ถึงวา...
วาโย คือสายลมที่อยู่ได้อย่างทรนง โดยไม่ต้องพึ่งพาใคร
เตโช จะลุกโชติช่วงไม่ได้ หากไร้สายลม
เตอยู่ไม่ได้ครับหากไม่มีวา
แต่การมีเตอยู่ก็อาจทำให้สายลมแห่งชีวิตของเตไร้ซึ่งอิสระ
วาคือสิ่งเดียวที่ทำให้เตมีชีวิตอยู่ได้นะครับ
ไม่ว่าตัวเราจะอยู่ไกลกันแค่ไหน
แต่ใจของเตจะอยู่กับวาตลอดไป
รักด้วยชีวิต
เต
.
.
.
.
.
ถึงเต...คนเดียวที่วารักสุดหัวใจ
จริงอยู่ ที่วาโย อยู่ได้ โดยไม่ต้องพึ่งพาใคร
จริงอยู่ ที่เตโช จะลุกโชติช่วงไม่ได้ หากไร้สายลม
แต่สายลมจะมีความหมายได้อย่างไร หากต้องอยู่โดดเดี่ยว เหน็บหนาว
โดยไร้แสงไฟแห่งชีวิตคอยส่องทางให้พัดไป คอยส่องใจให้อบอุ่น
เตคือสิ่งเดียวที่ทำให้วามีชีวิตอยู่ได้นะครับ
ไม่ว่าเตจะอยู่ที่ไหน...
วาจะตามหาเตให้พบ
รักด้วยชีวิต
วา.
.
.
.
.
ขณะที่ไขประตูเข้าห้องและกำลังควานมือไปหาสวิตช์ไฟอยู่นั้นจู่ๆข้อมือของก็โดนคว้าไว้โดยไม่ทันตั้งตัว แม้แต่เสียงอุทานสักแอะก็ไม่สามารถเปล่งออกไปได้เมื่อริมฝีปากร้อนประกบปิดเอาไว้ ตัวทั้งตัวถูกดันเข้าปะทะกับกำแพงห้องทั้งๆอย่างนั้น ร่างโปร่งบางที่เล็กกว่าเขาพอสมควรประกบตามลงมาโดยไม่ให้เวลาได้คิด
“ชี่…อย่าดิ้นสิครับ…เต”
“………!!!!!?????”
เตโชเบิกตาโพลง พลันคว้าไหล่บางของคนที่แนบประกบอยู่พลิกดันกลับเข้ากำแพงแทนตัวเองทันที มีอีกข้างไม่รอช้าควานหาปุ่มสวิตช์ไฟแล้วเปิด
พรึ่บ!
“.......................วา.....!!?...”
“วามารับวาแล้วครับ…เต...”
“.............วา...วาจริงๆเหรอ?”
“คิกๆ....จับดูสิ...”
วาโยอดขำหน้าตาของน้องชายที่รักไม่ได้เลย ทั้งตื่นตระหนก งง ดีใจ ปนกันมั่วไปหมด วาโยใช้สองมืออุ่นของตนประคองมือหนาของคนรักแนบเข้ากับอกของตนโดยไม่รอช้า
“นี่ไงครับ คนดี หัวใจวายังเต้นอยู่ ตัวก็อุ่นๆ วาโย ตัวเป็นๆมารายงานตัวแล้วครับ”
“..........”
“หึหึ ถึงกับอึ้งไปเลยเชียวเหรอ? น่ารักจัง เตโชของวา”
“...............”
“หนีมาอยู่ที่นี่นี่เอง ลาออกจากการเป็นพนักงาน AWC แต่ยังทำงานให้ในฐานะ Outsource สินะ กว่าจะสืบจนเจอตัวได้ใช้เวลาตั้ง 5 เดือนแน่ะ ซ่อนตัวเก่งเป็นบ้าเลยนะเราน่ะ กว่าวาจะวางแผนดอดมาหาเตแบบเนียนๆได้เนี่ย เสียเวลาใช่เล่นเลยรู้หรือเปล่า”
“....สืบเหรอ?...”
