ตอนที่ 26 สงคราม...สามสถาบัน (ภาค 2)
[/b]
เรื่องราวอันน่าเบื่อของวินและแมทดำเนินผ่านมาเรื่อย ๆ ข้ามผ่านวันสิ้นปี และวันปีใหม่
ไปอย่างน่าเบื่อ....ไม่มีอะไรใหม่ ๆ ดี ๆ เข้ามาในชีวิต วินไม่ได้แม้แต่จะอ่านหนังสือ
เพื่อสอบเอนทรานซ์รอบสอง ....เข้าเรียนบ้าง ไม่เข้าบ้าง เพราะแมทที่งี่เง่ามากขึ้น
ครั้งนี้วินไม่โทษตัวเอง วินต้องโทษแมทเต็ม ๆ ที่อ้อนวอนกึ่งบังคับวินให้โดดเรียน
ซึ่งรวม ๆ กันแล้วแต่ละวิชา ก็ปาเข้าไปครึ่งค่อนคอร์ส ถ้าวินไม่ไปก็จะโกรธ ต่อว่าวิน
สารพัด เหมือนเขาลืมเหตุการณ์วันที่เขาขอคืนดีวินไปหมดแล้ว.....วินเคยคิดอยู่หลาย
ครั้งว่าจริงๆ แล้วเป็นเพราะวินใจอ่อนเองจึงยอมโดด แต่ก็ไม่ใช่ .......แมทที่เหมือนจะ
รู้ทันว่าวินใจแข็ง ก็มักมีกลวิธี ‘มัดมือชก’ วินอยู่เสมอ เช่น ซื้อตัวหนังไว้ก่อนแล้วค่อย
โทรมาชวน หรือชอบอ้างว่าจองโต๊ะอาหารไว้แล้วบ้าง โน่นนี่บ้าง มาตลอด 2 เดือนนั้น
เดือนนี้เป็นเดือนแห่งความรัก ซึ่งในวันที่ 14 ก็ใกล้กับวันที่เราคบกันคือวันที่ 12
แมทซื้อช่อช็อคโกแลตเฟอเรโร รอเชอร์ ช่อใหญ่มาก มีช็อคโกแลตอยู่ร่วมร้อยลูกได้
เขารวบยอดซื้อให้วินทั้งเนื่องในโอกาสวันแห่งความรัก และวันครบรอบ 10เดือนของเรา
(2 เดือนแรกแห่งความสุข.....8 เดือนหลังแห่งความทุกข์ทรมานใจ)
วินเดินถือกลับบ้านจนคุณแม่ของวินยังต้องทัก....แรก ๆ วินก็ไม่กล้าทาน แต่พอนานไป
วินก็ทานจนเกลี้ยง (^.^) โดยมีสมาชิกในครอบครัวช่วยจัดการไปบ้างเล็กน้อย
วินยอมรับว่าวินรู้สึกชอบแมทอยู่บ้าง แต่ที่แน่ ๆ ไม่ใช่ความรัก วินอาจจะหลงใน
รูปลักษณ์ของเขาก็เป็นได้ แต่ความรู้สึกของวินมันก็ชอบ ๆ เบื่อ ๆ อยู่ตลอดเวลา
ทำให้ในระหว่างนั้น วินโทรฯ คุยกับฟิวอยู่ตลอด โดยฟิวโทรมาจีบ ‘อย่างเปิดเผย’ เรา
คุยกันทุกวัน มาตลอด 2 เดือน เราไปเจอกันบ้างเป็นครั้งคราว แต่ก็เจอที่บ้านของปุ้ย
เพราะวินจะไปเดินห้างฯ แถวบ้าน ก็เสี่ยงเจอแมท เพราะบ้านเราอยู่ในละแวกเดียวกัน
หรือจะไปเดินสยาม ก็ใกล้กับโรงเรียนที่แมทเรียนอยู่ ซึ่งในเวลาเลิกเรียน เด็กโรงเรียน
แมทก็เดินกันให้พรึ่บ....ทว่า วินกับฟิวก็ยังคงคบกันฉันท์เพื่อนสนิท ที่สนิทกันมาก ๆ
แค่นั้นเอง แต่มีบ้างที่เราอยู่กันสองคน เช่น บนรถ ฟิวก็จะจับมือวินไว้เกือบตลอด
แต่เรื่องหอมแก้ม จูบ อะไรแบบนั้น เราไม่เคยทำ และฟิวก็ไม่เคยมีทีท่าจะเริ่มด้วยซ้ำ
และแล้วความบังเอิญ (ซวย) ก็เกิดขึ้น...........
