*****************************************************************************************
ฟิคชั่นเรื่องนี้เป็นเรื่องที่แต่งขึ้น....(คิดว่าคง)ไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องจริงแต่อย่างใด(เหรอ?) ฮ่าๆ
*****************************************************************************************
ประตูบานหนาถูกผมเปิดออกอย่างแผ่วเบา ภายในห้องนั้นยังคงเงียบและมืดเหมือนทุกๆวันที่ผมเพียรเปิดปิดมันมากว่าสองอาทิตย์
ถามว่า…เคยคาดหวังว่าจะเจอแสงสว่างในความมืดมิดนั้นไหม
แน่นอน…ย่อมคิดว่าสักวันจะเจอแสงสว่างตกอยู่มุมใดมุมหนึ่งของห้อง
แต่…ความหวังที่ยังไม่เกิดขึ้นมันก็ย่อมเป็นได้แค่…..ความหวัง….ไม่ใช่ความจริง….
…………….
……….
…..
วันนี้ก็ผ่านไปอีกวันแล้วสินะ เฮ้อ... ทำไมมันเหนื่อยอย่างนี้ ทั้งที่ก็ทำงานมากกว่าเดิมนิดหน่อยเท่านั้นเอง แต่พักนี้กลับรู้สึกเหนื่อยกว่าเดิมมากโขเลย อาจจะเพราะเข้าเวรดึก ทำงานหนัก roundwardเยอะก็เป็นได้ แต่ถ้าไม่ทำแบบนั้นผมก็คงใช้ชีวิตประจำวันอย่างยากลำบากอย่างแน่นอน
ที่ผมต้องเข้าเวรดึกดื่นค่อนคืนก็เพราะไม่อยากกลับมาห้องแล้วพบว่าตนเองอยู่อย่างโดดเดี่ยวโดยไร้เงาของร่างสูงผู้ซึ่งเป็นที่รักของผมเอง……ตั้งแต่วันที่ภีมไปทำงานที่แท่นขุดเจาะน้ำมัน ผมเหงามาก เหงาจนต้องแอบนอนร้องไห้คนเดียวทุกคืน ทั้งที่พยายามทำให้ตนเองไม่ว่าง ทำความสะอาดบ้าง จัดตกแต่งห้องก็แล้ว แต่มองไปมุมไหนมันก็เจอแต่ภาพภีมซ้อนทับไปเสียหมด……เหนื่อยเหลือเกินกับการขจัดความเหงาออกไปจากใจ
พอกลับถึงห้องผมก็เก็บกวาดห้อง อาบน้ำ สรุปเคสผู้ป่วย เปิดโน๊ตบุ๊คออนเอม เข้าบอร์ดและเวบต่างๆ ตามชีวิตประจำวันของผม แต่สิ่งที่ทำประจำหลังจากที่ภีมไปทำงานนั่นคือ การเฝ้าคอยโทรศัพท์จากไอ้ภีม ใครว่าเวลาแห่งการรอคอยไม่มีความสุขกัน สำหรับผมแล้วมันมีความสุขอย่างบอกไม่ถูก แม้ว่าบางครั้งจะหงุดหงิดบ้างที่ไอ้ภีมมันโทรมาช้า แต่พอได้ยินเสียงมันเท่านั้นล่ะ ความหงุดหงิดก็มลายหายไปอย่างไร้ร่องรอย แต่ยังไงซะผมก็ชอบแสดงออกไปล่ะว่า…..งอนนนนน ไอ้ภีม ชิ! แต่ก็ไม่มากหรอกพอให้วันนึงๆมีเรื่องคุยกันเยอะกว่าเดิมเท่านั้น จะได้ไม่ต้องวางเร็วๆไงล่ะ หุหุ แต่เวลาก็ดำเนินไปอย่างรวดเร็วเสมอ จนบางครั้งนึกอยากให้เวลาหยุดนิ่งเหมือนในหลายๆเพลงที่เคยฟังจริงๆ ทั้งที่ในใจก็รู้ว่าวันพรุ่งนี้ภีมก็ต้องโทรหา แต่ลึกๆก็รู้สึกว่าถึงจะคุยกันทุกวันยังไงก็…..เติมไม่เคยเต็ม......สุดท้ายก็ต้องแอบนอนร้องไห้คนเดียวจนผล็อยหลับไปเองทุกคืน
