พยับที่ ๑๐
อ๋า...กระดาษเต็มโต๊ะทำงานผมไปหมด โอ้ย...บ้าบอจริงๆ เพราะผมดันไปอ่านหนังสือภาษาฝรั่งเศสให้คุณหลวงเห็นแท้ๆเชียว เลยต้องมารับงานเพิ่มแบบไม่รู้เนื้อรู้ตัว งานอะไรน่ะเหรอ? ฮึ ก็แปลหนังสือเหมือนเดิมแหละครับ แต่มันต่างจากเดิมตรงนี้ ตรงนี้กองเอกสารที่ส่งมาให้สุดหล่อนภทีป์แปลมันเพิ่มขึ้นแบบปุ๊บปั๊บ แบบอลังการดาวล้านดวง ฮึก...เพราะผมพลาดไปเองแหละครับ โธ่ ก็ไอ่หนังสือภาษาฝรั่งเศสเล่มนั้นมันน่าอ่านชิบหายเลยนี่หว่า ใครจะตัดใจไม่อ่านได้ลง
“พ่อทีป์ ทำกระไรจ้ะลูก?”อ่อ แต่แลกมาด้วยการเป็นลูกรักของคุณหญิงแม่แทนคุณหลวงก็ถือว่าคุ้มล่ะนะ คิกๆ ก็ได้กินขนมหวาน น้ำต้มนู้นนี่นั้นแปลกๆเต็มไปหมด แถมแต่ละอย่างมีแต่ของอร่อยๆทั้งนั้นเลย คึกๆ
“แปลหนังสือราชการให้คุณหลวงขอรับคุณแม่ คุณแม่กระไรหรือไม่ขอรับ? หรือว่าวันนี้จักชวนผมไปทำกับข้าวอร่อยๆ”ผมฉีกยิ้มกว้างให้คุณแม่ แหม กับคนแก่นี่ต้องประจบครับ จะได้รับความเอ็นดูล้นหลามแล้วก็ของสมนาคุณทั้งของกิน ขนม นม เนย ผลหมากรากไม้อีกมากมายหลายหลาก
“ห่วงแต่กินอยู่นั่นแลลูก แต่อ้วนเสียหน่อยก็ดี จักได้มีราศีผู้ดี เขาว่าผู้ดีนี่นะลูกต้องขาวเสียหน่อย อ้วนสักนิด”
“โธ่ คุณแม่ขอรับ อย่าให้กระผมอ้วนเลยน้า เดี๋ยวสาวไม่แลเอากระผมก็แย่น่ะซี”ผมทำหน้าออดอ้อนใส่คุณแม่ที่ยิ้มน้อยๆ น่าตาใจดีเหมือนคุณแม่ของผมเลยแหะ เฮ้อ ว่าไปก็คิดถึงบ้าน
“จักมองหาสาวๆที่ไหนได้หึลูก มาๆ ว่าเสียก่อนวันนี้แม่จักพาทำบัวลอย อยากกินหรือไม่จ้ะ?”บัวลอยเหรอ? ว้าว ของโปรดผมเลยแหละ สงสัยคุณแม่จะมองเห็นประกายตาอะไรบางอย่างจากผมถึงได้หัวเราะออกมาแบบกุลสตรีสี่แผ่นดินสุดๆ
“ไป แม่ให้บ่าวมันไปเตรียมของขึ้นมาให้แล้ว พ่อทีป์ไปนวดแป้งกับแม่เร็วลูก”ผมพยักหน้าหงึกหงักแบบเสียมารยาทสุดๆ แต่คุณแม่คงคร้านจะเตือนเลยยืนรอให้ผมเก็บข้าวของไปวางไว้ให้เป็นระเบียบแล้วหาอะไรมาทับๆสุมๆไว้กันพระพายท่านหอบเอกสารพวกนี้หนีไปเล่นน้ำซะก่อน
“ไปกันขอรับคุณแม่ ผมพร้อมแล้ว”คุณแม่เดินนำผมไปตรงหน้าหอนั่งที่ประจำสำหรับที่เรียนการครัวของผม วันนี้แดดร่มลมตก สายลมที่พัดเอื่อยๆพาให้สบายใจสุดๆ เฮ้อ...เวลาที่อดีตนี่อย่างกับเดินช้าลงเลยแหะ...
“เป็นอะไรจ้ะพ่อทีป์ เหม่อไปไหนกันลูก?”
