"จิ้นดีนัก เดี๋ยวจัดให้"
Hour# 32 -Yokoso Japan-
ในที่สุดก็ผ่านพ้นวันรับปริญญาวันจริงซักที วันนั้นดูจะวุ่นวายยิ่งกว่าเดิมอีกครับ ไหนจะเจ้าหน้าที่ตำรวจที่คอยดูแลพื้นที่เพื่อต้อนรับเจ้าฟ้าที่จะมาพระราชทานปริญญาบัตร และบรรดาเพื่อนๆญาติๆของบัณฑิตอีก วันนี้วารับปริญญาช่วงบ่ายครับ แต่ก็ไม่รู้อีกว่าจะเสร็จกี่โมง ตอนนี้ก็หลายชั่วโมงแล้วหลังจากที่วารายงานตัวเสร็จแล้วเข้าห้องประชุม แต่ยังไม่มีวี่แววว่าจะออกมา หม่าม๊าที่ตอนแรกจะรอถ่ายรูปกับวาพร้อมปริญญา แต่เห็นว่าสี่กว่าโมงวายังไม่มีวี่แววออกมา บวกกับม๊าจองตั๋วกลับเชียงใหม่ไว้ตอน 3 ทุ่ม เลยต้องรีบไปเก็บของจากโรงแรมก่อนจะไปสนามบินพร้อมพี่เฟริส์ก่อนอย่างเสียดาย พร้อมสำทับอีกว่าให้ขึ้นไปเชียงใหม่แล้วเอาชุดครุยกับใบปริญญาไปถ่ายกับม๊าที่บ้านด้วย ซึ่งพอไปถึงก็เซอร์ไพรส์อีกรอบว่าม๊าผมปิดร้านอาหารฉลองให้วาเรียบร้อย ก็ร้านเดียวกับที่ฉลองเฮียเอกกับพี่เฟริส์นั้นและครับ แม่ดีเด่นมั้ยละม๊าผม
อันที่จริงก็มีอีกเรื่องที่ผมค้างคาใจอยู่ตั้งแต่วันที่วาซ้อมรับปริญญาแล้วครับ เรื่องที่มีคุณย่าสองท่านเคยมาหาวาที่คอนโด พร้อมบอกว่าจะมาหาวาในวันรับปริญญา จนถึงตอนนี้ผมก็ยังไม่เจอท่านเลยเรื่องวันนั้นที่ท่านมาหาวากลายเป็นเหมือนความฝัน ถ้าไม่ใช่ผมเห็นกล่องที่ใส่ของมีค่าที่ย่าของวาเอามาให้วางไว้บนตู้เก็บของผมก็คงจะคิดว่าวันนั้นผมแค่ฝันไป ซึ่งอันที่จริงแล้ววาก็ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นเหมือนกัน นอกจากจะไม่หยิบจับหรือสนใจของที่ได้มาแล้วยังทำเหมือนไม่สนใจมันเลยด้วยซ้ำทั้งที่ผมว่าของในนั้นมูลค่าหลายแสนอยู่ เคยถามวาเรื่องนี้เหมือนกันแต่เจ้าตัวก็ตอบกลับมาแค่ว่า ดีแล้ว ซึ่งผมก็ไม่เข้าใจว่าคำว่าดีแล้วของวามันหมายความว่ายังไง
“เอ...เอ....น้องเอ” ผมสะดุ้งขึ้นอย่างตกใจเมื่อรู้ตัวว่าผมเหม่อนานไปแล้วหลังจากที่เปิดหน้าต่างปรับเบาะตามที่แอร์สั่ง หันไปมองหน้าวาที่เลิกคิ้วอย่างสงสัยก่อนจะยิ้มแหะๆไปให้พร้อมแก้ตัวเสียงอ่อน
“ง่วงอะ” แกล้งทำตาปรือใส่พลางเอนหัวไปถูๆกับต้นแขนของวา ตอนนี้เครื่องบินได้ลงจอดที่สถานบินนาริตะเรียบร้อยแล้ว หลังจากที่จู่ๆพี่เฟริส์ก็โทรมาชวนให้ไปญี่ปุ่นด้วยกันเมื่อเดือนก่อน เท่าที่รู้ว่าพี่เฟิร์สไม่ได้กลับไปญี่ปุ่นนานหลายดือนอยู่ครับ เพราะว่ามีโปรเจคใหญ่เข้ามาและพี่เฟิร์สรับหน้าที่เป็นหัวหน้าทีมดีไซน์เนอร์ของโครงการนี้ ล่าสุดที่พี่เขาไปญี่ปุ่นก็คือก่อนวันรับปริญญาของวา
