สนามรัก..นักบอล
Part 36 “แม่ขอตัวก่อนนะดิ่ง เหลือไม่ถึงสิบนาทีได้เวลาเข้างานบ่ายแล้วจ๊ะ” ญาดาบอกกับลูกชายและคนรักหน้าหล่อ โยโย่มาร่วมโต๊ะสั่งอาหารทานพร้อมแจ้งให้เธอทราบ
เกี่ยวกับคุณย่าว่าทุกอย่างลงเอยด้วยดี
คุณย่าติดธุระ ฝากเชิญเธอกับลูกไปที่บ้านในโอกาสสะดวก
ย่ายินดีต้อนรับลูกดิ่งโดยไม่มีเงื่อนไข พลอยทำให้ญาดาโล่งใจอย่างบอกไม่ถูก
เธอกับลูกดิ่งทานเสร็จเรียบร้อยก่อนหน้า เวลาพักเบรกชั่วโมงเดียว
พอโยโย่มาสมทบลูกดิ่งจำต้องนั่งเป็นเพื่อน ส่วนเธอขอตัวไปทำงานต่อ
“ครับแม่..” ลูกดิ่งขานรับ โยโย่วางช้อน จิบน้ำก่อนเอ่ยปากถาม
“ผมไปส่งไหมครับ” เธออดยิ้มให้คนรักลูกชายไม่ได้
เล็กน้อยโยโย่ไม่เคยปล่อยผ่าน ใส่ใจรายละเอียดตลอด
“แม่ไม่รบกวนโย่หรอกจ๊ะ ทานให้อิ่มเถอะลูก แม่ขับรถมา”
ญาดาปฏิเสธพร้อมรอยยิ้มอ่อนโยน
“ผมไปส่งที่รถนะครับ” ลูกดิ่งบอกกับแม่
ขยับลุกยืนคนเป็นพี่จำต้องรีบลุกตาม แต่โดนปรามด้วยกันทั้งคู่
“ไม่ต้องหรอก ขืนเดินตามไปกันหมด ทางร้านคงนึกว่าเรากินแล้วชิ่ง
อยู่เป็นเพื่อนพี่เขาเถอะ ส่งแม่ตรงนี้แหละ” ญาดานึกขำปนเอ็นดูลูกชายและคนรักหน้าหล่อ
“ถ้างั้นผมส่งตรงนี้นะครับ หวัดดีครับแม่”
ลูกดิ่งว่าง่ายไม่รั้น ยกมือไหว้ลาอย่างสุภาพอ่อนน้อม
“หวัดดีครับ” โยโย่กระพุ่มไหว้ตาม ญาดารับไหว้ทั้งคู่มียิ้มส่งท้าย
ค่อยกระชับกระเป๋าสะพายหันหลังเดินไปทางประตู โดยมีสายตาสองหนุ่มมองตามจนลับร่าง
โยโย่ค่อยนั่งลงคว้าช้อนตักข้าวทานต่อ ลูกดิ่งขยับนั่งฝั่งตรงข้ามพี่
นับเป็นมื้อเช้าควบมื้อเที่ยงได้เลย ยุ่งวุ่นวายติดพันตั้งแต่เช้า
“สั่งข้าวเพิ่มไหมครับ” ลูกดิ่งถาม หลังเห็นข้าวในจานพี่พร่องไปมาก
โยโย่สบตาคนรัก ส่ายหน้าปฏิเสธแทนคำพูด เพราะติดเคี้ยวข้าวอยู่ด้วย เขาแอบดีใจกับท่าทางใส่ใจของน้อง
ลูกดิ่งเห็นสายตาพี่แฝงความหมาย ชักรู้สึกหน้าร้อนเลี่ยงยกแก้วน้ำขึ้นจิบแก้เก้อ
ไม่กล้ามองตาซะงั้น นับวันโยโย่ใช้สายตาสื่อความหมายแทนการพูด
ลูกดิ่งยอมรับพอโดนมองแบบนี้ที่ไรวางหน้าไม่ค่อยถูก..
