาก็ยังคงไปพบบิดาตามคำสั่งอยู่ดี

        “ท่านพ่อต้องการพบผมหรือครับ”

        โนอาถามคนที่รอเขาอยู่ในห้องพักส่วนตัว  ทางด้านลูคัสนั้นวางถ้วยชาในมือ แล้วพยักหน้าเป็นเชิงให้บุตรชายมานั่งที่โซฟาฝั่งตรงข้ามกับที่ตนนั่งอยู่

        “ก่อนหน้าลูกจะกลับ เฟยหลงเขามาเยี่ยมเอวาที่นี่  เราก็เลยได้พูดคุยกันหลายเรื่อง... รวมถึงเรื่องที่เขาได้เจอกับมิสเตอร์หลี่ตอนงานเลี้ยงวันเกิดของผู้ว่าการ ในช่วงที่ลูกขออนุญาตพ่อบินไปเยี่ยมท่านด้วย”

        ลูคัสเปิดประเด็นด้วยน้ำเสียงราบเรียบ แล้วจ้องมองดูว่าบุตรชายจะมีปฏิกิริยาต่อเรื่องนี้เช่นไร

        “เรื่องนั้น...เอ่อ...”

        โนอาอ้ำอึ้งพูดอะไรไม่ออกเอาดื้อ ๆ ยิ่งถูกแววตาคมกริบของบิดาจับจ้องมองมา เขาก็ได้แต่เงียบและก้มหน้าน้อย ๆ หลบสายตานั้นแทน

        “แล้วคีโอเป็นอย่างไรบ้างล่ะ เขาสบายดีไหม”

        ลูคัสเปลี่ยนคำถาม ซึ่งนั่นก็ทำให้โนอาสะดุ้งเล็กน้อย ก่อนจะเม้มปากนิด ๆ และตัดสินใจเงยหน้าเผชิญกับอีกฝ่าย

        “ท่านพี่สบายดีครับ...ผมต้องขอโทษท่านพ่อด้วย ที่โกหกเรื่องของมิสเตอร์หลี่ไปแบบนั้น...ผมขอสัญญาว่าจะไม่ทำตัวให้ท่านพ่อผิดหวังเช่นนี้อีกครับ”

        แม้ลูคัสจะนิ่งเฉยรับฟัง ทว่าจริงแล้วกลับรู้สึกดีใจที่ลูกชายกล้ายอมรับผิดกับเขา แถมไม่พาดพิงโยนความผิดไปให้ผู้เป็นอาที่คอยช่วยเหลือเจ้าตัวด้วย

        “ดี...จำคำพูดของตัวเองเอาไว้ด้วยนะโนอา แล้วที่พ่อไม่พอใจไม่ใช่แค่เพราะลูกโกหกพ่อเท่านั้น  แต่การโกหกโดยนำเรื่องความเจ็บป่วยหรือความเป็นความตายของคนรู้จักคุ้นเคยกันมาอ้าง หากเรื่องล่วงรู้ไปถึงเจ้าตัวเข้า จะกลายเป็นกินแหนงแคลงใจกันเสียเปล่า”

        โนอาชะงัก สีหน้าแลดูสลดลงยิ่งกว่าเดิม ก่อนจะพึมพำตอบแผ่วเบาอย่างสำนึกผิด

         “ครับท่านพ่อ...ผมจะจดจำเอาไว้”

        ลูคัสรับฟังอย่างพึงพอใจ จากนั้นเขาจึงตั้งคำถามต่อมา ทว่านั่นก็ถึงกับทำให้คนฟังสะดุ้งโหยง

        “แล้วเรื่องคนสำคัญของพี่ชายลูกล่ะ...เขามีความสำคัญระดับไหน เป็นแค่เพื่อน หรือมากกว่านั้น”

        แม้ลูคัสจะถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบ แต่นัยน์ตาคมกริบกลับจับจ้องมองบุตรชายอย่างคาดคั้นคำตอบ  ทำเอาโนอาถึงกับกลืนน้ำลายลงคอ แล้วจึงตัดสินใจย้อนถามกลับไปเสียงค่อย

        “เอ่อ...แล้วสมมุติถ้าคนที่ว่านั่น เกิดสำคัญกว่าเพื่อนขึ้นมาล่ะครับ...ท่านพ่อจะทำอย่างไร”

        ลูคัสเลิกคิ้วนิด ๆ ก่อนจะถอนหายใจออกมาแผ่วเบา เมื่อสิ่งที่เขาคาดเดาเอาไว้ ไม่ผิดไปจากที่คิดนัก

        “พ่อว่าลูกน่าจะรู้คำตอบนั้นดีอยู่แล้วนะโนอา”

        โนอาชะงัก ก่อนจะแย้งกลับไปอย่างกึ่งกล้ากึ่งกลัว

        “แต่เรื่องของความรัก มันเกิดจากความรู้สึก เราเลือกหรือห้ามกันไม่ได้นี่ครับ ...ท่านพ่อเองก็เคยบอกกับผมและเอวาว่า ไม่คิดจะเข้ามาก้าวก่ายเรื่องความรักของลูก ๆ ไม่ใช่หรือครับ”

        ลูคัสจ้องมองบุตรชายคนรองเงียบ ๆ อยู่ครู่หนึ่ง แล้วจึงเอ่ยตอบในสิ่งที่อีกฝ่ายสงสัย

         “ใช่...พ่อไม่เคยคิดก้าวก่ายเรื่องความรักของทั้งลูกและเอวา แม้แต่คีโอเอง...เพียงแต่ด้วยตำแหน่งรัชทายาทที่เขาเป็นอยู่ คนที่คีโอเลือกนั้น จะต้องสามารถเป็นได้ทั้งแม่ของลูกและแม่ของแผ่นดิน พร้อมที่จะให้ความรักต่อประชาชนชาวลาซาเทียบเท่ากับรักครอบครัวของตนเอง เป็นคนที่จะอยู่เคียงข้างกับราชาของประเทศได้ในทุกสถานการณ์ ...เหมือนดังเช่นแม่ของพวกลูก ๆ เป็นอยู่”

        โนอาเงียบกริบ เพราะเพียงเท่านี้เขาก็พอจะรู้แล้วว่า ลูคัสนั้นคงไม่ยอมรับเรื่องที่ริวกับกีรติคบกันอยู่แน่

           “...พ่อไม่ได้รังเกียจ หากคนที่คีโอรักจะเป็นผู้ชาย แต่พ่ออยากให้คีโอตระหนักและสำนึกในหน้าที่ของเขาเท่านั้น...ยกเว้นเสียแต่ว่าเขาจะเลือกความรักและทิ้งประเทศแทน ... ซึ่งหากเป็นเช่นนั้น พ่อก็จะยอมรับการตัดสินใจนั่น และยอมปล่อยให้เขาจากไป โดยจะคิดว่าประเทศลาซาไม่เคยมีเจ้าชายที่ชื่อว่าคีโอมาก่อนหน้านี้”

        ลูคัสตัดบทการสนทนาด้วยน้ำเสียงและสีหน้าราบเรียบยากจะอ่านความรู้สึก ทำเอาโนอาถึงกับเงียบกริบไร้คำพูดใด ๆ โต้แย้ง  เพราะในยามที่อยู่หมู่บ้านมีสุข เขามองดูก็รู้ว่าพี่ชายนั้นรักริวจากใจจริง แต่ถึงกระนั้นเขาก็มั่นใจว่า กีรติไม่มีทางจะเห็นแก่ความรักส่วนตัว จนถึงกับยอมตัดขาดครอบครัว ละทิ้งหน้าที่ และทิ้งประเทศไปได้อย่างแน่นอน



        ไรอันดักรอหลานชายคนรองอยู่แถวทางเข้าห้องพักของเจ้าตัว ซึ่งพอเห็นสีหน้าของโนอา เขาก็รีบซักถามทันที

        “เป็นยังไงบ้างโนอา ท่านพี่ว่าอย่างไรบ้าง!”

         “ท่านอา...”

        โนอามองหน้าคนถาม แล้วหลุดถอนหายใจออกมาแรง ๆ

        “ท่านพ่อไม่เห็นด้วยกับเรื่องที่คีกับคุณริวคบหากัน ...แต่ท่านไม่ได้บอกผมว่าท่านจะทำอย่างไรต่อไป  ...เพียงแต่ท่านพ่อบอกกับผมประมาณว่า ถ้าหากคีเลือกคนรัก ก็จะให้คีตัดขาดจากลาซาแทนน่ะครับ”

        ไรอันนิ่งอึ้งพูดอะไรไม่ออกไปชั่วครู่  เพราะไม่คิดว่าพี่ชายจะกล้าถึงขนาดตัดขาดกับลูกในไส้ได้ลงคอ

        “แย่ล่ะสิ... คีโอยิ่งหัวแข็งพอ ๆ กับท่านพี่อยู่ด้วย นี่ถ้าเกิดเลือกทางโน้นจริงล่ะก็ ท่านพี่คงพูดจริงทำจริงแน่นอน เฮ้อ!”

        โนอาพอได้ยินเรื่องที่ไรอันบ่น เด็กหนุ่มก็หน้าเสียแล้วจึงหลุดพึมพำอย่างรู้สึกผิด

        “เพราะผมแท้ ๆ ถ้าผมไม่ดื้อดึงไปหาคี ก็คงไม่เป็นแบบนี้ ...คีกับคุณริวชอบกันจริง ๆ นะครับท่านอา ...ถึงผมอยากให้คีกลับมาอยู่ด้วยกัน ...แต่ผมก็ไม่อยากให้คีต้องจากกับคนที่เขารักเลย”

         เพราะมีคนที่ตนรักและให้ความสำคัญยิ่งเช่นเดียวกัน ทำให้โนอารู้สึกสงสารและเห็นใจพี่ชายของเขายิ่งนัก ซึ่งนั่นก็ทำให้ไรอันต้องลูบศีรษะหลานชายคนรองปลอบโยน แล้วบอกกับอีกฝ่ายให้สบายใจ

        “ไม่ใช่ความผิดของหลานคนเดียวหรอกโนอา ...มันเป็นความผิดของอาด้วย ที่ยอมให้หลานไป แถมยังทำให้หลานต้องมาโกหกพ่อของตัวเองอีก ...ส่วนเรื่องคีโอ เราอย่าเพิ่งตีตนไปก่อนไข้เลย อาว่าถ้าเราช่วยกันคิด บางทีอาจจะเจอหนทางที่สร้างความสุขให้กับพวกเราทุกคนก็ได้นะ”

        เด็กหนุ่มเงยหน้ามองผู้เป็นอา แล้วจึงผงกศีรษะนิด ๆ พร้อมกับยิ้มรับด้วยสีหน้าที่ดีขึ้นมากกว่าเดิม ไรอันจึงตัดสินใจปลีกตัวออกมา เพื่อให้หลานของตนได้พักผ่อน  ส่วนตัวชายหนุ่มเองนั้นตัดสินใจไปพบพี่ชายอีกครั้ง เพื่อขอร้องให้ลูคัสได้ตัดสินใจเรื่องนี้เสียใหม่

         

        ลูคัสเงยหน้ามองน้องชายที่มาขอเข้าพบเขาด้วยแววตาสงบนิ่ง แม้จะพอคาดเดาได้ถึงเหตุผลที่ทำให้ไรอันมาที่นี่เป็นอย่างดีก็ตาม

        “พี่ครับ ผมอยากขอร้องท่านพี่เรื่องคีโอ...เอ่อ...ถ้าเกิดสมมุติว่าคีโอเลือกทางนั้นแทนหน้าที่ ...ผมอยากให้ท่านพี่พิจารณาโทษของเขาเสียใหม่น่ะครับ...อย่าให้ถึงกับตัดขาดอะไรกันเลยนะครับ”

        “แสดงว่าน้องมั่นใจ ว่าคีโอจะต้องเลือกคนของเขา มากกว่าครอบครัวและประเทศที่เขาเติบโตมาอย่างนั้นหรือ”

        คำถามของลูคัสทำให้ไรอันชะงัก เพราะเขารู้ดีว่าหลานชายนั้นเป็นคนรักครอบครัวเพียงใด ทว่าเรื่องที่กีรติโทรมาขอร้องให้เขาช่วยเหลือริว และเรื่องที่โนอายืนยันว่ากีรตินั้นรักริวจริง ๆ  ทำให้ไรอันชักไม่แน่ใจว่า กีรติจะยอมตัดใจจากริวและทิ้งอีกฝ่ายกลับประเทศได้จริงหรือไม่

        “ไรอัน...น้องแน่ใจได้อย่างไรว่า คีโอกับผู้ชายคนนั้นมีรักแท้ให้ต่อกัน...เวลาเพียงแค่ไม่นานไม่ใช่หรือ ที่พวกเขาทั้งคู่พบกันน่ะ”

        คำถามถัดมาของลูคัส ทำให้ไรอันกลืนน้ำลายลงคอ เพราะฟังดูก็รู้ว่า นับตั้งแต่ที่ได้ล่วงรู้ความจริงจากเขา พี่ชายก็ให้คนตรวจสอบข้อมูลของกีรติและริวที่ประเทศไทย จนทำให้สามารถล่วงรู้ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ได้ในระดับหนึ่ง   

        “แต่เรื่องความรักมันไม่จำเป็นต้องอาศัยวันเวลาไม่ใช่หรือครับ”

        ไรอันแย้งกลับ แม้ว่าจะไม่อยากให้หลานชายต้องเลือกเดินทางนี้ แต่เขาก็ยังสงสารกีรติอยู่ดี

        “ใช่...ความรักไม่จำเป็นต้องอาศัยเวลาในการก่อกำเนิด...แต่ความรักต้องอาศัยเวลาในการพิสูจน์ ว่ารักนั้นจะคู่ควรเป็นรักแท้ หรือเป็นแค่รักที่ฉาบฉวยไม่จริงจังเพียงเท่านั้น”

        ลูคัสตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ เขาเงียบไปชั่วครู่ ก่อนจะกล่าวต่อ   

        “และพี่ก็อยากจะเห็นด้วยตาตัวเองว่า ผู้ชายคนนั้นเหมาะสมและคู่ควรพอกับคนที่จะกลายมาเป็นราชาของประเทศเราหรือไม่”

        “ท่านพี่...หรือว่าท่านพี่จะยอมผ่อนปรนเรื่องของคีโอแล้ว”

        ไรอันถามอย่างเริ่มมีความหวัง ซึ่งลูคัสก็แย้มยิ้มน้อย ๆ ก่อนจะตอบกลับไปด้วยถ้อยคำที่ทำให้คนฟังต้องกลืนน้ำลายลงคอ

        “น้องเคยเห็นพี่เป็นคนชอบกลับคำพูดไปมาอย่างนั้นหรือไรอัน...ถ้าหากคีโอเลือกคนรักจริง พี่ก็จะไม่ถือว่าเขาเป็นเจ้าชายของลาซาอีกต่อไป”

         “แต่ว่าท่านพี่...”

        ไรอันเตรียมจะแย้งต่อ ทว่าก็ต้องชะงักเมื่อลูคัสใช้แววตาคมกริบจับจ้องมาที่เขานิ่ง

        “ไม่มีคำว่าแต่ไรอัน พี่ตัดสินใจแล้วและไม่คิดจะเปลี่ยนใจ ... ประเทศหรือความรัก...คีโอมีเพียงสองหนทางที่เขาจะต้องเลือกเท่านั้น!”


… TBC …

ใกล้แล้วค่ะ  ใกล้ที่ความรักของกีรติจะถึงบทสรุปแล้ว  ช่วงนี้ต้องขยันหน่อยค่ะ ตั้งใจจะจบให้ได้ อย่างน้อยไม่เกินวันที่ 10 เดือน พ.ย.นี้  จบแล้วจะได้เปิดจองพร้อมรีปริ้นท์เรื่องเก่าได้สักที   แต่ตอนพิเศษของเรื่องคุณรปภ.ที่เคยสัญญาไว้ ก็จะยังปั่นลงบอร์ดตามเดิมนะคะ ^^ ไม่เบี้ยวแน่นอน  อยากเขียนคู่คุณหมอกับคุณเลขา  คุณพ่อค้ากับคุณปัณณ์  และคู่อื่น ๆ อีกหลายคู่อยู่แล้ว!

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 28-10-2013 00:03:25 โดย Xenon »

ออฟไลน์ MiSS-U

  • {^o^} {^3^}
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4168
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2800/-11
 :ling2:ยังเชื่อว่าท่านพ่อจะไม่ใจร้าย

รอบทสรุปคู่นี้ค่ะ

บวกเป็ด

 :กอด1:

ออฟไลน์ silverspoon

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2426
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +275/-12
พ่อตาโหดจริงๆ ริวสู้ๆนะ

ออฟไลน์ Palmpalm

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 669
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4
ริวพ่อตาเอาเรื่องอยู่เชียวนะ

ออฟไลน์ yuyie

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2112
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +92/-5
คุณพ่อโหดอ่ะ แต่ก็แอบคิดว่าท่านน่าจะมีแผนนะ  :mew2:

รอตอนต่อไปค่ะ

ออฟไลน์ fay 13

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5635
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +286/-44

ออฟไลน์ HanATarO

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2141
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +132/-2
เป็นทางเลือกที่ตัดสินใจลำบาก

แต่เราว่าถ้าหากพิสูจน์ได้ว่ารักกันจริง ริว อาจได้เป็นราชาแทน กี ก็ได้นะ

อิอิ

ออฟไลน์ Chichi Yuki

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1584
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +94/-3
เมื่อรืนนี้ก็วันที่ 10 แล้วนะคะคนเขียน
จะจบรึเปล่าต้องตามลุ้น
แต่อย่าพึ่งจบเลยดีกว่าค่ะ กำลังสนุก อิอิ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Crown

  • "รัก" ก็คือ "รัก"
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 103
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-1
วันที่แย้วนะคะ รอรอรอรอรอรอ

ออฟไลน์ Xenon

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 705
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +482/-4
ก่อนอื่นต้องขออภัยนักอ่านที่ลงช้ากว่ากำหนดไปเยอะมากค่ะ  แล้วก็ขอบคุณนะคะ หากยังคงรอคอยอ่านกันอยู่

วันนี้กลับมาแล้วค่ะ พร้อมกับลงรวดเดียวให้อ่านอย่างจุใจจนจบ แบบไม่มีค้างคา (แต่ว่าอาจจะทิ้งระยะห่างระหว่างตอนสักหน่อย เพราะปัดเพิ่งปั่นเสร็จเมื่อวาน แล้วต้องทวนอ่านอีกครั้งก่อนโพสลงบอร์ดค่ะ)

แล้วไว้มาเมาท์กันหลังโพสตอนจบของเรื่องนี้นะคะ  :L1:

ป.ล. ปัดยังคิดชื่อตอนไม่ออกค่ะ  (เป็นปัญหาหลักของปัด พอ ๆ กับการตั้งชื่อเรื่อง ใครที่ติดตามมาตลอดจะรู้ว่าเซนส์ในการตั้งชื่อของปัด มัน...ขนาดไหน เฮ้อ!)  แต่คราวนี้ขืนรอตั้งชื่อตอนได้ค่อยโพส คงไม่ได้อ่านกันวันนี้แน่ค่ะ เลยโพสมันทั้งแบบนี้เลย แหะ ๆ



บทที่ 28

 

         โนอามองโทรศัพท์ในมืออย่างลังเล เขาอยากโทรไปบอกพี่ชายว่าบิดารู้เรื่องทั้งหมดแล้ว แถมยังไม่ยอมรับเรื่องที่กีรติกับริวคบหากันอีก  หากแต่เด็กหนุ่มก็เกรงว่าถ้าเขาบอกออกไปพี่ชายจะเสียใจและเจ็บปวด ซึ่งเขาก็ไม่อยากเห็นกีรติเป็นเช่นนั้น

        “เอาล่ะ! เป็นไงเป็นกัน!”

        โนอาที่นิ่งทบทวนอยู่นาน ตัดสินใจโทรไปบอกพี่ชายในที่สุด เนื่องจากคิดว่า หากกีรติรู้เรื่องนี้ก่อนล่วงหน้า ก็คงจะพอมีเวลาคิดหาทางรับมือกับบิดาได้บ้าง ทว่าเด็กหนุ่มกลับต้องฉงน เมื่อเบอร์ปลายสายนั้นถูกระงับชั่วคราว

        “เอ๋? ทำไมล่ะ ก็ถูกเบอร์นี่นา”

        โนอาพึมพำอย่างประหลาดใจ เจ้าตัวขมวดคิ้วยุ่ง แล้วจึงตัดสินใจไปหาไรอันเพื่อถามสาเหตุ เนื่องจากผู้เป็นอานั้นเป็นคนให้มือถือพี่ชายพกติดตัวเอาไว้

         

        ทางด้านไรอันหลังจากรับฟังหลานชายเล่าเรื่องที่โทรหาผู้เป็นพี่ไม่สำเร็จ เขาก็นิ่งอึ้งไปชั่วครู่ ก่อนจะถอนหายใจเฮือกใหญ่ตามมา

        “สงสัยพ่อของหลานคงจะจัดการไม่ให้เราติดต่อกับคีโอเสียแล้วล่ะ”

        โนอาเงียบกริบ พูดอะไรไม่ออก แล้วก็ต้องยิ่งรู้สึกผิดตามมาเป็นเท่าตัว เมื่อได้รับฟังคำพูดของไรอันหลังจากนั้น

        “ท่านพี่คงจะไปที่เมืองไทยด้วยตนเอง และคงจะพาตัวคีโอกลับมาที่ลาซา โดยที่คีโอคงจะปฏิเสธได้ยาก... เพราะถึงท่านพี่จะไม่หยิบยกเรื่องที่คีโอมีคนรักเป็นผู้ชายมาเป็นสาเหตุในการบังคับกลับ  แต่แค่ท่านพี่อ้างว่าคีโอผิดสัญญาจนทำให้คนอื่นล่วงรู้ตัวจริง เพียงแค่นั้นก็สามารถพาคีโอกลับมาโดยที่เขาไร้ข้อโต้แย้งได้แล้วล่ะ... เป็นอะไรไปน่ะ โนอา!”

        ไรอันหยุดพูดแล้วตรงเข้าไปหาหลานชายอย่างตกใจ เมื่อเห็นเด็กหนุ่มน้ำตาไหลอาบแก้ม

        “เพราะผมแท้ ๆ ... ถ้าผมไม่พูดเรื่องฐานะของคีออกไป ...คีก็ยังมีหนทางที่จะปฏิเสธท่านพ่อได้...ฮึก...ผมเป็นน้องที่ไม่เอาไหน...ดีแต่ก่อปัญหาให้คีอยู่ตลอด...”