คิดถึงอ้อมกอดอบอุ่นที่มักจะโอบกระชับตัวผมให้แนบชิดตัวภีมเสมอ.....ตั้งแต่วันที่ 3 จนวันนี้ก็ล่วงเข้าสู่วันใหม่ของวันที่ 17 แล้ว ผมก็ยังไม่ชินเสียทีกับการต้องนอนคนเดียวบนเตียงกว้าง....เตียงของเราสองคน...บ่อยครั้งที่กวาดลำแขนไปยังที่นอนข้างกายก็จะพบกับความเย็นชืดไร้ไออุ่นที่คุ้นเคย จนบางครั้งต้องลุกออกไปนอนโซฟาหน้าห้องเพื่อขับไล่...ความคิดถึงที่มีมากเกินจะทนไหวออกจากความรู้สึก
....เฮ้อออ....นี่ก็จะตีหนึ่งแล้ว ทำไมไอ้ภีมยังไม่โทรมาหว่า....งานหนักเหรอที่รัก ต้นก็ทำงานหนักเหมือนกันแหละ เพื่ออนาคตเนอะตะเอง....เพราะงั้นเค้าจะพยายามเข้าใจตะเองนะ แต่เค้าก็แอบเป็นห่วงตะเอง ไม่อยากให้ตะเองโหมงานมาก เดี๋ยวจะไม่สบาย น้องหมอต้นไม่อยู่ด้วยใครจะเป็นคนดูแล แต่อย่าให้รู้เชียวนะว่าให้คนอื่นดูแลแทนน้องหมอต้น ไม่งั้นล่ะโดนเจื๋อน......แน่ ฮึ!
ตื่อ..ดือ..ดืด (เสียงMSNเวลามีคนทัก)
ทันทีที่ผมออนไลน์ใน MSN ก็มีน้องๆเข้ามาทักทายผมบ้างประปราย แต่เมื่อวานนี้ไม่มีใครทักผมเลยอ่ะ จนต้องเปลี่ยนหัวเอมจาก
...ต้นเหงา...ต้นเบื่อ...ต้นเซ็ง...ต้นท้อ...ต้นน่าร๊ากกกกกกกกกกกกกกก...
เปลี่ยนเป็น
...ต้นเหงา...ต้นเบื่อ...ต้นเซ็ง...ต้นท้อ...(มีคนออนเยอะแยะ แต่ทำไมไม่มีคนทักเราเลย)...มันคิดถึงอ่ะ รีบกลับมาเร็วๆสิไอ้บ้า
ก็คนมันเหงาอ่ะครับ จะพยายามทำตัวเข้มแข็งขนาดไหนส่วนลึกในจิตใจก็ยังคอยตอกย้ำอยู่เสมอว่าไม่สามารถคลายความเหงาได้เลย เฮ้ออ....
ผมนั่งคุยเอมฯกับน้องสองคนครับ(คงรู้ตัวนะว่าใคร ฮ่าๆ) ซักพักก็ขอตัวไปคุยโทรศัพท์กับน้องคนนึง ก็คุยไปเรื่อยๆครับ คุยกับเด็กอย่างน้อยก็คลายเหงาได้บ้าง(เป็นน้องผู้หญิงครับ เพราะงั้นไม่มีอะไรในกอไผ่) ระหว่างที่ผมกำลังคุยโทรศัพท์อยู่นั้นก็ได้ยินเสียงกริ่งหน้าห้องเหมือนมีคนมา เหลือบสายตาไปมองนาฬิกาที่ฝาผนังบอกเวลาประมาณ 01.15 น. ใครมาเอาป่านนี้เนี่ย?? ก็เลยขอตัวไปเปิดประตูห้อง
5
4
3
2
1
คิดว่าจะเจออะไรกันครับ.....