“อ้าว พูดคำอื่นนอกจากคำว่า “วา” ได้แล้วเหรอ คิกๆ วามีเพื่อนดีน่ะ “บอส” เป็นคนช่วยติดต่อสืบให้น่ะ”
“บอสเหรอ? หมอนั่น....จริงสิ หมอนั่นเป็นตำรวจนี่นะ แต่ไม่ยักรู้ว่ามีเส้นสายที่อเมริกาด้วย”
“ใหญ่พอตัวเลยล่ะบอสน่ะ”
“.........................”
“.......? ทำไมเงียบไปล่ะ?”
คุยไปได้เพียงไม่กี่คำ เตโชก็เงียบไปอีกแล้ว เล่นเอาวาโยอดสงสัยไม่ได้ ยังตกใจอยู่ เขิน หรืออะไรกันแน่นะ
“ทั้งที่คิดว่าจะไม่ต้องเจอแล้วเชียว...”
“เอ๊ะ?”
“อุตส่าห์หนีมาไกลขนาดนี้แล้วเชียว ทำไมยังดั้นด้นตามมาอีกกันนะ”
“...เต? หมายความว่ายังไงน่ะ?”
“ทั้งที่ตั้งใจว่าจะไม่เจออีกแล้ว ไม่อยากเจอแล้ว วา...มาที่นี่ทำไมอีก...”
ทั้งที่วาโยหอบความรัก ห่วงหาอาธรณ์ ทั้งอยากเจอ อยากกอด คนตรงหน้ามาจากเมืองไทยมากมายขนาดนี้ แต่เตโชกลับบอกว่าไม่อยากเจอ ปฏิเสธความตั้งใจที่เขาอุตส่าห์มอบให้ เล่นเอาวาโยเบลอไปทั้งหัว ใหหูอื้ออึง เสียงเดียวที่ได้ยินคืออะไรบางอย่างในจิตใต้สำนึกขาดสะบั้นลง
พลั่ก
“..!!!?”
ไม่ทันได้ตั้งตัว เตโชก็ถูกคนตัวเล็กกว่าผลักลงไปนองกองอยู่บนพื้นโดยมีร่างของวาโยนั่งคร่อมอยู่ตรงช่วงเอว แม้ร่างกายของเตโชจะใหญ่โตกว่า และแน่นอนว่าสามารถผลักคนตัวเล็กออกจากตัวได้สบายๆ แต่เตโชก็ไม่ได้ทำ
“วาไม่สนหรอกนะ ว่าเตจะอยากเจอ หรือไม่อยากเจอวาน่ะ”
“เพราะตอนนี้...วาจับเตได้แล้ว...เตเป็นของวาแล้ว!!”
ปึ่ด
พูดจบ วาโยก็ทึ้งเสื้อเชิ๊ตเนื้อบางของน้องชายออกจากร่างหนานั่น เสียงกระดุมขาดหลุด ดังบาดหู เตโชเองก็ทำได้แค่มองการกระทำนั้นโดยไม่ขยับเขยื้อน ดวงตาดำขลับที่สบมา ไม่อาจหยั่งรู้อารมณ์ได้ ว่าเตโชกำลังคิดอะไรอยู่ และต่อให้จะต้องถูกผลักออก จะต้องถูกไล่ วาโยก็จะไม่หยุดอีกต่อไป วาโยเร่งร้อนปลดเปลื้องอาภรณ์ของน้องชายออกจากร่างกำยำนั้น จนไม่เหลือแม้แต่ชิ้นเดียว
“อื้อ....”
เมื่อปลอเปลื้องพันธนาการบนร่างน้องชายเสร็จ วาโยก็ไม่ปล่อยให้อีกฝ่ายได้ตั้งตัวนาน ชายหนุ่มลากลิ้นไล้ร่างแกร่งที่ไม่ได้เจอกันร่วมปี อย่างเร่าร้อนด้วยแรงปรารถนาทันที
“อึก!!”