วันนั้นเป็นวันจันทร์ ซึ่งวินเรียนครึ่งเช้า เพราะช่วงบ่ายทางโรงเรียนจะเลิกเพื่อให้
นักเรียนวิชาทหารไปเรียนรด.กัน ซึ่งวินก็จะเปรมปรีด์เพราะไม่ได้เรียน..........
แต่ฟิวเรียนรด.ในช่วงเช้า ช่วงบ่ายเขาก็จะมีเรียน แต่วันนั้นฟิวโดดเรียน จึงโทรมาชวน
วินไปเที่ยว
“เลิกเรียนแล้วอ่ะเด้.....ไปเที่ยวกันเลย…ไปเลย ๆ ห้ามปฏิเสธด้วย” ฟิวกล่าวหลังจาก
ที่วินรับโทรศัพท์เขา (ตลอด 2 เดือน วินและฟิวไม่เคยมีใครตกลงเป็นแฟนกัน รู้แต่ว่าเรา
ชอบกันอยู่เท่านั้น.........แต่ความสัมพันธ์ และการปฏิบัติตัวของเรา ก็มีอยู่บ้างที่เป็นไป
ในลักษณะของคนเป็นแฟนกัน ยกเว้นอยู่อย่างเดียวที่ไม่มีเข้ามาคือ ‘เรื่องหึงหวง’)
“เสียใจ...วินมีเรียนภาษาอังกฤษ” วินตอบ
“เฮ้ย....ก็รีบมาสิ รู้นะว่าเรียนตั้ง 6 โมงนู่น.....มาเลย ๆ แล้วเดี๋ยวนั่งรถไปส่งที่โรงเรียน
ครูสมศรี” ฟิวตอบกลับมา (ฟิวไม่เคยชวนวินโดดเรียนเลย)
“ไม่ต้อง....ไปคนเดียวได้” วินทำเป็นเล่นตัว (*

*)
“ไม่เอา จะไปนั่งรอ...เค้าไม่ได้ไปรอตัวเองนะ จะเช็คเรทติ้งตะหาก” ฟิวตอบมาติดตลก
“อี๋....” วินหยอก
ในที่สุดวินก็ตอบตกลง เพราะก็ไม่รู้เหมือนกันว่าระหว่างรอเรียนพิเศษนั้นจะไปทำอะไร
วินไปถึงสยามประมาณบ่ายโมง ฟิวก็โทรมาถามว่าวินจอดรถตรงไหน เพื่อที่เขา
จะได้เดินมาหาวินที่รถ และเมื่อเขามาถึง ............
“อ่ะ....เอาไป แฮปปี้วาเลนไทน์ย้อนหลัง” ฟิวยื่นกุหลาบให้ ท่าทีไร้ซึ่งความหวาน
“เฮ้ย...ขอบคุณมากฟิว” วินยิ้มกว้าง
“รู้นะว่าวินไม่เข้ากับดอกกุหลาบ....ตอนแรกจะซื้อดอกหน้าวัวให้ แต่หาซื้อไม่ได้เลย”
ฟิวกล่าวพร้อมหัวเราะ ฟิวเป็นคนที่ทำให้วินมีความสุขได้เสมอ เวลาอยู่กับเขา
“ดูรู้มั้ยเนี่ย...ว่ามันไม่เหมือนกุหลาบทั่วไป ดอกนี้ราคาเป็นร้อยเลยนะ...เอาไปดอกเดียว
ก็พอ....ต้องซื้อให้หลายคน” ฟิวกล่าวแล้วทำยิ้มเก๊ก ๆ
“พอ ๆ…..อืมดูไม่รู้อ่ะ ถ้าไม่บอกว่ากุหลาบ ก็นึกว่าดอกบัว” วินขัด
“น่าเกลียดวิน” ฟิวเบะปาก
วินและฟิวเดินเล่นกันไปอยู่หลายที่ เริ่มจากเดินในสยามอยู่ชั่วโมงนึงได้
ฟิวเป็นคนที่เดินซื้อของเก่งมาก แวะเกือบทุกร้าน และเขาก็จะต่อกระจาย ถ้าต่อไม่ได้
เขาก็ไม่ซื้อ ผิดกับแมทอย่างมาก ถามราคาปุ๊บ ซื้อปั๊บเลย จากนั้นเราก็ไปเดินที่
สยามเซนเตอร์ ต่อด้วยสยามดิสคัฟเวอร์รี่ และไปมาบุญครอง จากนั้นก็ไปเวิล์ดเทรด
เซนเตอร์ (เซนทรัลเวิล์ดปัจจุบัน) ฟิวซื้อซีดีเพลงของวง Sixpence Non The Richer