“เปล่าขอรับคุณแม่ แล้วสามแสบนั่นนอนแล้วหรือขอรับ”
“ยังดอกจ้ะ แม่ให้บ่าวมันดูอยู่ ช่วงนี้ฟันกำลังขึ้น ช่างงับไปเรื่อยเชียวแลลูก ลางทีแม่ก็โดนเข้าบ้างเหมือนกัน สงสัยคงมันเขี้ยวเขาแลจ้ะ”
“แหม ว่าแล้วก็คิดถึง ไว้ทำขนมเสร็จผมเข้าไปเล่นกับเด็กๆได้หรือไม่ขอรับ”
“เอาซีลูก เอ้าแต่ตอนนี้พ่อทีป์ต้องช่วยแม่นวดแป้งเสียก่อนนา”
“ขอรับ”ผมฉีกยิ้มกว้างให้คุณแม่แล้วเริ่มทำตามคนตรงหน้า ฮ้า...บัวลอย บัวลอย
บัวลอย เจ้าเพื่อนยาก ทำไมจากข้าเร็วเกินปายยยย คึกๆๆ ผมน่ะชอบบัวลอยมากๆเลยแหละ
ชอบที่สุดในโลกเลย ฮ้า บัวลอย บัวลอยฉบับออริจินัล บัวลอยแบบโบราณ คิกๆ แค่คิดผมก็น้ำลายจะหยดแหมะๆลงพื้นแล้วล่ะครับ
“ทำกระไรกันหรือขอรับ หอมเชียว”คุณหลวงทักคุณหญิงกับนภทีป์ที่ง่วนกันอยู่หน้าเตา กะทิในหม้อเดือดปุดๆส่งกลิ่นหอมไปทั่วทั้งเรือน ทำเอาคนที่เพิ่งเลิกงานอย่างเขาท้องร้องโครกคราก...
“บัวลอยจ้ะพ่อนพ หิวหรือยังจ๊ะลูกแม่จักได้ให้นังพวกนี้ตั้งสำรับให้เสียก่อน แล้วค่อยรอทานของหวานอีกสักกระเดี๋ยวก็เสร็จแล้วแล”
“กระเดี๋ยวรอทานเสียพร้อมคุณแม่กับพ่อทีป์ก็ได้ขอรับ กระผมขอไปผลัดผ้าเสียก่อนนาขอรับคุณแม่ ทำงานมาทั้งวันเหนื่อยเหลือใจเชียวขอรับ”คุณหลวงบ่นกระปอดกระแปดตอนท้ายพลางเดินเข้าเรือนส่วนตัวไป
“เอ สงสัยวันนี้พ่อนพคงเหนื่อยมากเสียจริงๆกระมัง”
“ทำไมหรือขอรับคุณแม่?”
“พ่อนพน่ะ ไม่เคยบ่นว่าเรื่องอันใดดอกลูก หากฝืนใจก็ยังคงทำเยี่ยงนั้นแล คราวนี้คงเป็นเรื่องใหญ่ลวงกระมัง ถึงกับทำให้พ่อนพของแม่เหนื่อยนักหนาเสียจนต้องบ่นออกมาเทียว”
“อย่างนั้นหรือขอรับ คุณแม่ขอรับ วันหลังกระผมอยากลองทำมัสมั่นบ้าง ได้หรือไม่ขอรับ”นภทีป์ชวนคุยเปลี่ยนเรื่องไปเรื่อยเชื่อย สายตายังคงวิบวับจับจ้องที่บัวลอยลูกกลมสวยที่ลอยอยู่ในน้ำกะทิ
“อยากทานหรือลูก ให้ในครัวเขาทำให้ก่อนเถิดลูก มัสมั่นนั่นทำยากนักนาลูก ไว้ฝึกเสียอีกหน่อยแม่ค่อยสอนทำก็ได้ จักได้เข้าที ดีหรือไม่จ้ะ”
“อย่างนั้นก็ได้ขอรับ คุณแม่ขอรับ อีกไม่ถึงเดือนเด็กๆก็จะครบขวบแล้ว เขาต้องทำอะไรกันบ้างหรือขอรับ?”นภทีป์ถามพลางปลงหม้อลงมาวางไว้ที่ตั่งข้างๆที่ถูกสั่งให้ยกมาเพื่อการณ์นี้โดยเฉพาะ
“คงต้องพาไปวัดกระมังจ้ะ แม่อยากให้พระท่านตั้งชื่อให้หลาน แต่คงไม่ได้ไปวัดเอาเสียวันเกิดพ่อสามคนนั่นดอกจ้ะ แม่ว่าจักพาพ่อทีป์ไปทำบุญเสียวันพระแล้วถือโอกาสปรึกษาหลวงพ่อท่านเสียเลย พาเด็กๆไปด้วย”
“เอ ถ้าเด็กๆโวยวายร้องไห้จักไม่เป็นกระไรหรือขอรับ?”
