หัวใจซ่อนรัก
ตอนพิเศษ ๕ คนของหัวใจ
แต่ไหนแต่ไรมาอเล็กซานเดอร์มักเป็นพวกหวงของ อะไรก็ตามที่ได้ชื่อว่าเป็นของของเขา ไม่ว่าจะคน สัตว์ หรือสิ่งของ หากเขาไม่ทิ้งใครก็อย่าคิดมาแตะ คดีเก่าอย่างเรื่องเด็กมาติดพันอัลเบิร์ตยังไม่จบกันง่ายๆ และอัลเบิร์ตยังย้ำนักย้ำหนาว่านั่นเด็ก อย่าไปทะเลาะด้วย เพราะอย่างไรเสียตัวอัลเบิร์ตเองก็ไม่ได้คิดอะไรกับฝ่ายนั้น ตบมือข้างเดียวมันไม่มีทางดังอยู่แล้ว เอาเวลาไปคิดอย่างอื่นที่มีประโยชน์มากกว่ามานั่งหวงห่วงตนจะดีกว่า
“สมมตินะอัลเบิร์ต สมมติว่ามีคนเข้ามาวุ่นวายกับฉันบ้างนายจะหึงหวงฉันไหม?” เอ่ยถามเพราะดูเหมือนจะไม่ใส่ใจกันมากเกินไปแล้ว
“ไม่รู้สิ เรื่องมันยังไม่เกิดผมบอกไม่ได้หรอก” อีกคนก็ตอบกลับไปง่ายๆ ออกจะกวนเสียด้วยซ้ำในความรู้สึกของคนฟัง
“แล้วถ้ามันเกิด...?”
“ผมก็คงต้องถามคุณว่า...”
“ว่า...?” อเล็กซานเดอร์ย้ำถามและรอฟัง นัยน์ตาสีอ่อนเบือนมามองเขา ก่อนที่เจ้าของดวงตาจะหันมาทั้งตัวพร้อมคำตอบที่ทำให้เขานิ่งงัน
“ว่าคุณ... หมดรักผมแล้วหรือยัง?”
แขนแกร่งรั้งคนพูดเข้ามากอด ถามเองกลับเจ็บเสียเองเมื่อได้ฟังคำตอบ จมูกโด่งซุกซบกับลาดไหล่ขณะที่ลำแขนกอดร่างสูงเอาไว้แนบกาย
“คิดจะลองใจผมหรืออเล็กซ์?”
“ฉันเปล่า”
“ผมไม่รู้หรอกว่าอันไหนเล่นอันไหนจริง แต่ถ้ามันเกิดเรื่องแบบนั้นขึ้นเมื่อไร ผมจะขอเชื่อแล้วกันว่ามันคือเรื่องจริง”
แขนแกร่งยิ่งกอดรัดแน่นเข้า เขาไม่น่าเริ่มเรื่องเลยจริงๆ ต่อไปหากจะคิดจะทำอะไรคงต้องระวังให้มาก อัลเบิร์ตอ่อนไหวกับเรื่องแบบนี้เขาควรจะจำใส่ใจเอาไว้ให้มั่น
-----------------
เตียงนอนกว้างในห้องนอนของอัลเบิร์ตเล็กลงไปถนัดตาเมื่อมีคนตัวโตอีกคนมานอนด้วยกัน แต่เจ้าของห้องก็ไม่ได้รู้สึกอึดอัดอะไรกับอ้อมแขนแข็งแรงที่โอบกอดยามหลับใหล ในค่ำคืนนี้ทุกคนคงหลับสบายกันไปหมดแล้ว คงมีแต่อเล็กซานเดอร์ที่ยังคงลืมตาตื่นภายใต้ความมืดสลัว เพราะเขาคิดไม่ตกกับบางสิ่งบางอย่าง
ในเวลาที่ต้องการกำลังใจจากใครบางคน ยามเมื่อเหน็ดเหนื่อยจากการทำงาน กับผู้คนมากมายทั้งในสังคมและแวดวงธุรกิจ เขาต้องการมีใครสักคนมาคอยเติมพลัง แต่คนๆนั้นก็อยู่ไกลเหลือเกิน อยู่ห่างไกลจนทดท้อ
