ว่าจะลงหนูไอ แต่ต้องยกธงขาว ไฟล์หาย ปวดหมองเลย เอาเรื่องนี้ไปก่อน แฟนหนูไอรอก่อนนะจ้ะ^____^ ปาปารัสซี่กับเจ้าชาย ^____^
รูปที่ 13
เป้าหมาย ตอนจบ
(เจ้าชายนาซิม)
หลังเสพสุขกับเด็กน้อยแสนน่ารักแล้วผมก็ออกมาจากห้องนั้น หากว่าอยู่ต่อมิวายคงต้องอยากกลืนกินเจ้าเด็กนั่นต่อแน่ๆ
การที่ผมตัดสินใจไม่ลงไมโครชิพอีกตัวกลับเข้าไปในร่างกายของจีเนียซ เพราะร่างกายนั้นเป็นของผม ใช่แล้ว...เค้าเป็นของผม ดังนั้นถ้าไม่ใช่ของๆผม ไม่ว่าใครหน้าไหนก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะใส่หรือแต่งเติมอะไรบนร่างกายของจีเนียซได้
...อย่าได้หวังเลย...
...จีเนียซ สิรธีร์ เป็นของผมแล้ว...
...แม้แต่ ‘องค์กรความร่วมมือทางเศรษฐกิจโลก’ ผมก็ไม่ให้...
...หึ...
เดินออกจากห้องนั้นผมก็เจอกับฮะซินและซาอิดที่รออยู่ด้านนอก ฮะซินที่จัดการด้านข้อมูลกลับขึ้นมาแล้ว แสดงว่าทุกอย่างกำลังเป็นไปด้วยดี ทั้งคู่โค้งให้ผมอย่างนอบน้อมดังเช่นทุกครั้ง ผมเดินนำทั้งคู่มาต่ออีกห้องหนึ่งทันที
“ฝ่าบาท” ฮะซินพูดขึ้นก่อน
“.....” ผมปรายสายตามองคนพูดก่อนจะเดินไปนั่งบนเก้าอี้ทำงานตัวใหญ่ ฮะซินรู้ดีว่าต้องทำยังไง
“ทุกอย่างเรียบร้อยพะย่ะค่ะ”
“หึ!” เพียงยกยิ้มมุมปากเท่านั้น
...เสด็จอา...อยากได้อะไรก็เอาไปเถอะ ถ้าเอาไปได้น่ะนะ....
ผมกับเจ้าพี่ราออฟรู้มานานแล้วว่าใครเป็นผู้อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ความวุ่นวายทางการเมืองและการปกครองของประเทศ แต่...นั่นแหละ รู้แต่ไม่มีหลักฐาน อีกทั้งบุคคลนั้นยังเป็นถึงพระญาติคนสนิทและมีตำแหน่งสำคัญทางการเมืองการปกครองด้วย การจะทำอะไรเขา...เราจะต้องรัดกุมมากพอสมควร
“....” ผมเงียบไปพักก่อนจะมองไปที่อีกคน...และนั่นหมายถึงการอนุญาตให้รายงานได้
“กระหม่อม...สายเรารายงานมาอย่างที่พระองค์คาดไว้เลยพะย่ะค่ะ”
“งั้นหรือ?”
“พะย่ะค่ะ ยมทูตแห่งความตายตามมาทันทีหลังเราไม่ถึงสามสิบนาที”
...ช่างรวดเร็วจริงๆ แสดงว่า...เป้าหมายของมัน....
...ไม่ได้มีแค่คนเดียวเท่านั้น...
ออกจะแปลกไปซักหน่อย ปกติคนกลุ่มนี้จะไม่รับงานสังหารทีละสองคน พวกเขาจะรับเป็นคนๆไป มันต้องมีอะไรนอกเหนือจากที่สืบมาได้แน่ๆ
...แล้วมันอะไรกันนะ...
“ฝ่าบาทพะย่ะค่ะ”
“.......” ซาอิดพูดอีกครั้ง เขากล่าวพร้อมกับโทรศัพท์ในมือ
“ฝ่าบาทราออฟ”
“.......” ผมเพียงพยักหน้าและรับโทรศัพท์เครื่องนั้นมา นั่นเพราะปกติผมจะไม่รับโทรศัพท์จากใครง่ายๆนั่นเอง
“เจ้าพี่” ผมทักคนปลายสาย ก่อนจะได้รับข้อมูลที่ทำให้ผม...
“...!!!...” ว่าไงนะ!
