[Tragedy Series] Tell me the Legend ตำนานรัก..โรงเรียนแพทย์ - Ch.20 จบ (25/4/15)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [Tragedy Series] Tell me the Legend ตำนานรัก..โรงเรียนแพทย์ - Ch.20 จบ (25/4/15)  (อ่าน 222517 ครั้ง)

ออฟไลน์ แก้วเจ้าจอม

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 168
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-0
ซันหายป่วยเร็วๆนะ สู้ๆๆ

ออฟไลน์ ammamooty

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1056
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-2
ปลื้มปลิ่มกับความรักของอาจารย์กับซันมากเลย TT TT
อย่าทิ้งกันน้า ซันก็สู้ๆน้า

ออฟไลน์ iforgive

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-80
หวังว่าศราวินจิตใจจะดีขึ้นเรื่อย ๆ นะ
โดนแบบเดิมอย่างนี้  มันโหดร้ายจริง ๆ

ออฟไลน์ แพรพลอย

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 61
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
แข็งแรงไวน้าๆซัน
ยิ่งอ่านยิ่งชอบนะเรื่องนี้
ติดตามต่อค่ะ

ออฟไลน์ MIwEMInE

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 238
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ถ้าซันหายแล้วอาจารย์จะพาซันไปไหนหรือเปล่าเน้อ :hao4:

ออฟไลน์ แฟนตาเซีย

  • หืมม...?
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 557
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-1

ออฟไลน์ akiko

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 620
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-2
สรุปว่ากรรมตามสนอง 5555 ดีเหมือนกันตายทรมาน คนชั่วต้องได้รับผลกรรม

ตอนหน้ารออ่านฉากสวีทหวานๆๆพระนายดีกว่าเนอะ  :mew1: :mew1: :mew1:

ออฟไลน์ zynestras

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 131
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +120/-0
    • Zynestras.com
ตอนที่ 20



หลายวันต่อมา อาการของศราวินก็ดีขึ้นเรื่อยๆ จนสามารถถอดท่อช่วยหายใจได้แล้ว อาจเป็นเพราะจิตใจที่เข้มแข็งของเด็กหนุ่มรวมถึงกำลังใจที่ได้รับ ทำให้แข็งแรงและสดใสขึ้น

หากแต่ภายในนั้น..สิ่งที่เกิดขึ้นก็ยังคงเป็นฝันร้ายสำหรับศราวิน

“อึ่ก..อะ..อึก..”

 เสียงอึกอักที่ดังขึ้นปลุกให้อนิรุทธ์ตื่นขึ้นมาทันที เขาลุกจากโซฟาที่ใช้ต่างที่นอนไปยังเตียงที่ตั้งอยู่กลางห้อง กายบางกระตุกเบาๆ เสียงดังอึกอักในลำคอเหมือนกำลังฝันร้ายอยู่ ศราวินหายใจกระชั้นราวกับสูดอากาศเท่าไหร่มันก็ไหลรั่วออกไปจากปอด

“ซัน..ซัน...” อนิรุทธ์เขย่าแขนปลุกเด็กหนุ่ม ศราวินสะดุ้งตื่นขึ้นมาด้วยแววตาตื่นกลัว

“คุณไม่เป็นไรแล้ว..คุณปลอดภัยแล้วนะ”

อนิรุทธ์กล่อมด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนก่อนจะถอดรองเท้าและขึ้นเตียงไปเอนนอนข้างๆ กอดเด็กหนุ่มเอาไว้ มือข้างหนึ่งลูบศีรษะเล็กแผ่วเบา

“คุณปลอดภัยแล้ว..”

ร่างที่แข็งเกร็งตอนแรกค่อยๆอ่อนลง เพียงไม่นานจังหวะลมหายใจก็กลับมาเป็นปกติ

ศราวินฝันร้ายเช่นนี้ทุกคืน อนิรุทธ์ก็คอยปลอบประโลมจนกระทั่งเด็กหนุ่มหลับไปเสมอ แต่คืนนี้ ศราวินกลับนอนไม่หลับ

"อาจารย์ฮะ..อาจารย์คิดว่าถ้าผู้ชายคนนั้นไม่ตาย อาจารย์คิดว่าเขาจะสำนึกผิดบ้างไหมฮะ?"

อนิรุทธ์มองใบหน้าที่ตะแคงมาหา รอยช้ำยังคงกระจายบนแก้มและคาง เขายกมือขึ้นลูบแก้มของเด็กหนุ่มแผ่วเบา

"ผมว่ายากนะที่เขาจะสำนึก"

อนิรุทธ์ตอบไปตามความคิดของตน ศราวินนิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะพยักหน้า

"ผมก็คิดแบบนั้น"

เขาอาจจะเป็นคนบาปหนาก็ได้ที่คิดว่าถึงอมรตายไปก็คงไม่มีเศษเสี้ยวของวินาทีที่จะสำนึกผิดกับสิ่งที่ทำลงไป

"เขาตายไปแล้ว ผมไม่อยากให้คุณคิดถึงเขาอีกเขาไม่มีค่าอะไรให้นึกถึงเลยซัน" อนิรุทธ์บอกเสียงเบา เขาไม่อยากให้ศราวินคิดถึงผู้ชายคนนั้นให้ตัวเองไม่สบายใจอีก

“จะพยายามฮะ..”

ศราวินไม่ได้ให้สัญญาว่าจะไม่คิดถึงผู้ชายคนนั้นอีก เพราะสิ่งที่เกิดมันชอบแวบเข้ามาในสมองโดยที่เขาเองก็ไม่ได้อยากจะนึก ดังนั้นคำว่าพยายามคงจะเป็นคำที่ซื่อสัตย์ที่สุด

“เวลานึกถึงเขาขึ้นมา คุณก็เปลี่ยนมาคิดถึงผมแทนสิ”

อนิรุทธ์ว่าแล้วกดจูบแผ่วเบาที่ข้างขมับ คนที่เจ็บอยู่ถึงกับหลุดยิ้มออกมา

“ฮะ” ศราวินรับคำแล้วซุกไหล่อีกฝ่ายไว้ เขารักความใจดีของอนิรุทธ์ที่สุด

อรทิพย์คลี่ยิ้มบางบนใบหน้า เธอลุกขึ้นมาดูเพราะได้ยินเสียงศราวินฝันร้ายเช่นกัน และก็เป็นภาพที่เธอเห็นเช่นนี้ทุกคืน อนิรุทธ์ไม่เคยทิ้งให้เด็กหนุ่มต้องเผชิญกับฝันร้ายตามลำพัง มันเป็นภาพที่งดงามสำหรับเธอ

คนจะรักกัน ก็ต้องคอยอยู่ด้วยกันในยามยากเช่นนี้



หลายวันต่อมาอาการของศราวินดีขึ้นจนอนิรุทธ์หายห่วง เขาสามารถวางใจที่จะละสายตาจากเด็กหนุ่มเพื่อไปสอนได้ และอธิชาเองก็ไม่ต้องคอยเฝ้าพิเศษอีกต่อไป ในตอนกลางวันจึงจะมีอรทิพย์คอยอยู่เป็นเพื่อน และเมื่อเขาเลิกงานก็จะมาเฝ้าต่อ อติพัทธ์ยังคงแวะเวียนมาเยี่ยมเกือบทุกวัน ส่วนมากจะเป็นช่วงค่ำและจะอยู่จนกระทั่งถึงเกือบเที่ยงคืนจึงกลับไป เมื่อเปิดใจและได้พูดคุยกันมากขึ้นก็ทำให้เขาเองก็สนิทกับนายตำรวจหนุ่มมากขึ้น แต่วันนี้อติพัทธ์มาเร็วกว่าปกติ เพราะในวันรุ่งขึ้นเขาจะต้องเดินทางไปต่างจังหวัดแต่เช้า

“งั้น..จะไปพรุ่งนี้เช้าเลยหรอฮะ?”

ศราวินเอียงคอถามเมื่อได้ยินว่าอติพัทธ์จะไปกาญจนบุรีเพราะสายสืบรู้ข่าวมาว่าเส็งซึ่งน่าจะพัวพันกับคดีของอมรนั้นหลบหนีไปอยู่กับน้องชายที่อยู่ทางแถบนั้น

“อืม คิดว่าจะออกสักเจ็ดโมงนะ”

“ถ้าอย่างนั้น...อย่าลืมของฝากนะฮะ” ศราวินยิ้มหวานให้จนอติพัทธ์อดไม่ได้ที่จะยื่นมือมาขยี้ศีรษะเล็กอย่างมันเขี้ยว

“นี่พี่จะไปจับพ่อค้ายานะ จะไม่เป็นห่วงสักหน่อยเลยหรือไงกัน?”

“ก็พี่พัทเก่งจะตายไป ซันไม่เป็นห่วงหรอก เพราะงั้น..อย่าลืมของฝากนะฮะ” อติพัทธ์ยิ้มแล้วผลักศีรษะเด็กหนุ่มเบาๆ ศราวินหัวเราะด้วยเสียงที่สดใสขึ้น

“ระวังตัวด้วยนะคะ..” อธิชาพูดขึ้นมา แล้วก็รู้สึกเขินกับสายตาของทุกคนที่มองมายังเธอจนต้องก้มหน้าก้มตาปอกผลไม้ต่อไป

“ครับ ผมจะระวัง” อติพัทธ์ตอบ เขามองไปที่เธอด้วยสายตาที่ศราวินต้องยิ้มออกมาเมื่อสังเกตเห็น

ในระหว่างที่บรรยากาศกำลังดีอยู่นั้น เสียงเคาะประตูห้องก็ดังขึ้น ทุกคนหันไปมองอย่างประหลาดใจเพราะไม่น่าจะมีใครมาเยี่ยมในเวลานี้ พอประตูเปิดเข้ามา อนิรุทธ์กับอติพัทธ์ต่างก็พากันขมวดคิ้ว บรรยากาศตึงเครียดขึ้นมาทันที คนที่เข้ามาก็คือดำรงกับผู้หญิงวัยหกสิบปีคนหนึ่ง

“คุณมาทำไม?”

