http://www.youtube.com/v/-gg5ns2fd4Uตอนที่ 31“พรุ่งนี้บุกบ้านแฟนเหรอครับท่าน อิอิ”
ผมชำเลืองมองไอ้เต๋อเล็กน้อยก่อนจะสนใจเบียร์ในแก้วต่อ
เกือบห้าทุ่มที่พวกผมนัดกันมารวมตัวที่ร้านพี่เจ๋ง ไม่ครบคนหรอกครับ เพราะเดี๋ยวนี้ไอ้กัสโดนกักบริเวณ ไอ้คิมเพิ่งบินไปเชียงใหม่เมื่อวาน ไอ้แม็คช่วงนี้ก็เก็บตัว ไอ้ฟิวยิ่งไม่ต้องพูดถึง ไม่จำเป็นมันไม่โผล่หัวมาร้านเหล้าหรอก ไอ้ลินก็หายตัวไปอย่างเป็นปริศนา ส่วนไอ้เขตก็บินไปหาแฟนที่อังกฤษเมื่อคืนวาน ที่เหลือๆ อยู่ก็มีแต่พวกที่ยังไม่มีเป้าหมายในชีวิตว่าปิดเทอมนี้จะไปไหน
แต่สำหรับผม ปิดหรือไม่ปิดก็ไม่แตกต่างอะไร เพราะส่วนใหญ่ก็ไม่ได้ไปเรียนอยู่แล้ว -_-
“ไปเที่ยวกันเถอะพวกมึง ที่ไหนก็ได้ น้ำตก ภูเขา ทะเล กูไปได้หมดอ่ะ ณ ตอนนี้อยากไปที่ไหนก็ได้ให้ไกลจากกรุงเทพ กูเบื่อออออออ” ไอ้แต้มโวยวายขึ้นตามประสาคนเริ่มเมา
“กูเห็นด้วยยยยยยยยยยยย!!” ไอ้เต้แหกปากขึ้นอีกคน ช่วงนี้หาตัวมันไม่ยาก ไม่ร้านพี่เจ๋งก็คอนโดไอ้แต้ม เมาหัวราน้ำเกือบทุกวัน
“จะไปกันวันไหนตกลงวันเวลากันไว้เลย กูจะได้ลางานเตี่ยล่วงหน้า” ไอ้เต๋อผู้ที่ตอนนี้เตี่ยมันลดตำแหน่งให้เป็นคนงานขับรถส่งน้ำแข็งบอกพลางทำหน้าละเหี่ยใจ มันพูดปลอบใจตัวเองบ่อยๆ ว่าเตี่ยอยากให้เรียนรู้งานทุกระดับ แต่ไม่มีใครเชื่อมันหรอกครับ เพราะใครก็รู้ว่ามันไปทำเรื่องอะไรไว้
ผมก็ไม่บอกพวกคุณนะ ความลับน่ะ...มันไม่ให้บอกใคร ^^
“ให้มากันครบแล้วค่อยไป กูไม่อยากฟังไอ้ห่าเขตมันง้องแง้ง” ไอ้มายด์พูดขึ้นหน้านิ่งตามบุคลิกประจำตัวของมัน แต่หน้าแม่งดูดผู้หญิงได้ไม่แพ้ไอ้หน้าหล่อข้างๆ ผมเลย
“ไอ้เขตกว่าจะกลับก็อีกหลายวันเลยอ่ะ!!! กูอยากไปพรุ่งนี้!!!!” ไอ้เต้เริ่มดีดดิ้น
“พรุ่งนี้ไม่ได้ อยากไป ไปเอง -_-“ ผมบอกพลางยักคิ้วให้ไอ้เต้ที่หยุดทำหน้าเป็นเด็กอยากได้โลมาเป่าลมทันที
“ครับท่าน เชิญท่านแด๊กเบียร์ต่อครับ”
เป็นอันว่าปิดประเด็นเรื่องนี้ ไอ้เต้ขมุบขมิบปากมาทางผม แต่พอชายตามองไปมันก็หัวเราะแหะๆ ส่งมาให้
“เหี้ยเท็นนะ อยู่กับไอ้เมลแม่งอย่างกะคนละคน สองมาตรฐานอ่ะ” ไอ้เต๋อกระเง้ากระงอดขึ้นมา เลยโดนเมลหัวเราะใส่หน้ามันไป
“อิจฉาไงวะ?? หึหึ”
“อิจฉามากกกกกกไอ้สลัด! จะมีใครโชคร้าย เอ้ย โชคดีเท่ามึงบ้างวะ ไม่มี๊! ในจักรวาลนี้!”