“มิเป็นไรดอกลูก ผู้คนเขาพาลูกหลานไปวัดออกครึ่ดไป แต่จักไปนั่งอยู่ใต้ร่มไม้บ้างให้พอได้ยินเสียงพระสวดแต่มิได้ขึ้นมาบนศาลา”
“อืม... อย่างนี้นี่เอง คุณแม่ขอรับ เวลาเจ้าคุณพ่อของคุณหลวงเหนื่อยๆกลับมาที่บ้าน...คุณแม่ทำอย่างไรหรือขอรับ?”
“เอ...แม่ก็คงจักเข้าครัวไปชงชาให้ท่านสักกา แล้วก็ทำกับข้าวอร่อยๆให้สักอย่างสองอย่างนั่นแลลูก แลลางทีแม่ยังพรมน้ำหอมเสียให้ฟุ้งในคืนนั้นด้วย”ประโยคสุดท้ายแฝงความนัยที่ทำเอาคนถามหน้าเริ่มเห่อร้อนหน่อยๆ เอาเป็นว่าเขาแค่ไปชงชากับทำกับข้าวให้ท่าจะดีกว่า
ก็เอกราชน่ะมันสำคัญนะเว้ย!!
สุดท้ายเค้าก็แอบดอดเข้ามาประน้ำอบสักนิดนึง...นิดเดียวจริงๆนะสาบานได้ โธ่ คนอย่างนภทีป์น่ะนะจะอยากให้ใครมาสนใจตัวเองมากมาย เออ...แล้วก็เข้ามาชงชาให้ด้วย ส่วนกับข้าว...
เอาไว้ก่อนแล้วกัน กลัวคุณหลวงท้องเสียตายน่ะนะ
“หืม...ชงชามาหรือพ่อทีป์ พี่ได้กลิ่น?”คุณหลวงที่เพิ่งเดินออกมาจากห้องมานั่งพับเพียบแปะลงข้างๆนภทีป์ที่นั่งอยู่กับคุณหญิงแขไข
“ก็ชงมานะซีขอรับ ดื่มสักหน่อยนะขอรับ ชามะลิกลิ่นหอมนักหนา จะได้ผ่อนคลาย”นภทีป์ว่าไปพลางรินชาใส่ถ้วยกังไสใบน้อยยืนให้คุณหลวง
“ขอบน้ำใจพ่อทีป์ คุณแม่ขอรับ เด็กๆเป็นอย่างไรบ้างขอรับ”
“ซนตามประสาแลจ้ะพ่อนพ อย่าห่วงไปเลยลูก ลูกทั้งคนแม่ยังเลี้ยงมาได้ นับประสาอะไรกับหลานอีกสามคนหือ? แม่นมก็หาได้ครึ่ดไปออกอย่างนี้”
“อย่างนั้นลูกก็สบายใจขอรับ”
“ผู้หญิงที่มีลูกอ่อนแถวนี้มีเยอะมากเลยหรือครับ?”นภทีป์ถามขึ้นมาเบาๆ ตอนแรกเขานึกว่าแม่นมหายากมาซะอีก ไม่นึกว่าคุณหญิงแม่จะบอกว่าหาได้ง่ายดายขนาดนี้
“อย่างนั้นซีลูก บ่าวในเรือนเรามีลูกเล็กๆออกครึ่ดไป แม่ก็คัดเอาคนที่สุขภาพดีๆมาสักสามคนก็ได้แล้วเล่า”
“อย่างนี้จักเลี้ยงไหวหรือขอรับ?”
“ข้าวปลาเราก็เลี้ยงเขาอยู่แล้วเล่าลูก ออกมาก็เป็นทาสในเรือนเบี้ยเขาก็ทำงานให้เราอยู่ดีเล่า”
“พ่อทีป์ วันนี้ใส่น้ำอบหรือจ้ะ?”