ด้วยสัญชาตญาณของคนเป็นตำรวจ ทำให้อติพัทธ์ก้าวเข้ามาประจันหน้าและกันไม่ให้อีกฝ่ายก้าวเข้าไปใกล้ศราวินรวมถึงอธิชาและอรทิพย์ที่นั่งอยู่ข้างในด้วยกัน

“ผม...อยากจะมาขอขมา...” น้ำเสียงของดำรงนั้นเหมือนคนที่ไร้เรี่ยวแรง ที่มือมีพวงมาลัยเหี่ยวๆอยู่หนึ่งพวง มันไม่ได้สวยและมองดูแล้วเหมือนกับเป็นพวงมาลัยของที่คนเพิ่งหัดร้อย

อติพัทธ์หันไปมองหน้าศราวิน เด็กหนุ่มพยักหน้าจึงปล่อยให้ดำรงเข้าไป

ดำรงคุกเข่าลงตรงหน้าแล้ววางพวงมาลัยแทบเท้าของเหยื่อที่เขาเคยฆ่าเมื่อสี่สิบปีที่แล้ว มือพนมและกราบลงที่เท้าท่ามกลางสายตาทุกคนที่เฝ้ามอง อรทิพย์กับอธิชาไม่เข้ากับเหตุการณ์ตรงหน้าแต่ก็เลือกที่จะเงียบและเฝ้ามองดู

“ผมขอขมา..และขออโหสิกรรมกับสิ่งที่ตัวของผมและลูกชายของผมได้ทำลงไปกับคุณ ผมขอโทษ...ผมขอโทษ....”

เสียงตอนท้ายสั่นเครือ ดำรงก้มลงกราบอยู่อย่างนั้น ไหล่ของเขาสั่นไหวเล็กน้อย ตอนเห็นสภาพศพของอมรนั้นทำเอาเขาใจสลายถึงแม้จะอยู่ด้วยกันมาไม่นาน แต่ยังไงลูกก็คือลูก ทำเขาสำนึกได้ว่าตอนที่เขาฆ่าศราวินไป พ่อแม่ของเด็กหนุ่มจะเสียใจมากเพียงใด

ศราวินมองด้วยความรู้สึกว่างเปล่า รับรู้ว่าอีกฝ่ายขอโทษด้วยความรู้สึกที่อยากขอโทษอย่างแท้จริง ผิดกับตอนที่เขาจะเอาชีวิตเมื่อหลายอาทิตย์ก่อน

แต่คำว่าขอโทษนั้น ถึงแม้จะออกมาจากใจจริง มันก็ไม่ได้ช่วยแก้ไขเรื่องราวต่างๆที่ผู้ชายคนนี้เคยทำผิดไว้ได้

“ให้อภัยพี่โตเถอะนะคะคุณ พี่เขาสำนึกผิดในสิ่งที่เคยทำกับคุณแล้ว”

ผู้หญิงที่มากับดำรงพูดขึ้น อติพัทธ์กับอนิรุทธ์หันมามองเธอแล้วก็นึกถึงคนที่ดำรงเคยพูดถึงไว้ คนนี้คงจะเป็นน้องสาวของดำรง

“ฮึ..สำนึก อะไรทำให้คนที่หนีคดีมาได้ถึงสี่สิบปีอย่างพี่ชายคุณสำนึกได้ล่ะ? อย่าบอกนะ ว่าเพราะลูกชายของคุณตาย เลยสำนึกได้? ไม่ช้าไปหน่อยหรือไงกัน" อติพัทธ์พูดด้วยแรงอารมณ์ น้ำเสียงของเขาห้วนและบ่งบอกถึงความหงุดหงิดใจได้อย่างชัดเจน

“จะว่าแบบนั้นก็ได้ เพราะงานศพไอ้โก้ ทำให้พี่เขาได้เจอกับรสพระธรรมเข้า ถึงได้รู้จักบาปบุญ” หน่องรำพึง และมองไปที่พี่ชายของตัวเองที่ยังคงก้มกราบเท้าศราวินอยู่เช่นนั้น เพราะอมรตาย ดำรงจึงได้เข้าวัดเป็นครั้งแรก การได้พูดคุยกับพระและฟังธรรม ทำให้ดำรงได้ตระหนักถึงบาปกรรมที่ตัวเองก่อเอาไว้ ยิ่งนึกถึงศพของผู้เป็นลูก ซึ่งมีรอยแทงที่ตรงอก มันเป็นตำแหน่งเดียวที่เขาทั้งสองแทงศราวินเอาไว้ และเขาเองก็ได้บาดแผลนี้ด้วยเช่นกัน มันคงเป็นกรรมที่ไล่ตามทัน ให้เขาและลูกต่างก็รู้ซึ้งถึงสิ่งที่ทำเอาไว้กับเหยื่อของตน

“ผมคิดว่า..ผมคงให้อภัยกับสิ่งที่คุณและลูกชายของคุณทำไว้กับผมไม่ลง แต่ผมจะอโหสิกรรมให้คุณและลูก และผมก็ไม่อยากจะคิดถึงเรื่องเลวร้ายพวกนั้นอีกแล้ว”

ศราวินพูดออกมาและแบ่งเท้าหนี เขาไม่เคยคิดที่จะจองเวรจองกรรมกับอีกฝ่าย หากอีกฝ่ายสำนึกได้ แต่เขาก็ไม่ได้ดีใจที่อีกฝ่ายมาขอขมาเช่นนี้ เขาแค่อยากให้เรื่องทุกอย่างจบลงเสียที

“ขอบคุณ...ขอบคุณจริงๆ” ดำรงละล่ำละลักบอกแล้วรีบเขยิบมากราบเท้าอนิรุทธ์ที่ยืนอยู่ข้างศราวิน

“ผมต้องขออโหสิกรรมจากคุณด้วย...ผมขอโทษ..”

“ผมอโหสิกรรมให้คุณ” อนิรุทธ์บอก เขาหันไปสบตากับศราวินและรับรู้ความรู้สึกซึ่งกันและกัน

“ผมมีเรื่องที่จะขอร้องพวกคุณอีกเรื่อง...”

ดำรงเอ่ยขึ้นพร้อมกับมองไปยังศราวินก่อนจะหันไปมองอติพัทธ์ซึ่งเขาจำได้ว่าเป็นนายตำรวจที่ดูแลคดีเรื่องที่อมรทำร้ายศราวิน

“คุณคิดว่าตัวเองมีสิทธิ์ที่จะร้องขออะไรอีกหรือไงกัน!” อติพัทธ์ตวาดไป แต่ดำรงไม่ได้กลัวเขาเลยแม้แต่น้อย สีหน้ามุ่งมั่นเหมือนตัดสินใจอะไรบางอย่างแล้ว

“ผมอยากรับโทษแทนไอ้โก้มัน..ขอให้คุณบอกตำรวจไปว่าผมคือคนร้าย ผมพร้อมให้คุณจับเข้าคุกเลยในคืนนี้”

 “จะบ้าหรือไงกัน? จะทำอย่างนั้นได้ยังไงกัน!”

อติพัทธ์ว่าออกมา ถ้าศราวินยอมตกลง เขาก็จะห้ามเอาไว้ เพราะมันเป็นการให้การเท็จกับตำรวจ ถ้ามีคนจับได้ขึ้นมา ศราวินเองจะเป็นคนที่เดือดร้อน

“คดีของผม..มันหมดอายุความไปแล้ว ผมอยากชดใช้กรรมในสิ่งที่เคยทำไว้ เลยคิดว่า...”