ที่ร้าน CD Ware House ให้วิน เพราะทั้งวินและฟิวชอบอยู่เพลงนึงในอัลบั้มเหมือนกัน นั่นก็คือเพลง “Don’t Dream It’s Over” วินฟังบ่อยมาก ถ้าเป็นเทปก็คงยืด หรือไม่ก็
ติดไฟไปแล้วเพราะเปิดบ่อยเกิน และวันนั้นวินก็ได้ตุ๊กตาหมาพันธุ์ปั๊กตัวเล็กๆ ที่ทำจาก
การเป่าแก้วมา 1 ตัว โดยที่ฟิวก็เป็นคนซื้อให้อีก เพราะเขารู้ว่าวินชอบสุนัขพันธุ์นี้มาก
และวินก็เลี้ยงอยู่ 1 ตัวในตอนนั้นชื่อ ‘ไอ้ย่น’ แต่ตอนนี้ตายไปแล้ว (ในขณะที่วินเขียน
เรื่องนี้อยู่ ตุ๊กตาแก้วหมาปั๊กตัวนั้นก็ตั้งอยู่ข้าง ๆ วินนี่เอง...แต่สีทอง ๆ ที่เข้าระบายมาก็
หาย ๆ จาง ๆ ไปเยอะแล้ว)
ฟิวเป็นคนเตือนวินเรื่องเวลา เพราะตอนนั้นก็ใกล้เวลาเรียนแล้ว ฟิวกับวินจึงเดิน
กลับไปที่สยามเพื่อเอารถ
“วินเรียนกี่ชั่วโมงอ่ะ” ฟิวถาม
“สองชั่วโมงได้”
“ไปด้วยนะ....ไปนั่งรอ” ฟิวกล่าว
“เพื่ออะไรฟิว” วินถาม
“เพื่อรอไง....ก็บอกไปแล้ว....ติงต๊องนะเนี่ยวินอ่ะ” ฟิวตอบกลับมากวน ๆ
“อืมดี...ไม่อยากขับรถคนเดียวเหมือนกัน” วินตกลง
“เดี๋ยวเตะกระเด็นเลย...นึกว่าอยากให้เราไปด้วย” ฟิวทำทีต่อว่า
“เออ ๆ ก็อยากด้วย” วินยอมรับอย่างเขิน ๆ
จู่ ๆ ก็มีสายเข้ามาจากพี่แสงเดือน ...วินรู้สึกไม่ดีนัก ที่เห็นชื่อพี่แสงเดือนปรากฏบน
หน้าจอโทรศัพท์….วินกดวาง และโทรกลับไปตามเคย
“คุณวิน ๆ ....พี่แสงเดือนรู้แล้ว...” พี่แสงเดือนพูดอย่างตื่นเต้น
“อะไรพี่แสงเดือน อะไร!” วินตกใจ......จนทำเอาฟิวเองก็ตกใจไปด้วย
“คุณผู้หญิงค่ะ....พี่แสงเดือนรู้แล้ว ว่าคุณผู้หญิงทราบได้ยังไง ว่าคุณวินอยู่ไหน ทำอะไร
อยู่กับใคร............” พี่แสงเดือนเว้นวรรคไป
“อะไรพี่แสงเดือน.....เพราะอะไร” วินใคร่รู้ขึ้นมาทันที
“ตะกี๊พี่แสงเดือนได้ยินคุณผู้หญิงโทรบอกคุณแมทอีกแล้วค่ะ.......แต่ก่อนหน้านั้น
พี่แสงเดือนก็ได้ยินคุณผู้หญิงพูดกับเพื่อนทางโทรศัพท์” พี่แสงเดือนพูดเบาลง
เหมือนกลัวว่าใครจะมาได้ยิน
“ว่ามาพี่แสงเดือน” วินเร่งเร้า
“คุณวินคะ...พี่แสงเดือนไม่รู้ว่าจริงรึเปล่านะคะ แต่พี่แสงเดือนคิดว่าคุณผู้หญิงให้
เพื่อนของแก สะกดรอยตามคุณวินค่ะ” สิ้นเสียงพี่แสงเดือน วินหยุดเดิน และนิ่ง
ไปชั่วขณะ จนฟิวต้องหันมาถาม…
“แล้วทำไมพี่แสงเดือนถึงคิดว่าเป็นอย่างนั้น” วินถาม ...ตัวเองรู้สึกนิ่งอึ้งไปแล้ว
“ก่อนหน้าที่คุณผู้หญิงจะโทรหาคุณแมท....คุณผู้หญิงรับโทรศัพท์ และเอากระดาษ
ปากกามาจดที่ที่คุณวินไปหมดเลยค่ะ พี่แสงเดือนก็จำไม่ได้ว่าชื่ออะไรบ้าง มีแต่
ภาษาอังกฤษหมดเลยค่ะ” พี่แสงเดือนตอบ ยิ่งทำให้วินรู้สึกแน่ใจขึ้นมาอย่างชัดเจน
ว่านี่วินถูกสะกดรอยตาม!
