DOUBLE-FACED: เสแสร้งแกล้งรัก
Chapter 25: Now we have reached the end ตอนนี้เราเดินทางมาถึงจุดจบแล้วHIM: MACO
“พริก อยากไปไหนไหม”
“ไม่” คำตอบสั้นๆแต่ได้ความทำให้ผมนึกเซ็ง ผมอยากใช้เวลากับพริกให้มากที่สุด แต่ช่วยไม่ได้นี่ครับ เขากำลังเตรียมตัวสอบอยู่
ช่วงนี้ผมอยู่กับพริกแทบจะยี่สิบสี่ชั่วโมง เรียกได้ว่าแทบไม่ปล่อยให้ห่างตัว ผมรู้สึกดีกับช่วงเวลาในตอนนี้ เหมือนผมได้ย้อนกลับไปในอดีตอีกครั้ง ผมไม่ได้สัมผัสมันมานานแค่ไหนแล้วนะความรักที่สวยงามแบบนี้ คงตกใจกันใช่ไหม ที่คนอย่างผมเป็นบ้าอะไรถึงได้ว่านั่งเพ้อไปกับความรัก ผมมันก็แค่มนุษย์คนหนึ่ง ที่ยังต้องการความรักไม่ต่างจากใครหรอกนะ
แต่บางทีพระเจ้าอาจจะเกลียดผม ถึงได้ทำให้ชีวิตผมต้องเป็นแบบนี้
รักได้ไม่นาน สุดท้ายเขาก็พรากความรักจากผมไป
ผมก้มมองนาฬิกาข้อมือ พริกคงสอบเสร็จแล้ว เด็กนักศึกษาเริ่มทยอยกันลงมาจากตึก หลายคนมองผมด้วยความสนใจ คงจะรู้ว่าผมเป็นใคร ผมยืนนิ่งไม่สนใจสายตาของสาวๆที่มองผม ผมสนใจแค่เด็กหนุ่มตัวเล็กผอมบาง ที่กำลังเดินหัวเราะคุยกับเพื่อนสนุกสนานเหมือนไม่เห็นผม จนเพื่อนของเขาสะกิดแล้วชี้มาที่ผม พริกถึงได้หันมามอง
“ทำไมวันนี้มารอผมได้เนี่ย”
ผมจะบอกอะไรให้อย่างนะ พริกหายโกรธผมแล้วเรื่องคราวก่อน กว่าจะง้อได้ยากแสนยาก ไม่อยากจะนึกถึงวันนั้นเลยให้ตายสิ
“ไม่ดีใจเหรอไง” ผมถาม เปิดประตูให้พริกเข้าไปนั่ง พริกมองอึ้งๆก่อนจะหลุดขำออกมา
“โรแมนติกซะ นี่เหรอชายหนุ่มสุดเจ้าชู้” พริกพูดน้ำเสียงหมั่นไส้ผม แล้วก็ก้าวขึ้นรถ ผมกระตุกยิ้มนิดๆให้กับความน่ารักของมัน
“พี่จะพาผมไปไหน เราไม่ได้จะกลับคอนโดกันเหรอ” พริกหันมาถามงงๆ ผมมองป้ายบอกทางที่กำลังมุ่งหน้าออกจากกรุงเทพมหานครไปยังที่ที่หนึ่ง ที่ที่ผมรัก
“ไปถึงเดี๋ยวก็รู้เองแหละน่า”
“บอกหน่อยไม่ได้เหรอ ผมอยากรู้อ่ะ” มันอ้อนผมครับ เดี๋ยวนี้มันอ้อนบ่อยมากตั้งแต่หายโกรธผม เล่นเอาผมอยากจะฟัดมันทั้งวันทั้งคืน
“ไม่ นอนพักไปซะ ถึงแล้วจะปลุกเอง”
“ขี้งก!”