“พลิกลิ้นเก่งจริงนะพวกลิ้นสองแฉกเนี่ย” ผมว่าพลางเอนหัวไปซบกับไหล่ของเมล พร้อมกับที่มันยกแขนขึ้นโอบตัวผมไว้
“มึงด่ากูเหี้ยเหรอไอ้เท็นนนนนนนน”
“แล้วจะทำไมวะ ไอ้โจรพรากผู้เยาว์”
“มึง...มึง”
ไอ้เต๋อสะอึกไปชั่วครู่ก่อนจะยอมรับความพ่ายแพ้ สงสัยจะเป็นปมชีวิตมันไปอีกนาน
“เครียดทำไม ยังไงพ่อแม่น้องเขาก็ไม่ได้จะแจ้งความจับมึง เรื่องเงี่ยนมันเรื่องธรรมชาติ ถ้าฝ่ายหญิงไม่สมยอมมีหรือมึงจะได้แทง ไม่ได้ไปปลุกปล้ำเขาเสียหน่อย มึงอย่ามาโลกสวยคิดว่าเด็กสมัยนี้เขาไม่เคย มึงมันไก่อ่อนเกินไปละ อย่ามาคิดว่ากูพูดดูถูก กูเอาเรื่องจริงมาพูด ใครรับได้ก็รับ รับไม่ได้ก็เรื่องของพวกมัน แต่เป็นลูกผู้ชายกล้าทำก็กล้ารับ ในเมื่อมึงก็รักน้องเขาจะแต่งเร็วแต่งช้ายังไงก็ได้แต่ง คิดมากทำเหี้ยไร”
“ก็น้องเขาเพิ่งสิบหก อาจจะได้เจอคนที่ดีกว่ากู เหมาะสมกันมากกว่ากู แต่เตี่ยจะให้แต่งงานกันตอนนี้ มันจะดีเหรอวะ”
“คนที่ดีกว่ามึง เหมาะสมกันมากกว่ามึง แล้วเขาจะรักได้เท่ากับที่มึงรักป่ะวะ เหี้ยนี่คิดไรโง่ๆ”
“เฮ้ยๆๆๆๆๆ เมื่อกี้คุยเรื่องอื่นกันอยู่ดีๆ วกเข้ามาเรื่องชีวิตดราม่าของไอ้เต๋อได้ไงเนี่ย” ไอ้เต้เสือกขึ้นมาด้วยสีหน้าที่ดราม่าไม่ต่างกัน
“กูไม่เหมือนมึงนะไอ้เท็น กูคิดแบบที่เหนือฟ้าใต้พิภพข้าเจ๋งสุดแบบมึงไม่ได้หรอกว่ะ” ไอ้เต๋อพูดจบก็ยกเหล้าขึ้นกรอกปากรวดเดียวหมด ไม่บ่อยนะที่คนบ้าบออย่างมันจะมีซีนอารมณ์แบบนี้
“ก็แล้วแต่มึง แต่กูจะบอกอะไรไว้อย่าง มึงไม่ต้องไปคิดเหี้ยอะไรมาก แค่ถามใจตัวเองว่าต้องการอะไร แค่นั้น แล้วก็ทำตามใจที่อยากทำซะ”
ผมอยากจะบอกไอ้เต๋อว่าไม่ใช่ทุกครั้งหรอกที่ผมจะคิดว่าตัวเองเจ๋งที่สุด อย่างที่ถ้าเย็นพรุ่งนี้มาถึง ผมก็ไม่มั่นใจเลยว่าจะผ่านไปด้วยดี บางทีผมก็คิดว่าผมยังไม่พร้อมสำหรับเรื่องนี้
“เออนี่ ไอ้เท็น กูว่าจะถามมึงนานละ มึงเคยเรียนอะไรมาวะ ที่ได้ด๊อกมาเนี่ย”
ไอ้ห่าแต้มจะเติมคำว่าเตอร์ในคำถามไปด้วยก็ไม่ได้ พูดออกมาลิ้นไก่มึงจะสั้นเหรอ -*-
“รู้ไปทำไม มีประโยชน์อะไรกับชีวิตมึงบ้างเหรอ”
ไอ้แต้มทำหน้าสตั้นไปหนึ่งนาที
“ปากนี่เหลือเกิน เพื่อนมันถามดีๆ” เป็นเหตุให้พระเอกต้องออกโรง
ผมแค่ยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจ ความจริงผมไม่ใช่คนที่น่าคบอะไรเลยนะ แต่ไม่รู้ทำไมไอ้พวกนี้ถึงไม่คว่ำบาตรผมซะที
“กูเรียนหมอ ตอนต่อโทผันตัวเองไปเป็นนักวิจัย เคยสอนหนังสืออยู่สามปีก็เลิกสอน จากนั้นก็กลับมาทำวิจัยต่อ มีคนแนะนำให้ต่อเฉพาะทางก็ลองเรียนดู แต่ก็ไม่เห็นมีอะไร สุดท้ายก็กลับไปสอนหนังสืออีกครั้งหลังจบเอก ทำงานวิจัยไปด้วย ต่อจากนั้นอีกสามปีผลงานวิจัยกูได้รับรางวัล อิ่มตัวเลยเลิกทำแล้วก็กลับไทย ความจริงมึงต้องเรียกกูว่า Professor ถึงจะถูก”
“มึงโปรดรับการคารวะจากกูสักแก้วครับเพื่อนครับ” ไอ้แต้มขยับตัวเข้ามารินเบียร์ใส่แก้วผมจนเกือบล้น ก่อนจะขยับตัวถอยห่างด้วยท่าทางนอบน้อม