        ไรอันมองหลานชายคนรอง แล้วโอบร่างอ่อนเยาว์นั้นมากอดปลอบอย่างนึกสงสาร

        “อย่าโทษตัวเองแบบนั้นสิโนอา ...ถ้าคีโอรู้จะเสียใจนะ  หลานก็รู้ไม่ใช่หรือว่า พี่ของหลานน่ะรักหลานมาก ...และถึงต่อให้เขาต้องถูกพาตัวกลับมา เขาก็ไม่วันจะโทษว่าเป็นความผิดของหลานเด็ดขาด”

        โนอาสะอื้นเบา ๆ พลางย้อนถามไรอันกลับด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ

        “ท่านอาครับ...ผมพอจะช่วยอะไรคีได้บ้างไหม...ผมอยากช่วยให้คีสมหวังในความรัก...และผมก็ไม่อยากให้ท่านพ่อ...ตัดพ่อตัดลูกกับคีด้วย”

        ไรอันถอนหายใจอีกครั้ง เขาก้มมองใบหน้าของหลานชายคนรองนิ่ง ก่อนจะหลุดปากพึมพำออกมาแผ่วเบา

        “ถึงมันพอจะมีวิธีนั้นก็จริง แต่อาคิดว่าคีโอคงไม่อยากให้หลานทำมันนักหรอก...”

        โนอาเบิกตาโพลง แล้วรีบละล่ำละลักถามอย่างร้อนรน

        “วิธีไหนหรือครับท่านอา!”

         ไรอันเม้มปากน้อย ๆ แล้วจึงเอ่ยถามบางสิ่งกับอีกฝ่าย

        “โนอา...หากเรียนจบแล้ว หลานอยากทำอะไรต่ออย่างนั้นหรือ”

        เด็กหนุ่มขมวดคิ้วยุ่งอย่างงุนงงต่อคำถามของผู้เป็นอา ทว่าก็ยังคงตอบกลับไปแต่โดยดี

        “ผมก็คงจะกลับมาช่วยงานของคีที่ลาซานี่ล่ะครับ”

        “จะอยู่ประจำที่นี่เลยน่ะหรือ”

        คำถามถัดมาทำให้โนอาชะงัก แล้วจึงอ้อมแอ้มตอบกลับไปตามตรง

        “...ผมก็ตั้งใจว่าจะขอรับผิดชอบงานประเภทที่ต้องติดต่อธุรกิจระหว่างประเทศอะไรแบบนั้นนั่นล่ะครับ ...ท่านอาก็รู้ดีนี่ครับว่าผมเป็นพวกไม่ชอบอยู่ติดที่น่ะ แล้วอีกอย่างด้วยตำแหน่งราชาที่คีจะเป็น ก็ทำให้เขาไม่สามารถเดินทางไปประเทศโน้นประเทศนี้ได้อย่างอิสระสักเท่าใดอยู่แล้ว มีผมช่วยรับผิดชอบแทน ก็เท่ากับต่างฝ่ายต่างสบายใจกันทั้งคู่นั่นล่ะครับ”

        โนอาบอกพร้อมรอยยิ้มสดใส ซึ่งก็ยิ่งทำให้คนฟังสีหน้าหม่นหมองลงกว่าเดิม

        “อืม...อารู้ดี ว่าหลานชอบที่จะออกไปเผชิญกับโลกกว้างนอกประเทศเล็ก ๆ นี่”

        “ท่านอา...มีอะไรหรือครับ”

        โนอาที่สงสัยสีหน้านั้น เอ่ยถามอย่างประหลาดใจ ซึ่งไรอันก็ได้แต่ยิ้มเศร้า ๆ ตอบ

        “ไม่มีอะไรหรอก ...อาว่านะ เราคงต้องปล่อยให้คีโอจัดการชีวิตของเขาด้วยตัวเองแล้วล่ะ ...ถ้าขืนพวกเรายื่นมือเข้าไปช่วย ท่านพี่ลูคัสก็คงยิ่งต่อต้านและไม่ยอมรับเรื่องนี้มากขึ้น ...อีกอย่างอาเชื่อนะว่า พ่อของหลานน่ะมีเหตุผลและรักคีโอมากยิ่งกว่าใคร...เขาคงจะต้องเลือกหนทางที่ดีที่สุดให้พี่ชายของหลานเอาไว้แน่...”

        ‘ถึงแม้ว่านั่นอาจจะทำให้คีโอเสียใจมากก็ตาม’

        ประโยคท้ายนั้น ไรอันเก็บงำมันไว้ในใจ แล้วจึงหาเรื่องอื่นชวนสนทนา เพื่อปลอบประโลมให้หลานชายคนรองสบายใจขึ้น แม้ว่าตัวเขาเองนั้นจะกำลังร้อนใจเสียยิ่งกว่าเด็กหนุ่มก็ตามที



         อีกด้านหนึ่งที่ประเทศไทย คนซึ่งกำลังตกเป็นหัวข้อสนทนา ก็ยังคงทำหน้าที่ของตนเองอย่างขยันขันแข็ง

        “วันนี้อากาศดีจังนะครับ ลมพัดเย็นสบาย แดดก็ไม่มี”

        กีรติที่ยืนยามอยู่เปรยขึ้นอย่างอารมณ์ดี ทว่าเสียงของอเล็กซ์ที่ขัดขึ้นก็ทำให้เขาต้องยิ้มแห้ง ๆ

        “แต่ผมว่าเปอร์เซ็นต์ที่จะมีฝนตกในช่วงเย็นนั้นเกือบร้อยละ 70 เลยทีเดียว แถมยังมีโอกาสที่จะเกิดเป็นพายุฝนด้วยนะครับ อากาศแบบนี้สำหรับผมแล้ว ค่อนข้างจะแย่ด้วยซ้ำครับ”

        คำพูดโต้ตอบนั้น ทำให้คนที่กำลังเดินมาอมยิ้ม แล้วจึงเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงร่าเริง

        “มันก็ดีไม่ใช่หรืออเล็กซ์ อากาศร้อนมาหลายวันแล้ว มีฝนตกก็จะได้นอนหลับสบายไงล่ะ”

        กีรติชะงักเล็กน้อย แล้วหันไปพยักหน้าทักทายอีกฝ่าย ส่วนอเล็กซ์พอได้ยินคำพูดของผู้สร้าง จึงแย้งกลับไปในลักษณะบ่นกับตัวเองมากกว่าโต้เถียง

        “พวกมาสเตอร์ก็คงหลับสบายหรอกครับ แต่ผมนี่สิ ต้องคอยระวังว่าจะเกิดอุบัติเหตุจากพายุ ทำให้น้ำฝนเล็ดรอดเข้ามา จนทำให้ระบบขัดข้องขึ้นได้”

        เจอรัลด์อมยิ้มอย่างพึงพอใจที่ได้ยิน AI ของตนบ่นเช่นนั้น นับตั้งแต่กีรติเข้ามาทำงานเป็นยามกะเช้า อเล็กซ์ก็ได้มีเพื่อนไว้สนทนาในช่วงกลางวัน และนั่นจึงทำให้สิ่งประดิษฐ์ของเขาเกิดการพัฒนาเรียนรู้ จนสามารถเลียนแบบการสนทนาได้ใกล้เคียงมนุษย์มากยิ่งขึ้น

        “เอาน่า...อย่าซีเรียส ถึงจะมีพายุจริง ๆ แต่ป้อมยามนี่ก็ก่อสร้างขึ้นอย่างแข็งแรงไม่ใช่หรือ มันไม่พังง่าย ๆ หรอก ขนาดกระจกยังเป็นกระจกกันกระสุนเลยนะ”

        เจอรัลด์ปลอบสิ่งประดิษฐ์ของเขา ทว่าคนที่เพิ่งรู้ว่ากระจกป้อมยามนั้นเป็นกระจกกันกระสุน ถึงกับกะพริบตาปริบ ๆ แม้จะพอเข้าใจว่าหมู่บ้านแห่งนี้มักมีเรื่องวุ่น ๆ เกิดขึ้นเสมอ แต่กีรติก็ไม่คิดว่าทั้งเจอรัลด์และเวธน์เอง จะเอาใจใส่ต่อวัสดุอุปกรณ์ก่อสร้างในหมู่บ้านถึงเพียงนี้

        “ผมกลัวน้ำท่วมนี่ครับมาสเตอร์ ...เกิดท่วมเข้าเครื่อง มีหวังเครื่องน็อกพอดี”

        เจอรัลด์เลิกคิ้วอย่างประหลาดใจ แต่ก็นึกขึ้นได้ว่าช่วงนี้มีข่าวน้ำท่วมอยู่หลายจังหวัด จึงทำให้สิ่งประดิษฐ์ของเขาเกิดความกังวลขึ้นมา

        “ไม่ต้องห่วง ไม่มีปัญหา! ถ้าเกิดน้ำท่วมจริง แค่ถอดชิ้นส่วนเฉพาะหน่วยความจำของนายออกไปเก็บไว้ก็โอเคแล้ว  ส่วนอื่น ๆ ก็ไว้ซ่อมแก้ไขหลังน้ำลดทีหลังก็ได้”

        “อ๊ะ! จริงด้วยสิครับ รักษาแค่สมองไว้ก่อนก็ใช้ได้แล้ว”

        อเล็กซ์เริ่มคล้อยตาม ซึ่งก็ทำให้กีรติที่ฟังอยู่อมยิ้มนิด ๆ แต่แล้วก็ต้องสะดุ้งเมื่อเจอรัลด์หันมาทางเขาแล้วถามบางอย่าง

        “วันนี้คุณริวไม่มานั่งเฝ้าคุณหรอกหรือครับคุณกีรติ ปกติผมเห็นเขาจะมานั่งเป็นเพื่อนคุณเวลานี้ประจำนี่ครับ”

        กีรติหน้าแดงนิด ๆ เพราะอีกฝ่ายนั้นถามพร้อมกับเจตนายิ้มล้อเลียนตนด้วยนั่นเอง

        “เอ่อ...วันนี้คุณเรนไม่สบายน่ะครับ คุณริวเลยอยู่เฝ้า นี่ผมก็กะว่าตอนเย็น ๆ จะแวะไปดูสักหน่อย”

        “อ้าว! แล้วไปหาหมอเพชรมาหรือยังครับนั่น  ถึงหมอจะปากร้ายและชอบแกล้งคนอื่น แต่ยาของเขาก็ดีมากเลยนะครับ ไม่ว่าจะเป็นมนุษย์หรือปีศาจ หมอเขาก็มียาสำหรับรักษาจัดให้ทั้งนั้น”

        กีรติยิ้มเจื่อน ๆ รับ พลางคิดว่าโชคดีที่แฟนธอมไม่ได้อยู่ที่นี่ด้วย ไม่เช่นนั้นคนที่นับถือหมอเพชรอย่างอีกฝ่าย คงจะเขม่นใส่เจอรัลด์เข้าให้แล้วก็ได้

        “คุณริวพาคุณเรนไปตรวจมาแล้วล่ะครับ เลยโดนสั่งให้นอนพักยาวอยู่ในบ้านนั่นล่ะครับ...”

        “อืม ๆ อย่างนี้คุณเรนคงจะบ่นแย่ เห็นว่าเพิ่งจะได้งานใหม่ด้วยไม่ใช่หรือครับนั่น”

        เจอรัลด์บอกอย่างรู้ข้อมูลเป็นอย่างดี เนื่องจากบ้านของเขาและบ้านของสองพี่น้องนั้น อยู่รั้วติดกันนั่นเอง

        “ใช่ครับ ตอนที่คุณริวแวะมาบอกผมเรื่องนี้ เขาบ่นใหญ่เลยว่าทีแรกคุณเรนจะฝืนลุกไปทำงานให้ได้ แต่พอคุณริวยื่นคำขาดให้หยุดพัก ก็เลยยอมอยู่เฉย ๆ ให้เบาใจได้บ้างนั่นล่ะครับ”

        “อืม...ก็พอเข้าใจความรู้สึกอยู่นะ... เพราะคุณเรนเคยบ่น ๆ กับผมก่อนจะได้งานนี้ว่า อยากช่วยแบ่งเบาภาระพี่ชายบ้าง ลำพังแค่เงินเดือนคนกวาดถนนในหมู่บ้านที่คุณริวทำอยู่ ก็พอใช้จ่ายพวกค่าน้ำ ค่าไฟ ค่ากินส่วนตัวไปแบบไม่เดือดร้อนเท่าไหร่  แต่นี่พอมีคุณเรนกับคุไรมาเพิ่ม ไอ้ที่เคยพอเลยมีติด ๆ ขัด ๆ บ้าง”

        เจอรัลด์เอ่ยเสริม ซึ่งนั่นก็ทำให้กีรติชะงัก เพราะเพิ่งได้ทราบเรื่องนี้ เนื่องจากริวนั้นไม่เคยเล่าให้ฟังถึงเรื่องค่าใช้จ่ายในบ้านมาก่อน   

        “ผมไม่เคยรู้มาก่อนเลย... คุณเจอรัลด์คิดว่าผมพอจะช่วยเหลืออะไรพวกเขาได้บ้างไหมครับ เอ่อ...ขอแบบที่ไม่ทำให้คุณริวรู้สึกแย่นะครับ”

        กีรติรีบบอกตามมา เพราะรู้ดีว่าริวเป็นคนมีนิสัยคิดเล็กคิดน้อยเพียงใด ทางด้านเจอรัลด์พอได้ฟังก็อมยิ้มเจ้าเล่ห์ แล้วจึงรีบเสนอความเห็นของตนทันทีโดยแทบไม่ต้องคิดนาน

        “ถ้าอย่างนั้นคุณกีรติก็ย้ายไปอยู่กับพวกคุณริวสิครับ แล้วก็ช่วยเขาออกค่าน้ำค่าไฟ ค่าอาหาร ...ยังไงเงินเดือนของคนสามคน ก็เพียงพอต่อค่าใช้จ่ายในบ้านได้สบาย ๆ อยู่แล้ว ...อีกอย่างบ้านของคุณริวเองก็เป็นสองชั้น มีห้องหับมากพอจะอยู่กันอย่างสบาย ๆ ด้วย”

         “...เอ่อ เรื่องนั้นคงต้องถามความสมัครใจของพวกคุณริวก่อนดีกว่าครับ”

        กีรติตอบอย่างกึ่งเขินกึ่งลำบากใจ ซึ่งเจอรัลด์พอได้ยินดังนั้นก็หันไปลอบถอนหายใจเบา ๆ อย่างนึกเสียดาย  เพราะถึงกีรติกับริวจะคบหากันแล้วก็ตาม แต่พอเห็นแฟนธอมสนิทสนมและทำดีกับกีรติทีไร นักประดิษฐ์หนุ่มก็ยังคงนึกหึงหวง และอยากจะกันกีรติให้ออกห่างจากคนรักของตนอยู่ดี

        “แหม! ยังไงคุณริวก็ไม่ปฏิเสธอยู่แล้วล่ะครับ คงจะดีใจด้วยซ้ำไป...รู้ไหมคุณกีรติ ผมน่ะอิจฉาคุณจะตาย!  ผมนะอุตส่าห์ลงทุนอ้อนขอร้องให้คุณแฟนธอมยอมมาอยู่ด้วยกันตั้งหลายครั้ง แต่โดนปฏิเสธตลอด แถมพอจะขอย้ายไปอยู่ด้วย ก็โดนห้ามไม่ให้ไปอีก เฮ้อ!”

         กีรติส่งยิ้มเจื่อน ๆ ให้คนพูด จากนั้นเจอรัลด์จึงขอตัวกลับไปพัก ซึ่งกีรติก็มองตาปริบ ๆ ตามหลังอีกฝ่ายที่เดินตรงไปยังสำนักงานหมู่บ้านแทนที่จะกลับซอยของเจ้าตัว

        “สงสัยมาสเตอร์จะแอบย่องไปหาคุณแฟนธอมตอนหลับอีกแล้วล่ะมั้งครับ”

        พอกีรติฟังที่อเล็กซ์บอก ชายหนุ่มก็หน้าแดงระเรื่อขึ้นมาทันที เมื่อดันเผลอไปนึกถึงตอนที่เขาแวะไปเข้าห้องน้ำที่สำนักงานหมู่บ้านในช่วงบ่ายวันหนึ่ง  วันนั้นกีรติเห็นห้องของแฟนธอมเปิดประตูแง้มไว้ พอจะเข้าไปทักทายเพราะคิดว่าอีกฝ่ายตื่นแล้ว แต่กลับกลายเป็นว่า เจอรัลด์นั้นกำลังนอนกอดแฟนธอมอยู่บนเตียง ซึ่งเจ้าของเตียงก็ยังคงหลับซุกหน้ากับอกของนักประดิษฐ์หนุ่มอย่างไม่รู้สึกตัว แถมพวกเวธน์และกรกฎยังทำเหมือนเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องปกติอีกต่างหาก

        “จริงสิครับ...เมื่อวันก่อนมาสเตอร์บอกไว้ว่า คุณเวธน์จะขยายพื้นที่หมู่บ้านด้านหลัง เห็นว่าเจ้าตัวตัดสินใจจะย้ายมาลงหลักปักฐานอยู่ที่หมู่บ้านนี้ และตั้งใจจะสร้างบ้านเพิ่ม เพื่อไว้รองรับประชากรทั้งมนุษย์และปีศาจที่อาจจะมาอยู่ที่นี่ในอนาคตน่ะครับ”

        อเล็กซ์ที่สังเกตเห็นกีรติเงียบไปนานด้วยความเขิน จึงเป็นฝ่ายเปิดประเด็นการสนทนาครั้งใหม่ชวนคุยเสียเอง ซึ่งก็ได้ผล กีรตินั้นหันมารับฟังอย่างสนอกสนใจทันที

        “อ๊ะ...เอ๋! จริงหรือครับ!  แบบนั้นก็ดีสิครับ มีคนมาเพิ่มอีก ที่นี่คงจะครึกครื้นขึ้นเยอะ”

         กีรติตอบพร้อมรอยยิ้มจริงใจ และลืมเรื่องชวนเขินอายก่อนหน้านั้นไปจนสิ้น

        “ครึกครื้นน่ะคงใช่ แต่ผมว่าไอ้พวกเรื่องวุ่นวายต่าง ๆ คงจะตามมามากมายในอนาคตแน่”

        กีรติชะงักแล้วจึงหัวเราะเบา ๆ ตามมา

        “นั่นสิครับ... แต่ผมว่ามีเรื่องวุ่น ๆ เข้ามาบ้าง ก็ถือเป็นรสชาติของชีวิตนะครับ”

        “อืม ...ที่คุณว่ามาก็มีเหตุผลนะครับ  ผมเองยังรู้สึกเบื่อนิดหน่อย เวลาที่หมู่บ้านนี้สงบสุขนาน ๆ แบบระยะหลังมานี่ ...จนบางทียังนึกอยากแอบแฮกเข้าระบบขององค์กรก่อการร้ายที่สนใจผลงานของมาสเตอร์ แล้วปล่อยข่าวลวงว่ามาสเตอร์ประดิษฐ์อาวุธชีวภาพตัวใหม่ออกมาแล้วด้วยซ้ำ”

        คำพูดของอเล็กซ์ทำให้กีรตินิ่งอึ้ง พร้อมกับกลืนน้ำลายลงคอ เพราะชักไม่แน่ใจเสียแล้วว่า ก่อนหน้านั้นที่มีพวกแปลก ๆ เข้ามาขโมยงานวิจัยของเจอรัลด์ในหมู่บ้านนี้  เพราะพวกนั้นสืบหาข้อมูลได้เอง หรือเพราะได้ข่าวลวงจาก AI ประจำป้อมกันแน่

        “ผมว่าแบบนั้นมันก็ไม่ค่อยดีเท่าไหร่นะครับ เกิดทางนั้นส่งคนแข็งแกร่งมา เดี๋ยวคนทางนี้จะเดือดร้อนเอานะครับ”

        “อืม... มันก็อาจจะจริงอย่างที่คุณว่า ...องค์กรก่อการร้ายเดี๋ยวนี้นับวันจะยิ่งพัฒนาขึ้นเรื่อย ๆ เสียด้วยสิ”

        อเล็กซ์รับคำอย่างว่าง่าย ซึ่งก็ทำให้กีรติรู้สึกโล่งอกที่อีกฝ่ายยอมรับฟังเหตุผลของตน  จากนั้นชายหนุ่มจึงชวนคุยเรื่องอื่นเพื่อดึงความสนใจไม่ให้อเล็กซ์คิดหาวิธีแก้เบื่อแบบแปลก ๆ อีก

        “อ๊ะ! จริงสิครับ ผมสงสัยมานานแล้ว พวกบ้านพักแต่ละหลังในหมู่บ้านนี้ คุณเจ้าของที่ดินแต่ละรุ่นเป็นคนจัดการให้ทั้งหมดเลยหรือครับ”

        “หือ...เรื่องนั้นหรือครับ จริง ๆ แล้วก็ไม่เชิงหรอกครับ เท่าที่ผมทราบมาจากบรรดาชาวบ้านคนเก่าแก่ เห็นว่าคุณเจ้าของที่ดินรุ่นแรกนั้น จัดสรรแบ่งปันที่ดินให้ แล้วพวกที่มาอยู่ก็ออกทุนทรัพย์ปลูกสร้างเอาเอง มีบ้างที่บางรายมาอยู่แบบตัวเปล่า คุณเจ้าของที่ดินรุ่นแรกก็ช่วยออกทุนปลูกสร้างให้ แต่ละหลังก็เลยมีสไตล์ต่างกันไปตามใจชอบของคนอยู่นั่นล่ะครับ”

        กีรตินิ่งเงียบรับฟังอย่างสนใจ และพึมพำออกมาอย่างนึกทึ่ง

        “เป็นคนดีมาก ๆ เลยนะครับ  ทำเพื่อคนอื่นโดยไม่หวังผลตอบแทนแบบนี้”

        “ใช่ครับ เท่าที่ผมได้รับฟังเรื่องเล่าเกี่ยวกับท่านจากแต่ละคนที่รู้จักท่านเป็นอย่างดี  ก็สรุปได้ว่า ท่านเป็นมนุษย์แบบแทบที่จะหาไม่ได้ในสมัยนี้เลยทีเดียวล่ะครับ”