ตอนที่พี่เฟิร์สชวนผมก็ระริกระรี้มากมายจนเฮียเอกอิจฉาเพราะพี่เฟริส์ออกค่าตั๋วให้เพราะพี่เฟิร์สค่อนข้างจะขึ้นชื่อเรื่องการใช้เงินเป็น จนเฮียแกบ่นน้อยใจว่าพี่เฟิร์สไม่รักเพราะพี่เฟิร์สไม่เคยชวนเฮียเอกไปด้วยเลยครับไม่รู้ว่าเพราะอะไร แต่วาต้องเครียงานก่อนและแจ้งลาพักร้อนทำไมกว่าจะหาวันลงตัวไปได้ก็กินเวลาไปอีกเดือน ผมก็แอบคิดเหมือนกันนะว่าพี่แกไม่มีปัญหากับคุณปริญหรอที่หายไปนานขนาดนี้ แต่แอบได้ยินสายสืบซึ่งก็คือหม่าม๊านั้นแหละเล่าให้ฟังว่าคุณปริญไปโผล่ที่เชียงใหม่ได้ไงไม่รู้ตอนวันที่พี่ชายผมกลับจากงานรับปริญญาวา
“หลับมาตลอดทางยังจะง่วงอีกนะ” พี่เฟิร์สที่นั่งอยู่ด้านข้างวาชะโงกหน้าออกมาแซว ก่อนจะค่อยๆลุกขึ้นหยิบของเตรียมตัวออกจากเครื่อง
“โอเคมั้ย” วาหันมาถามพลางลูบหัวของผมไปมา ผมพยักหน้าให้พลางยิ้มให้ก่อนจะลุกขึ้นออกจากที่นั่งและรับเสื้อกันหนาวสีสวยของตัวเองจากวามาถือ ถึงช่วงเวลาที่เรามาเป็นฤดูใบไม้ผลิแต่สำหรับคนเมืองร้อนอย่างผมมันก็คงไม่ต่างอะไรกับหน้าหนาวหรอก ใช้เวลาไม่นานเราก็ผ่านตรวจคนเข้าเมืองและรับกระเป๋าจากสายพานเรียบร้อย เดินเข็นรถออกมาจากประตูไม่กี่ก้าวก็เจอกลุ่มผู้ชายชุดดำใส่สูทสองคนเดินมาโค้งทำความเคารพพี่เฟิร์สและพวกผมก่อนที่อีกคนจะดึงรถเข็นกระเป๋าจากวาไปเข็นเอง ผมที่ยืนมึนๆอยู่ก็อดจะตกใจกับการต้อนรับนี้ไม่ได้
หันไปหาพี่เฟิร์สพี่เขาก็ดูหงุดหงิดอย่างบอกไม่ถูก เห็นพี่เขาเดินไปคุยกับชายชุดดำคนหนึ่งที่ผมรู้สึกคุ้นหน้าคุ้นตาว่าอยู่กับคุณปริญบ่อยๆ คุยกันสักพักพี่ชายผมก็ถอนหายใจก่อนจะเดินมาหาผมกับวาที่ยืนอยู่ข้างรถเข็นอย่างเหนี่ยวแน่น เผื่อคนพวกนั้นเป็นโจรขึ้นมาขโมยกระเป๋าผมผมจะได้กระโดดจับทัน
“คนของคุณปริญเขาน่ะ” พี่เฟิร์สพูดทิ้งไว้แค่นั้นก่อนจะเดินนำหน้าพวกเราออกไปโดยไม่มีคำอธิบายใดๆเพิ่มเติม
“สรุปคุณปริญเขาเป็นมาเฟียจริงๆใช่ป่ะ” กระซิบถามวาด้วยเสียงอันเบาหวิว พลางมองพี่ชุดดำเบอร์ 3 ด้านข้างที่เข็นรถเข็นกระเป๋าพวกผมไปเรียบร้อยแล้ว
“ไม่รู้ซิ รอดูเดี๋ยวก็รู้”
