ตอนที่ ๒๐ ผู้หญิงคนเดิม
รถเก๋งกลางเก่ากลางใหม่จอดเทียบชายคาบ้านเคียงฟ้าตอนเที่ยงของอีกวัน คนที่หลับมาตลอดการเดินทางค่อยๆ เอนหัวขึ้นอย่างยากลำบาก รู้สึกปวดต้นคอตั้งแต่ลืมตาตื่น แขนเรียวขยับไล่ความเมื่อยขบที่เกาะติดตามข้อพับ ก่อนจะกระชับผ้าที่คลุมที่หัวไหล่ให้แน่นขึ้นเพราะยังรู้สึกว่าหนาวอยู่
“เป็นอย่างไรบ้าง มีไข้หรือเปล่า”
คนที่ทำหน้าที่สารถีเอ่ยถามขึ้น ขณะที่เท้าแขนกับพนักพิงแล้วยื่นหน้าเข้ามาใกล้ ลมหายใจอุ่นรดรินอยู่แถวข้างแก้ม คนตัวเล็กหันหน้าหนีสั่นหัวเบาๆ เป็นการปฏิเสธทั้งที่ความจริงเขากำลังรู้สึกถึงพิษไข้ที่รุมเร้ามากขึ้นเรื่อยๆ ทว่าปลายคางกลับโดนคว้าไว้โดยข้อมือแข็ง อีกฝ่ายบังคับให้เบนหน้ากลับมามองตาเรียวแต่คมลึกจ้องมองอย่างจับผิด
“ปากแข็งชะมัด ตัวร้อนขนาดนี้ยังจะสั่นหัวอีก”
“ยุ่งน่า!”
ปากเล็กสดปลั่งเพราะพิษไข้ที่มีมากขึ้นบอก พยายามจะปัดมือออกไปให้พ้นจากคางตัวเองแต่ไม่สำเร็จ ใบหน้าหวานผิดผู้ชายง้ำงอหลุบตาต่ำอวดแพขนตาหนาแทนการสบตา น่ารักเสียจนคนตัวใหญ่กว่าอดใจไม่ไหวต้องก้มลงจรดจมูกกับแก้มนิ่มฟอดใหญ่
“ทำบ้าอะไรเดี๋ยวมีคนเห็น!”
“สนใจด้วยหรือ” ร่างสูงยักไหล่อย่างที่ชอบทำ “ทีเมื่อคืนยอมให้ทำทุกอย่าง รู้ไหมเวลาคุณเมาน่ารักมากแค่ไหน”
“หยุดพูดได้แล้ว!” มือเล็กยกขึ้นปิดหูตัวเอง หน้าร้อนผ่าวไปหมดทั้งพิษไข้และความอายที่พากันแห่ขึ้นมาบนหน้า เขาเกลียดตัวเองนักที่ไม่รู้จักประมาณตน ปล่อยให้อีกฝ่ายกรอกเหล้าเข้าปากไปจนไม่อาจกะปริมาณได้กว่าจะรู้ตัวอีกทีก็เช้าเสียแล้ว ไม่มีอะไรเลวร้ายไปกว่าการที่ตื่นมาแล้วรับรู้ว่ามีบางอย่างเกิดขึ้นกับร่างกายของตัวเอง เขาไม่ใช่สาวน้อยที่ไร้เดียงสาเสียจนจะไม่รู้ว่าเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้น ซ้ำหลักฐานยังมีอยู่ในตัวของเขาหน้าเขาแทบจะแตกตอนที่ต้องใช้นิ้วกวาดกวักเอามันออกมา ยิ่งเห็นสภาพตัวเองในกระจกก็ยิ่งอยากจะร้องไห้รอยจูบมากมายปรากฏไปทั่วทุกพื้นที่ด้านหลังร้าวระบมและปวดหนึบจนเกือบจะเดินไม่ได้
จำไม่ได้ว่าอาศัยอยู่ในห้องน้ำของโรงแรมม่านรูดราคาถูกอยู่นานแค่ไหน กระทั่งได้ยินเสียงเรียกแกมขู่ว่าถ้าหากไม่ออกไปจะเข้าไปช่วยอาบถึงได้ยอมออกมา เขาอยากจะตั๊นหน้าไอ้คนที่สร้างความอับอายให้แค้นใจนักแต่เมื่อนึกดูอีกทีถ้าหากเขาไม่สมยอมคนมือตีนหนักอย่างเขาจะยอมไอ้หมอหน้าขาวนี่ได้อย่างไรและเขาก็แก่กว่าจะมาเสียน้ำตาราวกับเด็กสาวหลังจากที่รู้ตัวว่าเผลอไปนอนกับคนที่ไม่ได้รัก
แต่ก็ต้องยอมรับว่าลึกๆ แล้วเขาก็อดใจหายไม่ได้ คิมหันต์อาจไม่รู้ว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืนมันเป็นครั้งแรกของเขา...ครั้งแรกที่เขาอยากจะเก็บไว้ให้กับคนที่รักทว่าคนที่เขาเฝ้าเทิดทูนกลับไม่เคยชายตามาแล คิดถึงตรงนี้ก็อดยิ้มเย้ยในความน่าสมเพชของตัวเองไม่ได้ เพราะความชอกช้ำใจเรื่องมันถึงเลยเถิดมาถึงขนาดนี้
“ถ้าไม่ไหวก็บอกเดี๋ยวผมพากลับไปโรงพยาบาลด้วยกัน” คนตัวสูงบอกเสียงนุ่มชิดแถวขมับ
“ไหวน่า คุณกลับไปได้แล้วผมอยากพักผ่อน” เขาปัดปลายจมูกโด่งที่ค่อยป้วนเปี้ยนแถวเสี้ยวหน้าให้ออกห่าง อีกฝ่ายยอมถอยออกไปคงเพราะเบื่อที่จะแกล้งเขาแล้ว
“ถ้ามีไข้รีบโทรหาผมนะ”
อาณกรพยักหน้าส่งเดช พลางหันไปเปิดประตูแต่ยังไม่ทันที่บานประตูจะได้เปิดออกข้อศอกก็โดนคว้าไว้แรงยึดที่ไม่ได้มากจนทำให้เจ็บแต่ก็สามารถทำให้เขาหันกลับไปมองได้ ดวงตาเรียวคมทอแววอ่อนโยนอย่างไม่เคยเห็นมาก่อนและก่อนที่จะตั้งตัวติดใบหน้าขาวสะอาดก็ยื่นเข้ามาใกล้เสียแล้ว ปลายจมูกโด่งกดลงที่หน้าผากแล้วผละออกไปอย่างรวดเร็ว ชายหนุ่มกระพริบตารัวใจหายใจคว่ำกับพฤติกรรมที่พูดได้เต็มปากว่าแปลก เขามองคิมหันต์ที่ตอนนี้กลับไปนั่งประจำที่เรียบร้อยแล้ว ใบหน้าด้านข้างแม้จะไม่ได้แสดงอารมณ์อะไรออกมาชัดเจนแต่ก็เข้มขึ้น หนุ่มตัวเล็กหน้าร้อนกว่าเดิมเป็นเท่าตัวรีบเปิดประตูไวกว่าเดิมเพราะกลัวว่าประวัติศาสตร์จะซ้ำรอย
เสียงเครื่องยนต์ห่างไปเรื่อยๆ จนเขาไม่ได้ยินอีก เมื่อแน่ใจว่าคิมหันต์คงพ้นจากบ้านเคียงฟ้าแล้วร่างเล็กถึงได้ผ่อนกายลงกับม้านั่งไม้สักตัวยาว สองขาปวดหนึบคล้ายกับใช้งานหนักทั้งที่เมื่อคืนเขาแทบไม่ได้เดินไปไหนด้วยซ้ำ หัวเริ่มปวดขึ้นเรื่อยๆ เช่นเดียวกับไอร้อนในร่างกายที่เพิ่มสูง มือบางแตะที่ซอกคอตัวเองเพื่อวัดอุณหภูมิร่างกายไม่ผิดแน่ๆ เขากำลังจะเป็นไข้หลังจากมีเซ็กส์กับคนที่ไม่ได้รัก
คิดถึงตรงนี้ก็อดเจ็บหัวใจไม่ได้ อุตส่าห์เก็บทั้งร่างกายและหัวใจไว้ให้กับคนที่รักหมดหัวใจมากเกือบสิบปีแต่สุดท้ายก็เสียหนึ่งในสิ่งที่หวงแหนไปกับผู้ชายที่ไม่ลงรอยกันอย่างง่ายดายเพียงเพราะต้องการลืมเรื่องปวดใจชั่วคราวเท่านั้น น้ำเมาที่ไม่อาจกะปริมาณได้นำพาหายนะมาให้ เขายังคิดไม่ตกเลยว่านับจากวันนี้ไปจะมีอะไรเปลี่ยนแปลงอีกบ้าง ความสัมพันธ์มันยุ่งเหยิงมากขึ้นทุกที...ยุ่งจนไม่อยากแกะ ชายหนุ่มปิดตาลง กระบอกตาร้อนไปหมด อาณกรเอนตัวลงไปตามแนวยาวของม้านั่ง เข่าสองข้างคู่ขึ้นยกมือขึ้นกอดอกเพื่อให้ความอบอุ่นกับร่างกาย หัวคิ้วขมวดเข้าหากันเมื่อความจริงและความฝันตีกันจนแยกไม่ออก เขาเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าระหว่างเขากับคิมหันต์มันเป็นเรื่องจริงหรือความฝันกันแน่...
………………………………..
เสียงแหบพร่าครางอืออาในคอเมื่อเขาเลื่อนผ้าชื้นไปตามแผ่นอกบาง ร่างเล็กสะท้อนหายใจแรงขึ้นหัวคิ้วขมวดน้อยๆ ราวกับใช้ความคิดแม้แต่ในยามหลับ เหงื่อเพิ่งหยุดซึมไปเมื่อครู่นี้เองไอร้อนจากร่างกายดูดซึมเอาน้ำจากผ้าไปอย่างรวดเร็ว มือกร้านจับผ้ากลับไปชุบน้ำแล้วผิดมันให้หมาดอีกรอบ จำไม่ได้แล้วว่าทำซ้ำอย่างนี้มากี่รอบแล้วแต่ที่แน่ๆ ความร้อนจากร่างกายของคนตัวเล็กมันทุเลาลงมาก เขาลองเอาปรอทวัดไข้สอดเข้าใต้รักแร้อุณหภูมิมันเกือบจะเป็นปกติแล้ว แต่เขายังไม่ไว้ใจ ชายหนุ่มเฝ้าวนเวียนเช็ดตัวให้คนป่วยอยู่อย่างนั้นอย่างไม่รู้จักเบื่อหน่าย สำหรับคนๆ นี้เขาไม่เคยเบื่อหรือหน่ายเลยแม้แต่น้อย ให้ปรนนิบัติไปทั้งชีวิตก็ยินดี
“อือ..พี่เสือ”
มือสีคร้ามชะงักไปเล็กน้อย ขยับหน้าเข้าใกล้กับริมฝีปากอิ่มจัดเพื่อจับใจความกับคำพูดเมื่อครู่อีกครั้ง ทว่าปากคนป่วยกลับไม่ขยับอีกแล้วจึงมีแค่เสียงลมหายใจที่ยังไม่สม่ำเสมอเท่านั้น
ร่างหนาถอนหายใจเฮือกใหญ่ อาการเจ็บป่วยของคนตัวเล็กมันไม่น่ากังวลสักนิดถ้าเทียบกับรอยช้ำจางๆ บนร่างกาย แม้จะผ่านประสบการณ์บนเตียงมาไม่น้อย แต่เขาไม่พวกชอบสร้างความเจ็บปวดให้กับอีกฝ่ายโดยเฉพาะกับคนๆ นี้เขาอยากจะถนอมให้ได้มากที่สุดด้วยซ้ำ แต่มันก็ทำใจยากเหลือเกินที่จะปฏิเสธว่ารอยที่เห็นไม่ใช่รอยจากการทำรัก ที่เจ็บปวดที่สุดก็คือใครเป็นคนทำ...หรือจะเป็นคนที่คนป่วยเพิ่งจะละเมอถึง มือหนาเผลอกำผ้าแน่นจนน้ำร่วงลงบนเตียงเป็นวงกว้าง หัวใจเขาบีบรัดแน่นขณะเดียวกันก็เจ็บเหมือนโดนมีดสักร้อยเล่มมากรีดแทงลงบนเนื้ออ่อนๆ
คราแรกเขาตั้งใจว่าถ้าหากคนตัวเล็กตื่นมาเมื่อไรจะถามให้ได้ความทว่าตระหนักได้ถึงความจริงเสียก่อน เขามันเป็นแค่ไอ้ขี้ค่าไร้ฐานันดรไม่สมควรสะเออะไปยุ่งกับเรื่องส่วนตัวของคนที่อยู่เหนือกว่า อกไอ้หนุ่มบ้านไร่กลัดหนองคิดไม่ถึงเลยว่าการแอบรักมันจะทรมานถึงเพียงนี้...
…………………………….
“เมื่อไรพ่อจะกลับมาล่ะฮะพี่เมี่ยง”
“พี่ก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะ พิกเล็ตโทรไปแล้วไม่ติดไม่ใช่หรือ”
“ฮะ ให้อาภูมิช่วยโทรด้วย แต่ก็โทรไม่ติดเหมือนกัน”
“พี่เสือหายไปไหนนะ คุณออยก็ดันมาป่วยซะอีก ตั้งแต่แม่พิกเล็ตกลับมามีแต่เรื่องไม่ดีเนอะ”
เสียงสนทนาที่ดังอยู่ใกล้หูมันกระตุ้นให้ประสาทที่ปิดการเคลื่อนไหวไปนานค่อยๆ ทำงานอย่างเชื่องช้า เปลือกตาหนักอึ้งเหมือนมีใครเอาหินมาทับหรี่ปรือขึ้น แสงจ้าจากหลอดไฟเป็นสิ่งแรกที่เขาได้เห็นแต่มันก็สว่างมากเสียจนต้องหยีตาไปพักใหญ่แล้วลืมขึ้นมาใหม่ คราวนี้เขาหันไปโฟกัสที่จุดอื่นแทน
ใบหน้าขาวกลมของพิกเล็ตยื่นมาใกล้เสียจนมองเห็นภาพสะท้อนในดวงตาโตกลม เจ้าตัวเล็กฉีกยิ้มกว้างกระโดดเหย็งพร้อมกับตะโกนเต็มเสียง
“พี่เมี่ยงอาออยฟื้นแล้ว”
ไม่ใช่แค่เสียงร้องทักแต่ทั้งร่างของเจ้าเด็กตัวแสบยังโถมเข้าใส่เขาอีกด้วย พิกเล็ตนอนทับเขาไว้ทั้งตัวอย่างไม่กลัวติดไข้ จมูกเย็นๆ ซุกที่แก้มเขาไปมา
“อาออยเป็นยังไงบ้างฮะ หนูเป็นห่วงมากเลยอาภูมิบอกว่าอาออยไม่สบายหนูก็เลยมาเฝ้าไข้ให้”
คุณอาตัวเล็กอมยิ้มแม้ร่างกายจะยังไม่หายดีแต่หัวใจเขากลับอิ่มเอมกับความน่ารักไร้เดียงสาของพิกเล็ตจนแทบจะลืมไปว่าก่อนหน้านี้มันปวดร้าวหนักหนาแค่ไหน มือบางยกขึ้นลูบหัวกลมๆ คลึงเบาๆ บนเส้นผมนุ่มมือ
“จะเฝ้าไข้หรือจะทำให้ป่วยกว่าเดิมกันแน่”
“พิกเล็ตเป็นห่วงคุณออยมากเลยนะคะ พอรู้ว่าคุณออยป่วยกลับมาก็รีบขึ้นมาเลยข้าวเย็นก็ยังไม่ได้กิน” เมี่ยงรายงาน เจ้าตัวดีบนอกเขาทำหน้ายู่พึมพำให้ได้ยินว่า ‘ขี้ฟ้อง’
“ไม่ได้นะครับ ทำไมไม่กินข้าว”
“ก็หนูไม่มีเพื่อนกิน” พิกเล็กอ้อมแอ้มตอบ
“หืม แล้วพ่อเสือกับแม่แพรวล่ะครับ” เขากระแอมเบาๆ ลำคอแห้งผากเมี่ยงรีบคว้าแก้วน้ำส่งให้อย่างรู้ใจพลางฟังคำแก้ตัวของเจ้าหลานชายต่อ
“พ่อเสือกับแม่แพรวยังไม่กลับมาเลยฮะ หายไปนานกว่าอาออยอีก”
“อะไรนะ!” เขาอุทานเสียงดังจนพิกเล็ตแทบร่วงจากหน้าอก เจ้าตัวดีทำหน้ายุ่งแต่ยังจับไหล่เขาเหนียวเป็นลูกลิง
“ติดต่อไม่ได้ด้วยค่ะ ไม่รู้ว่าหายไปไหนกัน” เมี่ยงบอก สีหน้ายุ่งยากยิ่งกว่าพิกเล็ตเสียอีก
“ตั้งแต่เมื่อไร” เขารู้สึกราวกับว่าไข้ที่เพิ่งซาไปมันหายเป็นปลิดทิ้งในหัวมีสารพัดเรื่องที่เกี่ยวกับความเลวร้ายของปาริน
“น่าจะเมื่อวานตอนบ่ายค่ะ”
ชายหนุ่มยันกายขึ้นจากเตียงนอน พิกเล็ตเลื่อนไถลลงไปอยู่ด้านข้างเอียงคอมองเขาอย่างไม่เข้าใจสถานการณ์เท่าไรนัก ร่างกายฟื้นตัวขึ้นเต็มที่ขณะที่ในใจร้อนรุ่มด้วยความเป็นห่วง ภาวนาให้สิ่งที่กังวลเป็นแค่การคิดไปเองเท่านั้น
“พิกเล็ตเอาโทรศัพท์มาให้อาที”
โทรศัพท์ถูกวางในมืออย่างรวดเร็ว มือเขาสั่นจนเกินควบคุมตอนที่เลื่อนหารายชื่อของคนที่ไม่เคยคิดว่าจะต้องติดต่อกันอีก
‘โยธิน’
ริมฝีปากเล็กเม้มแน่นขณะรอสัญญาณการตอบรับจากอีกฝ่าย เขาเผลอกลั้นลมหายใจเมื่อได้ยินเสียงทุ้มต่ำตอบกลับมา
“สวัสดีครับ ผมโยธิน ไม่ทราบว่าคุณอาณกรมีอะไรให้ผมรับใช้หรือครับ”
………………………………..
(มีต่อ)