.
.
.
.
.
.
.
เพื่อสาวห้องตรงข้ามเองครับ!! โด่...ทำเอาตกอกตกใจหมด
.
.
“อะไรกันต้น...หน้าซีดเชียว......พอดีเราลงไปหาไรกินรอบดึกก็เลยซื้อโจ๊กมาฝาก”
“อ่ะ...อ่อ ขอบใจนะ”
“จ๊ะ ไม่เป็นไรหรอก....ก็ภีมเค้าฝากให้เราดูแลต้นแทนนี่นา หุหุ”
“เราดูแลตัวเองได้น่า....ไม่ต้องห่วงเราขนาดนั้น ภีมมันเว่อร์อ่ะ อย่าไปสนใจมันเลย”
“ได้ไงกัน....ภีมบอกให้เราบำรุงกำลังต้นดีๆก่อนที่ภีมจะกลับอ่ะ ฮ่าๆ......งั้นเราเข้าห้องก่อนนะ.....good night”
ผมได้แต่หัวเราะแหะๆ ตามหลังแม่เพื่อนสาวตัวดี พลางมองถุงโจ๊กร้อนๆแล้วก็ต้องแอบอมยิ้มอย่างอายๆคนเดียว จากนั้นผมก็หมุนตัวกลับเข้าห้องตนเองได้แค่ครึ่งตัว แต่.....ประตูปิดไม่ได้คร๊าบผม รู้สึกเหมือนว่ามีใครมาดึงไว้ เอ๊ะ! หรือว่าเราจะโดนผีหลอก เง้อออ...ตีหนึ่งเองงงง อย่าเพิ่งออกมาหลอกกันดิ ถ้าจะมาก็มาไห้มันดึกกว่านี้หน่อยดิ ตอนนี้ตั้งรับไม่ทัน....นะ นะ อย่าเพิ่งมาหลอกกันเลย ไปดีเถอะนะ
หลังจากที่ผมแอบไล่ผีอยู่ในใจได้สักพักก็รู้สึกถึงการถูกโอบกอดจากทางด้านหลัง...............ใช่เลย! ไออุ่นนี้แหละที่ห่างหายไปกว่าสองอาทิตย์....กลิ่นกายอ่อนๆที่คุ้นเคย.....จมูกโด่งที่คลอเคลียตามลำคอที่โผล่พ้นเสื้อนอนออกมา....สัมผัสนุ่มนวลที่ได้รับชวนประสาททุกส่วนในร่างกายพร้อมใจกันหยุดชะงัก
“ต้นคร๊าบ....จะไม่หันหน้ามาคุยกับภีมหน่อยเหรอ” เสียงภีมเรียกสติของผมคืนกลับมา ผมจึงค่อยๆหันกลับไปหา พร้อมกับมองขึ้นไปยังใบหน้าที่ผมไม่ได้สัมผัสมานาน
“ต้นร้องไห้เหรอ!?!” ภีมอุทานขึ้นเสียงดัง ทำเอาผมต้องลองแตะหน้าตัวเองบ้าง........เออ จริงนี่หว่า ผมร้องไห้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?