ขึ้นรถที่ทางคุณปริญส่งมารับพี่เฟิร์สแล้วเห็นบรรยากาศตัวเมืองของโตเกียวผมก็ยิ่งตื่นตาตื่นใจ ในที่สุดญี่ปุ่นในฝันของผมก็ได้มาเยือน นี้ผมลิสต์รายชื่อร้านเมดคาเฟ่เอาไว้เรียบร้อย สาวๆหูกระต่ายของพี่ รอก่อนนะจ๊ะ
“พี่เฟิร์ส เรากำลังจะไปที่ไหนเนี้ยไหนบอกจองโรงแรมไว้” ผมเอียงตัวไปกระซิบถามพี่เฟิร์สเบาๆเมื่อรถสีดำเข้ามาในอณาเขตบ้านหลังใหญ่ ที่มีสวนญี่ปุ่นและเขาหินจำลองอยู่ด้านข้างดูยังไงก็ไม่น่าใช่โรงแรมที่กดจองผ่านเวปแน่ๆ
“ที่อยู่ของคุณปริญเขานะ...พอดีเขาไม่อยากให้ไปพักโรงแรม” พี่ชายคนรองผมตอบนิ่งๆซึ่งก็ไม่ได้ช่วยให้เข้าใจอะไรไปมากกว่าคุณปริญไม่ใช่มาเฟีย แต่เป็นยากูซ่า!ดูจากสภาพบ้านแล้วนี้หลุดมาจากการ์ตูนใช่มั้ย
เมื่อรถจอดถึงตัวบ้านก็มีพี่ชายตัวใหญ่ยืนเรียงกันพลางโค้งคำนับรอ เฮ้ยนี้มันไม่ใช่เล่นๆแล้วนะ ผมสะดุ้งไปเกาะแขนพี่เฟิร์สพลางกระพริบตาปริบๆใส่เมื่อพี่ๆเขาส่งเสียงดังออกมา ถ้ารวบรวมจากประสบการณ์การอ่านมังงะของผมมา เขากำลังแสดงความเคารพใช่มั้ย
พี่เฟิร์สหันไปพูดอะไรซักอย่างกันคนที่ยืนอยู่ด้านหน้าก่อนจะจูงมือผมและเรียกวาให้เดินตามพี่เขาเข้าไปด้านในตัวบ้าน
“พี่เฟิร์ส คุณปริญเป็นยากูซ่าหรอ” ก็คนมันอยากรู้อะ ตั้งแต่ลงจากสนามบินมายังไม่เจออะไรที่ทำให้รู้สึกว่าคุณปริญเป็นนักธุรกิจธรรมดาเลย ถึงจะรู้สึกถึงข้อนี้มานานแล้วก็เถอะ
“อาชีพเสริมเขาในช่วงนี้หน่ะ...เดี๋ยวก็คงเลิกแล้วมั้ง” ห่ะ ตั้งแต่มาถึงญี่ปุ่น คำตอบของพี่เฟิร์สไม่ได้ทำให้ความเข้าใจผมชัดไปมากกว่าเดิม มีแต่งงกว่าเก่า หันไปขอความเห็นจากวาเจ้าตัวก็ทำแค่ยักไหล่และดันหลังผมให้เดินต่อไป
ผมตาค้างกับห้องที่ถูกจัดเตรียมเอาไว้ให้ นี้มันญี่ปุ่นแท้ๆเลยนี้หว่า ห้องนอนแบบมีฟูกตรงกลางอะ ชานไม้ที่ยืนออกมาจากห้องติดกับระเบียงทางเดินก็เป็นสวนหินญี่ปุ่นที่ถูกจัดไว้อย่างสวยงาม
“คืนนี้น้องเอ กับ วานอนที่นี้นะ”
“ได้ๆ แล้วห้องพี่เฟิร์สอยู่ไหนหรอ”
“อีกด้านหนึ่งของบ้านนะ เอาของวางแล้วนั่งพักก่อนก็ได้ เดี๋ยวพี่มาแล้วเราค่อยออกไปเที่ยวกัน”
“พี่เฟิร์ส” ผมเรียกพี่ชายคนรองไว้ก่อนที่เขาจะเดินออกไปจากห้อง
“หืม”
“แล้วมิกกี้หนูละ”
“ฮาๆๆ ได้เจอแน่ๆไม่ต้องห่วง แต่เดี๋ยวพี่ขอเครียกับคนทางนี้ก่อน” พี่เฟิร์สหลุดขำออกมาเมื่อเห็นหน้าตาอันหงอยเหงาของผม นี้ไม่ได้นะ สำคัญมาก มาก่อนเมดคาเฟ่อีกผมต้องไปถ่ายรูปคู่กับมิกกี้เม้าส์ให้ได้
