Chapter 8
ความหม่นหมองยังคงจับจองพื้นที่อยู่บนห้วงอารมณ์ของศราวิน เด็กหนุ่มมีแววตาและสีหน้าอมทุกข์มาสามวันแล้วนับตั้งแต่คืนวันนั้น อนิรุทธ์เหลือบมองดูใบหน้าเยาว์วัยที่ซีดเซียวอย่างนึกห่วง ศราวินที่มักกระตือรือร้นรายงานอาการคนไข้อยู่เสมอนั้น ยามนี้เลือกที่จะไปยืนอยู่ข้างหลังเพื่อนและก้มหน้าฟังเป็นส่วนใหญ่ จะเอ่ยพูดก็เมื่อเขาเรียกชื่อถามเท่านั้น
แต่อยู่ต่อหน้าคนอื่น จะให้เขาเอ่ยแสดงความห่วงใยก็ใช่ที่ อนิรุทธ์เลยได้แต่ชำเลืองมองดูเด็กหนุ่มเป็นระยะ จนกระทั่งเดินเข้าห้องพักของคนไข้ที่เพิ่งผ่าตัดหัวใจไปวันก่อน กลุ่มนักศึกษาแพทย์ที่ออกราวน์พร้อมกับเขาก็ไร้เงาของศราวินเอาเสียแล้ว อนิรุทธ์รีบตรวจดูอาการของคนไข้และอธิบายอาการพร้อมทั้งการรักษาให้นักศึกษาฟังด้วยใจกระวนกระวาย
พอออกมาจากห้องคนไข้ อนิรุทธ์ก็หันมองหาเด็กหนุ่มทันที และเห็นเด็กหนุ่มยืนเกาะราวที่กำแพงข้างๆห้องอยู่พอดี ใบหน้าซีดกว่าเก่า
"หมอ คุณเป็นอะไรหรือเปล่า?" เขาเอ่ยถามพลางสังเกตอาการ ศราวินเงยมองเขา มือจิกราวไม้ไว้แน่นก่อนก้มลงและอาเจียนออกมา
"ว้ายหมอ!!" นางพยาบาลที่เข็นชาร์ทอยู่ใกล้ๆอุทานออกมาด้วยความตกใจ เพื่อนนักศึกษาบางคนสะดุ้งถอยหนี แต่ก็มีบางคนผวาจะเข้ามาช่วยพยุงศราวินที่ทำท่าจะล้ม แต่ก็ยังไม่ทันอนิรุทธ์ที่ฉวยประคองไว้ทันก่อนล้ม
"ผมช่วยครับ" นักศึกษาแพทย์ชั้นปีเดียวกับศราวินเข้ามาช่วยพยุงอีกข้าง อนิรุทธ์ที่กำลังจะอุ้มร่างบางขึ้นชะงักเล็กน้อยก่อนรีบปรับสีหน้าและช่วยกันพาศราวินไปยังห้องพัก
"พวกคุณไปราวน์ต่อเลยก็แล้วกัน ฝากชิฟเด้นท์ดูแทนผมที"
"ครับ/ค่ะ" นักศึกษาแพทย์ที่ตามเข้ามารับคำก่อนจะพากันหลีกออกไปให้นัชชากับอธิชาที่เข็นรถปฐมพยาบาลเข้ามา อนิรุทธ์มองหน้าคนรักอย่างเป็นห่วง เขาเอื้อมมือไปปลดเนคไทและกระดุมเสื้อเม็ดบนออกให้ก่อนสะดุดรอยที่อยู่ใต้ปกเสื้อ
"อื้อหือ แฟนหมอซันก็แอบร้อนแรงเหมือนกันนะนี่" นัชชาพึมพำเบาๆเพราะสังเกตเห็นรอยที่อนิรุทธ์เห็นเหมือน
"จะว่าไปไม่รู้เลยนะว่าหมอซันมีแฟนแล้ว แฟนหมอซันนี่ต้องเป็นประเภทสาวใหญ่เจ้าเสน่ห์แหงๆ"
"หรือจะเป็นหนุ่มใหญ่เจ้าเสน่ห์?" สองสาวว่าแล้วหัวเราะคิกคัก แต่เล่นเอาอนิรุทธ์หน้าร้อนขึ้นมาทันที เขาจึงกระแอมดังๆก่อนเอ่ยตำหนิ
"เป็นพยาบาลเอ่ยนินทาคนไข้แบบนี้ แถมยังต่อหน้าอีก ใช้ได้หรือ?"