“นายจะต้องชอบ”
ผมปล่อยมือข้างหนึ่งจากพวงมาลัยขยี้ผมนุ่มๆของอีกฝ่าย พริกทำปากจู๋ใส่ผม สะบัดหน้ามองไปอีกทางงอนๆ แต่ไม่นานก็ผลอยหลับไป ก็เมื่อคืนอ่านหนังสือสอบจนเกือบตีสี่ จนผมต้องบังคับให้นอน มันบอกว่าจะโต้รุ่ง ไปสอบแล้วค่อยกลับมานอน แต่ผมว่าแบบนั้นมันจะไปหลับในห้องสอบแทนแล้วไม่ได้ทำข้อสอบเสียมากกว่า
เพราะมีสอบเช้า มันเลยนอนไม่พอ แต่ก็จำต้องฝืนสังขารไปสอบ ตอนนี้เลยสลบไสลง่ายดายเป็นพิเศษ
ใช้เวลาไม่นานก็มาถึงบ้านพักตากอากาศของผมที่ตั้งอยู่ริมชายทะเล ผมหันไปมองคนที่ยังหลับอยู่ ปลดเข็มขัดนิรภัยออกจากตัวให้ มันคงจะรู้สึกสบายขึ้น ริมฝีปากถึงได้แย้มยิ้มออกมา
ผมนั่งมองใบหน้าใสของมันไล่ลงมาถึงลำคอขาว เห็นแล้วอยากจะประทับร่องรอยเอาไว้เหลือเกิน
“อื้อ ถึงแล้วเหรอ” แล้วมันก็รู้สึกตัวตื่นครับ พริกค่อยๆกระพริกตาถี่ๆก่อนจะลืมตาขึ้น
“อืม ถึงแล้ว” ผมพูดทั้งยังจับจ้องอยู่ที่ดวงหน้าของมัน อยากจะนั่งมองอยู่แล้วนี้ไปเรื่อยๆ
“ทะเลนิ!!!” มันอุทานเสียงดัง ดวงตาเบิกกว้าง ก่อนจะรีบเปิดประตูลงจากรถวิ่งเข้าหาทะเล เห็นมันบ่อยตอนเตรียมสอบว่าอยากมา ผมเลยพามา
ผมปล่อยให้มันวิ่งเล่นอยู่ที่ชายหาดคนเดียว ส่วนผมก็ลากของที่เตรียมมาเข้าห้องพัก ของใช้ส่วนตัวของมันผมเตรียมมาเรียบร้อยหลังจากที่ไปส่งมันเข้าห้องสอบเสร็จ แล้วถึงได้ออกไปรับมันที่มหาวิทยาลัยเพื่อมาที่นี่
บ้านพักริมชายหากดของผมเป็นบ้านกึ่งไม้กึ่งหินอ่อนที่เป็นสีขาวเกือบทั้งหลัง ตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอน้อยชิ้ย เน้นความโปร่งสบายของบ้าน มีหน้าต่างรอบตัวบ้าน และผ้าม่านสีขาวที่ปลิวไสวรับลมทะเล ตามจุดต่างๆของบ้านก็ตกแต่งด้วยต้นไม้ประดับ ช่วยเพิ่มความมีชีวิตชีวาให้แก่บ้าน ไอเดียวพวกนี้ผมไม่ได้เป็นคนคิดหรอกครับ แค่คนที่ผมรักมากๆคนหนึ่งเป็นคนบอกว่าอยากด้านแบบนี้ ผมเลยปลูกมันตามที่เขาต้องการ
ตึกๆๆ
“พี่มาร์ค!”
“หืม”
ผมมองมันที่วิ่งเข้ามาบนบ้าน ขากางเกงมันเปียกไปถึงหัวเข่า คงจะลงไปเล่นน้ำมา
“มีอะไร” ผมถาม เก็บของเข้าตู้ให้เรียบร้อย พริกเดินมายืนข้างๆแล้วก็กอดเอวผม หึหึ อ้อนตลอดเลยนะช่วงนี้
“หิวข้าวแล้วอ่ะ พาไปกินข้าวหน่อย อยากกินกุ้งเผา ปลาเผา ปูเผา อยากกินยำทะเล....”