ก่อนหน้านี้เขาไม่เห็นถึงความจำเป็นที่จะต้องมีใครมาคอยพยุงจิตใจ นั่นเพราะมีอัลเบิร์ตคอยอยู่เคียงข้าง แม้กระทั่งวันที่อัลเบิร์ตจากไป เขาต้องทนเดียวดายมาหลายปีจนได้หัวใจดวงนี้กลับมา แต่มันก็ยังไม่สมบูรณ์ เพราะทั้งเขาและอัลเบิร์ตอยู่ห่างกันเช่นนี้ เคยหลายหนที่ขอให้ไปอยู่ด้วยกันที่เฟอร์ริงตัน แต่คำตอบที่ได้ก็ยังคงเดิมคือยังไม่ถึงเวลา
“นอนไม่หลับหรืออเล็กซ์?” อัลเบิร์ตขยับตัวลุกขึ้นมา เอ่ยถามน้ำเสียงยังดูงัวเงียอยู่สักหน่อย
“อืม คิดอะไรวุ่นวายไปหมด” ร่างสูงใหญ่ลุกขึ้นมานั่ง สีหน้าดูเครียดพอกันกับน้ำเสียง
“มีอะไรหรือเปล่าครับ? เกิดอะไรขึ้น?”
ตาคมหันมามองคนข้างกาย อัลเบิร์ตดูห่วงใยเขา ใช่ มันเป็นเช่นนั้นเสมอ เขาควรพอใจแค่นี้ไม่ใช่หรือ แต่ทำไมเขายังโลภโลภา ยังอยากได้อะไรที่มากกว่านี้
“อัล”
“ครับ?”
“เมื่อไรเราจะได้อยู่ด้วยกันจริงๆเสียที เมื่อไรนายจะยอมไปอยู่ที่โน่นกับฉัน ไม่ต้องเสียเวลาบินไปบินกลับอยู่แบบนี้ เมื่อไรกัน?”
“..........” คำถามจากอเล็กซานเดอร์ทำให้อัลเบิร์ตนั่งเงียบ ใบหน้าหมองหม่นก้มต่ำ คำถามง่ายๆแต่ตอบยากเหลือเกิน
“มันตอบยากมากเลยหรือไง?” คนตัวโตตัดพ้อ เมื่อเห็นอัลเบิร์ตเงยหน้าขึ้นมาราวจะพูดอะไรบางอย่าง แต่แล้วริมฝีปากบางก็งับลงไม่ยอมเปล่งเสียงใดออกมาอเล็กซานเดอร์ยิ่งน้อยใจ
“ถึงไม่ได้อยู่ด้วยกันนายก็คงจะไม่รู้สึกอะไร”
ร่างสูงใหญ่ผุดลุกลงจากเตียง อัลเบิร์ตผวาคว้าดึงชายเสื้ออีกคนเอาไว้ แววตาตัดพ้อและเสียใจเงยมองคนที่หันหลังให้ มือกำขยุ้มชายเสื้อจนสั่นเมื่ออีกฝ่ายไม่ยอมหันกลับมา มันสำคัญมากหรืออย่างไร เขาไม่ใช่เด็กๆที่ไม่ต้องมีอะไรรับผิดชอบ เขามีหน้าที่การงาน มีลูก เขาไม่เคยบอกว่าอเล็กซานเดอร์ไม่สำคัญ เพราะสำคัญเขาถึงต้องคิดให้หนัก เขาทิ้งนับตะวันไม่ได้ มันก็เหมือนกับที่อเล็กซานเดอร์ทิ้งเฟอร์ริงตันไม่ได้
อเล็กซานเดอร์ยืนนิ่งอยู่ครู่ใหญ่ ขณะที่อัลเบิร์ตก็ไม่ยอมปล่อยชายเสื้ออีกฝ่ายไปเหมือนกัน ร่างสูงใหญ่ค่อยหันกลับมาหา ก่อนจะนั่งลงบนเตียงแล้วสวมกอดอัลเบิร์ตที่นั่งเงียบไว้ในอ้อมแขน
“ขอโทษที่ใส่อารมณ์กับนาย” เสียงทุ้มเอ่ยบอกอย่างรู้สึกผิด
“.........”