สองสาวเงียบลง สีหน้าสำนึกผิดโดยเฉพาะอธิชาที่ถูกผู้เป็นพี่ชายเอ่ยดุเช่นนี้ ทั้งสองหันไปทำหน้าที่ของตนระหว่างที่อนิรุทธ์ตรวจดูอาการของศราวิน
อาการของเด็กหนุ่มก็ดูไม่เป็นอะไรมาก แค่ร่างกายอ่อนเพลียเท่านั้น อนิรุทธ์เลยสั่งให้น้ำเกลือและยาพร้อมกับกำชับให้อธิชาคอยดูแลระหว่างนี้
“แล้วพี่รุทธ์จะไปราวน์ต่อเลยใช่ไหม?” อธิชาเอ่ยถามแล้วหันไปหยิบเอาสำลีมาชุบแอลกอฮอล์เตรียมมาเช็ดหลังมือเตรียมเจาะให้น้ำเกลือ อนิรุทธ์ที่กำลังทอดสายตามองดูคนรักอย่างนึกห่วงก็ชะงักเล็กน้อยก่อนปรับสีหน้าเมื่อเห็นว่าน้องสาวกำลังมองมาที่ตน
“อืม ยังไงฝากจัดการต่อให้ด้วย อ่อ ถ้าหมอเขาตื่นแล้วก็บอกว่าวันนี้พี่ให้เขาแอดมิทคืนหนึ่งก็แล้วกัน”
อธิชาพยักหน้ารับก่อนหยิบเข็มมาแทงน้ำเกลือให้ อนิรุทธ์มองใบหน้าของคนที่ไม่ได้สติอย่างห่วงใยอีกครั้งก่อนจะก้าวออกจากห้องไปทำหน้าที่ของตนต่อ
เพราะเส้นบางๆที่ขีดขวางเอาไว้ กั้นความสัมพันธ์ของเขากับศราวินเอาไว้ไม่ให้คนอื่นได้รู้ มันจึงทำให้อนิรุทธ์ต้องใจแข็งที่จะไม่แสดงความห่วงใยต่อคนรักมากเกินไปจนคนอื่นสังเกตเอาได้ เพราะมันอาจทำให้ศราวินต้องเดือดร้อนได้ ที่ต้องปิดบังความสัมพันธ์นี้ไว้ หาใช่ว่าอนิรุทธ์เป็นห่วงตัวเอง แต่เขาเป็นห่วงคนรัก กลัวว่าคนรักจะถูกคนมองในแง่ไม่ดี เส้นทางบนสายการแพทย์ของศราวินเพิ่งจะเริ่มต้นเท่านั้น หากมีเรื่องไม่ดีไม่งามเกิดขึ้นแล้ว มันก็คงยากที่จะเดินต่อไปได้
และอนิรุทธ์ก็ใช้ชีวิตบนโลกนี้มากพอที่จะรู้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างเขากับศราวินนั้น..เป็นสิ่งที่สังคมรับได้ยากนัก
ศราวินมารู้สึกตัวอีกทีก็เกือบเที่ยงของวัน เด็กหนุ่มลืมตาขึ้นมาอย่างสะลึมสะลือตอนที่อธิชานำเอาอาหารกลางวันเข้ามาในห้องให้ พอเห็นว่าคนไม่สบายรู้สึกตัวพอดี พยาบาลสาวก็เดินเข้ามาหาพร้อมกับลากโต๊ะทานอาหารมาด้วย
“เป็นไงบ้างคะหมอ?”