“นาซร์...นาซิม” เสียงคนปลายสายเรียกซ้ำ
“พะย่ะค่ะ”
“ระวังตัวด้วย”
“ขอบพระทัยพะย่ะค่ะ พระองค์เองก็ด้วย”
จะไม่ให้ตกใจได้อย่างไร เป้าหมายของจินมีสองคน คนแรกคือ...เจ้าพี่ราออฟ อย่างที่คิด แต่อีกคนเนี่ยสิ....
...จีเนียซ...
...มันเกิดอะไรขึ้น...
ทำไมเธอถึงตกเป็นเป้าหมายไปด้วยนะ มันน่าจะเป็นเรามากกว่ามิใช่หรือ?
“ฮะซิน”
“กระหม่อม”
“เฝ้าจีเนียซไว้ อย่าให้คลาดสายตา จัดคนยามเฝ้าด้วยยิ่งดี”
“พะย่ะค่ะฝ่าบาท”
ฮะซินยกมือขวาทาบอกซ้ายแล้วทำความเคารพ ก่อนจะลาออกไปจัดการตามที่ผมสั่ง จากนั้น...
“ส่วนเจ้า...จับตาดูอมิร่าเอาไว้” ผมสั่งซาอิด
“พะย่ะค่ะฝ่าบาท” และซาอิดก็ทำความเคารพไม่ต่างกัน ก่อนจะออกจากห้องไปจัดการตามที่ผมสั่ง
กิริยายกมือขวาทาบอกซ้ายแล้วโค้งทำความเคารพนั้น เป็นรูปแบบการถวายบังคมของประเทศบ้านเกิดของผมเอง
เมื่อได้อยู่คนเดียวผมก็อดที่จะรู้สึกแปลกใจไม่ได้ในหลายๆเรื่อง เจ้าพี่รู้เรื่องนี้ได้อย่างไร แต่เอาเถอะ...ไม่ว่าเจ้าพี่จะเอาข้อมูลมาจากไหน เจ้าพี่กับผมก็เป็นศัตรูกันไม่ได้อยู่ดี หากแต่...อมิร่า แววตาและรอยยิ้มที่น้องแสดงออกมา มันไม่เป็นธรรมชาติเอาเสียเลย ใครสอนให้น้องเป็นคนปากปราศรัยน้ำใจเชือดคอกันนะ
ดูเหมือนความกังวลของผมจะไม่ใช่แค่ความกังวลไปฝ่ายเดียวแล้ว เพราะ...ตอนนั้นผมไม่อาจรู้เลยว่า....อมิร่าก็ได้ลงมือทำบางอย่างไปแล้วเช่นกัน
ก๊อกๆๆ
“เข้ามา”
“ขอประทานอภัยพะย่ะค่ะ”
“ว่ามา”
“ท่านรัฐมนตรีอยากเจรจากับฝ่าบาทพะย่ะค่ะ” หึ
“รายงานท่านพี่ด้วย เราจะไปรอที่ห้องประชุมเล็ก”
“พะย่ะค่ะ”
เร็วจริงๆ เร็วกว่าที่คิดเสียอีก หวังว่า...คำสั่งยกเลิกการล่อสังหารคงจะรวดเร็วด้วยนะ มิเช่นนั้น...เสด็จอา หากแม้นเป็นท่าน หม่อมชั้นก็ไม่อาจละเว้นไว้ได้เช่นกัน
..........................................
.......................
........
..
การเจรจาตกลงใช้เวลายาวนานกว่าที่คิดเสียอีก และก็ไม่เป็นไปตามที่คาดหวัง แต่ว่า...เจ้าพี่ราออฟก็ตกลง...ก็เพื่อรักษาชีวิตอีกหนึ่งชีวิตเอาไว้ เจ้าพี่ราออฟตกลงที่จะให้ผมแบ่งเงินปันผลส่วนหนึ่งให้กับเหล่าเสนาบดีและไม่เข้าไปก้าวก่าย แลกกับการถอยจากการหนุนหลังเจ้าพี่กาซัด ‘เจ้าชายกาซัค ฮาจิลาร์ บู อัล-เฮลมันด์’ เจ้าชายรัชทายาทอันดับหนึ่ง บุตรชายขององค์มเหสีและหลานชายของ ‘ฮุซซาน อิมาน อาล ซาอิด-มูด’ ท่านนายกรัฐมนตรี
ทุกอย่างเหมือนจะเป็นไปด้วยดี หากแต่พอผมก้าวเข้าไปในห้องที่จากออกมาเมื่อกลางวัน บางอย่างก็แปลกไป
ปัง!
ควับ!
พรึ่บ! ไฟดับทันที
บรรยากาศแปลกๆ ไม่ใช่เจ้าหนูนั่นแน่ๆ อีกอย่างไม่มีเหตุผลที่จีเนียซจะต้องปิดไฟเลย
“ใคร!?” ใครกัน...!!
