Hour # 4 -My turn-
"มึงงงง กูเมื่อยอ่ะ ปวดขามากด้วย" ผมทิ้งตัวลงนั่งตรงบันไดในงานหนังสือ พลางเอามือบีบๆขาไปมา มองวาที่เดินถือขวดน้ำเข้ามาใกล้ๆ
หลังจากที่ล้างหน้าเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จวาก็ขับรถพาผมมางานหนังสือครับ ที่จอดรถหาไม่ยากเท่าไหร่ อาจเพราะยังเป็นวันธรรมดาอยู่ เดินไปมาในงานไปได้ซักชั่วโมง หิ้วหนังสือกับการ์ตูนจนเหนื่อยเลยมานั่งหมดสภาพอยู่ตรงนี้
"จะกลับมั้ยละ ได้หนังสือครบยัง" วาเปิดขวดน้ำออกแล้วส่งให้ผมดื่ม นั่งจิบน้ำเล็กน้อยมองกองหนังสือที่อยู่ข้างๆตัวเอง ล้มละลายอะ บอกได้คำเดียว เดิมที่ตั้งใจจะมาซื้อแต่การ์ตูนกับโนเวลที่เล็งๆเอาไว้แต่พอเดินผ่านร้านนู้นร้านนี้ก็ได้มาเพิ่มขึ้นๆจนวามันสงสารเข้ามาช่วยผมหิ้วอีกแรง
"ก็ครบแล้วนะ แต่อยากเดินต่อ"
"ไว้มาวันอื่นมั้ยละ นี้หกโมงกว่าแล้ว ไม่หิวหรอไง"
"ก็หิวแต่แบบไหนๆก็มาแล้วอะ" เงยหน้าบอกแล้วส่งน้ำให้วาดื่ม วารับน้ำไปดื่มสองสามอึกก็ลงมานั่งตรงบันไดข้างๆกัน
"ก็วันนี้พอแค่นี้ก่อน ไอ้ที่ซื้อมาอะอ่านหมดมั้ย แล้วไหนจะกองหนังสือของปีที่แล้วอีกนะ ขนซื้อมาแล้วก็ไม่อ่าน กองเอาไว้ให้ปลวกขึ้นหรือไง"
"มึงไม่เข้าใจกูอะ มันรู้สึกดีนะเว้ยเวลาเห็นห้องเรามีหนังสือกองอยู่อะ แบบหนังสือที่เพิ่งออก หนังสือสนุกๆงี้ เหมือนมึงอะ งานกล้องอ่ะ ขนซื้อเลนส์มาเก็บไว้แล้วใช้ครบทุกเลนส์ยังเหอะ"
วามันเป็นพวกเล่นกล้องครับแต่ไม่ได้เรียนจริงจังหรอกนะครับ อาศัยครูพักลักจำเอา เปิดอ่านในอินเตอร์เนต ในหนังสือแล้วเอามาลองเล่นเอง อย่างเวลากล้องรุ่นใหม่มา เลนส์ไหนที่โปรกล้องเขารีวิวว่าเล่นสนุก เบลอละเอียด สีชัด ตัดนอยซ์ไรของไม่รู้ วาไปกวาดมาหมด ก็ไม่ได้ถึงขั้นไร้สติแบบผมหรอกครับ ก็นะราคาใช่เล่นๆ แต่ที่มีอยู่ในห้องวา ก็เอาไปสร้างเป็นคอเลคชั่นให้โปรกล้องเยี่ยมชมได้อยู่
"มันไม่เหมือนกันดิ่ เลนส์ กับ กล้อง เราต้องเลือกให้ถูกว่าสถานที่แบบนี้ใช้กล้องไหน แสงแบบไหนใช้เลนส์อะไร อีกอย่างเอากล้องออกมาถ่ายมันก็เสื่อมสภาพในตัวของมันอยู่ทุกชัตเตอร์ แต่ละชัตเตอร์ที่กดก็ต้องปรับดีๆ"
"ก็เหมือนหนังสืออะ เคยได้ยินปะ You are what you read อะ เนี้ยมึงก็รู้เวลากูอารมณ์ไม่ดีปล่อยกูไว้กับหนังสือกูก็กลับมาอารมณ์ดีแล้ว มันกล่อมเกลาจิตใจอะ"