“ฉันเครียด ขอโทษนะ...” ริมฝีปากหยักจูบขมับคนในอ้อมแขน
อัลเบิร์ตซบหน้านิ่งกับไหล่กว้าง ยกแขนขึ้นกอดตอบเมื่อเอ่ยบอกเสียงเครือ “อย่าบอกว่าผมไม่รู้สึกอะไร ผมแคร์คุณมากกว่าใคร ถ้าคุณลืมก็ช่วยจำมันใหม่...”
“ฉันรู้ ฉันโง่เอง ไม่โกรธนะ หืม?”
ผละออกมามองสบสายตาเศร้าแล้วเอ่ยถามเสียงนุ่ม อัลเบิร์ตส่ายหน้าเบาก่อนหลุบสายตามองต่ำ มือหนาเชยคางอีกฝ่ายขึ้นมา จุมพิตริมฝีปากบางเบาๆแล้วกระซิบชิด
“I’m sorry, really sorry.”
“It’s nothing...”
อเล็กซานเดอร์รู้ดีว่าเพราะมีอัลเบิร์ตเขาถึงเปลี่ยน เพราะมีคนสำคัญทำให้เขาเรียนรู้ ทั้งเซย์ เอวาน และสายลม ทุกคนต่างสำคัญสำหรับเขาทั้งนั้น กับคนอื่นเขาจะเป็นอย่างไรไม่สำคัญ แต่กับครอบครัวเขาจะถนอมให้ดีที่สุด
วิคเตอร์เองยังแปลกใจที่เขาเปลี่ยนแปลงไปได้ขนาดนี้ ที่จริงไม่มีใครไม่แปลกใจหรอก แม้แต่ตัวเขาเองก็ตาม ความรักไม่ได้ทำให้อ่อนแอเหมือนอย่างที่วิคเตอร์ว่า แต่มันกลับเป็นพลังยิ่งใหญ่คอยผลักดันเขาอยู่ไม่ห่าง รู้สึกได้แม้อยู่ไกลกันแค่ไหน มีคนคอยรักคอยห่วง และเขาเองก็รู้จักห่วงคนอื่นมากขึ้นโดยที่ไม่ต้องมีใครมาสอน แต่มันออกมาจากความรู้สึกข้างใน ความรู้สึกของสิ่งที่เรียกว่า ...รัก
----------------
อเล็กซานเดอร์กลับมาทำงานที่อังกฤษหลังหมดวันลาที่ได้จากวิคเตอร์ ถึงแม้เวลานี้วิคเตอร์จะวางมือจากงานทุกอย่างแล้วส่งมอบให้เขาเป็นคนจัดการดูแล แต่เรื่องวันหยุดยาวหรือลาพักร้อนเขาก็ยังต้องรอการเห็นชอบจากบิดาอยู่ดี เพราะอย่างไรเสียเฟอร์ริงตันก็สำคัญไม่ต่างจากเรื่องอื่นใด เขามักถูกอัลเบิร์ตบ่นเรื่องใช้เงินสุรุ่ยสุร่าย ก็คนมันอยากเจอถึงต้องไปหาอยู่บ่อยครั้ง ถ้าแน่จริงมาอยู่ด้วยกันเลยสิจะได้ไม่ต้องบินไปบินกลับอยู่แบบนี้ เหอะ!
