ตอนที่ 30“ไงไอ้เกรียน”
ผมทักขึ้นในขณะที่ไอ้หล่อหัวเกรียนมันกำลังเก็บรองเท้าเข้าตู้
“พูดอีกมีตบปาก” มันใช้นิ้วกลางชี้หน้าผมก่อนจะเดินไปส่วนของครัว เปิดตู้เย็นหาน้ำกินไปตามเรื่องตามราวของมัน
“หึ แล้วนี่คุณหญิงแม่ของมึงเขาเรียกไปทำอะไรล่ะ”
“แดกข้าว”
ผมยักไหล่กับคำตอบ ช่วงสามสี่วันที่ผ่านมานี้เมลมักจะโดนที่บ้านเรียกตัวให้กลับบ้านบ่อยๆ แต่ไม่มีคืนไหนที่มันจะไม่กลับมาคอนโด วันก่อนตีสามแล้วก็ยังกระเสือกกระสนกลับมาหาผมอีก ไอ้ดีมันก็ดีอยู่หรอกนะ แต่เกิดอุบัติเหตุขึ้นมาจะทำยังไง
“เท็นกินข้าวยัง”
“ก็รอมึง”
“งั้นป่ะ”
“กินมาแล้วไม่ใช่ไง”
“เถอะน่า เร็วๆ ลุกเลย”
“ไม่เอา มึงไปกินกับว่าที่คู่หมั้นมึงมาแล้วนี่”
“กูไม่มีทางเลือก”
ด้วยคำตอบนั้นทำให้ผมชำเลืองมองใบหน้าหล่อเหลาของมันเล็กน้อย ก็ใช่ว่าจะไม่มีหรอกแต่มันเลือกที่จะไม่ทำมากกว่า
มีใครบ้างที่ต้องเลือกระหว่างแม่กับแฟนแล้วจะเลือกได้ทันที
ก็ไม่รู้นะว่าสถานการณ์เป็นยังไง เพราะผมไม่เคยได้เจอครอบครัวเมลเลย ถึงเดาไม่ได้ว่าผลลัพธ์จะออกมาในทิศทางไหนถ้าเลือกจะบอกพวกท่านว่าเมลคบอยู่กับผม
ผมอาจจะไม่สมบูรณ์พร้อม แต่ผมก็มั่นใจว่าผมมีดีพอตัว ทว่ามันจะดีขึ้นมาในสายตาพ่อกับแม่เมลได้อย่างไร ในเมื่อผมเป็นผู้ชาย... แต่ผมไม่สนใจหรอก...ถ้าการรักใครสักคนแล้วทำให้ตัวผมดูด้อยค่า...ผมอาจจะเลือกทางที่ทำให้ตัวผมมีค่ามากกว่าก็เป็นได้
มันเป็นความคิดที่ฝังในหัวผมมาตั้งแต่เด็ก...และยากที่จะเปลี่ยนมัน
“อย่าทำหน้าเหมือนว่าจะทิ้งกูไป”
เมลเดินเข้ามากอดรอบคอผมจากทางด้านหลัง สัมผัสแผ่วเบาที่หลังต้นคอทำให้ผมตัวสั่นเล็กน้อย ริมฝีปากของเมลไม่ยอมถอนออกไปง่ายๆ จนผมต้องคลายแขนที่โอบรอบคอออกแทน
“เดี๋ยวก็ไม่ได้ไปกินข้าวกันพอดี”
“สัญญามา”
“สัญญาอะไร”
“สัญญาว่าจะไม่ทิ้งกู ไม่บอกเลิกกู จะอยู่ด้วยกันอย่างนี้ไม่ว่าใครจะไม่เห็นด้วยก็ตาม”
“....”