“น้องเอจะเปลี่ยนชุดมั้ย” วาหันมาถามหลังจากที่เจ้าตัวเปิดกระเป๋าและรื้อๆอยู่ซักพัก ผมพยักหน้ารับเพราะตั้งแต่ลงเครื่องมามีเพียงเสื้อกันหนาวตัวหนาที่ป้องกันความหนาว เพราะตอนอยู่บนเครื่องผมไม่อยากใส่เสื้อผ้าหนาๆ
ผมรับเสื้อจากวามาวางไว้ก่อนจะเดินตามเจ้าตัวที่ถืออุปกรณ์ล้างหน้าแปรงฟันเข้าไปในห้องน้ำ ผมเอื้อมมือไปเปิดก๊อกน้ำเตรียมจะล้างหน้าแต่ก็โดนคนตัวสูงกันมือออกเอาไว้ก่อนและเอามือตัวเองเข้าไปรองน้ำแทน ก่อนจะหมุนหัวก๊อกอีกอันอยู่สองสามทีจนพอใจก่อนจะเอี้ยวตัวหลบให้พบได้ล้างหน้าอย่างที่ตั้งใจ เพียงแค่มือสัมผัสน้ำผมก็อมยิ้มกับสิ่งที่วาทำไม่ได้ น้ำอุ่นพอดีต่างจากที่คิดไว้ตอนแรกว่าคงเย็นจัด ล้างหน้าแปรงฟันแต่งตัวเสร็จก็เดินออกมาเป็นเด็กดีรอพี่เฟิร์สมารับ ส่วนวายังคงจัดการตัวเองในห้องน้ำต่อไป
ผมนั่งห้อยขาอยู่ริมระเบียงพลางมองสวนหินตรงหน้าที่มีไม้ไผ่สีเขียวรองรับน้ำจากน้ำตกจำลอง บรรยากาศแบบญี่ปุ่นสุดๆจนผมอดถ่ายรูปอัพลงโซเชี่ยวเนตเวิคไม่ได้ นั่งเล่นอยู่ไม่นานก็รู้สึกถึงความอุ่นแถวลำคอ เงยหน้าขึ้นไปก็เป็นวาโยยิ้มรับอยู่พลางย่อตัวลงพันผ้าพันคอให้ผมอย่างสวยงาม
“ใส่ไว้กันหนาว ลมแรง”
“แล้ววาไม่ใส่หรอ” ผมถามเพราะเจ้าตัวใส่แค่เสื้อยืดคอวีและเสื้อแจ็คเกตหนังมีฮู้ดอย่างเดียว
“ไม่เอา พร็อพเยอะไปเดี๋ยวไม่หล่อ”
“กวน จะหล่อไปจีบสาวญี่ปุ่นหรอ”
“อืม...เผื่อได้ติดกลับมาซักคนสองคน”
“ได้แล้วอย่าลืมแบ่งนะ”
“เรื่องแบบนี้ใครดีใครได้.....ฮาๆๆ อะไรน้องเอ เล่นเองงอนเองนะเรา”
“ก็มึงเล่นเยอะไปหรือคิดจริง”
“คิด”
“เชี้ยวาโย ทำตัวแบบนี้ใช่มั้ย” ผมดีดตัวลุกขึ้นจากระเบียงเข้าไปชนวาอย่างแรงด้วยความหมั่นไส้แต่โดนเจ้าตัวรัดเอาไว้ในอ้อมกอดซะก่อน
“มาเที่ยว ไม่ดื้อนะ” วากอดผมแน่พลางโยกตัวไปมาเหมือนกล่อมเด็ก
“กูไม่ใช่เด็ก อย่ามาตีเนียนปล่อยเลย”
“โอ๋ๆๆ ไม่งอแง ก็คิดกับเอแค่คนเดียวนั้นแหละ อยากให้วาย้ำซักทีก่อนออกไปเที่ยวมั้ย”
“พอเลย ปล่อยๆแยกๆ เดี๋ยวมีคนมาเห็นเข้า”
“ถ้าไม่มีคนเห็นก็ได้ใช่มั้ย”
“นั้นใช่ประเด็นมั้ยวาโย”
“วา น้องเอ ไปกัน อยากไปไหนก่อนดี” ก่อนที่จะได้ตีกันไปมากกว่านี้พี่เฟิร์สก็เข้ามาห้ามทัพได้ทันเวลา
“อากิฮาบาระ!!” สาวๆหูกระต่ายจ๋าพี่เอมาแล้ว