หลังเลิกงานชายหนุ่มก็ไปรับลูกชายที่โรงเรียน เสน่ห์พ่อหม้ายยังใช้ได้ดี สาวน้อยสาวใหญ่ต่างหมายปองต้องจิตนึกพิสมัย ยิ่งตอนนี้ดูเป็นคุณพ่อที่แสนดีก็ยิ่งมีคนอยากเข้าหา อยากมาดูแลดามใจให้ อดีตมาดามเฟอร์ริงตันอย่างเกวนคงไม่มีทางย้อนกลับมาแล้ว พวกสังคมไฮโซไฮซ้อเหยียบกันให้มิดว่ากลิ่นหอมของแม่กระดังงาลนไฟทำให้หมู่ภมรอย่างพอล เวสส์มาตามขายขนมจีบไม่หยุดหย่อน
ตอนนี้เจฟฟรี่ผู้เป็นมือขวาไม่ได้อยู่ที่เฟอร์ริงตันแล้ว เพราะบอดีการ์ดหนุ่มเพิ่งออกไปสร้างครอบครัวใหม่กับปอนด์เมื่อไม่นานมานี้ ไปเป็นโคบาลหนุ่มอยู่ในฟาร์มโคนมภาสกร มีความสุขกับชีวิตเรียบง่าย อยู่กับธรรมชาติป่าเขาลำเนาไพรไปแล้ว
อเล็กซานเดอร์เองก็ใช่จะไม่มีคนเข้าหา แต่แปลกที่เขาไม่วูบวาบไปกับใครที่ไหนเลย เกวนบอกว่าต่อมเจ้าชู้ของเขามันฝ่อแล้ว เพราะต่อมกลัวเมียมันเห็นเด่นชัดเสียยิ่งกว่า นั่นเขาได้แต่หัวเราะ มันอาจจะจริงอย่างที่เธอว่าก็ได้ เพราะเดี๋ยวนี้จะทำอะไรก็เกรงใจภรรยาสุดที่รักไปเสียหมด ท่าต้องเข้าสมาคมเดียวกันกับเจฟฟรี่เสียแล้ว สมาคมเกลียมัว
อเล็กซานเดอร์พาเซย์แวะร้านของเกวนก่อนกลับ เอวานก็กลับจากโรงเรียนแล้วเหมือนกัน หนุ่มน้อยมาอยู่ที่ร้านก่อนกลับบ้านพร้อมมารดาหลังร้านปิด สินค้าในร้านของเกวนยังคงเป็นของทำมือเสียส่วนใหญ่ แม้มันจะดูมั่นคงดีแล้วแต่เธอก็ยังไม่คิดขยายร้านให้แยกย่อยไปมากกว่านี้ เพียงแต่เพิ่มเนื้อที่ให้ดูกว้างขวาง เพื่อให้ง่ายต่อการเลือกซื้อของลูกค้ามากขึ้นก็เท่านั้น
“นึกยังไงคะวันนี้ถึงแวะมาได้”
หญิงสาวเอ่ยทักเมื่อยกแก้วกาแฟหอมกรุ่นมาให้อเล็กซานเดอร์ที่ยืนพิงเคาน์เตอร์มองลูกชายสองคนทำการบ้านอยู่บนโต๊ะเล็ก
“คิดถึงมั้ง” ชายหนุ่มว่า ยิ้มมุมปากหน่อยๆเมื่อรับแก้วกาแฟมาแล้วยกขึ้นจิบ
“ปากหวาน ถ้าฉันสาวกว่านี้สักสิบปีคงเคลิ้มไปกับคารมของคุณ”
อเล็กซานเดอร์หัวเราะในลำคอ เขากับเกวนยังคุยกันถูกคอ เท่าทันกันดี การมาหาเธอมันก็เป็นสิ่งหนึ่งที่ทำให้เขาผ่อนคลาย ไม่ต้องปั้นหน้าทั้งวัน อยากพูดอะไรก็พูด
“หนาวไหมคะอเล็กซ์?” อยู่ๆเกวนก็เอ่ยถามขึ้นมา ที่จริงฤดูกาลนี้มันก็ชวนให้หนาวสั่น เพราะหิมะโปรยปรายลงมาจนทุกพื้นที่ขาวโพลนไปหมด
“ก็พอดู”
“เหงาด้วยหรือเปล่า?”