“ไม่เอานะ อย่าร้องดิ....เดี๋ยวภีมก็ร้องด้วยหรอก” ได้ยินประโยคนี้ผมแทบกลั้นยิ้มไม่ได้
“ก็ต้นดีใจอ่ะ.....ไหนภีมบอกว่าจะมาวันที่ 20 ไง”
“ก็ภีมอยากมาเซอร์ไพร้ส์ต้นนี่นา..........คิดถึงต้นที่สุดเลย เค้าอยากหอมตะเองที่ซู้ดดดดดดด” ว่าแล้วภีมก็หอมแก้มผมสลับซ้ายขวาไปมา ทำเอาผมจั๊กจี้จนต้องยื่นหน้าให้ดีๆ
แล้วเราทั้งสองก็เข้ามาในห้อง ภีมเอากระเป๋าไปเก็บแล้วก็มานั่งทักทายเด็กๆที่ออนเอมฯ ส่วนผมก็เข้าไปคุยโทรศัพท์ต่ออีกซักพักแล้ววางสายไป พอผมคุยเสร็จก็เดินออกมาบอกให้ภีมไปอาบน้ำ แต่ภีมไม่ยอมไป พร้อมให้เหตุผลว่า
“ถ้าต้นไม่อาบกับภีม คืนนี้ภีมก็ไม่อาบ” หันมายื่นหน้าบอกผมแล้วก็หันหลังกลับไปเล่นเอมฯต่อไป เออ...ให้มันได้อย่างนี้สิ แฟนใครวะ พูดยากจริงเลย
“ก็ต้นเพิ่งอาบเสร็จตะกี้นี้เองอ่ะ.....”
“................” ไม่มีเสียงตอบรับจากหมายเลขที่ท่านเรียก........สัญญาณไม่ค่อยดี แป่วววว
ผมก็เลยต้องคิดคำนวณถึงผลได้ผลเสียว่าจะเกิดอะไรขึ้น.....แน่นอนว่ามันต้องจบที่ อะจึ๋ง อะจึ๋ง ถ้าถามว่าผมอยาก.....ไหม ก็อยากอยู่หรอก ห่างหายไปเกือบสองอาทิตย์แล้ว อิอิ (ผมพูดอะไรออกไปเนี่ย ลืมๆมันไปเหอะนะ) แต่ดูท่าทางแล้ววันนี้ภีมเหนื่อยมาก จะไหวเร้อออ (ภีมบอก: ดูถูกกันเกินไปแล้ว).....อยากให้ภีมพักผ่อนก่อนอ่ะครับ จากนั้น....ภีมต้องการแบบไหน.....เดี๋ยวต้นจัดให้เอง ฮ่าๆ (หลุดปากอีกแระ)
“งั้น....ต้นแค่ถูหลังให้ภีมนะ” ได้ผลครับ....ไอ้ภีมมันหันกลับมาสนใจผมเลย
“แน่ใจนะว่าจะทำแค่นั้น?” แน่ใจสิวะ....ไอ้บร้า จ้องหน้าตรงๆเค้าก็เขินแย่ดิ
“ตกลงไปอาบได้ยัง” พูดแก้เก้อให้ตัวเองได้แค่นั้นล่ะคร๊าบ
จากนั้นภีมก็ถอดเสื้อผ้าใส่ผ้าขนหนูเพียงผืนเดียว....(นี่จะอ่อยให้สติแตกใช่ป่าวเนี่ย)....แล้วลากผมที่สวมเสื้อยืดกับกางเกงขาสั้นเข้าไปห้องน้ำด้วยกัน.....พอถึงส่วนที่อาบน้ำ ภีมก็ถลกผ้าขนหนูผืนเดียวออกไปพาดไว้ราวด้านข้าง......(โอ้ววว....เลือดกำเดาจะพุ่ง)......ผมกลัวอดใจไม่ไหว เอ้ย! กลัวจะเปียกไปด้วยก็เลยยอมถอยออกมาจากฉากกั้นระหว่างส่วนอาบน้ำกับส่วนทำธุระส่วนตัว....สายตากับมือก็พยายามจดจ่ออยู่กับฟองน้ำที่เตรียมจะใช้ถูตัวให้ภีม......แต่แล้วก็อดใจไม่ไหว เผลอใช้สายตาแอบมองผ่านเข้าไปก็พบกับหยดน้ำบนผิวกายกำยำทำเอาผมเริ่มรู้สึกถึงความผิดปกติในร่างกาย....ร้อนไปทั้งตัวเลยอ่ะ.....ตอนนี้ทั้งตัวผมคงแดงเถือกเป็นลูกตำลึงสุกไปแล้วแน่ๆ
ผมยืนรอภีมอยู่อย่างนั้นนานมากจนอดรนทนไม่ไหว ก็เลยกระชากฉากกั้นเปิดออกอย่างแรง