“สัญญามาเร็ว”
พอผมแกล้งนิ่ง เมลก็เริ่มทำตาดุใส่
“กูไม่อยากสัญญาในเรื่องที่ยังไม่แน่ใจ”
“พูดแบบนี้หมายความว่าไง”
“ก็ตามนั้น”
เมลเงียบไปสักพัก ผมเสมองไปทางอื่น เราต่างคนต่างเงียบ จนในที่สุดผมก็เริ่มรู้แล้วว่าคงแกล้งมันแรงไป
“ถ้ามันปัญหามากนัก มึงก็ไปคบกับคนอื่นเถอะ”
ท่าทางและน้ำเสียงที่จริงจังแบบนั้นทำให้ผมอึ้งไปเกือบสามนาที มารู้ตัวก็ตอนที่เมลกำลังจะเดินหนีไป ผมยื่นมือจะดึงผมมันไว้แต่แม่งดันตัดสกินเฮดซะได้ เลยต้องกระชากคอเสื้อมันจากข้างหลังจนไอ้คนตัวสูงมันเกือบหงายหลังมาทับผม
“ไล่กูเหรอ”
“เปล่า”
“เปล่าแล้วเมื่อกี้พูดทำไม”
“ก็มึงอยากจะไป”
“กูพูดตอนไหนไอ้เหี้ย”
“หน้าตามึงฟ้อง”
“หน้าผากกูมีคำว่าอยากเลิกเขียนติดอยู่รึไง เก่งจริงๆ เรื่องทึกทักไปเอง ไม่เห็นจะเก่งเรื่องขัดใจแม่มึงบ้าง”
“เออ กูก็ทำได้แค่นี้ล่ะวะ”
ผมเห็นความตึงเครียดในแววตาของมัน แต่ผมจะช่วยอะไรได้ ในเมื่อมันไม่เริ่มจัดการอะไรสักที
“กูไม่ได้เดือดร้อนนะถ้าพ่อกับแม่มึงจะไม่รู้เรื่องของกู แต่ตอนนี้ เขากำลังจะจับคู่มึงกับผู้หญิงคนอื่น มึงจะทำยังไงกับเรื่องนี้ล่ะ มีทางออกที่ดีแล้วหรือไง”
“เออ ไม่มีหรอก กูมันโง่ กูไม่มีทางออกดีๆ อะไรทั้งนั้นล่ะ มึงอยากจะไปก็ไปเลย!”
“เมล!”
โครม!
เมลเตะโต๊ะตัวเล็กที่ใช้สำหรับวางโคมไฟล้มกลิ้งไป ผมได้แต่มองตามการกระทำของมัน ก่อนจะหันหลังเดินไปที่ประตู
เป็นช่วงเวลาที่แย่สำหรับเราทั้งคู่ ผมไม่เคยทำใจรับกับเรื่องนี้ได้ ไม่มีเหตุผลอะไรจะมาทำให้ความกระวนกระวายของผมหายไปเมื่อรู้อยู่เต็มอกว่าเมลกำลังอยู่กับใคร ความหึงหวงนั้นทำให้ดวงตามืดบอดเห็นจะจริง ผมไม่เคยคิดว่าตัวเองไร้เหตุผลแบบนี้เลย เราทะเลาะกันตลอดสามสี่วันที่ผ่านมาและก็ยิ่งทวีความแรงขึ้นทุกที เพราะความไม่เข้าใจและไม่ชอบใจของผมเพิ่มมากขึ้นทุกวัน
ตั้งแต่จำความได้ผมก็เพิ่งจะเคยรู้สึกแบบนี้ ถึงได้ตั้งรับและจัดการกับความรู้สึกแบบนี้ไม่ทัน
ปึก!
แผ่นหลังของผมกระแทกติดกับบานประตูเพราะถูกคนตัวสูงกว่าผลักด้วยแรงที่ไม่ใช่น้อยเลย ผมพยายามขยับตัวหนีสัมผัสจากเมลแต่ก็ไม่เป็นผล สัมผัสของมันดุดันแบบที่ไม่เคยเป็น ริมฝีปากที่จูบย้ำแรงๆ ลงมาที่ริมฝีปากผมก็ทำเอาเจ็บแปลบ ผมปล่อยให้มันทำตามใจตัวเองอยู่สักพัก ไม่ได้ขยับหนีหรือผลักมันออก
“ไม่ให้ไป” เมลกระซิบเสียงเบา ก่อนจะกอดผมไว้แน่น
“....”
“ขอโทษ”
เดี๋ยวนี้ไม่ว่าจะผิดหรือถูก ผมก็ไม่เคยได้พูดขอโทษเมลก่อนเลย มันจะพูดขึ้นก่อนและนั่นทำให้ความงี่เง่าของผมหายไปทุกที
“ไม่ทะเลาะกันได้มั้ย กูขอโทษ”
พอผมพยักหน้าเมลก็ก้มลงมาจูบที่หน้าผากเบาๆ
“เชื่อใจกูนะเท็น”
มันเป็นพื้นฐานของคู่รักทุกคู่ผมแน่ใจ แต่ความเชื่อใจของผมถูกบดบังด้วยความอิจฉาที่มีต่อผู้หญิงคนนั้นทุกที
ด้วยเพราะกำลังจมอยู่กับความคิดของตัวเองถึงเพิ่งรู้สึกตัวว่ากำลังจะถูกกดที่โซฟา คือ? นี่มาอยู่ตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่? แถมไอ้คนที่กำลังคร่อมผมอยู่นี่ มือหนึ่งถือโทรศัพท์ ส่วนอีกมือกำลังปลดเข็มขัดกางเกงของตัวเอง
“ไปไม่ได้ครับแม่ ผมอยู่กับแฟนครับ ครับ ผมบอกพ่อแล้วครับ ครับ ไว้จะพาไปแนะนำครับ แล้วแม่จะรักเท็น สวัสดีครับ”
พอเมลวางสายผมก็บอกมันทันทีว่า “แม่มึงไม่มีทางรักกู”
“ไม่มีใครที่รู้จักมึงแล้วไม่รักหรอก”
“อย่างน้อยก็ไอ้เป๊บ”
เมลยิ้มขำ ก่อนจะขยี้หัวผม ไอ้เป๊บที่ว่านี่ชื่อเต็มๆ ของมันคือเปเปอร์ เป็นแมวเปอร์เซียตัวอ้วนกลมที่เมลเอาไปฝากให้ไอ้ฟิวเลี้ยงเมื่อหลายวันก่อนเพราะคอนโดเลี้ยงไม่ได้ (ผมก็ไม่เข้าใจนะ ในเมื่อมันรู้ว่าเลี้ยงไม่ได้แล้วมึงจะซื้อมาทำเพื่อ?) แล้วไอ้เป๊บก็ดูเหมือนจะไม่ชอบหน้าผมสักเท่าไหร่ เชิดใส่กูไม่ยั้ง ยังดีที่ผมพอมีเมตตาไม่เอาไปขังรวมกับไอ้เจคอปลูกรัก ไม่งั้นล่ะมึง เห็นนรกแน่ หึหึ
“แล้วนี่จะถอดกางเกงทำไม”
“อยากรู้?”
“ไม่อยาก กูหิวข้าว”
หน้าตายิ้มๆ ของมึงนั่นคืออะไรเนี่ย -*-
“กินอย่างอื่นรองท้องก่อนมั้ย”
“ไม่เอา หิวข้าวๆๆๆๆๆๆๆๆ”
“โอเคครับๆ งอแงดีจังเลยมึงเนี่ย”
“เรื่องของกู”
“หึหึ ทำหน้างอนก็เป็น”
“เมล!”
“ไม่แกล้งแล้ว ไปครับๆ เดี๋ยวป๋าพาหนูไปกินข้าวนะ”
“หนูพ่องงงง!”
“หึหึ”
เมลแม่งกวนตีน เวลาโมโหใส่ใครแล้วไอ้คนนั้นมันเอาแต่ยิ้มแต่หัวเราะนี่น่าเตะอัดซะจริงๆ -*-
.
.
.
นานๆ ผมจะเข้าเช็คเฟซตัวเองสักที ความจริงก็เพิ่งสมัครได้ไม่นาน ตอนไอ้กัสไซโคก็ยังไม่คิดจะสมัครหรอกครับ แต่นานๆ ไป เริ่มมีบุคคลที่สามที่สี่ที่ห้าถามว่ามีเฟซมั้ย เล่นป่าว ทำไมไม่เล่น บลาๆ นี่กูก็อยากถามว่าแม่งเป็นหุ้นส่วนกับเฟซบุ๊คหรือไง แต่บุคคลเหล่านั้นไม่สามารถโน้มน้าวผมได้ ผมจำเป็นมั้ยที่ต้องเล่นตามที่ทุกคนต้องการ? ไม่นี่ จริงมั้ย? จนกระทั่งมีอาจารย์ท่านหนึ่งแกเกิดอินดี้สั่งงานผ่านทางกลุ่มในเฟซเท่านั้น ไอ้ฟิวเลยจัดการสมัครให้ผมไปโดยปริยาย นั่นเลยเป็นตำนานเปิดฉากโลกโซเชียลของผม
แล้วไอ้เหี้ยเต๋อนี่ขยันแทคขยันแชร์รูปจังเลย วันๆ มันทำอะไรบ้าง อยากรู้จริง -*-
ด้วยความที่ไม่รู้จะเม้นใต้รูปหน้าตาพิลึกของไอ้เต๋อยังไง ผมเลยพิมพ์ไปว่า ‘ไอ้เหี้ย’ เท่านั้นแหละไม่ถึงหนึ่งนาทีเหี้ยเต๋อเม้นตอบกลับมาเป็นรูปภาพที่มีข้อความประมาณว่า
‘เวลาด่ากู อย่าด่าว่าไอ้เหี้ย มันไม่มีทางเลือก ช่วยด่าว่าไอ้สัตว์ กูจะได้เลือกบ้าง เผื่ออยากเป็นผีเสื้อ’
‘สัตว์บก!’ << TheTen
‘กูบอกอยากเป็นผีเสื้อ!’ << สุดหล่อ พ่อให้มาเยอะ
ผมเลยปิดรูปหน้าตาพิลึกของไอ้เต๋อลงทันทีก่อนจะเปลี่ยนหน้าเพจไปยังเฟซของเมลที่ไม่ว่าเข้ามาเมื่อไหร่ก็ฮอตแบบไร้คำบรรยายทั้งๆ ที่สเตตัสเป็น In relationship แล้วนะคุณ
Primmy Sexy >> ‘ฝันหวานนะคะเมล’
Primmy Sexy >> ‘ตื่นแล้วหาอะไรกินด้วยนะคะ’
Primmy Sexy >> ‘ขอบคุณสำหรับดินเนอร์ค่ะ อาหารอร่อยมาก ขับรถดีๆ นะคะ ถึงคอนโดแล้ว Line มาด้วยน้า’
Primmy Sexy >> ‘โทรหาไม่รับเลย แต่ยังไงคืนนี้ก็ฝันดีน้า ^O^’
Primmy Sexy >> ‘คิดถึงเมลอีกแล้ว ทำยังไงดีคะ

ฝันดีนะคะ (ว่าที่) ที่รัก’
เอ่อ...ถ้าถามผมนะ ผมคงไม่กล้ามาโพสอะไรแบบนี้บนเฟซแฟนคนอื่นเขาหรอก มันน่าอายและก็ทุเรศด้วยว่ะ
“เหี้ยเมล!”
เพราะเสียงตะโกนของผมทำให้เมลวิ่งหน้าตื่นออกมาจากครัว
“อะไรครับ? หงุดหงิดอะไรอีก”
“กับคนที่ชื่อพริม เมื่อไหร่จะจบ ถ้ามึงไม่ยอมจัดการซะทีนะเมล กูจะจัดการเอง”
“มันเรื่องอะไรเท็น”
ยิ่งเห็นหน้าที่ไม่เข้าใจสถานการณ์ของเมลแล้วผมก็ยิ่งโมโห เพราะมันเป็นแบบนี้ไง ถึงได้มีเรื่องต้องผิดใจกันแทบทุกวัน
“ทำไมต้องเอาเรื่องนี้มาทะเลาะกันอีกแล้วล่ะ เราพูดกันเข้าใจแล้วไม่ใช่หรือไงเท็น”
“กูเข้าใจแต่ดูเหมือนผู้หญิงไม่มียางอายคนนั้นมันไม่เข้าใจ ตรรกะที่ว่าใครดีมาดีตอบของมึงน่ะ อย่าเอาไปใช้กับคนที่จ้องจะงาบมึงได้มั้ยวะ ซื่อบื้อไม่เข้าเรื่องไอ้ห่าเมล”
“เอ้า ด่ากูซะงั้น แล้วต้องทำยังไงถึงจะถูกใจท่านล่ะครับ”
“ทำยังไงก็ได้ให้ยัยพริมมี่เซ็กซี่เหี้ยไรนี่หายไปจากชีวิตมึง”
“....”
“ถ้ามันยังมาแรดอยู่ในชีวิตมึง ก็อย่าหวังว่าจะมีกู”
ผมไม่อยากยื่นคำขาดนะ แต่การปล่อยให้ตัวเหี้ยอะไรสักอย่างมาบ่อนทำลายความสุขในชีวิตนานๆ คงไม่ดี
“กูจะออกไปข้างนอก คืนนี้มึงนอนก่อนได้เลยไม่ต้องรอ”
“จะไปไหน”
“เรื่องของกู เอาเวลาไปจัดการปลิงในชีวิตมึงเถอะ!”
“เท็นเท็น!”
ผมรู้ว่าอารมณ์ตัวเองไม่คงที่เลย ผมต้องการเวลาเพื่อที่จะปรับให้ทุกอย่างคงที่ ให้เป็นอย่างที่ผมเคยเป็นมา ปัญหาอะไรก็ไม่น่ากลัวเท่ากับปัญหาที่เกิดขึ้นระหว่างผมกับเมล ในเมื่อเรายังจับมือกันแบบสนิทใจไม่ได้แล้วเราจะผ่านอุปสรรคที่เข้ามาได้ยังไงผมก็ยังสงสัย
ผมขับรถกลับมาที่บ้าน เจอไอ้มายด์กำลังป้อนนมไอ้เป๊บอยู่ที่โซฟา มีไอ้ฟิวนั่งท่องตำราเรียนเทอมสองอยู่ข้างๆ กัน
“ทะเลาะกับเมลมาอีกแล้วรึไง”
ผมไม่ได้ตอบคำถามของไอ้ฟิว เพราะเวลาที่อารมณ์พลุ่กพล่านแบบนี้ ผมไม่อยากได้ยินน้ำเสียงอ่อนโยนของไอ้ฟิวเวลาเอ่ยชื่อเมลหรอก ผมเดินมายังห้องของไอ้เจคอป มันกำลังนอนแทะกระดูกของเล่นอันที่เท่าไหร่ก็จำไม่ได้แล้ว เพราะแม่งแทะทีพังแบบครั้งต่อไปใช้ต่อไม่ได้เลยนั่นแหละ ไอ้ฟิวเลยตัดสินใจซื้อมาสำรองไว้หลายอัน ตุ๊กตาหมีที่ไอ้แต้มซื้อมาอย่างสิ้นคิดในวันครบรอบเดือนของมันก็หัวขาดไปเรียบร้อย ตอนนี้ขนาดตัวก็พอๆ กับสิงโตวัยรุ่นเลยแหละครับ -_-
ถึงใครๆ จะกลัวมัน แต่ไอ้เจคมันน่ารักกับผมมากนะ มันขี้อ้อน อยู่กับผมมันน่าเอ็นดูกว่าไอ้เป๊บแมวเปอร์เซียน่าหมั่นไส้นั่นหลายเท่าเลย แถมช่วงนี้ไอ้เจคเป็นเพื่อนเพียงคนเดียวที่เข้าหน้าผมติดเวลาผมหงุดหงิดจนคุมตัวเองไม่อยู่
“เป็นไงวะเจค มึงไม่ชอบตุ๊กตาหมีใช่ไหมล่ะ แต่ก็ดีกว่าตุ๊กตาบาร์บี้ของไอ้เต๋อล่ะนะ คิดถึงเหรอ หึหึ พ่อมึงแอบมีชู้ว่ะเจค ถ้ามันมาคราวหน้ากัดหัวมันให้ขาดเลยนะ เข้าใจป่ะ”
ผมว่ามันเข้าใจนะ เพราะมันก็ส่งเสียงตอบกลับมา หึ คราวหน้ามึงเดี้ยงแน่ไอ้ห่าเมล
ครืดดดดดดดดดดดดดดด ครืดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
“ครับแม่ แปลกใจนะครับที่โทรมา คิดถึงเหรอครับคนสวย หุหุ”
(คิดถึงสิคะ แล้วเท็นเป็นไงบ้างคะลูก คุยกับป๋าคราวก่อนทะเลาะกันเหรอคะ)
ป๋าไปแสดงท่าทีอะไรให้แม่คิดแบบนั้นเนี่ย
“เปล่าครับ แค่ความเห็นไม่ตรงกันนิดหน่อย แต่ป๋าเข้าใจแล้วครับ ไม่มีอะไรหรอก”
(เท็นต้องรักป๋าให้มากๆ นะคะ ถ้าวันไหนที่แม่ไม่อยู่ เท็นกับป๋าต้องดูแลกันให้ดีๆ นะ เรามีกันอยู่แค่นี้ต้องรักกันให้มากๆ นะคะ)
“ครับ อย่าห่วงไปเลยครับแม่”
(เท็น ช่วงนี้มีเรื่องไม่สบายใจอะไรรึเปล่าคะ ได้ยินน้องฟิวว่าทะเลาะกับน้องเมลบ่อยๆ)
ไอ้ฟิวปากมากไม่เข้าเรื่อง!
“ไม่มีอะไรหรอกครับ”
(มีอะไรเท็นบอกแม่ได้ทุกเรื่องนะคะ แม่อยากเห็นเท็นมีความสุข)
“ครับ”
(ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น อาจจะมีหลายๆ สิ่งที่เปลี่ยนไป แต่เท็นอย่าลืมนะคะ อย่าลืมความภูมิใจในตัวเอง แม่อาจจะเป็นแม่ที่ไม่ดีนัก เพราะไม่เคยเข้าใจเท็นเลยสักครั้ง แต่แม่ก็รักเท็นมากนะคะ)
“แม่เป็นแม่ที่ดีที่สุดแล้วครับ ผมก็รักแม่ แม่ไม่ต้องกังวลเรื่องของผมหรอกครับ ไม่มีอะไรให้กังวลเลย ผมจัดการได้อยู่แล้ว”
ผมได้ยินเสียงสูดน้ำมูกเล็กน้อย ...แม่คงร้องไห้อีกแล้ว ...คงไม่มีผู้หญิงคนไหนที่จะร้องไห้และเจ็บปวดไปพร้อมกับผมได้เท่าผู้หญิงคนนี้
“ว้า ร้องไห้อย่างนี้ป๋าได้โทรมาบ่นผมอีกแน่เลย”
(ถ้าป๋าบ่นเท็นแม่จะจัดการให้ ดีมั้ยคะ)
“ดีครับ แม่อย่าลืมรักษาสุขภาพตัวเองนะครับ ไปตามที่หมอนัดทุกครั้งด้วย”
(ค่ะลูก แม่ต้องวางแล้วนะคะ มีอะไรไม่สบายใจโทรมาทันทีนะคะเท็น ดูแลตัวเองนะ แม่กับป๋าเป็นห่วง)
“ครับคนสวย แล้วเจอกันนะครับ ผมอาจจะบินไปหาเร็วๆ นี้”
(ค่ะ รักนะคะ)
ไอ้เจคไถหัวโตๆ ของมันกับหน้าขาผม พร้อมกับครางหงิงๆ ไม่สมขนาดตัว ผมเลยลูบหัวมันเบาๆ อีกมือก็เก็บไอโฟนใส่กระเป๋ากางเกงตามเดิม
ก่อนหน้าที่จะเจอเมล ผมเคยเป็นยังไงก็จำแทบไม่ได้แล้ว แต่มันดีแล้วเหรอที่เป็นอยู่อย่างนี้ ผมยึดติดกับมันมากไปหรือเปล่า...
“เจค อยากได้พ่อใหม่มั้ยวะ?”
“โฮ่ง!”
“หรือแม่ใหม่?”
“โฮ่งๆ”
“มึงอยากกำพร้าพ่อเหรอ?”
“โฮ่ง!”
มันฟังรู้เรื่องหรือเห่าอะไรวะ? -_-
“มึงเสี้ยมอะไรผิดๆ ให้ลูกวะเท็น”
อ้อ พ่อมันโผล่หน้ามา ถึงว่าเห่าไม่หยุดเลย
“กูบอกว่าถ้าไอ้เป๊บลอดเข้ามาให้มันแดกได้เลย”
“ดูสอนไอ้เจคแต่ละอย่าง ดีๆ ทั้งนั้น”
“แล้วมึงมาทำไม”
“มาหาเมีย”
ผมเบื่อหน้าหล่อๆ ของมันจริงๆ ยิ่งมันส่งยิ้มมาด้วยนะ ยากมากที่จะไม่ยิ้มตาม
“ใครเมียมึง”
“ไอ้ขี้งอนแถวนี้แหละ”
“ไอ้เจคเหรอ”
“ไม่ใช่ แต่ก็พันธุ์เดียวกัน ดุเหมือนกันด้วย”
“เหี้ยเมล หลอกด่ากู”
“หึหึ ยอมรับแล้วไง”
“ไม่ต้องเบียดได้มั้ยเล่า! ร้อนนะไอ้เหี้ย”
“มึงอุตส่าห์ลงทุนติดแอร์ให้หมา ยังจะบ่นร้อนอีกไง”
ผมไม่อยากต่อปากต่อคำกับมันเลยเบือนความสนใจมาที่ไอ้เจคที่กำลังแทะของเล่นอีกแล้ว คราวนี้เป็นรถบังคับที่ไอ้เต้ซื้อมาให้ (อยากถามเพื่อนกูเหมือนกันว่ามันเห็นไอ้เจคเป็นตัวอะไร -_-)
“พรุ่งนี้ไปทานข้าวเย็นบ้านกูนะ”
ประโยคบอกเล่าของเมลทำเอาผมสตั้นไปสิบวินาที เมื่อกี้มันพูดอะไรนะ?
“ไปมั้ย?”
“......”
“ไปเถอะนะ กูอยากให้พ่อกับแม่เห็นว่าแฟนกูน่ารักขนาดไหน”
“......”
“เท็นเท็นครับ”
“อือ”
เมลจับมือผมไว้ ก่อนจะก้มลงมาหอมแก้มทั้งซ้ายและขวา แถมมีไอ้เจคเห่าเป็นซาวด์ประกอบด้วย
“อะแฮ่ม! นี่ห้องไอ้เจคนะครับคุณ จะเอากันเชิญข้างบน”
ขอแช่งให้ไอ้มายด์มีชีวิตที่ดราม่าต่อไป! เข้ามาขัดซีนอารมณ์ดีนัก!
...........................................................To be continue...................................................
กลับมาแล้วค่าาาาาาาาาาาา คงต้องสารภาพว่าคงได้แค่อาทิตย์ละตอนจริงๆ มีอะไรหลายๆ อย่างที่ยังลังเลค่ะ เลยต้องขัดเกลาอยู่หลายรอบ
คิดถึงทุกคน 
ไม่ดราม่าแน่นอนค่ะ!!! เชื่อในเท็น! เชื่อในรัก เชื่อในเรา! 555 

ขอบคุณความคิดเห็นยาวๆ จากคุณ ReiSei ค่ะ ยินดีต้อนรับนักอ่านหน้าใหม่ทุกท่านเลยนะคะ และก็ขอกอดแน่นๆ สำหรับขาประจำ แหะๆ
เท็นงี่เง่ารึเปล่า? แต่บางครั้งคนเราก็จะมีช่วงที่จัดการอารมณ์ตัวเองไม่ได้นะคะ เลยนำพามาซึ่งปัญหาชีวิตคู่ ใครที่มีแฟน เคยมั้ยคะที่มีช่วงแบบนี้ ถ้าตั้งชื่อตอนได้ก็คงจะเป็นชื่อว่า ปัญหาที่ยืดเยื้อและเรื้อรัง 555 เท็นไม่เคยมีความรักมาก่อนเลยค่ะ คงจะยากสำหรับเขาหน่อยที่ต้องเจอความรู้สึกแปลกใหม่ ความหึงหวงที่มากเกินไปเหมือนเด็กหวงของสำคัญ แต่ทุกอย่างต้องเป็นไปด้วยดีค่ะ 