Special: TheTenth
“หลงทางเหรอ”
“......”
“ทำไมไม่พูด”
“......”
“เป็นใบ้?”
“......”
“ไม่ได้ว่าสักหน่อย จะร้องไห้ทำไม”
“......”
“อ้าว! ร้องใหญ่เลย แค่ถามเอง”
เด็กชายเท็นวัยห้าขวบครึ่งกำลังทำหน้างงอย่างหนักกับสถานการณ์ตรงหน้า เด็กชายวัยไล่เรี่ยกันที่บังเอิญเจอกำลังทำท่าจะแหกปากร้องไห้เสียงดัง เขาขมวดคิ้วอย่างรำคาญใจ หมุนตัวกลับจะเดินหนีแต่เสื้อเชิ้ตที่ใส่ก็ถูกมือที่เห็นเมื่อกี้ว่าเจ้าของใช้เช็ดน้ำมูกดึงไว้
นี่มันอะไรกัน! ป๋าบอกเขาว่าช่วงวันหยุดยาวจะพากลับไทย กลับมาหาแม่ แต่ผ่านมาแล้วครึ่งวันยังไม่เจอแม่เลย ป๋าพาเขามาปล่อยเกาะอยู่ที่สวนสาธารณะแห่งนี้ตั้งแต่หกโมงเช้า ยัดแซนวิชใส่มือให้ บอกว่าต้องรีบไปประชุมแล้วก็ขึ้นรถของลูกน้องไปอย่างรวดเร็ว ปล่อยให้เขาต้องเดินวนอยู่ในสวนแห่งนี้จนมาเจอกับเด็กผู้ชายตัวขาว ปากแดง กำลังนั่งซึมอยู่ข้างๆ สนามเด็กเล่น แต่พอเขาเข้าไปถามมันกลับร้องไห้ใส่เขาซะงั้น
“รถบังคับ T^T”
“อะไรล่ะ”
“รถบังคับของเค้า T^T”
“ปัญญาอ่อน”
“ฮืออออออออออออออออออ”
“โตแล้ว จะแหกปากทำไม”
“ฮืออออออออออออออออออออออออ ตัวว่าเค้า!”
เด็กชายเท็นผู้เห็นสิ่งมีชีวิตประเภทนี้น่ารำคาญเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ยิ่งแยกเขี้ยวเตรียมจะงับหัวเจ้าของมือเปื้อนน้ำมูกที่จับชายเสื้อเขาไว้แน่น
“ปล่อย”
“รถบังคับอ่ะ T^T”
“บอกให้ปล่อย!”
“รถบังคับบบบบบบ!”
“รถบังคับอะไรเล่า! พูดมาเลย ร้องไห้อยู่ได้ เป็นกะเทยหรือไง ผู้ชายเขาไม่ร้องไห้นะ”
“ฮึก! มีคนเอารถบังคับเค้าไป”
เด็กชายเท็นถึงกับนิ่งไปสามนาทีเศษ ด้วยความงงอย่างท่วมท้นในสมองที่ใครต่างก็ยกย่องว่ามีรอยหยักมากกว่ามนุษย์ทั่วไป
“แล้วบอกทำไม”
“เค้าอยากได้รถคืน”
“ไปเอาเอง!”
“ตัวต้องช่วยเค้า”
“เรื่องไร ไม่เกี่ยวด้วยสักหน่อย”
“ตัวทำเค้าร้องไห้ ตัวว่าเค้าปัญญาอ่อน ตัวว่าเค้าเป็นใบ้ ตัวว่าๆๆๆๆๆ ว่าเค้า”
“ไอ้กะเทยเอ้ย!”
“นาตาชาบอกว่าพูดไอ้ไม่ดี เป็นคำหยาบ ห้ามพูด”
ด้วยความหมั่นไส้ตาแป๋วๆ ที่จ้องมองมา เด็กชายเท็นเลยยกมือผลักหน้าผากคนตัวเตี้ยกว่าจนอีกฝ่ายล้มไปนั่งกับพื้นหญ้า ก่อนจะสำนึกได้ว่าไม่น่าทำเพราะไอ้ตุ๊ดนั่นแหกปากร้องไห้เสียงดังยิ่งกว่าเดิม
“ตัวทำเค้าาาาาาาา เค้าเจ็บบบบบบบบบบบ เค้าจะฟ้องนาตาชาาาาาา”
นาตาชาเป็นใครไม่สำคัญ เขาไม่ได้นึกกลัวแต่อย่างใด แต่ทำยังไงให้ไอ้ตุ๊ดนี่หุบปากเสียที เสียงของมันน่ารำคาญมาก!
“หยุดร้องนะ!”
“ฮือออออออออออออออออออออ”
“หยุด!”
“ฮืออออออออออออออออออออออออออ”
“หยุดเดี๋ยวนี้! ไม่หยุดจะเตะให้กลิ้งเลย!”
เด็กชายตัวขาวตรงหน้ายกมือขึ้นปิดปากทันที ด้วยเพราะเห็นแข้งขาวๆ ของเด็กชายเท็นเตรียมจะเตะให้กลิ้งจริงๆ
เมื่อเหตุการณ์ทุกอย่างเริ่มกลับเข้าสู่ปกติ เด็กชายเท็นก็หันหลังเดินหนีมาทันที แต่ไอ้ตุ๊ดนั่นก็ยังเดินตามเขามาไม่เลิก
“จะไปไหน เค้าไปด้วย” คนตัวเตี้ยร้องเรียกเสียงดัง มือก็ยังเช็ดน้ำตาตัวเองป้อยๆ
จากเดินช้าๆ กลายเป็นต้องสับขาให้ไว แต่คนตัวเล็กกว่าก็ไม่ยอมแพ้ วิ่งตามเหมือนเขาไปขโมยของของมันแล้วมันตามมาทวงคืน
“ห้ามตามมานะ! จะกลับบ้านแล้ว”
“รถบังคับของเค้าาาาา ไปเอามาให้เค้าด้วย”
“บอกว่าอย่าตามมาไง!”
“รถบังงงง โอ้ยยยยยยยย”
เด็กชายเท็นถึงกับต้องชะงักเท้า หมุนตัวกลับไปมองก็เห็นไอ้ตุ๊ดนั่นล้มกลิ้งไม่เป็นท่า ลุกขึ้นนั่งได้มันก็แหกปากร้องไห้อีกแล้ว แต่คราวนี้เห็นทีจะเจ็บจริงเพราะทั้งแขนทั้งหัวเข่าถลอกจนมีเลือดไหล
“โง่เอ้ย ปัญญาอ่อน เจ็บมั้ยล่ะนั่น”
“เจ็บบบบ ฮือออออออออออ”
เด็กชายเท็นกลอกตาอย่างนึกเอือม ก่อนจะเดินมาหาร่างเล็กที่ยังคงน้ำตาร่วง หน้าซีดสนิทที่เห็นเลือดตัวเองไหล
“ลุกเลย นั่งขวางทาง เดี๋ยวก็โดนจักรยานชนตายหรอก”
“ลุกไม่ไหว”
“ชอบทำตัวให้เป็นภาระ ไม่รู้จักกันสักหน่อย ปัญญาอ่อน”
“ฮึก!”
“ไหนมาดู”
เด็กชายเท็นสำรวจแขนขาวๆ กับหัวเข่าที่ถลอกของคนตรงหน้าอย่างถี่ถ้วน ก่อนจะสรุปความโดยเร็วว่าไม่ถึงตาย สามารถยืดการทำแผลไปได้อีกหลายชั่วโมง
“เป่าหน่อย”
“อายุเท่าไหร่ ทำไมถึงคิดว่าเป่าแล้วจะหาย ตามทฤษฎีมันไม่หายหรอกนะไอ้ตุ๊ด”
“เค้าไม่ใช่ตุ๊ด นาตาชาบอกว่าพูดเพราะแล้วคุณแม่จะรัก แต่เป่าให้หน่อย คุณย่าเป่าให้ยังหายเลย แล้วดีๆ อะไรของตัวเหรอ”
เจ็บแล้วยังพูดมาก แล้วตาแป๋วๆ นั่นจะแอ๊บแบ๊วไปถึงไหน มนุษย์โลกอายุเท่านี้มองทุกอย่างสวยงามไปหมดหรือไง
“ทฤษฎี”
“ทิดดี”
“เป็นกะเทยแล้วยังลิ้นไก่สั้นอีก ชีวิตน่าสงสารนะ -_-“
“......”
“ร้องไห้อีกจะตีให้ตายเลย”
“ไม่ร้องๆ”
ท่าปิดปากแล้วส่ายหน้าดุ๊กดิ๊กของมันนี่ทำเอาเขาตวาดใส่ไม่ลง
“ชื่ออะไร”
“คาราเมล”
“ปัญญาอ่อน ชื่อยาว ไม่ชอบ ชื่อเมลก็พอ เราชื่อเท็น”
“อื้อ เท็น! เท็นเรียกว่าเมลก็ได้”
เด็กชายเท็นพยักหน้าอย่างพอใจ สำรวจตาแป๋วๆ ที่ดูเชื่องขึ้นมาอย่างฉับพลันแล้วก็แสยะยิ้ม
“ใครเอารถบังคับไป รู้จักรึเปล่า”
“ไม่รู้ แต่ตัวเท่ายักษ์เลย คุณพ่อเพิ่งซื้อให้เค้า ของขวัญวันเกิด”
“เกิดวันนี้?”
เด็กชายเมลส่ายหน้า ใบหน้าขาวดูซึมกระทือขึ้นมาจนเด็กชายเท็นต้องตบหัวเรียกสติ
ผลัวะ!
แต่พอเด็กชายเมลกำลังจะเบะปากร้องไห้ ก็โดนเด็กชายเท็นชี้หน้าขู่ไว้ซะก่อน เลยต้องแอบเช็ดน้ำตา
“วันเกิดเค้าเดือนธันวา คุณพ่อจำผิด นาตาชาบอกว่าคุณพ่องานยุ่ง เค้าเลยเพิ่งได้ของขวัญ”
“เด็กงี่เง่าเท่านั้นแหละที่จะคิดมากเรื่องแค่นี้ เราไม่เคยได้ของขวัญวันเกิดจากป๋าเลย โดนลืมก็บ่อย แต่เราดูแลตัวเองได้ ไม่เห็นต้องไปรอให้ใครเขามาช่วยดูแล ช่วยสงสาร ไม่จำเป็น เป็นผู้ชายต้องเข้มแข็ง ทำตัวเป็นตุ๊ดต่อไปโตมาจะไม่มีเมีย ผู้หญิงไม่ชอบคนแบบนี้ ขึ้นคานแน่”
“น่ากลัวจัง แล้วเมียคืออะไร”
“สิ่งมีชีวิตที่เราสืบพันธุ์ด้วยได้และยอมรับอย่างเต็มใจ เข้าใจไหม เป็นระบบการขยายจำนวนประชากรของมนุษย์ ผัว ก็คือตัวผู้ชาย เมียก็คือตัวผู้หญิง ถ้าสองสิ่งมีชีวิตนี้ทำการปฏิสนธิกันจะทำให้จำนวนประชากรเพิ่มขึ้น อย่างเมลก็เกิดจากการสืบพันธุ์เหมือนกัน”
“ไม่เข้าใจ”
“กลับบ้านไปถามนาตาชาสิ -_-“
“อื้อ แล้วอย่างเท็นเป็นเมียได้ไหม”
ผลัวะ!
“เท็นตีเค้าทำไม ฮืออออ”
“บอกว่าอย่าร้อง!”
“ก็เท็น...”
“ผู้ชายเป็นเมียไม่ได้ เข้าใจไหม! สิ่งมีชีวิตเพศเดียวกัน ทำการขยายเผ่าพันธุ์ไม่ได้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นสามารถทำการสำเร็จความใคร่ได้หากว่ามีความเต็มใจทั้งสองฝ่าย”
“ยังไงเหรอ”
ยิ่งพูด เด็กชายเท็นก็คิดว่าตัวเองกำลังสีซอให้ควายฟัง ท่าทางของเด็กชายเมลที่กระตือรือร้นอยากฟังคำตอบมันช่างน่าหมั่นไส้เสียจริงๆ
“ถามอยู่ได้! จะเอามั้ยรถบังคับ!”
“เอาคับ!! แต่เมลว่าเท็นเป็นเมียได้นะ เพราะเท็นสวย”
“สวยบ้านแกสิไอ้ตุ๊ด!”
“เท็นพูดไม่เพราะ นาตาชาบอกว่า...”
“ช่างหัวนาตาชา!”
“เท็นนนนนนนนนนนนน”
“หยุด!”
เด็กชายเมลเงียบกริบ ในขณะที่เด็กชายเท็นกวาดตามองไปรอบๆ บริเวณ
“จะเอารถบังคับคืนให้ แล้วห้ามมาวุ่นวายกับเราอีกนะ”
“ทำไมเหรอ เมลอยากเล่นกับเท็น”
“ใครจะอยากเล่นกับกะเทย กลับบ้านไปหานาตาชาไป”
“นาตาชาพาคุณปู่กับคุณย่าไปหาหมอ”
“แล้วใครเอาเมลมาปล่อยที่นี่”
“เดินมาเอง เมลเก่งมั้ย”
“เก่งนักก็ไปเอารถบังคับคืนเองสิ แล้วไอ้ยักษ์นั่นไปไหนแล้ว”
เด็กชายเมลชี้ไปทางขวามือ ซึ่งเป็นทางไปสู่ลานเต้นแอโรบิกและโซนเครื่องออกกำลังกายกลางแจ้ง
“เห็นยักษ์กับหมีเดินไปทางโน้น”
“ไม่ได้มีแค่ยักษ์หรือไง”
“มีหมีด้วย”
เด็กชายเท็นพยักหน้าพร้อมประเมินสถานการณ์ ด้านกำลังแล้วไม่ได้ได้เปรียบเลย การเดินมาตามทางที่ไอ้ตุ๊ดนี่ชี้ให้ก็ทุลักทุเลไม่น้อยเพราะมีมือขาวๆ คอยดึงเสื้อเชิ้ตไม่ยอมห่าง
“นั่นรถบังคับของเค้า” เด็กชายเมลชี้ให้ดูรถบังคับคันใหญ่ที่มีเด็กอ้วนตาตี่สองคนกำลังแย่งกันบังคับอยู่
ด้วยนิสัยข้าแน่ข้าเก่งที่ติดตัวมาตั้งแต่เกิดของเด็กชายเท็น ทำให้เขาก้าวยาวๆ ไปผลักหัวเด็กอ้วนคนที่หนึ่งจนหน้าคมำ
“ขอรถคืน” ว่าจบก็ฉวยเอารีโมทบังคับมาไว้ในมืออย่างรวดเร็ว
“แกเป็นใคร ไม่ใช่เด็กโรงเรียนเรานิ หน้าไม่คุ้น ถึงว่าไม่รู้จักบิ๊กกับเบิ้มห้อง 3/1 ไอ้คาราเมล ไม่บอกมันรึไงว่าอย่ามามีเรื่องกับพวกพี่ อ๋อ นี่แกไปขอให้มันมาช่วยใช่มั้ย ทำไมวะ หวงนักไง ของเล่นแค่นี้แบ่งให้พวกพี่ๆ เล่นไม่ได้เหรอ” เด็กอ้วนอีกคนที่คาดว่าจะชื่อเบิ้มพูดขึ้นด้วยเสียงโกรธๆ เมื่อเห็นคู่หูบิ๊กโดนกระทำการอุกอาจ
“ผม...ผม...”
ผลัวะ!
เด็กชายเท็นผู้ไม่ชอบความวุ่นวายและการฟังคนอื่นสาธยายแบบยืดเยื้อปล่อยหมัดเล็กๆ เข้าที่เบ้าตาเด็กเบิ้มเต็มเหนี่ยว
“พูดมาก! ของตัวเองก็ไม่ใช่ จะมายึดได้ยังไง ขอเจ้าของเขาหรือยัง ทำไม มองหน้าทำไม จะเอาอีกข้างหรือไง หรือแกอยากโดนต่อยด้วย”
จบประโยคของเด็กชายเท็น เด็กอ้วนทั้งสองก็เริ่มเข้ามาตะลุมบอน เด็กชายเมลที่เกาะติดอยู่ด้านหลังคอยดึงชายเสื้อโดนถีบ
หงายหลังเป็นคนแรก จากนั้นก็ชุลมุนวุ่นวายจนแยกไม่ออกว่าหน้าใครโดนหมัดใครบ้าง
ปรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดด ปรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด!!!!
เสียงนกหวีดจากรปภ.นายหนึ่งดังขึ้นมาแต่ไกล เด็กชายเท็นที่รู้ว่าอีกไม่นานจะเกิดเรื่องยุ่งยากขึ้น แขนหนึ่งจึงคว้ามือเด็กชายเมลขึ้นมาจับ อีกแขนก็หอบรถบังคับไว้ ก่อนจะวิ่งหนีกลับทางเดิม
“แฮ่ก! แฮ่ก! โอ้ย!! เหนื่อยยยย! ทำไมเจอแต่เรื่องซวยๆ วะ เจ็บก็เจ็บ ไอ้อ้วนนั่น เจออีกทีมันตายแน่!”
“เค้าเจ็บบบบบ”
“ห้ามร้อง! กะเทยเอ้ย น่ารำคาญจริงๆ เอ้า เอาไป แล้วก็กลับบ้านไปได้แล้ว ปัญญาอ่อน!”
“ฮือออออออออออ”
เด็กชายเท็นส่งสายตารำคาญไปให้เด็กชายเมลที่นั่งกุมแก้มตัวเองอยู่ข้างๆ สภาพของเด็กชายเท็นที่มีรอยแดงตรงมุมปากทั้งสองข้างยังดูดีกว่าเด็กชายเมลที่เสื้อเปื้อนรอยรองเท้า ปากบวมเจ่อ เบ้าตาขวาเริ่มเป็นรอยช้ำ แถมตรงขมับยังเหมือนบวมปูดขึ้นมาซะอย่างนั้น
“เป็นผู้ชายจะร้องไห้ทำไมนักหนา เจ็บแค่นี้ไม่ตายหรอก!”
“แต่ก็เจ็บบบบบ!!”
“เถียง! เถียงอีก!”
“ไม่เถียงก็ได้”
เด็กชายเท็นที่ชีวิตมีแต่ออกคำสั่งและบงการคนรอบข้างได้แต่พยักหน้าอย่างพึงพอใจกับความว่าง่ายของเด็กชายเมล
“เป็นผู้ชาย ถ้ารู้ว่าของที่มีอยู่สำคัญก็ต้องเข้มแข็งพอที่จะปกป้องมันไว้ให้ได้ ไม่งั้นก็ไม่มีสิทธิ์จะดูแล เข้าใจไหม”
“อื้อ เค้าจะเข้มแข็ง!”
“ดีมาก”
“เท็นช่วยเอารถบังคับมาคืนให้ ขอบใจนะ”
“ไม่ได้เต็มใจ”
“ไปเล่นบ้านเค้ามั้ย นาตาชาทำขนมอร่อยนะ”
“ไม่เล่นกับกะเทย”
“เค้าไม่ใช่กะเทย! เค้าเป็นผู้ชาย”
“ผู้ชายที่ไหนร้องไห้ แล้วก็พูดเค้าๆ อยู่ได้ ปัญญาอ่อน”
“นาตาชาบอกว่า...”
“ไม่เอานาตาชา! มีความคิดเองไหม!”
เด็กชายเมลทำหน้าตกใจกับเสียงที่ดังกว่าปกติของเด็กชายเท็น ก่อนที่มือเล็กๆ ของเด็กชายเมลจะจับตรงชายเสื้อของเด็กชายเท็นอย่างกล้าๆ กลัวๆ
“เค้ามีนะ...เค้าคิดว่าเท็นเท่ที่สุด เป็นฮีโร่ เหมือนซุปเปอร์แมน”
“นาตาชาคงให้ดูอะไรไร้สาระสินะ ยอดมนุษย์ไม่มีในโลก เข้าใจไหม แล้วเราก็ไม่เหมือนใคร เรามีคนเดียวในโลก เราคือ The Tenth!”
เด็กชายเมลทำแก้มป่อง เอียงคอเล็กน้อยพร้อมกับตั้งคำถาม
“เดอะเท็น คืออะไรเหรอ”
“คือเราไง จบมั้ย! ไม่เก็ทไม่ต้องถามอีก จะกลับแล้ว”
เด็กชายเมลหน้าเหวอเมื่อเด็กชายเท็นจู่ๆ ก็ผุดลุกขึ้น แล้วกำลังเดินหนีอีกครั้ง
“เดอะเท็นจะมาอีกไหม เค้าอยากเล่นด้วย”
“ไม่มาแล้ว ไม่อยากเล่นกับกะเทย”
ในขณะที่แผ่นหลังของเด็กชายเท็นกำลังห่างออกไปเรื่อยๆ เด็กชายเมลที่เจ็บแผลที่หัวเข่าจนไม่มีแรงจะวิ่งตามแล้วก็ตะโกนขึ้นมาว่า
“งั้นถ้าเค้าเป็นผู้ใหญ่ เดอะเท็นมาเล่นกับเค้านะ เค้าจะเข้มแข็ง จะไม่ร้องไห้ จะไม่แทนตัวเองว่าเค้า! มานะะะะะะ เค้าจะรออออ!”
เด็กชายเท็นที่ได้ยินเสียงแหลมแสบแก้วหูตะโกนปาวๆ ตามหลังมาก็รีบหันกลับไปให้คำตอบทันทีเลยว่า
“ไม่อย่างเด็ดขาด!!”
...................................To be continue...........................................
เราเอามาคั่นกลางแหละตัวเธอ ทำไมน่ะเหรออออออ อืมมมมมมม ยังไม่พร้อมสำหรับตอนต่อไปมั้ง 555555555555
น้องเมลน่ารักจัง 
ขอบคุณสำหรับคำติชม กำลังใจ ความคิดเห็นทุกๆ ความคิดเห็นนะคะ
ยินดีชี้แจงค่ะ ไม่ได้อยากให้เป็นประเด็น แต่ก็อยากให้เข้าใจตรงกัน ไม่อยากให้อ่านแล้วมีเท็นหลายคน เพราะนางคือ The Tenth!!
ตอนพิเศษอาจจะมีมาอีกถ้าคิดว่าพวกเรายังไม่พร้อมสำหรับตอนต่อไป!!! 
ขอบคุณที่อยู่เคียงข้างกันเสมอมาค่ะ