“ตะเองงงงง....เค้ายืนรอจนเมื่อยแล้วนะ เมื่อไหร่จะให้เค้าถูหลังให้” ยังไม่ทันตั้งตัวเลยครับ ไอ้บ้าภีมมันก็ดึงตัวผมเข้าไปชนกับลำตัวที่ลื่นๆเปียกๆของมันอย่างจัง
.....ผมขนลุกเลยครับ.....อารมณ์กระเจิงไปไกลแล้ว.....น้ำที่โปรยออกจากฝักบัวยิ่งเป็นตัวกระตุ้นอารมณ์ได้เป็นอย่างดี.....ภีมจับตัวผมหมุนเข้าหาตัวเองแล้วถอดเสื้อกับกางเกงผมออกอย่างรวดเร็ว......มือไม้ภีมก็อยู่ไม่สุข ลูบไล้ไปตามร่างกายที่เปียกชุ่มของผม
ริมฝีปากของผมถูกบดขยี้ลงมาด้วยความหนักหน่วงสมกับที่โหยหากันและกันมาหลายวัน ภีมค่อยๆขบเม้นริมฝีปากผมทีละนิดแต่ก็เร่งเร้าอยู่ในที จากนั้นก็สอดแทรกลิ้นร้อนเข้าหาเรียวลิ้นอุ่นอย่างหิวกระหายและผมก็ตอบรับสัมผัสด้วยการส่งลิ้นเข้าไปเกี่ยวกระหวัดรัดรึงด้วย ความหอมหวานที่ได้รับจากการจูบทำเอาผมเสียวซ่านลงไปถึงช่วงล่างเลยทีเดียว
ผมจิกนิ้วมือลงไปยังแผ่นหลังภีมอย่างลืมตัวเมื่อรู้สึกว่าเริ่มหายใจไม่ออก ส่วนภีมก็ยังมีความสุขกับการสำรวจช่องปากของผมต่อไป มือซ้ายของภีมลูบไล้ร่างกายผมจนรู้สึกอ่อนแรงลงทุกมาก ส่วนมือขวาก็บีบเคล้นตุ่มไตสีชมพูที่แข็งเป็นไตแข่งกันชูชันเพื่อรับสัมผัสจากฝ่ามือแกร่ง
“อืออ...ภีม....อืมมมม” ผมครางออกมาเมื่อภีมยอมปล่อยให้ริมฝีปากผมเป็นอิสระ แต่ไม่นานก็บดขยี้ลงมาอีกครั้งด้วยความร้อนรุ่มไม่แพ้ครั้งแรก และดูเหมือนจะหนักหน่วงยิ่งกว่าเดิม ทำเอาโลกรอบตัวผมหมุนเคว้งไปเลย
ภีมเลื่อนมือลงมาจับที่ส่วนกึ่งกลางลำตัวของผม แล้วลูบไล้มันไปมาเบาๆเท่านั้นแต่ผมกลับรู้สึกว่ามันขยายตัวพองขึ้นมาใหญ่แทบจะล้นมือภีมเลยล่ะ
“น้องของต้นร้องไห้แล้วอ่ะ....ภีมแค่จับเฉยๆนะเนี่ย” รู้แล้วจ๊ะพ่อทูนหัว....ไม่ต้องบรรยายบอกก็ได้ เค้าเขิลลลล >< .....ผมก็เลยตอบแทนคำพูดภีมโดยการทุบหลังไปทีนึง แล้วก็ซุกหน้าอยู่แถวอกภีม และผมก็รู้ว่า....หัวใจภีมเต้นเร็วและแรงมากจนผมนึกกลัวว่ามันจะกระเด็นออกมาจากอกไหม
“น่ารักจังเลย แฟนใครหว่า ฮึฮึ” ภีมกระซิบที่ข้างหูแผ่วเบาก่อนจะลากลิ้นและขบเม้มไปตามใบหน้า....ลำคอ....เลื่อนลงมาเรื่อยๆ หยุดที่จุดสีชมพูเนิ่นนาน ไม่ลืมที่จะประทับตราการจองจำลงไปตามเรือนกายที่ลากลิ้นผ่าน....ภีมขบเม้มตุ่มไตของยอดอกอย่างหิวกระหาย มือซ้ายก็กวาดลูบไล้ไปตามแผ่นหลัง บีบเคล้นบั้นท้ายงามงอน ส่วนมือขวาก็ยังทำหน้าที่เพิ่มความเสียวซ่านให้กับน้องหมอต้น....รูดเข้ารูดออกช้าบ้างเร็วบ้างสลับกันไป....
“อ๊ะ...........อืออ..........อ้าาาาา.....” ผมต้องครางออกมาเพื่อกำจัดความร้อนภายในกาย ไม่งั้นผมคงไม่สามารถพยุงกายให้ยืนได้......ยิ่งปล่อยเสียงออกมาดัง ยิ่งรู้สึกว่าโดนรุกหนักขึ้นเรื่อยๆ....ทั้งปากและมือยุ่งเหยิงเป็นพัลวันไปหมด.....สุดท้ายผมก็กระตุกเกร็งก่อนจะพ่นพิษรักสู่มือของภีม.....ตอนนี้เข่าอ่อนแล้วครับ ถ้าไม่มีภีมรั้งไว้ ผมคงลงไปกองกับพื้นแน่ๆ
“หมูอ้วนอ่ะ เค้ายังไม่ใช้ปากช่วยตะเองเลย.....เสร็จเร็วจัง” ภีมพูดขึ้นเบาๆ ทำให้หน้าผมที่กำลังจะคลายความร้อนลงไปกลับมามีสีสันขึ้นอีกครั้ง....พร้อมกับต้นน้อยที่ดูเหมือนจะขยายตัวอีกรอบ เง้อออ....ผมเป็นอะไรไปครับ แค่คำพูดของไอ้ภีมก็ทำเอาร่างกายผมเปลี่ยนแปลงได้มากขนาดนี้.......ภาวนาอย่าให้มันสังเกตเห็นเลย......ผมอายง่ะ
“วันนี้หมูอ้วนเร่าร้อนจังเลย ฮุฮุ” และแล้ว....คำภาวนาของผมก็ไม่เกิดผล T^T แถมไอ้ภีมมันยังเอามือผมจับที่แท่งของมันรูดขึ้นลงไปมา.....ผมก็ว่าง่ายครับ สามีว่าไง ภรรยาที่น่ารักอย่างผมไม่ขัดขืนอยู่แล้ว ผมใช้มือกับภีมน้อย ปากก็ขบเม้มไปตามแผ่นอกแกร่งที่เฝ้าคิดถึง
“อ๊าาาา............หมูอ้วนนนน.....” ภีมร้องเสียงดังเมื่อผมเลื่อนปากลงไปครอบครองส่วนอ่อนไหวของร่างกาย ซึ่งมันคับปากผมจนแทบจะสำลักออกมา....แต่แล้วภีมก็จับตัวผมออกห่างแล้วฝังจูบลงมาที่ปากผมอย่างร้อนแรง เรียวลิ้นอุ่นควานหากันอย่างบ้าคลั่ง จนเกิดเสียงจิ๊จ๊ะเบาๆออกมาให้ได้ยิน และยิ่งเป็นตัวกระตุ้นอารมณ์ให้ทะยานดิ่งลึกลงไปยังขั้วอารมณ์ตัณหาที่อยู่นอกเหนือจิตสำนึก
“ภีมขอนะครับหมูอ้วน........ภีมไม่ไหวแล้ว” ภีมพูดอะไรผมฟังไม่รู้เรื่องแล้วครับ ผมได้แต่พยักหน้าอือออตอบกลับไปพร้อมกับเสียงครางกระเส่าทุกครั้งที่ภีมเลื่อนมือเข้าใกล้ช่องทางคับแน่นด้านหลัง
“ขอบคุณครับ....ภีมรักหมูอ้วนนะ”