“เหี้ยเท็นแม่งเจ๋งว่ะ ตอนอายุเท่ามึงพวกกูยังชวนกันเตะบอล วินนิ่ง ตีดอทอยู่เลยไอ้สัด” ไอ้เต๋อเปลี่ยนโหมดจากดราม่ามาเป็นเทิดทูนบูชาผมทันที
“แล้วอะไรทำให้มึงผันตัวเองมาเรียนทางนี้วะ” ไอ้เต้ถามด้วยหน้าตาสงสัยอย่างที่สุด
“ก็ไม่มีไรมากนี่ กูว่าง”
“เหตุผลแม่งงงงงง! น่าหมั่นไส้มากกกกก” ไอ้แต้มพูดขึ้น พร้อมกับได้รับการพยักหน้าเป็นการสนับสนุนจากไอ้มายด์
ผมอาจจะน่าหมั่นไส้อย่างที่ไอ้แต้มพูดก็จริงแต่ไม่เคยพิเศษกว่าคนอื่น อาจจะได้เปรียบเรื่องไอคิวอยู่บ้าง แต่โดยทั่วไปผมก็ใช้ชีวิตเช่นคนธรรมดา ผมเคยมีช่วงที่ตั้งใจเรียนอย่างเอาเป็นเอาตาย เคยมีช่วงที่หมกตัวอยู่แต่ในห้องแล็ป มุ่งมั่นอยู่กับงานวิจัยของตัวเอง เคยมีช่วงที่เงินไม่พอใช้จนถึงกับต้องกินพวกอาหารจั๊งค์ฟู๊ดประทังชีวิต เพราะผมไม่ได้ขอเงินทางบ้าน ป๋าบอกว่าในเมื่อมีสมองดีกว่าคนอื่นทำไมไม่ใช้มันเลี้ยงตัวเองล่ะ และนั่นก็เป็นเหมือนการบังคับให้คนขี้เกียจอย่างผมต้องกระเสือกกระสนหาเงินมาด้วยตัวเอง การได้เงินจากป๋าแต่ละครั้งก็ต้องมีข้อแลกเปลี่ยนว่าผมต้องทำงานให้ป๋าเท่าไหร่ถึงจะคุ้มกับเงินที่ได้มา
มีหลายคนมองว่าการเลี้ยงดูแบบนี้มันแปลก แต่ผมว่าป๋าคิดถูกแล้วที่ใช้วิธีนี้ เพราะผมรู้ตัวเองดีว่าผมเป็นคนยังไง
กลับไทยมาผมก็ใช้ชีวิตเรื่อยเปื่อยไปวันๆ ไม่มีอะไรทำเป็นชิ้นเป็นอัน อาศัยกินเงินเก่าเก็บที่นับวันก็ชักจะลดจำนวน ของขวัญวันเกิดแม่ปีนี้ถึงจะเจ็บไม่หนักเท่ากับปีก่อนแต่ก็ทำให้เงินในบัญชีธนาคารผมหายไปหลายหลักเหมือนกัน แต่ไม่เป็นไร ถ้ามันซื้อความสุขให้แม่ได้ ผมก็โอเค
ความจริงก็คิดว่าอีกไม่นานก็จะรับงานแล้วนะ มีลูกศิษย์ที่เคยทำงานวิจัยกับผมคนหนึ่งเขามาขอให้ไปช่วยสอนที่มหาลัยของภรรยาของเขาหน่อย แค่ไปเป็น Visiting Professor คงไม่กินเวลาในชีวิตผมมากนักหรอก อย่างน้อยก็คงมีเงินเก็บสักก้อนก่อนงานวันเกิดเมล
“พ่อกูก็เป็นหมอเหมือนกัน” เมลหันมาบอกพร้อมกับยิ้มหล่อ “พ่อต้องชอบมึงแน่”
“มึงไปเอาความมั่นใจมาจากไหน”
ไม่รู้ว่าแม่งเอาตรรกะอะไรมาคิดสรุปผลได้อย่างนี้ แต่พอเห็นรอยยิ้มของมันแล้วความกังวลที่เกิดขึ้นในใจเล็กๆ ก็หายไปฉับพลัน
“พ่อกับแม่ชอบคนเก่ง พูดกรอกหูกูมาตั้งแต่เด็กว่าต้องเรียนให้เก่ง ต้องได้ที่หนึ่ง จบมาต้องเป็นหมอเหมือนพ่อกับแม่ แต่บังเอิญกูไม่เทพไง เอ็นไม่ติด เหอๆ”
ถึงว่าทำไมไอ้มายด์บอกว่าบ้านเมลเข้มงวด แม่งเคี่ยวเข็ญลูกอย่างนี้นี่เอง เอาเถอะ พ่อแม่แต่ละคนก็มีวิธีเลี้ยงลูกที่แตกต่างกันล่ะครับ
“มึงเป็นคนน่าอิจฉานะเท็น น่าอิจฉามาก” เมลบอกเสียงเบา เสี้ยวหน้าที่หล่อเหลาของมันฉายแววเศร้าออกมาเล็กน้อย ผมเลยสอดมือเข้าไปกอดรอบเอวมันไว้
“ก่อนหน้านี้มันไม่เคยน่าอิจฉาเลยเมลจนกระทั่งกูได้เจอกับมึง”
“ไม่ใช่หรอก”
“ไม่ใช่ได้ยังไง มีแต่คนอิจฉากูที่มีมึงเป็นแฟน”
“ไม่เห็นน่าอิจฉาตรงไหน ก็กู...”