“หึ ยิ่งกว่า” ริมฝีปากหยักยกยิ้ม รสขมปร่าไหลผ่านลำคอเมื่อเขายกแก้วกาแฟขึ้นดื่มอีกอึก
“หาสาวสักคนมานอนกอดสักคืนไหมคะ?” คนถามอมยิ้มล้อเลียน
“เป็นข้อเสนอที่ดี แต่เสี่ยงจะถูกเชือด”
ไม่คิดว่าอเล็กซานเดอร์จะตอบกลับมาเสียตรงขนาดนั้นทำให้หญิงสาวหัวเราะร่วน
“คาร์ลเป็นคนดีค่ะ” เธอว่า
“รู้”
“ฉันอิจฉาคุณจัง”
“ขอโทษด้วยที่เป็นคนน่าอิจฉา” ตอบกลับหน้าตายจนเกวนหมั่นไส้
“แหม ไม่ค่อยเท่าไรเลยนะคะ”
“หึ” ชายหนุ่มยกยิ้ม ไม่ปฏิเสธ
ทั้งคู่คุยกันพักหนึ่งก่อนที่อเล็กซานเดอร์จะพาเซย์กลับเฟอร์ริงตันในเวลาต่อมา ชายหนุ่มพาลูกเข้าไปหาวิคเตอร์เมื่อกลับถึงคฤหาสน์แล้ว ปู่กับหลานเขารักกันดี นอกจากเอวานจะเป็นหลานรักแล้ว เซย์นี่หลานรักยิ่งกว่า ขออะไรปู่วิคเตอร์ยอมให้จนหมดหน้าตัก
พักหลังมานี้วิคเตอร์ดูสงบขึ้นเยอะ คงวางใจกับเรื่องของเขาและเฟอร์ริงตัน ทั้งยังมีเซย์มาเป็นผู้สืบทอดต่อคงทำให้เบาใจไปหลายเปาะ ชายชรายังคงติดต่อพูดคุยกับอดีตภรรยาอย่างคุณอัญชัน มารดาของอลัน ทั้งคู่ดูเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน หากวิคเตอร์คิดได้เร็วกว่านี้พวกเขาคงอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข แต่มันคือสิ่งที่ผ่านมาแล้ว ไม่อาจกลับไปแก้ไขอะไรได้ ทุกคนต่างเรียนรู้จากสิ่งที่ผิดพลาดและไม่กลับไปทำมันซ้ำอีก
อเล็กซานเดอร์ถอดเสื้อหนาวเมื่อเข้ามาในห้องส่วนตัวของตนแล้ว ใจไพล่นึกไปถึงสิ่งที่เกวนพูด
‘หนาวไหมคะอเล็กซ์?’
....
‘เหงาด้วยหรือเปล่า?’
...
ชายหนุ่มยิ้มเศร้า
‘เหงาสิ เหงามาก’ร่างสูงใหญ่ก้าวไปยังหน้าต่างห้อง มองออกไปด้านนอกที่เริ่มมีหิมะสีขาวโปรยปรายลงมาตามช่วงฤดูแล้วก็ทอดถอนใจ
‘จะคิดถึงฉันบ้างไหมอัลเบิร์ต?’-----------------
แม้หิมะไม่ได้โปรยเช่นอังกฤษ แต่ความหนาวเย็นของยอดดอยก็ทำให้อัลเบิร์ตหนาวไม่ต่างกัน แม้อุณหภูมิไม่ติดลบ แต่ในหัวใจกลับหนาวเหน็บ ความคุ้นชินจากอ้อมกอดอบอุ่นมันทำเขาเสียนิสัย
‘คิดถึง ผมคิดถึงคุณ... อเล็กซ์’“พ่อครับ”
อัลเบิร์ตหันมามองสายลมที่เอ่ยเรียกตน เด็กชายทำหน้าตกใจ ก่อนเอ่ยถาม
“เป็นอะไรหรือเปล่าครับ?” สายลมเข้ามาถามไถ่อย่างห่วงใย
อัลเบิร์ตทำหน้างงที่ลูกดูแตกตื่นขนาดนั้น “พ่อไม่ได้เป็นอะไร ลมนั่นล่ะเป็นอะไร?”