จากนั้นภีมก็จับตัวผมหันหน้าเข้าหากำแพงห้องน้ำโดยที่ยังมีน้ำในฝักบัวไหลรินอยู่ตลอดเวลาราวกับเป็นตัวช่วยชำระคราบเหงื่อไคลไปด้วย ภีมยกขาผมให้พาดไว้บนขอบอ่างอาบน้ำแล้วตนเองก็ยืนแทรกอยู่ด้านหลัง หยิบเจลที่แอบถือมาวางไว้ในห้องน้ำขึ้นมาชโลมแล้วสอดนิ้วผ่านเข้าไปยังช่องทางคับแน่นของผม....อึก...จุก.....
....จากหนึ่งนิ้ว....สองนิ้ว....และสามนิ้ว แล้วขยับเข้าออกช้าบ้างเร็วบ้างผสมปนเปกันไป
“อ๊าาา....ภีมครับ..” ภีมใช้นิ้วทั้งสามวาดลวดลายภายในช่องทางสร้างความเสียวกระสันให้ผมยิ่งนัก....
“ว่าไงครับหมูอ้วน”
“มะ มันเสียวครับที่รัก....อูววว” เสียงของผมยิ่งเป็นตัวปลุกเร้าสัญชาตญาณดิบของภีมให้ลุกฮือขึ้น....
“งั้นภีมเข้าไปในตัวหมูอ้วนแล้วนะ” ผมก็คงพยักหน้าตอบรับเช่นเคย
จากนั้นน้องของภีมก็ถูกจ่ออยู่ปากทางเข้าของผม.......ผมรู้สึกเกร็งไปหมดทั้งตัว ทั้งที่ก็ผ่านเหตุการณ์นี้มาหลายครั้งคราว แปลกใจตัวเองเหมือนกันทำไมไม่ชินกับมันเสียที......น้องของภีมค่อยๆผลุบหายเข้าไปทีละนิดจนสุดลำสร้างความเจ็บปวดผสมปนไปกับความเสียวซ่านให้กับผมเกินจะบรรยาย
“หมูอ้วนครับ... ยะ อย่าเกร็งสิครับ” ภีมกระซิบบอกผมที่ข้างหูด้วยเสียงกระเส่า ทำเอาผมขนลุกซู่พร้อมกับร่างกายที่ร้อนขึ้นมาอีกแล้ว.....
จากนั้นผมก็ปล่อยตัวปล่อยใจไปตามจังหวะที่ภีมควบทะยาน.....ช้าบ้าง....เร็วบ้าง......ถี่บ้าง............ลึกบ้าง......รู้สึกราวกับตนเองอยู่บนห้วงความฝันอันแสนหวานที่ไม่อยากตื่นขึ้นมาพบกับความจริงที่ว่าอีกไม่นานภีมก็ต้องไปทำงานอีก.....แล้วผมล่ะ.......ต้องอยู่กับความเหงาอีกนานเท่าไหร่กัน.......เมื่อไหร่ที่โชคชะตาจะเลิกเล่นตลกกับเราเสียที.......ขอท่านประทานความสุขให้เราด้วยเถิด......................รักไอ้ภีมครับ...