“หือ...เอ่อ...ก็ใส่น่ะขอรับเห็นตั้งอยู่เยอะแยะในห้องคุณหลวง ผมเลย...เอ่ออ อยากลองใส่บ้าง”
“อย่างนั้นหรือ? ปกติพี่เห็นพ่อทีป์หอมดี...”เสียงนุ่มๆทำเอา ใบหน้าของร่างโปร่งเริ่มขึ้นริ้วบางๆ ใบหน้าขาวเริ่มก้มต่ำด้วยไม่กล้าสู้หน้าคนตาคมที่จ้องมองมา
“พ่อทีป์ แต่งตัวเสร็จหรือยังจ้ะ?” เสียงคนตัวสูงกว่าทำเอาอีกคนหนึ่งสะดุ้งโหยงเพราะกำลังง่วนอยู่กับโจงกระเบนที่หลุดหลุ่ยไปมา
“อ่า...”
“ใส่ไม่ได้อีกแล้วหรือ มาดูทีพี่จักใส่ให้ ทุกทีก็ใส่ได้นี่นา?”
“เอ่อ...วันนี้ผ้ามันลื่นๆ ผมเลยไม่ค่อยชิน...แล้วก็ส่วนมากหลังๆมาก็ใส่กางเกงแพรแล้วด้วย”
“ไหนพี่ดูที”คุณหลวงเดินมาจับร่างโปร่งหมุนไปมา จับนั่นแต่งนี่อยู่สักพักจนคนที่ขอร้องให้ช่วยเริ่มหน้าแดงด้วยความเขิน
“เสร็จรึยังขอรับ”
“อือ เสร็จแล้วจ้ะ พ่อทีป์ลองขยับดูที แน่นหรือไม่จ้ะ?”นภทีป์หมุนซ้ายหมุนขวาอยู่หน้ากระจกเดินไปสองสามก้าวแล้วหันมาพยักหน้าหงึกหงักให้คุณหลวงที่ยืนรออยู่
“เอ้างั้นไปกันเถิด คุณแม่ท่านรอทานข้าวอยู่ให้ผู้ใหญ่รอนานไม่ดี”
“ขอรับ” นภทีป์เดินตามคุณหลวงไปที่หอนั่ง ตอนนี้ยังเช้าตรู่ ยังไม่ทันสว่างดีด้วยซ้ำ แบบที่คนที่นี้เรียกว่าย่ำรุ่ง อากาศเย็นชื้นกระทบผิวกายทำเอาเขาต้องห่อไหล่น้อยๆ
ตอนนี้...ที่กรุงเทพฯในอีกร้อยกว่าปีข้างหน้า...
จะหนาวมั้ยนะ
“ถูกปากหรือไม่จ้ะพ่อทีป์”
“อร่อยดีขอรับคุณแม่”
“ดีแล้วจ้ะที่ชอบ รีบทานเถิดลูกกระเดี๋ยวไปถึงวัดสายจักไม่ทันพระท่านเอา”
“ขอรับ”
จ๋อม...จ๋อม...
วันนี้คุณแม่ยืนยันหนักแน่นว่าจักไปวัดให้จงได้ ด้วยลูกชายทั้งสามของฉันยังไม่มีชื่อแลก็อยากให้พระท่านตั้งให้ จึงตกลงใจไปวัดกันดูสักที วันนี้เป็นวันพระเสียด้วย คนคงครึ่ดเต็มศาลา คุณแม่คงอยากให้คนอื่นเห็นหลาน แล้วก็...พ่อทีป์กระมัง
พ่อทีป์นั่นหากไม่นับว่าเป็นชายแล้วดูงดงามไปเสียทุกส่วน ผิวหรือก็ขาวละเอียด นัยน์ตาสุกสกาว ริมฝีปากสีแดงสวย...หากพ่อทีป์เป็นผู้หญิงฉันคงไม่ต้องคิดกระไรให้วุ่นวายใจกระมัง...ฉันคงจะรัก...
“นั่นอะไรหรือขอรับ?”นภทีป์ชี้ไปตามริมน้ำที่มีลูกอะไรสักอย่างลอยตามน้ำมาเป็นสาย
“มะกอกน้ำ อยากชิมไหม?”
“ไม่เอาล่ะขอรับเดี๋ยวท้องเสียจะยุ่ง เออ จริงสิขอรับคุณหลวง แล้วขนกันไปเยอะขนาดนี้ที่วัดจะไม่แตกตื่นหรือขอรับ?”