มันคงจะหิวมากจริงๆครับ ร่ายรายการอาหารออกมาเป็นสิบๆอย่าง ผลเลยขับรถพามันไปที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งที่อยู่ไม่ไกลบ้านพักมากนัก บรรยากาศดีมาก ผมกับเจ้าของร้านรู้จักกัน เพราะเจ้าของร้านเขามาสร้างบ้านพักริมทะเลหลังจากผม แล้วเขาก็เปิดเป็นร้านอาหารไปในตัว ลูกค้ามีไม่เยอะหรอกครับ เพราะบริเวณนี้อยู่ค่อนข้างลึก และอาหารค่อนข้างแพง แต่รสชาตินี่สุดยอดมากครับ บางคนถึงไกลถึงแพงก็ยอมมากิน เพราะเขาจัดร้านที่ริมหาด มีโคมไฟจุดให้แสงสว่างทั่วบริเวณ
แต่ถึงแม้ว่าเข้าจะจัดร้านที่ริมหาด แต่เจ้าของร้านเขาก็ดูแลบริเวณชายหาดอย่างดี ไม่ให้มีขยะตกค้างไปทำลายทรัพยากรธรรมชาติ
“สวยจัง!!!” พริกหมุนตัวรอบหนึ่งก่อนจะหันมายิ้มกว้างให้ผม
“อยากกินอะไรสั่งได้เต็มที่ ฉันเลี้ยงเอง”
“จริงอ่ะ งั้นไม่เกรงใจนะ”
“อืม ตามสบาย ฉันรวย”
“หมั่นไส้!”
“ฮ่าๆๆ”
มื้ออาหารเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะของมันและผม ผมนั่งมองและคอบบริการพริกอย่างต่อเนื่อง มันกินเก่งมากครับ อาหารทะเลเผาหมดไปชุดหนึ่ง ผมต้องสั่งชุดที่สองสามมาให้มัน
กินเสร็จผมก็พามันไปเดินเล่นย่อยอาหาร ก่อนจะพากลับบ้านพัก เอาเตียงผ้าใบออกมากางเพื่อนอนเล่น อากาศยามเย็นในช่วงฤดูหนาว พระอาทิตย์ลาลับขอบฟ้าไว้กว่าปกติ ผมจับมือของพริกเอาไว้ บีบกระชับเป็นระยะๆ
“ขอบคุณนะที่พามา คลายเครียดได้เยอะเลย” พริกที่นอนซบอกผมอยู่เอ่ยขึ้น ผมก้มลงไปหอมแก้มมันที มันเองก็ผงกหัวขึ้ยหอมแก้มผมเหมือนกัน
“ยั่วเหรอ” ผมถามมัน
“เปล่าสักหน่อย หื่นขึ้นสมองหรือไง แค่อยากตอบแทนเฉยๆหรอก” มันบอกเสียงสูงอยากกับจะหาเรื่องผมแต่หน้ามันแดงมาก ขนาดแสงไม่ค่อยมีผมยังมองเห็นเลยอ่ะ
“แค่นี้มันจะไปพออะไร ทำให้ขนาดนี้มันต้องได้มากกว่านี้สิ!”
ไม่รอช้าผมรีบตวัดตัวมันเข้ามาในอ้อมแขน เดินเข้าบ้านอย่างรวดเร็วมุ่งตรงเข้าห้องนอน พริกมันเหวออยู่เลยไม่ทันได้โดวยวาย จะโวยวายอีกทีก็ตอนที่หลังมันติดที่นอนแล้ว
“ไม่เอานะ!” มันร้องห้ามผม แต่ผมไม่ฟัง ก้มหน้าลงไปจูบมัน บรรเลงความเร่าร้อนปรนเปรอมันจนพริกยอมโอนอ่อนผมตามผม ผมค่อยๆปลดเปลื้อนเสื้อผ้ามันออก เผยให้เห็นผิวขาวเนียนใส รอยสักตรงหน้าอกที่ทำให้มันดูเซ็กซี่ขึ้น ผมพรมจูบโดยที่สายตายังคงจับจ้องมันอยู่
“พี่มาร์ค อื้อ”