“ขอบคุณนะพี่แสงเดือน” วินพูดแบบคนไร้ความรู้สึก แล้ววางโทรศัพท์ไป
“วินมีอะไร.....เป็นอะไรวิน” ฟิวถาม
“คุณแม่แมท....ให้คนสะกดรอยตามเรา ฟิว” วินตอบ
“ฮะ ??!!” ฟิวเสียงดังด้วยความตกใจ
“วินไม่รู้ว่านานแค่ไหนแล้ว.....ตอนที่เกิดเรื่องปุ่น....วินไม่รู้ว่าตอนนั้นด้วยรึเปล่า”
วินยังคงพูดไปอย่างเบลอ ๆ ....ใครจะไปคิดไปฝัน ว่าชีวิตในช่วง 7 – 8 เดือนที่ผ่านมา
จะมีคนจ้องดูเราใช้ชีวิตอยู่ตลอดเวลา รู้ว่าเราทำอะไร ไปที่ไหน และอยู่กับใคร
รู้สึกเหมือนถูกจับแก้ผ้าอย่างนั้น วินพยายามนึกว่าที่ผ่านมาวินทำอะไรไปบ้าง
วินหมดความเป็นส่วนตัวไปเป็นเวลากี่เดือนแล้ว
“ไอห่-าเอ๊ย....นี่คนบ้านนี้มันทำถึงขนาดนี้เลยหรอเนี่ย” ฟิวเสียงดัง
“ฟิว...เรารีบไปที่รถกันเถอะ” วินกล่าว......วินรู้สึกว่าความปลอดภัยมันหายไป วินมอง
ซ้ายมองขวา มองไปรอบ ๆ ตัว ทุกคนที่อยู่บริเวณนั้น ก็ไม่มีใครมองมาที่วินและฟิวเลย
วินหวาดระแวง และหมดความมั่นใจ รู้สึกไร้ที่กำบังอย่างบอกไม่ถูก
“ไปสิ...ไป ๆ” ฟิวกล่าว แล้วพาวินเดินอย่างเร็วกลับไปที่รถ
เราสองคนเดินมาถึงที่หน้าเซนเตอร์พอยท์ วินก็ต้องพบกับคำตอบสุดท้ายของคุณแม่
............แมทยืนมองซ้ายมองขวาอยู่หน้าร้านบูทส์ (Boots) ข้าง ๆ เซนเตอร์พอยท์
ซึ่งซอยถัดไปเป็นที่จอดรถของวิน .............
แมทคงจะเห็นรถของวินจอดอยู่ จึงยืนรอวินอยู่ตรงนั้น.......วินจะหลบก็คงสายไป
จึงยืนอยู่จนสายตาของแมทมองสบกลับมา....เหตุการณ์วันนั้น มันอยู่ในใจของวิน
อย่างไม่เคยเลือน หรือจางไปไหน วินจำทุกฉากทุกตอนได้อย่างแม่นยำเสียยิ่งกว่า
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในสัปดาห์ที่แล้วเสียอีก (และแล้ววันนั้นวินก็ไม่ได้ไปเรียน)
..........แมทเดินกำหมัดทั้งสองข้างรี่เข้ามาที่วินและฟิว....ฟิวผลักวินให้ไปอยู่ข้าง ๆ
ด้านหลังเขา (แมนซะไม่มี)...ฟิวเชิดหน้าขึ้นมองแมทอย่างหาเรื่อง...ในชุดรด.ของทั้งสอง
ทำให้ดูเหมือนทหารกำลังเผชิญหน้าพร้อมรบกัน....วินในชุดพละของโรงเรียน ดูเป็นเด็ก
อ่อนไปขนัดตา
“แมท...วิน..” วินเดินออกมาเพื่อจะอธิบาย แต่ฟิวก็เอาแขนใหญ่ ๆ ของเขามากั้นไว้
และกวาดตัววินไปข้างหลังอีก พร้อมพูดกับวินอย่างเป็นห่วงว่า....