“หึหึ!..อิ่มแล้วครับ” โยโย่ยกน้ำจิบ หัวเราะเบาๆ
รู้สึกขบขันปนเอ็นดูท่าทางเขินอย่างเป็นธรรมชาติของลูกดิ่ง สร้างความบันเทิงใจได้ไม่รู้เบื่อ
หน้าขาวขึ้นสี ตาเรียวสวยหลุบต่ำ หาจุดโฟกัสยกเว้นเขาที่น้องเลี่ยงไม่ยอมสบตาด้วย
“ถ้างั้นเรียกเก็บตังค์เลยนะครับ”
พูดโดยไม่ยอมมองพี่ กลับรู้สึกได้..พี่โย่ยังคงจ้องมาไม่วางตา
“คึคึ!..ครับ” โยโย่อารมณ์ดี ยิ่งพี่หัวเราะลูกดิ่งหูแดงหันรีหันขวางมองหาพนักงานใหญ่
กลายเป็นความน่ารักปนเอ็นดูในสายตาโยโย่ซะงั้น
“พี่เรียกเองดีกว่า” โยโย่ชูมือขึ้นสูง แทนสัญลักษณ์เรียกพนักงาน
ไม่ถึงอึดใจพนักงานเดินมาที่โต๊ะ
“ต้องการรับอะไรเพิ่มหรือเปล่าครับ” ค้อมศีรษะถามอย่างสุภาพ
“เก็บตังค์เลยครับ” โยโย่บอกพร้อมอาการกลั้วยิ้ม
“รอสักครู่นะครับ” พูดจบเดินกลับออกไป ลูกดิ่งซึ่งได้อาศัยสายตาโฟกัสที่พนักงาน
พออีกฝ่ายไม่อยู่จึงไม่รู้ควรมองตรงไหน เผลอประสานตาหนุ่มหล่อนั่งฝั่งตรงข้ามมีอันต้องรีบหลุบตาต่ำ
เจอสายตาคมเข้มกรุ้มกริ่ม ส่งผ่านความรู้สึกบางอย่างคนมองถึงกับใจสั่น
‘ให้ตายเถอะทำไมควบคุมตัวเองไม่ได้วุ้ย!” แอบบ่นในใจคนเดียว..
“ดิ่งเขิน..หรือครับ” โยโย่เกิดอยากแหย่น้อง ยิ่งลูกดิ่งออกอาการเขารู้สึกหัวใจพองโต
เข้าข้างตัวเองไปแล้วเรียบร้อย
“เขินอะไร” น้องทำหน้าเหรอหรา กลับสร้างความสุขให้โยโย่ทวีคูณ
“พี่นึกว่าดิ่งเขินพี่เสียอีก” โยโย่ยิ้มหล่อ ส่งสายตาเจ้าชู้ให้ไปเต็มๆ
คราวนี้ลูกดิ่งหน้าแดงเป็นลูกพลับ หมดคำพูดต่อปาก หน้าใสกับใบหูขาว
ขยันแข่งกันแดงยกใหญ่ เจ้าของรู้สึกร้อนเหมือนไฟจะลุกไหม้หน้าตัวเอง..
“ขอโทษนะครับที่ให้รอ..ทั้งหมดแปดร้อยเจ็ดสิบบาทครับ”
พนักงานกลับมาพร้อมบิลค่าอาหาร โยโย่ล้วงกระเป๋าควักแบ็งก์พันวางให้
โดยไม่คิดจะหยิบบิลมาเช็ครายการด้วยซ้ำ ตาคมยังคงโฟกัสที่ใบหน้าคนรัก
ซึ่งแดงแปร๊ดชวนมองเข้าไปใหญ่
“ขอบคุณครับ ไม่ทราบลูกค้าแพ้อะไรอยู่หรือเปล่า หน้าแดงคอแดงมากเลยครับ”
พนักงานดันเป็นห่วงลูกดิ่ง คงสงสัยก่อนหน้าดูปกติ ตอนนี้กลับเห่อแดงอย่างน่าเป็นห่วง
โยโย่แทบขำพรืด..ลูกดิ่งรีบเงยหน้าปฏิเสธให้เขาสบายใจเป็นการใหญ่
“ไม่ครับ..ผมสบายดี” พนักงานไม่ติดใจยอมเดินออกไป
รุ่นน้องชักสีหน้าให้รุ่นพี่ที่กลั้นยิ้ม จนรู้สึกหมั่นไส้ตงิดๆ
“พี่โย่ขำอะไร” น้ำเสียงติดนอยด์นิดๆ เขารู้ตัวว่าเขินพี่โย่มาก
แต่อีกฝ่ายดันทำหน้าระรื่น เหมือนกับบันเทิงเริงใจเสียนักหนา ยิ่งโดนพนักงานสนใจถาม
แอบกลั้นขำไม่เกรงใจกันเลย..เขาชักหงุดหงิดแหละ
“ฮะฮ่าๆ..เปล่าขำ..กลับเถอะเดี๋ยวพนักงานตกใจคิดว่าดิ่งแพ้อาหารร้านเขาเข้า
ตอนเขาถามทำไมไม่ตอบไปครับ ไม่ได้แพ้อาหารแต่แพ้ความหล่อแฟนผมคนนี้..บอกเข้าไปสิ”
โยโย่สนุกที่ได้หยอกน้อง ลูกดิ่งขมึงตาดุ พร้อมอาการเลือดวิ่งขึ้นหน้าอย่างต่อเนื่อง
“หลงตัวเอง” พูดจบน้องผุดลุกเดินดุ่มๆ ชิ่งออกไปก่อน เล่นเอาโยโย่หัวเราะไหล่สั่น
ค่อยลุกตามน้องไปติดๆ ไม่รอเอาตังค์ทอนยกเป็นทิปให้กับพนักงานที่ช่วยสร้างประเด็นแหย่น้องจนเขิน...