เสียงเตโชถอนใจหนักหน่วงเมื่อวาโยลากลิ้นลงถึงแอ่งสะดือ และสุดท้ายก็ครอบครองความแข็งขืนของน้องชายที่เตรียมพร้อมมาได้เกือบครึ่งทางทันที และเพียงไม่กี่อึดใจสิ่งนั้นก็ขยายตัวเต็มที่ ภายใต้การควบคุมของวาโยสิ้น
“หึหึ ไหนว่าไม่อยากเจอไงล่ะ แล้วนี่มันอะไรกัน หือ? เต...ร่างกายนายซื่อสัตย์กับฉันดีจริงๆนะ....อา ไม่ไหวแล้วล่ะ...”
วาโยเอ่ย พร้อมยืดตัวขึ้นถอดเสื้อและกางเกงของตัวเองออก ก่อนคลานเข้าไปหาความตื่นตัวของเตโชอีกครั้ง โดยไม่สนใจว่าตอนนี้เตโชจะมองตนในลักษณะไหน และนั่นทำให้เขาไม่เห็นว่า ในดวงตานั้น ทอประกายเช่นไร
วาโยเลียนิ้วชี้และนิ้วกลางของตัวเองจนเปียกชุ่ม จากนั้นเขาก็กระทำสิ่งที่ไม่คิดมาก่อนว่าจะทำนั่นคือ การเตียมพร้อมช่องทางรักของตนเอง
“อื้อ...อ๊ะ...”
“.................”
“อ๊ะ...อื้อ...เต....”
เตโชยังคงนอนมองพี่ชายที่กำลังเตรียมพร้อมร่างกายของตนและเปล่งเสียงเรียกชื่อเขาอย่างเร่าร้อนอยู่อย่างนั้นเงียบๆ จนในที่สุด
“อ๊า~ เตโช อ๊ะ อื้อ อื้อ...”
ในที่สุดร่างกายของเขาก็พร้อมจะรับความใหญ่โตของน้องชายแล้ววาโยคุกเข่าลงคร่อมตัวเตโชไว้ แล้วค่อยๆจับท่อนลำแกร่งของเตโชบรรจงจรดที่ปากทางเข้า แล้วหย่อนตัวลงทาบทับความร้อนจนแทบละลายนั่นช้าๆ
“อ๊ะ....โอ้ย...อือ....”
แต่แม้ว่าจะเตรียมพร้อมมากแค่ไหน มันก็ยังไม่พอสำหรับความใหญ่โตนี้อยู่ดี แถมยังร้างเริ่ดไปเป็นปี ส่วนเร้นลับของวาโยจึงคับแคบขึ้นเป็นธรรมดา ดังนั้นแค่ส่วนหัวกลมมนที่ผ่านเข้าไปได้ก็เล่นเอาปากทางรักของเขาขยายจนสุดเสียแล้ว เหลือความใหญ่โตอีกเกินครึ่ง ช่างลำบากเหลือเกิน ชายหนุ่มกัดฟันเปลี่ยนท่าเป็นนั่งยองๆทั้งที่ยังมีส่วนหัวของสิ่งนั้นคาอยู่
“อ๊า~ โอ้ยยย....อื้อ...”
“เฮ้ย!! วา!!”
เพราะวาโยฝืนกดกายลงรวดเดียวสุด ทำให้ช่องทางที่ยังไม่คุ้นชินดีถึงกับเจ็บแปลบ โชคยังดีที่ไม่ฉีกขาดจนได้เลือดไปเสียก่อน ความระห่ำที่ไม่คาดคิดของพี่ชายทำให้เตโชตกใจไม่น้อย ช่องทางคับแน่นที่รูดรัดลงมาจนสุดในคราเดียวนั้น ตอดรัดต่อต้านเขาไม่หยุด ความเสียดเสียวทบเท่าทวีคูณ
กึก กึก
“อ๊ะ อื้อ....อ๊า...”
กึก กึก กึก...
“อ๊ะ อ๊ะ อื้อ...อ๊ะ เต...เต...”