“ไม่ครับ...ผมจะไม่ให้การเท็จกับตำรวจ ถ้าคุณอยากชดใช้กรรม ก็ไปหาอะไรทำเพื่อสังคมเถอะครับ”

ศราวินปฏิเสธอย่างไร้เยื่อใย คนอื่นๆก็เห็นด้วยกับการตัดสินใจนี้

ดำรงมองหน้าเด็กหนุ่มก่อนพยักหน้า เขาลากลับออกไปพร้อมกับน้องสาวของตนเองด้วยไหล่ที่ห่อเหี่ยว ศราวินมองตามไปแล้วก็รู้สึกว่าแตกต่างจากตอนที่ทำร้ายตนเองเมื่อสี่สิบปีก่อนอย่างสิ้นเชิง ตลอดเวลาที่หลบหนีไป ดำรงคงไม่ได้กินดีอยู่ดีสักเท่าไหร่ แววตาร้ายกาจที่มีเมื่อก่อนนั้นมันแห้งแล้งเหมือนคนที่สิ้นหวัง

คนที่เหลืออยู่ในห้องต่างก็พากันเงียบงัน แม้ว่าอรทิพย์กับอธิชาที่ไม่เข้าใจในสิ่งที่ดำรงพูด แต่ก็ไม่ได้ถามออกมา

“ได้เวลาเข้านอนแล้วมั้งซัน”

อติพัทธ์เข้ามาประคองให้ศราวินกลับเข้าไปนอนในห้องด้านใน เขาส่งสายตามองไปที่อนิรุทธ์ ศัลยแพทย์หนุ่มพยักหน้าตอบกลับมา ศราวินเองก็มองไปยังที่คนรักก่อนจะยอมเดินตามเขาเข้ามาภายในห้องนอน

“ฝันดีนะซัน...แล้วเจอกันวันอังคาร”

“โชคดีนะฮะพี่พัท แล้วก็อย่าลืมระวังตัวด้วยนะฮะ”

อติพัทธ์ยิ้มให้ เขาลูบศีรษะศราวินเบาๆ เขารู้ว่าเด็กหนุ่มพยายามทำให้ทุกคนรวมทั้งเขาคิดว่าตัวเองนั้นสบายดีแล้วเพื่อให้ทุกคนไม่ต้องเป็นห่วง แต่ลึกๆแล้วคงยังเจ็บปวดกับสิ่งที่เกิดขึ้นอยู่แน่ๆ ทว่า..อติพัทธ์ก็รู้ว่าคนที่จะเยียวยาศราวินได้ ไม่ใช่เขา แต่เป็นอนิรุทธ์ และจากการเฝ้ามองของเขา เขาก็เชื่อว่าอนิรุทธ์จะเยียวยาเด็กหนุ่มจนหายดีได้อย่างแน่นอน

ทางด้านนอกนั้น อนิรุทธ์เล่าให้อรทิพย์และอธิชาได้รู้คร่าวๆว่าดำรงนั้นเป็นพ่อของอมรที่ทำร้ายศราวิน และดำรงก็ยังเป็นคนฆ่าศราวินเมื่อสี่สิบปีที่แล้ว โดยที่ไม่ได้เล่าให้ฟังว่าทั้งเขาและศราวินนั้นคือคนเมื่อสี่สิบปีที่แล้วที่กลับชาติมาเกิดอีกครั้ง แต่เพียงแค่นั้นก็ทำเอาอรทิพย์หน้าซีดเสียแล้ว

“กรรมมันตามทันจริงๆนะลูก ถึงจะช้าไปหน่อย แต่ยังไงก็ตามทันอยู่ดี”

อธิชาพยักหน้าเห็นด้วยกับที่มารดาว่าออกมา

สำหรับดำรงแล้ว กรรมอาจจะตามทันช้าไปหน่อย แต่กับอมรนั้น กรรมตามทันราวกับติดจรวดมาเลยก็ว่าได้

“หวังว่าเขา..จะสำนึกตัวได้จริงๆแล้วก็ไม่ไปทำร้ายใครอีกนะลูก”

“ผมก็หวังว่าจะเป็นเช่นนั้นครับ”

อนิรุทธ์มองไปยังพวงมาลัยที่หล่นอยู่ที่พื้น ศราวินไม่ได้ใส่ใจกับมันนัก เขาไม่แน่ใจว่าเด็กหนุ่มมองพวงมาลัยพวงนี้บ้างหรือเปล่า

“ดูเหมือน..เขาจะร้อยมาเองเลยนะพี่รุทธ์”

อธิชาว่าเมื่อเห็นคนเป็นพี่ชายหยิบพวงมาลัยนั้นขึ้นมา

มันเป็นพวงมาลัยที่ไม่มีความสวยเลยแม้แต่น้อย ดอกไม้ที่ใช้ร้อยก็บานจนดูว่ากลีบดอกมันใกล้จะโรยรา บางจุดแหว่งไปจนเห็นเชือกฟางสีเขียวข้างใน สายอุบะก็ไม่เท่ากัน

“อืม..พี่ก็ว่าอย่างนั้น”

อนิรุทธ์วางพวงมาลัยนั้นบนโต๊ะข้างๆกับกระเช้าต่างๆที่คนนำมาเยี่ยม

“อาจารย์อนิรุทธ์เชิญที่แผนกฉุกเฉินด่วนค่ะ...อาจารย์อนิรุทธ์เชิญที่แผนกฉุกเฉินด่วนค่ะ”

อนิรุทธ์หันไปมองอรทิพย์กับอธิชา ทั้งสองพยักหน้าให้เขา

“รีบไปเถอะลูก สงสัยจะมีอุบัติเหตุนะ”

อนิรุทธ์รีบออกจากห้องพักของศราวินและตรงไปยังแผนกฉุกเฉินทันที เมื่อไปถึงก็เห็นผู้ชายวัยกลางคนนั่งทำหน้าช็อกให้พยาบาลทำแผลที่ศีรษะอยู่ ห่างออกไปไม่ไกลนักก็เห็นหน่องยืนอยู่ตรงใกล้กับเตียงที่พยาบาลกำลังรุมล้อมอยู่ ที่ศีรษะมีบาดแผล เนื้อตัวก็ดูมอมแมม แขนข้างซ้านมีรอยช้ำแดงอยู่ พยาบาลพยายามพาเธอไปทำแผล แต่เธอก็ไม่ยอมไปทำ เธอหันมาเห็นเขาก็ทำหน้าเหมือนกับจะร้องไห้

“หมอ...ช่วยพี่โตด้วย เราเดินกลับบ้านกันอยู่ดีๆ รถมันก็พุ่งเข้ามา...ยังไงก็ช่วยพี่โตด้วยนะหมอ”

อนิรุทธ์ละสายตาจากเธอและเดินเข้าไปหลังม่าน ดำรงนั่งอยู่บนเตียง อกอาบด้วยเลือดแดงฉานที่ไหลทะลักออกมาไม่หยุด ต้นตอของบาดแผลก็คือไม้ไผ่ลำขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณสิบเซนติเมตรแทงทะลุเข้าไปบริเวณอก พยาบาลจัดการใส่ท่อออกซิเจนให้เขาเรียบร้อยแล้ว

“หมอ..ไม่ต้องช่วย..ผม...หรอก” ดำรงบอก คำพูดนั้นทำเอาพยาบาลหันมามอง หน่องเดินเข้ามาทันที

“พี่พูดอะไรน่ะ! หมอ..ช่วยพี่โตด้วยนะ”

“ผมไม่ช่วยคุณไม่ได้หรอกครับ” อนิรุทธ์บอกด้วยน้ำเสียงสุภาพ แล้วขยับเข้าไปดูบาดแผลใกล้ๆ

“จริงๆนะหมอ...คนอย่างผม..ไม่ควรจะมีชีวิตอยู่ต่อไป...แล้ว” ใบหน้าของดำรงซีดลงเรื่อยๆ อนิรุทธ์เห็นบาดแผลแล้วก็รู้สึกว่ายากที่จะชีวิตผู้ชายคนนี้เอาไว้ แต่ยังไงเขาก็ต้องพยายามที่จะรักษาชีวิตอีกฝ่ายเอาไว้

“ให้เลือดอีกยูนิต แล้วรีบพาไปถ่ายเอ็กซเรย์ด้วย เสร็จแล้วส่งเข้าโออาร์เลย เรียกใครก็ได้ให้มาช่วยผมด้วย” อนิรุทธ์สั่งทันที และก็ไม่ต้องรอเลือดนานด้วยเพราะแพทย์เวรได้สั่งเลือดมาให้แล้ว พอเขาสั่งจบ พยาบาลก็จัดการแทงเข็มให้เลือดทันที แต่ดำรงชักแขนหนี ไม่ยอมให้เธอทำ

“ไม่ต้อง! ไม่ต้องช่วย!” ดำรงโวยวายจึงถูกบุรุษพยาบาลช่วยกันจับกายเอาไว้ให้อยู่นิ่ง

“ความตายไม่ใช่การชดใช้สิ่งที่คุณทำผิดไปหรอกนะ!!” อนิรุทธ์ตวาดออกมา เสียงของเขาดังก้องภายในห้องแผนกฉุกเฉิน

ดำรงชะงักและเลิกดิ้นรน เขามองมาที่อนิรุทธ์ด้วยแววตาเสียใจ

พยาบาลเห็นเขาสงบแล้วก็จัดการแทงเข็มน้ำเกลือให้ทันที อนิรุทธ์มองดูบุรุษพยาบาลเข็นเตียงไปเอ็กซเรย์ตามที่เขาสั่งจนประตูปิดก่อนจะหันไปหาหน่อง

“คุณเองก็ต้องทำแผลด้วยนะครับ”

หน่องพยักหน้าอย่างเงอะงะก่อนจะยอมให้พยาบาลทำแผลให้ อนิรุทธ์มองแล้วเดินออกจากแผนกฉุกเฉินไป เขาขึ้นไปยังห้องผ่าตัดและเข้าสครับรอดำรงถูกส่งขึ้นมาพร้อมกับฟิล์มเอ็กซเรย์

รออยู่ไม่กี่นาที ดำรงก็ถูกพาเข้ามาในห้องผ่าตัด อนิรุทธ์อ่านฟิล์มเอ็กซ์เรย์ดูก็ยิ่งรู้สึกว่าดำรงนั้นมีโอกาสน้อยมากที่จะรอด หลอดเลือดเอออร์ต้า ถูกทำลายจนกระจุย ปอดข้างขวาฉีกไปเกือบครึ่ง ยังไม่รวมถึงตับที่แตกเพราะแรงอัดกระแทกอีกเขารอวิสัญญีแพทย์เข้ามาช่วยรมยาสลบให้ ดำรงยังคงมองมาที่เขา