"ตกลงจะไม่กลับ?" วาหันมามองผมแล้วถามเสียงนิ่งๆแบบเหนื่อยจะเถียงผมแล้ว พลางเลิกคิ้วเข้มๆของมันขึ้นแบบติดเป็นนิสัย
"กลับก็ได้ สงสารหรอกนะ เห็นว่าเหนื่อย" ผมเชิ่ดหน้าขึ้นใส่วา ความจริงผมก็รอมันถามอีกรอบมานานแล้วล่ะครับ นั่งไปนานๆเริ่มรู้สึกเหนื่อยที่จะลุกอีกอย่างกระเป๋าตังค์ผมมันคงบอกว่าเดือนนี้เตรียมเกาะวากินได้เลย
วาลุกขึ้นยืนเต็มความสูงก่อนจะส่งกระเป๋าสะพายข้างของมันมาให้ผม ผมก็รับมาอย่างงงๆ ลุกขึ้นยืนเตรียมจะหยิบของ แต่วามันรวบหนังสือสามสี่ถุงของผมไปถือเองก่อนจะพยักหน้าว่าให้ผมเดินตาม ผมนี้ยิ้มแป้นสะพายกระเป๋าวาแล้วเดินตามไปอย่างอารมณ์ดี
'ทำตัวดีแบบนี้กะจะไถ่โทษเรื่องที่ฝึกกูนักสินะ แต่ไม่หรอกวาโย เอรัณคนนี้ไม่ปล่อยคุณไปง่ายๆหรอกครับ หึหึ'
กลับมาถึงคอนโดก็สามทุ่มกว่าเข้าไปแล้ว ใช้เวลาในการกินข้าวว่านานแล้ว แต่ใช้เวลาอยู่บนท้องถนนนานกว่าอีก กรุงเทพชีวิตดีๆ
"วาเดี๋ยวคืนนี้กูไปดูทีวีห้องมึงนะ" ผมบอกวาหลังจากที่วาช่วยผมขนหนังสือมาไว้ในห้อง
"ทำไมอะ ทีวีเสีย?"
"ไม่เสีย แค่แบบอยากไปดูห้องมึงอะ...ทำไม ไม่ได้หรอไง หรือจะออกไปท่องราตรีห่ะ" อารมณ์ขึ้นครับ มึงจะไปวันไหนก็ได้ แต่วันนี้ห้ามเดี๋ยวแผนกูเสีย
"เปล่า คืนนี้พวกไอ้ทัศมันไม่ว่างแต่กะจะไปวันมะรืนนี้ ทำไม จะไปด้วยหรอ"
"เปล่าๆ วันนั้นไปกับพวกไอ้กัส ไอ้ภูมิ เอาเป็นว่าคืนนี้น้องวาอาบน้ำนอนรออยู่บนห้องนะจ๊ะ เดี๋ยวพี่เอไปหา" ผมเอื้อมเอามือตีแก้มวาเบาๆแล้วกระตุกยิ้มเลียนแบบเวลาพวกเสี่ยๆทั้งหลายทำกับอีหนู วาหัวเราะเบาๆในลำคอ ยิ้มมาให้ก่อนจะเดินออกจากห้องไป
ผมหันไปมองนาฬิกาก่อนจะรีบวิ่งไปอาบน้ำทันที ไม่งั้นไปห้องวาไม่ทันตอนรายการเริ่มแน่
ผมเดินมาห้องวาทันทีหลังจากที่อาบน้ำเสร็จกดรหัสประตูเสียบคีย์การด์เสร็จแล้วเดินเข้าไปเจอวาที่กำลังเดินถือกล่องยาไปยังโซฟากลางห้อง
"ถือกล่องยามาทำไมวะ"
"มานั่งนี้" วาไม่ตอบแต่ตบเบาๆไปยังที่นั่งข้างๆบนโซฟา ผมขมวดคิ้วอย่างงงๆและเดินไปนั่งตามที่มันสั่ง
"จะทำอะไรวะ"
"ถอดเสื้อออกดิ่ จะทายาคลายกล้ามเนื้อให้ ไม่งั้นคืนนี้มึงร้องไห้แน่เอ"
"ไม่ทาได้ป่ะ เหม็นอะไม่ชอบ" ผมส่ายหน้าบอกวา คือผมเป็นพวกไม่ถูกโรคกับยาอะครับ คือกินยาได้นะแต่ไม่อยากกิน ยิ่งยาทาเหม็นๆผมจะไม่ชอบมาก ได้กลิ่นแล้วเวียนหัว
"ไม่ได้ ต้องทา ไม่งั้นคืนนี้มึงปวดตัวจนนอนไม่หลับแน่"