ผมทำตาโตเอามือตีแขนวาอยู่สามสี่ทีเมื่อลงรถไฟมาถึงอากิฮาบาระในฝันของผม แค่เท้าย่างเข้ามาก็สัมผัสถึงเพื่อนพ้อง ความเป็นพวกเดียว สังคมเดียวกัน เสียงเพลงอนิเมะดังเป็นหย่อมๆพร้อมกับสาวๆน่ารักใส่กระโปรงสั้นเต้นไปมาตามเสียงเพลง นี้มันใช่ มันดีแก่ใจ เอรัณโตมาเพื่อสิ่งนี้
เหมือนวาจะไม่เข้าใจความสุขของผมเพราะเจ้าตัวคว้ามือผมเอาไว้ให้หยุดตีแถมยังถอนหายใจเบาๆเมื่อเห็นผมดึงแขนตัวเองออกและวิ่งไปเกาะกำแพงเมื่อเป็นโปสเตอร์ของตัวละคนที่ผมชอบ มิคุจ๋า สวยเหมือนเดิมเลยนะจ๊ะ
“พี่เฟิร์สดูน้องพี่นะ”
“น้องพี่ที่ไหน แฟนวาหรอก” พี่ชายคนรองผมหัวเราะอย่างอารมณ์ดี ผมทำเป็นไม่สนใจก่อนหันไปกวักมือเรียกทั้งสองคนให้เดินตามมา
“พี่เฟิร์สๆ หนูอยากไปร้านนี้” ยื่นสมุดที่จดแหล่งร้านเมดคาเฟ่ที่มีชื่อเสียงเอาไว้ว่าชาตินี้ต้องได้เข้า เป็นแหล่งรวมเมดสาวน่ารักๆ และ สายหูแมวเอาไว้
“ริว รู้มั้ยว่าอยู่ที่ไหน” พี่เฟิร์สส่งต่อลายแทงของผมต่อให้คุณริวที่ทำหน้าทีเป็นไกด์(ตามความเข้าใจของผม)ในการท่องเที่ยววันนี้
คนนำเที่ยวของพวกผมในวันนี้เป็นชายหนุ่มญี่ปุ่นแท้ที่พูดไทยได้ครับ คุณริวจัดว่าเป็นผู้ชายที่หน้าตาหล่อแบบผู้ชายญี่ปุ่น และส่วนสูงที่เรียกว่าเกินมาตรฐานคนญี่ปุ่นทำให้ดูสะดุดเข้าไปอีกแต่ติดที่ว่าเขาค่อนข้างจะเงียบๆพูดน้อยหรือเพราะเขาไม่ถนัดพูดไทยมั้งทำให้ผมยังรู้สึกเกรงๆที่จะเข้าไปวอแว คุณริวแค่พยักหน้าและเดินนำพวกผมไปยังร้านที่ผมต้องการโดยมีพี่เฟิร์สเดินคู่ไปด้วยกัน
“แก้มปริเลยนะ” วาคว้าเข้าที่ต้นคอของผมก่อนจะบีบเบาๆจนผมอดย่นคอหนีไม่ได้
“แน่นอน เขาบอกว่าสาวๆร้านนี้น่ารักมาก คัดมาแล้วทั้งนั้นบางคนนี้เคยเป็นนางแบบมาก่อนด้วยนะ”
“อืม” ได้ยินคนข้างๆตอบมาเสียงนิ่งๆเลยอดไม่ได้ที่จะหันไปมอง
“โอ๋ๆๆ วาโยไม่งอนเนอะ แค่ไปส่องเฉยๆเอง เก็บไว้เป็นความทรงจำดีๆ” สอดแขนเข้าไปควงแขนวาและถูหน้าไปมาอย่างเอาใจ ช้อนตาขึ้นไปมองจนเจ้าตัวหลุดยิ้มออกมา ก็แค่นี้ เรื่องคอนโทรวาโยพี่เอสามารถ
“อย่าให้เห็นละกันว่าเก็บมาเพ้อต่อ” วาเอามืออีกข้างมาผลักหน้าผากผมเบาๆก่อนจะตบปุๆสองที
“ไม่มี๊ สัญญาเลยว่าจะเพ้อคนเดียวเงียบๆ”