“ขอบคุณนะหมอ..” นั่นคือคำพูดสุดท้ายที่ดำรงพูดกับเขาก่อนที่จะหลับไปเพราะฤทธิ์ยา

“เอาล่ะ...เรามาช่วยชีวิตเขากันเถอะครับ ดึงช้าๆแล้วก็นิ่งๆด้วยนะครับ”

อนิรุทธ์หันไปบอกคนที่ทำหน้าที่ดึงท่อเหล็กนั้นออก พวกเขาจับให้กายของดำรงอยู่นิ่งๆเพื่อดึงเอาลำไม้ไผ่ออก ทันทีที่ท่อนเหล็กหลุดออกจากร่าง เลือดจำนวนมากก็พุ่งออกมา ความดันตกทันที เสียงปิ๊บๆดังขึ้นทั่วห้อง ร่างที่ไร้สติถูกจับเอนนอน อนิรุทธ์รีบผ่าอกลงไปทันทีพร้อมกับสั่งยาให้ฉีดเพิ่มอีก

เลือด..เลือด...เลือด

มีแต่เลือดไหลออกมาเต็มไปหมด จนอนิรุทธ์หาเส้นเลือดเอออร์ต้าที่ต้องซ่อมให้เลือดหยุดไหลไม่เจอ ความดันก็ตกลงอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะพยายามกู้ชีพขึ้นมาเท่าไหร่ ก็ดูเหมือนจะไม่เป็นผลสำเร็จ

ติ๊ดดดดดดด

อนิรุทธ์หยุดชะงักมือที่พยายามนวดหัวใจดำรง เขาถอนหายใจแล้วเงยมองนาฬิกาบนผนัง

“เวลาเสียชีวิต ยี่สิบนาฬิกา สิบเจ็ดนาที”

ศัลยแพทย์หนุ่มถอดถุงมือทิ้งลงถังขยะและถอดหน้ากากออก เขามองไปยังใบหน้าที่จะไม่มีวันลืมตาตื่นขึ้นมาอีกของดำรง

ผู้ชายคนนี้ตายไปโดยที่ยังไม่ได้ทำความดีทดแทน..

แต่อย่างน้อย...ก็ยังได้สำนึกถึงความผิดของตนเองก่อนที่จะตายไป

อนิรุทธ์เดินกลับลงไปแจ้งการตายให้กับหน่องได้ทราบ เธอรับฟังอย่างสงบทั้งที่เขาแอบคิดไว้ว่าเธออาจจะฟูมฟายใส่เขาว่าเขาช่วยดำรงไม่เต็มที่เลยทำให้เขาตายก็เป็นได้

“ขอบคุณหมอมากนะคะ” หน่องบอกแล้วยกมือขึ้นมาไหว้ อนิรุทธ์รับไหว้เธอก่อนจะให้พยาบาลช่วยเธอไปจัดการเรื่องรับศพของดำรง ส่วนตัวเขากลับขึ้นไปบนห้องพักของศราวินด้วยท่าทางเหนื่อยล้า

“เป็นยังไงบ้างคะลูก?”

อรทิพย์ถามทันที เธอรีบลุกขึ้นมาหาและบอกให้อธิชาไปเทน้ำเย็นมาให้ อนิรุทธ์นั่งลงแล้วเล่าให้เธอฟังว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างในชั่วโมงที่เขาหายไป

“เวรกรรมจริงๆค่ะลูก อย่าคิดมากเลยนะรุทธ์”

อรทิพย์บอกพลางลูบแขนเขาไปด้วย อนิรุทธ์พยักหน้าแล้วรับน้ำเย็นจากอธิชามาดื่ม เขาอยู่คุยกับทั้งสองอีกนิดหน่อยก่อนที่จะไปอาบน้ำและเข้าไปหาศราวิน

ศราวินยังไม่ได้หลับ เด็กหนุ่มผงกศีรษะขึ้นมามอง อนิรุทธ์จึงเดินเข้าไปหา

"ทำไมยังไม่นอนอีกหืม?" เขาถามพลางลูบแก้มอีกฝ่ายแผ่วเบา

"รอให้อาจารย์มานอนกอดน่ะฮะ"

ศราวินตอบ เขาจับมืออนิรุทธ์แล้วเอียงแนวแก้มเอาไว้ คนถูกอ้อนจึงต้องพากายขึ้นมานอนบนเตียงด้วยและเอาแขนกอดร่างเล็กไว้

"ผมได้ยินเขาตามอาจารย์ไปอีอาร์?"

อนิรุทธ์ชะงักไปเล็กน้อย

“อืม..ผู้ชายคนนั้นน่ะ เขาโดนรถชนระหว่างเดินกลับจากที่นี่ ไม้ลวดแทงทะลุกอกไปทำลายเส้นเอออร์ต้าแล้วก็ปอดฉีก”

ศราวินตกใจกับสิ่งที่อนิรุทธ์บอก และพอจะเดาได้ว่าการที่อนิรุทธ์กลับมาโดยใช้เวลาไม่นานเช่นนี้...ก็หมายความว่าผู้ชายคนนั้น

“เขาตายแล้วหรอครับ?”

“อืม..”

ทั้งสองเงียบกันไปอยู่ครู่หนึ่ง อนิรุทธ์ลูบศีรษะเด็กหนุ่มไปเรื่อยๆ โดยไม่พูดอะไรออกมาอีก

ศราวินครุ่นคิดถึงการตายของดำรงและอมรไปเงียบๆก่อนจะผล็อยหลับไป เมื่อชั่วโมงที่แล้วเขายังรู้สึกไม่อยากให้อภัยผู้ชายคนนั้น แต่เมื่อรู้ว่าอีกฝ่ายตายไปแล้ว เขาก็ไม่รู้สึกแค้นใจอะไรสองพ่อลูกนั่นอีกแล้ว ทั้งสองคนต่างก็รับกรรมที่ทำไว้กับเขา

เขาให้อภัย...





อติพัทธ์มาถึงสถานีตำรวจที่เคยประจำการอยู่ก่อนหน้าที่จะย้ายเข้าไปในกรุงเทพ เขาก้าวขึ้นไปบนโรงพักอย่างคุ้นเคย บรรดาลูกน้องเก่าเมื่อเห็นเขาเข้ามาก็ต่างเดินเข้ามาทักทาย อติพัทธ์เดินผ่านพวกเขาเพื่อขึ้นไปหาผู้กำกับที่อยู่บนชั้นสอง แต่ระหว่างทางที่เดินไป ก็อดไม่ได้ที่จะมองเข้าไปในโต๊ะทำงานของนิปุณ

ใจหนึ่งก็ยังคงรู้สึกผิดต่อนิปุณ นิปุณย้ายมาที่นี่ก็เพราะตามเขามา แต่เขากลับย้ายกลับไปกรุงเทพ

“สวัสดีครับผู้กำกับ”

อติพัทธ์ยกมือไหว้ผู้กำกับพศินก่อนจะเดินเข้าไปหา ผู้มียศสูงกว่าตบบ่าเขาก่อนจะผายมือไปยังเก้าอี้ อติพัทธ์เดินไปนั่งแล้วเริ่มพูดเรื่องที่จะตามจับเส็งและซ่งทันที แต่เขาพูดได้เพียงไม่เท่าไหร่ พศิณก็ยกมือห้ามไว้

“ใจเย็นก่อนสารวัตร ผมรู้ว่าคุณกำลังร้อนใจอยากจับไอ้พวกนั้นมัน แต่เราจะทำการบุ่มบ่ามไม่ได้ คุณก็รู้ว่าพวกค้ายาพวกนี้ส่วนมากก็มีแบ็กอัพกันทั้งนั้น รอให้ผมตรวจสอบก่อนนะ แล้วก็อย่าเพิ่งกระโตกกระตากไปพูดกับคนอื่นล่ะ”

“ครับ”

อติพัทธ์รับคำด้วยความหนักใจ พศินก็เป็นเหตุผลอย่างหนึ่งที่ทำให้เขาตัดสินใจทำเรื่องขอย้ายไปอยู่กรุงเทพได้ง่ายขึ้น เพราะพศินเป็นคนไม่เด็ดขาดและไม่สนใจที่จะปราบปรามอาชญากรอย่างจริงจัง ที่ได้ยศมาถึงขั้นนี้ก็เป็นเพราะบารมีพ่อซึ่งเป็นผู้บัญชาการตำรวจภูธรคอยหนุนหลังอยู่

“เข้าใจแบบนี้ก็ดีแล้ว ขอโทษด้วยนะที่ทำให้การมาของเธอต้องสูญเปล่า”

“ไม่เป็นไรครับ” อติพัทธ์ตอบกลับ น้ำเสียงของเขาแฝงไว้ด้วยความผิดหวังไม่แพ้กั บดวงตา แต่ดูเหมือนพศินจะไม่สนใจเลยแม้แต่น้อย

“แต่เอาเถอะ ยังไงผมจะตามเรื่องนี้ต่อให้เองก็แล้วกัน คุณกลับไปได้แล้วล่ะ” นอกจากจะรับปากอย่างแกนๆแล้ว ยังเอ่ยปากไล่กันอีก อติพัทธ์ขบกรามเพื่อสะกดกั้นความไม่พอใจเอาไว้ก่อนจะลุกขึ้น ค้อมศีรษะให้อีกฝ่ายแทนคำลาแล้วเดินกลับออกมา

อติพัทธ์เดินไปยังโต๊ะทำงานของนิปุณอีกครั้ง หวังว่าจะได้พูดคุยกับนิปุณก่อนจะกลับ แต่ก็ต้องพบว่าโต๊ะทำงานของนิปุณนั้นกลายเป็นของคนอื่นไปแล้ว อติพัทธ์ยืนประหลาดใจอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะมีคนให้คำตอบ

“นิปุณย้ายไปตั้งแต่เมื่อสามวันที่แล้วน่ะ เขาไม่ได้เล่าให้นายฟังหรอ?”