“.......” หากแต่กลับมีแต่ความเงียบ
“เราถามว่าใครอยู่ในนั้น?” เสียงเย็นมากขึ้นเมื่อไม่มีคนตอบ มีคนอื่นอยู่ในนี้ด้วย หรือว่า...!! โธ่เอ๊ย!
“........” ยังเงียบ
ผมตัดสินใจเดินเข้ามาในห้อง คนๆนั้นไม่ได้อยู่ในห้องงั้นแสดงว่า...
...ตรงระเบียง....
“เราจะถามอีกเพียงครั้งเดียว ใครอยู่ข้างนอกนั่น?” ผมถามเสียงเย็นอีกครั้งและนี่จะเป็นครั้งสุดท้าย
“....ขออภัยกระหม่อม” เสียงใสแหบเล็กน้อยมาพร้อมกับการปรากฏตัวของคนๆหนึ่ง ใบหน้าของคนนั้นถูกปิดเกือบทั้งหมด เหลือเพียงดวงตาข้างซ้ายเท่านั้น นอกนั้นเป็นสีดำหมด อ้อ...เว้นเส้นผมสินะที่เป็นสี....
...นั่นมัน...
เส้นผมสีบรอนซ์แปลกตา...
....เด็กหนุ่มที่อยู่บนชั้น 35 ....
เด็กที่...ไม่คิดว่าจะเป็นคนๆเดียวกัน รู้จักกันกับเด็กน้อยของผมอย่างนั้นหรอกหรือ? ว่าแต่ ณ ตอนนั้นดูเหมือนจะมาดีมากกว่า คง...ไม่ใช่ศัตรูของจีเนียซแล้วล่ะ เพราะหากเขาจะจัดการกับของๆผม คงจะทำตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว แล้วทำไม...ผมลอบยิ้มมุมปากเล็กน้อย แต่อีกฝ่ายก็คงไม่ทันได้สังเกตหรอก
ไม่ผิดแน่...
หากแต่ผมก็ไม่ได้พูดมันออกมา หึ...ชั้นจะเล่นด้วยซะหน่อยแล้วกันนะ เจ้าหนูนักฆ่า เจ้าเกี่ยวข้องอย่างไรกับของๆเรากัน?
“เจ้าเป็นใคร?”
“พระองค์คงทราบดีอยู่แล้ว” กล้าต่อปากต่อคำ
“เจ้าควรคืนของๆเรามาซะ” ผมเปิดประเด็น จีเนียซหายไป..และเขาต้องอยู่กับเจ้านักฆ่านี้เป็นแน่ ไม่อยากคิดหรอกว่าจะอยู่ในสภาพไหน แต่เมื่อไม่พบศพก็แปลว่าปลอดภัยดี เพียงแต่...ผมไม่เข้าใจว่า ทำไมเจ้านักฆ่านี่ต้องเอาตัวเด็กน้อยของผมไปด้วย
“น่าเสียดาย พระองค์มาช้าไปหน่อย อีกอย่าง...ของๆพระองค์เป็นของผมก่อน”
...โอหัง!!!!...
“โอหังเกินไปแล้วนะเจ้าหนู” ช่างเป็นกิริยาวาจาที่หยิ่งยโสเสียจริง หากไม่เพราะว่าผมเจอของถูกใจก่อน บางที....
ผมพูดบอกด้วยรอยยิ้ม หากแต่...ในใจก็เริ่มจะลุกเป็นไฟแล้ว ช่างกล้าดีแท้ที่มาพูดแบบนี้กับผม เอาล่ะ...ก็ถือว่ากล้าหาญมากจริงๆล่ะกัน แบบนี้...คงไม่รอเจ้าพี่มาจัดการเองเสียแล้วล่ะ ผมไม่ปล่อยไปแน่ หากแต่ความคิดนั้นก็ต้องสะดุดทันทีเมื่อ...