พอร่างกายเริ่มคุ้นชินความเสียวซ่านจากความคับแน่นก็เข้ามาแทนที่ วาโยจึงเริ่มขยับบั้นท้ายขึ้นลง จากช้าๆ ก็เริ่มถี่ขึ้น วาโยเพิ่งประจักษ์เดี๋ยวนี้เองว่า การคุมเกม ก็สนุกไม่น้อยเหมือนกัน
เตโชเองถึงในทีแรกจะยังสงวนท่าทีเย็นชา แต่พอโดนร่างคนรักยั่วยวนถึงขนาดนี้ เขาก็เริ่มหมดความอดทนที่จะเล่นตัวอีกต่อไปแล้ว
ร่างบางที่ขย่มอยู่เหนือร่างเขานั้น อยู่ในท่าที่ชันเข่าทั้งสองขึ้น ส่วนลำตัวแอ่นไปด้านหลังเพื่อค้ำมือไว้กับหน้าขาของเขา ทำให้ความปรารถนาที่ตั้งชันของพี่ชายขยับไหวกลางอากาศอย่างอิสระ เย้ายวน จนเตโชไม่เหลือน้ำอดน้ำทนอีกต่อไป
หมับ
“อ๊า~”
“อึก...วา...วาผิดเองนะ ที่ยั่วเต....อื้อ...”
“อ๊ะ!? เหวอ เต!?”
วาโยร้องเสียงหลงเมื่อจู่ๆทั้งร่างก็ถูกร่างใหญ่กำยำของน้องชายจับอุ้มเขาขึ้นดันเข้ากับกำแพง สองขาเรียวถูกจับให้โอบรัดไว้ข้างเอวสอบ ถูกจัดท่าให้มีเซ็กส์ในท่าทางที่น่าอาย แต่ตอนนี้วาโยไม่ได้อยู่ในอารมณ์ที่จะต้องเคอะเขิน ถึงขั้นนี้แล้ว เขาไม่จำเป็นต้องเหนียมอายอีก
พั่บๆๆๆๆๆๆ
“อ๊ะ อ๊ะๆๆๆ อ๊า เต เต มะ...อื้อ....!!”
ถูกสอดแทรกกระแทกกระทั้นจากด้านล่างจนตัวสั่นตัวคลอน วาโยใช้สองแขนโอบรอบคอน้องชายแน่น สองขาเองก็เกี่ยวเอวไว้ไม่ยอมปล่อย รู้สึกยินดีจนน้ำตาไหลที่ในที่สุดก็ได้รับการตอบสนอง ความรักที่เพียรส่งไปสุดท้ายก็ถึงผู้รับเสียที
“อ๊ะ วา อึก!”
“อ๊ะ อ๊ะ อ๊ะ เต!! อื้ออออ!!!!”
ความสุขสมสาดซัดเข้ากับสองร่างอย่างไม่ปราณี แก่นกายของเตโชพองขยายจนถึงที่สุด ชายหนุ่มองมือของชายหนุ่มบีบขยำสะโพกของพี่ชายอย่างตะกรุมตะกรามสอดใส่กายแกร่งรัวเร็วราวกับคุ้มคลั่ง ยังความซ่านเสียวให้วาโยจนแทบสำลัก ในจังหวะที่รู้ตัวว่ากำลังจะถึงปลายทางแฝดพี่รีบตระกองใบหน้าน้องชายขึ้นพาประทับจูบดูดดื่ม ก่อนจะประทุถึงจุดหมายอย่างรุนแรงจนทั้งร่างแอ่นโค้งราวกับคันธนู ทางด้านเตโชเองก็ทานทนไม่ไหวแล้วเช่นกัน ชายหนุ่มปลดปล่อยทุกหยาดหยดเข้าสู่ส่วนลึกของพี่ชายอย่างแรง หัวใจเต้นระรัว ดวงตาพร่าพราย ร่างกายหอบสะท้าน อิ่มเอมไปกับจุดสุดยอดที่ไม่ได้สัมผัสมาปีเต็ม
“ดุเดือดเกินไปแล้วนะ วา…”
“นั่นสิ…หยั่งกะจะยายให้ได้เลยแน่ะ…”
หลังจากแรงสะท้านเริ่มน้อยลง ทั้งสองจึงได้เปิดปากคุยกันอีกครั้ง ทั้งที่ยังคงอยู่ในท่าเดิม เอ็นเนื้อที่เพิ่งผ่านการปลดปล่อยสดๆร้อนๆของเตโชยังคงสอดลึกอยู่ในร่างของวาโย ราวกับยังไม่ได้ลดความแข็งเกร็งลงเลยแม้แต่น้อย
“ตายเหรอ? เหมือนกับ…ได้ขึ้นสวรรค์เลยอย่างนั้นสินะ ใช่มั้ย?”