>
>
[โย่..มาพบพ่อที่ห้องหน่อยสิ] ประธานทวีโทรหาลูกชาย
หนุ่มหล่อทำหน้าที่สารถีพาคนรักกลับสโมสร
“ผมกำลังเข้าสโมสร พ่อรอประมาณสิบนาทีนะครับ”
[อืม..พาแฟนแกมาด้วยเลย] โยโย่เผยยิ้มมุมปาก
หลังพ่อเรียกลูกดิ่งด้วยคำว่า ‘แฟน’ อย่างไม่คาดคิดว่าจะได้ยิน
“ครับ..ดิ่งอยู่กับผม” รับปากพ่อทันที
[อืม..] พ่อรับคำสั้นๆ ก่อนเป็นฝ่ายวางหู
“ใครครับ..เห็นพี่บอกชื่อผม” คนรักถามด้วยความสนใจ
“พ่อพี่โทรมา” โยโย่ตอบไม่ปิดบัง
“มีปัญหาอะไรหรือเปล่าครับ” น้องถามด้วยความเป็นห่วง
“ไม่มีหรอก พ่อให้ไปพบ..ให้พาดิ่งไปด้วย”
น้องหน้าเจื่อน คิดในทางเลวร้ายล่วงหน้าไปแล้ว
“จะเกี่ยวที่คุณย่ามาพบแม่ผมหรือเปล่า” ลูกดิ่งถามความเห็นโยโย่
“ไม่หรอก..เรื่องนั้นเคลียร์จบแล้ว คุณย่ายอมรับดิ่งในฐานะคนรักพี่
ท่านไม่ได้ต่อต้านสั่งห้ามเสียหน่อย คาดว่าพ่อมีธุระอื่นมากกว่า”
โยโย่บอกลูกดิ่งให้คลายกังวล หลังน้องคิ้วชนกันยุ่ง แม้จะได้ยินจากปากพี่
แต่เขายังแอบกังวลอยู่ดี โยโย่เห็นท่าทางลูกดิ่งจ๋อยลงไป
ถือโอกาสคว้ามือน้องมากุมไว้บนหน้าขาให้น้องรู้สึกดี ลูกดิ่งยอมให้พี่กุมมือไม่ดึงกลับ
กิริยาที่ทั้งคู่สื่อถึงกัน แม้ไม่ได้จ้องตาหรือใช้คำพูด กลับทำให้รู้สึกอบอุ่นอธิบายไม่ถูก
สารถีรูปหล่อยังคงขับรถด้วยความเร็วคงที่ ส่วนคนรักหน้าใสมองดูความจอแจบนท้องถนน
ไม่ได้สนใจอะไรเป็นพิเศษ นอกจากฝ่ามือที่กุมกระชับกันเอาไว้ สร้างบรรยากาศหวานโรแมนติกระหว่างกันในมุมหนึ่ง..
“หวัดดีครับพ่อ..หวัดดีครับ..ท่านประธาน”
โยโย่พาลูกดิ่งทักทายคุณทวี ซึ่งนั่งตรงโซฟาในห้องพักส่วนตัวของสโมสร
“นั่งก่อนสิ..อ้อ! ในเวลาส่วนตัว ดิ่งเรียกพ่อเถอะ”
คุณทวีหันไปบอกลูกดิ่ง เล่นเอานายทวารอายุน้อยหน้าแดงตามมาทันที
“คะ..ครับพ่อ” รับปากท่าทางติดอาย คุณทวีชักเข้าใจแล้วว่า
เพราะอะไรลูกชายสุดหล่อขวัญใจบรรดาสาวของเขา ถึงปักใจชอบเด็กคนนี้มาก
กิริยามารยาทดูเป็นธรรมชาติไม่เสแสร้ง รูปร่างไม่บอบบางแต่กลับไม่แข็งกระด้าง
หน้าตาดีเข้าขั้นหล่อทีเดียว สำคัญเสน่ห์ที่ใครเห็นแล้วหยุดมองไม่ได้นี่สิ..
“เข้าเรื่องดีกว่า พ่อเรียกโย่..จำเป็นต้องให้โย่กับลูกดิ่งรู้ปัญหาทีมเราตอนนี้
เรนกับอีนอคพ่อให้ออกจากสโมสรไปแล้ว พ่อคงไม่ต้องอธิบายอีก
คุณย่าโทรมากำชับให้จัดการขั้นเด็ดขาด สรุปสองคนนี้ไม่ได้อยู่ที่นี่แล้ว
เราเหลือเวลาอาทิตย์เดียว ต้องเตะอุ่นเครื่อง ข้อมูลล่าสุดบัตรขายเกลี้ยงไม่เหลือ
ปัญหาคือตำแหน่งผู้รักษาประตู ความหวังทั้งหมดต้องฝากไว้ที่ลูกดิ่งเพียงคนเดียว..ที่ต้องลงทำหน้าที่ในเกมนี้
โย่ฝึกน้องสร้างความมั่นใจได้ไหม พ่อไม่อยากให้ทีมโดนยิงจนพรุน
ชื่อเสียงที่สร้างมาป่นปี้เพราะแมทนี้หมด โย่เข้าใจพ่อใช่ไหม” สองหนุ่มฟังคุณทวีพูดจบ
โยโย่ไม่แปลกใจเพราะรู้ล่วงหน้ามาแล้ว ยังไงคุณย่าต้องรีบให้พ่อเค้าจัดการเรนกับอีนอค
หลุดจากวงโคจรไปโดยด่วน นิสัยคุณย่าไม่ยอมเอาชื่อเสียงมาเสี่ยงเป็นอันขาด
ส่วนเรื่องที่พ่อเขากังวลไม่ใช่ปัญหา
“ผมจะติวเข้มให้ลูกดิ่งครับ เริ่มเย็นนี้เลย..พ่อไม่ต้องห่วง”
“เดี๋ยวครับพี่โย่..ตกลงผมเป็นประตูตัวจริงเหรอพี่”
น้องไม่หายตะลึงกับข้อมูลที่มารู้กะทันหัน เขาคิดอยู่เสมอ..ลงเป็นนายทวารสำรอง
“ครับ..สโมสรคงต้องฝากดิ่งรักษาประตูแล้ว”
โยโย่สีหน้าไม่ล้อเล่น ลูกดิ่งอึ้งค้างไปครู่ ก่อนจะหันไปสบตาประธานสโมสร
“โย่ไม่ได้บอกน้องเหรอ ว่าลูกดิ่งถูกวางให้เป็นประตูมือหนึ่งแต่แรก”
คุณทวีหันไปไล่เบี้ยเอากับลูกชาย ผู้ที่ต่อรองยื่นเงื่อนไขให้คนรัก
เป็นคนลงทำหน้าที่นายทวารมือหนึ่งคือโยโย่เอง
“ผมไม่ได้บอกน้องครับพ่อ เดิมทีรอให้ประกาศรายชื่อเสียก่อน
ตั้งใจค่อยบอกทีหลัง ดันมาเกิดเรื่องขึ้น ลูกดิ่งเพิ่งรู้ครับ” โยโย่ชี้แจง
“หมายความว่ายังไงครับท่านประธาน เอร้ย!..พ่อ วางตัวผมลงทำหน้าที่เลยหรือครับ”