“เดี๋ยวมีปากแตก ความรักของกูมันไม่ได้ทำให้มึงเห็นความสำคัญของตัวเองขึ้นมารึไง มึงคิดว่าคนที่กูเลือกรักกระจอกเหรอ หืมมมม นี่ใคร”
ผมชี้นิ้วเข้าหาตัวเอง เมลเลยยิ้มหล่อส่งมาให้
“เท็นเท็น”
“ใช่ กูคือเท็น กูเจ๋งที่สุดและคนที่กูเลือกมันจะไม่เจ๋งกว่ากูได้ยังไง แต่ขอล่ะ ต่อหน้าคนอื่นอย่าเรียกเท็นเท็นได้มั้ย แม่งดูแอ๊บแบ๊วไงไม่รู้”
“หึ มึงมันบ้า”
“แต่มึงก็รักคนบ้า”
“รักจนจะบ้าแล้ว ^^”
ก่อนที่ผมจะเชื่อในตัวมัน ผมต้องทำให้มันเชื่อในตัวผมก่อน เชื่อว่าผมเลือกคนไม่ผิด เชื่อว่ามันมีดีพอที่ผมจะหยุดทุกอย่างและฝากทุกอย่างในชีวิตผมไว้ที่มัน
“งุ้งงิ้งกันสองคนจนเหล้ากูหวานเลย ไอ้ห่าเต้นี่ก็ตั้งใจฟังจั๊งงง ถ้ามึงอิจฉานักก็ไปเล่นบทพิศาลกับไอ้ห่าแม็คเลยไป มันจะเล่นตัวยังไงก็ไม่รอด เชื่อกู ถามไอ้มายด์ดู มันเคยทำ”
“สัด!”
ต้องขอบใจไอ้มายด์ที่ด่าคำว่าสัตว์ได้หนักหน่วงจนไอ้แต้มต้องหุบปาก แต่มันก็ยังไม่วายหันไปเห่าใส่ไอ้เต๋อต่อ
“เหี้ยเต๋อแม่งแดกเอาแดกเอา เจ้าบ่าวสายฟ้าแลบจะมีเมียก่อนเพื่อนก็อย่างนี้ล่ะว้า”
“ดีกว่ามึงที่ชอบไปเป็นชู้กับเมียชาวบ้านเขาล่ะวะ” ไอ้เต๋อสวนกลับไปหนึ่งดอก คราวนี้ไอ้แต้มหุบปากสนิทราวกับโดนตะกร้อครอบปากเลยทีเดียว
“กูว่าแม่งปีชงของพวกเราว่ะ หาเวลาไปทำบุญกันหน่อยดีป่ะวะ” ไอ้เต๋อเสนอไอเดียขึ้นมา
“ยังไงก็ได้ กูเป็นคนไม่มีศาสนา แต่ถ้ามึงอยากไปก็นัดเวลามาละกัน”
“งั้นวันศุกร์นี้นะ ชวนไอ้กัสไปด้วย กูไม่เจอหน้ามันนานแล้ว ไม่รู้จะเปลี่ยนเพศถาวรไปแล้วรึยัง”
“หึ ชีวิตดราม่าหนักขนาดนี้ยังปากเก่งเรื่องคนอื่นอีกนะมึง”
“เหี้ยเท็นกูอุตส่าห์เปลี่ยนไปพูดเรื่องอื่นแล้วววว ยังสะกิดอยู่ด้ายยยยยยยยยย”
ผมยักไหล่ การที่ไอ้เต๋อยังโวยวายได้ก็คงไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง
“ผมยาวแล้วนะ” เมลหันเหความสนใจของผมไปจากไอ้เต๋อ มันกำลังลูบผมที่ระต้นคอของผมเล่น
“อยากให้ตัดมั้ย”
“ไม่อ่ะ อย่างนี้ดีแล้ว น่ารักดี”
“งั้นตัด”
“ขัดใจกูตลอด”
“ก็อยากหล่อ ใครอยากจะเป็นผู้ชายน่ารักวะ แอ๊บแบ๊วตายห่า”
“งั้นมึงก็แอ๊บแบ๊วทุกคืนเลยนะ เพราะหน้ามึงตอนมีอารมณ์น่ะ น่ารักมาก หึหึ”
“ทะลึ่งใหญ่แล้วไอ้ห่าเมล”
เมลหัวเราะก่อนจะก้มลงดูดต้นคอผมเบาๆ ลิ้นร้อนของมันที่กำลังดุนดันผิวเนื้อสร้างความรู้สึกแปลกๆ แถมมันยังเล่นอยู่นานทำเอาผมเกือบเคลิ้ม แต่สุดท้ายก็ผละออกไปแถมยังเงยหน้าขึ้นพูดด้วยวาจาน่าถีบว่า
“กูบอกแล้วว่ามึงน่ารัก หึหึ”
“ไอ้บ้า -///-“
.