เตโชกระเซ้าพี่ชาย ก่อนบดจูบดูดดื่มลงบนริมฝีปากที่เขาฝันหาคืนแล้วคืนเล่า
“อื้อ….อา…”
“ไปที่เตียงกันนะ?”
“อืม”
เตโชอุ้มวาโยไปที่เตียงโดยที่ยังไม่ได้เปลี่ยนท่าทาง เขาประคองร่างพี่ชายลงบนที่นอนนุ่มทั้งที่ยังมีส่วนหนึ่งเชื่อมโยงกันอยู่ วาโยมองหน้าน้องชายด้วยสายตาปรือปรอย เสน่หา สองมือโอบประคองใบหน้าหล่อเหลานั้นไว้ไม่ให้เบือนหน้าหนีหายอีก สบตาคมคู่นั้นตรงๆ ก่อนเอื้อนเอ่ยคำถามที่คั่งค้างอยู่ในใจมาตลอดหนึ่งปี
“ทำไมครับเต ทำไมถึงทิ้งวา ทำไมต้องหนีจากวากันครับคนดี?”
“…………….”
“วาเจ็บปวดมากเลยนะ เตรู้บ้างหรือเปล่า?”
แทนคำตอบมากมายเตโชจับมือข้างหนึ่งของพี่ชายที่แนบอยู่ข้างแก้มตนขึ้นมาประทับรอยจูบแผ่วเบาอย่างสุดหวงแหน ก่อนจะเอ่ยคำสารภาพแสนเจ็บปวด
“เต…กลัว…เตขอโทษ…”
“กลัวอะไรกันเต? เตกลัวอะไร?”
“เตรักวานะ รักจนอยากจะเก็บไว้คนเดียวในห้อง ไม่ให้ใครมาพบมาเจอ เป็นสมบัติล้ำค่าของเตคนเดียว แต่เตรู้ว่ามันไม่มีทางเป็นไปได้ หึหึ น่าตลกเนอะ เตรู้สึกว่าความรักของเตมันหนักเกินไป จนกลัวว่า วาจะรับไม่ไหว แล้วเกลียดเตในที่สุด เตกลัว กลัวจะเผลอทำร้ายวาอีก เตเกลียดตัวเอง เต….”
“ไม่นะ วาไม่มีวันเกลียดเตเด็ดขาด วาก็รักเต หวงเต อยากเก็บเอาไว้คนเดียวเหมือนกัน ถ้าความรักแบบนี้มันหนักหนา งั้นก็แสดงว่าเตจะต้องเกลียดวาด้วยงั้นสิ…”
“ไม่! เตไม่มีวันเกลียดวาไปได้หรอก วาเป็นชีวิตของเตเลยนะ”
“ถ้ารัก งั้นก็อย่าหนีสิ ถ้ารักวาก็อยู่กับวาสิ!!”
“…………..แต่…”
ครานี้วาโยสูดลมหายใจเข้าลึก สองมือที่เคยตระกองใบหน้าอีกฝ่ายอย่างอ่อนโยนอยู่เมื่อครู่ ตอนนี้เปลี่ยนดึงทึ้งเส้นผมของอีกฝ่าย เรียกได้ว่า จิกแน่น ก่อนจะเอ่ยคำสั่งที่อีกฝ่ายไม่อาจปฏิเสธ
“เตเป็นของวา...ตั้งแต่แรกเริ่ม เตเป็นส่วนหนึ่งของร่างกายวา ...
จนถึงตอนนี้เตก็คือของของวา...
ดวงตา...ริมฝีปาก...เส้นผม ตลอดจนปลายเล็บ...