ศราวินกะพริบตาเบาๆก่อนจะเอียงหน้ามามองหน้าเธออย่างอ่อนเพลีย
“ยังมึนหัวอยู่เลยฮะ” เขาบอกไปตามตรงและพยายามยันกายลุกขึ้นมานั่ง อธิชารีบเดินไปปรับหัวเตียงให้แล้วเดินกลับมา จัดแจงเอาโต๊ะเข้าที่ให้และรินน้ำร้อนลงแก้วก่อนจะผสมน้ำธรรมดาให้อุ่นแล้ววางให้
“ทานไหวไหมคะ?” ศราวินพยักหน้าแล้วยกหลอดขึ้นมาจิบน้ำ พยาบาลสาวยิ้มให้เขา
“ถ้ามีอะไรก็กดออดเรียกนะคะ อ่อ จารย์รุทธ์สั่งแอดมิทคืนหนึ่งนะคะ พักผ่อนให้เต็มที่ หายไวๆนะคะ”
“ขอบคุณนะครับ” ศราวินเอ่ยอย่างเกรงใจก่อนจะหันไปหาอาหารตรงหน้าของตนเอง ข้าวต้มร้อนๆไม่ได้ทำให้รู้สึกอยากอาหารเลยแม้แต่น้อยถึงท้องจะหิวก็ตามที เด็กหนุ่มเขี่ยมันไปมา พยายามฝืนที่จะทานแต่ก็ทานได้เพียงคำสองคำก็ต้องปิดฝาชามและผลักโต๊ะออกก่อนล้มตัวนอนลงอีกครั้ง
พอสะลึมสะลือเคลิ้มจะหลับก็ได้ยินเสียงประตูเปิดเข้ามา ศราวินไม่ได้ลืมตาขึ้นมาดูเพราะคิดว่าอธิชาคงนำเอายาหลังอาหารมาให้เท่านั้น แต่คนที่เข้ามาก็แตะแขนเขย่าเขาเบาๆ
"ซัน..ตื่นมาทานอะไรก่อนนะ"
"อะ..อาจารย์" เด็กหนุ่มสะดุ้งตื่น สายตามองไปที่คนรักอย่างอ่อนเพลีย แต่ก็ยอมขยับตัวนั่ง อนิรุทธ์นั่งลงบนเตียงแล้วดึงโต๊ะทานอาหารเข้ามา
"เดี๋ยวบ่ายสองอาจารย์มีเอ็มแอนด์เอ็ม[1]ไม่ใช่หรอ? ไม่ต้องไปเตรียมตัวหรอฮะ?" ศราวินเอ่ยถามเสียงระโหย แต่อนิรุทธ์ดูไม่เดือดเนื้อร้อนใจสักเท่าใดนัก เขาหยิบช้อนมาตักข้าวต้มและยกป้อนให้คนรัก
"ผมเป็นห่วงคุณมากกว่านะ คิดแล้วว่าคุณต้องยังไม่ได้ทานอะไร"
น้ำเสียงอ่อนโยนได้ฟังแล้วก็ให้รู้สึกผิดมากกว่าเก่าที่ทำให้คนรักเป็นห่วง
"ขอโทษที่ทำให้เป็นห่วงนะฮะ" ศราวินเอ่ยเสียงเบาและยอมทานอาหารที่อนิรุทธ์ตักให้
ศัลยแพทย์หนุ่มมองเขาอย่างห่วงใยก่อนจะตัดสินใจเอ่ยถามออกไป
"คุณกับคุณพัทยังมีปัญหากันอยู่อย่างนั้นหรอ?"
พอเอ่ยถามไปใบหน้าที่ซีดเซียวอยู่แล้วก็ซีดลงไปอีก ศราวินแสดงออกทั้งสีหน้าและท่าทางให้รู้ทันทีว่าเขาไม่ต้องการพูดถึงอติพัทธ์ สองมือจิกผ้าห่มที่คลุมตักไว้จนไหล่เล็กสั่น แววตาก็ดูเหมือนเจ็บปวดระคนโกรธแค้นจนยากอธิบายได้
"ซัน..?"