.
.
ร่วมรักอาจจะกลายเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ไปแล้วสำหรับเราสองคน เราไม่เคยมีคำว่าพอเลยเมื่อได้เริ่มสัมผัสกัน ก่อนหน้าที่เราจะเจอกันผมอาจจะมีเซ็กส์กับคนอื่นมาบ้าง แต่ไม่เคยพูดเต็มปากเลยว่ามันคือการร่วมรัก คำนี้ผมอาจจะใช้แค่กับเมลคนเดียวเท่านั้น
“มึงจะทำยังไงถ้าทุกอย่างไม่ได้เป็นไปอย่างที่เราคิด ถ้าพ่อกับแม่มึง...”
“กูจะเป็นคนอกตัญญูไหมถ้าเลือกจะอยู่กับมึง”
ผมจูบเบาๆ ลงบนแผ่นอกกว้างของเมล ก่อนจะแนบแก้มลงตรงพื้นที่ที่ริมฝีปากเพิ่งสัมผัสไป
“ความจริงมันง่ายอย่างนั้นหรือเปล่าล่ะเมล”
“กูอยู่แต่ในกรอบที่เขาขีดไว้ให้ไปตลอดชีวิตไม่ได้หรอกเท็น อย่างน้อยกูก็อยากเลือกคนรักด้วยตัวเอง”
“รักกูมากเลยเหรอ”
“ไม่มั้ง ^^”
“งั้นเย็นนี้กูไม่ไป”
“เฮ้ยยย ได้ไง”
“ล้อเล่น ^^”
“ยิ้มยั่วเลยนะมึง เดี๋ยวโดนอีกรอบ”
“ก็ยิ้มปกติ มึงแหละคิดไปเอง”
“เหรออออออออออออออออ”
ทำหน้าได้...เฮ้อ ผมอาการหนักแล้ว
“เมล”
“ครับ”
“คุณแม่เป็นคนยังไง”
เมลยิ้ม มือเรียวยาวของมันยกขึ้นลูบหัวผมเบาๆ
“ท่านอาจจะเข้มงวดไปหน่อย แต่ก็ใจดีนะ”
“อืม แล้วเมลสนิทกับใครมากที่สุด พ่อหรือแม่”
“ก็คง...ไม่ทั้งสองคนเลยมั้ง ส่วนใหญ่ก็อยู่กับปู่กับย่ามาตั้งแต่เด็ก”
ผมไม่ชอบเวลาที่เมลทำหน้าแบบนี้เลย อ้อมกอดผมคงอุ่นพอให้มันคลายความเหงาลึกๆ ในใจได้บ้าง
“พ่อกับแม่พลาดมีกูตอนกำลังเรียนน่ะ กูเลยไม่เป็นที่ต้องการเท่าไหร่ เหมือนไปขัดขวางอนาคตพวกเขามั้ง ความจริงก็คงคิดว่ากู
ไม่น่าเกิดมา”
“ถ้าเขาคิดอย่างนั้นจริง เขาไม่ลำบากอุ้มท้องมึงมาตั้งเก้าเดือนหรอกเมล”
“เอาเถอะ...ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรหรอกน่า กูไม่คิดมากเรื่องนี้หรอก”
“มึงคิด”
“แสนรู้”
“เดี๋ยวได้มีคนปากแตก”
“หึหึ”
.
.
.