สายลมนิ่งไปนิด ก่อนอ้อมแอ้มบอก “ก็พ่อ... น้ำตาไหล”
คนถูกทักนิ่งอึ้ง ยกมือแตะข้างแก้มตนเอง น้ำตามันไหลอย่างที่สายลมบอกจริงด้วย
“ลมมันแรงน่ะ ตามันแห้งน้ำตาเลยไหลออกมา” อัลเบิร์ตยิ้มกลบเกลื่อน
“งั้นเข้าบ้านเถอะครับ” เด็กชายรั้งมือบิดาตนให้เดินเข้าบ้าน
อัลเบิร์ตเดินตามแรงดึงของลูกชายไปช้าๆ เขานี่มันบ้า ถึงกับร้องไห้เป็นไปได้อย่างไรกัน
“สายลม ขึ้นไปแต่งตัวไปลูก เดี๋ยววันนี้พ่อไปส่งที่โรงเรียน” มือเรียวลูบศีรษะลูกก่อนเดินแยกไป
สายลมมองตามด้วยความเป็นห่วง ก่อนจะวิ่งขึ้นห้องไปกดเบอร์โทรข้ามประเทศ
“เมเดๆ เกิดเรื่องแล้ว”
“เกิดอะไรขึ้นเมเด!” สองทหารเสือรับสายโดยพร้อมเพรียงเมื่อสายลมเปิดประชุมสาย
“แล้วทางโน้นเป็นไง มีวอกแวกไปหาสาวที่ไหนไหม?” สายลมเอ่ยถามกลับไปถึงคนสำคัญทางโน้นอีกหนึ่งคน
“ไม่มีแม้แต่หางตา” เซย์ตอบกลับมาเสียงใส
“เยี่ยมมาก”
“แล้วนายล่ะลม ที่ว่าเกิดเรื่องหมายถึงอะไร?” เอวานรีบถาม
“อืม...”
“ว่าไงล่ะ อย่ามัวอ้ำอึ้ง”
“นั่นสิๆ” เซย์ช่วยเร่งด้วยอีกคนเมื่อพี่ชายคนรองมัวแต่อมพะนำ
“ทางนี้ท่าจะคิดถึงหนัก อืม... ร้องไห้นิดหน่อย”
“ร้องไห้!” สองเสียงร้องประสานจนสายลมต้องเอาโทรศัพท์ออกห่างหู
“บอกแด๊ดเหอะ”
“ไม่ได้”
“ทำไมเล่า ต้องบอก... อ๊ะ แด๊ด!”
“หา!!? แด๊ดเหรอ!!?”
“สลายตัวเร็ว”
เอวานรีบบอก สามทหารเสือรีบวางสาย เซย์เอาโทรศัพท์ยัดใต้หมอนก่อนนั่งตัวเกร็งอยู่บนเตียง เมื่ออเล็กซานเดอร์เปิดประตูเข้ามาจึงหรี่ตามองอย่างจับพิรุธ
“คุยกับใคร?”
“ใครครับ?”แสร้งทำหน้าซื่อ
อเล็กซานเดอร์กอดอก มองเด็กแกล้งทำซื่อ “แด๊ดได้ยินเสียงเซย์เหมือนคุยกับใครอยู่ในห้อง”
“เอ่อ... เซย์ เซย์เล่นเกม” โพล่งออกไปแล้วพยักหน้าหงึกหงักยืนยันว่าใช่
อเล็กซานเดอร์เหลือบมองนาฬิกา “ตอนนี้?”
พอเห็นว่าดึกมากแล้ว ท่าทางจะหลอกผู้เป็นบิดาไม่ได้เซย์จึงใช้ลูกไม้อื่น “เซย์จะนอนแล้ว ราตรีสวัสดิ์ครับแด๊ด”
ตลบผ้าห่มคลุมหัวแล้วนอนเงียบ อเล็กซานเดอร์เลิกคิ้ว เท้าสะเอวแล้วสั่นหน้าก่อนดึงผ้าห่มลงมาคลุมแค่อกเดี๋ยวลูกหายใจไม่ออก มือหนาลูบกลุ่มผมนุ่มแล้วจึงออกจากห้องไป
เซย์ดีดตัวขึ้นมานั่ง ถอนใจเฮือกด้วยความโล่งอก เกือบแผนแตกแหนะ เฮ้อ
.
.
“คุยกับใครน่ะลม?”