อนิรุทธ์วางพักช้อนกับข้างชามแล้วเอื้อมมือไปจับมือเล็กไว้
ศราวินสูดลมหายใจลึกก่อนจะฝืนยิ้มให้
"อย่าไปพูดถึงพี่พัทเลยนะฮะ ซันไม่อยากให้อาจารย์เก็บปัญญาของซันมาคิดมากนะฮะ ไม่ต้องห่วงหรอกฮะ กับพี่พัท เราดีกันแล้ว" ศราวินกลั้นใจโกหกคนรักออกไปเพราะไม่อยากให้คนรักต้องเป็นห่วง แต่อนิรุทธ์ก็ยังไม่เชื่ออยู่ดี
ทว่าก่อนที่จะได้คาดคั้นถามอะไรต่อ เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น อนิรุทธ์รีบขยับลุกขึ้นยืนทันที
"ยาหลังอาหารค่ะ อ่าว? พี่รุทธ์? ยังไม่ไปเตรียมตัวเข้ามีตติ้งรูมหรอคะ?"
อธิชาถามอย่างสงสัยเมื่อเห็นพี่ชายตัวเองในห้อง
"กำลังจะไป แต่เป็นห่วงเลยแวะมาดูหน่อย"
"อ่อ" พยาบาลสาวพยักหน้าอย่างเข้าใจ เธอเดินเข้ามาวางถ้วยยาลงข้างถาดอาหารแล้วทำหน้ามุ่ยเมื่อเห็นข้าวต้มในชามแทบไม่ยุบเลย
"ข้าวต้มไม่ยุบเลยนะคะหมอ ต้องให้ป้อนหรือเปล่าถึงจะยอมทาน?" อธิชาเอ่ยเย้าเสียงใส ศราวินยิ้มแหยๆให้เธอก่อนยกมือจับช้อน
"จะทานเดี๋ยวนี้ล่ะครับ"
"ดีค่ะ แล้วอย่าลืมทานยาด้วยนะคะ" อธิชากำชับก่อนหันไปหาพี่ชายตัวเอง
"ว่าแต่พี่รุทธ์ทานอะไรหรือยัง ไปทานพร้อมธิชาเลยไหม? ธิชาพักพอดี"
"อา อืมเอางั้นก็ได้ งั้นผมไปก่อนล่ะ วันนี้คุณพักผ่อนให้หายก็แล้วกันนะ" ประโยคหลังเขาหันมาบอกคนรักก่อนจะเดินออกไปพร้อมกับอธิชา ศราวินมองตามไปจนกระทั่งประตูปิดจึงเบือนหน้าไปทานหน้าต่าง น้ำตาหยดใสไหลอาบแก้ม เด็กหนุ่มสูดลมหายใจลึกและยกมือปาดมันออกไป
อึดอัดใจเหลือเกินที่ต้องปกปิดความลับนี้ไว้ไม่ให้คนรักรู้
ศราวินผล็อยหลับไปเพราะฤทธิ์ยาที่ทานไป ลืมตาตื่นขึ้นมาอย่างสะลึมสะลือก็เห็นเงาของใครบางคนยืนอยู่ใกล้ๆ แต่แสงไฟที่เปิดไว้เพียงดวงไฟสีส้มนวลตรงหน้าห้องน้ำก็ทำให้มองใบหน้าของผู้ที่ยืนอยู่ไม่ชัดนัก
“อาจารย์?” เด็กหนุ่มลองเรียกออกไป เสียงแหบแห้งกว่าที่คิดจนอยากได้น้ำมาช่วยทำให้ชุ่มคอขึ้น ศราวินไอแห้งๆสองสามครั้ง พยายามดันกายขึ้นมามองอีกหนก่อนที่สีหน้าจะเปลี่ยนเป็นความมึนตึงเพราะเห็นว่าคนที่ยืนอยู่นั้นไม่ใช่อนิรุทธ์แต่เป็นอติพัทธ์