ความหล่อแบบสุดหยั่งถึงของเมลมาจากไหนผมก็เพิ่งจะได้รู้วันนี้ นี่ถ้าตอนเข้ามาในบ้านของมันแล้วไม่เห็นกับตาว่ามันสปีคภาษารัซเซียกับคุณปู่สุดคมเข้มของมันล่ะก็ มันไม่มีทางบอกผมหรอกครับว่ามันเป็นลูกเสี้ยว ไอ้เหี้ยนี่พ่อมันเป็นลูกครึ่งอเมริกัน-รัซเซีย แต่ที่มันโง่อิ้ง สปีคอิ้งลิชไม่ได้นี่ไม่ต้องไปโทษมันนะ เพราะปู่กับย่ามันไม่เคยพูดภาษาอังกฤษกับมันเลย ส่วนแม่มันเป็นคนไทยนี่แหละ ไทยแบบมียศนำหน้าด้วยนะครับ -*-
“พ่อกับแม่ไปรับเพื่อนที่สนามบิน เดี๋ยวคงมา” สุดหล่อหันมาบอกผมหลังจากที่แนะนำตัวผมให้ปู่กับย่ามันรู้จัก
ย่าของเมลน่ารักนะครับ ท่านพยายามพูดไทยกับผมด้วย ปู่ก็ไม่อะไรมาก ใจดี สบายๆ เป็นกันเองมากด้วย แถมยังทำท่าชอบใจที่ผมก็พอจะพูดภาษารัซเซียได้บ้าง
“กูไม่เคยเห็นปู่หัวเราะเสียงดังๆ แบบนี้เลย ดูท่าจะชอบมึงมาก” เมลบอกพลางยิ้มกว้าง
“แน่ล่ะ ก็กูหล่อ”
“หึหึ ครับ ไอ้หล่อ”
เมลกอดคอผมไปตลอดทางที่เดินตามหลังปู่กับย่าไปยังห้องรับแขก ท่านสองคนออกไปรับผมกับเมลที่หน้าประตูบ้านเลยล่ะครับ ตอนแรกผมตกใจนะ แต่พอเมลบอกว่าเป็นเรื่องปกติก็หายตื่นตูมไปทันที เมลเล่าว่าเวลามันกลับบ้านมาก็มีปู่กับย่ามายืนรอรับแบบนี้ตั้งแต่เด็กๆ แล้ว เป็นโมเม้นเล็กๆ ที่น่ารักน่าอบอุ่นในครอบครัวที่แม้แต่ผมก็ไม่เคยได้เจอเลยล่ะ
“อ้าว เมล กลับมาแล้วเหรอคะ สวัสดีค่ะเท็น” เสียงใสไร้ความจริงใจทักขึ้นเมื่อเท้าผมก้าวพ้นธรณีประตู
ฝาแฝดพริมแพรพร้อมครอบครัวนั่งหน้าสลอนกันอยู่ที่โซฟา สังเกตจากน้ำแข็งในแก้วน้ำผลไม้ที่แทบจะไม่มีเหลือแล้วก็ประมาณได้ว่าคงมานานพอสมควร แต่...ทำไมเมลไม่บอกผมว่าต้องมาเจอกับ...คนพวกนี้ด้วย
“เห็นวันนี้คุณอาหญิงบอกว่าเมลจะพาเพื่อนมาด้วย แพรก็ไม่นึกเลยนะคะว่าจะเป็นเท็น” แพร แฝดคนน้องยิ้มใสมาให้ผม
“เพื่อน...แบบผมนี่ เมลมีหลายคนเหรอครับ ถึงไม่ได้นึก ^^”
“ก็...ไม่หรอกค่ะ”
ผมยิ้มเป็นการปิดท้ายบทสนทนา ก่อนจะยกมือไหว้ผู้ใหญ่อีกสองท่านที่อยู่ในห้องด้วย เมลยกมือไหว้ตาม แล้วดึงมือผมให้เดินตามไปนั่งที่โซฟาถัดจากฝาแฝดพริมแพร
บรรยากาศในห้องรับแขกไม่ได้แตกต่างไปจากก่อนหน้าที่ผมจะเข้ามา ปู่กับย่าของเมลก็คุยกับพ่อแม่ของฝาแฝดคู่นั้น ส่วนเมลก็โดนลากเข้าสู่วงสนทนาของสองสาว มีแต่ผมที่นั่งกดเกมในไอโฟนเล่น นานๆ ครั้งคำถามจะถูกส่งมาถึงที
“เท็นเรียนวิศวะคอมฯ รึเปล่าคะ” คำถามจากพริมทำให้ผมเงยหน้าขึ้นจากหน้าจอไอโฟน
“ครับ”
“พริมก็มีเพื่อนเรียนสาขานี้เหมือนกันค่ะ เรียนหนักรึเปล่าคะสาขานี้”
“พริมไม่ถามเพื่อนที่เรียนล่ะครับ”
สังเกตเห็นว่านางหน้าเสียไป แต่ผมก็ไม่ได้ใส่ใจ ประเด็นคือนางต้องการชวนผมคุยเหรอ?