“แตกตื่นอันใด”
“ก็ขึนศาลาทีอย่างกับจะไปท้าตีกับใครที่ไหน ขนคนไปเสียเยอะแยะ”
“ไม่หรอก หากไปถึงวัดพ่อทีป์คงเข้าใจ คหบดีมีเงินยามไปไหนก็เป็นเช่นนี้แล...หอบเอาบริวารไปด้วย เขาจักได้รู้ว่าเรามีเงิน”
“อย่างนั้นหรือขอรับ ค่านิยมแปลกดี”
“พ่อทีป์ ชอบลูกของพี่หรือไม่จ้ะ?”
“ชอบสิขอรับ เด็กๆน่ารักออก ผมอยากรู้จังว่าพวกเขาจะชื่ออะไรกันบ้าง”นภทีป์ทอดสายตามองไปท้ายเรือที่มีคุณหญิงแล้วก็แม่นมของพวกเด็กๆนั่งอยู่พร้อมๆกับเด็กน้อยสามคนที่นอนหลับปุ๋ย
“พี่ดีใจนะ”คุณหลวงพูดขึ้นเบาๆแล้วทอดสายตามองเสี้ยวหน้าของอีกคน...ขนตาพ่อทีป์ทำไมถึงได้ยาวนักนะ
“อะไรนะขอรับ?”นภทีป์หันมาถาม คุณหลวงเสหลบตาแล้วส่ายหน้าบอกว่าไม่มีอะไรพร้อมหยิบหนังสือเล่มบางออกมาอ่านเสียจะได้ไม่ถูกซักไซ้เอาความจากคนที่ตัวเองเพิ่งแอบมองมาหมาดๆ
“อ้าว ไม่ได้เจอกันเสียนานเลยนะคะคุณหญิงแขไข”พอขึ้นศาลาปุ๊บ คุณแม่ก็ถูกเพื่อนๆคุณหญิงด้วยกันทักเสียงอ่อนเสียงหวาน
“จ้ะ นานทีเดียวแล้วนี่แม่มะลิเป็นอย่างไรบ้างหรือคะคุณพี่”
“สบายดีจ้ะ อยู่ในกรมกับสมเด็จฯท่าน วันนี้ก็ไม่ได้ออกมาเห็นว่าต้องเร่งงานร้อยมาลัยให้สมเด็จฯ แล้วนี่คุณหญิงมากับใครหรือจ้ะ?”
“มากับพ่อนพแล้วก็ลูกเขาแลจ้ะ อ้อ แล้วนี่ พ่อทีป์จ้ะ ฉันรับเป็นลูกบุญธรรมน่ะจ้ะ พ่อทีป์มาไหว้คุณป้าซีลูก นี่คุณหญิงนวลจ้ะ”
“ขอรับ”นภทีป์หันมาไหว้คุณหญิงนวลที่ยิ้มมองอยู่
“แล้วเป็นยังไงมายังไงเล่าจ้ะคุณหญิง ถึงได้ลูกบุญธรรมคนนี้มา”
“จะกระไรเล่าจ้ะ เขาจมน้ำแล้วจำอะไรไม่ได้เลย ฉันเห็นหน้าตาสะอาดสะอ้านหน้าเอ็นดูถึงได้รับเป็นลูก นี่ก็ช่วยงานพี่ชายเขาอยู่ พูดได้หลายภาษาเชียวจ้ะ”
“พ่อทีป์จ้ะ มากับพี่ทีซี”
“ไปกับพี่เขาเถิดจ้ะ อีกสักเดี๋ยวค่อยขึ้นมาก็ได้ลูก”
“อึดอัดหรือไม่จ้ะพ่อทีป์”
“ไม่เป็นไรขอรับ แต่จะว่าไม่อึดอัดเลยก็คงไม่ใช่ คุณหลวงขอรับ คุณหญิงคุณนายเวลาเจอกันเขาต้องพูดเรื่องแบบนี้ตลอดเลยหรือขอรับ”
“ไม่ดอกจ้ะ พี่พาไปเล่นกับลูกดีหรือไม่จ้ะ”
“เอาซีขอรับ”คุณหลวงแตะข้อศอกนภทีป์เบาๆแล้วพาเดินไปด้วยกัน เด็กๆสามคนกับแม่นมนั่งอยู่ที่ศาลาด้านล่างห่างจากศาลาการเปรียญเล็กน้อยพอให้ถ้ามีเสียงเด็กๆเอะอะอะไรจะไม่ดังไปถึงบนศาลาการเปรียญ