“ซัน..เป็นยังไงบ้าง?” คนที่ยืนอยู่ปราดเข้ามาข้างเตียง อติพัทธ์ยื่นมือไปจับมือของศราวินเอาไว้ เด็กหนุ่มชักมือหนี อติพัทธ์สะอึกทันทีกับการกระทำหวงตัวนั้น แต่ก็เข้าใจดีว่ามันเป็นเพราะสิ่งที่ตัวเองทำลงไปมันยากแก่การให้อภัย
“ยังไม่ตายหรอกฮะ” น้ำเสียงห่างเหินบาดใจคนฟัง อติพัทธ์ถอนหายใจช้าๆ
“อย่าพูดแบบนั้นสิ พี่ตกใจแทบแย่ โทรเข้ามาหาซันแต่มีพยาบาลรับสายแทน” ศราวินมองด้วยสายตาเรียบเฉย ไม่ยินดียินร้ายกับกระแสความห่วงใยที่เจือปนมาในน้ำเสียงของนายตำรวจหนุ่ม
“ไม่ต้องห่วงหรอกครับ ผมยังไม่ตาย เชิญกลับไปได้แล้วครับ” ศราวินบอกเสร็จก็พลิกตัวหนีไปอีกข้าง อติพัทธ์มองคนใจแข็งอย่างอ่อนใจ ไม่รู้ว่าจะต้องทำอย่างไรจึงจะไถ่โทษในสิ่งที่ตนได้กระทำอย่างขาดสติไป
“พี่ขอโทษ...” เขากระซิบเสียงเบาในความเงียบ ศราวินจิกหมอนที่ตัวเองหนุนอยู่อย่างควบคุมอารมณ์ไม่ให้ระเบิดความโกรธออกมา แต่ก็อดไม่ได้ที่จะเอาแขนเหวี่ยงไปตีมือที่ห่มผ้าให้ อติพัทธ์ชะงักไปก่อนปล่อยผ้าห่มลง มองหน้าคนที่ยันกายลุกขึ้นมามองด้วยสายตาไม่เป็นมิตร
“ออกไป..ก่อนที่ผมจะเรียกใครให้มาเอาตัวคุณออกไป” ศราวินเค้นเสียงพูด ไม่อยากแม้แต่จะมองหน้าคนที่ครั้งหนึ่งเคยรักและนับถือดั่งพี่ชาย
อติพัทธ์มองดวงตาคู่กลมโตซึ่งบัดนี้มีแต่ความเกลียดชังตัวเองอย่างเสียใจ แต่ก็ยอมที่จะเดินถอยออกไปจากห้อง
ศราวินมองจนแน่ใจว่าอีกฝ่ายออกไปแล้วจึงทิ้งตัวนอนลงกับเตียงพยาบาลอีกครั้ง หันหน้ามองไปยังหน้าต่างที่ตอนนี้มีแต่เพียงแสงไฟจากอาคารใกล้เคียงเท่านั้นในความมืด
จะปิดได้อีกนานแค่ไหน..กับความลับที่ซ่อนอยู่ในอกนี้
หากอติพัทธ์ยังเข้ามายุ่งวุ่นวายอยู่กับชีวิตของเขาเช่นนี้...สักวันอนิรุทธ์คงรู้
และความรักของเขาที่เพิ่งจะเริ่มต้นขึ้น...มันอาจจะต้องจบลง...