ลูกดิ่งหันไปขอคำยืนยันจากประธานทวี เรื่องนี้เหนือความคาดหมายเขามากทีเดียว
“ดิ่งถูกกำหนดให้ลงแต่แรก รับปากได้ไหมจะไม่ทำให้พ่อผิดหวัง”
ยิ่งเห็นท่าทางไม่รู้ล่วงหน้าของลูกดิ่ง ไม่ได้เสแสร้งเล่นละคร บ่งบอกว่าเด็กคนนี้
ไม่ได้หวังเกาะบารมีลูกชายเขา เดินบนเส้นทางสายนักเตะแม้แต่น้อย ที่น่าทึ่งคือโยโย่
ปกปิดความจริงข้อนี้ไม่บอกแฟนตัวเอง คุณทวีถึงกับแอบชื่นชมในใจ
ชี้ให้เห็นว่าสองหนุ่มคบหากันโดยไม่ใช้ผลประโยชน์เป็นข้อแลกเปลี่ยน
ทั้งที่โยโย่เป็นคนยื่นเงื่อนไข กลับปิดคนรักไม่ให้รู้ ช่างเหนือความคาดเดาเขามากพอสมควร
“ครับ..ผมจะทำสุดความสามารถ” ลูกดิ่งสบตาคุณทวีไม่มีหลบ
พร้อมคำพูดน้ำเสียงหนักแน่น แววตามุ่งมั่น คนผ่านโลกอย่างประธานทวีถึงกับนึกชมในใจ
ฟอร์มการเล่นของเด็กคนนี้ตามที่ฟังจากบรรดาสต๊าฟโค้ชการันตีได้ระดับหนึ่ง..
ยังไม่เท่าที่เขาไปเกาะติดขอบสนามตอนลงซ้อม เห็นแล้วต้องยอมรับลูกดิ่งเล่นได้ดีกว่าที่คิด
พอฟังคำพูดบวกแววตาจริงจัง คุณทวีหมดข้อกังขา ถึงกับยื่นมือจับไหล่หนุ่มน้อยตรงหน้า สบตาพูดขึ้นว่า
“พ่อจะรอดู..ดิ่งสามารถทำอย่างที่พูดหรือเปล่า ถือเป็นบทพิสูจน์ในเส้นทางนักเตะอาชีพ
เปิดตัวแมทใหญ่และสำคัญสำหรับนักเตะโนเนมที่อายุน้อย ได้ลงตัวจริงในนามสโมสรอันดับหนึ่งของประเทศ
จะเกิดหรือโดนตำหนิ ขึ้นอยู่กับฝีมือดิ่งเอง” คุณทวีพูดช้าๆ สายตาสื่อความหมายวางเดิมพันด้วยศักดิ์ศรีของสโมสร
และชื่อเสียงไว้ในมือนายทวารหน้าเด็กอายุเยาว์เท่าที่สโมสรจะเคยมีมา ลูกดิ่งได้แบกภาระใหญ่หลวงไว้เรียบร้อย
สโมสรซึ่งมีนักเตะฝีเท้าดี หากประตูไม่เหนียวไม่เก่ง โอกาสพ่ายแพ้ มีเกิน 60% เลยทีเดียว
“ผมสัญญา ผมจะไม่แพ้” สายตาเด็ดเดี่ยว
คำพูดหนักแน่นที่ลูกดิ่งใช้รับปากกับคุณทวี เขาถึงกับยอมรับในใจ ‘เด็กคนนี้ ไม่ธรรมดาจริงๆ’
“เอาล่ะ..พ่อหมดธุระแล้ว หวังว่าโย่กับดิ่งจะนำทีมเราคว้าชัยชนะ”
“ครับพ่อ..” สองหนุ่มขานรับ ผู้สูงวัยรู้สึกโล่งอกอย่างประหลาด
หัวใจเปิดรับคนรักลูกชายที่เคยกังขาเพศสภาพก่อนหน้า ให้คลายอคติได้อย่างไม่มีคำอธิบาย
บางครั้งความรักก็เป็นพลังเกื้อหนุนคู่รัก สามารถผ่านปัญหาไปสู่ความสำเร็จได้อย่างไม่น่าเชื่อ
ซึ่งเขาแอบหวังลูกชายกับนายทวารหน้าใสจะคือหนึ่งในคู่รักที่ว่า
>
>
“ปึ๊ก!..อุ๊บ!..พล๊อก!”
“ปัดทิ้งไปหลังเสา ลูกโด่งพร้อมมุดเสาต้องเกร็งข้อมือให้แข็ง
ข้อมืออ่อนจะต้านแรงจากลูกไม่อยู่” เสียงพี่เลี้ยงฟังดูเครียด กำลังขับเคี่ยวคนรัก
ปัดลูกยิงจากฝีเท้าตัวเองอย่างต่อเนื่อง มีลูกยิงมากมายจากนักเตะในทีม ที่ทยอยซ้อมยิงประตู
หลังรู้ลูกดิ่งต้องลงทำหน้าที่นายทวารตัวหลัก เพราะไม่มีผู้รักษาประตูสำรองมาเสริม
ระยะเวลากระชั้นชิดบวกเงื่อนไขบังคับ
พวกเขาต่างสมัครสมานสามัคคี ลงเป็นพี่เลี้ยงช่วยฝึกลูกดิ่งหนักกว่าใครเพื่อน
สำคัญนายทวารหนุ่มน้อยไม่ย่อท้อปริปากบ่นสักคำ ยอมฝึกต่อเนื่องอดทนอดกลั้นที่สุด
บรรดาสต๊าฟโค้ชถึงกับพากันยกนิ้วชื่นชมในใจไปตามกัน
แม้แต่รุ่นพี่นักเตะ รวมทั้งรุ่นเดียวกัน ปุ้ม ยุทธ ต้อ
ยังทึ่งในความพยายามมีน้ำอดน้ำทน พัฒนาการก้าวกระโดดของลูกดิ่งด้วย
เท่าที่ทดสอบต่อเนื่องยาวนานหนักหนาจนครบห้าวัน
ลูกดิ่งล้ำหน้ามากกว่าเดิมเยอะทีเดียว ลูกยิงปกติทั่วไปอย่าหวังได้กิน
“เอาล่ะ..วันนี้พอแค่นี้ สองวันที่เหลือวอร์มร่างกายปกติไม่ต้องหนัก
เซฟกำลังไปแข่งวันมะรืน สื่อทุกแขนงโหมข่าวต่อเนื่อง ชื่อสโมสรของเรากำลังเป็นที่จับตาผู้คนทุกรุ่นทุกวัย
ไม่เฉพาะแฟนบอลเท่านั้น หวังว่าพวกเราจะไม่ทำให้แฟนๆ ผิดหวัง รักษาเกียรติภูมิเจ้าบ้านไว้ได้”
โอวาทปิดท้ายของการฝึกหนัก ตลอดเวลาห้าวันติด นักเตะทุกคนพากันทุ่มเทใส่ใจเต็มที่
ทำให้พวกเขาเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกลมเกลียวจนไม่มีช่องว่าง
ไม่ว่าจะเป็นนักเตะหน้าเก่าและน้องใหม่ที่เพิ่งเซ็นสัญญา
ความสนิทสนมรุดหน้า พร้อมกับความสนิทสนมของแพทย์สนามนามผสุ
ซึ่งไม่พลาดโอกาสมาทำหน้าที่คุณหมอ ไม่ว่าจะมากับหมอผานิต
หรือมาในวันที่หมอหลักส่งมาแทนก็ตาม ดูคุ้นเคยนักเตะเป็นอย่างดี
สนิทสนมใกล้ชิดสองนักเตะหน้าใหม่อย่างปุ้มกับยุทธ
ไม่ได้สร้างความแปลกใจจนเกิดคำถามแต่ประการใด นักเตะที่รู้ต้นตอการสนิทสนมนี้
ต่างชินกับภาพของสามหนุ่มที่ใกล้ชิดดูแลกันเป็นพิเศษ ส่วนนักเตะที่ไม่รู้ตื้นลึกหนาบาง
กลับมองความสัมพันธ์นี้น่ายินดีไปด้วย
สามหนุ่มไม่ได้แสดงกิริยาให้ชวนคิดทางอุจาดแต่ประการใด
ห่วงใยเทคแคร์ดูแลกัน เช่นส่งผ้าเย็นยื่นขวดน้ำให้ดื่ม เหมือนเช่นต้อกับเพชร
และโยโย่กับลูกดิ่ง ที่บรรดานักเตะมองว่าเป็นรุ่นพี่รุ่นน้องร่วมสาบานกันไปแล้ว
เพราะสองคู่นี้ตัวติดกันเป็นปลาท่องโก๋..นั่นเอง
“เชิญกลับไปพักผ่อนอาบน้ำ เจอกันมื้อค่ำ”
โค้ชอรุณให้นักเตะยุติการซ้อม พากันเฮลั่น หลังซ้อมทรหดมาตลอดสัปดาห์เต็ม
“วู้!!..หมดโปรแกรม..บลาๆๆ” บรรดานักเตะเดินกอดคอ
ทยอยกลับขึ้นห้องพัก พร้อมเสียงพูดคุยอารมณ์ดีเซ็งแซ่ทั่วสนาม
“พี่หมอ..อยู่ทานมื้อค่ำก่อนค่อยกลับ” ปุ้มเอ่ยชวนผสุ
ส่วนใหญ่หมดภารกิจเลิกซ้อม พวกเขาสามหนุ่มอยู่คุยกันต่อเล็กน้อย
ผสุมักปลีกตัวกลับไปทุกที คงเห็นว่ารุ่นน้องสองหนุ่มในฐานะแฟน
ต่างเหน็ดเหนื่อยจากการซ้อมหนัก อยากให้พักผ่อนเอาแรงจึงไม่อยู่ถ่วงเวลา
“เอาสิ..พี่รอที่ล็อบบี้นะ” ผสุรับคำชวนของปุ้ม
“ถ้างั้นผมกับยุทธไปอาบน้ำแป๊บ” ปุ้มยิ้มกว้าง
เวลาเพียงไม่กี่วันที่ได้สนิทสนมคุ้นเคยกับผสุ อดีตกัปตันทีมโรงเรียน
ถึงกับยอมรับน้ำใจบวกความจริงใจที่ผสุมีให้พวกเขาโดยไร้ช่องว่างขวางกัน
เขากับยุทธต่างตกลงว่าจะงดกิจกรรม ‘เซ็กส์’ ในช่วงนี้ก่อน ต่างซ้อมหนักเหนื่อยแทบหมดแรง
เลยไม่มีแก่ใจมาคิดเรื่องนี้กันด้วย รอให้ผ่านแมทอุ่นเครื่องค่อยไปฉลองกับทีมที่รีสอร์ท
ฝ่ายสวัสดิการสโมสรแจ้งล่วงหน้าแล้ว หลังแมทอุ่นเครื่องจบ
ทางสโมสรจะพานักเตะไปพักผ่อนหมู่เกาะสิมิลัน ถึงเวลานั้นพวกเขาค่อยใช้เวลาร่วมกัน
มหาวิทยาลัยของผสุปิดภาคซัมเมอร์ลงแล้ว หมอหนุ่มพอมีเวลาไปด้วยกันได้
โปรแกรมนี้..โยโย่ก็ได้ตกลงกับลูกดิ่งเช่นกัน หลังจบแมทอุ่นเครื่อง
จะพาคนรักและคุณแม่ญาดาไปกราบคุณย่าที่บ้านใหญ่ พบหน้าครอบครัวอย่างเป็นทางการ
ก่อนเดินทางไปพักผ่อนร่วมกับสโมสร ระหว่างนี้โยโย่ไม่เคยค้ากำไรกับลูกดิ่ง
ต้องการให้น้องมีสมาธิมุ่งมั่นการซ้อม เพื่อบรรลุเป้าหมายคว้าชัยชนะครั้งนี้
อย่างที่น้องต้องการทำให้สำเร็จตามที่รับปากกับพ่อเขาเอาไว้
เขาจึงมุ่งความสนใจมาทำหน้าที่พี่เลี้ยง ฝึกซ้อมให้น้องอย่างใกล้ชิด
และก็ต้องขอชมลูกดิ่ง ที่ไม่ทำให้เขาผิดหวัง มาถึงวันนี้น้องสอบผ่าน
ส่วนที่เหลือขึ้นอยู่กับเกมการแข่งขัน พวกเขาทุกคนล้วนมีภาระหน้าที่ของตัวเอง
แต่เมื่อนำมารวมกัน นักเตะสโมสรทุกคนคือ ‘ทีม’ ที่จะผลักดันพวกเขาทั้ง 22 ชีวิต คว้าชัยชนะมาครองให้จงได้...
มาอัพตามสัญญาแล้วนะคะ
เอาบุญกฐินมาฝากคนอ่านทุกท่านด้วยค่ะ..(รับบุญไปให้ทั่วถึงกันทุกคนนะคะ)
เหลืออีกสองตอนสุดท้ายแล้วนะคะ เจอกันอีกทีวันพฤหัสบดีค่ะ
เรื่องนี้น่าจะอัพจบวันจันทร์หน้าค่ะ ขอบคุณมากๆ ค่ะ 