จนถึงจังหวะสุดท้ายภีมก็รัวใส่ผมมาเป็นชุด....ทั้งเร็ว ทั้งถี่ ทั้งรัว ทั้งลึกกกกกก ก่อนจะกระแทกเข้าไปแรงๆครั้งเดียวพร้อมกับปล่อยพิษรักในตัวของผม.....ความอบอุ่นจากมันแผ่ซ่านจุกขึ้นไปถึงขั้วหัวใจ ทำให้คลายความเหงาลงไปแทบหมดสิ้น
“ภีมรักหมูอ้วนนะคร๊าบบบบ....จุ๊บๆ จ๊วบสสส” ภีมถอนน้องออก แล้วหันหน้าผมเข้าไปพูดด้วย พร้อมกับหอมเสียหลายฟอดจนผมแทบจะมึนอีกรอบแล้ว
“ต้นก็รักภีมครับ.....ไปทำงานน่ะ อย่าให้รู้ว่าแอบมีกิ๊กกั๊กนะ ไม่งั้นต้นวีนถึงที่จริงๆด้วย”
“จะมีใครได้ไงล่ะคร๊าบบบ.....ก็มีต้นอยู่ทั้งคนนี่ไง”
“ให้มันจริงเหอะ.......อย่าให้อารมณ์เหงาพาไปละกัน”
“ไม่มีอีกแล้วครับ........ถ้าภีมเหงา....ภีมจะโทรหาต้น....ภีมจะดูรูปต้น......และภีมจะรักแต่ต้นคนเดียวครับ ภีมให้สัญญา”
“จำคำพูดตัวเองไว้ดีๆด้วยนะ” ผมร้องไห้อีกแล้วครับ....แค่คำบอกรักของภีมประโยคสุดท้ายก็ทำให้น้ำตาของผมไหลออกมาอีกแล้ว......น้ำตาแห่งความตื้นตันหาได้เป็นน้ำตาจากความโศกเศร้า.....คำสัญญามันไม่มีความหมายอะไรต่อผม ผมสนใจก็แต่...ถ้อยคำที่ให้สัญญาเท่านั้น
จากนั้นภีมก็โอบกอดผมเข้าหาอ้อมอกอุ่น พร่ำบอกคำรักนับครั้งไม่ถ้วน......จนความเหงามลายหายไปจากใจจนหมดสิ้น เหลือไว้เพียงความสุขกายสบายใจเท่านั้น
‘ระยะทาง’ เป็นสิ่งที่ใครหลายคนนึกกลัว.....ไม่อยากประสบกับความรักของตนเอง.....แต่ความจริงแล้ว ‘ระยะทาง’ ไม่ใช่สิ่งที่น่ากลัวสักนิด แต่สิ่งที่น่ากลัวแท้จริงแล้วคือ ‘ใจ’ ของคนเราต่างหากล่ะ..... ‘ระยะทาง’ ก็แค่ปัจจัยหนึ่งของความโลเลหลายใจ......เช่นเดียวกันกับ ‘ความเหงา’ ที่ใครหลายคนนำมากล่าวอ้างว่าเป็นสาเหตุของการเลิกรา........ซึ่งความจริงแล้วก็ขึ้นอยู่กับ ‘ใจ’ คนเราทั้งนั้น...........
‘ความรัก’ จะดำเนินไปสิ้นสุดที่จุดใดขึ้นอยู่กับ ‘ความเชื่อใจกันและกัน’
.........ขอให้ความรักของทั้งสองคนหล่อเลี้ยงใจกันและกัน อย่าให้มีความเหงาหรือคำว่าระยะทางมาเป็นตัวปิดกั้นความรู้สึก ขอความเข้มแข็งบันดาลลงสู่ใจของพวกเขาด้วยเถิด...........เป็นกำลังใจให้กับคู่รักทุกคู่ที่เลือกเดินบนเส้นทางนี้ อุปสรรคอาจมีมากแต่ขอให้เชื่อใจกันและกันเข้าไว้......แล้วทุกอย่างจะสวยงามเกินกว่าที่เราคาดคิด.......
Fin. (แต่ความรักของทั้งคู่ยังไม่จบนะ)