“ถอยไปน่าวิน....อยากเจ็บตัวอีกรึไง”
“ว่าไงไอ้หน้าจืด” ฟิวเป็นฝ่ายเริ่มพูดก่อน
“ว่าไงหละ ไอ้หน้าด้าน” แมทตอบ แต่ฟิวยังคงเชิดหน้า ทำท่าทางหาเรื่องแมทต่อ
(เสียดายที่วินอยู่ข้างหลังฟิว เลยไม่เห็นแววตา หรือสีหน้าของเขา อยากรู้เหมือนกัน
ว่ามันจะยียวน กวนใจสักแค่ไหน)
“ฟิว ๆ คนมองหมดแล้ว” วินดึงเสื้อฟิวแล้วเอ่ยขึ้นจากด้านหลังของเขา แต่ฟิวก็ไม่ตอบ
....ในเวลานั้นแม้จะเริ่มมืด ๆ แต่ไฟสีขาวจากร้านบูทส์ก็ทำให้ใคร ๆ ที่เห็นเหตุการณ์
พอเข้าใจว่า ทั้งสองคนกำลังมีเรื่องกัน แต่หวังว่าคงจะไม่รู้ ว่าเป็นเรื่องของผู้ชาย 3คน-*-
“กุบอกม.อึงแล้วใช่มั้ย ไอ้ฟิว...ว่าอย่ามายุ่งกับแฟนกุอีก” แมทพูดขึ้นเบา ๆ แค่พอให้
ได้ยินกันอยู่ตรงนั้น
“แล้วนายเป็นใครทำไมเราต้องเชื่อ” ฟิวตอบ โดยไม่ขึ้น ‘ม.อึง-กุ’ กลับไป
“วิน...กลับ!” แมททำทีออกคำสั่ง....วินเดินออกมา แต่ฟิวก็กวาดตัววินกลับไปอีก
“จะให้เค้ากลับไปทำไม...นายจะได้ฉุดกระชาก ผลักเค้าตกบันได หรือบีบคอเค้าอีก
งั้นหรอ....นายจะทำร้ายเค้าด้วยวิธีไหนอีก....บ้านเมืองมีกฎหมายนะเว่ย
บุญแค่ไหนแล้วที่วินเค้าไม่แจ้งความ........ครั้งนี้ถ้าแกทำอะไรวินอีก เราจะให้เค้า
แจ้งความจับนายให้ได้” ฟิวกล่าวจบ แมทก็มีสีหน้ากลัวอยู่เล็กน้อย
“พอเหอะฟิว” วินพูดขึ้นแล้วปัดตัวฟิวออกไป แล้วเดินไปอยู่ระหว่างทั้งสอง
“อายคนกันบ้าง....รู้ว่าหน้าหนา แต่วินอาย ถ้าจะทะเลาะกัน วินขอกลับก่อน”
วินกำลังจะเดินผ่านแมทไป....แต่แล้วแมทก็เข้ามาคว้ามือวินไว้ เขาใช้เล็บนิ้วโป้งจิก
ที่หลังมือของวิน บริเวณข้อมือที่ตรงกับนิ้วโป้ง ....วินเจ็บมาก และมองไปที่มือของ
ตัวเอง ก็เห็นเลือดซึมอยู่รอบ ๆ เล็บของแมท
“แมท...วินเจ็บนะ...เจ็บมาก” วินพยายามบอกแมทเชิงขอร้อง
“ไอห่-าแมท.....ม.อึงปล่อยวินเดี๋ยวนี้นะ” ฟิวเดินเข้ามาได้ไม่กี่ก้าว แมทก็ขู่ขึ้น
“อย่านะไอ้ animal…….ถ้าม.อึงไม่อยากให้วินเจ็บตัว”
..........วินที่แมทเคยบอกว่ารัก เคยบอกว่าขาดไม่ได้ ตอนนี้กลายเป็นตัวประกันของแมท
แล้วใช้เพื่อขู่ฟิวไปแล้วหรือนี่ ?