         กีรติพยักหน้าเห็นด้วย แล้วจึงชวนอีกฝ่ายคุยต่ออย่างติดลม

        “คุณเจอรัลด์นี่เข้ามาในช่วงคุณเวธน์เป็นเจ้าของที่ดินคนใหม่ใช่ไหมครับ ตอนนั้นหมู่บ้านมีคนเยอะแบบทุกวันนี้แล้วหรือยังครับ”

        “ตอนนั้นหรือครับ...ก็มีบ้านก่อสร้างกันหลายหลังแล้วล่ะครับ แต่ก็มีกฎเกณฑ์เพิ่มเติมในการปลูกสร้าง ที่เจ้าของที่ดินรุ่นที่สองระบุเพิ่มเติมขึ้นมาด้วย ว่าให้สร้างบ้านพักให้เป็นระเบียบเรียบร้อยกันหน่อย หลังจากซอยหนึ่งในสมัยที่คุณเจ้าของที่ดินรุ่นแรกดูแลอยู่นั้น สร้างกันตามใจคนอยู่ เป็นชั้นเดียวบ้าง สองชั้นบ้าง ทาวน์เฮาส์บ้าง อย่างที่คุณเห็นนั่นล่ะครับ”

        กีรติรับฟังแล้วจึงหัวเราะเจื่อน ๆ เพราะสไตล์การก่อสร้างของบ้านในซอยหนึ่งนั้น ก็ออกมาตามใจคนอยู่โดยไม่ใส่ใจหลังอื่น ผิดกับบ้านในซอยกลางและซอยสอง อย่างที่อเล็กซ์บอกจริง ๆ

        “คุณเจ้าของที่ดินรุ่นที่สองนี่เขาใส่ใจดูแลเรื่องพวกนี้เกินคาดเหมือนกันนะครับ”

        กีรติบอกอย่างนึกทึ่งน้อย ๆ เพราะเท่าที่เคยฟังแฟนธอมเล่าให้ฟังถึงตัวกอบพลซึ่งเป็นเจ้าของที่ดินรุ่นที่สองนั้น  เขายังคิดว่าอีกฝ่ายเป็นคนสบาย ๆ อะไรก็ได้เสียอีก

           “จริง ๆ แล้วเท่าที่ผมทราบข้อมูลลับ ๆ จากบางคนมา  คนที่ออกหน้าคอยดูแลจัดการเรื่องในหมู่บ้านมาแต่แรก หลังจากเจ้าของที่ดินรุ่นที่สองเข้ามารับช่วง เห็นจะเป็นตัวผู้ช่วยของเขาเสียมากกว่า  ส่วนเรื่องกฎระเบียบในการสร้างบ้านพักอาศัยพวกนั้น  ผมคิดว่าคุณเจ้าของที่ดินรุ่นที่สองคงไม่ได้เป็นคนออกกฎเองหรอกครับ”

        กีรติยิ้มเจื่อน ๆ เพราะเขาก็พอจะรู้มาบ้างว่า ผู้ช่วยเจ้าของที่ดินรุ่นที่สองนั้นคือผู้ใดกัน

        “ผมเองถูกสร้างขึ้นมาไม่กี่ปีก็จริง แต่พอเห็นคนย้ายเข้าย้ายออก จนกระทั่งหมู่บ้านขยายต่อเติมแบบนี้ ก็รู้สึกเหมือนตัวเองแก่ลงไปเยอะเหมือนกันนะครับ เอ...ไม่สิ สำหรับผม คงต้องใช้คำว่า เก่าลงมากกว่า”

        กีรติหัวเราะเบา ๆ แล้วจึงบอกกับอีกฝ่ายพร้อมรอยยิ้มอ่อนโยนจริงใจ

        “ใช้ยังไงก็ได้ครับ สำหรับผมแล้ว คุณน่ะดูเป็นมนุษย์เสียยิ่งกว่ามนุษย์บางคนอีกนะครับ”

        อเล็กซ์นิ่งเงียบไปชั่วครู่ แล้วเสียงขอบคุณจึงดังขึ้นเบา ๆ จากนั้นกีรติก็เปลี่ยนเรื่องชวนอีกฝ่ายพูดคุยสัพเพเหระกันต่อสักพัก  ทว่าชายหนุ่มก็ต้องนิ่วหน้าเมื่อลมเริ่มพัดแรงขึ้นเรื่อย ๆ และท้องฟ้าที่เคยสลัว กลับเต็มไปด้วยเมฆดำมืดครึ้ม

        “น่ากลัวจะมีพายุจริง ๆ ด้วยแล้วล่ะครับแบบนี้”

        กีรติพึมพำ มองไปในซอยก็เห็นว่ามีบางบ้านที่ผู้อาศัยเริ่มวิ่งออกมาเก็บเสื้อผ้าที่ตากเอาไว้เข้าไปเก็บหนีฝนกันแล้ว

        “ผมว่าพายุฝนน่าจะแรงมากด้วยล่ะครับ ...คุณกีรติเข้าไปหลบในสำนักงานไม่ดีกว่าหรือครับ อยู่แถวนี้จะอันตรายนะครับ”

        อเล็กซ์เอ่ยเตือน ซึ่งกีรติก็หันมายิ้มให้ป้อมยาม แล้วบอกกลับไป

        “ถ้าฝนตกลงมาจริง ๆ ผมว่าจะหลบในป้อมอยู่กับคุณนี่ล่ะครับ อีกอย่างอยู่ด้วยกัน เกิดมีอะไรฉุกละหุก ก็ยังช่วยเหลือกันได้ทันท่วงที จริงไหมครับ”

        กีรติหมายถึงเรื่องน้ำท่วมฉับพลันที่อีกฝ่ายกลัว ซึ่งอเล็กซ์ก็เงียบไปพักใหญ่ ก่อนจะเอ่ยตอบในที่สุด

        “ขอบคุณมากครับ...”

        ถ้อยคำแสดงความรู้สึกอย่างสวยหรูดูดีจากฐานข้อมูลที่มีอยู่มากมายไม่ได้ถูกหยิบยกออกมาใช้  AI ประจำป้อมเลือกกล่าวคำขอบคุณสั้น ๆ เพียงเท่านั้น โดยที่ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าเพราะเหตุใด  ทว่ารอยยิ้มอ่อนโยนของกีรติที่ตอบกลับมา ก็ทำให้อเล็กซ์มั่นใจว่า ตนเองไม่ได้เลือกคำตอบผิดไปแน่ ๆ

         จากนั้นไม่นานนักฝนก็เริ่มตกลงมาหนาเม็ดขึ้น กีรติรีบวิ่งเข้าไปหลบในป้อมยาม โดยที่อเล็กซ์ก็เปิดเครื่องทำความอุ่นที่ถูกติดตั้งไว้แต่ไม่ค่อยจะได้ใช้เพื่อบริการอีกฝ่าย ทั้งคู่นั่งคุยแลกเปลี่ยนข้อมูลต่าง ๆ กันอย่างเพลิดเพลิน จนลืมสนใจพายุฝนฟ้าคะนองภายนอกเสียสนิทเลยทีเดียว

...
...
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 26-11-2013 13:56:49 โดย Xenon »

ออฟไลน์ Xenon

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 705
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +482/-4



..
..

        คนที่เดินฝ่าพายุฝนมายังป้อมยาม ถึงกับขมวดคิ้วยุ่งเมื่อมองไปแล้วเห็นคนที่นั่งอยู่ด้านในกำลังพูดคุยติดลมกับ AI ประจำป้อมด้วยสีหน้าร่าเริง จนชวนให้หงุดหงิด

        ก๊อก! ก๊อก!

        เสียงเคาะกระจกป้อมที่ดังขึ้น ทำให้กีรติชะงักแล้วหันไปมอง ก่อนจะสะดุ้งโหยงตามมาเมื่อเห็นว่าคนที่อยู่นอกป้อมเป็นใคร

        “คุณริว! ทำไมมาอยู่ที่นี่ได้ล่ะครับ! ฝนยังตกแรงอยู่เลย อันตรายนะครับ!”

        กีรติเปิดประตูออกมาแล้วดึงแขนคนรักให้เข้ามาในป้อม และพอเข้ามาด้านในเสื้อคลุมกันฝนที่หนุ่มญี่ปุ่นสวมใส่มาด้วยก็อันตรธานหายไปอย่างน่าอัศจรรย์

        “สะดวกดีจังนะครับแบบนี้”

        อเล็กซ์เอ่ยชม ส่วนกีรติกลับไม่ได้ใส่ใจในจุดนั้น หากแต่กำลังสำรวจร่างกายของอีกฝ่ายว่าบาดเจ็บอะไรบ้างหรือไม่ ซึ่งนั่นก็ทำให้คนที่กำลังหงุดหงิดเริ่มยิ้มออก

        “ผมไม่เป็นอะไรหรอกกี ไม่ต้องห่วง”

        กีรติชะงัก ก่อนจะเงยหน้ามองอีกฝ่ายด้วยใบหน้าเขินอาย

        “เอ่อ...ครับ”

        ริวยิ้มตอบ แล้วจึงลากเก้าอี้แถวนั้นมานั่ง

        “พอฝนเริ่มตกหนัก ผมก็รู้สึกเป็นห่วง เลยโทรไปหาคุณที่สำนักงาน แต่คุณเวธน์บอกว่า คุณยังอยู่ที่ป้อม ผมก็เลยแวะมาดูว่ามีปัญหาอะไรหรือเปล่า...แต่ก็ดูเหมือนคุณจะสบายดี และมีเพื่อนคุยถูกคอเป็นเพื่อนอยู่แล้ว”

        ใบหน้าของริวกลับมาบึ้งตึงนิด ๆ อีกครั้ง เมื่อหวนคิดถึงภาพที่เห็นก่อนหน้านั้น จนกีรติรู้สึกแปลกใจ ทว่าเสียงของอเล็กซ์ที่ขัดขึ้นก็ทำให้คนทั้งคู่ถึงกับสะดุ้งโหยง

        “เอ๋...ฟังจากน้ำเสียงแล้ว คุณริวเหมือนจะไม่พอใจอยู่นะครับ...หรือว่าคุณจะ...”

        ริวรีบกระแอมรัว ๆ ขัด แล้วหันขวับไปทางจอภาพมากมายภายในป้อมทันที

        “ไม่มีอะไรหรอก ใช่ไหม...อเล็กซ์”

        นัยน์ตาคมกริบ และน้ำเสียงเยียบเย็นกึ่งบังคับ ทำให้อเล็กซ์รีบรับคำหนักแน่น

        “ครับ! ผมคงประมวลผลผิดไปเอง”

        ริวยกยิ้มน้อย ๆ อย่างพึงพอใจ แล้วจึงหันมาแย้มยิ้มอ่อนโยนให้กับคนรักที่มองอยู่อย่างงุนงง

        ‘…นี่สินะ ที่เขาเรียกว่าหึงหวง  คุณริวนี่เหมือนมาสเตอร์เลยแฮะ หึงกระทั่ง AI แบบเราก็ยังได้’

        อเล็กซ์ได้แต่คิด ไม่กล้าพูดออกไป เพราะในบางครั้งขนาดผู้สร้างตนก็ยังขยาดเวลาริวโมโหเลยด้วยซ้ำ

        “คุณอเล็กซ์เป็นอะไรไปหรือครับ ทำไมจู่ ๆ ก็เงียบไป ...อ๊ะ! หรือว่าระบบเกิดขัดข้องเพราะฝนรั่วเข้า!”

        กีรติที่เห็น AI ประจำป้อมเงียบไปนาน ทักขึ้นด้วยสีหน้าตื่นตระหนกปนห่วงใย ทำให้ริวเริ่มหน้าบึ้งขึ้นมาอีกรอบ

        “...ผมสบายดีครับ เพียงแต่กำลังคิดว่า โชคดีแล้วที่มาสเตอร์ไม่ได้สร้างผมในรูปร่างของมนุษย์  ไม่อย่างนั้นผมคงจะลำบากใจในอีกหลาย ๆ เรื่องเลยทีเดียว”

        คำตอบของอเล็กซ์ทำให้คนที่กำลังแอบหึงสะดุ้งนิด ๆ อย่างร้อนตัว ก่อนจะทำเป็นนิ่งเฉยไม่รู้ไม่ชี้อย่างแนบเนียน จน AI ประจำป้อมนึกทึ่ง

        “อืม...แต่ผมว่า ถ้าหากคุณอเล็กซ์ถูกสร้างในแบบมนุษย์น่าจะดีกว่านะครับ ...เพราะถึงแม้ตอนนี้พวกเราจะเป็นเพื่อนกันแล้วก็จริง แต่บางทีนอกจากการพูดคุย ผมก็ยังอยากให้คุณมาทำกิจกรรมต่าง ๆ ร่วมกับผมและทุกคนในหมู่บ้านนี้ด้วยเหมือนกันนะครับ”

        กีรติบอกด้วยสีหน้าและแววตาใสซื่อจริงใจ เสียจนริวหึงไม่ลง หนุ่มญี่ปุ่นถอนหายใจแรง ๆ แล้วหันไปพึมพำขอโทษอเล็กซ์เบา ๆ ซึ่งอเล็กซ์ที่เห็นได้ถนัดชัดเจน ก็กล่าวตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงร่าเริง

        “ไม่เป็นไรหรอกครับคุณริว ผมเข้าใจดี  มาสเตอร์ก็หึงหวงเวลาคุณแฟนธอมสนิทสนมกับผมบ่อย ๆ  แต่สำหรับผมแล้ว ทั้งคุณแฟนธอม และคุณกีรตินั้น เป็นคู่หูในการปฏิบัติงาน และเพื่อนคนสำคัญ ทั้งสองคนนั่นล่ะครับ”

        คำพูดนั้นคงจะสร้างความซาบซึ้งให้กับกีรติที่ฟังอยู่พอสมควร หากอีกฝ่ายจะไม่สะดุดกับข้อความในต้นประโยคเข้าให้เสียก่อน

         “เอ๋! คุณริวหึงผมกับคุณอเล็กซ์หรือครับ!”

        “เปล่านะ! ไม่ใช่สักหน่อย!”

        ริวรีบบอก แล้วก็ต้องสะดุ้งโหยงเมื่อเสียงสัญญาณจากเครื่องจับเท็จ ที่อเล็กซ์จงใจเปิดให้ทำงานดังแย้งขึ้น

        “อเล็กซ์...”

        ริวหันไปเรียกอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงเยียบเย็นปนหงุดหงิด ทว่าก็ต้องชะงักเมื่อมือเล็ก ๆ จับแขนเขาเอาไว้

        “คุณริว...ที่คุณริวหึง เพราะคุณไม่เชื่อใจผมหรือครับ”

        ริวหันมามองใบหน้าเป็นกังวลของอีกฝ่าย แล้วถอนหายใจออกมาอีกครั้ง

        “ไม่ใช่ไม่เชื่อใจ ...แต่ไม่ชอบใจ ที่เห็นกีทำตัวสนิทสนม และยิ้มหวาน ๆ กับใคร นอกจากผมต่างหาก”

        หนุ่มญี่ปุ่นตัดสินใจตอบออกไปตามความรู้สึกของตน ซึ่งนั่นก็ทำให้กีรติยิ้มออก แต่พอลองทบทวนความหมายในประโยคที่คนรักเอ่ยออกมาเมื่อครู่ ใบหน้าหวาน ๆ นั่นก็กลับแปรเปลี่ยนเป็นแดงระเรื่อ จนคนมองนึกขำ

        “เฮ้อ! ไม่เข้าใจมนุษย์เสียเลยนะ อารมณ์เปลี่ยนแปลงปุบปับ จนตามไม่ทัน  สงสัยผมคงต้องศึกษาเรียนรู้ในพฤติกรรมของมนุษย์ เพิ่มเติมอีกมากทีเดียว”

        อเล็กซ์เปรยขัดขึ้นมาลอย ๆ ทว่ากลับทำให้คนสองคนที่อยู่แถวนั้นชะงักไปชั่วครู่ หากแต่เพียงไม่นาน พวกเขาก็ต่างมีรอยยิ้มและเสียงหัวเราะเบา ๆ ตามมา

        “ไม่ใช่แค่นายหรอกนะอเล็กซ์ ที่ต้องศึกษาเรียนรู้... จริงไหม กี”

        ริวบอกแล้วจึงหันไปทางกีรติ ซึ่งชายหนุ่มร่างเล็กก็ยิ้มรับพร้อมพยักหน้า

        “นั่นสินะครับ...ถ้าไม่พูดคุย ไม่เรียนรู้และพยามเข้าใจในตัวอีกฝ่าย   ก็อาจจะทำให้เกิดการเข้าใจผิด จนนำมาซึ่งความบาดหมางกันก็เป็นได้”

        ริวยิ้มตอบคนรัก จากนั้นจึงวานอเล็กซ์ช่วยแจ้งให้น้องชายของตนทราบว่าตอนนี้เขาอยู่ที่ป้อมยามกับกีรติ เพื่อที่เรนและพวกชิโระจะได้ไม่เป็นห่วงที่เห็นเขาหายไปนานแบบนี้…

       

        หลังจากวันที่พายุฝนหนักผ่านพ้นไป อากาศวันถัดมาก็ยังคงอึมครึมไม่เปลี่ยน ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร เพราะตอนนี้เมืองไทยกำลังอยู่ในช่วงหน้ามรสุมนั่นเอง

        “เมื่อไหร่จะหมดหน้าฝนก็ไม่รู้นะครับ ถ้าให้เลือก ผมชอบหน้าร้อนมากกว่า  อืม...แต่ถ้าร้อนมากก็ไม่ไหวเหมือนกัน”

        อเล็กซ์บ่นให้กีรติฟัง ซึ่งคนฟังก็นึกเห็นใจ เพราะดูเหมือนว่าอากาศเมืองไทยไม่ว่าจะร้อนหรือฝนนั้น  ก็ล้วนแต่ไม่ค่อยเอื้ออำนวยต่อสมองกลอย่างอเล็กซ์สักเท่าใดนัก

        “เฮ้อ...ส่วนฉันอยากให้มันมีพายุพัดแรง ๆ ยิ่งกว่านี้มากกว่า เพราะคุณแฟนธอมเขาไม่ค่อยถูกโรคกับฟ้าร้องฟ้าผ่า  ฉันจะได้ถือโอกาสกอดหากำไรแบบเมื่อวานได้อีกบ่อย ๆ”

        เจอรัลด์ที่แวะมานั่งคุยกับทั้งคู่เปรยบ่น ทำเอากีรติต้องเหลือบมองคนพูดตาปริบ ๆ เพราะรอยเขียวช้ำที่มุมปากของอีกฝ่ายอันเกิดจากฝีมือของคนที่เจ้าตัวพูดถึง ยังคงปรากฏให้เห็นอย่างเด่นชัด

        “แต่มาสเตอร์เพิ่งจะโดนคุณแฟนธอมสั่งห้ามไม่ให้ย่องเข้าไปในห้องตอนหลับอีก ไม่ใช่หรือครับ”

        เสียงที่ขัดขึ้นของอเล็กซ์ทำให้เจอรัลด์ชะงัก ก่อนจะบ่นอุบอิบตามมาอย่างหงุดหงิด

        “ก็ใช่น่ะสิ! แถมยังเล่นยื่นคำขาดว่า ถ้าทำอีกจะเลิกคบเป็นแฟนด้วยนะ! ไอ้เราก็แค่แอบจับแอบจูบนิด ๆ หน่อย ๆ ไม่ได้ทำอะไรเกินเลยแท้ ๆ”

        กีรติยิ้มเจื่อน ๆ เมื่อได้ยิน และไม่แปลกใจนักที่เมื่อวานแฟนธอมถึงกับลงไม้ลงมือกับชายหนุ่มแบบนี้

        “สงสัยมาสเตอร์ต้องไปศึกษาวิธีเอาใจคู่รักจากคุณริวแล้วล่ะครับ เพราะเมื่อวานคุณริวก็ทำคล้าย ๆ กับที่มาสเตอร์ว่ามา แต่ดูเหมือนคุณกีรติจะพอใจอยู่ไม่น้อย และไม่ขัดขืนอะไรเลยนะครับ”

        คำแนะนำของอเล็กซ์ทำเอากีรติสะดุ้งเฮือกหน้าแดงก่ำ ส่วนเจอรัลด์นั้นบ่นอุบอิบนินทาริวด้วยความอิจฉา

        “เหอะ! คุณริวนะคุณริว ต่อหน้าคนอื่นทำเป็นขรึมเฉยชา ลับหลังก็หื่นตัวพ่อเหมือนกันล่ะนะ”

        กีรติหน้าร้อนวูบวาบ นึกอยากจะหนีไปขี่จักรยานตรวจตราหมู่บ้านเสียอีกรอบ แต่เพราะเพิ่งกลับมาจากการตรวจตราได้ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงดี ขืนหนีไปตอนนี้ เจอรัลด์คงจะพาลหงุดหงิดใส่เขาไปด้วยอีกคนเป็นแน่

        “อืม...จริงด้วยสิ  คุณกีรติเองก็หัดเล่นตัวบ้างสิครับ อย่ายอมคุณริวง่าย ๆ นัก ...ชีวิตคู่มันก็ต้องมีการง้องอนการตื๊อกันบ้าง ไม่อย่างนั้นเดี๋ยวจะจืดชืดน่าเบื่อหน่ายกันพอดี”

        เจอรัลด์ได้ทีก็รีบยุยงส่งเสริมคนใสซื่อด้านความรักตรงหน้าเขา เพื่อหวังจะให้ริวต้องประสบชะตากรรมเช่นเดียวกับตนเอง ทว่า...

        “เอ๋...ใครโทรมานะ”

        กีรติสะดุ้งเล็กน้อย เมื่อจู่ ๆ เสียงโทรศัพท์ประจำป้อมยามก็ดังขึ้น ชายหนุ่มเดินไปรับสาย แล้วก็ต้องชะงักเมื่อปลายสายเอ่ยอะไรบางอย่าง

        “กีหรือ...ผมเองนะ  ฝากบอกนักประดิษฐ์งี่เง่าข้าง ๆ คุณด้วยว่า ผมพอใจความรักแบบเรียบง่ายอย่างเดิมมากกว่า ...และผมคิดว่าหากเอาเรื่องนี้ไปปรึกษาคุณแฟนธอมดู เขาก็คงคิดแบบเดียวกับผมเหมือนกัน ...แค่นี้ล่ะ”

        ริวพูดฝ่ายเดียวแล้วก็วางสายไป ทว่าคำพูดนั้นกลับทำให้เจอรัลด์หน้าซีดเผือด เพราะนอกจากริวจะได้ยินเขานินทาเต็ม ๆ แล้ว อีกฝ่ายยังพูดเหมือนจะบอกเรื่องนี้กับแฟนธอมเข้าให้อีกด้วย

        “คุณริวได้ยินได้ยังไงกัน...อเล็กซ์!!”