เสียงทักจากด้านหลังทำให้สายลมที่เพิ่งวางสายจากพี่น้องอีกสองแสบสะดุ้ง หันมามองผู้เป็นบิดาที่เปิดประตูห้องเข้ามาแล้วก็นิ่งไปนิด ก่อนส่ายหน้า
“ยังไม่ได้เปลี่ยนชุดอีก?” อัลเบิร์ตเอ่ยทักเมื่อเห็นลูกยังอยู่ชุดเดิมไม่ใช่ชุดนักเรียนอย่างที่ควรจะเป็น
“อ่า ผมกำลังจะเปลี่ยนครับพ่อ ขอเวลานิดหนึ่ง” เด็กชายยิ้มแห้งเมื่อเอ่ยแก้ตัวไปเช่นนั้น
“รีบเข้าล่ะ จะได้ไปทานข้าว เดี๋ยวพ่อไปส่งโรงเรียน”
“ครับ”
อัลเบิร์ตพยักหน้ารับก่อนออกจากห้องไป สายลมพรูลมหายใจยาว รีบก้าวไปหาชุดนักเรียนที่แขวนอยู่หน้าตู้เสื้อผ้าแล้วรีบสวมใส่เพื่อลงไปทานข้าวก่อนไปโรงเรียนในเช้านี้ เขาก็ลืมนึกไป ที่นี่เช้า ที่อังกฤษมันก็ดึก ไม่รู้เซย์จะแก้ตัวกับอเล็กซานเดอร์ว่าอย่างไรบ้าง
สองพ่อลูกนั่งทานข้าวเช้าด้วยกันเงียบๆ สายลมเหลือบมองบิดาตนบ่อยๆด้วยความเป็นห่วง ก่อนจะเอ่ยทักถาม
“พ่อ”
“หือ?”
“ไม่เป็นไรใช่ไหมครับ?”
อัลเบิร์ตชะงักกับคำถาม ก่อนยิ้มบางแล้วเอ่ยตอบ
“ไม่” มือเรียวเอื้อมไปยีผมลูกที่ยังคงมีสีหน้าห่วงใย “ไม่เป็นไรหรอก รีบทานเข้าเดี๋ยวสาย”
อัลเบิร์ตพาลูกไปโรงเรียนก่อนกลับมาทำงานของตนเองต่อ ขากลับค่อยให้คนของรีสอร์ตกับบอดีการ์ดไปรับลูกอีกที วันนี้เขารู้สึกร้อนๆหนาวๆแปลกๆ เมื่อเช้าก็ร้องไห้ด้วย ผิดวิสัยจนนึกแปลกใจตัวเอง
---------------
สายลมกลับเข้าบ้านมาหลังเลิกเรียน ปรกติอัลเบิร์ตจะเอาของว่างมาให้เวลาเด็กชายกลับมา แต่วันนี้ไม่เห็นว่าผู้เป็นบิดาอยู่ที่บ้าน หรือจะอยู่ที่หน้ารีสอร์ต?
เด็กชายจะเอากระเป๋าไปเก็บ สะดุดตากับกล่องอาหารบนโต๊ะ แสดงว่าอัลเบิร์ตกลับมาแล้ว แล้วไปไหนกัน สายลมเดินเข้าไปในครัว ชะงักกึกเมื่อเห็นร่างที่นอนอยู่บนพื้นด้านหลังโต๊ะ เด็กชายตาเบิกโต รีบก้าวเข้าไปหาด้วยความตกใจ
“พ่อ พ่อครับ”
ใจสายลมสั่นเมื่อตัวอัลเบิร์ตร้อน ทั้งยังหอบหายใจหนักด้วย เด็กชายทำอะไรไม่ถูก แขนเล็กช้อนศีรษะบิดาขึ้นมา ร้องเรียกบอดีการ์ดหน้าบ้านให้รีบเข้ามาช่วย
“ใครอยู่ข้างนอกเข้ามาหน่อย เร็วๆเข้า!”