“ยังหลับกันอยู่เลยขอรับคุณหลวง”นภทีป์ทรุดตัวลงนั่งข้างๆแม่นมคนหนึ่งที่กอดเด็กน้อยไว้แนบอกแกว่งแขนไปมาเบาๆ พอให้เด็กน้อยหลับสบาย
“ฉันขออุ้มลูกได้ไหมจ้ะ”นภทีป์ถามเอากับแม่นมที่มองดูยังสาว คงเพิ่งมีลูกคนแรก
“ได้ซีเจ้าคะ คุณทีป์ยื่นแขนมาเถิดเจ้าค่ะ”นภทีป์ยื่นแขนออกตามที่แม่นมว่า นางวางเด็กลงบนแขนนภทีป์อย่างระมัดระวัง นภทีป์ถึงค่อยหดแขนกลับเอาเด็กตัวเล็กๆนั่นมาไว้แนบอก
“น่ารักจังเลยนะขอรับ”คุณหลวงชะโงกหน้ามามองลูกตัวเอง ทำเอาคนที่โดนลมหายใจปัดผ่านไปมาหน้าเริ่มขึ้นสีหน่อยๆ
“ขอฉันอุ้มอีกคนบ้างซี”คุณหลวงหันไปเรียกร้องเอากับแม่นมเพื่อจะอุ้มลูกตัวเองบ้าง สุดท้ายเลยกลายเป็นกระเตงเด็กสองคนไว้กับตัว คนนึงก็อุ้มอยู่แนบอก อีกคนก็อุ้มพาดไหล่ ทำเอาคนมองอย่านภทีป์แทบกลั้นขำไม่อยู่กับคนที่กลัวลูกชายของตัวเองน้อยใจถึงได้เอามาพาดบนตัวเสียหมด...
“หนักหรือไม่ขอรับ?”
“ไม่หนักดอกจ้ะพ่อทีป์หนักแล้วหรือจ้ะ?”
“ยังหรอกขอรับ คุณหลวงขอรับนี่เริ่มสว่างแล้วพระจะสวดแล้วหรือไม่ขอรับ”
“นั่นซีนะ พี่ก็ลืมไปเสียสนิท เอ้า มาเอาลูกๆฉันไปที มาเถิดพ่อทีป์กระเดี๋ยวคุณแม่ท่านจักไม่สบายใจที่หายกันไปเสียนานสองนาน”
“ขอรับ”
หลังจากพระสวดเสร็จสิ้นทุกอย่างเราก็ตามหลวงพ่อไปที่กุฏิ คุณหญิงแม่ให้บ่าวไปตามแม่นมกับเด็กๆมาด้วยกันจะได้ให้หลวงพ่อท่านตรวจดวงชะตาให้ แหมไม่รู้ตอนผมเกิดคุณแม่จะทำแบบนี้บ้างรึเปล่า แต่คิดถึงบ้านจังเลยแหะ ป่านนี้ไม่รู้ไอ่ตฤณเสร็จไอ่ธามไปรึยัง...
“คุณหลวงขอรับ ชื่อคุณหลวงก็ให้พระตั้งให้หรือขอรับ?”
“เปล่าดอกจ้ะ เจ้าคุณพ่อท่านตั้งให้ ท่านว่าคุณแม่ชอบพลอยนพเก้ามาก เลยตั้งชื่อพี่ว่านพรัตน์จ้ะ”นพรัตน์ แต่ในชื่อนั่นมันนพเทพไม่ใช่เรอะ โอย คนโบราณนี่พางงจริงแหะ
“แต่คุณหลวงอวยศักดินานพเทพอัครานี่ขอรับ ไม่เห็นเป็นพรัตนอัคราล่ะ?”
“พ่อพี่ชื่อเทพ เขาอวยตามกัน”
“อ๋อ...แบบนี้นี่เอง คุณหลวงขอรับ แล้วทำไมคุณหลวงถึงไม่ตั้งชื่อลูกเองล่ะขอรับ? หรือให้คุณหญิงตั้งก็ได้”ผมเริ่มสงสัยตงิดๆแล้วว่าทำไมต้องเป็นพระเท่านั้นด้วยนะ?
