ตอนที่ 8 สีหน้าของฟางตอนที่เดินเข้าบ้านมา ดูซีดเซียวหนักจนวันชาติได้แต่บ่นตัวเอง
....ทำไมกูไม่ปล้ำไอ้เด็กเวรนั่นซะให้รู้แล้วรู้รอดวะ....
“เจอเพื่อนไซโคอะไรมาล่ะ”
“เปล่า”
ทันทีที่ปฏิเสธ วันชาติก็ปาดเหม่งฟางไปที
“อย่ามาเปล่ากะกู แต่ละคนชอบสร้างปัญหาให้กูตามแก้ไม่รู้จบ”
“เฮ้ย เกี่ยวอะไรกับกูล่ะ” พี่ชายโวยวายมาจากในบ้าน “มึงน่ะแหละตัวสร้างเรื่อง”
“เรื่องของฉันมันก็เกี่ยวกับพี่น่ะแหละ” วันชาติหันไปเถียงพี่ชายแล้วหันมาหาฟาง “เด็กเวรนั่นพูดอะไร”
ฟางหันไปมองตาลาไต แล้วหันไปมองรูปภาพของบุ๋ม
“มันก็พูดไปเรื่อย เดี๋ยวพรุ่งนี้ไปเรียน เจอกันก็คุยกัน”
วันชาติทำนิ่วหน้า “แล้วคำตอบของกูอยู่ตรงไหน”
“มันพูด.....” ฟางอึกอัก หันหน้าไปทางตรงข้ามกับที่ตาลาไตยืนอยู่
วันชาติก็เลยต่อให้ “มันพูดว่ามันชอบมึง กับกูชวนมันเป็นแฟน”
“ครับ”
“มึงกลัวกูจะอกหักละสิ ไม่ต้องห่วงนะ ถึงกูจะอยู่บ้านนอก กูก็มีวิธีจีบมันตามแบบของกูเอง กูฝึกมาเยอะ รู้มากกว่า 100 วิธี”
ฟางมองหน้าวันชาติอย่างคาดไม่ถึงแล้วหัวเราะร่วน
“พี่ชอบเดลจริงๆ หรือ ชอบมันตั้งแต่ตอนไหน”
วันชาติยักไหล่
คาดว่าด้วยฤทธิ์เหล้าที่มันค้างคา ทำให้วันนี้สมองส่วนกะล่อนทำงานได้ไหลลื่น
“กูจะชอบตอนไหนก็ช่างกูเหอะ เว้นแต่มึงจะชอบมัน”
“ไม่ครับไม่ใช่ ฉันไม่ได้ชอบมันแบบนั้น” ฟางรีบปฏิเสธ
“เออ ไม่ชอบก็ไม่ชอบ ไปดูบอลกันดีกว่า”
วันชาติกอดคอฟางไปนั่งดูบอลกัน 3 คน
เช้าวันถัดมา ฟางตื่นเช้าไปมหาวิทยาลัย ส่วนวันชาติเตรียมตัวออกเดินทางในช่วงสาย ขณะที่ตาลาไตเจ้าของบ้าน เตรียมตัวออกไปคุยเรื่องงานกับเพื่อน
รถตำรวจ 2 คันเข้ามาจอดที่หน้าบ้าน
เจ้าพนักงานชุดที่เดินเข้ามาแนะนำตัวและก้าวเข้ามาในบ้าน แม้จะคุ้นหน้าคุ้นตาแต่ก็ทำงานกันคนละหน่วย
หลังการทักทายตามธรรมเนียม ผู้ที่มาก็บอกวัตถุประสงค์
“ขอเราตรวจบ้านหน่อย”
“เชิญ”
ตาลาไตบอกอย่างบริสุทธิ์ใจ ขณะที่วันชาติเหลียวมองซ้ายขวา
ไม่กี่วันก่อนพี่บุ๋มตาย ถัดจากเผาพี่บุ๋มก็ไปทำงาน กลับมาโดนพักงานเพราะหลักฐานหาย วันนี้โดนตรวจบ้านทั้งหมดนี่มันเกิดขึ้นในเวลาไม่ถึง 2 สัปดาห์ ทำไมการทำงานมันถึงได้รวดเร็วนัก
.........เร็วจนเหมือนทุกสิ่งอย่างเตรียมพร้อมไว้ล่วงหน้า รอแค่ลงมือเท่านั้น......