"ไม่ปวด...เนี้ยตอนนี้อาการปกติดีอยู่" ผมโกหกวาออกไปเพราะเอาจริงๆตอนนี้แขนขาผมเริ่มปวดนิดๆมาตั้งแต่กลับจากงานหนังสือแล้วครับ
"อย่าดื้อดิ่วะ บอกให้ทาก็ทา เชื่อกันบ้างไม่ใช่เถียงตลอด" ดุครับมันดุครับ แต่จุดนี้มันไม่ชอบทาอะ ไม่ทาอะไม่เข้าใจหรอวะ
วาเห็นผมนั่งนิ่งไม่ขยับจ้องตาแข่งกันอยู่อย่างนั้น จนวามันก็ถอนหายใจออกมาแล้วเอาหลอดยาวาไว้บนโต๊ะ ผมที่ตอนแรกคิดว่ามันยอมแพ้แล้วก็ต้องร้องออกมาอย่างตกใจเมื่อวามันกระชากแขนให้ตัวผมเข้ามาใกล้ๆ ก่อนจะดึงเสื้อยืดผมขึ้น
"เฮ้ยวา ไม่เอา ปล่อยกู!! กูบอกว่าไม่ทาไง" ผมดิ้นไปมาอยู่ตรงหน้าวาพยายามจะเอาเท้าทีบท้องวา แต่ด้วยความที่มันใกล้จนแทบจะเกยตักทำให้ผมไม่สามารถยกเท้าขึ้นมาได้
"อยู่นิ่งๆ กูบอกมึงดีๆแล้วนะ อยากดื้อเอง พูดดีๆไม่ชอบ ชอบให้ใช้กำลังนะเอ"
"ปล่อยกู!!! เฮ้ยยย!! อย่าดึงเดี๋ยวเสื้อขาด" ตอนนี้แขนผมหลุดออกมาจากเสื้อได้ข้างหนึ่งแล้วครับ แรงควายมากอะ วาโย
"ปล่อยมันขาดไป ยังไงมึงก็ต้องทายา ไม่งั้นกล้ามเนื้อมึงไม่คลายโดนกินยาแก้อักแสบกูไม่รู้ด้วยนะ"
"ก็มึงอะพากูไปเล่นทำไมล่ะ ถ้ามึงไม่พากูไป กูก็ไม่ปวดตัวแบบนี้หรอก อ๊ากกก ไอ้เชี้ยวา!!" หลุดออกไปเรียบร้อยแล้วครับ เสื้อนอนผมไปนอนนิ่งอยู่บนพื้นเรียบร้อย ไม่รู้ผมดิ้นไปมากแค่ไหนกลายเป็นว่าตอนนี้มานั่งอยู่บนตักวาเรียบร้อย ผมหันไปมองมันอย่างเคืองๆแต่มันก็ไม่สนใจผลักผมไปนั่งอยู่ข้างๆตามเดิมแล้วหยิบยามาทาที่หลังผม
"แมร่งเย็นวะ มึงเอาสูตรเย็นมาทาทำไม"
"สูตรร้อนเดี๋ยวมึงก็แสบ อยู่นิ่งๆได้มั้ยเอ หันไปมาอยู่ได้
"ก็มันเย็นอะ เหม็นด้วย ทาเร็วๆเลยนะมึง จะมาแล้ว"
"อะไรมาว่ะ"
".....รายการทีวีที่กูจะดู เสร็จยังพอแล้ว เหม็น"
"หลังเสร็จแล้ว หันหน้ามาเอาขามาวางไว้บนตักกู ต้องทาขาด้วย"
"ทาขาด้วย? ไม่ได้ตกลงกันแบบนี้นะ แมร่งได้คืบจะเอาศอก"
"ก็ไม่ได้ตกลงกันแต่แรกไม่ใช่หรอ ห้องนี้ไม่มีคำว่าประชาธิปไตยครับ กูปกครอบมึงด้วยเผด็จการอำนาจเข้าใจป่าว วางเร็วๆ" วาตบตักตัวเองแล้วมองขู่มาที่ผม เห็นแล้วอยากชกไปที่ใบหน้าคมๆของมันสักทีสองทีจริงๆ
"ข่มขืนจิตใจกูตลอดอะ ผู้หญิงในสต็อกมึงจะรู้มั้ยว่ามึงมันเผด็จการขนาดไหน สั่งๆอยู่ได้ไม่พอใจก็ดุ เอะอะก็ใช้กำลัง แมร่ง แม่กูไม่ได้เลี้ยงให้มึงเป็นแบบนี้นะ" ยกขาขึ้นวากระแทกไปที่ตักวาแรงๆแต่โดนมันตีไปที่ขาสองทีแล้วมองผมอย่างดุๆ
"บ่น บ่นเข้าไป ดีแต่บ่น ดื้อ แล้วก็ งอแง นะมึงอะ ใครสั่งใครสอนให้โตมาเป็นแบบนี้ว่ะ"