“แมทวินเจ็บอ่ะ....ปล่อยวินนะ เจ็บมากเลยแมท” วินขอร้อง
“เงียบไปเลยวิน...หลายใจ สัน-ดารร่า-น !!” แมทตะคอก แล้วใช้คำที่วินไม่เคยคิด ว่าจะ
มีใคร ที่เขาจะใช้คำนี้เพื่อด่าผู้ชาย......แมททำวินอายอีกแล้ว ซ้ำซาก ไม่จบไม่สิ้นเสียที
“เฮ้ย...ไอ้เลว.....ปากม.อึงนี่ยิ่งกว่าผู้หญิงอีกหว่ะ” ฟิวกล่าว แล้วทำท่าทีดูถูกแมท
“แมท...วินเจ็บ เจ็บจริงๆ แมท เจ็บมาก ปล่อยนะ” วินขอร้อง รู้สึกเจ็บจนร้องไห้ออกมา
“ปล่อยวินนะเว่ย….รู้จักอายบ้างรึเปล่าว้ะ” ฟิวกล่าว
ขณะนั้นเองวินก็เห็นเลือดตัวเองไหลออกจากแผลเป็นทาง มาจนถึงข้อมือ แล้วก็หยดลง
บนพื้น....วินไม่เคยเลือดไหลจนหยดแบบนี้มาก่อน แม้แต่มีดบาด วินก็ยังไม่เคยโดน…..
แล้วแมทเป็นใคร มาทำร้ายวินจนเลือดตกยางออก........ทำไมเลวขนาดนี้!?
“ไอห.เอี้ย....นี่มึงยังเป็นคนอยู่รึเปล่าฮะ !!!” ฟิวตวาด........และวินก็หันไปเห็นฟิว
ในตอนนั้นมีน้ำตาไหลออกมา
“เอาเลือดร่า-น ๆ ออกบ้าง.....เผื่อจะดีขึ้น” แมทกล่าว ด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“เลือดเย็นที่สุด” วินเอ่ยขึ้นเบาๆ จ้องหน้า และส่ายหน้าใส่แมทด้วยความเอือมระอา
“แค่นี้มันยังน้อยไป ไอ้สันดาร!!” แมทขึ้นเสียง แล้วตบหน้าวินอย่างแรง ....ซึ่งวินรู้สึกว่า
เหมือนผลักวินไปครึ่งหน้าอย่างแรงมากกว่า
“ไอ้แมท!!!” ฟิวตะโกน....แล้วกระโดดถีบหน้าท้องแมทอย่างแรง จนเขาล้มลงไป
…………..ขณะนั้นก็มีพี่ยามเป่านกหวีดชี้นิ้วมาที่เราทั้งสามคน....
“พี่ครับ....ไอนี่มันบ้า มันทำร้ายร่างกายเพื่อนผม เอามันไปเลยพี่ เอามันไปเดี๋ยวนี้!!”
ฟิวตะโกนบอก แล้วชี้นิ้วไปที่แมท ที่กำลังนั่งอยู่กับพื้น......แมทลุกขึ้นแล้วชี้หน้าวิน
ด้วยสีหน้าแค้นสุด ๆ และเขาก็เดินไปจากตรงนั้น........จากนั้นฟิวก็พาวินไปนั่งตรง
บริเวณน้ำพุของเซนเตอร์พอยท์
“เฮ้ยวิน !!!” ฟิวอุทานขึ้นอย่างดัง วินที่ไม่รู้ตัวเอง ก็ได้แต่หันไปมองหน้าเขา
“ไอ้ animal เอ้ย” ฟิวพูดขึ้นเบา ๆ แล้วน้ำตาไหล จากนั้นเขาก็ควานหาของในกระเป๋า
กางเกงและกระเป๋าเสื้อ แล้วดึงผ้าเช็ดหน้าของเขาออกมา และซับลงที่ตรงจมูกของวิน
ขณะนั้นเองวินก็เห็นเลือดจำนวนมากติดออกมากับผ้าเช็ดหน้าของฟิว
“วินเจ็บมั้ย” ฟิวร้องไห้...นี่เป็นครั้งแรกที่วินเห็นฟิวร้องไห้ ไม่ว่าจะร้องให้วิน หรือร้องให้
กับเรื่องอะไร วินก็ไม่เคยเห็นเขาในภาพคนอ่อนแอมาก่อน ฟิวสีหน้าเฉย ๆ พยายามเก๊ก
แมนสุดตัว แต่น้ำตาไหลพรากออกมา
“เลือดกำเดาหรอฟิว” วินถามไปอย่างโง่ ๆ
“สองข้างเลยวิน……ไปหาหมอกัน” ฟิวกล่าว...วินแทบจะสิ้นสติ นี่วินเลือดออกเยอะ
ขนาดนี้เชียวหรือนี่ ??.....แต่วินเองก็รู้สึกมึน ๆ อยู่ไม่น้อยจากที่โดนแมทตบ หรือต่อย
ก็ไม่รู้.........วินไม่รู้ว่าโดนตบหรือต่อยอย่างไร โดนตรงไหน วินรู้แต่ว่ามันแรงมาก ๆ
“ทำไมมันเลวแบบนี้วิน....มันห.เอี้ย มากเลยนะเนี่ย” ฟิวกล่าวทั้งน้ำตา พยายามทำ