“แหม เท็นเป็นคนตลกดีนะคะ แหะๆ แล้วนี่เท็นเคยเจอคุณอาหญิงรึเปล่าคะ คุณอาหญิงท่านชอบออกงานสังคมบ่อยๆ น่ะค่ะ บางทีครอบครัวเราก็ไปด้วยกัน อย่างงานเดินแบบการกุศลวันเสาร์ที่จะถึงนี้คุณแม่กับคุณอาหญิงก็เป็นแม่งานเลยนะคะ”
“อ๋อ เหรอครับ ผมไม่คุ้นกับงานพวกนี้เท่าไหร่ คงจะไม่เคยเจอหรอกครับ”
แค่เพราะคำตอบนี้ สายตาประเมินค่าจากครอบครัวของสองแฝดก็ถูกส่งตรงมายังผมทันที
“พ่อแม่ทำงานอะไรเหรอจ้ะหนู”
“พ่อก็ค้าขายครับ ส่วนแม่ไม่ได้ทำงานอะไร”
“ลำบากหน่อยนะจ้ะ”
“อ๋อ ครับ ก็พอควร เพราะผมต้องหาเงินใช้เอง”
“แล้วนี่รู้จักกับน้องเมลได้ยังไงจ้ะ”
“ก็เรียนคณะเดียวกันน่ะครับ”
“อ๋อ จ่ะ ขาดเหลืออะไรบอกน้าได้นะ เพื่อนของน้องเมลน้ายินดีช่วยเหลือจ่ะ”
“ครับ”
เมลเหลือบมองผมเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร ผมก็กลับมาเล่นเกมในมือถือต่อ ฟังสองสาวนั่นจ้อ กับคุณแม่ที่อวดอ้างสรรพคุณลูกสาวให้ปู่กับย่าของเมลฟัง
“น้องพริมปีนี้ก็เรียนแพทย์ปีที่สองแล้วค่ะ ส่วนน้องแพรก็เรียนพยาบาล คุณแม่ห้ามก็ไม่ฟัง บอกว่าอยากเป็นเหมือนคุณอาหญิง น้องแพรก็อยากเรียนจบมาช่วยงานคุณอเล็กซ์ ไม่มีใครคิดอยากช่วยงานที่บ้านกันสักคน ตอนนี้ก็ชักจะคิดว่าลูกๆ อยากเป็นลูกสาวหญิงเหมือนกันแล้วล่ะค่ะ โดยเฉพาะน้องพริม”
ด้วยภาษาอังกฤษสำเนียงคนไทย แถมปนคำไทยมาอีกโข ทำให้ปู่กับย่าของเมลทำหน้ามึนๆ ใส่ แต่แม่ของสองแฝดนั่นก็ยังคงพูดต่อไป โดยมีสามีนั่งทำหน้าเอือมและลูกสาวทั้งสองทำท่าเหนียมอายอยู่ข้างๆ
เป็นเวลากว่าครึ่งชั่วโมงที่เรื่องน่าเบื่อแบบนี้ดำเนินต่อไปไม่มีทีท่าว่าจะหยุด จนกระทั่งมีเสียงรถยนต์ดังแว่วเข้ามาทำให้สุนทรพจน์ของคุณแม่ลูกสองนั่นหยุดลงได้ แต่มันกลับลั่นกลองในใจผมให้เต้นโครมครามขึ้นมาฉับพลัน เมลยกมือขึ้นลูบหัวผมพร้อมกับส่งยิ้มมาให้ ก่อนจะดึงมือผมให้เดินตามมันออกไป
ในขณะที่ผมก้าวไปทีละก้าว เสียงคนคุยกันก็ดังขึ้นเรื่อยๆ เห็นอยู่ไกลๆ ว่ามีคนมากกว่าสามคนยืนทักทายกันอยู่ตรงเชิงบันไดที่ทอดสู่ประตูบ้าน ปู่กับย่าของเมลยังคงรับไหว้แบบไทยและยิ้มแย้มอย่างใจดีเหมือนเคย ครอบครัวของฝาแฝดนั่นก็ทำตัวราวกับเป็นเจ้าของบ้านซะเอง ส่วนผมกับเมลยืนอยู่ห่างออกมา
“อ้าว!! เท็น! คุณมาทำอะไรที่นี่” ทั้งหน้าทั้งเสียงแสดงความประหลาดใจเมื่อแขกของพ่อแม่เมลเห็นหน้าผม
เอาเข้าจริงผมก็ตกใจเหมือนกันว่าคุณภูที่ผมบล็อคการติดต่อไปแล้วโผล่มาที่นี่ได้ยังไง
“เท็น? เฮ้ จริงๆ ใช่ไหม! ผมไม่อยากจะเชื่อ ผมจำคุณแทบไม่ได้เลยก็ตอนนั้นคุณยังตัวกะเปี๊ยก ไม่ได้เจอคุณมาเกือบสิบปี ให้ตาย! คุณดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้นมากเลยนะครับ เมื่อเดือนก่อนที่ผมส่ง e-mail ถึงคุณ คุณได้รับไหมครับ Professor เรื่อง Visiting Prof. น่ะครับ อ้อ เผื่อคุณจำผมไม่ได้ ผมอเล็กซานเดอร์ครับ Ph.D รุ่นที่ XXX อยู่ในทีมวิจัยเดียวกับคุณ แมทธิวเพิ่งบอกผมว่าคุณอยู่เมืองไทย แล้ว...”