ศราวินก้มหน้าลงแนบกับหมอน ปล่อยให้น้ำตาไหลออกมาอย่างอัดอั้นตันใจ
ทางด้านอนิรุทธ์นั้นพอเสร็จจากการประชุมแล้วก็กลับไปยังห้องทำงานของตนเอง จัดการดูเอกสารของวันนี้เสร็จแล้วจึงขึ้นมาดูคนรักอีกหนว่าเป็นอย่างไรบ้าง ใจนึกอยากจะอยู่เฝ้าไข้ศราวินเพราะไม่อยากให้เด็กหนุ่มต้องนอนตามลำพังแต่ก็ติดตรงที่ถ้าเขาทำเช่นนั้นก็จะมีคนล่วงรู้ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับเด็กหนุ่ม ซึ่งนั่นก็คงจะไม่ใช่เรื่องดีนัก
อนิรุทธ์ครุ่นคิดอยู่ว่าหลังจากที่ขึ้นไปเยี่ยมศราวินแล้วจะกลับมานอนพักที่ห้องทำงานของตัวเองแทน อย่างน้อยก็ยังอยู่ใกล้กว่ากลับไปยังคอนโด แต่เมื่อเดินมาถึงระเบียงห้องพักที่ศราวินพักอยู่ก็ชะงัก ตรงหน้าห้องมีร่างของนายตำรวจหนุ่มยืนพิงอยู่ อติพัทธ์กำลังทอดสายตามองไปยังประตูห้องพักของศราวิน
ศัลยแพทย์หนุ่มเดินเข้าไปใกล้ เขาหยุดยืนข้างๆในเวลาที่อติพัทธ์หันมามองพอดี อนิรุทธ์ค้อมศีรษะแทนคำทักทายไป อติพัทธ์ยืนตรงแล้วค้อมศีรษะกลับมาด้วยท่าทางแบบนายตำรวจทุกกระเบียดนิ้ว
“มาเยี่ยมซันหรอครับ? ทำไมไม่เข้าไปล่ะครับ?” อนิรุทธ์ถามอย่างประหลาดใจพลางมองพินิจวงหน้าคมคายที่ดูเคร่งเครียดกว่าครั้งก่อนที่ได้พบ
“เข้าไปแล้วครับ” อติพัทธ์ตอบ สังเกตดูทีท่าของอนิรุทธ์อย่างนึกสงสัยว่าศราวินได้บอกเรื่องที่เกิดขึ้นให้รู้หรือไม่ แต่ดูจากแววตาเป็นมิตรก็รู้ว่าศราวินไม่ได้บอกอะไรให้อนิรุทธ์รู้อย่างแน่นอน เพราะถ้าหากอนิรุทธ์รู้แล้ว เมื่อเห็นเขายืนอยู่ตรงหน้าแบบนี้ก็คงไม่ยืนเฉยคุยด้วยอย่างเป็นมิตรแน่ๆ แต่เมื่อคิดอีกทีก็อดสงสัยไม่ได้ว่าอีกฝ่ายรู้แล้วทำเฉยหรือไม่ด้วยเช่นกัน
หากรู้แล้วยังทำเฉยได้..นั่นก็แสดงว่าอนิรุทธ์คงไม่ได้รักศราวินจริงดั่งปากว่า
สีหน้าครุ่นคิดของนายตำรวจหนุ่มทำให้อนิรุทธ์นึกสงสัยว่าอีกฝ่ายกำลังคิดอะไรอยู่กันแน่
“เป็นห่วงซันหรอครับ? หรือว่ายังโกรธเขาอยู่”
“คุณไม่รู้เรื่องของผมกับซันเลยหรือ?”
"ผมถือว่าเรื่องระหว่างคุณกับซันมันเป็นเรื่องส่วนตัวของซัน ผมรู้เท่าที่ซันเล่าให้ฟัง นอกเหนือจากนั้นผมถือว่าเป็นเรื่องส่วนตัวที่ผมไม่คิดจะก้าวก่ายครับ" อนิรุทธ์ตอบกลับไปอย่างสุภาพ ในใจรับรู้ความผิดปกติที่เกิดขึ้นผ่านสีหน้าของนายตำรวจหนุ่ม เขาเว้นจังหวะเพื่อรอคำพูดแต่อติพัทธ์ก็ไม่พูดต่อ สีหน้าดูพยายามกลบเกลื่อนความสับสนว้าวุ่นแต่มันก็ปิดไม่มิด
"ถ้าคุณไม่อะไรแล้ว ผมขอตัวนะครับ" อนิรุทธ์บอกแล้วค้อมศีรษะแทนคำลา เขาหันหลังให้อติพัทธ์ แต่นาทีที่มือกำลังจะผลักประตูเข้าไป เสียงอติพัทธ์ก็ดังขึ้น
"ผม..ขืนใจซัน"
น้ำเสียงแผ่วเบาแหบแห้งแต่ดังก้องเข้าหูอนิรุทธ์เต็ม ศัลยแพทย์หนุ่มหันมา มองใบหน้าที่สำนึกปิด
ผลั่ก!!!
เสียงหมัดกระทบโหนกแก้มของอติพัทธ์ดังก้องในความเงียบ อนิรุทธ์เจ็บแปลบที่ข้อนิ้วของหมัดที่ใช้ต่อย
เขาหอบหายใจแรง มองดูนายตำรวจหนุ่มที่เซล้มอยู่บนพื้นด้วยโทสะ ไม่คิดเลยว่าจะใช้มือที่คอยช่วยเหลือคนมานักต่อนักทำร้ายใครสักคนแบบนี้
"พี่รุท!? เกิดอะไรขึ้น!?"
เสียงของอธิชาที่อยู่เวรในค่ำวันนี้ดังขึ้น อนิรุทธ์หันไปมองก็เห็นเธอกับพยาบาลคนอื่นออกมายืนมอง
"ไม่มีอะไรหรอก" อนิรุทธ์โบกมือ สีหน้าบ่งบอกความโกรธจัดอย่างที่ทุกคนไม่เคยเห็นมาก่อนไม่เว้นแม้แต่อธิชา สายตาที่ดุดันนั้นพาให้นางพยาบาลทุกคนเดินกลับเข้าไปในเคาน์เตอร์พยาบาลตามเดิมถึงจะอยากรู้เรื่องก็ตามที
อนิรุทธ์สูดลมหายใจลึก ระงับโทสะ มองดูอติพัทธ์ที่ลุกขึ้นยืนลูบโหนกแก้มที่แดงช้ำ
"ทำไมคุณถึงทำแบบนั้นกับซันได้ลง" อนิรุทธ์เค้นเสียงถาม มองแววตาสลดอย่างไม่นึกสงสาร เข้าใจแล้วว่าทำไมเด็กน้อยของเขาถึงดูหม่นหมองและมีอะไรปิดบังอยู่
"ผมรักเขา"
อติพัทธ์ตอบเสียงแห้ง พูดไม่ออกว่าทำไมจึงขืนใจศราวิน เขารู้เพียงแต่ว่าต้องการพูดออกไปเพื่อดูกิริยาตอบกลับของอนิรุทธ์ และส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะรู้สึกผิดจนอยากจะสารภาพความผิดของตนออกมา
"นั่นน่ะหรือความรักของคุณ!" อนิรุทธ์สวนกลับไปเท่านั้น แต่เป็นประโยคที่มีความหมายลึกซึ้ง มันทิ่มแทงใจของคนกระทำผิดยิ่งกว่าหมัดในตอนแรก
"ผมไมีคิดเลยว่าผู้พิทักษ์สันติราษฏร์เช่นคุณ..จะมาทำเรื่องระยำแบบนี้ได้ลง!" อนิรุทธ์เอ่ยอย่างมีอารมณ์โมโห อติพัทธ์ได้แต่ก้มหน้ายอมรับผิด อนิรุทธ์กำหมัดแน่นแล้วเค้นเสียงเอ่ย
"ในเมื่อคุณทำแบบนี่กับซัน จากนี้ไป..ผมคิดว่าคุณหมดสิทธิในการเป็นผู้ปกครองของเขาแล้ว อีกอย่างซันเองก็บรรลุนิติภาวะแล้วด้วย จากนี้ไปคุณไม่ใช่ผู้ปกครองเขาอีกแล้ว ผมพูดแค่นี้คงจะเข้าใจนะครับ" อนิรุทธ์ว่าแล้วหันเดินเข้าห้องของคนรักไปทันที เขาไม่สนใจอีกว่าอติพัทธ์จะต้องการพูดอะไร ศัลยแพทย์หนุ่มปิดล็อกประตูแล้วมองไปที่เด็กหนุ่มซึ่งนอนหันหลังให้
ความเจ็บปวดและความเศร้ามันลอยวนอยู่รอบกายเล็ก อนิรุทธ์ก้าวไปใกล้และดึงม่านรอบเตียงมาบังสายตาไม่ให้คนนอกมองผ่านกระจกเข้ามาเห็นก่อนยกราวกั้นเตียงลง
"ซัน.." เขาเรียกชื่อเด็กหนุ่มแผ่วเบา ศราวินที่หลับไปทั้งน้ำตาปรือตาขึ้นมามอง
"อะ..อาจารย์?" เสียงของเด็กหนุ่มแห้งกว่าเดิม อนิรุทธ์หันไปผสมน้ำอุ่นแล้วเสียบหลอดยกมาให้ดื่ม ศราวินลุกขึ้นมาจิบน้ำก่อนพยายามฝืนยิ้มให้
"ประชุมเสร็จแล้วหรอฮะ?"