พอหันไปสบตาพี่ชาย ก็คิดว่าพี่ชายคงคิดเหมือนกัน
ระหว่างตรวจค้นบ้าน กับการสอบปากคำ ตรวจสอบบัญชี อะไรมันควรเกิดขึ้นก่อนหลัง
...กูไม่เข้าใจว่ะ...
ได้ยินเสียงเปิดประตูห้อง เสียงลากโต๊ะ ขยับเก้าอี้ดังลงมาจนถึงชั้นล่าง เจ้าพนักงาน 2 คนที่เดินขึ้นไปบนบ้าน หายไปประมาณ 10 นาทีก็เดินลงมาพร้อมกับกระเป๋าหนังขนาดย่อม วางลงที่พื้นต่อหน้านายตำรวจที่เป็นหัวหน้าชุดที่ยืนอยู่กับตาลาไต
ภายในกระเป๋าคือเงินสดมัดเป็นปึกวางอยู่
ตาลาไตมองเหมือนไม่เชื่อสายตาตัวเอง
“นั่นมัน”
หัวหน้าชุดที่ยืนอยู่ด้วยกัน บอกกับตาลาไต “ผู้กองไปด้วยกัน”
....เร็วเกินไปแล้ว นี่มันรวบรัดตัดตอนเร็วยิ่งกว่าหนังโฆษณาเสียอีก....
วันชาติยืนมองขบวนรถที่เคลื่อนที่ออกไป แล้วโทรหาพ่อกับแม่ที่บ้าน
“พ่อ แม่ ฉันยังกลับบ้านไม่ได้นะ ตำรวจมาค้นบ้าน เจอเงินที่ว่าหายไป แล้วเขาก็เอาพี่ตาลไปด้วย เดี๋ยวฉันปิดบ้านก่อนแล้วจะตามไปหาเขา แม่ถามฉันแล้วฉันจะรู้มั้ยล่ะ กฏระเบียบบ้าบออะไรพวกนั้นน่ะ ฉันรู้แต่ว่าได้กลิ่นแพะโชยมาแต่ไกล”
วันชาติรีบปิดบ้านแล้วขับรถกระบะคันเดิมมาหาพี่ชายที่สำนักงาน
ถึงจะไม่เข้าใจอะไรมากมายหลายอย่าง
แต่พี่ชายไม่ใช่คนที่จะยักยอกเงินของกลางไว้แน่ๆ
“สัด! ถึงกูจะบ้านนอก แต่กูก็เห็นนะว่าพวกมึงเอาของมายัดข้อหาให้พี่กู สัด! เดี๋ยวกูก็เผาสำนักงานห่านี่แม่งให้ราบ!!!!”
พักเที่ยง ฟางรับโทรศัพท์จากวันชาติแล้วกดวางสายไปด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
“ใครเป็นอะไรอีกล่ะ” เดลถาม
“เจ้านายน่ะ”
เดลเหยียดปากวิจารณ์ “มีเรื่องไม่รู้จักจบจักสิ้น”
ฟางหันมามองหน้าเพื่อนทั้งสายตาและสีหน้าไม่พอใจชัดเจน จนเดลรู้ตัว “ก็เห็นรับโทรศัพท์กี่ครั้งก็มีแต่เรื่องของเจ้านายมึงตลอด กูก็เลยพูดไป”
“วันนี้เลิกเรียน กูจะไปบ้านเจ้านาย”
“ไปทำไมล่ะ มันเรื่องอะไร”
หนุ่มคนซื่อส่ายหน้า จากที่วันชาติเล่าให้ฟังคิดว่าจะเกี่ยวกับของกลางที่หายไป แต่ไม่อยากเล่าให้เดลฟังทั้งหมด
“กูไม่ได้รู้อะไรเยอะนักหรอก แต่กูคิดเอาเองว่าหมดวันเขาก็ต้องกลับบ้าน กูไปรอเขาที่บ้านดีกว่า”
“แล้วมึงจะทำอะไรได้”
ฟางเกาหน้าผากตัวเอง “ก็...อย่างน้อยกูก็พอจะซักผ้า หุงข้าวทำกับข้าวให้เขากินได้ละวะ”
“แค่นั้นเขาทำเองได้หรอกน่า” เดลทำเสียงขึ้นจมูก
“เดล เขาเป็นเจ้านายกูนะ เขาส่งกูเรียน”
“เออ กูรู้ ว่าเขาเป็นเจ้านายมึง แล้วกูก็รู้ใจมึงด้วยว่าที่มึงจะแล่นไปหาเขาทันทีที่เขาเรียก ก็เพราะมึงชอบเขา”เดลท่าทางคับข้องใจ “มึงชอบเขาไปก็เท่านั้น เขาไม่ได้ชอบผู้ชาย เขาชอบผู้หญิง”
....กูคือคนที่ชอบมึง ทำไมมึงถึงไม่ชอบกูบ้าง....