พ่อของเมล ใช่ครับ ผู้ชายที่กำลังพูดๆ และพูด อยู่ตรงหน้าพร้อมกับจับมือผมเขย่านี่คือพ่อของเมล แถมถ้าไม่มีใครเบรกเขาไว้นี่เขาคงจะไม่หยุดพูดล่ะครับ -_-
“ยินดีที่ได้เจออีกครั้งค่ะ Professor เชิญข้างในดีกว่าค่ะ ก่อนที่ใครบางคนจะดีใจจนเป็นลมอยู่ตรงนี้ ^^” ผู้หญิงสวยเฉียบที่ยื่นมือมาให้ผมสัมผัสพร้อมกับช่วยเบรคพ่อของเมลให้ คงจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากผู้ให้กำเนิดคนที่ผมรักล่ะครับ
แล้วถ้าเข้าอีหรอบนี้...ผมควรจะแสดงตัวดีป่ะวะว่าคบกับลูกชายเขาอยู่ -*-
เมื่อมาถึงห้องรับแขก บทสนทนาก็เริ่มเปิดฉากด้วยเรื่องของผมทันที แต่ไม่ใช่เรื่องที่ทำให้ผมต้องมากินข้าวเย็นที่นี่หรอกนะ แม่ของเมลสนใจอยากรู้ว่าชีวิตหลังจากที่ผมกลับไทยเป็นยังไงมากกว่า -_-
“จริงเหรอคะ เหลือเชื่อเลยที่คุณกลับมาเรียนมหาวิทยาลัยอีก แถมยังเป็นเพื่อนกับน้องเมล คุณไม่ติดต่อมาหาพวกเราบ้างเลยนะคะ หลังจากงานรับรางวัลของคุณ เราก็ไม่ได้ข่าวคุณอีก แมทธิวเพิ่งบอกเราเองค่ะว่าคุณอยู่เมืองไทย อเล็กซ์เลยลองส่ง e-mail เข้า account ที่คุณเคยให้ไว้ เรารอการตอบกลับแต่ก็เงียบหาย”
“ผมไม่ค่อยได้เช็คเมลเท่าไหร่ครับ แต่ก็ได้อ่านเมลแล้ว”
“แล้วคุณตกลงใช่ไหมคะ Professor”
“ก็คิดไว้อย่างนั้นล่ะครับ แต่ผมยังไม่ขอให้คำตอบแน่นอนนะ ผมยังอยากใช้ชีวิตวัยรุ่นให้เต็มที่อีกหน่อย”
“ฮ่าๆๆ พอเข้าใจค่ะ แต่หวังว่าจะได้ร่วมงานกันนะคะ”
“ครับ”
“เอ่อ...หญิงเหมือนคะ จะไม่แนะนำให้...” คุณแม่ของฝาแฝดพูดขึ้นก่อนจะเหลือบมองมาทางผมเล็กน้อย
“ตายจริง! เผลอคุยเพลิน เธอรู้จักแมทธิวแล้วใช่มั้ย เขาเป็นเพื่อนสมัยเรียน Ph.D ของฉันกับคุณอเล็กซ์”
“เรียกภูก็ได้ครับ”
“นั่นแหละ เขาชอบให้เรียกชื่อไทยมากกว่า ^^ แล้วนี่ศาสตราจารย์ นายแพทย์พชร เขาเป็นอาจารย์ของทั้งฉันและคุณอเล็กซ์”
“ดะ...เด็กขนาดนี้”
ผมเคยชินกับการที่โดนใครหลายๆ คนจ้องมองมาด้วยสายตาทึ่งจัด แต่ไม่เคยชินเลยกับสายตาที่อ่านไม่ออกของเมล
บทสนทนาอื่นๆ ไม่เข้าหูผมเลยสักนิด การที่มือของคนข้างๆ ค่อยๆ ปล่อยจากการเกาะกุมกันนั่นมันหมายความว่ายังไง
เมลกำลังคิดอะไรอยู่อย่างนั้นเหรอ?
“ต่อไปฝากคุณดูแลน้องเมลด้วยนะคะ ดีจริงๆ เลยค่ะที่น้องเมลได้มีเพื่อนอย่างคุณ”
เป็นแค่เพื่อนคงไม่ดีหรอกมั้งครับ...
“ได้ครับ...แล้วผมจะดูแลอย่างดี”
..................................................To be continue...........................................
มันมีอะไรมากกว่านั้นนนนนนนนนนนนน!! (จริงเหรอ?)
แล้วเราจะทำอย่างไรกันดี เอาวะ โปรดติดตามตอนต่อไป 555555555555
ช่วงนี้งานหนักค่ะ T_T ไม่ใช่ข้อแก้ตัวหรือข้ออ้างนะคะ เข้ามาดูตลอด แต่แค่แป๊บเดียว ก็ต้องกลับไปขุดชีวิตตัวเองต่อ ขลุกขลักหน่อยนะคะช่วงนี้ แต่เราจะทำให้เต็มที่ค่ะ
ขอบคุณสำหรับทุกๆ ความคิดเห็นค่ะ
เท็น...ตัวเอกอยู่ในอุดมคติ เป็นอุดมคติที่...สุดยอดดดดดดดดดด แบบว่า มีหลายมิติดี ไม่รู้เหมือนกันนะ (จะสื่ออะไร? 555)
ปล. ไม่เป็นไรนะคะ ถ้าไม่ชอบเท็น แต่จะบอกความลับให้ค่ะ เท็นน่ารักมากเลยนะ จริงๆ
ยินดีต้อนรับนักอ่านหน้าใหม่ทุกท่าน