คนบอกก็ทำท่าประหลาดใจ เพราะตอนที่อติพัทธ์และนิปุณยังอยู่ที่นี่ ทั้งสองคนสนิทกันมาก

“ไม่ครับ เขาไม่ได้บอกผมเลย” อติพัทธ์แสดงความผิดหวังให้เขาเห็น อีกฝ่ายตบบ่าเขาเบาๆ

“แล้วพี่รู้ไหมครับว่าปุณย้ายไปที่ไหน?”

“รู้สิ” เขาตอบแล้วบอกว่านิปุณย้ายไปประจำการที่สถานีตำรวจใด อติพัทธ์ขอบคุณเขาก่อนจะกลับออกมา

 อติพัทธ์ขับรถออกจากโรงพักมาได้ประมาณครึ่งชั่วโมงก็แวะพักข้างทาง เขาหยิบมือถือขึ้นมาลังเลว่าจะกดโทรหานิปุณดีหรือไม่ ตั้งแต่วันนั้นที่โรงพยาบาล นิปุณก็ไม่เคยมาหาเขาอีก และก็ไม่เคยโทรมาหาด้วยเช่นกัน

บางที..นิปุณคงไม่อยากแม้แต่จะคบเขาเป็นเพื่อนอีกต่อไป

แต่เขาไม่อยากให้เป็นเช่นนั้น

อติพัทธ์ตัดสินใจกดโทรไปหานิปุณ รอฟังสายไปพักหนึ่งก็ไร้วี่แววว่าอีกฝ่ายจะกดรับ จึงเป็นฝ่ายตัดสายไปแทน เขาโยนมือถือไปไว้ที่เบาะข้างกันก่อนขับรถเข้ากรุงเทพด้วยความผิดหวัง





ศราวินอดประหลาดใจไม่ได้ที่อติพัทธ์มาหาในตอนเย็นวันถัดมา ทั้งที่เจ้าตัวบอกว่าจะกลับมาวันอังคารก็คือในอีกสามวันข้างหน้า พอสังเกตสีหน้าแล้วก็เดาได้อยู่ว่าการไปกาญจนบุรีครั้งนี้ของอีกฝ่ายคงไม่ได้ความอะไรกลับมา

“ไม่ได้เรื่องหรอฮะ?” อติพัทธ์พยักหน้าแล้วนั่งลงที่โซฟาตัวข้างกัน สีหน้าเหนื่อยอ่อน

“อืม ผู้กำกับเขาขอไว้ว่าอย่าเพิ่ง”

“แย่จัง” ศราวินทำหน้าเสียดาย แต่ความเสียดายของเขาคงมีไม่มากเท่ากับอติพัทธ์แน่ๆ

“ว่าแต่..คุณนิปุณล่ะฮะ?”

ศราวินเลียบๆเคียงๆถามเพราะคิดว่าการที่อติพัทธ์กลับไปกาญจนบุรีครั้งนี้อาจได้ปรับความเข้าใจกับนิปุณบ้างก็เป็นได้ ฝ่ายอติพัทธ์นั้นพอได้ยินคำถามก็เลิกคิ้วก่อนเหยียดยิ้มสมเพชตัวเอง

“ปุณย้ายไปประจวบ เขาไม่คิดจะบอกพี่เลยซัน โทรไปก็ไม่รับสาย บางทีเขาคงไม่อยากเจอพี่อีกแล้วก็ได้ล่ะมั้ง”

ศราวินมองอย่างเห็นใจ เขาจับมืออีกฝ่ายแล้วบีบเบาๆ

“ไปหาก็ได้นี่ฮะ พี่พัทรู้ใช่ไหมฮะว่าเขาย้ายไปอยู่สน.ไหน?”

อติพัทธ์มองหน้าเขาก่อนจะพยักหน้า

“แต่เขาอาจจะไม่อยากเจอหน้าพี่อีกก็ได้”

เด็กหนุ่มกลอกตาไปมา หาวิธีคืนดีให้ แต่คิดไปคิดมา แต่ละวิธีก็ดูจะเด็กๆไป เขาไม่ได้รู้จักนิปุณมากมายนัก แค่พบเจอกันสองสามครั้ง และแต่ละครั้งที่เจอก็ทำให้รู้ว่านิปุณเป็นคนที่เข้าถึงยากชอบกล

“ซันก็ไม่รู้จะช่วยพี่พัทยังไงดี”

อติพัทธ์ยิ้มให้เขาทั้งที่นัยน์ตายังคงดูเศร้าอยู่ เขายกมือขึ้นขยี้ผมเด็กหนุ่มเบาๆ

“ไม่เป็นไรหรอก พี่คงยังไม่ไปหาปุณตอนนี้ รอไปอีกสักระยะ เขาอาจจะหายโกรธแล้วยอมคุยกับพี่ก็ได้ ขอบใจนะซัน”

“ไม่เป็นไรฮะ”

ศราวินบอกพลางยิ้มให้กำลังใจเขา

อติพัทธ์ถอนหายใจ หวังว่าเมื่อเวลาผ่านไปแล้ว นิปุณจะหายโกรธเขาในสักวัน





หลังจากนั้นไม่กี่สัปดาห์ ศราวินก็หายดีและพร้อมออกจากโรงพยาบาล ก่อนจะออกจากโรงพยาบาล ศราวินได้ขอให้อนิรุทธ์ทำการตรวจโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ไว้ด้วย

“เราไม่รู้ว่าเขาเป็นโรคอะไรบ้างหรือเปล่านี่ฮะ ถึงเขาจะใช้ถุงยางด้วยก็เถอะ”

((ต่อ))

ออฟไลน์ zynestras

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 131
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +120/-0
    • Zynestras.com


อนิรุทธ์เข้าใจกับสิ่งที่ศราวินบอก เขาจัดการตรวจให้เรียบร้อย และผลก็ออกมาว่าเด็กหนุ่มไม่มีโรคใดๆ นั่นก็ทำให้ทุกคนโดยเฉพาะเจ้าตัวเองนั้นวางใจ

ส่วนอติพัทธ์นั้น นอกจากจะได้ข่าวดีที่ศราวินได้ออกจากโรงพยาบาลแล้ว ยังมีข่าวอื่นที่เขาได้รับมาในช่วงเวลาเดียวกันอีกด้วย

พศินนำกำลังบุกจับเส็งและซ่งได้พร้อมทั้งยึดของกลางเป็นยาเสพติดและทรัพย์สินจำนวนมาก พศินใช้ข้อมูลที่ได้จากเขา แต่กันเขาออกไปจากคดีนี้ เอาความดีความชอบเป็นของตัวเอง

"แบบนี้เท่ากับเขาจะเอาหน้าเป็นผลงานของตัวเองสินะฮะ" ศราวินเอ่ยขึ้น อธิชาเองก็เห็นด้วย ทั้งสองมองไปยังอติพัทธ์อย่างเห็นใจ

"ช่างมันเถอะ ขอแค่พวกมันถูกจับได้ก็พอแล้ว"

อติพัทธ์ตอบด้วยท่าทีไม่โกรธเคืองอะไร

สำหรับเขาแล้ว ขอเพียงคนเลวพวกนั้นถูกจับไปลงโทษตามกฏหมายก็พอแล้ว

ศราวินดรอปเรียนในปีนั้นตามความต้องการของอนิรุทธ์  และย้ายเข้าไปอยู่กับอรทิพย์ซึ่งนั่นก็ทำให้อรทิพย์มีความสุขเป็นอย่างมาก เธอรักเด็กหนุ่มเหมือนกับลูกของเธอเองอีกคน ศราวินเองก็รักและเคารพเธอไม่ต่างกับมารดาของตนเอง อรทิพย์จัดห้องนอนชั้นสองที่อยู่ข้างกับห้องนอนของอนิรุทธ์เอาไว้ให้เป็นห้องส่วนตัวเด็กหนุ่ม อนิรุทธ์เองก็มาพักอยู่ที่บ้านด้วยจนแทบไม่ได้กลับไปที่คอนโดอีก  นั่นยิ่งทำให้อรทิพย์ชอบใจมากขึ้นไปอีก

เวลาผ่านไปอีกหลายเดือน อติพัทธ์ยังคงแวะเวียนมาเยี่ยมศราวินอยู่ทุกอาทิตย์ จนเขาเองก็สนิทสนมกับอรทิพย์ไม่น้อย แต่เห็นทีคนที่จะดีใจที่สุดเวลาอติพัทธ์มาเยี่ยมนั้นคงไม่ใช่ศราวินกับอรทิพย์แน่ๆ และท่าทางของอติพัทธ์เองก็แสดงให้เห็นในบางครั้งว่าเขามาเยี่ยมศราวินเพราะอยากมาเจอใครบางคนมากกว่า

ศราวินเองก็ไม่ได้รังเกียจ หากอติพัทธ์จะรักจะชอบกับอธิชา แต่เขาก็อดคิดถึงใครอีกคนไม่ได้ เมื่อสบโอกาสในตอนที่อธิชาเดินเข้าครัวไปช่วยอรทิพย์ทำกับข้าว ศราวินก็ตั้งคำถามขึ้น

“พี่พัทไม่ได้ติดต่อคุณนิปุณอีกเลยหรอฮะ?”