เถียงกันไปมาก็มาถึงร้านเมดคาเฟ่ในฝันผมจนได้ ยืนรอคิวไม่นานก็ได้เข้าไปในร้าน คาเฟ่นี้เป็นร้านที่ไม่ใหญ่มากแต่ก็ไม่เล็กจนเกินไป มีโต๊ะเก้าอี้เรียงกันอยู่เต็มพื้นที่ ตั้งแต่ที่เหยียบเข้ามาในร้านผมก็รู้สึกเหมือนฝัน มีสาวๆน่ารักสองคนยืนโค้งตัวกล่าวต้อนรับพวกผมและเรียกผมว่านายท่าน เป็นคำเดียวที่ฟังออกจากการดูอนิเมะและพาไปนั่งตรงโต๊ะที่เตรียมไว้สำหรับสี่คน
ผมรับเมนูจากน้องเมดผมยาวลอนน่ารัก ดวงตากลมโตขนตางอนยาว และเหมือนผมจะเหม่อมองตามน้องเขานานไปหน่อยวาเลยส่งเสียงกระแอมในลำคอดึงสติให้ผมกลับมา หันไปยิ้มแผล่ให้วาและพี่เฟิร์สที่อมยิ้มมองอยู่ก่อนจะเปิดเมนูดูขนมหวานในร้าน
“นี้ๆ ในรีวิวเขาบอกว่าต้องกินพาร์เฟ่ของทีนี้ เซทนี้แล้วจะได้ถ่ายรูปคู่กับพนักงานหนึ่งใบ”
“ไม่ให้”
“ห่ะ”
“เอาเมนูอื่น”
“แค่ถ่ายรูปคู่เองน้า เนี้ยถ้ามาแล้วไม่ได้ถ่ายถือว่าไม่ได้มาเลยนะ เมนูอื่นนี้มีหนักกว่านี้อีกไหนจะให้ป้อนข้าว1ช้อน หรือดูดน้ำจากหลอดคู่ เห็นมั้ยกูเลือกรายการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมสุด” ดูดีมั้ยครับคำพูดผม แต่เอาจริงๆผมชั่งใจอยู่หลายชั่วโมงมากกว่าจะตัดใจจากสองเมนูนั้น ที่ทำนี้ไม่ได้กลัววาจะดุผมเลยนะพูดจริงๆ
“แลกกันมั้ยละ” หน่ะ นอกจากจะไม่รับรู้ถึงการเสียสละของผมแล้วยังจะมาต้องแง่ใส่อีก
“แลกอะไร”
“ถ้าเออยากถ่ายรูปคู่ วาไม่ว่าอะไร แต่ต้องทำตามที่วาสั่ง”
“ง่ะ” ผมเบ้ปากใส่วาอย่างไม่อยากยอมรับข้อตกใจ คำสั่งวาแต่ละอย่างมันเป็นประโยชน์ต่อผมที่ไหนละ
“เอาไง คิดดีๆ”
“เออ...ยอม มาถึงขั้นนี้แล้วมีแต่ต้องเดินให้สุด คุณริวครับสั่งเซทนี้ให้หน่อยครับ” หลับตาจิ้มเมนูใส่หน้าคุณริวไปอย่างเร่งรีบเพราะกลัววาจะเปลี่ยนใจและเพิ่มข้อแลกเปลี่ยนขึ้นมาอีก
“คิดแล้วใช่มั้ยน้องเอ” พี่เฟิร์สถามขึ้นมาหลังจากเงียบไปนานก่อนจะหลุดขำออกมาเบาๆเมื่อได้ยินคุณริวสั่งอาหารกับทางเมดที่มาจดรายการ ผมหันไปยิ้มให้เมดสาวน้อยคนนั้นเมื่อคุณริวชี้มาที่ผม สงสัยเขาคงจะบอกว่าให้ถ่ายรูปกับคนนี้ แค่คิดก็ฟินแล้ว
“พี่เฟิร์สไม่ต้องห่วง หนูเอาอยู่”
“พี่จะรอดูนะ”
“หึ” วาหัวเราะเบาๆในลำคอก่อนเจ้าตัวจะเปลี่ยนเรื่องคุยกับพี่เฟิร์สเกี่ยวกับแผนการเที่ยวของเราต่อจากนี้
เสียงหัวเราะของวาทำเอาผมสงสัยว่าหรือผมจะเอาไม่อยู่ว่ะ แต่ช่างมันเพื่ออุดมการณ์อันแรงกล้าจะมาทดถอยเพราะผู้ชายคนเดียวมันยอมไม่ได้ ถึงผู้ชายคนนั้นจะมีสถานะเป็นแฟนผมก็ตาม
To be con