หน้าไม่ให้เบ้ เขาทำหน้าเฉยมากที่สุด แต่น้ำตาก็ไหลออกมาไม่หยุด
....ขณะเดียวกัน วินก็ยกมือของตัวเองขึ้นดู ก็เห็นแผลที่หลังมือของตัวเอง เป็นแผลลึก
ฉีกออกจากกัน เป็นรอยรูปเล็บของแมท และเลือดก็ไหลออกมาเป็นทาง วินรู้สึกเจ็บ
และปวดอยู่มากเลยทีเดียว
“โอโห...วิน…….” ฟิวทำหน้าวิตก
“ไปจากตรงนี้ดีกว่าฟิว....เดี๋ยวก็เสียภาพพจน์หมด” วินกล่าว
“วินอย่ามาตลกตอนนี้ได้มั้ย” ฟิวมีน้ำเสียงต่อว่า
“เปล่าจริง ๆ ฟิว..........วินว่ามันยังไง ๆ นะ”
“อืม ๆ ไปที่รถก็ได้” ฟิวยอมเข้าใจ
.....เราทั้งสองเดินไปที่รถท่ามกลางสายตาประชาชีที่อยู่บริเวณนั้น คนที่นั่งอยู่ตรงน้ำพุ
คงจะทราบดีว่าเกิดอะไรขึ้น และสถานการณ์มันคืออะไร แต่คนที่เดินผ่านไปผ่านมา
คงแค่สงสัย และไม่รู้สถานการณ์ที่แท้จริง....วินเป็นห่วงภาพของฟิวอยู่เหมือนกัน
เพราะตอนนั้นเขาเองก็เริ่มมีชื่อเสียง อาจจะไม่ถึงกับดัง แต่ก็มีคนรู้จักและชื่นชอบเขา
มากจนมีคนสร้างเว็บแฟนคลับขึ้นมาให้เขาแล้วในตอนนั้น (ยิ่งถ้าเป็นตอนนี้วินว่าฟิวคง
จะไม่ทำอะไรแบบนั้นแน่ ๆ อย่าหาว่างั้นงี้เลยนะฟิว.....อิอิ)
วินซับเลือดที่แขนจนหมด และเอากระดาษทิชชู่ปิดแผลไว้ เพราะว่าไม่อยากเห็น
จากนั้นก็นอนหงายหน้าอยู่ราวครึ่งชั่วโมงบนรถ จนเลือดกำเดาแห้ง พอวินกลับสู่ท่า
ทางปกติได้ไม่นาน ประมาณ 10 นาที เลือดกำเดามันก็ไหลออกมาอีก ฟิวบอกให้วิน
ไปหาหมอ แต่วินดึงดันไม่ยอมไป ฟิวก็ได้แต่นั่งมองหน้าวินที่อาบเลือดอยู่ในรถ
....วันนั้นวินจึงขับรถไม่ได้ ฟิวเลยขับรถไปส่งวินที่บ้านปุ้ย ซึ่งตอนนั้นยังไม่ถึงเวลา
ที่วินต้องกลับบ้านเพราะวินควรจะอยู่ที่โรงเรียนกวดวิชาอยู่.....ปุ้ยที่เห็นวินในสภาพ
นั้นก็เป็นเดือดเป็นแค้น จะพาวินไปโรงพักให้ได้....แต่วินก็ไม่ฉลาดพอที่จะเชื่อเพื่อน
....ฟิวอยู่ที่บ้านปุ้ยได้สักพัก ก็ต้องนั่งรถแท็กซี่กลับไปเอารถของเขาที่จอดทิ้งไว้
ที่สยาม และขับกลับบ้านของเขาไป....วินรู้สึกซึ้งใจอย่างมาก ที่ฟิวทำให้วินได้ขนาดนี้
พอถึงเวลาวินก็กลับบ้าน โดยมีฟิวโทรมาถามอาการเป็นระยะ ๆ วินรีบขึ้น
ห้องนอนทันทีที่ถึงบ้าน เพราะกลัวมีคนเห็น วินล้างหน้าล้างตา....แค่มือไปโดนจมูก
นิดเดียว เลือดก็ไหลออกมาอีก ถ้านอนเฉย ๆ สัก 2-3 นาทีเลือดก็หยุด จนวินหลับไป
พอตื่นเช้ามา เลือดก็ไหลเต็มหมอนไปหมด....วินเลือดกำเดาไหลแบบไหล ๆ หยุด ๆ อยู่
แบบนี้จนถึงเย็นของอีกวัน ซึ่งระหว่างวันมันก็ไหลออกมานิดหน่อย ถึงจะไม่มาก
เหมือนตอนแรก แต่ก็สร้างความรำคาญ และลำบากใจอยู่เหมือนกัน ส่วนแผลที่หลังมือ
ก็เริ่มประสาน แต่ก็ยังไม่แห้ง วินยังคงต้องอาบน้ำโดยไม่ให้แผลเปียก และถึงแม้ว่า
ในเวลาต่อมา แผลจะปิดสนิทและหายเจ็บไปแล้ว แต่ก็ยังคงทิ้งรอยแผลเป็นนูนๆ ขนาด
เท่ากับเล็บของแมทไว้ให้วินเห็น และตอกย้ำถึงความรุนแรงของเขามาจนถึงวันนี้..........
________________________________________________________
ตัวอย่างตอนต่อไป.....
ตอนที่ 27 หมดสิ้น...ซึ่งความโง่เขลา
“คุณแม่ก็ถามแมทเอาเองสิครับ ว่าแมทเค้าทำอะไรวิน”
วินตอบไปด้วยน้ำเสียงงัวเงียอีกครั้ง
“วิน.........แม่ไม่มีกำลังจะมาเถียงกันตอนนี้.....วินต้องมาช่วยแม่เดี๋ยวนี้เลย
ตั้งแต่วันจันทร์แล้วเนี่ย.....แมทไม่ออกมาจากห้องเลย ไม่กิน ไม่อะไรทั้งนั้น”
คุณแม่มีน้ำเสียงเป็นห่วง และกังวลที่สุด.............ทำเอาวินรู้สึกวิตก กังวลไปด้วย
“แล้วคุณแม่จะให้วินทำอะไร......วินเป็นคนนอก” วินลุกขึ้นนั่งแล้วพูดจาไร้เยื้อใย
........................................
“พี่กอล์ฟ.....” วินเอ่ยขึ้นเบา ๆ จ้องมองคนที่มาเปิดประตูอย่างประหลาดใจ
“วิน......” แมทเอ่ย ทั้งที่เขายังอยู่ในท่าโก่งตัวค้างไว้ คงอาจจะเป็นเพราะพยายามจะ
ดึงตัวพี่กอล์ฟไม่ให้มาเปิดประตูเมื่อสักครู่ แต่ไม่ทัน
.........แมทนุ่งกางเกงเลสีดำตัวเดียวกันกับที่เขาเคยใส่ในคืนแรกที่วินมาค้างกับเขา
และไม่ได้ใส่เสื้อ.........แล้วจะให้วินคิดอย่างไรได้อีก ? (หรือกางเกงตัวนี้คือกางเกง
นำโชคในการเผด็จศึกเรื่องบนเตียงของเขา??)
“เฮลโหล” ชายหน้าขาว การศึกษาดี คนที่วินคุ้นเคยอยู่ในชุดนอนลายแก่ๆ ยืนกอดอก
พิงประตู เอ่ยทักวินด้วยสีหน้าปิติยิ่งนัก
.........................................
“หนอยไอ้เด็กบ้านี่” คุณแม่ง้างมือจะตบหน้าวิน แต่ก็ต้องชะงัก เพราะวินกำหมัดขึ้น
เตรียมตอบกลับ
“เอาสิ....เอาเลยคุณแม่ วินจะเอาคืนให้สาสม รวบยอดกับที่คุณแม่ทำกับวินมาตลอด
เกือบ 1 ปีนี้……..เอาเล้ย.....มาสิ .....แลกกัน!!!” วินท้า
...........................................
“ร้องทำไม” วินถามแล้วยิ้มให้พี่แสงเดือน
“สงสารคุณวิน......” พี่แสงเดือนกล่าวเสียงหลง ทำหน้าเบ้แล้วใช้มือปาดน้ำตาไปมา
“วินจะโทรหา....วินไม่ลืมพี่แสงเดือนหรอก...คิดถึงก็โทรมานะ วินจะโทรกลับ” วินกล่าว
“ค่ะ” พี่แสงเดือนพยักหน้าหงึก ๆ
............................................