ตอนที่33 ฉันรู้ความรักยากอธิบาย แต่ความรักจริงมั่นคงมิหน่าย...ไม่แปรผันจากเธอ
(ในทีสุดก็ได้ใช้ชื่อนี้
![:m4:](https://thaiboyslove.com/webboard/Smileys/Smilies/index3.gif)
)
http://www.youtube.com/v/qLq8xziiAAc เช้าวันใหม่แสนสดใสเหมาะแก่การเดินชมหาดเสียเหลือเกิน บรรยากาศดี สถานที่โอ จะติดก็อย่างเดียว ก็คือ...กูระบมจนเดินไปไหนไกลไม่ได้
ส่วนคนที่นอนข้างๆก็หายไปไหนไม่รู้ เหมือนตอนนี้จะจำอะไรได้ขึ้นมาบ้าง แต่ก็ไม่เยอะเท่าไหร่ อาบน้ำแปรงฟันเปลี่ยนชุดเรียบร้อยก็ออกมานั่งรับลมที่ระเบียง มองแสงแดดสีอ่อนที่กระทบเกลียวคลื่น ไม่รู้นั่งเพลินนานเท่าไหร่ เพราะมารู้ตัวอีกทีก็ตอนที่ร่างทั้งร่างถูกบางคนรวบไปกอดจากด้านหลัง
“ออกมาทำไม เดี๋ยวก็ไม่สบาย”พูดจบก็หอมแก้มผมอีก
“ทำบ้าไรเนี่ยเฮีย เกิดใครขับรถผ่านมาเห็นแล้วตกใจหักรถแหกโค้งชนต้นมะพร้าวตายจะทำไง”ผมพยายามดีดตัวออก แต่อีกคนกลับยิ่งรัดแน่น “ชาติที่แล้วเป็นงูรึไง ปล่อยได้แล้ว อึดอัด”
“ทีเมื่อคืนกูกอดทั้งคืนยังไม่เห็นบ่น”พูดแล้วก็หอมผมอีกที
“เมื่อคืนก็ส่วนเมื่อคืนดิ”ผมบ่น แต่ก็ไม่ได้ขัดขืนอะไรอีก
“กูรักมึง”ถ้อยคำถ่อยเถื่อน แต่กลับวาบหวานไปถึงขั้วหัวใจ
“อืม”ผมวางฝ่ามือลงบนท่อนแขนอีกคน
“มึงล่ะ”
“บลูว่ามันเป็นเรื่องแปลกนะที่จะตกหลุมรักใครคนเดียวหลายๆครั้ง...”ใบหน้าของคนที่กอดผมไว้ซบลงบนบ่า “แต่มันก็เป็นไปแล้ว...บลูรักเฮียปั้น”ถ้อยคำธรรมดา แต่มันเหมือนโลกสว่างไสว
การผิดหวังจากรักแรก อาจทำให้หลายคนกลัว ถามว่าผมกลัวไหม? ผมว่าผมกลัวนะ แต่ความสัมพันธ์ของผมกับเฮียปั้นมันไม่ได้เริ่มต้นด้วยความรักตั้งแต่แรกแล้ว ความรักน่ะมันมาก่อตัวทีหลัง
ถ้าวันนี้เฮียถามผมว่ารักเฮียที่ตรงไหน ผมเองก็ตอบไม่ได้ เพราะมารู้ตัวอีกที คือรักไปแล้ว หลายคนอาจคิดว่าผมมึน ซึ่งผมก็ยอมรับว่าผมมึน แต่เป็นคุณ คุณจะรู้หรอว่าเริ่มรักตอนไหน ตอนไหนที่ทำใจรักได้เต็มอกโดยไม่คำนึงถึงสังคม ตอนไหนที่คุณรู้สึกพร้อมจะเผชิญทุกสิ่งโดยไม่เสียใจทีหลัง ตอนไหนที่ขอแค่ให้กุมมือกันไว้แค่นี้ก็พอ...ผมไม่รู้หรอกตอนไหน
รู้แค่ตอนนี้...ผมพร้อมแล้วสำหรับทุกอย่างที่พูดมา
“อืม...”เสียงครางตอบรับแผ่วเบากับคำรักของผม
ท่อนแขนแกร่งรัดผมแน่น...แต่กลับไม่อึดอัด
“อย่าปล่อยมือจากบลูไปง่ายๆนะ”
“คราวนี้ถึงตายก็ไม่ยอมปล่อย...”ผมหลับตาทิ้งตัวพึงคนที่กอดผมไว้...แค่นี้แหละที่อยากได้ยิน
จากนั้นเป็นไงไม่อยากจะบอก เล่ามาจนจะจบเรื่องล่ะ ปล่อยให้คิดเองกันบ้าง ถือว่าเสริมสร้างจินตนาการเว่ย...