“เพราะเขาไม่ใช่ลูกแท้ๆของพี่อย่างไรเล่าจ้ะ หากเป็นลูกแท้ๆของพี่ พี่จักตั้งเยี่ยงไรย่อมเป็นมงคลแก่ลูกทั้งนั้น หากเขาไม่ใช่พี่จักตั้งส่งเดชได้อย่างไรเล่า”
“เอ... แต่คุณหลวงให้เขาเรียกว่าพ่อไม่ใช่หรือ? แบบนี้ไม่นับเป็นพ่อหรือขอรับ?”
“ช่างสงสัยเสียจริงนะเจ้า ก็นับเป็นพ่อแต่หาใช่พ่อแท้ๆไม่ เข้าใจหรือไม่จ้ะ”
“ขอรับๆ ที่นี้นี่เข้าใจยากจริงๆ”นภทีป์บ่นพึมพำ เดินกันสักครู่ถึงมาถึงกุฏิหลังน้อยที่อยู่ถัดมาทางด้านหลังวัด คุณหลวงเดินนำขึ้นไปพร้อมคุณหญิง ส่วนนภทีป์กับแม่นมนั้นก็หอบลูกตามขึ้นไป
“เอ้า มากันแล้วหรือคุณหลวง คุณหญิง มานั่งเถิด คุณหลวงรู้เวลาตกฟากของเด็กพวกนี้อยู่ฤาไม่?”
“ไม่ทราบได้ขอรับหลวงพ่อ กระผมไปรับมาตอนเจ้าหนูพวกนี้ได้สักครึ่งขวบแล้วขอรับ”
“กระนั้นหรือ...มิเป็นไรดอก อาตมาจับยามสามตาดูก็ย่อมได้ เอ้า เอามาดูทีฤา”
“คุณหลวง วันที่พาเจ้าพวกนี้มาด้วย คุณหลวงพาใครมาอีกหรือ?”
“พ่อทีป์ขอรับหลวงพ่อ กระผมเจอพ่อทีป์จมน้ำอยู่ตรงท่าน้ำวัดที่ไปรับเจ้าเด็กพวกนี้มาแลขอรับ ไม่ทราบได้ว่ามาจากที่ใด”
“หากจักคิดการณ์ใดขอให้คุณหลวงสบายใจเถิด หากเป็นคนผู้นี้แล้วไซร้อย่างไรก็ล้วนดียิ่ง เอ้า ไหนมาดูที เจ้าเด็กสามคนนี้เป็นลูกอีหรอบมันหรือ?”
“ขอรับหลวงพ่อ”
“ชื่อกระไรดีเล่า ขอข้าดูที”หลวงพ่อนั่งหลับตาลงสักพัก ถึงได้เงยหน้ามาแจ้งแก่คุณหลวงว่าให้เด็กน้อยชื่อ ระวิ รวี และรพี
“พ่อพิ พ่อพี แล้วก็พ่อวี หลานย่า มีชื่อแล้วเป็นคนเต็มตัวแล้วหนาลูก หลวงพ่อเจ้าคะ ช่วยผูกข้อมือรับขวัญหลานให้อิฉันได้ฤาไม่เจ้าคะ”
“มาเถิด คุณหลวงกับพ่อทีป์นั่นด้วยซีเล่า คุณหญิงเองก็อย่าลืมผูกข้อไม้ข้อมือรับขวัญหลานของคุณหญิงเองเสียเล่า”
“ขอรับ พ่อทีป์ มานี่เถิดให้หลวงพ่อท่านผูกข้อต่อแขนให้”นภทีป์ขยับไปนั่งข้างๆคุณหลวง สายตามองไปทางพระเกจิฯชื่อดังของยุคนี้อย่างพินิจพิเคราะห์ พระท่านจะรู้ไหมวะว่าเราไม่ใช่คนยุคนี้...
“โยมชื่อนภทีป์ใช่ฤาไม่?”
“ขอรับ”
“หากมีอันใดเกิดขึ้นไซร้ ขอให้โยมอย่าได้สงสัยไป่ความให้มากนัก แลหากมีอันใดที่โยมจักปลงใจได้ในที่นี้ก็ขอให้โยมปลงใจเถิด โยมจักไม่ได้กลับไปที่ที่โยมจากมาอีกแล้วหนา...”
“อะไรนะขอรับ?”นภทีป์เบิกตากว้าง...หมายความว่ายังไง??
จะไม่ได้กลับไปที่ๆจากมาแล้ว...