        เจอรัลด์เตรียมหันไปพาลใส่สิ่งประดิษฐ์ของตน ทว่าอเล็กซ์รีบร้องประท้วงขัดขึ้นมาเสียก่อน

        “ไม่ใช่ผมนะครับ! ผมยังไม่ได้ทำการถ่ายทอดการสนทนาของมาสเตอร์กับคุณกีรติให้ใครฟังเลยนะครับ!”

        “ถ้าไม่ใช่นายแล้วเขาจะรู้ได้ยังไง ...อ๊ะ หรือว่า...”

        เจอรัลด์ลุกขึ้นพรวดมองซ้ายมองขวาเดินสำรวจสิ่งผิดปกติรอบป้อมยาม แล้วก็มาสะดุดเข้าที่กระจกยันต์บานเล็ก ที่กีรติห้อยประดับลูกบิดประตูด้านนอกเอาไว้

        “กระจกนั่น...คุณกีรติได้มาจากใครหรือครับ”

        กีรติที่กำลังงุนงงมองตามไป แล้วจึงตอบคำถามนั้นตามตรง

        “อ๊ะ...อ๋อ กระจกนั่นหรือครับ ผมได้จากคุณริวมาเมื่อเช้านี้เองครับ   คุณริวให้แขวนไว้ที่ป้อมยาม เห็นบอกว่าเป็นเครื่องรางเพื่อป้องกันสิ่งชั่วร้ายต่าง ๆ ไม่ให้มากล้ำกรายน่ะครับ”

        เจอรัลด์ฝืนยิ้ม รู้สาเหตุเรื่องที่ริวได้ยินเขาสนทนาอย่างกระจ่างชัดแจ้ง นักประดิษฐ์หนุ่มเหลือบไปมองกระจกบานนั้นอีกครั้ง ใจจริงอยากจะหยิบไปทิ้ง แต่ขืนเขาทำแบบนั้น มีหวังริวหาเรื่องเล่นงานเขาแน่  ทว่าถึงยังไงชายหนุ่มก็ไม่อยากให้ริวสามารถแอบมองเวลาที่แฟนธอมอยู่เฝ้าเวรยามกะดึก แม้จะรู้ดีว่าริวไม่ได้คิดอะไรกับคนรักของตนก็ตาม

        “เอ่อ...ถ้ายังไงรบกวนช่วยแขวนไว้เฉพาะช่วงที่คุณทำงานได้ไหมครับ ...ตอนเปลี่ยนกะเป็นคุณแฟนธอม ก็ให้เอาเก็บกลับบ้านไปด้วย ถ้าได้แบบนั้นผมจะขอบคุณมากทีเดียว”

        เจอรัลด์พูดไม่เต็มเสียงนัก เขาไม่กล้าบอกความจริงให้กีรติรับรู้ เพราะแน่ใจว่าขืนพูดออกไป ก็คงไม่แคล้วโดนริวโกรธเพิ่ม

        “เอ๋? แปลกจริงนะครับ คุณริวก็ให้ผมทำแบบนั้นเหมือนกัน เห็นบอกว่ามันเป็นเคล็ดในการใช้กระจกน่ะครับ”

        กีรติเอ่ยตอบด้วยสีหน้าสงสัย ซึ่งเจอรัลด์ก็รีบพยักหน้าหงึกหงักเออออเห็นด้วยทันที

        “ใช่แล้วครับ! ถูกอย่างที่เขาว่ามานั่นล่ะ!”

         กีรติพยักหน้ารับรู้อย่างยังไม่ค่อยเข้าใจนัก แต่แล้วเขาก็เลิกสงสัยเมื่อเจอรัลด์ขอตัวกลับที่พัก พร้อมกับรีบเร่งฝีเท้าเดินจนคนมองแปลกใจ

        “ดูคุณเจอรัลด์รีบร้อนจังเลยนะครับ”

        “...นั่นสิครับ”

        อเล็กซ์รับคำสั้น ๆ แล้วไม่พูดอะไรต่อ เพราะมั่นใจว่าเจอรัลด์นั้นจะต้องไปขอร้องริวไม่ให้พูดกับแฟนธอมเรื่องที่แอบนินทาเจ้าตัวเป็นแน่



        ลมที่พัดเย็นกระทบผิวกาย ทำให้กีรติเงยหน้ามองท้องฟ้าที่ยามนี้เมฆดำครึ้มเริ่มมารวมตัวกันหนาตาขึ้นกว่าเดิม

        “น่ากลัวเย็นนี้ฝนคงตกอีกแน่เลยครับ...”

        “นั่นน่ะสิครับ...เดี๋ยวฝนตก เดี๋ยวแดดเปรี้ยง อากาศเมืองไทยนี่เอาแน่เอานอนไม่ได้เลยนะครับ”

        อเล็กซ์เปรยตอบด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูเบื่อ ๆ ซึ่งนั่นก็ทำให้กีรติอมยิ้ม เพราะแม้แต่โปรแกรมคำนวณของสมองกล ก็ยังไม่อาจคาดเดาต่อสภาวะอากาศที่วิปริตแปรปรวนขึ้นทุกวันบนโลกใบนี้ได้   

        “ที่ลาซาฝนจะตกหนักแบบนี้เหมือนกันไหมนะ...”       

        กีรติเงยหน้ามองท้องฟ้าแล้วพึมพำกับตัวเองแผ่วเบา โดยไม่อาจล่วงรู้ได้เลยว่า กำลังมีใครบางคน จ้องมองท้องฟ้าที่ลาซาซึ่งกำลังโปรยปรายด้วยสายฝนเฉกเช่นเดียวกับตน

        “ฝ่าบาท...ได้เวลาแล้วขอรับ”

        องครักษ์คนสนิทเดินมารายงานพร้อมกับโค้งศีรษะทำความเคารพ ทางด้านลูคัสละสายตาจากท้องฟ้า พลางหันมาพยักหน้ารับรู้ค่อย ๆ แล้วจึงออกเดินนำไปยังลานปูนกว้างที่ยามนี้มีเครื่องบินส่วนตัวขนาดเล็กถูกนำมาจอดรอไว้อยู่



…TBC…


ตอนหลัง ๆ นี้ค่อนข้างยาว เพราะคนแต่งทั้งเร่งทั้งเบลอ จนไม่รู้จะซอยหั่นตรงไหนดี  ... ไม่ต้องรีบร้อนอ่านนะคะ ตอนพิเศษยังไม่ได้แต่ง แหะ ๆ


ออฟไลน์ MiSS-U

  • {^o^} {^3^}
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4168
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2800/-11
ริวนี้เห็นเงียบๆแต่ตัวจริงนี่แอบร้ายเนอะ  o18

ท่านพ่ออย่าใจร้ายกับลูกชายที่แสนน่ารักเลยนะ

บวกเป็ด

รอตอนต่อไปค่า   :กอด1:

ออฟไลน์ Xenon

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 705
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +482/-4
คลานมาแปะต่อค่ะ... ตอนกลางวัน-หัวค่ำ นี่ค่อนข้างไร้สมาธิในการอ่านทบทวน  จะมามีสมาธิก็ช่วง สี่ห้าทุ่มขึ้นไปตอนชาวบ้านเขาหลับกันหมดแล้วนี่ล่ะค่ะ เฮ้อ...



บทที่ 29



         ท้องฟ้าเช้านี้แจ่มใสผิดจากสองสามวันที่ผ่านมา ทำให้อเล็กซ์นั้นอารมณ์ดีกว่าเดิมและชวนกีรติคุยโน่นนี่ จนริวที่มานั่งเป็นเพื่อนเริ่มหมั่นไส้ขึ้นมาเล็กน้อย

        “จะคุยอะไรกันนักหนาอเล็กซ์ เอาเวลาคุยไปตรวจสอบดูแลความเรียบร้อยของหมู่บ้านไม่ดีกว่าหรือ”

        ริวเปรยขัดขึ้นเสียงเรียบ ทว่าอเล็กซ์นั้นตอบกลับมาอย่างร่าเริง

        “อ๊ะ! ไม่ต้องห่วงครับคุณริว ผมให้ระบบสำรองคอยดูแลหมู่บ้านของเราและบริเวณที่ดินรอบ ๆ อยู่ตลอด 24 ชั่วโมง ถ้ามีเรื่องอะไรผิดปกติขึ้นมารับรองว่าระบบจะแจ้งให้ทราบแน่...”

        พูดมาถึงท้ายประโยคเจ้าตัวก็ชะงักแล้วบอกกับทั้งสองคนที่ฟังอยู่

        “รู้สึกเหมือนจะมีเรื่องผิดปกติแล้วล่ะครับ หน้าปากซอยทางเข้า มีรถยนต์ติดทะเบียนซึ่งไม่มีอยู่ในฐานระบบข้อมูลของสมาชิกหมู่บ้าน กำลังเลี้ยวเข้ามา...อาจจะเป็นแขกของคุณเวธน์ก็ได้ ถ้าอย่างนั้นผมขออนุญาตแจ้งทางคุณเวธน์ก่อนนะครับ”

        อเล็กซ์บอกแล้วก็เงียบไป ซึ่งกีรติกับริวก็พอคาดเดาได้ว่าอีกฝ่ายคงกำลังแจ้งให้เวธน์ทราบ เพราะเพียงไม่นานเวธน์นั้นก็เดินออกมาจากสำนักงานพร้อมกรกฎและปาลิน อันเป็นเวลาเดียวกับรถยนต์ยี่ห้อหรูราคาแพงหลักสิบล้านเลี้ยวเข้ามาในหมู่บ้าน

         “แขกของคุณเวธน์หรือครับ”

        หนุ่มญี่ปุ่นหันมาถามคนที่เดินมาหยุดยืนที่ป้อมยาม ซึ่งเวธน์ก็สั่นศีรษะพร้อมกับตอบ

         “ไม่ใช่ครับ... อีกอย่างวันนี้ผมจำไม่ได้เลยว่าผมนัดคนที่ขับรถติดป้ายทะเบียนของสถานทูตมาหาด้วยน่ะ”

          พอเวธน์ตอบแบบนั้น คนอื่นก็นิ่งคิดแล้วจึงหันมาทางกีรติเป็นตาเดียว

         “หรือว่าจะเป็นแขกของคุณกีรติ”

        “ไม่ทราบเหมือนกันครับ...โนอาก็ไม่ได้โทรมาบอกล่วงหน้านี่ครับ”

        กีรติตอบคำถามของกรกฎด้วยความงุนงงไม่แพ้คนอื่น ทว่าพอรถยนต์เคลื่อนมาจอดใกล้ป้อมยาม และคนขับลงไปเปิดประตูให้กับคนที่นั่งเบาะหลังก้าวลงมา ชายหนุ่มร่างเล็กก็ต้องเบิกตากว้างอย่างตกตะลึง แล้วหลุดอุทานออกมาเป็นภาษาลาซาอย่างลืมตัว

        “ท่านพ่อ!”

        คนอื่นที่ได้ยินพากันขมวดคิ้วยุ่ง และพออเล็กซ์แปลให้พวกเขาฟัง ทุกคนก็ต่างพากันนิ่งอึ้ง และหันขวับไปมองยังร่างสูงสง่างามในสูทสีเทาแทบจะพร้อมกัน

        “...ภาวนาให้เป็นเรื่องดีนะคุณริว”

        เวธน์ตบบ่าหนุ่มญี่ปุ่นที่อยู่ใกล้เขาเบา ๆ แล้วจึงเดินตรงไปหาลูคัส พร้อมกับโค้งศีรษะให้ ก่อนกล่าวทักทายเป็นภาษาอังกฤษอย่างสุภาพ

        “สวัสดีครับท่าน ผมเป็นเจ้าของที่ดินของหมู่บ้านแห่งนี้ ชื่อเวธน์ครับ”

        ลูคัสมองคนตรงหน้าแล้วจึงยิ้มน้อย ๆ ก่อนจะยื่นมือให้จับ ทำเอาเวธน์ชะงัก มองอีกฝ่ายอย่างลังเลชั่วครู่ แล้วจึงยื่นมือของตนไปสัมผัสกับมือของอีกฝ่ายเบา ๆ ซึ่งลูคัสนั้นก็ทักทายกลับเป็นภาษาไทยชัดเจน

        “ยินดีที่รู้จักครับคุณเวธน์ ผมชื่อลูคัสเป็นพ่อของคีโอ...หรือกีรติ ชื่อที่พวกคุณคุ้นเคยกัน”

        เวธน์ฝืนยิ้ม ลองอีกฝ่ายพูดมาแบบนี้ แสดงให้เห็นว่าเรื่องของกีรตินั้นคงรู้ถึงหูเจ้าตัวเข้าให้แล้วเป็นแน่

        “เชิญท่านไปนั่งสนทนากันที่ห้องรับแขกของสำนักงานหมู่บ้านดีกว่านะครับ แดดวันนี้ค่อนข้างจะแรงมากเสียด้วย”

        เวธน์เปลี่ยนมาใช้ภาษาไทยตามอีกฝ่าย แล้วเดินนำลูคัสไปที่สำนักงานหมู่บ้าน กรกฎกับปาลินเองก็รีบตามไปทันที ส่วนกีรตินั้นยืนนิ่งอึ้งพูดอะไรไม่ออก จนริวต้องสะกิดเตือน

        “กีครับ...ตามไปสิครับ”

        “เอ่อ...แต่ว่า...”

        กีรติยังคงลังเล แต่แล้วก็ต้องสะดุ้งโหยง เมื่อชายในเครื่องแบบสูทดำอีกคนที่ลงตามลูคัสมาจากรถ เดินตรงเข้ามาหาเขา  ชายผิวคล้ำหยุดยืนตรง ยกมือขวาขึ้นประสานหน้าอก พร้อมกับโค้งศีรษะคำนับอย่างสุภาพนอบน้อม 

        “ท่านคีโอขอรับ ท่านลูคัสให้มาเชิญท่านไปด้วยขอรับ”

        “อะ...อืม...”

        กีรติพยักหน้ารับรู้ แล้วเหลือบไปมองริว อีกฝ่ายยิ้มน้อย ๆ อย่างอ่อนโยนเป็นเชิงให้กำลังใจ ทำให้กีรติเม้มปากน้อย ๆ พร้อมกับพยักหน้าตอบรับ จากนั้นจึงเหลือบไปมองพวงกุญแจกระจกยันต์ที่ริวให้ไว้ กีรตินิ่งไปชั่วครู่ ก่อนจะตัดสินใจหยิบมันมาใส่กระเป๋าเสื้อของเขา

        “...ขอพกไปเป็นเครื่องรางให้อุ่นใจหน่อยนะครับ”

        กีรติหันมาบอกกับริว ซึ่งริวก็ยิ้มให้อีกฝ่ายด้วยความดีใจที่คนรักให้ความสำคัญกับของที่ตนมอบให้เช่นนี้

        “ท่านคีโอ...เชิญครับ”

        ชายสูทดำโค้งเชื้อเชิญให้ชายหนุ่มร่างเล็กเดินนำหน้าตนไป กีรติพยักหน้ารับรู้ แล้วเดินตัวตรงนำไปด้วยท่วงท่าที่ดูสง่างามผิดเคย ทำให้ริวชะงักและรู้สึกปวดแปลบในอกขึ้นมานิด ๆ ทว่าก็ต้องรีบสลัดความคิดน้อยเนื้อต่ำใจทิ้งไป เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมา กีรติได้พิสูจน์ให้เห็นเสมอว่า ความแตกต่างระหว่างชนชั้นของพวกเขา ไม่ได้ทำให้ความรักที่มีแก่กันลดน้อยถอยลงได้เลย

        ‘กี...ผมรักคุณนะ ต่อให้เรื่องทุกอย่างจะต้องจบลงแบบไม่สวยงามนัก  แต่ผมก็จะยังคงรักคุณตลอดไป...’

         ริวนิ่งคิดและเฝ้าภาวนาขอให้สิ่งที่ตนกังวลอย่าได้เกิดขึ้น ถึงแม้ครั้งนี้จะดูคาดหวังได้ยากเย็นเสียยิ่งกว่าครั้งที่เขาปรารถนาจะหลุดพ้นจากเงาของตระกูลตนเองก็ตาม



        อีกด้านหนึ่งที่ห้องรับแขกในสำนักงานหมู่บ้าน บนโซฟามีเวธน์ ลูคัสและกีรตินั่งอยู่ ส่วนคนอื่นต่างไปยืนหลบอยู่ห่างออกไป   

        “คีโอ...จริงหรือไม่ที่ทุกคนในหมู่บ้านนี้ทราบฐานะที่แท้จริงของลูกกันหมดแล้ว”

        คำถามแรกของลูคัส ไม่เพียงแต่ทำให้กีรติสะดุ้ง ทว่ากลับทำให้คนอื่นที่ได้ยินล้วนตกใจกันไปถ้วนหน้า แม้จะมีบางรายที่พอคาดเดาสาเหตุถึงการมาของลูคัสได้บ้างแล้วก็ตาม

        “ผม...คือ...”

        กีรติอ้ำอึ้งในทีแรก ก่อนจะเม้มปากน้อย ๆ แล้วยืดตัวเงยหน้าเผชิญกับบิดาอย่างกล้าหาญ

        “ครับ ทุกคนในที่นี้ล่วงรู้ฐานะของผมกันหมดแล้ว”

        ลูคัสรับฟังด้วยใบหน้าเรียบเฉยยากจะอ่านอารมณ์ออก ทำเอาเวธน์ที่ฟังอยู่อดกังวลแทนลูกน้องของเขาไม่ได้

        “แต่ถึงแม้จะเป็นแบบนั้น แต่พวกเราทุกคนที่นี่ สามารถรับรองกับท่านได้ว่า จะไม่มีทางให้ความลับของเขาแพร่งพรายออกไปภายนอกหมู่บ้านได้อย่างแน่นอนครับ”

        ลูคัสหันมาทางเวธน์ สีหน้าเคร่งขรึมไร้อารมณ์กลับมีรอยยิ้มอ่อนโยนประดับ เมื่อเห็นถึงความจริงจังและจริงใจของหนุ่มไทยผู้นี้

        “ขอบคุณสำหรับความกรุณาและปรารถนาดี ที่คุณมีต่อลูกชายของผม...หากมีแค่เรื่องการผิดสัญญาระหว่างกันเพียงเรื่องเดียว ผมก็คงพอจะอนุโลมให้เขาใช้ชีวิตอยู่ในหมู่บ้านที่อบอุ่นแห่งนี้ต่อไปได้...”

        ลูคัสพูดเพียงแค่นั้นแล้วสบตากับอีกฝ่ายนิ่ง ซึ่งก็ทำให้เวธน์ชะงักแล้วจึงหลุบตาหลบอย่างช้า ๆ เนื่องจากเข้าใจดีว่าลูคัสนั้นหมายความถึงเรื่องใด

        “คีโอ...นอกจากเรื่องที่ทุกคนในหมู่บ้านนี้ รู้ตัวตนที่แท้จริงของลูกแล้ว ลูกยังมีเรื่องไหนที่ปิดบังพ่ออยู่อีกไหม”

        ลูคัสหันกลับมาถามบุตรชายด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ทำเอาบรรยากาศอึมครึมยิ่งชวนให้อึดอัดมากขึ้น

        “โหดน่าดูเลยนะพ่อของคุณกีรติเนี่ย...ขนาดรู้อยู่แก่ใจ ยังบังคับให้ลูกชายสารภาพด้วยตัวเองอีก”

        ปาลินที่ยืนมองอยู่ห่าง ๆ กระซิบกับลูกพี่ลูกน้อง ซึ่งกรกฎเองก็ไม่ได้ตอบอะไรกลับไป  ส่วนแฟนธอมที่ไม่ได้หลับแต่นั่งรับฟังอยู่ในห้องเงียบ ๆ ถึงกับถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ อย่างนึกสงสารรุ่นน้องของตน

        “ผม...”

        กีรติเริ่มมีอาการลังเลและเป็นกังวลอีกครั้ง ชายหนุ่มเม้มปากแน่น และมีสีหน้าครุ่นคิดคล้ายกำลังตัดสินใจบางอย่าง เขาหลับตาลงช้า ๆ มือยกขึ้นสัมผัสเครื่องรางในกระเป๋าเสื้อบริเวณหน้าอก แล้วจึงลืมตาขึ้นสบตากับบิดาโดยไม่มีแววลังเลใด ๆ ให้เห็นอีก

        “ผมมีคนที่ผมรักและตัดสินใจอยู่เคียงข้างกับเขาไปชั่วชีวิตแล้วครับท่านพ่อ”

        คำตอบของกีรติทำให้แต่ละคนในที่นั้นนิ่งอึ้ง แม้กระทั่งลูคัสเองก็ยังชะงักไปเล็กน้อย เพราะไม่คิดว่าบุตรชายจะกล้าตอบอย่างหนักแน่นจริงจังเช่นนี้ ทว่าราชาหนุ่มกลับยังคงมีสีหน้าเคร่งขรึมนิ่งเฉย พร้อมกับตั้งคำถามถัดมา

        “แล้วคนรักของลูกคนนี้ คู่ควรพอที่จะทำให้ประชาชนชาวลาซายอมรับเขา ในฐานะราชินีของราชาคนต่อไปได้หรือไม่ล่ะคีโอ”

        แม้จะเตรียมใจมาล่วงหน้าหากจะถูกบิดาตำหนิด้วยวาจารุนแรงก็ตาม  ทว่าเพียงแค่คำถามเรียบ ๆ ง่าย ๆ ของลูคัส ก็ทำเอากีรติถึงกับคิดอะไรไม่ออกไปชั่วขณะ

        “พ่อเข้าใจว่าเรื่องความรักมันห้ามกันไม่ได้ แต่พ่อก็อยากให้ลูกตระหนักถึงความจริงในเรื่องที่ว่า ลูกนั้นคือเจ้าชายรัชทายาทแห่งลาซา ผู้ที่จะต้องรับหน้าที่ปกครองประเทศสืบต่อไป ในอนาคตข้างหน้านี้”

        ลูคัสเอ่ยต่อมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบเย็นชาเสียจนองครักษ์คนสนิทยังต้องลอบกลืนน้ำลายลงคอ เหลือบมองเจ้าชายของเขาก็เห็นว่าอีกฝ่ายมีสีหน้าซีดเผือด แม้แต่คนนอกอย่างพวกเวธน์ยังแลดูวิตกกังวลอย่างเห็นได้ชัด

        “ท่านพ่อ...แต่ว่า..ผมกับคุณริว...เรา...”