.
.
.
สองอาทิตย์หลังจากทริปทะเลสวาทหาดสยิว ผมว่าผมจำอะไรได้จนคิดว่าน่าจะครบแล้วนะ หลายคนอาจอยากให้ผมความจำเสื่อมเรื่อยๆเพราะดูหัวอ่อนน่ารักดี แต่ขอท๊อด ไอ้บลูคนกร้านโลก(?)กลับมาแล้วว่ะ และมันก็ดีใจที่มันจำได้สักที...จะได้หลุดออกจากสภาพโง่ๆที่โดนไอ้เฮียผัวเลว หลอกฟันแม่งเกือบทุกวี่ทุกวัน
งดหนึ่งเดือนละกันนะเฮีย กูเชื่อว่าช่วงเกือบเดือนที่กูจำเชี่ยอะไรไม่ได้น่ะ มึงคุ้มแล้ว
“อาม่าจ๊อมีไก๊(อาม่าทำอะไร)”หม่าม๊าผมถามอาม่าที่กำลังสาละวนในการจัดส้ม
“ขันหมากซิงนึ้งซิงเนี้ยอาตั้วตี๋นา(ม่าจัดขันหมากงานแต่งตั้วตี๋น่ะ)”อาม่าหันมาบอก ก่อนจะจัดส้มเช้งที่มีอักษรสีแดงประทับอยู่
ไม่ต้องควักลูกกระตาออกมาล้างกันนะครับ อ่านไม่ผิดหรอกขันหมาก ฮึๆๆๆ ไม่ใช่ว่าที่บ้านผมจะยกขั้นหมากไปสู่ขอไอ้เฮียแต่อย่างใด แต่ป๊าพอใจให้เราหมั้นแบบจีน ดังนั้นก็แบบจีนไปนี่แหละ ถึงจะดูยุ่งยาก แต่ผมว่าอาม่าก็ดูมีความสุขนะ...สุขกว่าเจ้าของงานแบบผมอีก
ขอเท้าความหน่อยล่ะกัน จากการตกลงของผู้ใหญ่สรุปว่าป๊าผมยังไม่ยอมให้แต่ง แต่จะให้หมั้นไว้ก่อน โดยป๊าให้เหตุผลว่าทั้งผมและเฮียปั้นเองก็ยังเด็ก อนาคตอีกไกล ถ้าแต่งกันไปแล้วหมดรักกันขึ้นมามันจะยุ่ง ดังนั้นหมั้นไว้ก่อนเรียนจบถ้าทั้งคู่ยังไม่เปลี่ยนแปลงความรู้สึกก็ค่อยมาไหว้ฟ้าดินบรรพบุรุษกัน
ส่วนม๊าผมนางก็มาแอบนินทาลับหลังว่าป๊าหวงลูกไม่เข้าเรื่อง ให้เหตุผลข้างๆคูๆ ไม่ได้จดทะเบียนสมรสสักหน่อยมันจะยากตรงไหน อีกอย่างเด็กมันได้กันไปถึงไหนต่อไหนแล้วยังจะมาแอ๊บแบ๊วหัวโบราณ...ม๊า นี่ลูกชายม๊าจะไปเป็นเมียชาวบ้านนะ ช่วยตกใจ หรือรับไม่ได้หน้อยเห้อ
“เขียนว่าไรอ่ะม๊า”ผมถามม๊า เพราะไม่อยากรบกวนสมาธิอาม่า
“ซังฮี้ แปลว่าคู่มงคล”ม๊าอธิบายผมเสร็จก็ไปช่วยอาม่าจัดขันหมาก
ผมนั่งดูอาม่ากับม่าม๊าได้สักพัก บีบีในกระเป๋าก็สั่นรัว ผมดูหน้าจอแล้วก็ต้องเผลอยิ้มออกมา
…I’Hear…
“ว่าไงเฮีย”ผมกรอกเสียงลงไป