อติพัทธ์ชะงักไปเล็กน้อย นี่ก็ผ่านมาหลายเดือนแล้ว เขาไม่ได้ติดต่อไปหานิปุณอีกเลย ฝ่ายนั้นก็เงียบหายไป ไม่เคยโทรหา ไม่เคยมาหา ราวกับตัดขาดกันไปโดยสิ้นเชิง

“อืม..”

“แล้วพี่พัท..จะปล่อยให้เรื่องจบไปอย่างนี้หรอฮะ?”

ศราวินถามอย่างเป็นห่วง อติพัทธ์ชะงักไปครู่หนึ่ง เขามองผ่านกรอบหน้าต่างไปยังห้องครัว อธิชากำลังตั้งอกตั้งใจทำอาหารมื้อเย็นอยู่ เขารู้อยู่แล้วว่าตอนนี้เขาไม่ได้เผื่อใจไว้ให้นิปุณในฐานะที่เกินกว่าความเป็นเพื่อนกัน มันเป็นอย่างนั้นเสมอมา นิปุณคือคนสำคัญ แต่ก็เป็นมากกว่าเพื่อนกันไม่ได้

เขาควรบอกอีกฝ่ายให้แน่ชัด แล้วถ้านิปุณจะไม่อยากเป็นเพื่อนกับเขาอีกต่อไป เขาก็จะยอมรับมัน



อีกสองวันต่อมา อติพัทธ์ใช้โอกาสที่เป็นวันหยุด ขับรถลงไปหานิปุณที่ประจวบ เขารู้แค่ว่านิปุณย้ายไปอยู่ที่สน.ไหนเท่านั้น แต่ไม่รู้ที่อยู่ ก็ได้แต่หวังว่าวันนี้นิปุณจะเข้าเวรอยู่ เมื่อรถแล่นเข้ามาจอดในบริเวณโรงพัก อติพัทธ์ก็รู้สึกกังวลใจขึ้นมา

“ไม่ทราบว่าผู้กองนิปุณเข้าเวรอยู่หรือเปล่า?” อติพัทธ์ถามสิบเวรที่อยู่ด้านหน้า  สิบเวรคนนั้นเงยหน้าขึ้นมาบอกอย่างไร้อารมณ์

“วันนี้ผู้กองลา พาเมียไปผ่าคลอด”

อติพัทธ์ชะงัก เขารับฟังเหมือนได้ยินอะไรผิดไป

นิปุณน่ะหรือ...จะพาเมียไปคลอด?

อติพัทธ์อ้าปากจะถามใหม่อีกครั้งเพื่อย้ำให้แน่ใจว่าสิบเวรตอบมาไม่ผิด แต่ก็มีคนเดินเข้ามาทักเขาเสียก่อน

“อ้าว! พัท? มาทำอะไรหืม?”

อติพัทธ์หันไปตามเสียงทักก็เจอกับรุ่นพี่ที่โรงเรียนตำรวจ อีกฝ่ายเดินยิ้มเข้ามาหา เขายกมือขึ้นไหว้ทักทาย

“สวัสดีครับพี่นัย” ธีรนัยยกมือรับไหว้เขา

“มารับขวัญหลานล่ะสิ? แต่ตอนนี้ไอ้ปุณมันพาเมียไปโรงพยาบาลแล้วล่ะ นี่ก็ว่าออกเวรแล้วจะไปเยี่ยมสักหน่อยเหมือนกัน”

“หรอครับ...พี่รู้ไหมว่าโรงพยาบาลไหน?”

อติพัทธ์พยายามเก็บอาการเอาไว้ ทั้งที่ในใจกำลังรู้สึกงุนงงกับสิ่งที่ได้รู้

“รู้สิ เมื่อกี้ก็เพิ่งโทรไปถามอยู่ว่าคลอดหรือยัง เลยได้รู้เลขที่ห้องมาด้วย”

“แล้ว..คลอดหรือยังครับ?”

“อืม เห็นว่าเข้าห้องคลอดไปเมื่อชั่วโมงที่แล้วนะ ป่านนี้อาจจะคลอดเสร็จแล้วก็ได้ล่ะมั้ง”

อติพัทธ์พยักหน้า เขาอยู่คุยกับธีรนัยจนกระทั่งอีกฝ่ายถูกลูกน้องเข้าตามตัวไป อติพัทธ์จึงได้ออกรถไปยังโรงพยาบาล แต่จะไปทั้งที่ไม่มีของเยี่ยมก็ดูเก้อเขินไปหน่อย เขาก็คอยมองระหว่างทางเพื่อหาซื้อของเยี่ยมไปฝาก ผ่านร้านที่แขวนชุดเด็กอ่อนอยู่ตรงหน้าร้านก็หยุดแวะซื้อชุดเด็กอ่อนไปหลายชุดรวมถึงขวดนมและกระเป๋าเก็บความร้อน ดูแล้วอาจจะมีใครหลายคนซื้อมาเยี่ยม แต่มันก็เป็นของที่จะใช้ได้จริง ดีกว่าซื้อของที่เอาไปแล้วไม่ได้ใช้

มาถึงโรงพยาบาล อติพัทธ์ก็ถือถุงหลายใบขึ้นไปบนตึก สายตามองหาดูลิฟต์ขึ้นไปบนชั้นจุดหมาย แต่พอเดินไปถึงที่ห้อง เขาก็ไม่เห็นมีใครอยู่ แต่เครื่องปรับอากาศก็ทำงานอยู่ อติพัทธ์วางเอาของที่ตอนเองซื้อไว้ที่โต๊ะหน้าโซฟาก่อนจะเดินกลับออกมาถามพยาบาลจนรู้ว่าภรรยาของนิปุณนั้นยังอยู่ที่ห้องคลอด เขาจึงลงไปห้องคลอดที่อยู่ชั้นล่าง

คนที่เขามาหากำลังยืนอยู่หน้าห้องเด็กแรกเกิดซึ่งอยู่ด้านหน้าห้องคลอด

อติพัทธ์ยืนมองนิปุณจากตรงปลายระเบียง เขาเห็นนิปุณกำลังยิ้มบางๆแต่แววตาที่มองไปในห้องนั้นดูเศร้าและเป็นกังวล มองดูดีๆแล้วก็เหมือนอีกฝ่ายกำลังจะร้องไห้ ด้วยความเป็นห่วงทำให้อติพัทธ์เดินเข้าไปหาอีกฝ่ายโดยไม่รู้ตัว

“ปุณ”   

นิปุณสะดุ้ง เขาหันมามองอติพัทธ์ทันที สีหน้าเปลี่ยนไป

“คุณมาได้ยังไง?”

“พี่นัยบอกฉัน ว่านายพาแฟนมาคลอดที่นี่ ทำไมนายไม่เคยเล่าให้ฉันฟังเลยล่ะ”

สีหน้าของนิปุณดูตึงไปชั่วขณะก่อนที่เจ้าตัวจะเหยียดยิ้มและตอบด้วยน้ำ

“มันไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไรที่ต้องบอกคุณ”

“อย่าพูดอย่างนี้สิปุณ ยังไงนายก็คือเพื่อนของฉันนะ” อติพัทธ์ดุเสียงเบา เขาเห็นสายตาของนิปุณอ่อนลง

“คราวที่แล้ว..คุณจำได้ใช่ไหม ที่ผมบอกคุณว่าผมไม่ต้องการความรักจากคุณ”

นิปุณถามด้วยน้ำเสียงที่ไม่ได้ห้วนเหมือนกับตอนแรก เขาเงยหน้ามาสบตาคนที่ยืนเคียงข้าง

“จำได้สิ”

“ผมเพิ่งรู้ก่อนหน้านั้นไม่กี่วันว่าแพรท้อง ผมรักคุณก็จริง แต่ผมก็รักแพรกับลูกมากกว่าคุณ”

อติพัทธ์สัมผัสได้ถึงความรักที่แฝงมาในคำพูด แต่ไม่ใช่ความรักที่อีกฝ่ายมอบให้กับเขา มันเป็นความรักที่นิปุณมีต่อภรรยาและลูกของตน

“นายแต่งงานเมื่อไหร่?”

“เราไม่ได้แต่งงานกันหรอก ได้แต่จดทะเบียนเท่านั้น”

อติพัทธ์พยักหน้า เขายกมือขึ้นตบบ่าอีกฝ่ายเบาๆ

“ฉันดีใจนะ..ที่นายได้มีครอบครัวที่อบอุ่นของตัวเองแบบนี้”

อีกส่วนหนึ่งในใจ เขาก็รู้สึกโล่งอกที่นิปุณจะได้ไม่ทรมานกับความรักที่เขาไม่อาจตอบแทนอีกต่อไป

“ว่าแต่..ทำไมเมื่อกี้มองเข้าไปข้างในแล้วถึงทำหน้าแบบนั้นล่ะ?”

อติพัทธ์ถามอย่างติดใจสงสัยกับสีหน้าของนิปุณที่มองเข้าไปในห้องเด็กแรกเกิดก่อนที่เขาจะเข้ามาทักเมื่อครู่

“แพรมีลูกแฝดให้ผม ที่คลอดวันนี้ก็คลอดก่อนกำหนด เด็กๆเลยต้องอยู่ในตู้อบ..”