อัลเบิร์ตถูกพาส่งโรงพยาบาลในเวลาต่อมา เมื่อถึงมือหมอแล้วก็พอจะเบาใจไปได้บ้าง สายลมนั่งเฝ้าบิดาเมื่อถูกย้ายมาอยู่ห้องพิเศษแล้ว เสียงประตูเปิดออกทำให้สายลมหันไปมอง เด็กชายยิ้มเมื่อเห็นว่าใครที่กำลังเดินเข้ามาในห้อง
เมื่อได้พักผ่อนอัลเบิร์ตก็เริ่มรู้สึกดีขึ้นมาบ้าง ชายหนุ่มตื่นขึ้นมาในช่วงบ่ายของอีกวัน หัวยังคงปวดอยู่บ้าง มือเรียวยกขึ้นกุมแล้วชะงักเมื่อเห็นสายน้ำเกลือ เขาอยู่ที่โรงพยาบาลหรือนี่ ร่างสูงขยับลุก สายลมที่ออกจากห้องน้ำรีบเข้ามาหา ช่วยปรับเตียงให้บิดาได้นั่งสบายขึ้น
“ขอบใจลูก” เสียงแหบเอ่ยบอกแล้วกระแอมเล็กน้อยเมื่อรู้สึกคอแห้ง สายลมจึงเทน้ำในเหยือกใส่แก้วมาให้เขาจิบ
อเล็กซานเดอร์เปิดประตูเข้ามา สองพ่อลูกหันไปมอง ร่างสูงใหญ่ตรงเข้ามากอดอัลเบิร์ตที่นั่งอึ้งปนมึนงงอยู่บนเตียง
“อเล็กซ์ มาได้ยังไง?”
“เรื่องนั้นไม่สำคัญหรอก”
คนตัวโตผละออกมามองตา มือหนาประคองสองแก้ม นิ้วเกลี่ยแก้มอัลเบิร์ตที่เงยมองตนอยู่ สีหน้าซีดเซียวจนน่าห่วงเหลือเกิน
“นายมันดื้อ ต้องรอให้เป็นหนักขนาดนี้เลยหรือถึงปริปากพูด รู้จักดูแลตัวเองบ้างสิ”
“มาถึงก็ดุ” คนป่วยหน้าเง้า รู้สึกน้อยใจง่ายกว่าปรกติเมื่อเป็นช่วงเวลาอ่อนแอ อย่ามาว่ากันเชียว
อเล็กซานเดอร์ถอนใจเบา อัลเบิร์ตเคยดูแลเขามาตลอด แต่เขาไม่เคยต้องดูแลอีกฝ่ายแบบนี้เลย แม้แต่ตอนบาดเจ็บจากการทำหน้าที่บอดีการ์ด อัลเบิร์ตก็ยังคงดูแลตัวเองตลอด เขาบกพร่องต่อคนๆนี้จริงๆ
“ฉันเป็นห่วง”
“ห่วงก็บอกว่าห่วงสิ ลำบากมากหรือไง”
อเล็กซานเดอร์เลิกคิ้วแปลกใจ ริมฝีปากหยักกระตุกยิ้ม “งอแงจังเลย หืม”
หัวแม่มือลูบแก้มคนงอแงก่อนเอ่ยถามเสียงนุ่ม
“หิวไหม?”
“..........” คนป่วยส่ายหน้าเบาเป็นการปฏิเสธ
“แล้วรู้สึกเป็นไงบ้าง ปวดหัวไหม หรือไม่สบายตัว?”
“ไม่...”
“ง่วงล่ะ?”
“...........” ส่ายหน้าซ้ำอีกหน ดวงตายังมองคนถามไม่ละไปไหน
เห็นบิดาตนมีคนดูแลแบบนั้นแล้วสายลมก็ค่อยเลี่ยงออกมานอกห้อง ต่อสายถึงพี่น้องอีกสองแสบที่อังกฤษเป็นการด่วน
“เมเดๆ”
เพียงทักไปสองเสียงทางโน้นก็ดังประสาน
“เป็นไงบ้างสายลม!?”
“ทุกอย่างราบรื่นดี”
ได้ยินเสียงถอนหายใจอย่างโล่งอกดังมา ก่อนที่เอวานจะเป็นคนสรุปผล
“ภารกิจเสร็จสิ้น”
“.............”
สามทหารเสือนิ่งไปนิดก่อนหัวเราะ เมื่อภารกิจลับดูแลหัวใจให้คุณพ่อเสร็จสิ้นลงด้วยดี
.
.
--------------
ต่อด้านล่างค่ะ