        กีรติพยายามคิดหาถ้อยคำมาแย้ง แต่ก็ดูเหมือนว่าสมองของเขาจะว่างเปล่าคิดอะไรไม่ออกขึ้นมาเสียดื้อ ๆ   

        “คีโอ...ลูกคงรักคนสำคัญของลูกมากสินะ”

        คำถามถัดมาทำให้กีรติชะงักเช่นเดียวกับคนอื่น ๆ ที่รับฟัง ต่างล้วนมีความหวังในใจขึ้นมานิด ๆ ว่า ลูคัสอาจจะเข้าใจและเห็นใจต่อความรักครั้งนี้ของบุตรชายก็เป็นได้

        “คะ...ครับ ผมรักเขามาก ...รักมากจริง ๆ”

        กีรติรับคำเสียงแผ่วลง แค่เพียงนึกว่าจะต้องพรากจากริวไป เขาก็รู้สึกแน่นในอกจนเหมือนจะหายใจไม่ออกขึ้นมาทันที

        “ลูกรักเขามาก จนยอมทิ้งทุกสิ่งทุกอย่างที่ลูกมีได้ไหมล่ะคีโอ”

        กีรติชะงักพลางสบตากับอีกฝ่ายนิ่งอย่างหวั่นวิตก เพราะคำถามนั้นของบิดามันเหมือนจะแฝงความนัยบางอย่างที่เขาไม่อยากให้ตนเองเดาถูก

        “ท่านพ่อหมายความว่าอะไรหรือครับ...”

        กีรติย้อนถามกลับไป และเฝ้าภาวนาว่าจะได้รับคำตอบกลับมาแตกต่างจากที่คิดเอาไว้ ทว่า...

        “ถ้าลูกรักเขามากจนยอมทิ้งทุกสิ่งทุกอย่างได้...พ่อก็จะยอมปล่อยให้ลูกได้ทำตามใจชอบ เพียงแต่ขอให้ลูกจงจดจำเอาไว้อย่างหนึ่งว่า...นับตั้งแต่ที่ลูกเลือกความรักแทนหน้าที่ เจ้าชายคีโอแห่งประเทศลาซา ก็จะไม่มีตัวตนสำหรับพ่อและประชาชนชาวลาซาอีกต่อไป”

         กีรติทิ้งตัวพิงพนักโซฟาอย่างอ่อนแรง ไร้ซึ่งคำพูดโต้แย้งอันใดออกไปทั้งสิ้น ทางด้านเวธน์นั้นมองชายหนุ่มอย่างนึกสงสาร เพราะแม้ว่าลูคัสจะไม่ได้บังคับขู่เข็ญให้กีรติเลิกกับริว ทว่าทางเลือกที่เจ้าตัวมอบให้ ก็ไม่แตกต่างอันใดกับการบังคับสักนิด 

        “ลูกอาจจะต้องการเวลาสำหรับคิดคำตอบ...เอาไว้พ่อจะมาฟังคำตอบของลูกในช่วงเย็นนี้แล้วกัน”

          ลูคัสที่เห็นสภาพอ่อนแรงของบุตรชายเอ่ยขึ้นเบา ๆ แล้วจึงหันกลับไปทางเวธน์พร้อมเอ่ยลา ซึ่งเวธน์ก็รีบโค้งศีรษะตอบรับพลางลุกขึ้นเดินไปหมายจะส่งอีกฝ่ายถึงรถ ทว่าลูคัสนั้นปฏิเสธด้วยความเกรงใจเสียก่อน หากแต่สายตาที่มองไปยังบุตรชายวูบหนึ่งแล้วจึงหันกลับมามองเจ้าของที่ดินหนุ่มนั้น ทำให้เวธน์ชะงัก เขาสบตาราชาหนุ่มครู่หนึ่งแล้วจึงโค้งให้อีกครั้ง ก่อนจะกลับเข้าไปในสำนักงาน เพื่อตั้งใจปลอบโยนให้กีรตินั้นได้คลายเศร้าลงไปบ้างแทน



        อีกด้านหนึ่งที่ป้อมยาม ริวนั้นกลับไม่ได้มีอาการช็อกหรือโมโหโวยวายแต่อย่างใด ทำเอาเจอรัลด์นึกแปลกใจ  เนื่องจากเพราะอเล็กซ์ส่งข้อความไปบอกเขาว่าบิดาของกีรติมาที่หมู่บ้าน  เขาจึงรีบตรงมายังป้อมยาม เพราะเกรงว่าริวจะเสียใจหรือลืมตัวอาละวาด หากแต่ชายหนุ่มกลับนิ่งรับฟังเสียงที่อเล็กซ์ถ่ายทอดด้วยท่าทางนิ่งเฉยกว่าที่คิด

         ทว่าจู่ ๆ ริวที่นิ่งเงียบก็ลุกขึ้นยืน ทำเอาเจอรัลด์สะดุ้งโหยง แล้วก็พลันเข้าใจว่าเหตุใดริวถึงลุกขึ้นมาเช่นนี้ 

        “คุณคงเป็น คุณยูกิมูระ ริว สินะ”

        ลูคัสที่เดินตรงมาป้อมยามเอ่ยทักทายกับริว ซึ่งหนุ่มญี่ปุ่นนั้นก็โค้งศีรษะให้กับอีกฝ่าย ทว่าคำพูดที่ตอบกลับไปนั้นหาใช่การทักทายแนะนำตัวเองอย่างที่ควรเป็น

        “ผมเข้าใจว่าท่านปรารถนาดีต่อกีรติ จึงต้องใช้วิธีการที่เด็ดขาดเช่นนี้ ...แต่ผมเองก็ไม่อาจจะเห็นด้วยกับการกระทำของท่านทั้งหมด เพราะเขาเองก็เป็นคนสำคัญที่สุดสำหรับผมเช่นกัน”

        ลูคัสเลิกคิ้วมองหน้าอีกฝ่ายที่ดูเหมือนจะล่วงรู้ถึงบทสนทนาภายในสำนักงานเป็นอย่างดี แต่ก็ไม่ได้แสดงท่าทางแปลกใจออกไปมากนัก

        “ผมแค่เสนอทางเลือกให้ลูกชายของผมได้เลือกก็เท่านั้น”

        คำตอบของลูคัสทำให้ริวเม้มปากน้อย ๆ แล้วจึงเอ่ยโต้ตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงที่พยายามข่มอารมณ์

        “ครับ...ทางเลือกที่ทำให้กีรติเจ็บปวดจนหัวใจแทบสลาย”

        ลูคัสชะงักเล็กน้อยแต่ก็ยังคงมีท่าทางนิ่งเฉยไม่หวั่นไหวใด ๆ ให้เห็น

        “กีรติเป็นคนจิตใจดี อ่อนโยน จนผมเองก็เผลอคิดไปว่า บางทีหากเรื่องของผมกับเขาถูกล่วงรู้เข้า ผมคงจะมีหนทางพูดคุยตกลงกับทางครอบครัวของเขาได้บ้าง...แต่ผมเพิ่งจะรู้ตอนนี้เองว่า...ท่านนั้นเหมาะสมกับการเป็นราชาเสียยิ่งกว่าเป็นพ่อคน”

        “นี่คุณมากไปแล้วนะ!”

        จาค็อบตวาดใส่ริว แต่ก็ต้องชะงักเมื่อลูคัสยกมือขึ้นห้ามปรามช้า ๆ

        “ผมเข้าใจว่าคุณรู้สึกเช่นไร ...แต่คุณพูดถูกแล้ว  สำหรับผม ความเป็นราชาย่อมมาก่อนความเป็นพ่อคน... คีโอเองก็เช่นกัน เขาเป็นเจ้าชาย เป็นรัชทายาท มาก่อนที่จะได้รู้จักคุณด้วยซ้ำ”

        ลูคัสเปรยด้วยน้ำเสียงราบเรียบไร้วี่แววขุ่นเคืองโกรธแค้นใด ๆ ให้สัมผัสทั้งสิ้น

        “ใช่...ผมรู้ดี และเตรียมตัวเตรียมใจอยู่เสมอ หากจะต้องผิดหวังและต้องจากกับเขาในวันใดวันหนึ่ง...”

        ริวโต้ตอบด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครืออย่างพยายามควบคุมอารมณ์นิด ๆ แล้วสบตากับอีกฝ่ายนิ่งด้วยแววตาจริงจังหนักแน่น

        “และถ้าหากผมรู้ว่าท่านจะเลือกวิธีนี้มาใช้บีบบังคับเขาล่วงหน้า...ผมก็คงเป็นฝ่ายออกไปจากชีวิตของกีรติเสียก่อน ...ผมมั่นใจว่ากีรติรักผมเหมือนกับที่ผมรักเขา... การที่เราเลิกกัน อาจจะทำให้เขาเสียใจมากก็จริง ...แต่ก็คงน้อยกว่าการที่ต้องถูกพ่อแท้ ๆ ยื่นคำตัดขาดกับตัวเองแน่!”

         ลูคัสยืนนิ่งสบตากับหนุ่มญี่ปุ่นอยู่สักพัก ก่อนจะเอ่ยถามกลับไปด้วยน้ำเสียงราบเรียบยากอ่านอารมณ์ออกเช่นเคย

        “แสดงว่าคุณพร้อมที่จะเลิกกับคีโอ เพื่ออนาคตของคีโอเองสินะ”

         ริวนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง แล้วจึงสูดลมหายใจเข้าปอด แสดงถึงการตัดสินใจเด็ดเดี่ยว

        “ผมจะส่งกีรติคืนให้คุณ...กีรติที่ยังคงไม่รู้จักและรักคนที่ไม่คู่ควรกันอย่างผม”

        คำพูดของริวทำให้ลูคัสขมวดคิ้วอย่างประหลาดใจ ทว่าเจอรัลด์ที่ยืนฟังอยู่ถึงกับเบิกตากว้างแล้วรีบแย้งออกไป

        “คุณริว! เดี๋ยวก่อน! คุณคงไม่...”

        ริวหันมายิ้มน้อย ๆ ให้เจอรัลด์ ทำเอานักประดิษฐ์หนุ่มพูดอะไรไม่ออก จากนั้นหนุ่มญี่ปุ่นก็หันไปทางลูคัสแล้วบอกกับอีกฝ่าย

        “กลับไปที่สำนักงานกันเถอะครับ...”

        ริวบอกแล้วจึงเดินนำไป ทางด้านจาค็อบทำเหมือนจะห้ามไม่ให้ลูคัสตาม เพราะรู้สึกไม่ไว้วางใจในตัวริวนัก เนื่องจากสืบทราบมาว่าอีกฝ่ายนั้นเคยเป็นอดีตนักพรตองเมียวมาก่อน และยังมีวิชาอาคมแปลก ๆ ที่สามารถทำร้ายคนธรรมดาได้อีกด้วย

        “ไม่เป็นไร จาค็อบ...ฉันก็อยากจะรู้เหมือนกันว่า เขาจะเลือกทางที่จะไม่ทำให้คีโอต้องเสียใจ ให้ฉันได้เห็นแบบไหน”

       

        เจอรัลด์มองตามคนที่เดินไปอย่างเวทนา เสียงอเล็กซ์ที่ดังขัดขึ้นทำให้เขาชะงักงัน

        “ทำไมคุณริวต้องเสียสละขนาดนี้ด้วยล่ะครับ ทั้งที่เขาสามารถใช้อาคมบังคับเปลี่ยนใจคุณพ่อของคุณกีรติได้เลยด้วยซ้ำ” 

         เจอรัลด์ถอนหายใจเบา ๆ ใช่ว่าเขาจะไม่เคยคิดแบบอเล็กซ์ แต่เขาก็รู้ดีว่าริวจะไม่ทำแบบนั้นแน่  หนุ่มญี่ปุ่นหยิ่งในศักดิ์ศรีและรักกีรติมาก เสียจนไม่อาจจะลงมือใช้วิธีอันเห็นแก่ตัว ทำให้ความรักของตนสมหวังได้

        “คุณริวเป็นคนแบบนี้ล่ะอเล็กซ์ ...และเพราะเขาเป็นคนแบบนี้ ก็เลยทำให้คุณกีรติสนใจและให้ความสำคัญกับเขามากยิ่งกว่าใครในหมู่บ้านนี้ยังไงล่ะ”

        เจอรัลด์พึมพำตอบ เขาเดินตามพวกริวไปแต่เลือกที่จะเข้าไปทางประตูด้านหลังสำนักงาน โดยตั้งใจไปหาแฟนธอมเพื่อคอยปลอบโยนภายหลัง  เพราะเจอรัลด์มั่นใจว่า แฟนธอมนั้นจะต้องรู้สึกเจ็บปวดต่อการตัดสินใจในครั้งนี้ของริวไปด้วยเป็นแน่

       

        อีกด้านหนึ่งภายในสำนักงานหมู่บ้าน กีรตินั้นถึงกับสะดุ้งนิด ๆ ด้วยความตกใจ เมื่อเห็นริวเดินเปิดประตูเข้ามา โดยมีลูคัสเดินตามมาด้วย

        “คุณริว...”

        “กี...ขอโทษนะ เพราะผมแท้ ๆ ถึงทำให้คุณต้องปวดใจแบบนี้”

        ริวเดินมาทรุดตัวชันเข่าต่อหน้าอีกฝ่าย ทำให้กีรติน้ำตาคลอก่อนจะสะอื้นตอบ

        “ไม่ใช่ความผิดของคุณริวหรอกครับ...แต่ผิดที่ผมเองต่างหาก...ผิดที่ผมไม่อาจจะเลือกตัดใจได้ทั้งจากคุณ จากครอบครัว และจากประเทศ...ผมขอโทษครับคุณริว...ขอโทษจริง ๆ”

        เสียงสะอื้นและคำพูดขอโทษของคนรัก ทำเอาริวปวดแปลบไปทั้งหัวใจ เขาเหลือบไปมองลูคัสแวบหนึ่งก็ทันได้เห็นแววตาเฉยชานั้นฉายแววเจ็บปวดไม่ต่างกัน และนั่นจึงทำให้ริวชะงักงัน ก่อนจะหลุบตาลงพลางยิ้มเศร้า ๆ ให้กับตัวเอง  จากนั้นหนุ่มญี่ปุ่นจึงหันกลับมาหาคนที่นั่งอยู่ แล้วบอกกับอีกฝ่ายพร้อมรอยยิ้มอ่อนโยน

        “กี...คุณเชื่อไหมว่าผมรักคุณมาก ...รักมาจากหัวใจ รักโดยไม่สนว่าคุณจะเป็นใคร มีฐานะอะไร”

        กีรติสบตาริวพลางพยักหน้ารับรู้ ก่อนจะพึมพำตอบ

        “ผมรู้ครับ...ผมเองก็รักคุณมาก ...รักจนลืมไปว่าตัวเองเป็นใคร...และมีหน้าที่อะไรต้องรับผิดชอบ...ผมอยากเป็นนายกีรติ...เป็นคนธรรมดา ที่ทำหน้าที่เป็นยามประจำหมู่บ้านมีสุขแห่งนี้ต่อไปเรื่อย ๆ ...แต่ผม...แต่ผมก็ทิ้งครอบครัว...ทิ้งผู้คนที่ลาซาไปไม่ได้...”

        ริวถอนหายใจยาว แล้วจึงเอื้อมมือไปลูบใบหน้าอ่อนเยาว์ของคนรักอย่างทะนุถนอม

        “ผมเองก็ยอมให้คุณทำแบบนั้นไม่ได้เหมือนกัน...ผมรักคุณนะกีรติ ...และเพราะรักมาก จึงต้องตัดสินใจทำแบบนี้”

        กีรติสบตากับอีกฝ่ายอย่างงุนงง ก่อนจะอุทานเบา ๆ อย่างตกใจ เมื่ออีกฝ่ายยกมือขึ้นอังหน้าของตน

        “นั่นคุณจะทำอะไรเจ้าชายน่ะ!”

        จาค็อบขยับจะไปขวางอย่างตกใจเมื่อเห็นฝ่ามือของริวปรากฏแสงเรืองรองขึ้น ทว่าลูคัสนั้นกลับยกมือห้ามเอาไว้

        “ปล่อยเขาจัดการธุระของเขาให้เรียบร้อยเถอะจาค็อบ พวกเราคอยดูอยู่เงียบ ๆ จะดีกว่า”

        ลูคัสเปรยบอกเรียบ ๆ มาถึงจุดนี้เขาที่รับรู้ข้อมูลประวัติของริวมาก่อนหน้านั้นไม่แตกต่างจากองครักษ์คนสนิท ก็พอจะคาดเดาได้แล้วว่าริวต้องการทำอะไรกันแน่

        “คุณริว...หรือว่าคุณจะ...”

        กีรติที่เอะใจต่อการกระทำและคำพูดของทุกฝ่ายเริ่มฉุกคิดขึ้นมาได้ เขาพยายามจะขยับหนี แต่ก็ดูเหมือนเรี่ยวแรงของเขาจะหดหายไป หนังตาเริ่มหนักขึ้นเรื่อย ๆ ใบหน้าของริวก็เริ่มเลือนหายไปจากอนุสติทีละน้อย

        “ไม่นะครับ...ไม่เอานะคุณริว...ผมรักคุณนะครับ...ผมรักคุณ...ผมไม่อยากลืมคุณ...ไม่อยาก...”

        กีรติหลับลงไปพร้อมกับหัวใจซึ่งปวดร้าวเจียนแตกสลายของผู้ใช้อาคมที่ต้องทำให้คนรักลืมเลือนตนด้วยมือของตัวเอง

        “ขอโทษนะกี...ผมไม่มีทางเลือกอื่นที่ดีกว่านี้อีกแล้ว...”

        ริวพึมพำแล้วยกมือของอีกฝ่ายขึ้นจูบแผ่วเบา ภาพที่เห็นทำให้พวกเวธน์ต้องเบือนหน้าหนีอย่างนึกสงสาร

        “ผมขอคืนกีรติให้กับท่าน...เขาจะจดจำเรื่องของผมและเรื่องของหมู่บ้านแห่งนี้ไม่ได้อีก ...และถ้าไม่จำเป็นท่านก็อย่ากระตุ้นให้เขานึกได้จะดีที่สุด...เพราะผมไม่อยากให้เขาต้องเจ็บปวดแบบนี้อีกแล้ว”

        ริวที่ยังคงนั่งคุกเข่าก้มหน้าบอกกับลูคัสโดยไม่หันกลับไปมองอีกฝ่าย ทั้งหมดอยู่ในความเงียบชวนอึดอัดอยู่พักใหญ่ ริวจึงยันกายลุกขึ้น แล้วเดินออกจากสำนักงานหมู่บ้านไปโดยไม่พูดจากับใครทั้งสิ้น

        “ผมคงต้องพาคีโอกลับประเทศก่อน...ไว้คราวหน้า ผมจะหาเวลามาขอบคุณเรื่องคีโอ อย่างเป็นทางการอีกครั้ง”

        ลูคัสบอกกับเวธน์แล้วเดินตรงไปอุ้มร่างของบุตรชายที่หลับไปทั้งน้ำตา ก่อนจะหันมาพยักหน้าเป็นเชิงอำลาเจ้าของที่ดินหนุ่มอีกครั้ง ทางด้านจาค็อบนั้นยืนโค้งให้กับพวกเวธน์แล้วตามผู้เป็นเจ้านายไปติด ๆ

 

         พอลับร่างพวกลูคัสไปแล้ว เวธน์จึงค่อย ๆ เดินไปทิ้งตัวทรุดนั่งลงบนโซฟาอย่างอ่อนแรง โดยที่ปาลินนั้นตามไปนั่งใกล้ ๆ และโอบกอดคนรักอย่างปลอบโยน

        “...ทำไมคุณริวถึงต้องเลือกวิธีที่ทำร้ายทั้งตัวเองและทำร้ายคนที่เขารักแบบนี้ด้วยนะ...ทั้งสองคนนั่นไม่ควรจะต้องจากกันแบบนี้เลยแท้ ๆ”

        เวธน์พึมพำแผ่วเบาแล้วพิงศีรษะลงกับอกกว้างของปาลินอย่างไม่สนใจว่าจะมีใครมองมาหรือไม่

        “...ผมเชื่อนะครับว่า ต่อให้เป็นอาคมที่รุนแรงร้ายกาจสักเพียงใด...แต่มันก็ไม่อาจที่จะลบความรักแท้ของคนเราให้เลือนหายไปจากหัวใจได้อย่างแน่นอน”

        คำพูดของปาลินทำให้เวธน์นิ่งอึ้งไปชั่วครู่ ก่อนจะเริ่มมีรอยยิ้มให้เห็น  ทางด้านกรกฎยืนมองคนทั้งสองอยู่เงียบ ๆ โดยไม่คิดเข้าไปร่วมสนทนาด้วย  ทว่าสักพักเขาก็ต้องชะงักเมื่อได้ยินเสียงสะอื้นเบา ๆ จากห้องของแฟนธอม พร้อมกับเสียงปลอบโยนอันคุ้นเคยจากเจอรัลด์ที่ดังแว่วมาให้ได้ยิน 

         เลขาหนุ่มลอบถอนหายใจ เมื่อรู้สึกว่าตนเริ่มเป็นส่วนเกินในที่นี้ ชายหนุ่มตัดสินใจเดินเลี่ยงออกไปด้านนอกสำนักงาน ทว่าพอได้เห็นป้อมยามประจำหมู่บ้านเขาก็ต้องใจหาย  เพราะนับตั้งแต่นี้ไป เขาคงไม่มีโอกาสได้เห็นรอยยิ้มแจ่มใส จากคนที่อยู่เฝ้าประจำป้อมในช่วงเช้านั่นอีกแล้ว

        “...คุณกีรติ ผมเองก็เป็นอีกคน ที่คาดหวังว่าคุณจะไม่ลืมคุณริว...ไม่ลืมพวกเราทุกคนที่นี่... และเมื่อวันนั้นที่คุณจดจำทุกอย่างได้ทั้งหมด...คุณจะสามารถตัดใจทิ้งทุกอย่างที่นั่น และกลับมาหาคนที่เสียสละเพื่อคุณคนนั้นอีกครั้งหนึ่ง...”