/”กูได้ชุดมาล่ะ...”/แล้วไงวะ /”ของกูเป็นชุดจีนสีแดง”/รายงานกูเพื่อใคร หรือตื่นเต้นไม่เคยเห็น
“เฮียอย่าพิรี้พิไร ...มีไร”
/”แล้วมึงต้องใส่กี่เพ้าปะวะ”/ไอ้สาดดด อ้วกแทบพุ่ง
“จะบ้าเรอะ!!! กูไม่ใช่ตุ๊ด”ผมแหวเสียงสูงจนอ่าม่าและม่าม๊าหรี่ตามอง
/”อ้าว แล้วจะให้ใส่ชุดเหมือนกันงี้หรอ”/
“เออว่ะ”
/”ใส่กี่เพ้าแน่มึง...แต่ก็ดีนะเวลาเข้าหอได้ไม่ต้องเสียเวลาถอด ถกขึ้นได้เลย หึๆ”/ยังมีเสียงหัวเราะชวนเสียจริตตบท้ายอีกนะ
“แค่พิธียกน้ำชาโว้ย ไม่มีเข้าหอ แล้วถกขึ้นได้เลยนี่อีก อยากจะแงะสมองออกมาดู มันมีแต่เรื่องแบบนี้รึไงห๊ะ!!”ผมแหกปากโวยวายทั้งที่หน้าร้อนผ่าว
/”ไม่มีหรอ...อย่างนี้มึงก็เสียดายแย่เลยดิ”/
“ใครเสียดาย เฮียมากกว่ามั้ง”
/”เออ”/ง่ายๆสั้นๆ แต่หน้ากูเกือบระเบิด
“ปฏิเสธบ้างก็ได้เฮีย”/ผมบอกเสียงแผ่ว
/”ก็มันเรื่องจริง ทำไมต้องปฏิเสธ... ถ้าใครถามว่ากูรักมึงไหม กูต้องปฏิเสธด้วยไหม”/เดี๋ยวนี้หัดประชดประชัน
“เอาเป็นว่าบลูผิดเองล่ะกัน แค่นี้นะเฮีย ขี้เกียจเถียง”ผมกับมันจะไปกันรอดปะวะ หม้อข้าวไปทันดำกูก็ทะเลาะกันแล้ว
/”กูรักมึง”/แค่สามคำ อารมณ์ขุ่นข้องหมองใสก็เหมือนจะมลายหายไปแทบจะทันที
“อื๊อ”เอามือที่ว่างทาบหน้าก็รู้สึกร้อนผ่าว
/”อื๊อเหี้ยไร พูดให้ชัดๆดิ”/
“บลูก็รักเฮีย”ป้องปากกระซิบแผ่วๆ
/”อะไรนะ ไม่ได้ยิน”/มาหูตึงเชี่ยอะไรตอนนี้
“บลูก็รักเฮีย”ดังขึ้นอีกนิด
/”ไม่ได้ยิน”/
“กวนส้นตีนอีกนิด จะไม่พูดด้วยแล้วนะ”ขู่แม่งเลย กูไม่ใช่นางเอกโง่ๆที่จะยอมมึงทุกอย่างนะ
/”ทำเป็นงอน รักนะจ้วบๆ ฮ่าๆๆ”/
“เล่นเหี้ยไรเนี่ยเฮียขนลุก”ผมเอามือกุมแก้มตัวเอง รู้สึกเหมือนแก้มแม่งจะแตก “จะวางแล้ว”
/”จ้วบๆๆๆๆๆๆๆ”/
“กวนตีน!!”ผมกรอกเสียงลงไป ก่อนจะกดวางสาย แล้วเอามือทั้งสองข้างกุมที่ที่ข้างแก้ม
เอาบีบีวางไว้บนโต๊ะก็หันไปมองสองผู้อาวุโสที่มองผมตาแป๋ว อาม่าครับม่าม๊าครับ อย่ามองบลูด้วยสายตาอย่างงั้นสิครับ...อาย
ติ้ง!!
บีบีที่วางบนโต๊ะไม้ส่งเสียงเตือนว่ามีความเคลื่อนไหวในเฟซบุ๊ค
กดเข้าเช็คที่หน้าวอลผมก็แทบช็อค เมื่อเห็นไอ้เฮียไอ้คนจังไรมันขึ้นสถานะแล้วแท็กผมว่า ‘ดีใจจัง เมียจะใส่กี่เพ้าโชว์ขาอ่อน’ กูบอกมึงแบบงั้นหรอไอ้สาดดดด
ผมกดรีเฟรชอีกครั้งก็เห็นคนมาตอบเต็มไปหมดไม่ว่าจะ
‘ผ่าสูงยันเอวเลยปะไอ้บลู’จากไอ้เชี่ยแว่น
‘ใส่สีแดงนะ’ไปใส่ให้ผัวมึงดูล่ะกันนะอิเตี้ย
และอีกสารพัดสาระเพจากเพื่อนเฮียและเพื่อนในคณะผม ผมไม่ตอบอะไรเพียงแค่ทักแชทเฟซไอ้เฮียไปว่า...โกรธ
ผมปิดเตือนแชทเฟซทันทีเมื่อส่งไปถึง ไม่นานโทรศัพท์ผมก็สั่นอีกรอบ คราวนี้ผมปิดเครื่องหนีเลย มีโทรมาเบอร์บ้าน ผมรับแต่ก็ไม่พูดอะไร จนสุดท้ายไอ้คนปากดีหาญกล้ามาท้าทายอำนาจมืดก็ต้องมีอันหอบสังขารร่างมาหาผมที่บ้าน จริงๆผมก็ไม่ได้โกรธอะไรหรอก แต่อยากให้มันรู้ว่าผมไม่ใช่นางเอกโง่ๆที่จะยอมมันทุกอย่าง
ทุกอย่างมันเปลี่ยนไปแล้วเว่ย
.
.
.
กำหนดงานนั้นตรงกับวันอาทิตย์สีแดง ซึ่งในคืนวันเสาร์ผมโดนจับอาบน้ำใบทับทับทิมกับใบเซี่ยงเชาจนเหม็นเขียวไปทั้งตัว(ไม่รู้ตอนนี้หายยัง) แขกที่มาร่วมงานนั้นมีไม่เยอะมาก มีญาติผู้ใหญ่ทั้งสองฝั่ง มีเพื่อนเฮียปั้นประมาณสิบกว่าคน และมีเพื่อนผมประมาณครึ่งชั้นปี(ห่า ไหนว่าไม่เยอะ) ไม่รู้แม่งรู้มาจากใคร แต่ก็ซึ้งน้ำใจทุกคนก็แล้วกัน งานมงคล ขี้เกียจด่า...มาถึงก็แดกล้างแดกผลาญกันเลย
เรื่องชุดเสียใจกับทุกคนด้วยนะ(แต่ดีใจกับตัวเอง) ไม่ใช่กี่เพ้าเว่ย... แต่เป็นถังจวงผ้าแพรสีแดงเหมือนกันนี่แหละ แต่ปักคนละลาย ผมลายหงส์สีทอง ส่วนไอ้เฮียลายมังกรสีทอง ตอนเช้าผมกับเฮียปั้นออกมาไหว้ศาลพระภูมิกับเจ้าที่ก่อนที่ผมจะกลับเข้าไปแต่งตัวเซ็ตผมต่อ
แต่งตัวเสร็จผมก็มายืนมองขันหมากฝ่ายตัวเองในห้องทานข้าว มีส้มเช้งที่เขียนด้วยอักษรแดงอยู่สองถาด ถาดละ44ลูก รวมสองถาดและเป็น88 ถือว่าเป็นเลขมงคลของแต๊จิ๋ว มีเอี้ยมแดงปักลายหงส์ร่อนมังกรรำที่อาม่ากับม่าหม้าไปหาซื้อมาเสียครึ่งค่อยวัน มันสวยจริงๆ บนเอี้ยมปักด้ายทองนั้นมีปิ่นปักผมสีทองวางอยู่ อันนี้สมนาคุณจากร้านอี้เหมยที่ลดราคาให้พิเศษ
ในถาดสองถาดมีกล้วยวางอยู่หนึ่งเครือ หวีไม้สีดำมีลายกิ่งทับทิมสีทองวางอยู่ในถาดปูผ้าสีแดงสลักคำว่าซังฮี้ ขนมอี้อยู่ในถ้วยสองถ้วยเตรียมพร้อมสำหรับงานมงคล มองขันหมากมากมายฝ่ายตัวเองอีกครั้งผมก็ได้แต่ฉีกยิ้มกว้าง วางกิ่งอั้งฮวยไว้ทุกถาด อั้งฮวยหรือกิ่งทับทิมมีความหมายว่าบริสุทธิ์ครับ ซึ่งถึงผมจะไม่บริสุทธิ์แล้ว แต่ก็อยากจะเสียบไว้หลอกคนอื่นที่น่าจะยังไม่รู้เรื่องว่าผมโดนไอ้เฮียเคลมไปนานแล้ว...ซึ่งจะมีไหมวะ
ผมไม่รู้พิธีด้านนอกไปถึงไหนแล้ว มารู้ตัวอีกทีก็ตอนที่ไอ้เอมกับเจ้บลูมเข้ามาตามในห้องทานอาหาร ผมเดินออกไปที่ห้องรับแขก นำหน้าพวกเพื่อนๆญาติๆที่มาช่วยถือขันหมาก รู้สึกประหม่ายังไงไม่รู้ เจ้บลูมดันหลังผมเบาๆ ก่อนดันให้เข้าไปนั่งข้างๆเฮียปั้นที่นั่งอยู่บนพื้น
เมื่อซินแสบอกเวลาถึงฤกษ์ เฮียปั้นก็สวมแหวนให้ผม ก่อนที่ผมจะสวมให้เฮียปั้น แหวนของเราสองคนนั้นเป็นแหวนทองคำขาวใต้แหวนเฮียสลักชื่อผม ใต้แหวนผมสลักชื่อเฮีย ราวกับให้แหวนเป็นตัวแทนว่าเราจะอยู่ด้วยกันเสมอตราบใดที่เรายังสวมมันอยู่
หลังจากสวมแหวนเสร็จทางฝ่ายเฮียปั้นก็ต้องออกไปตั้งขบวนขันหมากก่อนจะยกขันหมากเข้ามา คุณแม่คุณพ่อ(ที่ผมเพิ่งเห็น)ของเฮียปั้นกับอาม่าอากง(ที่เลิกหนีออกจากบ้านชั่วคราว)แล้วก็ป๊าม๊านับสินสอดแลกสินสอดเสร็จ ก็แลกสินสอดกัน โดนทุกอย่างที่เตรียมไว้สองถาดนั้น จะให้อีกฝ่ายนั้นหนึ่งถาดแล้วเก็บไว้เองหนึ่งถาด
ต่อจากนั้นก็เป็นการไหว้ฟ้าดิน บรรพบุรุษ และตี่จู้ในบ้าน จนเมื่อมาถึงพิธีที่ผมรอคอย...พิธียกน้ำชา ตอนแรกผมนึกว่าต้องยกตอนงานแต่งซะอีก แต่ม๊าบอกไม่เป็นไรหาตังค์ ซึ่งผมก็เชื่อว่ะ(เพราะได้ตังค์) ไอ้บลิสส์ผู้ซักซ้อมการชงชารินชามาหลายวัน รินน้ำชาใส่ถ้วยแดงลายหงส์กับมังกรสีทอง ก่อนจะวางทั้งสองถ้วยไว้บนถาดแล้วเลื่อนมาที่ผม
ผมกับเฮียปั้นยกถาดขึ้นก่อนจะยกให้อาม่ากับอากงที่อาวุโสที่สุด อาม่าอากงลูบหัวผมกับเฮียปั้นเบาๆอย่างเอ็นดูก่อนจะวางซองแดงไว้บนถาดน้ำชา ผมยกถาดกลับ ส่องผ้าขนหนูให้อาม่าอากง ส่วนถาดกับถ้วยชาก็ส่งให้ไอ้บลิสส์ผู้ชำนานการ ในขณะที่รอไอ้บลิสส์พิรี้พิไรรินชา ผมก็หันมาเก็บซองแดงที่ได้ไว้บนผ้าแดงที่เตรียมมาเอง...กะว่างานนี้ต้องได้เยอะอ่ะ
ผู้ใหญ่ฝ่ายผมมีสิบคู่ ส่วนผู้ใหญ่ฝ่ายเฮียปั้นนั้นมีหกคู่ ผมกับเฮียปั้นสลับไว้ผู้ใหญ่แต่ละฝ่ายจนครบ ก็มาถึงขั้นตอนต่อไปคือกินขนมอี้ หรือก็คือบัวลอยจีนนี่แหละครับ ผมกับเฮียปั้นต่างคนต่างกิน ไม่มีป้อนกันให้หวานเลี่ยนเหมือนพิธีทางประเทศอื่นแต่อย่างใด
เมื่อเสร็จพิธีต่างๆแล้วก็ถึงเวลาที่ผู้ร่วมงานกว่าค่อนคณะรอคอย...งานเลี้ยงนั่นเอง
ก็เลี้ยงโต๊ะจีนแบบธรรมดาแหละครับ แต่จะไม่ธรรมดาก็ตรงอาหารที่มาเสิร์ฟมาจากภัตตาคารของที่บ้านผมเอง อาหารที่เสิร์ฟก็เป็นพวกอาหารเหลาครับเปรมพวกมันที่แห่กันมาค่อนคณะเชียวแหละ
ฝ่ายเฮียปั้นนั้นขนของกลับกันตั้งแต่เย็นๆแล้ว ผมก็เดินหยิบนู้นหยิบนี่กินเล่น จนเมื่อถึงช่วงค่ำ พอซินแซบอกได้ฤกษ์รับตัว ผมก็เริ่มใจไม่ดี ไหนบอกแค่หมั้น ทำไมต้องมีรับตัวด้วย แต่จะสงสัยโวยวายอะไรก็คงไม่ทันแล้ว ในเมื่อตอนนี้ม่าม๊าทัดกิ่งทับทิมไว้ที่หูผม แล้วกลัดปิ่นไว้ที่กระดุมเสื้อเสียเรียบร้อย
“อาตั้วตี๋ เป็นเด็กดีน๊า หนักนิดเบาหน่อยก็ให้อภัย อย่าเอาแต่ใจเหมือนอยู่ที่บ้านนะ ม๊ารักตั้วตี๋นะ แล้วม๊าก็ขอบใจนะที่ตั้วตี๋ทำให้ความฝันม๊าเป็นจริง...ม๊าอยากเป็นแม่เจ้าสาวสักครั้ง”ตอนแรกเหมือนจะซึ้งแต่จบประโยคนี่กูแทบกรี๊ด
“ถึงเวลาแล้ว เจ้าบลูขึ้นรถ”ป๊าจูงมือผมเดินมาที่รถเมอซิเดสเบนส์สีบลอนด์เงินของป๊า ก่อนจะพรมน้ำที่มีใบทับทิมลอยอืดอยู่ใส่หน้าผม
“โซ้ยตี๋อย่าให้ตะเกียงดับนะ”ม๊าสั่งไอ้บลิสส์ที่ในมือมีตะเกียงแอลกอฮอล์อยู่...มึงขโมยมาจากที่โรงเรียนใช่ไหม
“ครับม๊า”
“เปลี่ยนตะเกียงไหม มันไกลอยู่นะ”อี้เหมยเข้ามาบอกม๊าผม
“เจ้ไม่มีเลย ที่เตรียมไว้มันเสียกะทันหัน”ม๊าผมหันมาบอกน้องสาวตัวเอง
“ในรถเหมยมีตะเกียงใส่ถ่านอยู่ เดี๋ยวให้ชมพูไปเอาให้”อาอี้บอกม๊าผมก่อนจะหันไปบอกเด็กหญิงตัวน้อยในชุดกี่เพ้าสีชมพู “ชมพู ไปเปิดรถเอาตะเกียงมาให้เฮียบลิสส์หน่อยนะคะ”ชมพูพยักหน้ารับก่อนจะวิ่งไปที่รถ เพียงไม่นานชมพูก็กลับมาพร้อมกับตะเกียงสีชมพูอันน้อยที่มีสติ๊กเกอร์เจ้าหญิงดิสนี่ย์แปะอยู่...กูจะบ้า
นี่ผมต้องถูกส่งตัวด้วยตะเกียงเจ้าหญิงหรอว๊า!!
“ขอบคุณครับ”ไอ้บลิสส์รับตะเกียงมาก่อนจะก้มลงหอมแก้มยุ้ยๆของสาวน้อยที่สูงยังไม่พ้นเอวผม
“ไปได้แล้วๆ”ม๊าบอก ก่อนจะยัดถังไม้พื้นแดงขอบดำลายหงส์มังกรใส่มือผม ในถังนั้นมีหวีสี่อัน มีเอี้ยม แล้วก็บรรดาเครื่องประทินโฉมของผมทั้งหลายแหล่
เมื่อขึ้นรถแล้วนั่งมาได้สักพัก ผมก็รู้สึกว่าทุกคนนั้นเตรียมตัวมาเป็นอย่างดี คิดดูดิ ขนาดหน้ารถยังติดซังฮี้กับกิ่งทับทิม ผมมองตะเกียงในมือไอ้บลิสส์ก่อนจะถอนหายใจด้วยความเหนื่อยใจ
ถึงบ้านเฮียปั้น ทางนั้นเขาก็เตรียมให้ผมไว้เจ้าที่กับศาลพระภูมิ ก่อนจะไหว้บรรพบุรุษ ส่วนตี่จู้นั้นไม่ต้องไหว้เพราะที่บ้านเฮียไม่มี ไอ้บลิสส์เดินนำเข้าไปในห้องเฮียปั้นที่จัดเตรียมเอาไว้ซะสีแดงแรงฤทธิ์ มันวางตะเกียงเดอะปริ้นเซสเอาไว้ที่หัวเตียงเสร็จ ก่อนเข้ามากอดผมอีกครั้ง ก่อนจะรับซองแดงจากเฮียปั้นแล้วมันก็ออกไป
ประตูปิดลงโดยไม่มีคำอวยพรใดๆเหมือนพิธีไทย ผมมองหน้าไอ้เฮียด้วยความมึนงง...แล้วที่กูสั่งงดหนึ่งเดือนมันจะมีความหมายอะไร!!!
“เอาน่า เขาหอวันนี้หรือวันหน้ามันก็ต้องเข้าอยู่ดี”ไม่เหมือนโว้ยยยย
ไม่ทันที่ผมจะสะดีดสะดิ้งโวยวายอะไร ร่างทั้งร่างของผมก็โดนช้อนขึ้นก่อนจะว่างลงบนเตียง เฮียปั้นเคลื่อนตัวทาบทับ ริมฝีปากบางสีสวยจรดจุมพิตลงบนหน้าผากผม ก่อนจะค่อยๆพรมลงมาตามแนวสันจมูก จมูกโด่งคลอเคลียร์ข้างแก้มผมเบาๆ
“มีความสุขไหม”ผมพยักหน้าตอบ
“เฮียล่ะ มีความสุขไหม”
“ที่สุด”
ริมฝีปากสวยกดลงแนบสนิท ปลายลิ้นชื้นสอดเข้ามาในโพรงปากโดยความยินยอมของผม อาภรณ์บนเรือนร่างของเราทั้งคู่เริ่มหลุดออกไปทีล่ะชิ้นสองชิ้นจนตอนนี้ร่างกายที่โหยหากันและกันนั้นเปลือยเปล่า
บทรักนุ่มละมุนโอบอุ้มร่างกายของเราไว้ท่ามกลางเมฆหมอกแห่งรัก ผมรู้สึกความสุขมันมากเกินจนจะทะลักออกมา แรงกระทำกระชั้นถี่ทำเอาผมแทบหลุดลอย ผมไปถึงฝั่งฝันก่อนที่ผมจะสัมผัสถึงความอุ่นวาบในช่องท้อง แล้วเฮียปั้นก็ถอนตัวออกไป แล้วอุ้มผมเข้าไปล้างเนื้อล้างตัวในห้องน้ำ
เฮียปั้นหวีผมเช็ดตัวใส่เสื้อผ้าให้ผมเรียบร้อย ก็อุ้มผมมานอนบนเตียง อ้อมแขนแกร่งรวบตัวผมเข้ามากอด คำว่าเราเป็นของกันและกันผุดเข้ามาในหัว...ใช่แล้วล่ะ
เฮียปั้นเป็นของผม ผมก็เป็นของเฮียปั้น...ตอนนี้เราเป็นของกันและกันทั้งตัวและใจ
คืนนั้นผมฝันถึงเรื่องราวที่ผ่านมา ตั้งแต่วันแรกที่เจอกันในชมรม วันที่โดนเฮียแกล้ง วันที่ผมอ่อนเฮียเพื่อล้างแค้น วันที่ผมเจอเฮียนั่นรอผมที่หน้าห้อง วันที่เราจูบกัน ครั้งแรกที่แสนสับสนของผม วันที่เฮียร้องเพลง วันที่ผมนอกใจ วันที้เฮียทิ้งผมไป แต่วันไหนๆมันก็คงไม่สำคัญเท่าวันนี้...
วันที่เรามีกันและกัน
จบ.
囍(ซังฮี้)
เชื่อไหมว่าตอนที่แต่งยังไม่สร่างเมา
![เมา :really2:](https://thaiboyslove.com/webboard/Smileys/Smilies/really2.gif)
(คนอ่าน:เชื่อ)
ยายทวดรหัสขา คราวหน้าไม่เอาแสงโสมแล้วนะคะ แสบคอบรรลัยค่ะ
![อ้วก :oak:](https://thaiboyslove.com/webboard/Smileys/Smilies/oak.gif)
จบแล้วนะคะทุกคน(ตอนทอล์ค หายเมาแล้วนะเฮ้ย)
![Embarrassed :-[](https://thaiboyslove.com/webboard/Smileys/Smilies/embarrassed.gif)
ขอขอบคุณทุกกำลังใจนะคะ ถ้าไม่มีกำลังใจของทุกคน ก็คงมาถึงวันนี้ไม่ได้นะคะ
ตอนหน้าจะเป็นบทส่งท้ายของเฮียปั้นนะคะ แล้วก็จะถือว่าจบคู่หลักอย่างสมบูรณ์
![:m13:](https://thaiboyslove.com/webboard/Smileys/Smilies/kapook-16512-1366.gif)
ส่วนเรื่องตอนพิเศษของคู่อื่นค่อยมาคุยกันทีหลังละกันเนอะ
![:m1:](https://thaiboyslove.com/webboard/Smileys/Smilies/index.gif)