หมายความว่าเขาต้องอยู่ในยุคนี้ตลอดไป ไม่ได้เจอหน้าธาม หน้าตฤณ คุณพ่อคุณแม่ หรือใครๆที่นั่นอีกแล้วใช่มั้ย?
“โยมอย่าได้คิดให้มากความเลย หากโยมปลงใจได้แล้วไซร้ โยมก็จักรู้แจ้งเองว่านี่คือฤทธาแห่งบุพเพสันนิวาส”
“หมายความว่า...ผมไม่มีทางได้กลับไปอีกแล้วใช่มั้ยครับ?”
“ถูกแล้วโยม โยมอย่าได้กังวลใจให้หนักไปเลยหนา ใช่ชีวิตให้ดีเถิด”
นภทีป์ได้แต่ก้มหน้านิ่ง
เขาจะไม่มีวันได้เห็นหน้าพ่อแม่ หน้าธาม หรือหน้าไอ่ตฤณอีกแล้ว...
ไม่มีทางได้เห็นกรุงเทพฯในอีกร้อยปีข้างหน้าอีกแล้ว...
“พ่อทีป์...”คุณหลวงร้องเรียกอีกคนเบาๆเมื่อร่างโปร่งมีเงียบซึมไป สุดท้ายเลยได้แต่พากันกราบลาลงจากกุฏิแล้วกลับเรือน เพราะใกล้เวลาเพลเต็มที
“พ่อนพไปดูพ่อทีป์เถิดลูก กระเดี๋ยวแม่จักดูแลพ่อสามคนนี้เอง”เมื่อมาถึงเรือนคุณหญิงแขไขจึงกล่าวกับลูกชายพร้อมพยักพเยิดไปทางชายหนุ่มอีกคนที่มาด้วยกันแต่กลับปิดปากเงียบกริบ ใบหน้าหมองเศร้าลงจนจิตใจท่านอ่อนยวบด้วยความสงสาร เพราะตั้งแต่มีพ่อทีป์มาอยู่ที่บ้านท่านก็หายเหงาไปได้เยอะ
“ขอรับ”คุณหลวงรับคำพลางเดินไปหาคนที่เพิ่งเดินขึ้นเรือนมาทีหลังสุด ใบหน้าขาวๆนั่นยังคงเศร้าหมอง แต่ไม่มีรอยน้ำตาออกมาเลยสักหยดหากแต่ยิ่งทำให้คนมองสงสารเข้าไปใหญ่
“พ่อทีป์”
“ขอรับ”นภทีป์รับคำพลางเงยหน้ามองคุณหลวงอย่างฉงนใจ จู่ๆก็มาเรียก...ไม่รู้ว่ามีอะไร
“มานี่เถิดพี่มีอันใดจักให้เจ้าดู”คุณหลวงฉุดแขนคนที่ยืนทำหน้างงอยู่ไปทางห้องหนังสือของตน ทั้งๆที่ยังไม่รู้ว่าจะเอาอะไรมาล่อให้คนตรงหน้าหายเศร้าเสียเลยด้วยซ้ำ
“อะไรหรือขอรับ?”
“บันทึกการเดินทางของพี่ดีหรือไม่ พ่อทีป์อยากจะอ่านหรือเปล่าเล่า พี่เขียนเมื่อครั้งไปเรียนที่อังกฤษ”นภทีป์ตาวาวขึ้นอย่างนึกชอบใจ
ก็แหม...
เรื่องราวความเป็นอยู่ที่อังกฤษในสมัยรัชกาลที่ 5 มันน่าสนใจน้อยเมื่อไรกันล่ะ
“เอาซีขอรับ”เมื่อเห็นประกายตาซุกซนอยากรู้อยากเห็นกลับมาบ้างคุณหลวงก็พลอยเบาใจ พลาวส่งรอยยิ้มที่ทำให้อีกคนพลอยอุ่นใจขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว
คุณหลวงนี่... ยิ้มสวยจังเลยแหะ
======
มาแล้วจ้า หลังจากหายไปหลายเดือน TT
คนเขียนไม่ได้เลิกแต่งเน้อ แต่เพราะเป็นคนแต่งช้าอยู่แล้วแล้วดันไม่มีเวลาอีก
ขอโทษจริงๆนะคะ T[]T ตอนต่อไปจะพยายามมาตามสัญญา 2 อาทิตย์เหมือนเมื่อครั้งกระโน้นนะคะ