"ยังไง แบบนี้ทำไม ไอ้นี้ พูดจาให้มันดีๆเดี๋ยวกูจะโทรไปฟ้องเฮียเอกกับพี่เฟิร์ส"
ผมมองวาที่นวดขาผมไปส่ายหน้าไปมาอย่างปลงๆ เป็นอันยอมแพ้ครับ มันชอบว่าว่าเป็นเป็นเด็กโดนสปอย โดนคนรอบข้างโอ๋ แต่เอาจริงๆม๊าผมโอ๋วามากกว่าผมอีก อะไรๆก็น้องวา น้องวา ส่วนน้องเอนี้เป็นหมาหัวเน่า แต่ผมไม่ยักอิจฉาวามันนะครับเพราะภาพตอนเด็กๆที่วาจะนอนร้องไห้เงียบๆอยู่ข้างผมในตอนกลางคืนยังชัดเจนอยู่ในความทรงจำผม แต่ยังดีครับที่เฮียเอกกับพี่เฟิร์สพี่ชายสองคนเอาใจ ตามใจผมมาก ม๊าเคยแซวว่าพี่ชายหลงน้อง สปอยจนผมเสียคน แต่เอาจริงๆพี่ชายผมก็เอ็นดูวามากอยู่นะครับ เพราะปัญหาหลายๆอย่างของวาทำให้วามาพักที่บ้านผมบ่อยๆจนห้องผมเป็นห้องวา บ้านผมเป็นบ้านวาไปแล้ว สนิทกันเหมือนเป็นครอบครัวเดียวกันจริงๆ
"เอ้าเสร็จแล้ว ก็แค่นี้ ลีลาเยอะจริงๆ" ดุผมอีก แมร่งคอยดูเหอะ ต่อไปนี้ขั่วอำนาจจะเปลี่ยนมาอยู่ที่นายเอรัณคนนี้แล้วครับวาโย
"เชี้ยเอ มึงเปลี่ยนช่องเดี๋ยวนี้เลยนะ" วาพูดเสียงเข้มรอดไรฟันอย่างอดทน ทำเอาผมที่นอนข้างๆกันได้ยินแล้วอดจะยิ้มไม่ได้
"ไม่เปลี่ยน กูจะดู เนี้ยดูดิ่น่ากลัวเนอะมึง ได้ยินเสียงแปลกๆทุกวันแบบนี้ คิดตามดิ่ ถ้ามึงนอนอยู่จู่ๆก็มีใครไม่รู้มาเคาะกระจกดัง ก็อก ก็อก ก็อก!!"
"ไอ้เอ!!!!!" วาสะดุ้งสุดตัวแล้วเอามือปิดหูตัวเองเอาไว้เมื่อผมพูดเสียงดังในตอนสุดท้ายจนวาเขยิ่บเขามาเบียดผมที่นอนอยู่บนเตียงเดียวกับมันทันทีเพราะเจ้าคนขี้กลัวนอนด้านทีติดกับหน้าต่าง
'กลัวละซิ กลัวละซิ๊' ตอนนี้ผมนอนปิดไฟอยู่บนเตียงวา เปิดดูคนอวดผีอยู่ครับ วาเป็นคนที่กลัวผีมาก มากถึงมากที่สุด คือแค่ได้ยินคนเล่าเรื่องผีมันก็ไม่ฟังแล้ว เวลามันปิดไฟนอนปุ๊บมันจะนอนอยู่บนเตียงนิ่งๆไม่กล้าลืมตาขึ้นมา มันบอกมันกลัวลืมตามาแล้วเห็นอะไรที่ไม่ใช่คน
ตอนเด็กๆผมเคยนอนละเมอไปกอดแขนวาครับ ตื่นเช้ามาวาบอก นอนตัวแข็งทั้งคืนเลยไม่กล้าลืมตา กลัวลืมตามาแล้วคนกอดแขนมันไม่ใช่ผม ดูมันคิด แล้วบางวันผมอารมณ์ดีก็จะโทรไปเล่าเรื่องผีให้มันฟัง มันก็เป็นคนดีนะครับไม่ตัดสายผมทิ้งแต่เดินมากดออดตรงประตู ยืนตาขวางอยู่หน้าผมแทน เป็นอันว่าหลอนไม่กล้านอนคนเดียว ฮาๆ
"วาดูๆ คุณริวจะออกมาแล้ว กูชอบเวลาคุณริวพูดนะเว้ยแบบมีสาระดี"
"กูไม่ฟัง เอปิดไม่ก็เปลี่ยนช่อง กูจะดูเชฟกะทะเหล็ก!!" วาพูดอู้อี้อยู่ตรงแขนผมแล้วเอื้อมมือปาดป่ายหารีโมททั้งที่ยังหลับตาอยู่ ปาดไปมาข้ามตัวผมไปยังด้านข้างเพราะมันรู้ว่าผมเก็บรีโมทไว้แถวนั้นโดยใช้แขนอีกข้างล็อคเอวผมเอาไว้ไม่ให้ทับรีโมท
"บ้านมึงดิ่ วันพุธใครเขาดูเชฟกะทะเหล็กกัน มันต้องดูคนอวดผีเว้ย" ผมคว้ามือวาข้างที่คลำหารีโมทไว้ก่อนจะเอามาวางไว้บนหน้าท้องตัวเองไม่ให้มันขยับ วาทำเสียงฮึดฮัดไม่พอใจแต่ก็ยังไม่กล้าลืมตาอยู่ดี เพราะแสงสว่างอย่างเดียวในห้องนั้นมาจากหน้าจอที่กำลังฉายภาพคุณริวที่กำลังบอกวิธีบรรเทาทุกข์กับแขกรับเชิญอยู่
"ล่าท้าผีแล้วมึง ดูดิ่วา โอ้ยยย น่ากลัววะ มืดแบบนี้จะมีอะไรโผล่มามั้ยวะ" ผมบอกวาอย่างตื่นเต้นมองไปยังหน้าจอที่ฉายภาพผู้ร่วมรายการสองคนกำลังเข้าไปในบ้านร้างแห่งหนึ่งในต่างจังหวัด
"เชี้ย เมื่อไรจะจบวะ เสียงก็บิ้วกูเหลือเกิน เอปิดเหอะ"
"ไม่ปิด มึงดูไม่เห็นมีอะไรเลยเนี้ย" เอามือดันหัววาที่ซุกอยู่ตรงแขนผมออก มันส่ายหน้าไปมาไม่ยอมปล่อย เกาะแขนผมไว้แน่นเห็นแบบนี้แล้ววาดูเหมือนเด็กชายตัวเล็กๆซึ่งขัดกับความเป็นจริงมาก
ผมจะบอกให้ถ้าอยากเห็นวามาดหลุดนะครับ แนะนำให้เปิดหนังผีใส่มัน ไม่ก็หลอกผีใส่ มันจะกลายร่างเป็นเด็กชายวาโยทันที แต่จุดนี้ขอให้พิจรณาความสนิทกันไว้ก่อนนะครับ เพราะไม่งั้นอาจโดนวาเตะสูงใส่หัวได้
"จบแล้วๆ โอ๋ๆ ลืมตาครับลืมตา ฮาๆๆ " กอดวามันไปเบาๆหนึ่งที ตอนนี้วามันน่าเอ็นดูมาเลยครับ ลุกขึ้นนั่งทำหน้ายุ่งๆมองผมอย่างเคืองๆ
"พอใจยัง รู้ก็รู้ว่ากูกลัว"
"พอใจแล้ว พอใจมาก ที่มึงทำกับกูทั้งวันถือว่าหายกันเนอะ ฮาๆๆๆ"
"เออแมร่ง วายอม แต่คืนนี้นอนกับวาเลยนะเอ พรุ่งนี้ก็ด้วย แมร่งหลอน" ผมพยักหน้าให้มันเบาๆแล้วกดรีโมทปิดโทรทัศน์ ล้มตัวนอนยังไม่ทันห่มผ้า วาก็เบียดกระแซะเข้ามาข้างๆตวัดผ้าห่มขึ้นแล้วเอื้อมมือขวามาพาดเอวผมไว้หลวมๆ ผมหัวเราะอยู่ในใจก่อนจะกระชับผ้าห่มแล้วหลับไปอย่างมีความสุข
จำไว้นะวา ทีใครทีมัน หึหึ มีความสุขโว้ยยย!!
See you next hour.Talk กลับมาแล้ว หายไปแค่สี่วันเอง นานมั้ย เขาไปเที่ยวมา แดดเชียงใหม่ร้องแรงดีจริงๆ คิดถึงเอวาละซินะ ในตอนนี้ยังหาสาระไม่เจอ รู้แค่ว่าได้เห็นวาในอีกมุมหนึ่งก็น่าเอ็นดูดี
ตอนต่อไปเราจะแนะนำพี่ชายของเอให้รู้จักกัน คนที่โอ๋เอมากที่สุด และ คนเป็นที่ทำให้วาสารภาพกับเอว่า เขา....
เจอกันชั่วโมงหน้าค่ะ