DOUBLE-FACED: เสแสร้งแกล้งรัก
Chapter 27: I could cut you into pieces, but my heart is broken.
ฉันสับเธอเป็นชิ้นๆ แต่หัวใจฉันก็เจ็บไปด้วย
HIM: PRIK
คนเรารู้หน้าไม่รู้ใจ จะมองคนมองแค่ภายนอกไม่ได้ ส่วนผมก็คงจัดได้ว่าเป็นคนประเภทสมองทึ่มปัญญาทึบ มองไม่ออกว่าคนไหนดีคนไหนเลว แต่จะไปว่าคนอื่นเลวทำไม ในเมื่อผมก็เลวเหมือนกัน
วินาทีที่รู้ว่าชะตาชีวิตตัวเองตกต่ำถึงขีดสุดก็เมื่อตอนที่รู้ว่าบ้านถูกฟ้องล้มละลาย จากบ้านหลังใหญ่ก็ต้องย้ายไปอยู่บ้านหลังเล็กกว่าเดิมแถมยังเป็นบ้านมือสอง จากคนที่เคยมีทุกอย่างก็กลายเป็นไม่มี นั่นยังพอทนได้ เพราะผมไม่ใช่คนเรื่องมาก อยู่ที่ไหนก็ได้ ขอแค่มีพ่อ มีที่ซุกหัวนอน มีข้าวให้กินและได้เรียนหนังสือเท่านั้น
พ่อหาทุกหนทางเพื่อให้เรากลับมายืนได้อีกครั้ง จึงตัดสินใจไปทำงานที่ต่างประเทศกับเพื่อน ทั้งๆที่เรามีกันแค่สองคนพ่อลูก แต่ก็ต้องแยกจากกัน ทุกวันนี้พ่อเองก็ส่งเงินกลับมาให้ แต่ผมไม่ได้ใช้สักบาท ผมจะเก็บเงินที่พ่อส่งมาให้ทั้งหมด เปิดร้านอาหารให้พ่อ พ่อกลับมาจะได้มีงานทำ นั่นคือสิ่งที่ผมคิดเอาไว้
เรื่องเลวร้ายอีกเรื่อง มีเพื่อนก็เหมือนไม่มี โดนเพื่อนหักหลังขโมยเงินขโมยทองที่มีอยู่เพียงน้อยนิดของผมไป บ้านตัวเองก็อยู่ไม่ได้เพราะมีเจ้าหนี้มาทวง ทั้งที่ผมก็ไม่ได้เป็นคนก่อหนี้ ต้องหกระเหเร่ร่อนไร้ที่จะซุกหัวนอน ตอนนั้นตัวเองเหมือนปลาขาดน้ำที่กำลังจะตาย พลันเห็นบ่อน้ำข้างหน้าก็คิดว่าจะสามารถช่วยให้มีชีวิตรอด กระโดดลงไปในบ่อน้ำสุดตัว แต่ใครจะรู้ ว่ามันเป็นบ่อน้ำร้อน!
บ่อน้ำที่ทำให้ผมเจ็บเจียนตายในตอนนี้
อ๊อดดด
ผมกดกริ่งบ้านหลังโต ผมรอให้ถึงวันพรุ่งนี้ไม่ไหว ผมต้องการจบทุกอย่างภายในวันนี้ ผมไม่อยากให้เรื่องมันยืดเยื้อออกไปอีกแม้แต่วินาทีเดียว แค่ที่ผ่านมาก็เกินทน
ผมยืนรอสักพัก ก็มีผู้ชายคนหนึ่งออกมาเปิดประตู คงจะเป็นคนงานในบ้านแน่ๆ
“มาหาใครครับ” เขาถามผม
“คุณไวน์อยู่ไหมครับ”
“อยู่ครับ”
ผมเดินเข้าไปในบ้านหลังโตที่ผมเคยมาอยู่ครั้งหนึ่ง ครั้งแรกที่ผมได้เจอกับผู้ชายใจดี คนที่เป็นเสมือนบ่อน้ำที่ช่วยให้ผมมีชีวิตอยู่ต่อ เขาเป็นคนที่ช่วยเหลือผมและฆ่าผมให้ตายในเวลาเดียวกัน
“ฉันไม่คิดว่าเธอจะใจร้อนขนาดนี้นะ” คุณไวน์ที่กำลังนั่งฟังเพลงบัลลาดพร้อมกับจิบไวน์ในแก้วช้าๆยิ้มให้ผมแบบที่เขามักจะทำเสมอ
รอยยิ้มเคลือบยาพิษ
“ผมแค่อยากให้ทุกอย่างมันจบโดยเร็วที่สุด ผมขอโฉนดบ้านผมคืนพร้อมกับเอกสารทั้งหมด” ผมยืนอยู่ด้างข้างเขา คุณไวน์เอนตัวลงกับโซฟาเบดอย่างสบายอารมณ์ ใช่สิ คนอย่างเขาจะไปทุกข์ร้อนอะไรได้
“จะใจร้อนไปไหน นั่งลงก่อนสิ ดื่มด้วยกันสักแก้ว” คุณไวน์ผายมือเล็กน้อย ผมจำต้องนั่งลงอย่างเสียไม่ได้ คนๆนี้ผมไม่มีอะไรไปต่อกรกับเขาหรอก ผมตกเป็นทาสเขามาตลอดเขาใจดีกับผมมาก แต่เขาก็ร้ายกับผมมากเช่นกัน
“ไม่ดีกว่าครับ ผมแค่มาเอาของๆผม”
ผมเน้นน้ำสียงตรงคำว่า ‘ของๆผม’ ของที่ผมควรจะต้องได้คืนเมื่อผมทำงานให้เขาเสร็จ
บ้านที่ผมกลับไปอยู่ไม่ได้...เพราะโฉนดอยู่ที่เขา
ทำไมผมถึงเอามันกลับคืนไม่ได้...เพราะไอ้เพื่อนชั่วเอาโฉนดบ้านผมไปทำสัญญาจ่ายแทนหนี้พนันของมัน โดยที่มีลายเซ็นของผมที่ผมไม่รู้ว่าเซ็นให้มันตอนไหน ผมจำได้ว่าไม่เคยเซ็น บ้านหลังนี้เป็นชื่อผม พ่อซื้อไว้ให้เป็นชื่อผม ถ้าไม่มีมัน เราก็ไม่มีที่จะซุกหัวนอน เพราะอย่างนั้น ผมจึงต้องทำทุกวิธีเพื่อให้ได้มันกลับมา แม้ว่าวิธีนั้นจะทำให้ใครคนอื่นต้องเจ็บก็ตาม
ผมเสียใจที่ทำแบบนี้กับมาโค แต่ผมรู้ใจตัวเองดี ว่ามันไม่เคยอยู่กับตัวเองมานานแล้ว มันได้ไปอยู่กับมาโคนานแล้ว เพราะอย่างนั้น ตอนที่เขาบอกเลิก ผมถึงได้รู้สึกเสียใจ ผมไม่ได้แกล้งทำ ผมเจ็บจริง แม้ว่าผมจะรู้อยู่แล้วว่าเขาเองก็ทำอะไร ผมเคยแอบได้ยิน แต่ผมไม่คิดว่ามันจะเร็วขนาดนี้ ตอนแรกที่รู้ผมก็โกรธเขา โกรธมากๆ ผมรู้หลังจากที่รู้ว่าเขาไปนอนกับนางแบบสุดเอ็กซ์นั่นไม่นาน แต่พอย้อนมามองตัวเอง สิ่งที่เขาทำกับสิ่งที่ผมทำมันไม่ต่างกันเลย แล้วผมควรจะเอาอะไรไปโกรธเขา
ไม่มี...ผมไม่ควรโกรธเขา ผมมีเหตุผลของผม และคิดว่าเขาคงมีเหตุผลของเขาเช่นกัน
ช่วงเวลาที่อยู่ด้วยกัน ผมไม่เคยบอกรักเขา รักแต่พูดออกไปไม่ได้ มันเป็นความทรมาน เพราะคำสัญญาในวันนั้น วันแรกที่ได้เจอกับคุณไวน์
‘นี่บ้านของฉัน สวยไหม’
‘สวยครับ’
‘ตามสบายนะ อยากอาบน้ำไหม คืนนี้เธอต้องนอนที่นี่ก่อนฉันให้เด็กเตรียมห้องเอาไว้ให้แล้ว’
คุณไวน์เดินนำขึ้นชั้นที่สองของบ้าน ผมมองรอบๆบ้านดวงแววตานิ่งเฉย บ้านที่ผมเคยอยู่ก็สวยไม่ต่างจากที่นี่ แต่ตอนนี้มันไม่ใช่บ้านผมอีกต่อไป ผมไม่รู้สึกอะไรกับการที่ไม่ได้อยู่บ้านหลังนั้น แต่พ่อ...คนที่สร้างบ้านหลังนั้นมาด้วยน้ำพักน้ำแรง กลับถูกโกงจนต้องล้มละลาย คงรู้สึกเสียใจไม่น้อย
‘เธอนอนห้องนี้นะ ห้องฉันอยู่ข้างๆ พออยู่ได้ไหม’ คุณไวน์ถามผม เปิดประตูห้องๆหนึ่งออก เป็นห้องที่แทบจะไม่มีอะไร นอกจากเตียง ตู้เสื้อผ้าที่สร้างแบบบิวท์อิน ห้องน้ำในตัว ตู้โชว์ขนาดกลางที่มีทีวีวางอยู่แค่นั้น
‘ห้องรับแขกหรือครับ’
‘ใช่ แต่ไม่ค่อยมีแขกมานอนหรอก’ คุณไวน์มองรอบๆห้องแล้วมาหยุดที่ผม ‘พออยู่ได้ใช่ไหม’
ผมเม้มปากเข้าหากัน ที่ถามผมแบบนั้นต้องการหมายความว่ายังไงกันแน่ ผมในตอนนี้ ขอแต่ไม่ต้องนอนข้างถนน ไม่ว่าที่ไหนผมก็นอนได้ทั้งนั้นแหละ ผมมันก็แค่คุณหนูตกยากคนหนึ่งเท่านั้น ไม่มีสิทธิ์เลือกมากนักหรอก
‘อยู่ได้ครับ สบายเกินไปด้วยซ้ำ’ ถ้าให้ผมไปนอนที่ห้องคนใช้ก็อาจจะดีกว่า
‘รอก่อน เดี๋ยวฉันไปเอาเสื้อผ้ามาให้’
คุณไวน์เดินออกจากห้อง ผมนั่งลงบนเตียง คิดถึงบ้านของตัวเอง ผมอยากกลับบ้าน ไม่อยากมาอยู่ในบ้านของคนที่ไม่รู้จัก ผมรู้แค่ชื่อเขาเท่านั้น จะไว้ใจได้หรือเปล่าก็ไม่รู้ แต่ในเมื่อเลือกที่จะเสี่ยงแล้ว ก็ต้องเสี่ยงให้ถึงที่สุด คงไม่มีอะไรจะแย่ไปมากกว่านี้
‘พริก! เหม่ออะไรของเธอน่ะ’
‘เปล่าครับ’ ผมส่ายหน้า ยื่นมือไปรับชุดนอนมา คุณไวน์คงไม่เชื่อในสิ่งที่ผมบอก แต่เขาก็มีมารยาทพอที่จะไม่ถาม เพียงแค่มองผมนิ่งๆเท่านั้น
‘อาบน้ำเสร็จแล้วไปหาฉันที่ห้องด้วย ฉันมีเรื่องจะตกลงกับเธอ’
‘เรื่องอะไรเหรอครับ’
‘เรื่องของเธอไง”
เท่านั้นผมก็รู้แล้วว่า ชีวิตจากวันนี้ของผม ได้ตกอยู่ในกำมือของเขาเรียบร้อยแล้ว หรือไม่ ก็ตั้งแต่ที่ผมเดินตามเขาไปดื้มโกโก้นั่นแล้ว สายน้ำเย็นไม่ช่วยให้จิตใจผมสงบลง มีแต่จะยิ่งทำให้หนาวเหน็บมากยิ่งขึ้น ร่างทั้งร่างชาดิกไร้ความรู้สึก ชาไปจนถึงจิตใจ เจ็บจนไม่รู้สึกอะไรอีกต่อไป
‘มานั่งนี่สิ’ คุณไวน์ตบลงบนเก้าอี้อีกตัวตรงโต๊ะทำงาน ผมเดินไปนั่ง ห้องนี้กว้างกว่าห้องที่ผมอยู่เยอะ ทุกอย่างในห้องเป็นสีดำ ดำจนน่ากลัว มีเฟอร์นิเจอร์ไม่กี่ชิ้นที่เป็นสีขาว แวบแรกผมรู้สึกว่าสีดำไม่เหมาะกับเขา คุณไวน์ดูเป็นผู้ชายที่อบอุ่น และใจดี อย่างน้อยๆผมก็คิดว่าเขาใจดี ที่ทำให้ผมไม่ต้องไปนอนข้างถนนในคืนนี้
‘มีอะไรอยากจะถามฉันไหม’ เสียงทุ้มถามเหมือนกับว่าผมจะถูกประหารในไม่ใช้ มีเพียงเวลานี้ที่จะมีสิทธิ์จะได้เอ่ยปาก และหลังจากนั้นคงไม่มีทางได้มีปากมีเสียงอีกต่อไป เพราะเมื่อตายไปแล้ว ก็คงพูดอะไรไม่ได้
‘คุณจะช่วยผมเหรอ’
ไม่มีเหตุผลอื่นที่ผมจะคิดได้ ในเวลาที่ผมกำลังลำบากไร้ทางไป เป็นเขาที่เดินเข้ามา ถ้าเขาไม่คิดจะช่วย แล้วเขาจะพาผมมาที่นี่ทำไม เพียงแต่ผมไม่รู้ว่าเขาจะช่วยผมยังไงก็เท่านั้น และถ้าเขาจะช่วยผม ผมคิดว่ามันจะต้องมีข้อแลกเปลี่ยน ในโลกนี้คงไม่มีใครที่จะทำอะไรโดยไม่หวังผลตอบแทน...ไม่มี
‘ใช่ฉัน จะช่วยเธอ เธอจะมีงานทำ มีที่อยู่ เธอจะได้ไปเรียน เธอจะมีชีวิตใหม่ และเธอจะได้ของสำคัญของตัวเองกลับคืนมา’
เหมือนทุกอย่างมันง่ายเพียงแค่มันออกมาจากปากของเขา แต่ผมสะดุดอยู่อย่างหนึ่ง...ของสำคัญ อะไรคือของสำคัญที่ผมจะได้คืน
‘เธอไว้ใจคนอื่นมากเกินไป เธอรู้บ้างหรือเปล่าว่ามีอะไรหายไปจากบ้านน่ะ’
‘คุณหมายถึงอะไร’
‘บ้านของเธอ เธอแน่ใจได้ยังไงว่าตอนนี้มันเป็นของเธอ’
คุณไวน์เลื่อนเก้าอี้ออก เปิดลิ้นชักแล้วหยิบซองสีน้ำตาลออกมา ผมหวั่นใจว่ามันจะมีอะไรร้ายแรงที่ผมยังไม่รู้ แผ่นกระดาษบางอย่างถูกหยิบออกมา เขายื่นมาให้ผมดู ผมรับมาด้วยมือที่สั่นอย่างควบคุมไม่ได้ สายตากวาดมองข้อมูลบนกระดาษ
ความจริงบางอย่างที่ผมไม่รู้...
โฉนดบ้านของผม...ตอนนี้มันตกเป็นของคนอื่น
‘คุณได้มาได้ยังไง’ ผมพูดอะไรไม่ออก ลำคอตีบตัน ไม่คิดว่าชีวิตจะเลวร้ายได้ขนาดนี้
‘เพื่อนของฉันได้ที่เปิดบ่อนได้มา ตอนนั้นฉันอยู่ด้วย รู้สึกว่ามันแปลกๆเพราะชื่อของคนที่เอามาใช้หนี้กับชื่อบนโฉนดไม่ตรงกัน ถามจนมันบอกว่าเป็นของญาติ มีลายเซ็นยินยอมพร้อม แต่ฉันไม่คิดว่ามันจะเป็นเรื่องจริง เลยให้เพื่อนรับโฉนดนี่ไว้พร้อมเอกสารไว้ ฉันอยากรู้ว่าตกลงมันเป็นของใครกันแน่ เลยเอาเงินจ่ายหนี้แทนเพื่อแลกกับเอกสารทั้งหมดนี่มา’
ผมไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง มันเป็นไปได้ยังไงที่ผมจะเซ็นยกบ้านให้คนอื่นเอาไปใช้หนี้ ทั้งที่ตัวเองก็ไม่มีจะกินอยู่แล้ว แต่หลักฐานทั้งหมดตรงหน้ามันก็บอกผมได้ดีว่า ผมเสียบ้านตัวเองไปแล้ว ไม่ว่าคุณไวน์จะปั้นเรื่องขึ้นมาโกหกหรือหรือไม่ แต่ความจริงที่ว่าสมบัติเพียงชิ้นเดียวที่เหลืออยู่มันไม่มีอีกแล้ว
‘สุดท้ายฉันก็สืบจนรู้ว่าเป็นเธอ เจอกันอีกทีก็วันนี้นี่แหละ ฉันคิดว่าเธอจะต้องมีเรื่องกลุ้มใจ แล้วยังไง เพื่อนของเธอก็ทำให้เดือดร้อนอยู่ดี เธอนี่ชัดศึกเข้าบ้านแบบไม่รู้ตัวเลยนะ’ เสียงหัวเราะที่ฟังดูเหมือนเขากำลังขำกับโชคชะตาของผมอยู่ ผมไม่อาจเดาได้ว่าเขาทำไปทำไม เขาอาจจะว่างมากถึงได้สอดมือเข้ามายุ่งเกี่ยว แต่ผมควรจะขอบคุณเขาใช่ไหม ที่บ้านของผมตกไปอยู่ในมือเขาแทนที่จะเป็นเพื่อนของเขา ไม่อย่างนั้นผมก็ไม่มีทางจะได้รู้ความจริง หรือมีโอกาสที่จะได้บ้านคืน
ผม...จะได้บ้านคืนอย่างนั้นเหรอ?
‘คุณจ่ายเงินค่าหนี้ไปเท่าไหร่ เพื่อแลกกับบ้านของผม’ ผมถามอย่างร้อนรนเพราะผมอยากได้บ้านของผมคืน คุณไวน์ดึงเอกสารในมือผมกลับ อยากจะยื้อเอาไว้แต่ก็ไร้เรี่ยวแรงที่จะไขว่คว้ามันกลับมา
‘ล้านห้าบาท อย่าบอกนะว่านายจะหาเงินมาไถ่คืนน่ะ’
จำนวนเงินมันเยอะกว่าที่ผมคิดเอาไว้ ทั้งเนื้อทั้งตัวผมยังมีไม่ถึงร้อยเลย ไม่ต้องพูดถึงทำงาน ล้านห้า ผมต้องทำงานกี่ปี ถึงจะหามาไถ่บ้านคืนได้ ถ้าพ่อกลับมา...น้ำตาของลูกผู้ชายอย่างผมไหลริน ผมเกิดมาเป็นผู้ชายทำไม ถ้าจะสิ้นไร้ไม้ตรอกขนาดนี้ แก้ไขปัญหาอะไรไม่ได้สักอย่าง
เสียชาติเกิด...คำๆนี้คงเหมาะกับผมดี
‘ไม่ต้องร้องไห้ ฉันไม่ใจร้ายขนาดนั้น ฉันมีข้อเสนอ ถ้านายทำงานที่ฉันสั่งสำเร็จ นายก็จะได้บ้านของนายคืน’
‘ข้อเสนออะไร’
รูปใบหนึ่งถูกส่งมาให้ผม ผมรับมาดู เป็นรูปผู้ชายคนหนึ่งที่หน้าตาดีมาก เขาหล่อ และผมคุ้นหน้าว่าเขาจะเป็นนายแบบ แต่ไม่รู้ว่าชื่ออะไร แต่ผมก็ไม่เข้าใจว่าข้อเสนอนั้นมันคืออะไร แล้วมันเกี่ยวข้องกับคนในรูปยังไง
แต่คุณไวน์ก็ไม่ปล่อยให้ผมโง่นาน ‘สิ่งที่นายต้องทำคือทำให้ผู้ชายคนนี้ตกหลุมรักเธอ รักจนขาดไม่ได้ จากนั้นเธอต้องบอกเลิกมัน โดยที่ห้ามตกหลุมรักเด็ดขาด แม้แต่คำว่ารักก็ห้ามพูด ถ้านายทำได้ ฉันจะคืนบ้านให้นายโดยที่นายไม่ต้องเสียเงินสักบาท’
‘แต่...ผมมีแฟนอยู่แล้ว’
‘นั่นไม่ใช่ปัญหาหรอก เพราะฉันจะช่วยนายทุกอย่างเอง ว่ายังไง จะทำไหม’
‘ครับ ผมจะทำ’ ผมตอบตกลงอย่างไม่ลังเล ไม่คำนึงว่าผมจะทำให้ใครเจ็บปวดหรือไม่ ผมแค่ต้องการต่อลมหายใจของตัวเอง ผมแค่ต้องการบ้านของผมคืน
ทุกอย่างถูกวางแผนเอาไว้หมด
และคนที่วางแผนทุกอย่างให้ผมก็คือคุณไวน์...
ในคืนแรกที่ผมได้พบกับมาโคก็เป็นวันที่คุณไวน์พาผมไปดูแฟชั่นโชว์ แผนการทั้งหมดมันเริ่มขึ้นจากตรงนั้น ผมจงใจไปที่ผับนั่นเพื่อได้เจอกับมาโค ออกจะแปลกใจไม่น้อยที่เขาเป็นคนเข้าหาผมก่อน ตอนนั้นผมไม่สนใจอะไร พยายามใช้ทุกวิธีให้คนอย่างมาโคติดกับผม ผมศึกษารู้จักนิสัยเขามาพอสมควร รู้ว่าควรจะผ่อนเมื่อไหร่ หรือไม่ไหร่ควรดึง
เขาชอบความท้าทาย ผมจึงทำเป็นเล่นตัวเพื่อให้เกิดความสนใจในตัวผมมากขึ้น แต่ในขณะเดียวกัน ผมไม่รู้ตัวเลยว่า ผมค่อยๆตกหลุมลงเขาทีละนิดๆ จนสุดท้ายก็ถอนตัวไม่ขึ้น
ทุกครั้งที่ถูกคุณไวน์เร่งเร้าให้บอกเลิกเขา ผมก็หาเหตุผลต่างๆมาผัดผ่อนมันออกไป อยากยืดเวลาอยู่กับมาโคให้นานที่สุด แต่เมื่อเขาตัดสินใจจะจบเกมส์ของตัวเอง ผมเลยจำต้องจบเกมส์ของผมเช่นกัน มันจะดีถ้าหากเขาไม่รักผม เพราะเขาจะได้ไม่เจ็บมาก
“ก็ได้...อย่าห่วงไปเลย ฉันเป็นคนที่รักษาคำสัญญาพอ”
คุณไวน์ลุกขึ้นเดินขึ้นชั้นสองของบ้าน ไม่นานเขาก็ลงมาพร้อมกับสิ่งที่ผมอยากได้ ตลอดสองปีที่ผมต้องทนเป็นคนลวงโลก ทนหลอกลวงโกหกคนอื่น ต้องปั้นหน้าเล่นละครเสแสร้งต่างๆนานา วันนี้มันจะจบลงแล้ว ผมจะกลับไปใช้ชีวิตของผม อยู่ชดใช้กับความผิดที่ก่อขึ้นในจิตใจ ถึงจะทรมานแต่ผมก็ต้องอยู่ต่อไปให้ได้ เพราะผมเลือกแล้วตั้งแต่แรก
ผมกอดโฉนดบ้านหลังเดียวของผมกับพ่อเอาไว้แน่น ร้องไห้เสียงเบา คุณไวน์ดึงผมเข้าไปกอด ปล่อยให้ผมได้ร้องไห้อยู่กับอก ผมทำได้แล้ว เมื่อไหร่ที่พ่อกลับมา เราก็จะได้อยู่ในบ้านของเรา ครอบครัวของเรา ผมเอามันกลับมาได้แล้ว
“เธอยังไปทำงานกับฉันอยู่ได้นะพริก ทำงานอยู่ที่เดิม ฉันยินดี”
“ไม่เป็นไรครับ แค่ที่ผ่านมาก็มากเกินพอแล้ว” ผมผละออกจากกอดของคุณไวน์ เขาหยิบไฟแช๊กส่งให้ผม ผมรับมาถือไว้ ก่อนจะจุดมัน เปลวไฟลุกโชน เตรียมที่จะเผาไหม้ทำลายทุกอย่างให้สิ้นซาก ผมจ่อเอกสารสัญญาใช้หนี้กับเปลวไฟ มันค่อยๆลุกลามกลืนกินไปเรื่อยๆ จนเหลือเพียงเศษเถ้ากระดาษ
“ผมขอถามอะไรคุณอย่างได้ไหม” ก่อนที่จะไม่ได้เจอกันอีก ผมก็อยากจะถามคำถามที่ค้างคาใจมานาน
“ว่ามาสิ”
“ทำไมคุณถึงอยากจะทำร้ายมาโค”
ผมไม่เคยถามเขาว่าทำไมต้องเป็นมาโค มาฉุกคิดได้อีกทีก็หลังจากที่ผมตกลงรับงานมาแล้ว เลยคิดว่าไม่รู้จะถามทำไม ไม่ว่าเหตุผมของคุณไวน์จะสมเหตุสมผลหรือไม่ ผมก็ต้องทำอยู่ดี แต่ตอนนี้ผมอยากรู้ว่ามาโคทำผิดอะไร เขาถึงต้องได้รับบทเรียนอย่างนี้
“หึหึ คิดว่าจะไม่ถามเสียแล้ว ทำไมฉันถึงต้องทำร้ายมันน่ะเหรอ ก็แค่อยากจะสั่งสอนมันบ้างเท่านั้น คนที่ไร้หัวใจอย่างมาดคไม่เคยรักใครเป็น อกหักผู้หญิงเป็นว่าเล่น มันจะไม่เกิดปัญหาถ้ามันไม่หักอกผู้หญิงที่ฉันรัก มันหวังแค่ได้นอนกับเธอ เสร็จแล้วมันก็เฉดหัว แม้ว่าเธอจะก้มหัวร้องขอความรักจากมัน มันก็ไม่แม้แต่จะเหลียวแล ฉันเลยอยากจะให้มันได้ลิ้มรสความเจ็บปวดกับสิ่งที่มันเคยทำไว้กับคนอื่นบ้างว่ามันเป็นยังไง”
ผมรับรู้ความเครียดแค้นของคุณไวน์ที่มีต่อมาโคได้จากน้ำเสียง สีหน้าและแววตา
“ผู้หญิงคนนั้นคือภรรยาของคุณใช่ไหม” ผมลองถามดู ผมรู้ว่าคุณไวน์พี่ภรรยาและลูก แต่เธอกับลูกอยู่ต่างประเทศ แค่นั้นที่ผมรู้
“ใช่ กว่าฉันจะทำให้เธอหายเศร้าได้...ก็นานพอตัวเลยล่ะ ฉันถึงได้แค้นมากยังไงล่ะ”
“ครับ ผมเข้าใจแล้ว” มันก็ไม่ผิดที่คุณไวน์จะรู้สึกอย่างนั้น แต่ผมกลับรู้สึกว่า มันก็ไม่ถูกต้องกับสิ่งที่คุณไวน์ทำ “ผมขอพูดอะไรอย่างได้ไหม”
“ว่ามาสิ” คุณไวน์จ้องผมรอว่าผมจะพูดอะไร
“ผมรู้ว่ามาโคทำผิดที่ทำกับภรรยาคุณแบบนั้น แต่ผมกลับคิดว่าเรื่องของหัวใจมันบังคับกันไม่ได้ มาโคอาจจะผิดที่ย่ำยีเธอ เห็นเธอเป็นแค่ที่ระบายอารมณ์ แต่ส่วนหนึ่งก็ต้องโทษว่าเธอยอมเอง ถ้าเธอไม่ยอม ผมคิดว่าผู้ชายอย่างมาโคคงไม่มีทางฝืนใจเธอแน่ๆ” ผมพูดไปตามความรู้สึกของตัวเอง เท่าที่ผมได้ใกล้ชิดกับมาโค ทำให้ผมรู้ว่าเขาไม่เคยนอนกับใครที่ไม่เต็มใจ เพราะกับผมเอง เขายังไม่เคยคิดจะรังแกผมทั้งที่ผมไม่เต็มใจ
“เรื่องของความรักมันบังคับกันไม่ได้นะครับ การที่มาโคไม่รับรักเธอมันเป็นทางออกที่ถูกต้องแล้ว เพราะอย่างน้อยเขาก็ไม่ได้หรอกลวงเธอ กลับกัน ถ้ามาโคยอมรับหัวใจของเธอทั้งที่ไม่ได้รัก เธอจะเจ็บกว่านี้ไหม แล้ววันนี้คุณจะได้อยู่กับคนที่คุณรักหรือเปล่า ผมก็แค่อยากให้คุณลองคิดดูเท่านั้น ผมอาจจะพูดมากไป แต่ผมคิดแบบนั้นจริงๆ”
ความรักไม่เคยทำให้ใครเจ็บ ความรักสวยงามเสมอ แต่ที่เจ็บ เพราะเราใช้ความรักในทางที่ผิด มองมันในทางที่ผิด เราถึงได้ทุกข์เพราะความรัก ถ้าจะโทษก็ต้องโทษที่ตัวเอง อย่าไปโทษความรักหรือใครเลย เราเจ็บเพราะตัวเราเองทั้งนั้น
“นั่นสินะ ถ้าไอ้หมอนั่นไม่มองข้ามความรักของเธอ ฉันก็คงไม่ได้เธอมาแนบใจอย่างทุกวันนี้ ขอบใจที่เตือนให้ฉันได้คิด”
“ผมก็แค่พูดไปตามที่ตัวเองคิดเท่านั้น”
“เธอรักมาโคใช่ไหม”
ผมเพียงแค่ยิ้มให้กับคำถามเท่านั้น รักไม่รักสำคัญยังไง ในเมื่อชีวิตต่อจากนี้ไปผมไม่อาจมีมีเขาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตได้อีกแล้ว ผมไม่หน้าด้านมากพอที่จะกลับไปเรียกร้องของความรักจากเขาหรอก ไม่แน่ ป่านนี้เขาอาจจะเกลียดผมไปแล้วก็ได้ใครจะรู้
ถ้าเขาจะโกรธหรือจะเกลียดผมก็ไม่ผิดหรอก ผมจำคำอ้อนวอนของเขาได้ จำได้ว่าคนอย่างมาโคต้องร้องไห้เพราะผม จำได้ว่าเมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมาผมได้ทำร้ายใครไป ผมทำให้เขาเสียใจ ผมทำลายความรักของเขา ถึงเขาจะทำตามเกมส์ของตัวเอง แต่เขาก็ยังกลับมาหาผมโดยที่ผมอาจจะไม่ยกโทษให้เขา อาจจะด่าทอเขาด้วยความเจ็บปวดและเกลียดชัง แต่เขาก็ยอมทิ้งศักดิ์ศรี ทิ้งทุกอย่างเพราะรักผม เพราะถ้าเป็นผมที่บอกเลิกเขาก่อน ผมคงไม่มีทางกลับไปแน่ๆ เพราะผมกลัวที่จะต้องรับรู้ว่าเขาเกลียดผม หรือมองผมด้วยความเย็นชา ถ้าเป็นแบบนั้น ผมคงทนไม่ได้แน่
ผมจะขอจำแค่ความทรงจำดีๆที่ผมมีกับเขาก็พอ อยากจะจำแค่แววตาที่มองผมด้วยความรักความห่วงใย ไม่ใช่แววตาของความเกลียดชัง อยากจะจำแค่คำรักที่เขาพร่ำบอก ไม่ใช่คำท่าทอเพราะความเลวที่ผมได้ทำ อยากจะจำแค่อ้อมกอดที่แสนอบอุ่นของเขา ไม่ใช่การผลักไส ผมไม่เข้มแข็งพอจริงๆ
ถ้าเป็นแบบนั้นผมคงทนไม่ได้แน่ๆ
............................................................
กลับมาแล้วค่า ^_^