ร่างกายของเตทั้งหมดเป็นของวา
หัวใจของเตก็ต้องเป็นของวา
แม้เตจะพยายาม “หนี” วาไปจนสุดหล้า
วาก็จะหาเตพบ...อย่าลืมสิ “แฝด” ไม่เคยตัดขาดกันได้ สายใยในตัวของเต จะเป็นฝ่ายเพรียกหาวา และนำทางวาไปจนเจอ!”
“จำไว้!! ห้ามหนีไปไหนอีก หากยังกล้าคาวหน้า วาจะขังเตไว้ในบ้าน ล่ามโซ่ตรวนไว้ไม่ให้ได้พบเจอใครอีกเลยทีเดียว!!”
วาโยเอ่ยกฎเหล็กด้วยเสียงกระด้าง หากแต่สั่นเครือเล็กน้อย ดวงตาที่ฉายประกายกร้าว หากแต่คลอรื้นไปด้วยหยาดน้ำ ไม่ได้ดูน่ากลัวเลยสักนิด หากแต่น่าเอ็นดูจนแทบทนไม่ไหว จนเตโชต้องซุกหน้าลงบนไหล่บาง ก่อนตอบรับออกไปด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือไม่แพ้กัน
“เราทำบาปมาด้วยกันตั้งขนาดนี้แล้ว อย่าทิ้งกันง่ายๆสิเต ใจคอจะทิ้งวาให้ตกนรกคนเดียวรึไง?”
“ใครจะทิ้งลงกัน จะสวรรค์หรือนรกเตก็จะอยู่กับวาตลอดไปครับ เต…สาบาน”
ชายหนุ่มเอ่ยคำมั่นทั้งน้ำตาต่อหน้าพี่ชาย ก่อนก้มลงมอบจุมพิตแสนหวาน แทนคำว่ารักสุดชีวิต
“อื้อ…อ๊ะ…”
ร่างใหญ่ที่ยังคงสอดแทรกอยู่ในร่างพี่ชายเริ่มขยับกายอีกครั้ง จากช้าๆแล้วค่อยๆเพิ่มความรุนแรงขึ้น ทุกครั้งที่กระทั้นกาย ก็สามารถเรียกเสียงครางหวานแทบขาดใจจากพี่ชายได้ทุกครั้ง
สองพี่น้องดื่มด่ำในรสชาติอันซาบซ่านของความรักที่ไม่มีวันจบสิ้น หลุมลวงแห่งบาปหอมหวานและลึกล้ำ ใครก็ตามที่เผลอตกลงไปก็ยากที่จะหลุดพ้น ไม่ว่าจะหนีไปที่ไหน บาปอันแสนหวานก็จะติดตามพันตูไม่เลิก จนทั้งร่างติดตรึงไร้ทางหลบเลี่ยง
เกลียวบาป ที่หอมหวานที่สุดในโลก…
.
.
.
.
.
เตครับ…วามารับเตกลับบ้านครับ…บ้านของเรา…………………………………………………………………………………………………………..END.ขอโทษขอโพย ขออภัยเป็นอย่างสูงนะคะที่หายหัวไปนานมาก (สองเดือนฝ่าๆ)
อย่าว่าแต่นิยายเลยค่ะ เล้าก็ไม่ได้เข้า รู้สึกผิดมากมาย
จึงเข้ามาขอโทษโดยการโขกศรีษะเหมือนชาวแมนจู (โป๊ก!!) อิอิ
เอาเป็นว่าในที่สุด เกลียวบาป ก็จบลงด้วยดี อิอิ เข้าใจกันได้เสียทีก็สาธุแล้วจ้า

เดี๋ยวมีแถมอีกตอนจ๊ะ เป็นตอนแถมท้าย +สรุปเรื่องไปในตัว มาแบบเบาๆบ้างหนักๆบ้าง
ไว้เราค่อยกล่าวลากันอย่างจริงจังในตอนหน้าก็แล้วกันเนอะ
ขอบคุณที่มอบความรักให้เตและวามาเสมอนะคะ
ขอบคุณสุดหัวใจค่ะ
THEARBOO