ฟางได้แต่ก้มหน้ามองพื้น เมื่อบอกเพื่อน “กูรู้ กูไม่ได้หวังว่าเขาจะชอบกู แล้วตอนนี้เขามีปัญหา จะให้กูอยู่เฉย ๆได้ยังไง”
....แล้วที่จริง หลายครั้งหลายหนที่ยอมให้ความสับสนในใจเป็นตัวชี้นำ ถึงกับเลือกที่จะหนีหน้า จนพี่บุ๋มต้องร้องขอว่าให้ดีกับพี่ตาลบ้าง...
“แล้วนี่เขาโทรหามึงหรือไง”
“เปล่า พี่วันชาติน่ะ”
“ห่านี่อีกแล้ว” เดลสบถ
“เดล ถึงมึงจะไม่ชอบเขา แต่ยังไงพวกเขาก็มีบุญคุณกับกู พ่อแม่กู น้องกูยังมีที่ซุกหัวนอนก็เพราะพวกเขา ถ้าเย็นนี้มึงไม่อยากไปก็ไม่เป็นไร”
ฟางไม่เคยปิดบังเพื่อน ว่าครอบครัวยากจน
“แล้วนี่เขายังอยู่อีกหรือ ไหนว่าจะกลับบ้าน”
“ก็พี่ชายเขามีเรื่อง เขาโทรมาบอกว่าถ้าพอจะไปดูบ้านให้ได้ก็ไปให้หน่อย เพราะรีบปิดบ้านแล้วตามออกไป เขาก็ยังไม่รู้เหมือนกันว่า คืนนี้จะได้กลับบ้านกันหรือเปล่า”
เดลกระแทกเสียงในคอ “เรื่องใหญ่นะเนี่ย”
คำพูดของเพื่อน ยิ่งคุยก็ยิ่งขัดหู แต่ฟางใจเย็นพอที่จะเงียบ แทนที่จะพูดต่อ
วันชาติเองพอตามไปถึงที่สำนักงาน ที่ทำได้ก็คือชะเง้อมองจากห้องผู้มาติดต่อ เห็นเพื่อนของพี่ชายหลายคนเดินเข้าไปในห้อง ๆหนึ่ง จากนั้นก็พากันออกมาจากห้อง โดยมีพี่ชายเดินออกมาด้วย
“อย่างน้อยก็ไม่ได้ใส่กุญแจมือละวะ”
ฉลองหันมาเห็นวันชาติที่ชะเง้อมองมา ก็เลยเดินออกมาหา
“ไม่ต้องมารอพี่ชายมึงหรอก กลับบ้านไปเหอะ”
“มันไม่สบายใจ”
“เออ แต่ตาลมันไม่ใช่ผู้เยาว์ ไม่ต้องมีผู้ปกครองมารับทราบ กูจะบอกมันให้ว่ามึงมา”
วันชาติพยักหน้า “แล้วพี่ล่ะ เป็นไงมั่ง”
“กูไม่เป็นไรหรอก ว่าแต่พี่มึงเอาไงเรื่องไปทำงานอื่นน่ะ”
“ที่จริงเขามีนัดคุยงานกับเพื่อนเขาวันนี้นะ”
ฉลองยกยิ้มมุมปาก “งั้นก็ดี”
“แล้วพี่ตาลจะต้องติดคุกมั้ย”
“โดนวินัยน่ะแน่นอนอยู่แล้ว แต่เรื่องติดคุกมันคงไม่ใช่วันนี้ พรุ่งนี้หรอก มันยังอีกหลายขั้นตอน”
วันชาติตัดสินใจทันที “งั้นฉันรออยู่ที่นี่ไปเรื่อยๆ แล้วกัน”
ยิ้มของฉลองยิ่งแปลกกว่าเดิม “เออ ตามใจมึงเถอะ แต่มันอาจข้ามวันข้ามคืนก็ได้ ทุกอย่างขึ้นอยู่กับพี่ชายมึง ว่าจะสารภาพหรือซัดทอดไปหาใครบ้าง”
“พี่ตาลไม่เคยเอาของ ๆใคร” หนุ่มบ้านนอกเสียงห้วนทันที
“ใครจะไปรู้ หลักฐานอยู่ในบ้านอย่างนั้น”
วันชาติปิดปากสนิท เมื่อความไม่ไว้ใจแล่นเข้ามาที่สมอง
ถึงฉลองจะเป็นเพื่อนสนิทกับพี่ชาย ที่ร่วมงาน ผ่านความเหน็ดเหนื่อยมาด้วยกัน แต่ใครจะไปรู้......
ตาลาไตนั่งหลังตรงกวาดตามองทุกคนที่อยู่ในห้องสอบสวนเล็กแคบ
ทุกคนล้วนเป็นคนคุ้นหน้าคุ้นตา
หัวหน้าชุดโบกมือไล่ทุกคนออกไปจากห้อง ขอคุยกันแบบส่วนตัวที่ไม่ใช่การสอบสวนก่อน
“กูไม่เคยเห็นมึงเดือดร้อนเรื่องเงิน”
ตาลาไตพยักหน้า
“มึงเป็นคนตั้งใจทำงาน มีผลงานที่ดี กูวางใจมึงยิ่งกว่าลูกชายกูเสียอีก ถึงไม่อยากเชื่อว่ามึงเป็นคนยักยอกเอาของไป”
“ผมไม่ได้เอาไป แล้วก็ไม่เข้าใจเรื่องที่มันไปอยู่ในบ้านผมได้ยังไงด้วย”
หัวหน้าชุดถอนหายใจแรง “ตาล ทั้งมึงทั้งกูไม่ใช่เด็กๆ แล้ว”
“ก็เพราะว่าไม่ใช่เด็กๆ แล้ว ผมถึงได้ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงเป็นผม”
“เพราะของกลางที่หายไปอยู่กับมึง”
“นั่นสิ ทำไมมันถึงได้อยู่กับผม”
ถ้าตาลาไตเป็นผู้ต้องหาคนอื่น หัวหน้าชุดก็จะคิดว่าผู้ต้องหากำลังเล่นคำ หลีกเลี่ยงความผิดทั้งที่หลักฐานชัดเจน แต่เพราะนี่คือตาลาไต ทำให้หัวหน้าชุดพยักหน้าเข้าใจ ขณะที่เปิดแฟ้มบางที่วางอยู่ข้างหน้า
“กูรู้จักมึงตั้งแต่มึงบรรจุเข้าทีม เจอหน้ามึงมากกว่าเจอหน้าเมีย มึงไม่เล่นพนัน ไม่เจ้าชู้ มีเงินเก็บ มึงจบโท ซื้อบ้าน กำลังจะแต่งงาน ถึงพื้นฐานฐานะทางบ้านมึงอยู่ในเกณฑ์ดีก็จริง แต่เพราะมึงอยู่หอพักมานาน มึงซื้อบ้านเงินสด แล้วตอนนี้มึงกำลังจะหางานใหม่”
ตาลาไตหรี่ตาลง “หัวหน้ารู้ดีว่า แม่ผมให้เงินมาซื้อบ้าน เพราะผมจะพาน้อง พาหลานมาเรียนกรุงเทพฯ ผมกำลังจะแต่งงาน แต่ผมก็ต้องผ่อนคืนแม่ ส่วนเรื่องงานใหม่ผมยังไม่ได้ตัดสินใจ”
หัวหน้าชุดเคาะโต๊ะเบาๆ ขณะที่เอนตัวพิงเก้าอี้
“แต่เรื่องของมึงมันมีช่องว่าง”
ตาลาไตส่ายหน้า “ทุกเรื่องที่ผมทำ ผมมีเหตุผลเสมอ และผมก็มีหลักฐานที่จะพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของผม”
“กูรู้ว่ามึงเอาเหตุผลนำความรู้สึกส่วนตัวเสมอ แต่มึงก็เห็นอยู่ว่า เงินของกลางอยู่ในบ้านมึง กระเป๋าใส่เงินที่ถ่ายภาพเป็นหลักฐานจากบ้านผู้ต้องหา มันไปอยู่ที่บ้านมึง”
หัวหน้าชุดลูบหน้าแรงๆ
“กูมีข้อเสนอให้มึง....ตามระเบียบราชการ”
ตาลาไตรอฟัง
“มีใครร่วมขบวนการกับมึงบ้าง”
“ไม่มี เพราะผมไม่ได้ทำ”
“ตาล มึงก็รู้ ว่าขั้นตอนนี้เรากันมึงเป็นพยานได้”
“ผมรู้ แต่ผมไม่ได้ทำจริงๆ แล้วจะให้ผมพูดชื่อใครออกมาให้เขาต้องเดือดร้อนไปด้วย”
หัวหน้าชุดเคาะที่แฟ้มเอกสาร “ยังมีอีกทางเลือก งานที่มึงกำลังจะไปคุยคืองานอะไร”
“อาจารย์มหาวิทยาลัยเอกชนน่ะครับ”
“เอาอย่างนี้ได้มั้ยตาล ถ้ายังคงสอบสวนกันต่อไป มันไม่ได้ทำให้ใครดีขึ้นมาได้”
“มันสำคัญที่หัวหน้าเชื่อว่าผมเป็นโจรที่สวมเครื่องแบบ”
“กูไม่เชื่อว่ามึงเป็นโจรที่สวมเครื่องแบบ แต่ทุกอย่างชี้มาที่มึง แล้วมึงก็รู้ว่าของกลางหายมาหลายครั้ง ถ้ามึงโดนวินัย ทุกอย่างจะอยู่ในประวัติ มึงจะไปเริ่มงานอาจารย์ของมึงได้ยังไง”
“ผมไม่ได้เอาของไป” ตาลาไตพูดเสียงต่ำ ภาพของเพื่อนร่วมงานทุกคนที่กลายเป็นผู้ต้องสงสัยหมุนวนอยู่ในสมอง
“ถามใจกูนะ กูเองก็คิดเหมือนมึงว่าต้องมีคนใส่ร้าย แต่หลักฐานนะตาล มึงดูที่หลักฐานเป็นหลัก มึงจะเอายังไง ดึงดันว่ามึงไม่ผิด ตั้งคณะกรรมการสอบใช้เวลาอีกเป็นปี ชีวิตมึงติดอยู่ในกับดัก ทำอะไรไม่ได้ แล้วมึงก็รู้ ว่า...ถ้ามันทำอย่างนี้ แสดงว่ายังไงมันต้องจัดการมึงให้ได้ ดีไม่ดีมันอาจเล็งจัดการทั้งชุด”
ตาลาไตเท้าศอกบนโต๊ะ ประสานมือรับหน้าผากที่ทิ้งน้ำหนักลงมาหา
“ทำไมถึงเลือกผม”
หัวหน้าชุดพูดช้าๆ
“เพราะมึงเป็นคนยอมหักไม่ยอมงอ ไอ้คนที่ทำมันรู้ว่ามึงต้องสู้ต่อแล้วนั่นก็จะทำให้คณะกรรมการเรียกสอบทั้งชุด ค้นบ้านทุกคน ตรวจสอบบัญชีทุกคน....แล้วมันก็จะเจอ ทุกอย่างที่มันอยากเจอ”
...หลักฐานการกระทำความผิด จะไปปรากฏอยู่ที่บ้านและบัญชีเงินฝากของทุกคน....
“แต่ถ้าผมชิงลาออก คดีจบ ทุกคนรอด”
หัวหน้าชุดไม่ได้พูดต่อ เพียงแต่นั่งอยู่ด้วยกันจนกระทั่งมีเสียงเคาะประตู และฉลองเดินเข้ามา
“จะ 5 โมงเย็นแล้ว หัวหน้ากินอะไร ตาลมึงจะกินอะไร กูจะได้ไปซื้อมาให้ นี่กูบอกวันชาติให้มันกลับบ้านไปก่อน แต่มันจะรอมึง”
“มันตามมาหรือ”
“เออ มันตามมาตั้งแต่ก่อนเที่ยงนั่นแหละ”
หัวหน้าชุดได้แต่ส่ายหน้า “พี่น้องดื้อพอกัน”
“ผมว่าไอ้ตาลดื้อกว่า”
“กูไม่ได้เอาของไป กูไม่เคยเอาของ ๆใคร”
ตาลาไตย้ำคำเดิม ทำให้หัวหน้าชุดกับฉลองหันมามองหน้ากัน
ฉลองปิดประตูก้าวเข้ามายืนข้างๆ
“มึงจะสู้คดีใช่มั้ย มึงรู้ดี ว่าถ้ามีหลักฐานอย่างนี้ เดี๋ยวคืนนี้ทีมสอบสวนเขาก็มารับมึงไปนอนห้องขัง กูไม่เป็นไรหรอก ยังพอมีเวลากลับบ้านไปบอกเมียให้ออกหางานทำ ดีที่กูไม่มีลูก เขาอยู่ลำพังคงไม่ลำบากเท่าไหร่ แล้วอย่างมากคืนพรุ่งนี้ กูก็มานอนห้องเดียวกับมึง คิดเรื่องงานใหม่หลังพ้นโทษไปเรื่อยๆ ออกมาเมียกูได้ผัวใหม่พอดี”
“ก็กูไม่ได้ทำ”
“เออ มึงไม่ได้ทำ กูก็ไม่ได้ทำ หัวหน้าก็ไม่ได้ทำ ทั้งชุด 12 คนไม่มีใครทำ ไม่มีใครบอกว่ามึงทำ แต่หลักฐานมันอยู่ที่มึง” ฉลองพูดเสียงเข้ม “ตกลงเย็นนี้จะกินอะไร กูจะออกไปซื้อข้าวแล้ว”
ตาลาไตได้แต่ส่ายหน้า ส่วนหัวหน้าชุดพลิกข้อมือดูนาฬิกา
“กูยังพอยื้อเวลาให้มึงจนถึงสายๆ วันพรุ่งนี้ มึงคิดให้ดีแล้วกันตาล กูรู้ว่ามันตัดสินใจลำบาก ตลอดชีวิตกูรู้แต่เป็นตำรวจ การที่ยอมลาออกไปทั้งที่ไม่ได้ทำผิด ถึงจะไม่ได้บันทึกไว้ในประวัติ แต่มันก็เท่ากับยอมรับกลายๆ ว่าทำผิด แต่ถ้าสู้ต่อกับคนที่เอาหลักฐานเท็จไปยัดให้มึงอย่างที่มึงว่า มึงคิดหรือว่าจะชนะ”
หัวหน้าเดินออกไปจากห้องปล่อยให้ตาลาไตอยู่ในห้องเพียงลำพัง
เหมือนที่ห้องโถงด้านนอก วันชาติยังคงนั่งคอยพี่ชายอยู่อย่างนั้น จนเมื่อเกือบเที่ยงคืนที่กลับเข้าบ้าน ไฟที่หน้าบ้านและชั้นล่างยังเปิดอยู่
ฟางรีบวิ่งออกมาเปิดประตูให้
“พี่กลับมาคนเดียวหรือครับ พี่ตาลล่ะ”
“ยังอยู่ที่สำนักงานเลยว่ะ เพื่อนเขาบอกว่า หัวหน้าขอเวลาพนักงานสอบสวนจนถึงพรุ่งนี้ ถ้าพี่ตาลไม่ยอมซัดทอด ไม่ยอมลาออก เขาก็จะย้ายไปห้องขังแล้ว”
ทั้งวันชาติทั้งฟาง มีสีหน้าหนักใจไม่ต่างกัน
“พี่จะกินอะไรมั้ย”
“ไม่ล่ะ กูอาบน้ำแล้วก็จะนอนเลย พรุ่งนี้สายๆ กูถึงจะไปหาเขา เครียดว่ะ”
วันชาติพูดขณะที่เดินเลยไปที่บันได
“พี่ตาลเขาไม่โกงใครหรอก”
“ใช่ เรารู้ว่าเขาไม่โกงใคร แต่คนพวกนั้นบอกว่าเขาทำ” วันชาติก้าวลงมาใหม่แสดงท่าทางให้ฟางดู “นี่ มันถือกระเป๋าหนังเดินผ่านหน้ากูไปนี่ แล้วก็บอกให้พี่ตาลไปกับมัน”
“กระเป๋าเหรอ กระเป๋าแบบไหน ฉันเป็นคนเก็บกวาดทำความสะอาดบ้าน ฉันต้องเคยเห็นมัน”
“กระเป๋าหนังแบบสามเหลี่ยมสีน้ำตาล บ้านเราเขาเรียกกระเป๋าเจมส์บอนด์น่ะ มึงเคยเห็นมั้ย”
ฟางส่ายหน้า “ไม่เคยเห็น เขาเจอมันที่ห้องไหน”
“ไม่รู้เหมือนกัน” วันชาติยอมรับตามตรง “กูกับพี่ตาลอยู่ตรงนี้ตอนที่พวกเขาเข้ามา แล้วก็ผลุบผลับ แป๊บเดียวมันก็เดินลงมาพร้อมกับกระเป๋า”
หนุ่มตัวผอมพูดพึมพำ “โดนยัดของง่ายๆ แบบนี้เลยเหรอ”
“นั่นแหละ” วันชาติเข่นเขี้ยว “กูนะ กะจะเผาสำนักงานทิ้งแม่ง! ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว โกรธฉิบหาย”
“ทำอย่างนั้นพี่ตาลก็ยิ่งแย่กว่าเดิมน่ะสิ”
“เออ กูรู้ ถึงได้แค่คิดไง”
ฟางเกาหน้าผากตัวเอง “พี่ไปนอนพักเถอะ ฉันปิดบ้านแล้วพรุ่งนี้...”
“พรุ่งนี้มึงก็ไปเรียนตามปกติน่ะแหละ ส่วนเรื่องพี่ตาล ถ้าต้องจ้างทนาย หรือเขาจะตัดสินใจยังไง กูจะโทรบอกมึง”
แต่ฟางส่ายหน้า “เลิกเรียนฉันกลับมาบ้านดีกว่า คุยทางโทรศัพท์มันไม่ค่อยรู้เรื่อง”
“เออ กูเองพรุ่งนี้เช้ากูก็ต้องโทรหาพ่อกับแม่เหมือนกัน”
..พรุ่งนี้จะเป็นยังไง ไม่รู้เลยจริงๆ....รู้แต่เพียง พี่กูไม่ผิด!!!
...จบตอนที่ 8 ....หุหุ มาตั้งแต่วันพุธ ทั้งที่นัดไว้พฤหัสบดี เพราะเกรงว่า พรุ่งนี้กว่าจะมาได้อาจเป็นตอนเย็น ๆ เกรงใจคุณผู้อ่านมากมายก็เลยขออนุญาตลงวันนี้นะครับ
พระศุกร์เข้าพระเสาร์แทรก แต่เขาว่ากันว่า มันคือเวลาที่เราจะมองเห็นได้ชัดเจนที่สุดว่าใครคือคนที่รักเรา
คิดถึงหมี่หรือครับ รอก่อนนะ ยังไม่ถึงเวลาของหมี่ ขอจัดการกับไอ้น้ำหนองเอ้ยฉลองก่อนนะ
ตอนต่อไปคือวันศุกร์นะครับ
พี่ไจฟ์กับนายน้ำชา