        กรกฎพึมพำแล้วก็หัวเราะหยันตัวเอง ทั้งความคิดที่แทบจะเป็นไปไม่ได้ และความเห็นแก่ตัวที่อยากให้อีกฝ่ายตัดใจทิ้งบ้านเกิด และเลือกใช้ชีวิตธรรมดาในแบบเดิมที่ผ่านมาก่อนหน้านั้นแทน

        “ช่วยไม่ได้ ...ก็เราเป็นแค่คนธรรมดาทั่วไปนี่นะ ...จะอิจฉาบ้าง จะเห็นแก่ตัวบ้าง... มันจะแปลกอะไร”

        กรกฎเปรยบอกตัวเอง แล้วตัดสินใจเดินตรงไปยังซอยสอง อันเป็นที่ตั้งของบ้านพักแพทย์ประจำหมู่บ้าน  อย่างน้อยแม้เจ้าของบ้านจะคอยกวนประสาทและชอบพูดจาให้เขาโมโหอยู่ประจำ  แต่หมอหนุ่มก็เป็นเพียงคนเดียวที่เขาสามารถพูดระบายทุกเรื่องได้โดยไม่ต้องเก็บงำความรู้สึกของตนเอาไว้ อย่างที่เขามักเป็นอยู่เสมอต่อหน้าคนอื่น


... TBC ...
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 26-11-2013 13:57:10 โดย Xenon »

ออฟไลน์ Xenon

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 705
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +482/-4
...ขนาดอ่านทบทวน ก็ยังมีอุปสรรคมาขัดสมาธิประปราย ...ถ้าพบเจอคำผิดหรือประโยคประหลาดหลุดรอดไป ปัดต้องขออภัยด้วยนะคะ ... :mew2:



บทที่ 30



         กีรติลืมตาตื่นขึ้นมาอย่างมึนงง เขามองไปรอบ ๆ แล้วก็ต้องนิ่วหน้าอย่างแปลกใจต่อสถาปัตยกรรมของลายผนังและเครื่องเรือนตกแต่งภายในห้อง

        “ที่ไหน...ทำไมรู้สึกคุ้น ๆ ตาจัง”

        ชายหนุ่มร่างเล็กยันกายลุกขึ้นจากเตียงนุ่ม แล้วเดินตรงไปยังหน้าต่าง มองออกไปด้านนอกก็เห็นท้องทะเลกว้างงดงามชินตา เจ้าตัวขมวดคิ้วยุ่ง แล้วพึมพำออกมาแผ่วเบา

        “ลาซา...ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ได้ล่ะ...ก็เรา...”

        กีรติเอ่ยค้างไว้ แล้วก็ต้องนิ่วหน้า เมื่อเขาจำไม่ได้ว่าเกิดอะไรขึ้นก่อนหน้านั้น

        “ทำไมถึงจำอะไรไม่ได้เลยนะ...”

        กีรติพึมพำแผ่วเบา แล้วจึงค่อย ๆ ไล่เรียงเหตุการณ์เท่าที่เขาพอจะจดจำได้ก่อนหน้านั้น 

         “....ก่อนหน้านั้นซุปเปอร์มาเก็ตปิดตัว...เราต้องออกจากงาน ...แล้วก็ได้งานใหม่...แล้วเราก็ได้เจอกับเขา...เขาคนนั้น...ใครกัน...”

        ยิ่งคิดก็ยิ่งเหมือนในสมองมีม่านหมอกขาวลอยมาปิดบัง  กีรติพยายามจะคิดต่อ ทว่าเขากลับรู้สึกปวดหัวจนถึงกับต้องทรุดลงไปนั่งคุกเข่ากุมศีรษะเอาไว้ ทำเอาโนอาที่เข้ามาเยี่ยมพี่ชายคนโตพร้อมน้องสาว เบิกตากว้างด้วยความตกใจ และรีบวิ่งตรงเข้าไปหาร่างเล็กทันที

        “คี! เกิดอะไรขึ้น! เป็นอะไรไป!”

        “โนอา! เดี๋ยวหนูจะไปตามหมอมาให้นะคะ!”

        เด็กสาวผมทองหยักศกหน้าตางดงามละม้ายคล้ายกับเด็กหนุ่ม รีบบอกกับพี่ชายของเธอ

        “เร็ว ๆ เข้านะเอวา!”

        “ค่ะ! หนูจะรีบมารีบไป!”

        เด็กสาวรีบบอกแล้ววิ่งพรวดพราดออกไปนอกห้องจนแทบจะชนกับนางกำนัลที่เดินเข้ามาดูในห้องด้วยความตกใจต่อเสียงเอะอะที่เกิดขึ้น

        “เกิดอะไรขึ้นหรือเจ้าคะท่านโนอา...ตายจริง! ท่านคีโอเป็นอะไรไปเจ้าคะ ดูหน้าซีดมากเชียว...  อ๊ะ! เดี๋ยวดิฉันจะรีบไปตามหมอให้นะเจ้าคะ!”

        “ไม่ต้อง...เอวาออกไปตามหมอมาให้แล้ว...”

        โนอาพึมพำบอก พลางกอดพี่ชายแน่นด้วยความสงสาร

        “อย่าคิดอะไรอีกเลยคี...ถ้าหากจำได้ คีก็มีแต่จะต้องเจ็บปวดอีกเท่านั้นเอง”

        “...โนอา...ทำไมพี่ถึงนึกอะไรไม่ออก...ทั้ง ๆ ที่พี่อยากนึกออกเหลือเกิน...คน ๆ นั้น...เขาเป็นใครกันหรือโนอา...เขายิ้มเศร้า ๆ ให้พี่...แล้วเขาก็หายไป...ใครกัน...คุณเป็นใครกันแน่...”

        กีรติพึมพำถามน้องชาย น้ำตาไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว แม้จะปวดหัวมากก็จริง ทว่าภายในใจมันกลับยิ่งเจ็บมากกว่าหลายเท่า กีรติรู้ดีว่ามันไม่ใช่อาการทางร่างกาย แต่เขาก็ตอบตัวเองไม่ได้ว่ามันเกิดจากสาเหตุใด

        “คี...”

        แม้จะรู้ความจริงจากบิดามาแล้ว แต่โนอากลับพูดอะไรไม่ออก เขาสงสารพี่ชายจับใจ และสงสารริวที่ทำเพื่อพี่ชายของตน  เด็กหนุ่มไม่อยากให้กีรติจำได้ เพราะถึงยังไงสุดท้ายทั้งกีรติกับริวก็ต้องพรากจากกันอยู่ดี 

        “คีโอ! เป็นอะไรไปน่ะ! โนอา! พี่เขาเป็นอะไรไป!”

        ไรอันที่ตั้งใจมาเยี่ยมหลานชายและสวนเข้ากับเอวา รีบวิ่งพรวดพราดมาดูหลานชายคนโตอย่างตกใจ 

        “ท่านอา...ผมสงสารคี...ทำไมล่ะ...ท่านพ่อไม่สงสารคีบ้างหรือ...สำหรับท่านพ่อแล้ว...ประเทศสำคัญกับท่านพ่อ เสียยิ่งกว่าความรู้สึกของลูกชายตัวเองอย่างนั้นหรือครับ”

        โนอาสะอื้นบอกกับอาของเขา ทำเอาไรอันถึงกับชะงัก พูดอะไรไม่ออกไปครู่หนึ่ง เจ้าตัวเงียบไปสักพักก่อนจะเอ่ยตอบกลับไป

        “โนอา...พ่อของหลานไม่ได้เป็นแบบนั้นหรอกนะ...เขารักพี่ชายของหลานมาก...อารู้ดี”

        เด็กหนุ่มเงยหน้ามองอีกฝ่ายแล้วย้อนถามกลับไปทั้งน้ำตา

        “รักหรือครับ...การที่คีต้องเป็นแบบนี้ ก็เพราะความรักของท่านพ่ออย่างนั้นสินะครับ”

        ไรอันเงียบกริบ และก็ต้องชะงักเมื่อได้ยินเสียงทุ้มของใครบางคนดังขึ้นหน้าห้องพัก

        “ไรอัน...พาคีโอมาที่เตียงสิ  ท่านหมอจะได้ตรวจอาการเขา”

        น้ำเสียงราบเรียบไร้ความรู้สึกใด ๆ ดังขึ้น ทำให้ทั้งโนอาและไรอันต่างหันขวับไปยังต้นเสียง ข้างกายลูคัสนั้นมีหมอหลวงชราและเอวายืนอยู่ด้วย ทั้งคู่นั้นมีสีหน้าลำบากใจและเป็นกังวล เพราะต่างก็ได้ยินในสิ่งที่โนอาสนทนากับไรอันอย่างชัดเจน

        “ท่านหมอ...เชิญข้างในได้แล้ว”

        ลูคัสหันมาบอกกับชายชราข้างกายเขา ซึ่งอีกฝ่ายก็รีบโค้งรับแล้วเดินไปที่เตียงซึ่งตอนนี้ไรอันนั้นอุ้มร่างของกีรติมานอนเรียบร้อย

        “คีโอ...อาการเป็นอย่างไรบ้าง...ปวดหัวมากอย่างนั้นหรือ”

        ลูคัสนั่งข้างที่เตียงของบุตรชายคนโต แล้วลูบศีรษะอีกฝ่ายอย่างอ่อนโยน จนโนอาที่มองอยู่ต้องเบือนหน้าไปอีกทาง เพราะรู้ดีว่าบิดาไม่ได้เสแสร้งแกล้งทำ หากแต่ทำลงไปเพราะรักและห่วงใยพี่ชายของตนอย่างแท้จริง

        “ท่านพ่อครับ...ผมพยายามนึกถึงเรื่องราวก่อนหน้านั้น...แต่นึกเท่าไรก็นึกไม่ออก ...ทำไมผมถึงกลับมาลาซาได้...เกิดอะไรขึ้นหลังจากที่ผมออกจากงานหรือครับ...เท่าที่จำได้เลือนราง ผมน่าจะกำลังได้งานใหม่...มีใครบางคนรับผมเข้าทำงาน...แต่ผมกลับนึกไม่ออกว่าเป็นงานอะไร...”

        กีรติพูดเหมือนเพ้อ นัยน์ตาเหม่อลอยมองเพดาน ภาพนั้นทำให้ไรอันเองยังรู้สึกเวทนาหลานชายจนไม่อาจทนมองต่อได้

        “ลูกก็แค่ฝันไป...ฝันยาวนานเสียจนทำให้ลูกสับสนเท่านั้น...”

        ลูคัสบอกขณะลูบศีรษะบุตรชายแผ่วเบาอย่างอ่อนโยน

        “ฝันหรือครับ...นั่นสินะ...คงเพราะเป็นฝัน เวลาตื่นมาถึงจำอะไรไม่ได้เลย...”

        กีรติพึมพำ ชายหนุ่มค่อย ๆ หลับตาลง และบอกกับบิดาทั้งที่ยังคงไม่ลืมตา

          “ผมจำไม่ได้ก็จริง...แต่ในความฝันนั้น...มีใครบางคนยิ้มให้ผม...พอได้เห็นเขา ผมก็รู้สึกเป็นสุขมาก...แต่ทั้ง ๆ ที่สุขขนาดนั้น...ทำไมหัวใจของผม มันถึงได้เจ็บเหลือเกิน...ผมไม่เข้าใจตัวเองเลยครับ...ท่านพ่อ....”

        เสียงลมหายใจค่อย ๆ ดังขึ้นอย่างสม่ำเสมอจากร่างที่หลับไปแล้ว ลูคัสใช้ปลายนิ้วเช็ดน้ำตาของบุตรชายแผ่วเบา แล้วปล่อยให้หมอหลวงตรวจอาการของกีรติต่อ ซึ่งก็ได้รับคำตอบว่าสุขภาพของอีกฝ่ายนั้นปกติดี 

        “ถ้าไม่ทำให้เขาฝืนนึก ก็จะไม่เกิดอาการแบบนี้อีก...หวังว่าพวกเธอคงจะมีวิธีพูดปลอบหรือเบี่ยงเบนสถานการณ์ที่ดีกว่าครั้งนี้นะ”

        ลูคัสหันไปบอกบุตรชายคนรองและบุตรสาวคนเล็ก ซึ่งโนอาก็เบือนหน้าหนีไปอีกทางอย่างต่อต้าน ส่วนเอวานั้นพยักหน้ารับรู้น้อย ๆ แต่ก็ยังคงเหลือบมองพี่ชายคนโตอย่างนึกสงสาร

        “พี่ครับ...มันไม่มีทางเลือกทางอื่นที่ดีกว่านี้ อีกแล้วหรือครับ”

        ไรอันท้วงพี่ของตนด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ การกระทำของริวแสดงให้เห็นถึงความรักที่อีกฝ่ายมีต่อหลานชายของเขาเป็นอย่างดี และอาการที่กีรติเป็นอยู่ก็ยิ่งแสดงให้เห็นว่า ความรักระหว่างทั้งคู่นั้นเป็นรักแท้ต่อกัน แม้กระทั่งจะถูกลบเลือนความทรงจำไป แต่หัวใจของกีรติก็ยังคงคิดถึงริวอยู่เสมอ   

        “น้องอาจจะคิดว่าพี่โหดร้ายกับคีโอมากก็จริง...แต่คีโอถูกกำหนดชะตาชีวิตมาตั้งแต่ก่อนเขาเกิดแล้ว... ประเทศต้องการราชา และคนเป็นราชาก็ควรต้องทุ่มเทเสียสละให้กับประเทศยิ่งสิ่งอื่นใด...คีโออาจจะโชคร้าย เมื่อความรักที่เขาเลือกนั้นสวนทางกับหน้าที่ซึ่งเขาต้องรับผิดชอบ ...แต่ในความโชคร้ายนั้นก็ยังคงมีความโชคดี เพราะคนรักของคีโอรักเขามาก...มากพอที่จะเสียสละเพื่ออนาคตของคนที่ตนรักได้”

        ลูคัสมีใบหน้าอ่อนโยนลงชั่วขณะเมื่อเอ่ยถึงคนรักของบุตรชาย ก่อนจะกลับกลายมาเป็นเคร่งขรึมตามเดิมหลังจากนั้น   

        “พี่ฝากน้องเฝ้าดูอาการของคีโอเอาไว้ให้ดี ๆ ในช่วงนี้ ...แต่ถ้าเขายังคงไม่หาย บางทีพี่อาจจะต้องพึ่งเพื่อนของน้อง ให้ช่วยจัดหานักพรตองเมียวฝีมือดีสักคน มาช่วยเหลือเรื่องนี้ก็เป็นได้...”

        ลูคัสเอ่ยทิ้งท้าย และนั่นก็ทำให้โนอาหันขวับมามองบิดาด้วยแววตาวาวโรจน์

        “ท่านพ่อยังจะคิดทำอะไรกับความทรงจำของคีไปมากกว่านี้อีกหรือครับ!”

        “โนอา! อย่าขึ้นเสียงกับพ่อของหลานแบบนั้นสิ!”

        ไรอันรีบปราม เพราะถึงแม้ว่าทั้งคู่จะเป็นพ่อลูกกัน แต่ลูคัสก็ยังเป็นถึงราชาผู้อยู่บนจุดสูงสุดของประเทศอยู่ดี

        “ไม่เป็นไร...ปล่อยเขาพูดไปเถอะไรอัน”

        ลูคัสยังคงนิ่งเฉย ส่วนไรอันนั้นเริ่มลังเลว่าจะทำเช่นไร ทว่าก็ต้องชะงักเมื่อเอวาดึงแขนเสื้อของเขาเบา ๆ เนื้อตัวสั่นเทาด้วยความหวาดกลัวว่าบิดาจะโกรธและลงโทษโนอาอีกคน

         “...ใจเย็น ๆ เอวา ไม่มีอะไรหรอก ...พวกเราไปรอข้างนอกกันดีกว่านะ”

        ไรอันปลอบหลานสาวแล้วเหลือบมองพี่ชายของเขา ทางด้านลูคัสนั้นพยักหน้าเล็กน้อยเห็นดีด้วยตามนั้น  และเมื่อทุกคนออกไปหมดแล้ว ในห้องก็เหลือเพียงแต่โนอากับลูคัส และกีรติที่นอนหลับอยู่

        “ท่านพ่อ...บอกผมได้ไหม  สำหรับท่านพ่อแล้ว อะไรสำคัญกับท่านพ่อมากกว่ากัน ...ประเทศ...หรือลูกอย่างพวกผม”

        โนอาถามด้วยน้ำเสียงเบาหวิว ทั้งที่เขาเองนั้นก็พอจะรู้คำตอบล่วงหน้าอยู่แล้ว ทว่าเด็กหนุ่มก็ยังคงอยากเสี่ยงที่จะฟังอยู่ดี

        “โนอา...พ่อเข้าใจในความรู้สึกของลูกยามนี้ดี...ถ้าพ่อเป็นเพียงพ่อคนหนึ่ง ไม่ใช่ราชาของประเทศ พ่อก็คงพร้อมจะทำทุกสิ่งให้ลูกของพ่อทุกคนมีความสุข... แต่เพราะพ่อเป็นราชา สิ่งที่พ่อจะเลือกจะตัดสินใจ จึงต้องคำนึงถึงส่วนรวมเป็นหลัก ...แม้ว่านั่นมันจะทำให้ลูก ๆ ของพ่อ ต้องเจ็บปวดสักเพียงใดก็ตาม”

        โนอายืนนิ่งเงียบ น้ำตาไหลอาบแก้ม ...ทั้งที่รู้ดีว่าจะต้องได้ยินในสิ่งนี้ แต่เขาก็ยังคงคาดหวัง แม้จะรู้ว่ามันคงไม่มีทางสมหวังได้เลยก็ตาม

        “ผมเข้าใจแล้วครับ...เข้าใจแล้ว...”

        โนอาพึมพำตอบรับแล้วเดินออกจากห้องไป จนเกือบจะชนกับหญิงสาวคนหนึ่งที่เดินสวนเข้ามา

        “ท่านแม่...”

        “โนอา เป็นอะไรไปลูก...ร้องไห้ทำไม ทะเลาะกับพ่อเขาอีกแล้วหรือจ๊ะ”       

        หญิงสาวผู้มีผมทองยาวสลวยและมีใบหน้างดงามปราณี ยิ้มแย้มอย่างอ่อนโยนส่งให้บุตรของเธอ ทว่าโนอากลับเม้มปากน้อย ๆ แล้วสั่นศีรษะเบา ๆ ก่อนจะเดินหนีไปโดยไม่พูดไม่จา  ทำให้ไรอันกับเอวาต้องรีบเร่งตามเด็กหนุ่มไปติด ๆ ด้วยความเป็นห่วง

        “ท่านพี่...”

        ราชินีแห่งลาซาเดินเข้ามาภายในห้อง หญิงสาวยืนเงียบ ๆ จ้องมองคนรักที่ยืนนิ่งเฉยเย็นชาอยู่พักใหญ่ แล้วจึงหลุดถอนหายใจออกมาแผ่วเบา เมื่ออีกฝ่ายยอมละทิ้งบทบาทของราชาและกลับมาเป็นสามีของเธออีกครั้ง 

        “พี่ทำให้ลูก ๆ ต้องทุกข์ใจอีกแล้ว อิซาเบล”

        “ทำไมท่านพี่ถึงไม่ให้โนอารับตำแหน่งรัชทายาทแทนคีโอเล่าคะ ถ้าเป็นเช่นนั้น คีโอเองก็จะได้เป็นอิสระอย่างที่โนอาคาดหวังเอาไว้ด้วย”

        อิซาเบลตัดสินใจเสนอความคิดของเธอให้อีกฝ่ายรับรู้ ทว่าลูคัสที่ได้ยินกลับถอนหายใจออกมาแผ่วเบา

        “...แต่โนอาก็ต้องมาแบกรับความรับผิดชอบอันยิ่งใหญ่นี้แทนคีโอไม่ใช่หรืออิซาเบล...”

        คำตอบของผู้เป็นสามีทำให้ราชินีแห่งลาซาถึงกับนิ่งอึ้งไปชั่วขณะ ทางด้านลูคัสนั้นมีสีหน้าเศร้าหมองลงก่อนจะเอ่ยต่อมา

         “...จริงอยู่ หากพี่เสนอเงื่อนไขนี้ไป โนอาก็คงจะรีบตอบรับคำอย่างยินดีโดยไม่คำนึงถึงสิ่งใด ...แต่ว่าการเป็นเจ้าชายรัชทายาท มันไม่ใช่ว่าคิดอยากจะเป็น มันก็เป็นได้เลยหรอกนะ อิซาเบล... คนที่เติบโตมาอย่างอิสระ และชอบที่จะท่องเที่ยวเดินทางไม่อยู่กับที่อย่างโนอา...ตำแหน่งรัชทายาทนั้นจะกลับกลายเป็นเหมือนโซ่ตรวนจองจำเขาเสียมากกว่า...”

        ลูคัสนิ่งเงียบไปชั่วครู่แล้วจึงสบตากับภรรยาของเขา ด้วยแววตาที่เศร้าหมองยิ่งกว่าครั้งใด

         “...อิซาเบล พี่ทำร้ายจิตใจคีโอมามากพอแล้ว ...พี่ไม่อยากทำร้ายโนอาเพิ่มอีกคน”

        ราชินีแห่งลาซาถึงกับน้ำตาซึมเมื่อได้ล่วงรู้ความในใจของผู้เป็นสามี เพราะความห่วงใยและสงสารลูก จึงทำให้ตัวเธอเองนั้นเกือบหลงลืมไปว่า ผู้ชายตรงหน้าเธอคนนี้ เนื้อแท้แล้วเป็นคนที่แสนจะอ่อนโยนและมีแต่ความปรารถนาดีต่อลูก ๆ ของเธอเสียยิ่งกว่าผู้ใด

         “ท่านพี่คะ...มันต้องมีหนทางสักทาง ที่จะทำให้พวกเราทุกคนมีความสุข...น้องเชื่อเช่นนั้นค่ะ”

        หญิงสาวทำได้เพียงกอดปลอบคนรักให้คลายเศร้าเพียงเท่านั้น หากแต่พวกเขาก็ต้องชะงักเมื่อได้ยินเสียงอันสั่นเครือของบุตรชายคนรองดังขึ้นมาจากหน้าประตูห้อง

        “ท่านพ่อ...ผม...”

        โนอาที่หวนกลับมาเพื่อตั้งใจจะขอโทษมารดาเรื่องที่เขาทำเสียมารยาทเดินหนีไปก่อนหน้านั้น แต่พอมาถึงห้องเขากลับได้ยินในสิ่งที่ทำให้เขาถึงกับพูดอะไรไม่ออก  เด็กหนุ่มเต็มไปด้วยความรู้สึกผิดระคนตื้นตัน เมื่อได้รับรู้ว่าบิดารักและปรารถนาดีต่อเขาเพียงใด 

        “โนอา...ทำไมลูกถึงมาอยู่ที่นี่ได้...”

        ลูคัสถามบุตรชายคนรองเสียงแผ่วอย่างตกใจ โนอาไม่ได้ตอบในทันที เด็กหนุ่มเดินตรงเข้ามาในห้อง แล้วตรงโผเข้ากอดบิดาแน่น

        “ท่านพ่อ...ผมขอโทษ...ขอโทษที่ผมเคยพูดจาล่วงเกินท่านพ่อ...และเข้าใจผิดท่านพ่อมาตลอด...ฮึก...”

        ลูคัสนิ่งเงียบไปครู่ใหญ่ แล้วจึงค่อย ๆ สวมกอดตอบบุตรชายของเขาอย่างอ่อนโยน

        “โนอา...พ่อไม่เคยโกรธลูกในเรื่องนั้นแม้แต่น้อย...เพราะพ่อรู้ดีว่า ลูกรักพี่ของลูกมากเพียงใด...และพ่อก็ดีใจมากที่พวกลูกพี่น้องรักใคร่สามัคคีกันดีเช่นนี้”

        โนอากอดตอบอีกฝ่ายแน่นขึ้นกว่าเดิม ภาพของสองพ่อลูกทำให้อิซาเบลน้ำตาคลออย่างปลื้มใจ แล้วจึงสะดุ้งน้อย ๆ เมื่อจู่ ๆ บุตรสาวคนเล็กที่เดินตามพี่ชายมาด้วยกันและได้ยินเรื่องทั้งหมด ก็ตรงเข้ามาโผกอดเธอจากด้านหลัง พร้อมกับสะอื้นค่อย ๆ ด้วยความดีใจที่เห็นพี่ชายกับบิดาเข้าใจกันได้สักที

        “ผมคิดเอาไว้ไม่ผิด...ท่านพี่เองก็ไม่อยากยึดอิสระมาจากโนอาเหมือนกันสินะครับ”

        ไรอันที่ตามหลานทั้งสองกลับมาด้วยกัน เอ่ยขึ้นแผ่วเบา และนั่นจึงทำให้โนอารู้สึกตัว เขาผละออกมาจากอ้อมกอด ก่อนที่จะเงยหน้าสบตากับบิดา แล้วโพล่งออกไปด้วยน้ำเสียงดังชัดเจน

        “ท่านพ่อครับ! ผมพร้อมที่จะรับผิดชอบทุกอย่างแทนคี...ผมจะเป็นรัชทายาทแทนท่านพี่เองครับ!”

        “แต่โนอา...แค่คำพูด มันก็ไม่ได้ทำให้ลูกสามารถแทนที่คีโอได้เลยหรอกนะ ...ลูกเข้าใจใช่ไหม”

        โนอาชะงักต่อคำพูดของบิดา เขารู้ดีว่าแม้ลูคัสจะเป็นราชาของประเทศก็ตาม ทว่าการเปลี่ยนรัชทายาทนั้น ก็ไม่อาจอาศัยเพียงแค่การตัดสินใจของลูคัสผู้เดียวได้

        “ผมจะทำให้ทุกคนในลาซาได้เห็นว่าผมเหมาะสมเองครับ! ท่านพ่อกรุณาให้โอกาสกับผมและคีด้วยเถิดนะครับ!”

        ลูคัสจ้องมองแววตาหนักแน่นจริงจังของบุตรชายคนรองอยู่สักพัก แล้วจึงหลุดถอนหายใจเฮือกใหญ่ออกมาในที่สุด

        “ก็ได้...พ่อจะรับไว้พิจารณาดู”

        โนอาเบิกตากว้าง แล้วโผเข้ากอดบิดาแน่นอีกครั้งด้วยความยินดี จากนั้นจึงรีบวิ่งไปหาพี่ชายซึ่งกำลังนอนหลับลึกไม่รู้เรื่องราวอยู่บนเตียง พลางนั่นลงข้าง ๆ แล้วลูบศีรษะอีกฝ่ายแผ่วเบา

        “คี...ดีใจด้วยนะ คีจะได้กลับไปอยู่ที่หมู่บ้านนั้นอีกครั้ง...จะได้กลับไปหาคนที่คีรักที่สุดคนนั้นอีกยังไงล่ะ...หัวใจของคียังคงจำเขาได้ใช่ไหม...”

        โนอาแย้มยิ้มน้อย ๆ เมื่อเห็นใบหน้าที่หลับอยู่มีรอยยิ้มคล้ายกับกำลังมีความสุข  เด็กหนุ่มยิ้มกว้างมากขึ้นเมื่อบิดา มารดา น้องสาวและผู้เป็นอา เข้ามาล้อมวงนั่งรอบพี่ชายของเขา เสียงหัวเราะพูดคุยที่ไม่ได้ยินมานานในหลายวันที่ผ่านมา ทำให้องครักษ์และนางกำนัลที่ยืนรออยู่นอกห้องต่างหันมาสบตาแล้วยิ้มให้กันด้วยความยินดี 



... TBC ...

ตอนหน้าจบแล้วจ้ะ...^^

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16-01-2014 14:19:41 โดย Xenon »

ออฟไลน์ silverspoon

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2426
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +275/-12
 :m15: สงสารทุกคน พูดไม่ออกบอกไม่ถูก

ออฟไลน์ yuyie

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2112
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +92/-5
ในที่สุดก็มีทางออก รอตอนหน้าค่ะ :L2:

ออฟไลน์ Chichi Yuki

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1584
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +94/-3
สงสารโนอาจะได้คู่ครองแบบปกติหรือแบบชายชาย
อยากให้มีคู่ครองแบบปกติเพราะจะได้ไม่ต้องลำบากใจ
คนเขียนนนน อย่าพึ่งรีบจบซิคะ ยังเหลืออีกหลายคู่ ทั้งของคุณหมอประจำหมู่บ้านกับคุณผู้ช่วย แล้วก็นักเขียนนิยายจอมเพ้อกับคนขายของ
รออยู่นะคะสู้ๆ

ออฟไลน์ Xenon

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 705
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +482/-4
บทที่ 31
บทสรุป



        หลังจากได้ดูภาพรูปถ่ายของหมู่บ้านแห่งหนึ่ง ประกอบกับได้รับฟังน้องชายเล่าเรื่องราวต่าง ๆ ให้ทราบ ก็ทำให้กีรติเริ่มนึกบางอย่างเลือนราง  ขึ้นมาได้  ชายหนุ่มอยากกลับไปเมืองไทยโดยเร็ววัน หากแต่ติดอยู่ที่ว่าต้องจัดการเรื่องส่งมอบตำแหน่งรัชทายาทแก่โนอาผู้เป็นน้องชายให้เรียบร้อยเสียก่อน

        “แหม…ดูคีอยากรีบกลับไปที่โน่นจริง ๆ นะ  เชอะ! รู้งี้ไม่รับตำแหน่งรัชทายาทแทนก็ดีหรอก!”

        โนอาที่แวะมานั่งกินน้ำชาตอนบ่ายกับพี่ชาย บ่นประชดอย่างหงุดหงิดเล็กน้อย เมื่อเห็นกีรติหยิบภาพของหมู่บ้านมีสุขออกมาดูบ่อยครั้ง แถมยังกำพวงกุญแจกระจกประหลาดที่ติดมาจากเมืองไทยไว้ตลอดเวลาอีกต่างหาก

        “โนอา... ถึงตอนนี้ พี่ก็ยังรู้สึกทั้งขอบคุณ และรู้สึกผิดต่อน้องอยู่ไม่หาย... โนอา แบบนี้มันจะดีแน่หรือ พี่เองก็ดีใจนะที่จะได้กลับเมืองไทย แต่ว่า...”

        กีรติเอ่ยค้างอยู่แค่นั้น เพราะโนอาที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามเอื้อมมือมาจับมือของตนไว้แน่น แล้วบอกด้วยสีหน้าจริงจังตามมา

        “คี...สำหรับผม ความสุขของคีก็คือความสุขของผม  จำไว้นะคี...ถ้าคีเสียใจ ผมก็จะยิ่งเสียใจมากกว่า”

        กีรติยิ้มรับอย่างตื้นตัน จากนั้นพวกเขาก็กลับมาพูดคุยกันถึงเรื่องผู้คนในหมู่บ้านมีสุขต่ออย่างเพลิดเพลิน และแม้ว่าชายหนุ่มจะจดจำอะไรไม่ได้ แต่ก็น่าแปลกที่เขานั้นกลับมีรอยยิ้มและรู้สึกเป็นสุขยามที่ได้รับฟังน้องชายเล่าถึงบรรดาผู้คนในหมู่บ้านแต่ละคน โดยเฉพาะเรื่องของหนุ่มญี่ปุ่น ยูกิมูระ ริว ผู้นั้น

 

         แม้ว่าทางด้านลาซา ปัญหาทุกอย่างจะเริ่มคลี่คลายลงไปแล้ว หากแต่ทางหมู่บ้านมีสุขที่เมืองไทยนั้น ตอนนี้กลับตกอยู่ในสภาวะอึมครึมหดหู่ นับตั้งแต่ยามกะเช้าคนเก่าได้จากไป

        “คุณแฟนธอมครับ...ผมบอกแล้วไงครับ ว่าให้กลับไปพัก แค่อเล็กซ์ก็ดูแลหมู่บ้านได้สบาย ๆ อยู่แล้ว”

        เจอรัลด์พยายามขอร้องให้คนรักพักผ่อน หลังจากที่เจ้าตัวควงสองกะติดต่อกันมากว่าสามวันแล้ว

        “ไม่ล่ะ...กลับไปก็นอนไม่หลับ...และที่สำคัญ ฉันก็ยังไม่อยากให้ใครรีบมาทำงานแทนที่เขาไวนักด้วย”

        แฟนธอมพึมพำตอบ ทำให้เจอรัลด์นึกสงสารและไม่กล้าฝืนใจพาอีกฝ่ายกลับ เพราะขืนทำเช่นนั้นแฟนธอมก็คงไม่ยอมพักผ่อนอย่างที่เขาอยากให้เป็นอยู่ดี

        “ถ้าอย่างนั้นสัญญากับผมนะ...ถ้าคุณไม่ไหวก็ต้องนอนพัก อย่าฝืนต่อ”

        “อือ...ฉันสัญญา”

        แฟนธอมรับคำสั้น ๆ ทำให้เจอรัลด์ถอนหายใจเฮือกใหญ่ แล้วจึงโอบศีรษะคนนั่งใกล้มาซบบ่าตัวเอง ซึ่งแฟนธอมก็ยอมทำตามอย่างว่าง่ายผิดเคย

        เจอรัลด์เหลือบมองคนรัก แล้วก็ลอบถอนหายใจอีกครั้ง เขาไม่แปลกใจเท่าใดที่เห็นแฟนธอมเป็นเช่นนี้ เพราะชายหนุ่มนั้นเอ็นดูและสนิทกับกีรติอยู่มาก  ขนาดอเล็กซ์ซึ่งเป็นเพียงระบบ AI ที่เขาสร้างขึ้น นับตั้งแต่กีรติจากไป เจ้าตัวก็เริ่มพูดคุยน้อยลง แม้จะยังคงปฏิบัติงานอย่างขยันขันแข็งเหมือนเดิมก็ตาม

        “แต่ถึงยังไงก็ยังไม่แย่เท่าคุณริวล่ะนะ...”

        เจอรัลด์พึมพำพลางนึกถึงเพื่อนบ้านของเขาที่เก็บตัวเงียบอยู่แต่ในบ้านพักมาตั้งแต่วันที่กีรติจากไป แม้กระทั่งการไปซื้อกับข้าวในทุกเช้าที่เคยทำตามปกติ หนุ่มญี่ปุ่นก็ยังให้เรนไปซื้อแทนตน เพราะไม่อยากคิดถึงความทรงจำที่มีร่วมกับกีรติในทุกวันก่อนหน้านั้นนั่นเอง

        “การเสียสละที่ทำให้ทั้งตัวเราและคนที่เรารักเป็นทุกข์  มันเป็นเรื่องดีจริง ๆ หรือครับ คุณแฟนธอม”

        นักประดิษฐ์หนุ่มกระซิบถามคนที่นอนพิงไหล่เขา ก่อนจะชะงักแล้วอมยิ้มน้อย ๆ เมื่อเห็นอีกฝ่ายผล็อยหลับไปเรียบร้อย เจอรัลด์ช่วยขยับท่าให้ชายหนุ่มนอนได้สบายกว่าเดิม แล้วจึงนั่งเป็นเพื่อนคนรักไปเรื่อย ๆ เช่นนั้น

         

        ในห้องรับแขกซึ่งผ้าม่านถูกปิดเอาไว้จนมืดสนิท โดยที่เจ้าของห้องไม่คิดจะเปิดไฟให้สว่าง  ภายในนั้นมีร่างสูงร่างหนึ่งนั่งเหม่อลอยพิงผนังห้องอยู่เงียบ ๆ พลางก้มมองพวงกุญแจบานกระจกในมือแล้วบีบมันเบา ๆ  อาคมที่ร่ายไว้เพื่อเชื่อมต่อระหว่างกระจกอีกบานถูกลบออกไป เพราะเกรงว่าหากเผลอใช้และได้ยินเสียงของอีกฝ่ายเข้า เขาคงจะทนห้ามใจไม่ไหว และติดตามไปพาคนรักกลับ โดยไม่สนใจเรื่องความผิดชอบชั่วดีใด ๆ ทั้งสิ้น

        “กีรติ…ป่านนี้คุณจะเป็นยังไงบ้างนะ ...คงจะมีความสุขดีใช่ไหม”

        ริวยกบานกระจกขึ้นจูบแผ่วเบา โดยหวังให้ความคิดคำนึงของตนส่งไปถึงเจ้าของกระจกอีกบาน แม้จะไม่อาจแน่ใจได้ว่า กระจกบานนั้นจะยังคงถูกเก็บเอาไว้ข้างกายคนรักของตนอยู่อีกหรือไม่

         “ผมขอภาวนานะกี ...ขอให้คุณมีความสุขในทางที่คุณจะเลือกเดินต่อไปนี้ ...ถึงแม้คุณจะลืมผมไปแล้ว แต่ผมจะไม่มีวันลืมคุณ...และจะยังคงรักคุณตลอดไป…แม้ว่าคุณจะพบรักใหม่กับใครก็ตาม”

        ริวพึมพำกับตัวเอง แล้วนั่งต่อไปเงียบ ๆ โดยที่ชิโระซึ่งแอบมองอยู่นอกห้องกับคุไร ได้แต่ลอบถอนหายใจออกมาแผ่วเบา ทั้งคู่ได้รับการฝากฝังจากเรนให้ช่วยดูแลพี่ชายของตนด้วย แม้ว่าทีแรกเรนตั้งใจจะลาออกมาอยู่เป็นเพื่อนริวด้วยซ้ำไป แต่ก็ถูกริวห้ามเอาไว้เสียก่อน

        “สงสารริวนะ...แต่พวกเราก็คงทำอะไรมากไปกว่านี้ไม่ได้นั่นล่ะ”

        ชิโระพึมพำแผ่วเบา แต่แรกนั้นเขาพยายามอยู่เป็นเพื่อนและชวนริวคุย ทว่ากลับได้รับการขอร้องด้วยสีหน้าเศร้า ๆ ว่าขออยู่เงียบ ๆ คนเดียว ทำเอาจิ้งจอกขาวพูดอะไรไม่ออก และจำต้องทำตามคำขอร้องนั้นอย่างขัดไม่ได้

        “...เรนเองก็เศร้ามากเหมือนกัน ที่เห็นพี่ชายเป็นแบบนี้”

        คุไรในร่างมนุษย์พึมพำตอบแล้วมีสีหน้าเศร้าซึมลงด้วยความสงสารเจ้านาย ทำให้ชิโระที่มองอยู่นิ่งเงียบไป จากนั้นสักพักจิ้งจอกขาวจึงบอกกับคนที่อยู่ข้างตน ด้วยน้ำเสียงที่ค่อนข้างดังขึ้นกว่าเดิม

        “พวกเราปล่อยให้ริวอยู่แบบนี้เถอะ...ตอนนี้เขายังเจ็บอยู่ ก็ปล่อยให้เขาทำใจไปก่อน ...ไว้เวลาผ่านไปสักพัก ริวก็คงรับรู้ได้เองว่า ยังมีคนอีกหลายคนที่เป็นห่วงเขาและเจ็บปวดไม่แพ้กัน เวลาเห็นเขาเป็นทุกข์แบบนี้ล่ะนะ!”

        ชิโระเอ่ยจบก็ชักชวนให้คุไรไปเดินเล่นด้านนอกด้วยกัน เพราะวันนี้ลมพัดเย็นสบายและแดดไม่แรงเท่าใดนัก ทว่าก่อนไปเจ้าตัวก็ยังคงเหลือบมองคนที่นั่งอยู่ในห้องมืด ที่ยามนี้เริ่มขยับตัวให้เห็น  จิ้งจอกขาวสะบัดพวงหางค่อย ๆ อย่างพึงพอใจ ที่อย่างน้อยเจ้านายของตน ก็ยังคงมีสติรับรู้ถึงความเป็นจริงรอบด้านบ้าง

        “...ไม่ได้โดนชิโระสั่งสอนแบบนี้มานานแค่ไหนแล้วนะ”

        ริวพึมพำกับตัวเอง แล้วจึงตัดสินใจลุกขึ้นยืน เดินไปเปิดม่านห้องรับแขกและบานประตูกระจกเลื่อนออก เพื่อให้ลมพัดเข้ามาในห้อง หนุ่มญี่ปุ่นสูดอากาศสดชื่นเข้าปอด และตัดสินใจลงมือทำความสะอาดบ้านพักที่ไม่ได้ทำมาหลายวันเป็นอย่างแรก

       

        บรรยากาศในหมู่บ้านมีสุขที่ไร้กีรติมาเป็นเวลากว่าอาทิตย์ ดูเงียบเหงาซึมเซาอย่างเห็นได้ชัด ทว่าการที่ริวนั้นเริ่มกลับมาใช้ชีวิตตามปกติ และพูดคุยกับผู้คนในหมู่บ้านบ้าง รวมไปถึงอาสาอยู่เฝ้ายามกะเช้าแทนแฟนธอมด้วยนั้น ก็ทำให้แต่ละคนพากันโล่งอกและสบายใจขึ้นมาก

        “ริว...ได้เวลาเปลี่ยนกะแล้วนะ คุณไปพักได้แล้วล่ะ”

        แฟนธอมที่เดินมาพร้อมกับเจอรัลด์บอกกับหนุ่มญี่ปุ่นที่กำลังนั่งคุยกับอเล็กซ์อยู่  ริวหันมายิ้มน้อย ๆ ให้ทั้งคู่  ระยะหลังมานี้เจอรัลด์ยิ่งตามติดแฟนธอมเป็นเงาตามตัว แม้ว่าจะไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปในห้องพักของอีกฝ่าย แต่ชายหนุ่มก็ยอมลงทุนไปนั่งรออยู่หน้าห้องแทน จนแฟนธอมนึกสงสารจึงยอมให้คนรักเข้าห้องพักของตนได้ตามปกติ แต่ต้องเป็นตอนที่ตนตื่นอยู่เท่านั้น

        “จริง ๆ คุณเลทอีกสักหน่อยก็ได้นะครับคุณแฟนธอม ไม่ต้องรีบมาให้ตรงเวลาขนาดนี้ก็ได้”

        ริวทักตอบ ซึ่งแฟนธอมก็ยิ้มรับแล้วเดินตรงเข้ามาลากเก้าอี้แถวนั้นมานั่งข้างอีกฝ่าย

        “ไม่ได้หรอก แค่คุณมาขออาสาช่วยงานผมแบบนี้ ผมก็เกรงใจจะแย่แล้ว”

        แฟนธอมบอกกับหนุ่มญี่ปุ่น แต่นั่นกลับทำให้เจอรัลด์ที่ตามมานั่งข้างเขาชักสีหน้าอย่างไม่ค่อยสบอารมณ์ขึ้นมาทันที

        “ไม่เห็นต้องเกรงใจเลยครับ คุณริวเขาเป็นฝ่ายอาสาตัวช่วยอย่างเต็มใจเองนะครับ!”

        แฟนธอมเหลือบกลับมามองคนรักของตนแล้วหันมาถอนหายใจอย่างเอือมระอาต่อความขี้หึงของอีกฝ่าย  ส่วนริวก็อมยิ้มน้อย ๆ เมื่อได้เห็นการง้องอนของคู่รักตรงหน้า  เขารู้สึกดีขึ้นมาบ้างที่ตัดสินใจกลับมาเข้าสังคมตามเดิม เพราะไม่เพียงแต่เขาเท่านั้น คนรอบด้านก็มีสีหน้าสบายใจขึ้นมาก แม้แต่เรนที่ทำท่าจะลาออกจากงานพิเศษอยู่รอมร่อ ก็ยังกลับไปขยันทำงาน จนเจ้านายของอีกฝ่ายซึ่งเป็นญาติกับเวธน์ ยังขอให้เรนพิจารณามาทำงานประจำที่บริษัท แทนงานพาร์ทไทม์แบบที่เจ้าตัวทำอยู่ทุกวันนี้

        “เฮอะ...แบบนี้ให้คุณกีรติกลับมาเป็นยามกะเช้าตามเดิม ยังสบายใจเสียกว่าอีก...อ๊ะ...เอ่อ ขอโทษนะครับ”

        เจอรัลด์ที่เผลอบ่นเพราะความหึงต้องรีบขอโทษหนุ่มญี่ปุ่นอย่างรู้สึกผิด ทว่าริวนั้นกลับไม่ได้โกรธเคืองอะไร มีเพียงฝืนยิ้มเศร้า ๆ ให้แทน

        “ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมพอจะทำใจได้บ้างแล้ว”

        “นายนี่มัน...”

        แฟนธอมหันไปจ้องคนรักด้วยแววตาตำหนิ ทำเอาเจอรัลด์ต้องยกมือขอโทษขอโพยยกใหญ่

        “ขอโทษจริง ๆ ครับ ...ก็มันเคยชินนี่ครับ”

        “...ขอขัดจังหวะสักครู่นะครับมาสเตอร์ ทุกคน ...ดูเหมือนคุณเวธน์จะขับรถกลับมาที่หมู่บ้านอีกรอบนะครับ”

        เสียงของอเล็กซ์ที่ดังขัดการสนทนาขึ้น ทำให้แต่ละคนหันไปมองทางหน้าหมู่บ้านอย่างแปลกใจ เพราะวันนี้จู่ ๆ เวธน์ก็ขอตัวกลับไปก่อนตั้งแต่ช่วงบ่าย ขนาดกรกฎซึ่งเป็นเลขาและผู้ช่วยคนสนิทยังไม่รู้เลยว่าอีกฝ่ายนั้นไปไหน แม้กระทั่งปาลินก็ยังถูกทิ้งให้อยู่เฝ้าสำนักงานแทนที่จะพาไปด้วยกัน

        “หือ...มาโน่นแล้วล่ะ”

        แฟนธอมเปรยขึ้นเมื่อเห็นรถของเวธน์เลี้ยวเข้ามาในบริเวณหมู่บ้าน และพวกเขาแต่ละคนก็ต้องพากันแปลกใจ เมื่อเห็นอีกฝ่ายชะลอจอดก่อนถึงป้อมยาม แทนที่จะตรงเข้ามาด้านในตามปกติ

        “ไง! อยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตาเลยนะครับ”

        เวธน์ลงจากรถมาทักทายแต่ละคนด้วยใบหน้ายิ้มแย้มร่าเริงผิดปกติ เพราะก่อนหน้านั้นไม่กี่วัน ชายหนุ่มเองก็ดูซึม ๆ ไม่แตกต่างจากคนอื่นในหมู่บ้านนี้เช่นเดียวกัน

        “อรุณสวัสดิ์ครับคุณเวธน์...มากับใครหรือครับ...อ๊ะ...”

        อเล็กซ์ที่ทำการแสกนตรวจสอบรถยนต์ตามหน้าที่ปกติชะงักคำพูดเอาไว้ด้วยความประหลาดใจ แต่พอตั้งใจจะพูดต่อเจ้าตัวก็ต้องเงียบกริบ เมื่อเวธน์หันมามองที่กล้องวงจรปิดประจำป้อมยาม แล้วยกนิ้วชี้แตะริมฝีปากแผ่วเบาเป็นเชิงห้ามให้อีกฝ่ายเงียบเอาไว้

        “อย่าเพิ่งเฉลยก่อนสิ...อุตส่าห์ไปเสาะแสวงหารายนี้มาอย่างยากลำบากเลยนะ”

        เวธน์บอกพร้อมยิ้มกว้างอย่างเจ้าเล่ห์ ทำให้คนอื่นต่างมองเขาอย่างสงสัย

        “...ก็ผมเห็นพวกคุณต้องมารับผิดชอบแทนคุณกีรติที่ออกไปแล้ว ผมก็เลยไปหายามกะเช้าคนใหม่มาแทนยังไงล่ะครับ ...แถมคนนี้พอรู้ความจริงว่าคนในหมู่บ้านนี้ไม่ใช่มนุษย์ เขาก็ยังรับได้อีกด้วยนะครับ!”

        เวธน์หันมาเฉลยคำตอบให้ฟัง ทว่าทั้งสามพอได้ยินดังนั้น พวกเขาต่างก็เงียบกริบไปตาม ๆ กัน แม้จะดีใจที่หมู่บ้านแห่งนี้จะมีสมาชิกใหม่ที่เป็นมนุษย์ แถมยังเข้าใจและยอมรับตัวตนของผู้คนในหมู่บ้านเพิ่มขึ้นอีกราย หากแต่พวกเขาก็ยังคงคิดถึงยามกะเช้าคนเก่าผู้นั้นอยู่ดี

        “ทำไมทำหน้าตาแบบนั้นกันล่ะครับ คนใหม่เห็นเดี๋ยวก็ใจฝ่อเสียหมด”

        เวธน์ยิ้มแซว แม้จะรู้ดีว่าแต่ละคนนั้นคิดอย่างไรก็ตาม

        “...ขอโทษครับ พวกเรายินดีนะครับ ที่จะมีสมาชิกใหม่เพิ่มขึ้นมาอีกคน”

        ริวบอกพร้อมกับฝืนยิ้มน้อย ๆ ทำให้คนมองต้องถอนหายใจเบา ๆ อย่างนึกสงสาร ชายหนุ่มเดินไปที่ด้านหลังและเปิดประตูรถออก พร้อมกับบอกคนข้างใน

        “คุณพร้อมที่จะแนะนำตัวทำความรู้จักกับทุกคนหรือยังครับ”

        “อะ..เอ่อ...ผมพร้อมแล้วครับ”

        เสียงคนในรถตอบกลับเสียงค่อยเสียจนแทบไม่ได้ยิน เวธน์นั้นอมยิ้มน้อย ๆ แล้วส่งมือยื่นให้กับคนในรถ ซึ่งอีกฝ่ายก็ยื่นมือไปให้จับอย่างเขิน ๆ  ส่วนทางด้านริวที่มองอยู่เงียบ ๆ นั้น ถึงกับนิ่งอึ้ง ตาเบิกกว้างด้วยความตกตะลึง เมื่อได้เห็นคนในชุดยามประจำหมู่บ้านก้าวลงมาจากรถยนต์ถนัดตา

        “กี...ไม่จริงใช่ไหม...นี่มันคือความฝันอย่างนั้นหรือ...”

        ริวพึมพำพร้อมกับเร่งฝีเท้าเดินเข้ามาหาร่างเล็ก ด้านเวธน์นั้นขยับตัวหลบไปอยู่ข้าง ๆ แล้วหันไปยิ้มให้กับอีกสองคนตรงป้อมยามที่ดูเหมือนจะตกใจไม่แพ้กันนัก

        “เอ่อ...คุณคือ...คุณริว สินะครับ”

        กีรติถามอย่างกึ่งกล้ากึ่งกังวล แม้ว่าจะรู้สึกโหยหายามที่ได้เห็นใบหน้าของคนผู้นี้มากก็ตาม

        “กี...หรือว่าคุณจะยังจำไม่ได้ ...แล้วทำไมถึง...”

        ริวพึมพำถามแต่ดูคล้ายว่าเขากำลังพูดกับตัวเองมากกว่า สีหน้าและแววตาของหนุ่มญี่ปุ่นดูสับสน จนกีรตินึกสงสาร หนุ่มร่างเล็กเอื้อมมือไปแตะใบหน้าของอีกฝ่ายแผ่วเบา ทว่าพอได้สัมผัสผิวกายจริง ๆ ไม่ใช่ความฝันเหมือนทุกคืน ก็ทำให้กีรติยิ้มออกมาทั้งน้ำตา

        “ใช่คุณจริง ๆ ด้วย ....คุณคือคนที่ผมฝันถึงทุกวันคนนั้นนั่นเอง...”

        ริวนิ่งอึ้งเมื่อได้ยิน วินาทีนั้นเขาลืมหมดสิ้นในทุกสิ่งทุกอย่าง คิดแต่เพียงว่าอยากจะกอดร่างเล็กตรงหน้าไว้แนบอก และจะไม่ยอมปล่อยให้อีกฝ่ายหลุดมือจากเขาไปอีกแล้ว

        “คุณริว...”

        กีรติกอดตอบชายหนุ่มแน่น ภาพความทรงจำต่าง ๆ ค่อย ๆ ไหลผ่านมาให้เห็นอย่างแจ่มชัดราวกับว่าเขากำลังดูภาพยนต์สักเรื่องอยู่  ในสมองที่เคยเต็มไปด้วยเมฆหมอกขาวทึบ ก็พลันกระจ่างใสดังเดิมอีกครั้ง

        “คุณริว...ผมกลับมาแล้วนะครับ...ผมกลับมาหาคุณแล้ว...ได้โปรดอย่าผลักไสผมไปจากคุณแบบนั้นอีกนะครับ...ถ้าต้องเสียคุณไปอีก…ผมคงทนไม่ได้แน่”

        กีรติสะอื้นบอก ทำให้ริวถึงกับตกตะลึง เขาดันร่างเล็กออกห่างและจ้องมองประสานกับนัยน์ตาคู่สวยนั้น ซึ่งมันฉายให้เห็นถึงความรักที่มีต่อเขาอย่างเต็มเปี่ยม  และก็เพราะแววตาคู่นั้นเอง ที่ทำให้ริวพ่ายแพ้ต่อความปรารถนาจากส่วนลึกของหัวใจตนเองในที่สุด

        “กี...ผม...ผมขอโทษ  ผมจะไม่ทำแบบนั้นอีกแล้ว ...ต่อให้ไม่อาจได้เคียงคู่กับคุณเหมือนคู่รักอื่น... แต่ผมก็จะไม่มีวันทิ้งคุณอีก... ผมจะอยู่กับคุณไปตลอดชีวิต...ผมให้สัญญา”

        ริวโอบกอดคนสำคัญของเขาแน่น ซึ่งกีรติก็กอดตอบพร้อมกับยิ้มรับทั้งน้ำตา หากแต่พอเวลาผ่านไปสักพัก พวกเขาก็เริ่มรู้สึกตัวว่า กำลังมีสายตาหลายคู่รุมล้อมจ้องมองพวกเขาอยู่ โดยแต่ละคนก็ล้วนมีใบหน้ายิ้มแย้มยินดีด้วยกันทั้งสิ้น

        “คนหนุ่ม ๆ นี่ร้อนแรงดีจริงเลยน้า! ฉันเองก็หาแฟนสักคนดีไหมเนี่ย!”

        เสียงลีเปรยดังแซวขึ้นเมื่อเห็นสีหน้าตกใจของคนทั้งคู่ ทว่าชาวหมู่บ้านแต่ละรายพอได้ยินลีพูดดังนั้น บ้างก็หัวเราะ บ้างก็อมยิ้ม และมีบางคนเอ่ยแซวขัดอย่างนึกหมั่นไส้

        “ถ้ามีคนมาหลงรักนายได้ ฉันก็อยากเห็นหน้าเขาเหมือนกัน ...อยากรู้นักว่าจะยังมีมนุษย์หรือปีศาจ ที่มีรสนิยมแย่ ๆ หลงเหลืออยู่บนโลกนี้อีกไหมล่ะนะ”

        สกล คู่ปรับสูงวัยของลีเปรยบอก ทำให้ลีหันขวับไปมองอย่างนึกเขม่น และก่อนที่การทะเลาะวิวาทจะเกิดขึ้น เวธน์ก็เป็นฝ่ายห้ามทัพด้วยการประกาศข่าวบางอย่างขึ้นมาเสียก่อน

        “อย่างที่ทุกคนเห็นนะครับ คุณกีรติได้รับอนุญาตจากทางลาซาให้มาอยู่อาศัยในหมู่บ้านของเรา และจะกลายเป็นสมาชิกอย่างเป็นการถาวรนับแต่นี้ไปนะครับ ส่วนรายละเอียดต่าง ๆ อเล็กซ์จะเป็นคนรายงานให้แต่ละบ้านได้รู้ในภายหลัง...อ้อ! ไม่ต้องทำหน้าแบบนั้นครับคุณปัณณ์ ผมเองก็ไม่ได้ห้ามไม่ให้คุณถามเขานี่ครับ ...แล้วเดี๋ยวหลังจากนี้ เราจะมีปาร์ตี้เลี้ยงต้อนรับยามคนใหม่หน้าเก่าของเรากัน ...และผมหวังว่าทุกคนจะยินดีต้อนรับยามกะเช้าของเราคนนี้ด้วยนะครับ!”

        ขาดคำของเวธน์ทุกคนต่างก็มองสบตากัน แล้วเสียงเฮก็ดังลั่นประสานไปทั่วหมู่บ้าน ปัณณ์นั้นหยิบมือถือโทรตามไกรสรให้มาร่วมงานเลี้ยงในคืนนี้ด้วย ทว่ายังไม่ทันคุยให้รู้เรื่อง เจ้าตัวก็ต้องชี้นิ้วตะโกนห้ามลี ที่เตรียมจะตรงเข้าไปถามเรื่องราวต่าง ๆ จากกีรติเสียก่อน ทำเอาไกรสรที่อยู่ปลายสายถอนหายใจเฮือกใหญ่ และเตรียมออกจากบ้านเพื่อไปร่วมงานเลี้ยงในค่ำนี้ โดยที่ยังจับต้นชนปลายไม่ถูก

         

        “คุณนี่นะ จะแจ้งให้รู้กันล่วงหน้าสักหน่อยก็ไม่ได้”

        แฟนธอมที่ยืนมองความวุ่นวายอยู่เงียบ ๆ หันกลับมาต่อว่าเวธน์ที่เดินมาสมทบกับเขา ซึ่งเจ้าของที่ดินคนปัจจุบันก็ยกยิ้มน้อย ๆ แล้วตอบกลับไป

        “ก็แบบนี้มันเซอร์ไพรส์กว่าไม่ใช่หรือครับ”

        แฟนธอมถอนหายใจ แล้วจึงหันกลับไปมองกีรติและริวที่ต่างมีรอยยิ้มและเสียงหัวเราะอย่างสดใสให้ได้เห็น

        “...มันก็จริงล่ะนะครับ”

        แฟนธอมบอกแล้วก็ชะงักเมื่อเจอรัลด์เนียนเข้ามากอดเขาจากทางด้านหลัง

        “ดีใจด้วยนะครับคุณแฟนธอม ที่ได้รุ่นน้องสุดที่รักกลับมาร่วมงานอีกครั้ง”

        เจอรัลด์กระซิบบอกด้วยน้ำเสียงกึ่งประชด เพราะคนรักเล่นจ้องกีรติแทบไม่วางตามาตลอดนับตั้งแต่อีกฝ่ายกลับมา

        “ก็คงจะดีใจยิ่งกว่านี้ ถ้าแฟนของตัวเอง เลิกทำตัวขี้หึงเรื่อยเปื่อยสักทีล่ะนะ”

        แฟนธอมเปรยตอบลอย ๆ แต่กลับทำให้คนฟังชะงักอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง ว่าแฟนธอมจะกล้าเรียกแทนตัวเขาว่าแฟนต่อหน้าคนอื่นแบบนี้ หากแต่ยังไม่ทันจะพูดอะไรเจอรัลด์ก็ต้องอุทานด้วยความเจ็บจนต้องเผลอปล่อยมือที่กอด เมื่อแฟนธอมนั้นใช้ศอกกระทุ้งที่ท้องของเขาค่อนข้างแรง

        “บอกตั้งหลายครั้ง ไม่รู้จักจำ ว่าอย่ามาทำตัวประเจิดประเจ้อในที่สาธารณะแบบนี้!” 

         บอกจบแฟนธอมก็เดินหนีไปรวมกลุ่มกับพวกกีรติเพื่อแก้เขิน ทำเอาเวธน์ที่มองอยู่นั้นหลุดยิ้มน้อย ๆ อย่างนึกเอ็นดู

        “รักกันรุนแรงจริง ๆ เลยนะ ...พวกคุณน่ะ”

        “ฮะ ๆ ก็คุณแฟนธอมเขาขี้อายแบบนั้น  ผมก็เลยต้องทำตัวเป็นพวกมาโซเป็นธรรมดาล่ะครับ”

        เจอรัลด์เปรยตอบ แล้วก็ต้องอมยิ้มน้อย ๆ เมื่อปาลินเดินตรงมาจูงมือเวธน์ไปให้ห่างเขา  จากนั้นนักประดิษฐ์หนุ่มก็ต้องชะงักเมื่อได้ยินเสียงดังจากคนกลุ่มใหญ่  พอหันไปมองก็เห็นชิโระกำลังยุให้กีรติกับริวจูบสาบานรักต่อกัน และไม่เพียงแค่จิ้งจอกขาวเท่านั้น คนอื่น ๆ ก็ล้วนเห็นดีเห็นงาม แล้วต่างตะโกนเชียร์ให้ทั้งสองคนจูบกันยกใหญ่  ทางด้านอเล็กซ์พอได้ยินเช่นนั้นก็เล่นตามน้ำเปิดเพลงทำนองดนตรีแต่งงานเพื่อสร้างบรรยากาศทันที

        “เอาล่ะสิ...คุณริวจะทำยังไงต่อไปนะ แต่ในสถานการณ์แบบนี้...ถ้าจะให้เดาล่ะก็...หึ...ว่าแล้วเชียว!”

        นักประดิษฐ์หนุ่มหัวเราะในลำคออย่างอารมณ์ดี เมื่อเห็นสีหน้าเหวอ ๆ ของริวอย่างที่ไม่ค่อยได้เห็นบ่อยนัก  ส่วนฝ่ายกีรตินั้น ยามนี้ชายหนุ่มกำลังเงยหน้าหลับตาพริ้มรอคอย แม้ว่าใบหน้าหวานจะแดงก่ำอย่างเห็นได้ชัดก็ตาม   และเพราะอย่างนั้นเองจึงทำให้หนุ่มญี่ปุ่นถอนหายใจเฮือกใหญ่ สุดท้ายเจ้าตัวก็โน้มใบหน้าลงไปใกล้คนรัก และประทับริมฝีปากของตนลงบนริมฝีปากบางอย่างอ่อนโยนและทะนุถนอม ท่ามกลางเสียงไชโยโห่ร้องและเสียงปรบมือดังขึ้นสนั่นไปทั่วหมู่บ้านมีสุขแห่งนี้

       

... The End …



จบแล้วค่ะ จบจนได้ เรื่องนี้มีอุปสรรคมากมาย แต่อุปสรรคที่สำคัญที่สุดคือความเครียด เครียดเรื่องส่วนตัวทางบ้านหลาย ๆ อย่าง แต่สุดท้ายก็ผ่านพ้นไปด้วยดี ทั้งปัญหารุมเร้า และทั้งตัวนิยายเอง   ซึ่งนิยายเรื่องนี้จะจบลงด้วยดีไม่ได้เลย หากไร้คนอ่านติดตามและเป็นกำลังใจให้ แม้ว่าคนเขียนผู้นี้จะไร้วินัยเพียงใดก็ตาม

สุดท้ายคำขอบคุณอาจจะไม่สามารถแทนอะไรหลาย ๆ อย่างได้ก็ตาม แต่ปัดก็อยากให้นักอ่านทุกท่านรู้ว่า ปัดรู้สึกขอบคุณพวกท่านมากจริง ๆ ...ขอบคุณค่ะ

สำหรับตอนพิเศษจะทยอยลงให้อ่านค่ะ ส่วนเปิดจองกำหนดอื่น ๆ จะแวะมาลงในบอร์ดซื้อขายและแจ้งให้ทราบทีหลัง แต่ถ้าติดตามไม่ตกหล่นก็แฟนเพจปัดค่ะ novelpat ชื่อนี้นะคะ

ป.ล. โนอา มีคู่หมั้นคู่หมายเป็นลูกสาวนักธุรกิจฮ่องกงนะคะ เป็นลูกครึ่งค่ะ เจอกันตอนเรียนที่อเมริกาค่ะ  เพราะฉะนั้นหนุ่มคนนี้นอร์มอลจ้ะ /
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 12-01-2014 22:57:11 โดย Xenon »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ silverspoon

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2426
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +275/-12
 :katai2-1:

โนอาน่ารักจังเลย เสียสละเพื่อพี่อ่ะ

แต่สองคนนี้ต้องอยู่ด้วยกันนะ เพราะตอนที่ริวเป่ามนต์ให้กีลืมมันเศร้ามาก

ออฟไลน์ Jaiko★

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 175
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-0
ซึ้งมากเลยค่ะ
ตอนริวลบความทรงจำทำเอาน้ำตาร่วงเลย  :m15:
ขอบคุณที่แต่งเรื่องดีๆมาให้อ่านนะคะ :)

ออฟไลน์ Chichi Yuki

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1584
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +94/-3
แฮปปี้ๆ สนุกมากๆ
ความรักเอาชนะได้แม้แต่อาคมจริงๆ

ปล.ค่อยยังชั่วนึกว่าโนอาจะมีเรื่องให้เสียใจซะแล้ววววว

ออฟไลน์ MiSS-U

  • {^o^} {^3^}
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4168
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2800/-11
 o13

ในที่สุดรักก็สมหวังแช่มชื่นอย่างที่ควรเป็น
ดีใจแทนริวกับกีรติด้วยน้า  :L1:

รอตอนพิเศษคู่อื่นๆค่า

บวกเป็ด

 :pig4:

ออฟไลน์ Palmpalm

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 669
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4
น้ำตาร่วง สะอึกสะอื้น ซึ้งและเศร้า
ดีใจที่กีได้กลับมาอยู่ที่หมู่บ้านกับริว

ออฟไลน์ iammz

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2681
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +292/-6
ได้กลับมาอยู่ด้วยกันซะทีน๊าา

ขอบคุณมาก ๆ นะคะ

 :mew1:

ออฟไลน์ yuyie

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2112
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +92/-5
ดีใจที่ได้อยู่ด้วยกันแล้ว

รอตอนพิเศษค่ะ  :L2:

ออฟไลน์ HanATarO

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2141
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +132/-2
ซึ้งมากเลยอ่ะ แอบน้ำตาซึมตอนอ่านด้วย

ดีใจที่จบลงอย่างสวยงามและสมหวังทุกคู่

โนอา น่ารักมากอ่ะเสียสละเพื่อ กี

เป็นครอบครัวที่น่ารักมากเลยค่ะ

ขอบคุณที่เขียนเรื่องนี้ให้ได้อ่านกันนะค่ะ

บวกเป็ดค่ะ

 :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1:

ออฟไลน์ Nus@nT@R@

  • Life is Investment
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5589
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +456/-11
สนุกมากค่ะ แอบน้ำตาไหลตอนคุณริวลบความทรงจำ

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
ดีใจที่แฮปปี้เอนดิ้ง
แอบน้ำตาซึมเหมือนกัน ตอนที่คุณริวลบความทรงจำ
สงสารทั้ง 2 คน แล้วยิ่งพอมาถึงท่านพ่อพูดกับท่านแม่
ก็ยิ่งก๊อกแตก สรุป ชอบมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆ นะค๊าาา

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด