บทที่ 7
"ตาเพชรไม่ได้วุ่นวายกับเราตอนม๊าไม่อยู่ใช่มั้ย"ผมแบบสะดุ้งเบาๆ
"เปล่าครับ แค่แวะเข้ามาเอาของเฉยๆ ม๊าครับช่วงนี้ไมล์กลับดึกหน่อยนะครับพอดีมีซ้อมละครเวทีอะครับ"
"คณะเรามีทำละครเวทีด้วยเหรอ"
"ก็ไม่เชิงอ่ะครับแค่คณะนิเทศมาขอความช่วยเหลือเฉยๆอ่ะครับ ไว้ใกล้วันแล้วไมล์จะเอาบัตรมาให้นะครับ"
"เอาสิม๊าไม่ได้ดูละครเวทีมานานแล้ว นี่ถ้าเป็นสมัยก่อนคงไม่ได้ไปหรอกนี่ก็ดีขึ้นมาหน่อยไอลูกชายหัวเม่นนั้นเข้ามาช่วยทำงานไม่ลอยชายไปมาเหมือนแต่ก่อนม๊าจะได้สบายใจว่ามันจะไม่ทำไมล์เสียใจอีกแม่เราจะได้ไม่อาฆาตแค้นม๊า"ผมแอบหัวเราะแม่ผมกับม๊าเป็นเพื่อนสนิทกันมาตั้งแต่เด็กเพราะคุณย่าของเราก็เป็นเพื่อนสนิทกัน แต่โชคไม่เข้าข้างที่ครอบครัวผมเกิดอุบัติเหตุมีผมคนเดียวที่รอดมาได้ ม๊าเลยรับเลี้ยงผมไว้
"ม๊าก็พูดไปครับ ม๊าดีกับไมล์จะตายแม่ไม่กล้าอาฆาตม๊าหรอกครับ"
"ม๊าเกือบลืมวันนี้ตาเพชรจะเข้ามากินข้าวด้วยไมล์จะไม่อยู่ก็ได้นะม๊าอนุญาติ"
"ไม่เห็นเป็นอะไรเลยนิครับ ปกติผมก็กินข้าวกับพี่เพชรออกบ่อย"ผมมองหน้าม๊าที่ส่งสายตาล้อเลียนมาให้
"เรานี่ก็ใจอ่อนซะจริงนะ เอาเถอะม๊าเคารพการตัดสินใจของไมล์คราวนี้ก็ดูมันดีๆนะ ความรักนะไมล์ใช้หัวใจอย่างเดียวมันไปไม่รอดหรอกมันต้องใช้สมองด้วยไม่มีใครคิดแทนเราได้นอกจากตัวเราเอง"ม๊าเดินเข้ามาลูบหัวผม คำพูดของม๊าทำให้ผมคิดอะไรได้บางอย่าง และคืนนี้ผมคงต้องคุยกับพี่เพชรอย่างจริงจัง
"เรามีเรื่องต้องคุยกัน"ผมบอกพี่เพชรหลังจากที่เรากินข้าวเสร็จและม๊าขึ้นไปบนห้องแล้ว ผมเดินนำหน้าพี่เพชรไปที่สวนหลังบ้าน
"ว่าไงครับไมล์มีอะไรจะคุยกับเพชรเหรอ"
"พี่เพชรครับไมล์ว่าเรากำลังทำอะไรผิดพลาด"ผมยืนกอดอกมองหน้าพี่เพชรในแสงสลัว พี่เพชรก้าวเข้ามาชิดตัวผม
"อะไรที่พี่ทำพลาด"
"ผมจะไม่ให้อภัยพี่จนกว่าพี่จะรู้ซึ้งถึงความผิดพลาด ผมรู้ว่าเรารักกันมากแต่เพราะความผิดพลาดของเราทั้งสองคนทำให้เรื่องมันเป็นแบบนี้ผมอยากให้พี่เพชรมาเริ่มต้นใหม่กับผม เริ่มต้นที่จะเป็นคนรักไม่ใช่คู่เวรคู่กรรม"พี่เพชรหันมามองหน้าผม เขาเดินมาจับแก้มผมเบาๆ
"พี่จะทำมันให้ได้"พี่เพชรทำท่าจะเข้ามากอดผมแต่ผมเดินหนี ผมยังไม่อยากให้เราใกล้ชิดกันเกินไปเหมือนที่ผ่านมาผมใช้แต่ความรู้สึกและหัวใจเป็นตัวนำความสัมพันธ์ของเราแต่ไม่ได้ใช้สมองในการนำทางเลยและผมไม่ต้องการให้เรากลับไปเป็นเหมือนเดิม
"ไมล์จะอวยพรให้พี่เพชรทำให้ได้นะครับ"ผมเดินเข้ามาในบ้านและไม่ได้หันกลับไปมองข้างหลังอีกเพราะผมกลัวจะใจอ่อนวิ่งเข้าไปกอดเค้าซะก่อน ผมได้แต่หวังในใจไม่ให้พี่เพชรใจอ่อนไปซะก่อน
ผ่านมาเกือบเดือนครึ่ง การแสดงละครเวทีของผมก็ถูกตระเตรียมพร้อมสำหรับการแสดงในอีกสองอาทิตย์ ผมเองก็เพิ่งรู้ว่านิตยาคนที่อยู่กับพี่เพชรในห้องนั้นมาร่วมแสดงด้วยเป็นนางรอง ผมมีโอกาศได้คุยกับเธอแค่สองสามครั้ง แต่ไม่รู้ทำไมเค้าถึงต้องพูดถึงพี่เพชรตลอด
"ไมล์เดี๋ยวเที่ยงนี้ไปกินข้าวด้วยกันมั้ย เรานัดเพื่อนผู้ชายไว้คนนึงอ่ะแต่เราไม่อยากไปกับเค้าแค่สองคนมันดูไม่ดีอ่ะ"ผมขมวดคิ้ว ผมไม่เข้าใจว่าทำไมเธอถึงมาชวนผมแต่ดูท่านิตยาจะไม่ค่อยมีเพื่อนผมเลยตกลงที่จะไปเป็นเพื่อนเธอ ร้านที่เป็นสถานที่นัดหมานคือร้านที่พี่เพชรชอบพามากินร้านนี้ต้องจองก่อนนะครับเพราะรอนานมากถ้าไม่ได้จอง
"อยู่นั้นไง ไปกันเถอะไมล์เราปฏิเสธนัดเค้าหลายรอบแล้วก็เลยต้องมา"ผมแทบจะดึงมือตัวเองออกจากมือนิตยาเพราะคนที่นั่งรอเธออยู่คือพี่เพชร!
"หวัดดีค่ะพี่พชร ไมล์รู้จักพี่พชรใช่มั้ยจ้ะที่เคยเป็นอาจารย์พิเศษที่ม.เราอ่ะ"พี่เพชรรีบเงยหน้ามามองผม ผมรีบเบือนหน้าหนีจะสะบัดมือออกแล้ววิ่งหนีไปก็ไม่ได้ นิตยาดึงมือผมให้นั่งลง
"จริงด้วย ที่พี่พชรให้แหวนนิดมานิดขอคืนแล้วกันนะค่ะ"ผมหันขวับไปมองทันที ป๋าทำหน้าเหรอหราคงไม่อยากให้ผมรู้สินะ แม้น้ำตาจะเคลือบไปทั่วม่านตาแต่ผมก็ต้องทนนั่งร่วมโต๊ะต่อไป ผมทำได้ดีที่สุดก็แค่เชิดหน้าขึ้นและไม่หันไปสบตากับคนที่มองมาตลอด หลังจากอาหารมาเสริฟ์ผมก็แทบไม่แตะอะไรเลยมีแต่นิตยาที่คอยถามผมกับป๋าสลับกันผมก็แค่ถามคำตอบคำและพยามทำตัวให้เป็นปกติ
"พี่พชรค่ะ พอดีพี่สาวของนิดจะแต่งงานเดือนหน้านี้แล้ว นิดยังไม่มีคู่เลยพี่พชรไปงานเป็นเพื่อนนิดนะค่ะ"ผมกัดริมฝีปากแน่น เหมือนของที่เพิ่งกลืนลงคอกำลังจะขย้อนออกมา
"เราไปห้องน้ำก่อนนะ"ผมไม่รอฟังใครรีบวิ่งออกจากร้านมาเข้าห้องน้ำ ของที่เพิ่งกินไปเล่นงานจนผมแสบท้องไปหมด ผมได้แต่โก่งคออ้วกรู้สึกตัวอีกทีคือตอนที่มีคนมายืนซ้อนหลัง ผมหันไปมองก็พบว่าเค้าคือป๋าผมพยามจะเดินหนี
"มันไม่ใช่อย่างที่ไมล์เข้าใจนะ"ผมถูกดึงมือไว้ ผมพยักหน้าเป็นเชิงรับรู้และหันกลับมามองหน้าเค้าอย่างจริงจัง
"เป็นป๋านี่สนุกมั้ย"
"..."
"เล่นบทนี้แม่งโคตรเจ็บเลย"ผมยืนนิ่งไม่ได้ดึงมือออก ได้แต่มองนิ่งๆอยากจะรู้ว่าเรื่องของเรามันจะเป็นยังไงต่อและเมื่อรถคันหนึ่งที่วิ่งมาในระยะทางที่แสนไกลมันน้ำมันหมดหลังจากนี้เราคงต้องลงเดินแล้วต่างคนต่างไป..
"เป็นไงบ้างมึง"เดือนเดินมาคุยกับผมหลังจากที่รู้เรื่องราวทั้งหมด ผมไม่ได้ออกไปเรียนหรือเปิดประตูต้อนรับใครมาเป็นอาทิตย์แล้วทุกอย่างในตัวผมเหมือนถูกบดทุบจนไม่เหลือชิ้นดีถาดอาหารที่มีคนเอาขึ้นมาให้ทุกเช้าวางอยู่บนโต๊ะเล็กมันยังไม่มีวี่แววว่าผมจะแตะต้องมัน ผมได้แต่คิดตั้งคำถามว่าสิ่งที่เกิดขึ้นมันเริ่มมาจาอะไร เริ่มจากความเจ้าชู้ของป๋า เริ่มจากผู้หญิงพวกนั้นหรือเริ่มจากผมที่ยอมเล่นกับไฟ
"ไม่ไปเรียน ไม่กินข้าวแบบนี้กูเป็นห่วงนะ"ผมหันมามองเดือนแล้วถอนหายใจเบาๆ
"กูไม่เป็นไร"
"ภายนอกมึงอะไม่เป็นอะไรแต่ข้างในมึงทำไมกูจะไม่รู้ พอเถอะมึงถ้ามันไม่ไหวจริงๆก็หยุดเถอะมึงอย่าเอาชีวิตมาผูกติดกับผู้ชายคนนี้เลยนะ"
"กูจะไปอเมริกา ข้อตกลงของเราเป็นแบบนี้ทุกอย่างต้องเป็นไปตามข้อตกลง"
"แล้วมึงจะไปเมื่อไหร่"
"สอบเสร็จ ละครเวทีเสร็จกูก็จะไปม๊าเตรียมที่เรียนให้กูแล้ว"ผมโผเข้ากอดเดือนเพราะกลัวว่าผมอาจจะไม่ได้กอดเดือนอีกผมไม่ปยากปล่อยอะไรให้มันสายเกินไปอีกแล้ว
บรรยากาศวันแสดงวันแรกครึ้กครื้นมากคนออกันเต็มหน้าหอประชุมของมหาลัย หลังเวทีก็วุ่นวายกันใหญ่ผมไม่ได้คุยกับนิดเลยตั้งแต่วันนั้นและผมก็ไม่อยากคุยด้วยเราเจอกันก็แค่วันที่มีซ้อมและพักนี้ผมก็เจอป๋าบ่อยมากจนเป็นที่ชินตากับผู้ชายอดีตอาจารย์พิเศษจะมายืนรอผมที่หน้าคณะและโรงละครเพราะผมไม่ยอมเจอหน้าป๋าและม๊าเองก็คงไม่ยอมถึงได้ให้คนมารับผมกลับจากมหาลัยทุกวันเพื่อป๋าจะได้ไม่มีข้ออ้างในการพาผมไปไหนมาไหน
"ไมล์ป๋ามาหา จะไปมั้ยมึง"เดือนเข้ามาหาผมในห้องแต่งตัว ผมนิ่งคิดและก็เริ่มรู้สึกแล้วว่าการที่พบหลบหน้าไปอย่างนี้โดยที่ปล่อยให้ทุกอย่างคลุมเครือแบบนี้รังแต่จะทำให้อะไรๆมันแย่ลง ผมเดินออกไปข้างนอกก็เจอป๋ายืนถือดอกไม้ช่อใหญ่อยู่ ทันทีที่เห็นผมป๋าก็เดินยิ้มกว้างเข้ามาหา
"วันนี้ทำให้เต็มที่นะเพชรรอดูไมล์อยู่"ผมรับช่อดอกไม้มาอุ้มไว้
"ขอบคุณนะ"
"เพชรอยากดูไมล์ชัดๆเลยขอให้เด็กๆจองบัตรแถวหน้าไว้ให้ โชคดีมากเลยที่ได้มาสองใบ"
"แล้วม๊าอ่ะ"
"ยังไม่มา เพชรอยากมาเจอไมล์ก่อนดูสิแต่งขึ้นมาหล่อกว่าเดิมอีก"ผมยิ้มบางๆตอนที่ป๋าจับผมหมุนไปมา แต่ผมจับมือป๋าไว้ให้หยุด
"ป๋า..ไมล์ว่าพอเถอะเราทั้งคู่แพ้แล้วละเกมส์นี้ไม่มีใครชนะเลยสักคน พอเถอะนะเราพยามกันมากพอแล้ว"ผมจับมือป๋าที่บีบไหล่ผมไว้ ป๋าค่อยๆคลายมือออกเขาก้มหน้านิ่งพักใหญ่จนมีคนมาเรียกผมให้เตรียมตัว เขาถึงได้เงยหน้าขึ้นมา
"ทำให้เต็มที่นะ"ผมมองหน้าป๋าที่พยามฝืนยิ้มให้ผม
"อื้ม"ผมตอบรับเบาๆในลำคอแล้วหันหลังเดินออกมาและไม่ได้หันไปมอง
ตลอดการแสดงที่นั่งข้างๆม๊าที่ควรเป็นของป๋านั้นว่างตลอดการแสดง เขาไม่ได้อยู่ดูผม
"น้องไมล์ถอดชุดแล้วกลับบ้านได้เลยนะ"สต๊าฟรุ่นพี่เดินมาบอกผมระหว่างที่เดินเข้ามาในห้องแต่งตัว ทันทีเปิดออกผมก็เจอกับช่อดอกไม้ของป๋าที่ผมเป็นคนวางไว้กับกล่องกำมะหยีสีเข้มที่ผมไม่ได้รับมันมาแต่แรกวางไว้ข้างกัน ผมจัดการเปลี่ยนเสื้อผ้ากำลังจะหยิบกล่องนั้นมาเปิดดูแต่อะไรบางอย่างก็บอกให้ผมหยุด ผมวางกล่องลงที่เดิมทั้งที่ยังไม่เปิดดูผมเปลี่ยนไปหยิบกระเป๋าแล้วรีบออกมาจากห้องเพราะผมไม่อยากจะเห็นของมีค่าที่ป๋าให้อีกแล้ว
"วันนี้ไมล์เก่งมาเลยม๊าสนุกมากเลยนะ"ม๊าชมผมใหญ่ระหว่างทางที่กลับบ้าน จนเหมือนม๊านึกอะไรออกจึงยื่นเอกสารมาให้ผมดู
"ตั๋วเครื่องบินม๊ากำหนดวันเดินทางให้แล้วนะ ตัดสินใจดีแล้วนะ"ม๊าหันมาถามผม
"ครับ"ผมเปิดซองใส่ตั๋วดู แล้วเปิดดูวันเดินทาง
อีกสองอาทิตย์..