“เปล่าเลย แต่หากพระองค์ไม่เคยรู้...จีจะตายแทนผม.....แน่นอน”
ช่างมั่นใจเสียจริง จี...จีเนียซน่ะหรอ หึ...ไม่มีทาง ถ้า...ผมสบดวงตาสีน้ำทะเลนั้นเรียบนิ่ง ก่อนจะกล่าวถึงสิ่งที่มั่นใจมากยิ่งกว่า
“..ถ้าเราไม่อนุญาตเขาไม่มีสิทธิ์ตาย” นี่คือความสัตย์จริง ดูเหมือนอีกฝ่ายจะสะอึกไปเล็กน้อย แต่เขาก็รีบกลบเกลื่อนมันทันที
“.....แต่ตอนนี้ ของๆพระองค์ไม่ได้อยู่กับพระองค์แล้วนี่” เขาพูดเหมือนจะยิ้มเยาะอยู่ในที เด็กจริงๆ เธอกับชั้นมันคนละชั้นกัน แม้ว่าเธอจะเป็นยมทูตแห่งความตาย สังหารคนมาแล้วนักต่อนัก แต่ความห่างชั้นก็ยังมีอย่างเห็นได้ชัด ดังนั้น..การอยู่ต่อหน้าชั้นเธอก็ไม่ต่างจากลูกไก่ในกำมือแน่นอน
“..และเขาก็ไม่ได้อยู่กับเธอ” ผมบอกต่อคำพูดนั้นของอีกคน แววตานั่นเปล่งประกายเล็กน้อย ไม่รู้คิดอะไรอยู่ แต่...คนอย่างผมใช่ต่อกรด้วยได้ง่ายๆหรอกนะเจ้าหนู
“....ก็แค่ตอนนี้” ขึ้นน้ำเสียงเล็กน้อย ยั่วง่ายจริง
“ใช่ก็แค่ตอนนี้” ผมพูดก่อนจะปล่อยบางสิ่งที่อยู่ในมือออกไปอย่างรวดเร็ว
พลั๊วะ!
“อื้อออ..เอ๊ะ! บ้าเอ้ย! มันเจ็บนะ!! เป็นเจ้าชายแน่หรอ?” แววตาลุกเป็นไฟ กลับกลายเป็นตัวของตัวเองทันที
“แน่นอน ชั้นไม่ใช่เจ้าชายอย่างเดียวหรอกนะ” ผมพูดพร้อมยิ้มร้ายที่มุมปาก
ใช่ เพียงเสี้ยววินาทีผมก็เหวี่ยงแส้ที่แอบแขวงไว้ข้างผนังไปหาเจ้านักฆ่าน่ะทันที และด้วยความที่มันก็คงมีฝีมือพอตัวถึงได้หลบการโจมตีของแส้เส้นนี้พ้น แต่ไม่วายโดนแขนไปเล็กน้อยเช่นกัน
“ลอบกัด!!” กัดฟันพูดแบบนั้น คงเจ็บไม่เบา
“มันก็เป็นวิธีเดียวกับเจ้ามิใช่หรือ?”
....นักฆ่าที่ฆ่าเพียงพริบตา นั่นคือ..ฉายาของ ‘จิน อลองโซ เอลลิทท์’
หลังคำพูดนั้นของผม บรรยากาศโดยรอบก็เหมือนจะเยือกเย็นขึ้นมาทันที แววตาขี้โมโหก่อนหน้าแปรเปลี่ยนไปเป็นคนละคนแทบจะทันทีเช่นกัน
“พระองค์รู้มากเกินไปแล้ว” คำพูดที่เหมือนจะโวยวายเปลี่ยนไป คนๆนี้เป็นคนฉลาดจริงๆ
แววตาเย็นชา...
ราบเรียบ...
...ไร้ซึ่งความรู้สึก...
ของจริงแล้วสินะ ดูเหมือนผมจะยั่วคนตรงหน้าได้มากโขเลย ก็จะฆ่าเลยได้อย่างไรล่ะ เพราะดูยังไงยังไงเจ้านักฆ่าตระกูลดังคนนี้ก็ไม่น่าที่จะเป็นศัตรูกับคนของผมได้ หากแต่ความสัมพันธ์นั้นเป็นอย่างไร คงต้องสืบกันลึกไปอีกขั้นหนึ่ง แต่ตอนนี้...คงต้องรับมือเจ้าเด็กนี่ให้ดี ตระกูลเอลลิทท์ไม่ได้มีดีแค่ชื่อหรอก หากลงมือจริง...
....ไม่เคยมีคำว่าพลาด....
ฟิ้วสสสสส...
เฉียด!
พรึ่บ!
อึก!
เคร้ง!
“...!!!...” กึก!
“ฝ่าบาท! / ฝ่าบาท!” ซาอิดกับฮะซินเรียกผมอย่างตกตะลึง ก็จะไม่ตกตะลึงได้อย่างไร ผมโดนปาดคอนี่นา เลือดไหลซิ๊ดเลย แต่ไม่ลึกหรอก ดีจริงๆที่หลบการจู่โจมที่รวดเร็วนั้นได้ คนๆนี้...คือคนที่สังหารผู้อื่นภายในเวลาเพียงเสี้ยววินาที และสังหารด้วยการปาดคอเป้าหมายโดยที่เหยื่อแทบจะไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ การเคลื่อนไหวที่ว่องไวดั่งแสง มองไม่ทันจริงๆ หากเจ้าพี่ราออฟมาไม่ทันผมอาจโดนมากกว่านี้....ลึกกว่านี้ก็เป็นได้ และคงได้สังหารกันจริงๆ คนที่บังอาจทำให้เลือดของราชวงศ์หลั่งไหล ไม่สมควรมีชีวิตอยู่!!! แต่ว่า...
“เจ้ามาหาเรามิใช่หรือ?” เสียงเจ้าพี่ หากแต่แม้นจะเป็นสถานการณ์เช่นนี้ก็ยังราบเรียบ
“นาย!!” นาย...เรียกเจ้าพี่ว่านาย ช่างกล้าจริงๆนั่นแหละ
“หึหึ อย่าอารมณ์เสียเร็วนักสิ”
“ชิส์...ปล่อยเดี๋ยวนี้นะ” ปากพูดตาจิก เพราะตอนนี้ร่างเพรียวบางนั่นถูกเจ้าพี่ราออฟรวบแขนทั้งสองข้างเอาไว้ เหมือนจะโอบกอดแต่ไม่ใช่ ทุกการเคลื่อนไหวของคนทั้งคู่ล้วงอยู่ในสายตาของผม ดูเหมือน...เจ้าพี่จะรู้จักและคุ้นเคยดีกับเจ้านักฆ่านี่จริงๆซะแล้ว
“เราจะปล่อย หากเจ้าไปกับเราแต่โดยดี” เจ้าพี่ต่อรอง
“ไม่มีทาง!!”
“..(ยิ้มอย่างอารมณ์ดี)...งั้นก็อยู่อย่างนี้ เราไม่เดือดร้อนแน่นอน”
ถึงตอนนี้ทุกคนที่อยู่ ณ ที่นี้ต่างอึ้งกันไปหมด ไม่บ่อยนักหรอกที่เจ้าพี่ราออฟจะแสดงกิริยาเช่นนี้ออกมา รอยยิ้มที่ขบขำอย่างเป็นธรรมชาติทั้งที่อยู่ในสถานการณ์ที่ตนเองอาจถูกสังหารได้ง่ายๆ ช่างไม่เดือดเนื้อร้อนใจดั่งเคย สมกับเป็นเจ้าพี่จริงๆ หากแต่มีสิ่งหนึ่งที่เปลี่ยนไป...แววตาคู่นั้นของเจ้าพี่ราออฟ แววตาที่ไม่เคยแคร์ผู้ใด แววตาที่ไม่เคยสื่อความในใจต่อสิ่งใด
...กำลังมองเจ้านักฆ่านั่นอย่างเอ็นดู...
ผมเพียงยกยิ้มมุมปากอย่างไม่รู้จะพูดอะไรดี หากแต่ในใจก็ไม่วายที่จะคิดสังหารเจ้าเด็กนั่น
“...ก็ได้!!” กระแทกกระทั้น กล่าวด้วยความโมโห ไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่า...นักฆ่าที่สังหารคนดั่งสายลมจะเจ้าอารมณ์ได้ถึงเพียงนี้
“หึ! แล้วอย่าลืมทำตัวเป็นเด็กดีล่ะเจ้าหนู” เจ้าพี่กล่าวอย่างอารมณ์ดี
“บ้าเอ้ย!” บ่นเบาๆ แต่ผมก็ได้ยินและเจ้าพี่ก็คงจะได้ยินเช่นกัน แต่พอพระองค์นิ่งเฉย ผมจึงนิ่งตาม
“ที่เหลือพี่จัดการเอง พักผ่อนเถอะนาซิม” เจ้าพี่กล่าว และไม่คิดว่าจะกล่าว เขารู้จักผมดีและคงรู้ว่าถ้าตนมาช้ากว่านี้...ของเล่นของตนคงถูกผมทำลายเป็นแน่ ก็ได้...เพื่อเจ้าพี่
“ขอบพระทัยพะย่ะค่ะ” ผมตอบรับพร้อมสบตาคนเป็นพี่ หากแต่เจ้าพี่เพียงยิ้มละไมที่มุมปากหยันนั่นอย่างขอบใจผมจริงๆเท่านั้น
“ชิส์...” เจ้าหนูนักฆ่าขึ้นเสียงมองผมอย่างโมโห คงโกรธไม่เบาที่ตัวเองพลาดและคงไม่คิดว่าตนเองจะพลาด
พอเจ้าพี่กับทหารองครักษ์และเจ้านักฆ่านั่นเดินพ้นจากไปแล้ว สององครักษ์ของผมก็รีบทำแผลเบื้องต้นให้ผมก่อนทันที หลังจากนั้น....
“กระหม่อมสมควรตาย” ซาอิดกับฮะซินก็คุกเข่าลง แสดงการยอมรับถึงความผิดพลาดอย่างมหันต์นั่นทันทีเช่นกัน
“ใช่ พวกเจ้าสมควรตาย” ผมบอก พวกมันสมควรตายจริงๆนั่นแหละ ปล่อยให้เชื้อพระวงศ์เลือดไหลได้อย่างไร
“......”
“......”
“เราจะอภัยให้ แต่อย่าให้มันเกิดขึ้นอีก พวกเจ้าคงรู้...ว่าต้องทำอย่างไร”
“ฝ่าบาท ขอบพระทัยพะย่ะค่ะ / ขอบพระทัยพะย่ะค่ะ”
หากมีครั้งหน้าคงต้องสั่งสอนกันอย่างหนักแล้ว แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาสั่งสอนกัน คงต้องให้เจ้าสองคนนี้ไปทำงานให้เสร็จก่อน ยังมีอีกหลายเรื่องที่ต้องรีบจัดการ
............................................
..........................
............
..
นอกจากเจ้านักฆ่านั่นก็ยังมีเหตุชุลมุนเล็กๆเกิดขึ้นสร้างความเสียหายให้กับรีสอร์ทอมิร่าไปกว่าครึ่ง หากเพียงไม่กี่ชั่วโมงต่อมาก็เช้า...และกว่าพวกเราจะจัดการเรื่องราวยุ่งเยินทั้งหมดเสร็จ เราทุกคนก็ต้องโดยสารเครื่องบินส่วนตัวบินตรงจากประเทศไทยกลับประเทศบ้านเกิดทันที เพื่อสะสางเรื่องราวที่เหลือ เพราะเมื่อคืนมีเหตุการณ์ที่คาดการณ์ไว้อยู่แล้วได้เกิดขึ้นที่ประเทศบ้านเกิดของผมด้วย และทั้งหมดนั่นก็เป็นหน้าที่ของผู้ที่จะขึ้นเป็นผู้ปกครองประเทศคนต่อไป โดยมี ‘เจ้าชายฟาฮัด ซาอิด ฟาร์ อัล-เฮลมันด์’ เจ้าชายรัชทายาทอันดับที่สาม เจ้าชายผู้รักสันโดษ ชอบการท่องเที่ยวเป็นชีวิตจิตใจ เป็นผู้ช่วยด้านการบริหารและการปกครองของเจ้าพี่ราออฟ ส่วนผม...ก็บอกแล้วไง สนับสนุนเงินทองอย่างเดียวพอ
แต่ถึงอย่างนั้น....ตอนเช้าของที่นี่ก็ช้ากว่าที่เมืองไทย 4-5 ชั่วโมง และเช้านี้มันก็มาพร้อมกับข่าวที่ไม่น่าอภิรมย์เอาซะเลย หนังสือพิมพ์ญี่ปุ่นพาดหัวข่าวผมเช่นเคย แต่ที่ไม่เหมือนเดิมคือ...ภาพที่ปรากฏอยู่ในนั้น เป็นภาพที่ผมกำลังนั่งทานมื้อเช้ากับจีเนียสเมื่อวานนี้ที่เมืองไทย...ที่รีสอร์ท Amira ชลบุรี เจ้าเด็กน้อยนั่นไม่ได้เป็นคนถ่ายภาพนั้นแน่นอน ดังนั้นไม่มีทางที่เจ้าหนูนั่นจะเป็นคนส่งภาพนี้ไปที่ญี่ปุ่นดังเช่นทุกครั้ง แล้วมันจะเป็นใครล่ะถ้าไม่ใช่....
...คนๆนั้น....
...ว่าที่คู่หมั้นคู่หมายของโอรสแห่งกษัตริย์ประเทศเบซาเลเอล คู่หมั้นคู่หมายเจ้าชายตระกูลอัล-เฮลมันด์ หญิงสาวผู้น่ารักอ่อนหวาน เป็นทั้งพระญาติและเพื่อนเล่นตั้งแต่สมัยเด็กของเจ้าชายราชวงศ์ เธอคือเจ้าหญิง...
“อมิร่า”
“เพคะ” ‘เจ้าหญิงอมิร่า อาล อีซา บูไซย์’ เจ้าหญิงที่หนีไปตั้งรกรากอยู่ที่เมืองไทย แต่เมื่อคืนนี้เธอจำต้องเดินทางกลับมาประเทศบ้านเกิดอีกครั้ง ด้วยเหตุผลเดียวกับพวกเราทุกคน
...เหตุที่ว่านั่นคือ... ‘กษัตริย์อับดุล ราฟีห์ บู อัลบา อัล-เฮลมันด์’ ได้ประกาศสลับราชบังลังก์เมื่อคืนนี้ และนั่นจึงเป็นเหตุความวุ่นวายให้เจ้าพี่ได้งานยุ่งตั้งแต่เมื่อคืน...
“.......” ผมจ้องหน้าน้องนิ่งๆ จากรอยยิ้มมันก็กลายเป็นใบหน้าเรียบเฉย ก่อนเธอจะหันหน้าไปอีกทาง
“........” และระหว่างเราก็มีแต่ความเงียบ
“หม่อมชั้นไม่ใช่เศษผ้า” น้องพูดขึ้นพร้อมกับหันหน้ามาและช้อนตาขึ้นมาสบกับผมตรงๆ
“พี่ไม่เคยเห็นน้องไร้ค่าเช่นนั้น น้องก็รู้” ผมบอกอย่างใจเย็น
“ใช่....หม่อมชั้นรู้ รู้ว่าตัวเองไร้ค่าแค่ไหน” เสียงเธอเริ่มสั่นเครือ
“อมิร่า...อย่าบีบน้ำตา” ผมดุเสียงเรียบเย็นขึ้น ผมรู้ดีว่าเธอรู้สึกเช่นไร เธอน้อยใจแต่เธอไม่ได้เสียใจแน่นอน
“......” เธอเงียบก่อนใบหน้าที่คลอไปด้วยหยาดน้ำตานั้นจะหายไป และกลับมามีรอยยิ้มละไม
“น้องควรกลับไปหาเขา” ผมแนะนำ อมิร่ามีคนที่รักอยู่แล้ว แม้ว่าน้องจะรู้ดีถึงฐานะของตัวเองแต่เธอก็ยังไปรักกับคนๆนั้น และที่สำคัญเธอไม่เคยบอกเขาเลยว่า...ตัวเธอเองเป็นว่าที่คู่หมั้นหมายของเจ้าชายแห่งอาหรับ
“.......” น้องไม่ตอบ แต่กลับหันหน้าไปอีกทาง “...เขาทิ้งหม่อมชั้นไปแล้วเพคะ” หือ?
“ตั้งแต่เมื่อไหร่?” ผมรู้สึกโกรธขึ้นมาทันที กล้าดียังไงคนโง่เง่าคนนั้น กล้าดียังไง!!!
“....อย่าทรงกริ้วเพคะ” น้องพูดพร้อมกับเอื้อมมือมาบีบมือของผมเบาๆให้ใจเย็น แต่จะให้ใจเย็นได้ยังไง ที่ผมและเจ้าพี่ราออฟปฎิเสธเธอไม่ใช่เพราะมันหรอกหรือ?
ใช่...เพราะอมิร่ามีคนรักอยู่แล้ว เมื่อเจ้ากรมวังนำเรื่องคู่หมั้นหมายมากราบทูลเจ้าพี่ราออฟจึงปฎิเสธ เพราะเจ้าพี่รู้แล้วเช่นกัน ก็จะไม่ให้ไม่รู้ได้อย่างไรล่ะ ในเมื่อเจ้าคนที่อมิร่าหลงรักเป็นพระสหายคนหนึ่งของเจ้าพี่เอง และพอมาถึงผม...ผมก็ปฎิเสธด้วยเหตุผลเดียวกัน อีกอย่างทั้งผมและเจ้าพี่ราออฟต่างก็รักอมิร่าแบบน้องสาวคนหนึ่งเท่านั้น แต่นี่ก็ไม่ใช่เหตุผลที่จะนำมาปฎิเสธหรอกเพราะถึงแม้จะไม่ได้รักชอบแบบชู้สาวแต่ก็เสพสุขด้วยกันได้ แต่เป็นเพราะอมิร่ารักคนๆนั้น เราทั้งคู่จึงกล้าปฎิเสธอย่างไร้เยื่อใย เพียงแต่ไม่คิดว่า....
“ทำไมถึงปล่อยมันไป” ผมถามพยายามควบคุมความโกรธไว้ ถ้าอมิร่าไม่มีเหตุผลที่ดีพอ ผมจะไปล่ามันเอง บอกแล้วไง...ถึงอย่างไรผมก็รักเธออย่างน้องสาว
“...เพราะเขาจะมีความสุขกว่าเพคะ” หือ? แสดงว่า...อมิร่ายอมปล่อยเจ้าคนโง่นั่นไปเองงั้นหรือ?
“น้องหมายความว่ายังไง?”
“เหตุผลเดียวกันเพคะ” อะไรนะ
“........” ผมเงียบ..
ผมมองหน้าน้อง พยายามรวบรวมความคิดว่าน้องหมายถึงอะไร อยากบอกนะ....
“อมิร่า” เสียงผมเย็นขึ้นมาทันที อย่าบอกนะ...ว่าเหตุผลที่ส่งรูปไปลงหนังสือพิมพ์เพียงเพราะเธอคิดแบบนี้
“...ถ้าเค้ารักเจ้าพี่จริง เค้าจะกลับมาเพคะ” เธอยิ้มละไมบอกพร้อมกับลูบมือผมเบาๆ ผมค่อยๆดึงมือตนเองออกมาจากฝ่ามือน้อง ความโกรธเรื่องของน้องเหือดหายไปทันที และทดแทนด้วยเรื่องที่ไม่คิดว่า...ไม่น่าเชื่อว่าเธอจะกล้าทำถึงขนาดนี้
“คิดดีแล้วใช่มั้ย? ที่กล้าทำถึงเพียงนี้” ผมบอก แต่ด้วยคำพูดที่แฝงการขู่เป็นนัยๆ จากรอยยิ้มหวานเธอก็หยุดยิ้มทันที
“หม่อนชั้นแค่เป็นห่วง”
“เธอกำลังแก้แค้นพี่” ผมพูดความรู้สึกของเธอออกมา เปลี่ยนสรรพนามการเรียกทันที
“......” เธอเงียบเป็นการยอมรับโดยนัย นัยน์ตาหวานเริ่มแดงก่ำ แต่กลับไม่คลอไปด้วยน้ำตาอย่างที่ควรจะเป็น แน่นอนเธอแค้น...แค้นทั้งผมและเจ้าพี่ราออฟ แค้นแบบเด็กๆ แค้นทั้งๆที่รู้เหตุผลดี
“เธอกลับไปซะ ไปอยู่ในที่ๆของเธอ” ผมบอกอย่างพยายามใจเย็นที่สุด
“.......” เธอเม้นปากอย่างจนไปด้วยคำพูด
ผมรู้...เธอโกรธ เธอเศร้า เธอน้อยใจ และตอนนี้เธออาจจะกำลังเสียใจ แต่ผมจะไม่สงสารเธอ เพราะเธอตัดสินใจทำเองทั้งหมด ดังนั้นเธอก็ต้องยอมรับการ ‘ตัดสิน’ จากผมเช่นกัน
“...หม่อมชั้นทูลลาเพคะ” เธอกล่าวและโค้งเคารพ
อมิร่าเดินออกไปแล้ว ส่วนผมก็ต้องระงับอารมณ์คุกกรุ่นที่กำลังรบกวนจิตใจอยู่นี้อย่างยากลำบาก เรื่องอะไร...
...มันเรื่องอะไร...
“...ที่ชั้นจะรอให้เธอกลับมาเองล่ะ เจ้าหนู”
“เธอเป็นของชั้นแล้ว..จีเนียซ”
“เธอเป็นของชั้นแล้ว...”
“ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน เธอก็คือของๆชั้น”
...อย่าได้เป็นอิสระอีกเลย...
...ของเล่นมันต้องอยู่ในกล่องสิ...
...เด็กน้อยของชั้น....
TBC
เรารักเจ้าชาย กร๊าสสสสสสสสสสสสสสสสสส...
แล้วพบกันใหม่จ้าาาา
อยากมาบอก
นิยายของ uriuri
28 มกราคม 2014 เวลา 3:56 น.
yaoi นะจ้ะ มีฉากวาบหวิวทุกเรื่อง เบาๆก็เรื่องนักเปียโนนี่แหละ เรื่องอื่นร้อนแรงมาก รับไม่ได้อยากเฉียดเข้าใกล้นะเออ
เรื่องแรก ^__^ หนุ่มวายกับชายในฝัน ^__^
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=35321.0
http://www.niyay.com/story/story.php?story_id=60865
เรื่องที่สอง ^__^ ปาปารัสซี่กับเจ้าชาย ^__^
http://www.niyay.com/story/story.php?story_id=65730
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=38240.0
เรื่องที่สาม ^__^ รักนะหนุ่มนักเปียโน ^__^
http://www.niyay.com/story/story.php?story_id=64946
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37696.0
เรื่องที่สี่ ^__^ Love Devil รักร้ายเทพอสูร ^__^
http://www.niyay.com/story-69297/
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=40696.0
และเรื่องอื่นๆ ไม่บอก ดองไว้ก่อน ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆ
ฝากด้วยนะ จ๊วบบบบบบ
พบปะกันได้ในเฟส https://www.facebook.com/uri2uri
แนะนำ/แชร์นิยายโปรดกันได้ที่เพจ https://www.facebook.com/uriuri.Story?ref=hl
uri