แขนทั้งสองข้างของพริกโอบอยู่ที่ลำคอของผม ผมค่อยๆสัมผัสมันอย่างไม่เร่งเร้า เฝ้าจูบคลอเคลียมันไม่หาย ร่างกายของเราสองคนดูเหมือนจะสูงขึ้นเรื่อยๆ ร่างกายของพริกสั่นสะท้านราวกับลูกนก
“ฉันรักนายนะพริก”
ตลอดทั้งค่ำคืนที่ผมพร่ำบอกรักมันทั้งคำพูดและการกระทำ เฝ้าถ่ายทอดทุกความรู้สึกที่มีผ่านอ้อมกอดนี้ ย้ำซ้ำๆครั้งแล้วครั้งเล่าจนกระทั่งมันหลับไปอย่างไม่รู้ตัวอย่างมีความสุข แต่สำหรับผมแล้ว แทบแยกไม่ออกเลยว่า ระหว่างความสุขกับความทุกข์ อันไหนมันมีมากกว่ากัน
แต่ผมสามารถบอกได้เลยว่า พริกคือคนที่ผมรักมันมากจริงๆ
วันต่อมาผมพามันกลับเพราะมันมีสอบอีกตัว เป็นตัวสุดท้าย ผมคอยดูแลมัน บำรุงมันทุกอย่างเพื่อให้มันไม่เครียดกับการสอบตัวสุดท้าย และเองก็ลางาน โทรสั่งผู้จัดการว่าผมไม่รับงานใดๆทั้งสิ้น เขาก็บ่นไปตามประสา ผมขี้เกียจฟังเลยกดตัดสายไป
“ทำให้เต็มที่ แล้วเดี๋ยวเย็นนี้ฉันมารับไปกินข้าว” ผมบอกมัน ดึงมันเข้ามากอดก่อนจะปล่อยให้มันลงจากรถไปเข้าห้องสอบ
ผมขับรถไปทำธุระตลอดช่วงบ่าย พอได้เวลาที่พริกเลิกสอบ ผมก็ขับรถกลับไปรับมันที่มหาวิทยาลัย พริกเดินมาขึ้นรถด้วยท่าทางเซ็งกะตาย ผมรีบส่งน้ำเย็นให้มันดื่ม จะได้สดชื่นขึ้น
“เป็นไงบ้าง ทำได้ไหม” ผมถาม
“พอได้ แต่เกือบทำไม่ทันแหน่ะ” มันหลับตาลง ผมเปิดเพลงเบาๆ มันจะได้ผ่อนคลายขึ้นบ้าง แต่ก็ยังมีร่องรอยแห่งความตึงเครียดอยู่
โรงแรงหรูใจกลางเมืองหลวงเป็นสถานที่ที่ผมเลือกจะพามันมากินข้าว โรมแรมนี้ขึ้นชื่อเรื่องการบริการและอาหาร ผมเหมาทั้งโรมแรมเพื่อมันเป็นเวลาสองชั่วโมง
“หรูไปไหมเนี่ย ผมไม่กล้ากินหรอก เราไปกินที่อื่นกันเถอะ” พริกมองภายในโรงแรมอย่างหวาดๆ นี่ไม่ใช่บ้านผีสิงนะ มันจะกลัวทำไมกัน ตลกชะมัด
“แต่ฉันเสียเงินไปแล้วนะ” ผมว่า
“เอ่อ....ก็ได้ พี่นี่มันบ้าจริงๆ เสียเงินกับเรื่องไม่เป็นเรื่อง” มันบ่นผม แต่ก็ยอมเดินเข้าไปในห้องอาหาร ผมพยักหน้าให้พนักงานทั้งที
“ก็ฉันอยากเอาใจนายบ้างไม่ได้เหรอไง อุตส่าต์ตั้งใจอ่านหนังสือสอบ ก็อยากจะให้รางวัลบ้าง”
“แบบนี้มันก็มากไป”
ผมชอบมันก็ตรงนี้แหละครับ เป็นคนง่ายๆไม่ปรุงแต่ง คิดยังไงก็พูดอย่างนั้น ไม่ต้องการของๆใคร ไม่เอาเปรียบใคร ผมชอบทุกอย่างที่เป็นมันเลยก็ว่าได้