อนิรุทธ์มองรอยยิ้มฝืนนั้นอย่างบาดใจ สงสารเด็กหนุ่มไม่น้อย เขาวางแก้วแล้วนั่งลงบนเตียง โอบกายเล็กเข้ามากอด วางมือที่ยังเจ็บข้อนิ้วลงบนเรือนผมนุ่มแล้วลูบอย่างทะนุถนอม
"อาจารย์?"
เด็กหนุ่มครางเรียกแผ่วเบา อนิรุทธ์ยังคงตระกองกอดไว้แน่น นึกถึงคำพูดที่อติพัทธ์สารภาพมาแล้วก็เจ็บในอก แค้นใจตัวเองที่ไม่สามารถปกป้องคนรักได้
เหตุการณ์บ้าๆนั่นต้องเกิดขึ้นเมื่อวานนี้แน่ ถ้าเขาไม่ติดผ่าตัดแล้วกลับพร้อมกันก็คงไม่เกิดขึ้น
"อาจารย์...มีอะไรหรือเปล่าฮะ?"
เด็กหนุ่มถามอย่างสงสัย อ้อมกอดของอาจารย์กอดไว้แน่นจนนึกใจไม่ดี
อนิรุทธ์ได้ยินเสียงถามก็ผ่อนลมหายใจยาว เขาคลายกอดแล้วใช้สองมือประคองแก้มเด็กหนุ่มให้เงยขึ้นมา ริมฝีปากอุ่นแต้มจูบลงกับเรียวปากนุ่มแทนคำตอบที่ไม่รู้จะเอ่ยอย่างไร
"ผมแค่เป็นห่วงคุณ" อนิรุทธ์บอกหลังถอนจูบแล้วเห็นแววตาสงสัย ศราวินยิ้มบาง มือสอดมากอดเอวเขาไว้แล้วเอียงหน้าซบไหล่
"ขอโทษนะฮะที่ทำให้เป็นห่วง" อนิรุทธ์รับฟังด้วยใจที่เจ็บ รู้ว่าเด็กหนุ่มกำลังฝืนทนเก็บความเจ็บเอาไว้ไม่ให้เขาล่วงรู้ เขาอยากแบ่งปันความเจ็บปวดจากเด็กหนุ่ม อต่ก็ยังหาหนทางไม่ได้ กลัวว่าหากบอกออกไปให้รู้ว่าเขาทราบเรื่องแล้ว เด็กหนุ่มจะรู้สึกอย่างไร
เด็กน้อยของเขาจะเจ็บปวดยิ่งกว่าตอนนี้ไหม...
ทางที่ดีที่สุดคือต้องรอวันที่ศราวินพร้อมและเอ่ยมันให้เขารู้เอง
แต่ถ้าหากศราวินไม่คิดจะสารภาพให้เขาฟัง อนิรุทธ์ก็คิดว่าตนเองพร้อมที่จะยอมรับมันเช่นกัน
"นอนเถอะ คุณต้องพักผ่อนมากๆ ผมจะอยู่เป็นเพื่อนจนกว่าพยาบาลจะมาตรวจไข้รอบต่อไป" อนิรุทธ์บอกเสียงอ่อนแล้วประคองให้คนรักเอนนอนลงบนเตียง เขาถอดรองเท้าแล้วเอนนอนลงข้างๆ รั้งศราวินให้เข้ามาซุกอกตัวเอง มือลูบศีรษะเล็กเบาๆปลอบประโลมให้คนรักฝันดี
"ดีใจนะฮะที่อาจารย์มาอยู่เป็นเพื่อนแบบนี้"
[1] Morbidity & Mortality Conference (M&M)
-TBC-
ดองไว้จนคนคงลืมอาจารย์หมอกับน้องซันกันไปหมดแล้วสินะคะ TTwTT ขอโทษษษษษษ