นิปุณพูดแล้วก็แสดงสีหน้ากังวล เขาชี้ไปยังตู้อบที่อยู่ด้านซ้ายของห้อง อติพัทธ์มองตามนิ้วที่อีกฝ่ายชี้ไป ก็เห็นว่ามีทารกแรกคลอดอยู่ในตู้อบสองตู้ ทั้งสองนั้นต่างก็มีขนาดตัวที่เล็กกว่าเกณฑ์ อติพัทธ์พอจะเข้าใจในความกังวลและสงสารลูกของนิปุณอยู่บ้าง

“แล้วแพรล่ะ?”

ถามถึงภรรยาของอีกฝ่ายที่เขาไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน ตอนแรกเขาคิดว่ายังไม่คลอด แต่เมื่อเด็กๆมาอยู่ในห้องเด็กแรกคลอดแล้วเช่นนี้ ก็แสดงว่าคลอดเสร็จแล้ว

“ยังดูอาการอยู่ในห้องพักฟื้น อีกสักพักก็คงได้ออกมา”

ไม่ทันขาดคำประตูห้องพักฟื้นก็เปิดออกพร้อมกับเตียงของแพรถูกเข็นออกมา นิปุณกับอติพัทธ์เดินเข้าไปหาก็เห็นว่าเธอนั้นยังคงสลบอยู่

“คุณแม่จะฟื้นราวๆห้าโมงเย็นนะคะ พยายามให้คุณแม่พลิกตัวบ่อยๆ ถึงจะเจ็บแผลก็ต้องพยายามพลิกตัวทุกชั่วโมงนะคะ”

คุณหมอเดินมาบอก นิปุณขอบคุณเธอก่อนจะเดินตามเตียงของแพรไปโดยมีอติพัทธ์ตามกลับไปด้วย

ตอนที่อยู่ในลิฟต์ อติพัทธ์ก็อดไม่ได้ที่จะมองดูใบหน้าของแพร เธอเป็นคนหน้าตาน่ารัก รูปร่างความสูงพอๆกับอธิชา เขามองดูนิปุณยกมือลูบผมลูบแก้มเธอแล้วก็อดรู้สึกไม่ได้ว่าบางที นิปุณอาจจะรักเธอมากกว่าที่พูดออกมา

คืนนั้นเขาอยู่ค้างที่โรงพยาบาลเป็นเพื่อนนิปุณ และปรับความเข้าใจกันจนเชื่อมั่นได้ว่า เขาได้เพื่อนรักคนสำคัญกลับคืนมา

























บทส่งท้าย

ศราวินออกจะชอบชีวิตตอนนี้ไม่น้อย ถึงแม้จะเหงาบ้างที่ไม่ได้ไปเรียนและไม่ค่อยได้เจอกับเพื่อนๆ แต่เขาก็คลายเหงาไปในแต่ละวันด้วยการช่วยอรทิพย์ทำงานบ้าน รวมไปถึงทำขนมกันด้วย

"นี่ถ้าซันกลับไปเรียน แม่จะต้องเหงามากแน่ๆ" อรทิพย์ว่าพลางมองเด็กหนุ่มที่กำลังช่วยเธอแต่งหน้าคัพเค้ก

ศราวินเงยหน้ามายิ้มให้เธอ ยังไม่ทันจะพูดอะไรก็มีเสียงรถแล่นเข้ามาจอดเสียก่อน ศราวินจึงออกมารับด้วยรอยยิ้ม วันนี้อนิรุทธ์กลับมาเพียงคนเดียวเพราะวันนี้เป็นวันหยุดของอธิชา หญิงสาวจึงออกไปกับอติพัทธ์ที่มาขออนุญาตอรทิพย์พาไปดูหนังตั้งแต่เมื่อช่วงบ่าย

“อืม...หอมจัง” กลิ่นของคัพเค้กที่เพิ่งอบเสร็จใหม่ๆหอมฟุ้งไปทั่วบ้าน ได้กลิ่นทั้งวานิลลา ไมโลและกาแฟ

“แม่เล็กสอนซันทำคัพเค้กฮะ ทำรสกาแฟอย่างที่อาจารย์ชอบด้วยนะ”

เด็กหนุ่มอวดยิ้มสวยให้จนอนิรุทธ์อดไม่ได้ที่จะโอบเอวเข้ามาหาและฝังจูบไว้ที่ข้างแก้มไปทีหนึ่ง ศราวินหัวเราะเบาๆก่อนจะผละตัวออก

“มีงานกลับมาทำที่บ้านหรือเปล่าฮะวันนี้?”

ตามปกติแล้ว อนิรุทธ์ชอบเอางานเอกสารกลับมาทำที่บ้านเสมอ มันก็เป็นข้อดีที่ทำให้ศัลยแพทย์หนุ่มได้กลับบ้านไวขึ้น

“อืม...วันนี้ไม่มีงานหรอก มีแต่อย่างอื่น”

“อย่างอื่น?” ศราวินทวนคำด้วยสีหน้าสงสัย อนิรุทธ์ยิ้มให้เขาก่อนจะเปิดประตูรถด้านที่นั่งคู่คนขับออก

“บ๊อก!..บ๊อกบ๊อก!”

ลูกสุนัขพันธุ์คอร์กี้ย่ำเท้าสั้นๆของมันบนเบาะที่นั่ง ก้นส่ายไปมาท่าทางเป็นมิตร ศราวินมองใบหน้าบ้องแบ๊วของมันก่อนหันมามองหน้าอนิรุทธ์

“น้องหมา?”

ศราวินงุนงงเล็กน้อยที่มีน้องหมามาอยู่ในรถของคนรักเช่นนี้

“ของคุณ” อนิรุทธ์บอกพร้อมกับอุ้มลูกหมาขึ้นมาลูบศีรษะอย่างเอ็นดู

“ของซันหรอฮะ?” ศราวินตาโตอย่างตื่นเต้น เพราะตอนแรกคิดว่าใครสักคนเอามาฝากอนิรุทธ์ให้เลี้ยงหรือเปล่า

“อืม ชอบหรือเปล่า?” อนิรุทธ์ถามแล้วยื่นลูกหมาให้เด็กหนุ่ม ศราวินรับมาทันที สีหน้าดีอกดีใจจนอนิรุทธ์ต้องยิ้มตาม

“ชอบสิฮะ! อาจารย์ซื้อมาหรอฮะ?”

“หมอเนมให้มาน่ะ อาจารย์พลก็ได้ไปตัวหนึ่งเหมือนกัน เจ้านี่มีพี่น้องทั้งหมดห้าตัวเลยนะ”

อนิรุทธ์ว่าพลางเปิดประตูท้ายเอาของเจ้าตัวเล็กออกมา ซึ่งมีทั้งเบาะที่นอนและอาหารรวมทั้งของเล่นด้วย ทั้งหมดนี้..นันทิชให้มาพร้อมกับเจ้าลูกหมาตัวน้อยที่กำลังทำหน้าอ้อนใส่ศราวินอยู่

“โอ้โห แล้วแยกมาอยู่ตัวเดียวแบบนี้เหงาหรือเปล่า? ไม่เหงาเนอะ ก็มาอยู่กับพี่ซันนี่นา” ศราวินพูดกับเจ้าตัวเล็กในอ้อมแขนก่อนจะนึกขึ้นได้

“เอาหมามาเลี้ยงแบบนี้ แม่เล็กจะไม่ว่าเอาหรอฮะ?”

“ไม่ว่าหรอก ผมคุยกับแม่เล็กแล้วก่อนที่จะตกลงรับเจ้านี่มา ตอนแรกว่าจะเอามาตั้งแต่เมื่อเดือนที่แล้ว แต่คิดอีกที รอจนกว่าจะได้ทำวัคซีนก่อนดีกว่า ก็เลยเพิ่งจะได้ไปเอามาวันนี้”

อนิรุทธ์จิ้มนิ้วไปที่ปลายจมูกของเจ้าตัวเล็กในอ้อมแขน พอได้ยินว่าได้รับอนุญาตแล้ว ศราวินก็ยิ้มแป้นอย่างชอบใจ อรทิพย์ที่เห็นว่าศราวินเดินออกมาข้างนอกนานแล้วยังไม่กลับเข้าไปก็เดินตามออกมาดู

“อ่อ แม่ก็ว่าทำไมถึงยังไม่เข้าบ้านกัน รับเจ้าตัวเล็กมาแล้วสินะ”

อรทิพย์เดินยิ้มเข้ามาหา เจ้าหมาน้อยแสนรู้ก็หันไปทางเธอและส่ายก้นไปมาทั้งที่ศราวินยังคงอุ้มอยู่

“น่ารักจังเลยค่ะลูก นี่ถ้าธิชากลับมาเห็นก็คงชอบใจเหมือนกันนะ”

พูดไม่ทันขาดคำ รถของอติพัทธ์ก็แล่นเข้ามาจอดหน้าบ้าน และก็เป็นจริงอย่างที่อรทิพย์คาดไว้ เมื่ออธิชาเห็น เธอก็รีบเดินเข้ามาหยอกเล่นกับเจ้าตัวเล็กอย่างชอบใจทันที

อติพัทธ์ที่เดินถือของฝากเข้ามาสมทบมองดูศราวินกับอธิชาเล่นกับลูกหมาตัวน้อย เสียงหัวเราะทั้งสองคนพาให้บรรยากาศสดใสขึ้นมา มันทำให้เขารู้สึกถึงคำว่าครอบครัวได้อย่างสมบูรณ์แบบ และเมื่อมองสบตาอนิรุทธ์ที่ยืนอยู่ใกล้ ก็คิดว่าอนิรุทธ์เองก็กำลังรู้สึกไม่ต่างกัน

จนอดนึกถึงคำที่คนมักจะพูดกันบ่อยๆไม่ได้ว่า..