ไม่รู้ว่าเพราะมันเกร็งหรือไม่ชอบโรงแรมนี้จริงๆ ถึงได้กินอาหารน้อยเหลือเกิน ผมยกไวน์ขึ้นจิบ เฝ้าสังเกตุมันไปด้วย เห็นมันหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูแล้วทำหน้าเครียด แต่ผมไม่อยากจะถาม ผมนั่งนิ่งๆรอให้ถึงเวลา
“อิ่มแล้วเหรอ วันนี้นายทานน้อยนะ เป็นอะไรหรือเปล่า” ผมถามด้วยความเป็นห่วง
เปล่าหรอก ผมไม่ค่อยหิวนะ” มันตอบเสียงเบา
มันเป็นไรไปนะ
“พริก” ผมเรียกมันเสียงเบา มันจ้องตาผมกลับ ผมข่มความรู้สึกของตัวเองเอาไว้ กดมันให้ลึกที่สุด ไม่ให้มันเผยออกมาจนทำให้ผมอ่อนแอ ปรับสีหน้าของตัวเองให้เรียบนิ่งไม่ให้เผยความรู้สึกใดๆออกไปทั้งสิ้น
“พี่มีอะไรเหรอ”
“คือ...ขอบคุณนะที่อยู่ด้วยกัน รู้ใช่ไหมว่าฉันรักนายมาก”
“อืม ผมรู้”
ยังดี ที่มันยังรู้ว่าผมรู้สึกยังไงกับมัน แค่นั้นแหละที่ผมต้องการ ของให้มันรู้เท่านั้นว่าผมรักมัน ก็เพียงพอแล้ว
“ไม่ว่าจะยังไง ฉันก็อยากให้นายจำไว้ ว่าฉันรักนาย รักนายจริงๆ” ยิ่งผมย้ำ ยิ่งทำให้มันมีสีหน้าที่เคร่งเครียดยิ่งกว่าเดิม ไม่รู้ว่ามันเครียดเรื่องอะไร แต่ผมอยากจะดึงมันเข้ามากอดเหรอเกิน แต่วันนี้ผมทำแบบนั้นไม่ได้อีกแล้ว
มันถึงเวลาแล้วที่ผมต้องทำร้ายมัน และทำร้ายหัวใจตัวเอง แต่ผมไม่มีทางเลือก ถ้าผมยอมแพ้ เท่ากับว่าคนๆหนึ่งจะต้องตายฟรี โดยที่ผมทำอะไรไม่ได้อีกตามเคย
“ฉันขอโทษ แต่เราเลิกกันเถอะ”
“...!!!”
ผมพูดมันแล้ว พูดมันออกไปแล้ว
“ขอโทษนะ” ผมเตรียมจะลุกขึ้นเดินออกจากห้องอาหาร แต่ตัวผมกลับมีใครอีกคนกอดเอาไว้จากด้านหลัง
“ไม่ ไม่นะ...พี่พูดอะไรของพี่น่ะ ผมไม่เข้าใจ เลิกกันหมายความว่าไง” น้ำเสียงอย่างคนที่ตื่นตะหนกตกใจเหมือนไม่เป็นตัวของตัวเอง บาดลึกจนผมเจ็บเพียงแค่ได้ยิน มันทำให้ผมไม่อยากจะหันกลับไปมองเลยว่ามันมีสีหน้ายังไง ผมกลัวจะทำใจไม่ได้ที่จะลาจากมัน
“ฉันพูดจริง” ผมพยายามไม่ให้เสียงตัวเองสั่น ทั้งที่ตอนนี้น้ำตาผมไหลลงมาแล้ว
“ทำไม ไม่เลิกนะ ผมทำอะไรผิด พี่บอกผมสิ อึก ฮืออ”
สุดท้ายผมก็ทำให้มันร้องไห้
“นายไม่ได้ทำอะไรผิด”
“แล้วทำไมพี่ถึงจะเลิกกับผมล่ะ” มันเดินอ้อมมายืนอยู่ตรงหน้าผม ใบหน้าที่เต็มไปด้วยหยาดน้ำตา แววตาของคนที่เจ็บผมทำเอาผมแทบทรุด
อยากกอดเหลือเกิน แต่ผมทำได้แต่เมินเฉย
“ขอโทษนะ แต่เรื่องของเรามันจบแล้วจริงๆ”
“ไหนพี่บอกว่ารักผมไง! ฮึก” มันกอดผมแน่น ร้องไห้อยู่ผม กระซิบขอร้องไม่ให้ผมทิ้งมันไป
“จำเอาไว้ ว่าฉันรักนายจริงๆ”
ผมปลดมือมันออก แล้วเดินจากมา ทิ้งมันเอาไว้ตรงนั้น ไม่หันไปมอง ผมคงทนไม่ได้จริงที่จะต้องหันไปมองคนที่ผมทำร้ายด้วยน้ำมือของตัวเอง
“ฮืออ ไม่นะ อย่าทิ้งผมไป พี่มาร์ค ฮือออ”
ขอโทษ แต่ฉันรักนายจริงๆ
พริก...สุดที่รักของฉัน
“กูทำสำเร็จแล้ว ถึงตามึงที่จะทำตามคำพูดบ้าง”
นิชา ฉันจะพาไอ้ชั่วนี่ไปกราบขอโทษเธอเอง
เมื่อสี่ปีก่อน
“มาโค มึงไปรับดินี่ให้กูหน่อย วันนี้กูต้องเช้าไปดูงานที่ชมรมว่ะ” ชาวหนุ่มหน้าตาดีตบบ่าเพื่อนที่ตัวสูงกว่าตนเองหน่อยก่อนจะวิ่งฝ่าฝูงชนหายไป ปล่อยให้มาโคมองตามหลังงงๆ
ดินี่เป็นน้องสาวของดีน เรียนอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่หก โรงเรียนเอกชนชื่อดัง และเป็นโรงเรียนหญิงล้วน มาโคและดีนรู้จักกันมาตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัย ถือว่าเป็นเพื่อนรักเพื่อนสนิทกันเลยก็ว่าได้ มาโคไปนอนเล่นนั่งเล่นที่บ้านดีนบ่อยๆ เลยได้เจอกับน้องสาวของดีน ตั้งแต่นั้นมา มาโคที่เป็นลูกคนเดียวก็เลยเหมือนมีน้องสาวเพิ่มเข้ามาอีกคน
“พี่มาโค ทำไมวันนี้มารับดินี่ได้ล่ะคะ” ดินี่เด็กสาวหน้าตาน่ารักวิ่งเข้ามาเกาะแขนเพื่อนของพี่ชาย ดวงตากลมโตดำขลับส่องประกายแวววาว น่ารักน่าเอ็ดดูจนมาโคอดไม่ได้ที่จะบีบจมูกด้วยความหมั่นเขี้ยว
“พี่ชายเรามีงานที่ชมรม เลยให้พี่มารับแทน”
“เหรอค่ะ ดีจังเลย พี่มาโคพาดินี่ไปกินไอศกรีมก่อนกลับบ้านได้ไหมค่ะ ดินี่อยากกิน”
“ได้สิ”
ความสัมพันธ์ที่ใกล้ชินกันของคนทั้งคู่ ทำให้ความรู้สึกของคนๆหนึ่งแปรเปลี่ยนไป ดินี่เริ่มรู้สึกชอบมาโคมากขึ้นๆ มากเกินคำกว่าพี่ชาย จะไปไหนมาไหนก็โทรให้มาโคไปรับไปส่งตลอด จนดีนเริ่มรู้สึกสงสัยในความสัมพันธ์ของน้องสาวสุดที่รักและเพื่อนรัก
“ไอ้มาร์ค มึงชอบดินี่หรือเปล่า” ดีนตัดสินใจถามออกไป เพราะเขารู้แน่แล้วว่าน้องสาวของเขาหลงรักเพื่อนสนิทของเขา
“อะไรของมึงวะ ชอบอะไร” มาโคที่นอนกระดิกเท้าดูการแข่งขันรถอยู่ที่บ้านดีนถามกลับงงๆ
“มึงชอบน้องกูหรือเปล่า ชอบแบบคนรักน่ะ” ดีนถามย้ำ ไม่ใช่ว่าดีนจะดูไม่ออกว่าเพื่อนตนคิดยังไงกับน้องสาว แต่เพราะอยากจะแน่ใจจริงๆ จึงได้ถามออกไป
“เฮ้ย! ถามบ้าอะไรวะ ไม่ได้ชอบ มึงก็รู้นี่น่าว่ากูชอบใคร”
มาโคมองเพื่อนแปลกๆ เพราะเขาเองนั้นมีสาวที่แอบชอบอยู่แล้ว เป็นเพื่อนในคณะ ชื่อนิชา นิชาเป็นสาวสวยที่ค่อนข้างวางตัวดี ประพฤติตัวดี ไม่ใช่สาวหวานเรียบร้อย แต่ก็ไม่ได้แรงซ่าจนเกินงาม เป็นผู้หญิงที่ผู้ชายเกือบครึ่งคณะหมายปอง และมาโคก็ด้วยคนหนึ่ง
“เออกูรู้ แต่มึงรู้ไหมว่าดินี่ชอบมึง” ดีนตัดสินใจพูดออกไปเลย อย่างน้อยๆจะได้ตัดไฟเสียงตั้งแต่ตอนนี้ เพราะดีนรู้ว่าน้องสาวของตนแอบฟังอยู่
“รู้...” มาโคตอบ สายตายังจับจ้องที่โทรทัศน์ “แต่กูก้วางตัวว่าเป็นพี่ ไม่ได้คิดอะไรกับน้องมึงแน่ๆ วางใจได้ มึงก็รู้ว่ากูชอบผู้หญิงแบบไหน” มาโคพูดทีเล่นทีจริง ไม่อยากให้เพื่อนรักซีเรียส นั่นแหละ ดีนถึงยิ้มออกมาได้
สงสารก็แต่น้องสาวตัวน้อยที่ต้องเจ็บช้ำเพราะความรัก
อีกหนึ่งอาทิตย์ต่อมามาโคตัดสินใจเข้าไปจีบนิชา แล้วบังเอิญว่านิชาเองก็รู้สึกดีๆกับมาโคเช่นกัน ไม่ยากที่ทั้งสองคนจะตกลงปรงใจคบหากัน เรื่องนี้รู้ถึงหูดินี่ ทำให้เธอเกิดความรู้สึกเสียใจอย่างมาก ไม่ยอมกินข้าวกินปลา ขังตัวเองอยู่ในห้อง แถมยังไม่ยอมไปเรียก เข้าวันที่สามดีนเริ่มเห็นน้องโทรมาไม่ไหว เลยตัดสินใจพูดกับมาโคเรื่องดินี่
“กูทำแบบนั้นไม่ได้วะดีน กูคบกับนิชาแล้ว จะให้กูไปคบกับน้องมึงได้ยังไง” มาโคขึ้นเสียงไม่พอใจ ที่อยู่เพื่อนรักก็มาสั่งให้เขาไปคบกับน้องสาวตัวเอง
“แต่มึงก็เห็นไม่ใช่เหรอว่าดินี่เป็นยังไง น้องกูรักมึงมากนะ ใครพูดก็ไม่ฟัง” ดีนเหมือนคนที่หาทางออกไปถูก ไม่รู้จะทำยังไงกับน้องสาวดี พ่อแม่ก็ไม่อยู่ให้จัดการ แถมตัวดีนเองก็ไม่กล้าพอที่จะหักหาญน้ำใจน้อง แม้ตัวเขาจะบอกไปไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้งแล้วว่าไอ้มาโคมันไม่ได้ชอบดินี่เหมือนคนรัก แต่น้องสาวเขาก็ไม่รับฟังท่าเดียว เอาแต่ทำตัวซึมเศร้าร้องไห้ ไม่พูดไม่จากับใคร
“ถึงอย่างนั้นกูก็ทำแบบที่มึงต้องการไม่ได้ กูไปคบกับดินี่แล้วแฟนกูจะคิดยังไงวะ” เพราะตั้งแต่โตเข้าวัยเจริญพันธุ์มา นิชาถือว่าเป็นผู้หญิงคนแรกที่มาโคคิดจะจริงจังด้วย
“แล้วมึงจะให้กูทำยังไงวะ” ดีนทิ้งตัวลงกับโซฟาอย่างไร้เรี่ยวแรง
“เวลาจะทำให้ทุกอย่างดีขึ้นเอง” มาโคตบไหลเพื่อน สายตามองไปทางบันไดของบ้าน “เดี๋ยวกูขอไปคุยกับดีนี่หน่อยนะ เรื่องทุกอย่างมันจะต้องดีขึ้น”
“อืม กูขอบใจ”
มาโคเดินขึ้นไปที่ห้องนอนของดินี่ ภายในห้องสีชมพูสดใส แต่ตอนนี้กลับดูหมองหม่น เด็กสาวที่เคยสดใสร่าเริงนอนซมอยู่บนเตียงไม่ขยับเขยื้อนเคลื่อนไหว จนกระทั่งมาโคเดินไปนั่งที่ริมเตียง เด็กสาวถึงได้รู้สึกตัวหันมามอง
“พี่...มาโค ฮึก พี่มาโคจริงด้วย” ดินี่โผเข้ากอดเพื่อนของพี่ชายแน่น ร้องไห้สะอึกสะอื้นปานจะขาดใจ มาโคที่รักดินี่เหมือนน้องก็รู้สึกปวดใจไม่ต่างกัน เขาไม่ได้ต้องการให้เรื่องมันเป็นอย่างนี้ แต่เขาเองก็ไม่ได้รักดินี่ในเชิงชู้สาว เพราะอย่างนั้นเขาไม่มีวันที่จะคบกับดินี่ได้ ไม่ว่าด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม
“ตัดใจจากพี่เถอะ เราเป็นพี่น้องกันนะ” มาโคลูบผมของดินี่เบาๆ กลัวว่าทำแรงเธอจะแตกแหลกคามือ
“แต่ ฮึก ดินี่รักพี่ เป็นดินี่ไม่ได้เหรอ ฮืออ รักดินี่ไม่ได้เหรอ” ตุ๊กตาตัวน้อยร้องไห้ตัวโยนอยู่ในอ้อมอกของมาโค
“พี่ขอโทษ แต่พี่มีคนที่รักแล้ว ดินี่ยังเด็กอยู่ อีกหน่อยดินี่จะเจอคนที่เหมาะสมจริงๆ”
“ม่ายยยย!!!”
ใครจะไปคิดว่าการหักหาญน้ำใจเด็กน้อยในวันนั้น จะทำให้เรื่องทุกอย่างย่ำแย่จนไม่อาจแก้ไขได้ เด็กสาวที่เคยน่ารัก เปลี่ยนไปเป็นคนล่ะคน ดินี่กลายเด็กกร้านโลก มีอะไรกับเพื่อนในโรงเรียนจนโดนอาจารย์จับได้ และโดนไล่ออกจากโรงเรียน เรื่องรู้ถึงหูผู้ปกครอง พ่อแม่พี่ชายอย่างดีนเจ็บช้ำใจที่น้องสาวที่ขาวสะอาดเปลี่ยนไปขนาดนี้
ที่ร้ายแรงกว่านั้นน้องสาวของดีนติดยาและขายตัว ในตอนที่เธอเพ้อ ดีนพยายามสืบเรื่องว่าอะไรทำให้น้องสาวที่น่ารักของเขาตกอยู่ในสภาพแบบนี้ จับความได้ว่าดินี่ไปตามหามาโคที่ผับ แล้วถูกพาไปรุมข่มขืน ตั้งแต่นั้นว่าเด็กสาวที่น่ารักก็กลายเป็นคนล่ะคน
ดีนที่เหมือนสูญเสียน้องสาวไปก็ทำใจไม่ได้ โกรธแค้นมาโคที่เป็นต้นเหตุทำให้น้องสาวของตนต้องเจอเรื่องราวที่เลวร้าย
ความเคียดแค้น ทำให้คำว่าเพื่อนรักกลายเป็นคำว่าศัตรูร้าย
“ในเมื่อกูเจ็บ มึงก็ต้องเจ็บเหมือนกันไอ้มาโค!!!”
แล้วการแก้แค้นก็ได้เริ่มขึ้น เป้าหมายสำคัญที่ดีนต้องการก็คือ นิชา...แฟนสาวของมาโค
ในวันที่สายฝนโปรยปราย พายุโหมกระหนำส่งเสียงหวิดหวิวดังสะท้อนทั่วบริเวณ เหมือนกับหัวใจของชายหนุ่มที่ร่ำไห้ราวจะขาดใจให้กับหญิงสาวคนรักที่จากไปอย่างไม่มีวันหวนคืน
“ไอ้ดีน!!! มึงทำให้คนที่กูรักต้องตาย ถ้ามีกูจะไม่มีมึงบนโลกใบนี้!!!”
…………………………………
เอิ่ม...นะ ไม่มีอะไรพูดมาก เข้าใจว่ามันดร่ามา แต่เขาว่าฟ้าหลังฝนย่อมสดใสเสมอ จริงไหมจ๊ะ^_^