เมื่อเมฆฝนผ่านไป มักจะมีท้องฟ้าที่สดใสเข้ามาแทนที่เสมอ



 

The End


จบไปแล้วกับเรื่องนี้ ย้ำอีกรอบว่าได้อ่านทุกความคิดเห็นนะคะ ขอบคุณมากจริงๆ
ยังไงก็....ฝากเรื่องอื่นด้วยนะคะ ^^

ออฟไลน์ แก้วเจ้าจอม

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 168
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-0
แฮปปี้เอ็นดิ้ง!! จุดพลุฉลอง :mc4:
จากนี้ไปก็ดูแลกันให้ดีๆเด้อ...

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ BeeRY

  • ❤。◕‿◕。ยิ้มเข้าไว้นะ。◕‿◕。❤
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 9405
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +897/-8
น้ำตาไหลพราก หลังจากหน่วงมาทั้งเรื่อง มีความสุขในตอนจบ ขอบคุณมากๆๆค่ะ :กอด1:
ติดตามผลงานเรื่องต่อไปแน่นอนค่ะ  :กอด1:
อ่อ เหมือนผ่านๆตา ตรงสถานีตำรวจของต่างจังหวัดจะย่อว่า สภ. ค่ะ สน.ใช้แค่ในกรุงเทพฯ ถ้าจำไม่ผิดนะคะ  :o8:

ออฟไลน์ haemin

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 318
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-1
 o13 :mc4: :mc4: :mc4: :mc4: :mc4:  เย้ ดีใจที่น้องซันมีความสุขสักที ปลื้ม ขอบคุณคนแต่งมานะคะ สุดยอดเลยยยย o13

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
ดีใจจัง ในที่สุดก็สมหวัง
ขอบคุณคนเขียนมากค่ะ  :pig4:

ออฟไลน์ ormn

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3925
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +324/-8
    • http:///uc.exteenblog.com/riko-tomo/images/23213506_1208714389_3598161_Okane_ga_Nai_v01_ch01_pg002__Cover.jpg
 :m17: :m17: :m17: :m17:จบแล้ววววว :m17: :m17: :m17: :m17: :m17:

ออฟไลน์ Inwoสูs

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1214
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-5
เย้ จบแล้วววว ในที่สุด ซันก็มีความสุขซะที

ออฟไลน์ ikou

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 96
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
จบสวยงามมากจริงๆ  :katai2-1:

ออฟไลน์ titansyui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2386
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0

ออฟไลน์ Freja

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2394
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-4
ขอบคุณมากค่ะ
อ่านๆมาหนักหน่วงความรู้สึกมาทุกตอน
เพียงแต่ตอนจบที่ไม่หน่วง
มีจึ๋งเดียวอ๊ะ

ขอบคุณมากค่ะ และยินดีด้วยที่นิยายจบเรื่องหนึ่งค่ะ เป็นเรื่องที่น่ายินดีจริงๆ

ออฟไลน์ akiko

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 620
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-2
หลังจากผ่านเรื่องร้ายมา ในที่สุดทุกอย่างก็กลับมามีความสุขอีกครั้ง

 :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:

ออฟไลน์ GBlk

  • ขอให้สรรพสัตว์จงมีความสุข
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1432
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +82/-43
ชีวิตอย่างกะนิยาย

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Cream A

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 102
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-0
มาตามอ่านเรื่องนี้ตั้งแต่ช่วงพีค จนกระทั่งถึงตอนจบ

จะบอกว่าเรื่องนี้เยี่ยมมากเลย สะท้อนสังคม จิตใจมนุษย์

ถ้าเราเป็นศราวิน ยังไงก็ไม่ให้อภัยคนที่ทำกับเราแบบนี้

รับกรรมแค่นี้ยังน้อยไปเลยด้วย แต่ยังไงคุณหมออนิรุทธ์กับศราวินก็ได้รักกัน

อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขซักที  ขอบคุณคนแต่งที่มาลงจนจบค่า  :mew1:

ออฟไลน์ Ice_Iris

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1227
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +74/-0


เป็นอะไรที่ลุ้นมาก

คือแบบว่า.....

แรกๆอาจจะหลอนบ้าง

กลัวว่ามันจะเศร้านะ

แต่ก็อยากรู้ต่อ

ซันเข้มแข็งมาก

อาจารย์หมอก็อบอุ่น

แล้วก็ผ่านทุกเรื่องมากได้

ขอบคุณที่แบ่งปันขอรับ


ออฟไลน์ แพรพลอย

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 61
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
ฟ้าหลังฝนย่อมงดงามเสมอ
ต่อไปก็ขอให้ทั้งคู่รักกันไปตราบนานเท่านาน อย่าได้มีสิ่งไม่ดีอันใดมาแผ้วพาลได้อีก
รักทั้งคู่มากเลยค่ะ
ขอบคุณไรท์สำหรับนิยายดีๆนะคะ  :L2:

ออฟไลน์ MIwEMInE

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 238
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
จบแล้ว
แต่นิยายเรื่องนี้จะอยู่ในความทรงจำตลอดไป
 :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ jing_sng

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 761
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-1
เคยอ่านเรื่องนี้ถึงช่วงพี่พัทเข้าโรงพยาบาลแล้วหยุด....จนมาวันนี้
ซันน่าสงสาร คนที่มันเลวก็เลวเหลือเกิน การถูกข่มขืน
เป็นความเจ็บปวดเกินรับจริงๆ ถึงมีการว่ากระแหนะกระแหนเสมอๆ ว่านางเอกที่โดนพระเอกข่มขืนแล้วรักพระเอก ช่างหลอกหลวงสิ้นดี นี่สิเรื่องจริง จะให้อภัยได้แค่ไหน จะยอมรักษาคนพวกนี้ไหม ในฐานะแพทย์ จรรยาบรรณและศีลธรรมจะข่มความโกรธ เกลียดชัง ได้แค่ไหน

ออฟไลน์ zzom

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 13
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
ชอบเรื่องนี้มากๆ .. อ่านแล้วอิน น้ำตาจะไหล T^T สงสารทั้งคู่มาก โดยเฉพาะซัน

ปล.อยากให้มีตอนพิเศษมากค่ะ o13

ออฟไลน์ whitelavenders

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 198
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
นิยายเรื่องนี้ทำให้เราหวาดกลัวตลอดเวลาเลยค่ะ 5555 กลัวใจคุณนักเขียนมากๆ ยิ่งอ่านยิ่งกังวล  ขนาดเวลาฉากหวานๆเรายังกลัวเลยว่าจะหลอกให้คนอ่านตายใจเปล่านะ? อารมณ์แบบสุขไม่สุด  เราสะเทือนใจกับฉากข่มขืนมากเลยอ่ะ ทั้งจากการถูกรุมโทรม จากพี่ชายที่ไว้ใจ และการถูกกระทำครั้งล่าสุด การที่น้องซันไม่เป็นบ้านี่ถือว่าโชคดีมากเลยนะเพราะโดนกระทำซ้ำๆ(ถึงแม้ว่าครั้งแรกนั้นจะเป็นชาติก่อนก็เถอะ) เราอ่านช่วงโดนรุมโทรมผ่านๆเลยอ่ะ แบบไม่ไหวจริง บรรยายน่ากลัวมาก เราสะอิดเอียน นึกถีงแต่เรื่องของผู้หญิงญี่ปุ่นที่โดนข่มขืนที่คุณนักเขียนทอล์คไว้น่ะค่ะ เราจำชื่อไม่ได้ ส่วนอาจารย์กับหมอซันเนี่ยก็น่ารักพอประมาณค่ะ พอดีสถานการณ์เรื่องไม่ค่อยอำนวยเท่าไหร่ 55555 (เรามันแต่หวาดระแวงด้วยแหละ) แต่ก็ชอบความรักที่ลึกซึ้งแบบจะตายตามกันนะ ฉากที่ชอบที่สุดในเรื่องก็คือฉากที่อาจารย์ชันสูตรศพจนถึงตอนเข้าตู้แช่ด้วยกัน น้ำตาแทบร่วงแน่ะ สงสารมากที่ต้องมาทำแบบนี้ เหมือนอาจารย์แกใจสลายเลยอ่ะ เป็นเราคงทำใจแข็งขนาดนั้นไม่ได้แน่.                                                            ป.ล.จริงๆแอบลุ้นให้คุณวิญญาณตามฆ่าพวกคนร้ายให้หมดเลยหรือไม่ก็ให้น้องซันสติแตกแล้วทำ โดนแค่นี้มันไม่สาสมหรอก พวกนั้นต้องทรมานทั้งร่างกายและจิตใจด้วย แต่คิดไปคิดมาก็เป็นการไปสร้างกรรมเนาะ.        ป.ล.ยังดีที่เรื่องไม่ยาวมาก กลัวซันโดนอะไรอีก(หัวเราะ)

ออฟไลน์ Sohso

  • You are my precious thing And I will always love you.
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1373
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-3
ซีเรียสไปนิดนะเนี่ย แต่ก็สนุกมาก

ออฟไลน์ Youi_chin

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 166
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-2

ออฟไลน์ minahaloha

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 2
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
 :กอด1: o13 ชอบมากกคะ เป็นเรื่องที่ดีมาก

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด