♥~ รักกุบกิบ~ ♥ UPDATE!!! มีข่าวประกาศและแบบสอบถามค่า [06/01/15]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ♥~ รักกุบกิบ~ ♥ UPDATE!!! มีข่าวประกาศและแบบสอบถามค่า [06/01/15]  (อ่าน 84480 ครั้ง)

ออฟไลน์ toshika

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 819
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +38/-4
เกลียกอิอันนนนนนน

ไม่ต้องกลับมาหาแว่นแฮมเลยนะเฟ้ยยยยยยยยยยยย :katai1: :katai1: :katai1:

ออฟไลน์ kagehana

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 186
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-1


-10-










 

 



"เดี๋ยวจะกินข้าวเย็นด้วยกันก่อนหรือเปล่า....หรือจะค้างเลย" คิรากรเอ่ยถามขึ้นเมื่อก้าวเดินเข้าประตูล็อบบี้ของคอนโด (หรือหอพักที่เจ้าตัวยืนยัน) มา ชายหนุ่มก้มลงหาคีย์การ์ดในกระเป๋าโดยที่ยังไม่หยุดพูด "ถ้าค้างเดี๋ยวพี่ทำสตูว์เนื้อให้กิน"



"เดี๋ยวกินข้าวแต่คงไม่ค้าง....ไปเข้าค่ายหลายวันแล้ว แม่ไม่เห็นหน้า....เดี๋ยวจะห่วง" จิณณ์พูดเบาๆเมื่อนึกถึงมารดาที่เพิ่งโทรศัพท์มาหาก่อนที่รถบัสที่กลับจากค่ายเลี้ยวเข้ามหาวิทยาลัย "ท้องอยู่ เดี๋ยวเครียด เดี๋ยวกินมาม่าอะไรในห้องพี่คีย์ก็ได้"



"คีย์" เสียงทุ้มต่ำดังจากบริเวณโซฟา ก่อนที่เจ้าของเสียงจะลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ชายหนุ่มร่างสูงในชุดสูทเดินเข้ามาที่คนทั้งคู่



"คีย์....คิดถึงนะ” น้ำเสียงที่แสดงความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของเอ่ยถาม



แต่เจ้าของชื่อนั้นดูเหมือนจะตกใจจนไม่แม้แต่จะกระพริบตาด้วยซ้ำ ใบหน้าดูซีดลงแทบจะทันที



อนลก้าวมาประชิดตัวคิรากร เขาเหลือบมองจิณณ์ที่ยืนอยู่ใกล้ๆด้วยสายตาประเมินในที เพื่อนงั้นหรือ....แต่ท่าทางไอ้เด็กนี่ดูแปลกกว่านั้น



"ขอคุยหน่อยได้ไหม...แค่สองคน"



"...สองคน...อะไร...ถ้าจะคุย...ก็คุยตรงนี้..." คิรากรพยายามที่จะไม่สบตาอีกฝ่ายตรงๆทั้งที่ในใจนั้นหวั่นไหวไปมากกับแค่เดินเข้ามาหาใกล้ๆ



"พี่คีย์..."



"เดี๋ยวผมถือของให้ ขอบใจมากนะน้องที่มาส่ง" อนลตบบ่าจิณณ์แล้วฉวยกระเป๋าที่เป็นของคิรากร "นะคีย์....ขอคุยหน่อย"



"ไม่เอา..." เพราะรู้ดีว่าหากอยู่กันแค่สองคน เขาก็อาจจะใจอ่อนอีกก็ได้ "จิน อย่าเพิ่งไป..."



เจ้าของชื่อมองคนทั้งคู่...และรู้ว่าตัวเองอยู่แค่ในฐานะอะไร จิณณ์มองตาคิรากรที่ฉายแววลังเล หลบตาคนรักเก่าที่เพิ่งมาหาจากอเมริกา และแม้ว่าจะบอกว่าอย่าเพิ่งไป...แต่จิณณ์ก็รู้ ว่าพี่คีย์ของเขาจะเลือกอะไร



"พี่...คุยกับเขาเถอะ ผม...ไม่เป็นไร เดี๋ยวกลับบ้านก็ได้"



คิรากรเม้มริมฝีปากแน่น ลึกๆในใจเขารู้ดีว่ามันจะต้องจบลงในรูปแบบไหน อนลตามมาหาถึงที่นี่ไม่ได้อยู่ในสิ่งที่คาดเดาเอาไว้



"...งั้น พรุ่งนี้...เจอกันนะ..."



"อืม...ถ้าได้เจอกันก็ดี มีเรียนเช้านะ...อย่าตื่นสายนะพี่คีย์" จิณณ์ยื่นกระเป๋าให้อนล...น้ำหนักของในมือที่หายไป เหมือนกับการที่ต้องปล่อยมือจากคิรากร



...ผมชอบพี่...



แต่คงไม่มีทางได้บอกอีกแล้ว



เพราะตาของพี่....ไม่ได้มองที่ผม



จิณณ์ยิ้มให้กับคิรากรแล้วหันหลังเดินออกไปด้านนอกล็อบบี้ ความวูบไหวในอก...มีเพียงเจ้าตัวเท่านั้นที่รู้ว่ามันทรมานแค่ไหน



จิณณ์เดินออกมานอกตัวอาคารที่เขาเคยได้ฝากตัวเป็นที่นอน ที่กิน ที่เล่นกับคิรากร เขารู้ดีว่าความเจ็บปวดนี้ไม่ได้มาจากความเหนื่อย หรือร่างกายที่อ่อนล้า



หากแต่...เป็นหัวใจที่อ่อนแรง



นัยน์ตาสีเข้มมองกลับมาที่ตรงประตูกระจกใส เขาเห็นพี่คีย์...กับคนรักที่ยังลืมไม่ลง จิณณ์รู้ตัวดีว่าแวบแรกที่เขาเห็นคนที่ชื่ออัน...ก็พ่ายแพ้โดยที่ยังไม่ได้แม้แต่จะบอกว่าชอบ



เจ็บชะมัด...


มือที่กำหมัดแน่นสั่นไหวช้าๆ...จิณณ์ไม่ได้ร้องไห้ แต่หัวใจแห้งผากเหลือเกิน



ก็พี่ยังรักเขาอยู่นี่นา....









"...อัน...มาทำไม..." เขามองหน้าคนที่ไม่ได้เจอกันนาน ถามด้วยเสียงที่ไม่มั่นคงนัก



อนลยิ้มจางๆในขณะที่เอื้อมมือมากุมไว้ "ผมมารับคีย์กลับบ้านเรา"



"...ไม่...กลับ....." เขาพยายามที่จะดึงมือคืน "คีย์บอกแล้ว...ไง....ว่าถ้าไม่หย่า.....ก็ไม่"



"หย่าแล้ว...." อนลพูด...ถ้าหากว่านับว่าการที่เขาไม่ได้อยู่กับเมลินดา ไม่ได้มีสัมพันธ์กัน...และไม่สนใจว่าต่างฝ่ายต่างมีอีกคน ว่าเป็นการหย่าโดยพฤตินัย



แค่เอกสารใบเดียว...อนลไม่ใช่ว่าไม่เห็นความสำคัญ แต่ถ้านับในแง่ของผลกระทบระหว่างธุรกิจที่ตามมากับความสัมพันธ์ระหว่างสองครอบครัวที่ต้องสะบั้นตัดตายด้วยการหย่า เขากับเมลินดาก็คิดว่ามันไม่จำเป็นสักนิด



-แฟร์ๆไง คุณจะทำอะไรก็ทำ ฉันก็มีชีวิตของฉัน ไม่ต้องหย่าแต่ไม่ต้องอยู่ด้วยกัน-



"กลับไปกับอันนะคีย์" อนลรวบร่างบอบบางเข้ามากอด "อันรักคีย์...ขาดคีย์ไม่ได้จริงๆ"



คราวนี้ความรู้สึกที่อัดอั้นไว้มาตลอดก็ปล่อยออกมากับน้ำตามากมาย "หย่า...แล้วจริงๆเหรอ"



"อันรักคีย์นะ" ชายหนุ่มไม่ได้ตอบคำถาม....แต่บอกรักย้ำลงไปให้คิรากรรู้สึกถึงความหมายในน้ำเสียง "คีย์ล่ะ...ยังเหมือนเดิมไหม"



"....." คนในอ้อมกอดเงยหน้าขึ้นมอง ความรู้สึกรักที่มีให้อนลนั้น แม้จะยังอยู่แต่ก็จางลงถ้าเทียบกับตอนแรกที่หนีมา ทั้งๆที่รู้ว่าหนีมาก็ไม่มีประโยชน์ แต่ก็ไม่คิดว่าอนลจะยอมหย่ากับเมย์ลินดาแล้วมาตามเขาถึงที่นี่



"...ไม่รู้สิ...คีย์...ตอนนี้...หัวมันตื้อไปหมด....."



"ขอโอกาสอีกครั้งนะคีย์" นัยน์ตาสีสวยของหนุ่มนักธุรกิจลูกครึ่งจับจ้องบนใบหน้าคนรัก "เด็กที่มาส่งนั่น....คงไม่ใช่ปัญหาของเราใช่ไหม"



"ปัญหาของเราคืออันที่ไม่ยอมหย่าตอนแรกต่างหาก...ไม่ใช่จิน...."



"ขอโทษ" คำพูดแผ่วๆหลุดออกมาก่อนที่อนลจะรั้งเข้ามากอดแน่นขึ้น คีย์เป็นของเขา...และจะเป็นคนของเขาตลอดไป "ผมกลัวคีย์จะเลิกรักผม...."



".....แล้ว...อัน...ไม่โดนพ่อว่าเหรอ" คิรากรเงยหน้าขึ้นมองอีกฝ่ายอย่างเป็นกังวล เพราะรู้ดีว่าถึงจะหย่า พ่อของอนลคงไม่ยินดีด้วยนัก



"ช่างเรื่องนั้นเถอะ" อนลเลี่ยงคำตอบด้วยรอยยิ้ม "ไหน..ขอขึ้นไปดูห้องคีย์หน่อยได้ไหม"



"...มาสิ...แล้วอันจะมาอยู่กี่วัน..." เขาจับมือของร่างสูงเอาไว้ขณะที่เดินนำเข้าไปด้านใน



"ผมไม่ได้มาอยู่...แต่จะมาพาคีย์กลับบ้านของเรา"



"เดี๋ยวสิ แต่ว่า ผมยังเรียนไม่จบเลยนะ..." คิรากรที่กดลิฟท์ไปแล้วหันมามองอีกฝ่ายพร้อมทั้งร้องท้วง



อนลจับแขนคนรักแล้วก้าวเข้าไปในลิฟท์ ทันทีที่ประตูปิดลง...ริมฝีปากร้อนแรงก็ทาบทับลงบนกลีบปากบางที่แสนคิดถึง เขากระซิบเสียงพร่าติดริมฝีปากที่เผยอขึ้นช่วงชิงลมหายใจ "ผมรอคีย์ไม่ไหว...คิดถึงจะตายอยู่แล้ว"



ทั้งที่คิดถึงสัมผัสจากอีกคนมากมาย แต่หัวใจที่มีบาดแผลกลับสั่งให้มือสองข้างยกขึ้นดันอกอีกฝ่ายเอาไว้ "......จะให้ผมกลับไปด้วย...เมื่อไหร่"



"พรุ่งนี้.......ได้ไหม..."



"เร็วไปหรือเปล่า อัน...ผม.....ทำไมต้องรีบขนาดนี้..." ดีใจที่อีกฝ่ายอยากให้กลับไปด้วยกัน แต่ความรู้สึกบางอย่างในใจก็รั้งไว้ให้ต้องพูดท้วง



อนลซุกหน้าลงกับเส้นผมคนรัก เขาอยากจะจับมือที่ผลักไสขึ้นมารวบไว้แล้วทำให้อีกฝ่ายอ่อนปวกเปียก...เป็นคิรากรคนเดิมที่เป็นของเขาเพียงคนเดียว



ไม่ใช่คนที่เดินหัวเราะมากับเด็กเมื่อวานซืนที่ไหนไม่รู้!



"คีย์จะอยู่ลาใครหรือไง....หรือว่าไอ้เด็กนั่น..."



"แล้วไม่ได้เหรอ จินเป็นบัดดี้ผมที่มหาลัย ถ้าอยู่ๆผมหายไปกลางเทอมทั้งๆที่จะหมดเทอมแล้ว เดี๋ยวก็เป็นปัญหา..." ประตูลิฟท์เปิดออกให้คนทั้งสองได้เดินออกมา "ผมไม่อยากสร้างปัญหาให้ใคร..."



"ถึงอันจะขอร้องก็ตามน่ะเหรอ"



"อันกำลังจะขอให้ผมเรียนไม่จบนะ" คิรากรเปิดประตูห้องออก ให้ร่างสูงเดินเข้าไปก่อนที่จะหันมาปิดประตู



อนลเดินเข้าสำรวจในห้องและเห็นอะไรหลายๆอย่างที่บ่งบอกว่าคิรากรอาจจะไม่ได้ใช้ชีวิตอยู่คนเดียวอย่างที่คิด เจ้าตัวที่ถ้าอยู่คนเดียวจะใช้ชีวิตแบบอะไรก็ได้ไปวันๆมาตั้งแต่เมื่อก่อน ถ้าอยู่คนเดียวจริงห้องคงไม่ได้อยู่ในสภาพเรียบร้อยขนาดนี้ คนรักของเขาเป็นประเภทชอบดูแลแต่คนอื่นที่ไม่ใช่ตัวเอง...นอกจากนี้ เสื้อผ้าที่ตากไว้ตรงระเบียงยังมีบางส่วนที่ไซส์ต่างออกไป



ไม่อยากจะคิด....ว่าจะมีใครใหม่



เพราะหากเป็นอย่างนั้น...คงทำใจไม่ไหว



"คีย์...อันขอนะ...กลับให้เร็วที่สุด อันยอมทำทุกอย่างเพื่อคีย์จริงๆ ขอแค่ให้เรากลับไปอยู่ด้วยกันเหมือนเดิม...."อนลถ่ายทอดความรู้สึกผ่านคำพูดและแววตาเพื่อจะรั้งคิรากรเอาไว้เป็นของตนเองเพียงคนเดียว "...คีย์ยังรักผมอยู่ใช่ไหม"



"...รัก...รักสิ" คำที่ตามมาเป็นเหมือนเครื่องตอกย้ำตัวเองถึงความรู้สึกที่มีให้อีกคนด้วย...ราวกับไม่มั่นใจ



"ผมเชื่อ...ไม่ต้องพูดแล้ว" อนลจูบบนหน้าผากมา...เพื่อให้คิรากรไม่สามารถพูดคำว่ารักที่แสนจะไม่มั่นคงออกมาอีก ชั่วระยะเวลาเพียงไม่นาน...ถึงคนรักของเขาอาจจะหวั่นไหวไปกับคนอื่นๆที่พยายามจะเข้ามา แต่อนลก็แน่ใจว่าความผูกพันตอนอยู่ด้วยกันยังคงชนะอยู่



ชนะ...ในตอนนี้ หากสิ่งที่มาใหม่จะไม่มีโอกาสได้สานสัมพันธ์ต่อ



...ตัดไฟเสียแต่ต้นลมดีที่สุด....




"คิดถึงคีย์ที่สุด อยู่ที่นี่ไม่สบายใช่ไหม ดูซูบลง..."



"ดูซูบลงเหรอ ผมว่า ก็ปกตินะ" คิรากรรู้สึกใจชื้นขึ้นมาเล็กน้อยเมื่ออีกฝ่ายแสดงท่าทีเป็นห่วงออกมา



"กินน้อยล่ะสิ ไม่มีคนดูแลทีไรเป็นอย่างงี้ทุกที" อนลพูดยิ้มๆต่างกับท่าทางที่คนนอกไม่เคยได้เห็น



ตัวเขา...ในบทบาทนักธุรกิจในอเมริกา เป็นเหมือนเสือเขี้ยวแหลมคนที่พร้อมจะขย้ำศัตรูที่คิดขวางทาง นอกจากครอบครัว จะมีก็แต่คิรากร...ที่เขาเปิดเผยด้านที่อ่อนโยนออกมา



"ก็ อยู่ที่นี่ไม่สะดวกเหมือนที่นู่นนี่นา" ร่างบางค่อยเอื้อมมือเข้าไปโอบเอวอีกฝ่ายเอาไว้หลวมๆ "แต่ต้องกลับเลยจริงๆเหรอ"



"ไม่ได้เหรอ..." คนมารับพูดเสียงอ่อน



พออนลมีท่าทีอ่อนลงแบบนี้ ตัวเองก็ใจอ่อนเข้า ริมฝีปากบางเม้มเข้าหากันในยามที่คิดถึงคนอีกคนที่คอยอยู่ข้างๆตลอดเวลา คิรากรคิดเพียงว่า อีกฝ่ายจะโกรธไหม จะตกใจไหม หรือจะเหงาไหมที่เขาไปแล้ว



"ถ้าอย่างนั้น ให้ผมเก็บของก่อนก็แล้วกัน...อันไปอาบน้ำก่อนก็ได้"



อนลพยักหน้ารับพร้อมรอยยิ้มจางๆ เขาไม่ได้ทำอะไรมากไปกว่าทำตามที่คนรักบอกให้ทำ



เอาเถอะ....อย่างน้อยที่สุด คนที่ถูกเลือกตอนนี้ก็คือผม



คิรากรมองจนร่างสูงลับสายตาเข้าไปในห้องน้ำ พอได้ยินเสียงน้ำไหล เขาก็รีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วกดโทรออกทันที



...รับสิจิน...



-คุณได้เข้าสู่ระบบฝากข้อความของหมายเลข...-



คนที่ถือโทรศัพท์อยู่รู้สึกถึงหัวใจที่เหมือนกับถูกบีบ ไม่อยากจะคิดว่าคำสุดท้ายที่ได้คุยกันไม่ใช่คำบอกลา คิรากรเม้มริมฝีปากเข้าหากันอีกครั้งเมื่อเสียงสัญญาณฝากข้อความดังขึ้น



"จิน นี่พี่เองนะ..."





















"แม่....." จิณณ์พูดเสียงเบาเมื่อเปิดประตูเข้ามาในบ้าน และเห็นผู้หญิงวัยกลางคนในชุดคลุมท้องนอนฟุบหลับอยู่บนโต๊ะกินข้าว ชายหนุ่มรีบถลาลงมาใกล้และเอื้อมมือไปจะแตะตัว แต่เมื่อได้ยินเสียงลมหายใจที่เหมือนคนหลับสนิท...มือข้างนั้นก็ลดลงข้างตัว



รู้...ว่าแม่ไม่ได้ทำอะไรผิด ที่คิดจะเริ่มต้นใหม่กับคนที่จะดูแลตัวเองไปได้ตลอดชีวิต



เพียงแต่บางที เขาก็เป็นคนเห็นแก่ตัวเกินกว่าที่จะแบ่งความรักที่เคยได้รับคนเดียวทั้งหมดให้กับใคร...



จิณณ์เดินไปหยิบผ้าห่มผืนบางบนโซฟาขึ้นมาคลุมตัวมารดา นัยน์ตาเข้มเหลือบมองท้องที่เริ่มนูนขึ้นทุกวัน ป่านนี้แล้ว...คงรอเขากลับมาละมั้ง



หญิงวัยกลางคนสะดุ้งนิดๆเมื่อรู้สึกถึงมือที่สัมผัสแผ่ว เธอลืมตาขึ้นจ้องมองลูกชายพร้อมกับคลี่ยิ้มอ่อนโยน ถามด้วยน้ำเสียงหวานหูเจือความเอ็นดูว่า "จินเองเหรอลูก หิวข้าวไหม เดี๋ยวแม่ทำให้กิน เอาเป็นไข่เจียวยัดไส้นะ"



"ไม่เป็นไร...ครับ...เดี๋ยวจะนอนแล้ว"



"กลับดึกจัง.." หญิงวัยกลางคนบ่นเบาๆแต่ใบหน้ายังเจือรอยยิ้ม



"อาบน้ำอาบท่าแล้วค่อยนอนนะ"



จิณณ์พยักหน้ารับแล้วเดินขึ้นไปบนห้อง โทรศัพท์ถูกควักออกจากกระเป๋ากางเกงแล้วโยนไว้บนเตียงอย่างลวกๆก่อนที่จะคว้าผ้าเช็ดตัวเข้าห้องน้ำไป



...โดยที่ไม่รู้เลยว่ามีใครบางคนฝากคำบอกลาเอาไว้...













-พี่ขอโทษที่มันอาจจะฟังดูเร็วไป แต่พี่ต้องกลับไปอเมริกาแล้ว ห้องคงยังไม่ได้คืน พี่ฝากจินไว้ก่อนนะ..............ขอบคุณมากที่คอยอยู่กับพี่ ดูแลพี่ ขอบคุณจริงๆ................แล้วพี่จะติดต่อมาอีกทีตอนกลับมานะ ไม่มีจินอยู่ด้วย พี่คงคิดถึงเราแน่ๆเล-



เสียงข้อความที่ถูกฝากเอาไว้โดยคิรากรถูกเปิดขึ้นมาฟังอีกครั้ง....



จิณณ์กดปุ่มปิดหน้าจอโทรศัพท์พร้อมกับมองแสงที่ดับมืดลงไป ในตอนแรก...เขาแค่คิดว่าเจ้าตัวคงมีเรื่องด่วนจำพวกฝากซื้อของหรือให้ไปรับที่คอนโด ทุกครั้งที่แบตหมดหรือไม่มีสัญญาณคิรากรก็จะฝากข้อความเสียงไว้เสมอ แต่เขาไม่เคยคิดเลยว่าครั้งนี้...จะเป็นครั้งสุดท้ายที่ได้ยินเสียงกึ่งหวานกึ่งเศร้าของคนที่ตนเองเพิ่งจะตัดสินใจได้ว่าจะรุกหน้าจีบอย่างเต็มตัว



ไม่ทันได้เริ่ม...ก็จบลงแล้ว



เขาอยากจะแค่นหัวเราะแต่เสียงที่ออกมามีเพียงเสียงครางของคนที่ถูกทิ้ง...ใช่ คิรากรทิ้งเขากลับไปกับคนที่ชื่ออันอะไรนั่น โดยมีแค่เสียงที่ฝากเอาไว้



เพราะไม่สำคัญพอ ถึงไม่จำเป็นต้องบอกต่อหน้าก็ได้งั้นหรือ?



จิณณ์ลุกขึ้นคว้าโทรศัพท์ดึงออกจากสายชาร์จแล้วคว้ากุญแจรถมอเตอร์ไซค์ขึ้นมา ขายาวก้าวฉับๆไปยังประตูห้องพร้อมกับเอื้อมมือจับลูกบิดที่เย็นเยียบ....ความเย็นที่กระทบอุ้งมือทำให้ความร้อนรนหายไป เหลือเพียงแค่ความเย็น...จนชาที่แผ่ซ่านเข้ามาแทนที่



กุญแจในมือร่วงหล่นลงบนพื้น พวงกุญแจพลาสติกลายหนูแฮมสเตอร์ที่คนไกลซื้อให้กลิ้งกระทบพื้นส่งเสียงกระดิ่งดังเพียงเสี้ยววินาที



ไม่มีประโยชน์....ต่อให้ไปถึงห้องตอนนี้ เขาก็มั่นใจว่าไม่มีความสามารถมากพอที่จะรั้งคนๆนั้นเอาไว้ได้



แพ้ตั้งแต่แรก...ตั้งแต่ยังไม่เริ่ม



ในเมื่อยังรัก....ต่อให้เขาดีแค่ไหนก็ไม่มีวันแทนที่ได้



นัยน์ตาสีเข้มหรุบลงต่ำมองพวงกุญแจที่หล่นอยู่แทบเท้า....ก่อนที่มือจะเอื้อมไปหยิบขึ้นมาอย่างทะนุถนอม



...พี่คีย์...ไปแล้วจริงๆ...

 

 

 

 

 







To be continued...








kagehana :

หายหน้าหายตาไปนาน โผล่มาอีกทีดราม่าใส่จินเลย  :katai1:

แนะนำว่าก่อนอ่านตอนนี้ไปอ่านทวนกันสักรอบนะคะ ฮือออ ขอโทษจริงๆที่หายไปนาน

ขอบคุณทุกคอมเมนท์ที่ยังตามอ่านนะคะ รักคนอ่านทุกคนเลย

ตอนนี้มีอีกเรื่องที่กำลังลงในเล้าอยู่เหมือนกันค่ะ แฮ่--- ใครอยากอ่านจิ้มไปที่แถมดำๆด้านล่างที่มีหน้าหนุ่มเปลือยท่อนบนได้เลยนะคะ (นายแบบชื่อเฟลันค่ะ ตอนนี้นอนแอ้งแม้งอยู่ในกล่องไม่ค่อยได้จบมาถ่ายรูปเลย...)

ออฟไลน์ ♠DekDoy♠

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4512
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +421/-8
ปล่อยพี่คีย์ไปเลยนะจิณณ์คนอะไรโง่ซ้ำ ๆ เจ็บไม่จำ ยอมตามกลับไปง่าย ๆ แค่นี้ ใบหย่าไม่ได้เห็นแค่ลมปากก็เชื่อเป็นคนที่หลอกง่ายที่สุดแล้วช่างเค้าเหอะอายุก็ไม่ใช่เด็กแล้วแต่ยอมอยู่แบบเจ็บ ๆ ก็ปล่อยไป

ออฟไลน์ quiicheh.

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1629
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +73/-9
มันเป็นอะไรที่พูดยากนะอีกคนกำลังจะจีบแต่อีกคนคือเป็นคนรัก คนกลางจะทำอะไรได้อะ
สงสารจินสุดๆแบบเห้ยอุตส่าห์รู้ใจตัวเอง แบบบบบบบบบบไรฟะ
อันนี่ยังดีนะที่ยังรัก แต่ใบหย่าไม่เซ็นนี่แม่งแย่อะ

ติดตามค่ะ^^

ออฟไลน์ Satang_P

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 856
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +58/-2

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
เห้ยยยยย มาพร้อมมาม่าชามโต
ไม่เอาน๊าาาาาาาา

sunshinesunrise

  • บุคคลทั่วไป
อ่านแล้วปวดตับ... อัน นี่ก็เห็นแก่ตัว มักง่าย เอาแต่ได้... คีย์ เลิกกับมันเหอะ คนอย่างนี้ไม่จริงใจ ขอให้คีย์รู้ความจริงเร็วๆ แล้วก็จิน พยายามหน่อยๆ สู้ๆ อย่ายอมแพ้!!!

ออฟไลน์ saradino1

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 323
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-1
ทำใจลำบาก :katai1: :katai1: :katai1: :katai1: :katai1:

ออฟไลน์ kagehana

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 186
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-1


-11-















ชายหนุ่มร่างเล็กยกมือขึ้นเสยผมม้าที่เริ่มปิดดวงตาของตัวเองขึ้นแล้วเอื้อมมือไปกดออดหน้าบ้าน เป็นเวลาหนึ่งปีที่นภัสรพีไม่ได้กลับบ้าน ถ้าเป็นปกติ ชายหนุ่มจะกลับบ้านทุกครั้งที่ปิดเทอมหรือติดวันหยุดยาว แต่เพราะอยู่ชั้นปีสองแล้ว กิจกรรมต่างๆมากมายจนทำให้ติดสอยห้อยตามไปกับพวกจิณณ์จนรู้สึกตัวอีกทีก็ไม่ได้กลับบ้านเลย



ประตูบ้านเปิดออกพร้อมกับหญิงสาววัยกลางคนร่างอวบ เมื่อเห็นนภัสรพี ใบหน้าของเธอก็มีรอยยิ้มกว้างขึ้นมาทันที



“น้องอาลัว กลับมาแล้วเหรอลูก”



“กลับมาแล้วครับน้าต่าย สวัสดีครับ” ชายหนุ่มยกมือขึ้นไหว้อย่างนอบน้อมก่อนจะชะโงกมอง “ปั๊บไม่อยู่เหรอครับน้าต่าย”



“น่าจะไปเตะบอลกับเพื่อนนั่นล่ะ เย็นๆค่ำๆคงกลับ”



“โอเคครับ ถ้าอย่างงั้น เดี๋ยวผมค่อยแวะมาพรุ่งนี้ก็ได้ครับน้าต่าย สวัสดีครับ”



นภัสรพีหันหลังเดินออกมา กลับบ้านตัวเองที่อยู่หลังข้างๆกัน



















ปิดเทอมเฮงซวย….



เด็กหนุ่มร่างสูงถอดรองเท้าสะบัดไปคนละทางที่หน้าบ้านแล้วล้วงกุญแจในกระเป๋าหยิบเอาขึ้นมาไขก่อนจะสำนึกได้ว่าประตูไม่ได้ล็อค เมธัสถอนหายใจแล้วสบถซ้ำ ลูกบอลเลอะโคลนที่ถืออยู่ถูกโยนไปอีกทางกระแทกกับบ้านสุนัขหลังเล็ก ทำเอาเจ้าหมาปั๊กตาโปนถึงกับผวาตื่นขึ้นเห่าเสียงขรม



“หนวกหูน่าปั้นสิบ” เมธัสดุเบาๆแต่ก็อดลูบไอ้ตัวตาโปนที่พาพุงย้วยๆมาเกยขาไม่ได้ “ไปๆๆ เลอะเทอะ เดี๋ยวแม่มึงด่ากู…”



ว่าจบ เด็กหนุ่มที่ดูจะโตเกินคำว่าเด็กก็เดินเข้าไปในบ้าน “แม่…หิว มีไรกินมั่ง”



“เย็นนี้มีแกงเขียวหวาน ว่าจะชวนน้องอาลัวมากินด้วย แล้วก็ไข่เจียว ปั๊บจะเอาอะไรอีกล่ะลูก”



“พี่อาลัวกลับมาเมื่อไหร่ ไมแม่ไม่บอกปั๊บอะ”



“มาเมื่อตอนบ่ายๆเย็นๆน่ะ เดี๋ยวกับข้าวเสร็จแล้วไปเรียกมากินแทนแม่ก็แล้วกัน” หญิงวัยกลางคนทำมือไล่ให้ลูกชายออกไป



“โห่ แม่น่าจะโทรบอก ปั๊บจะได้ไปหาเลย ไม่เจอตั้งนาน” เมธัสลุกผึง ทั้งที่ตอนแรกจะนอนเน่าเอกเขนกให้หนำใจ…แต่พี่อาลัวดันกลับมาบ้านซะได้



พี่อาลัวเชียวนะ เอาเหอะ…คิดถึงจะตายอยู่แล้ว



“ปั๊บไปหาก่อน แม่เสร็จแล้วโทรตามแล้วกัน เอาไข่เจียวกุ้งกับไก่กระเทียมด้วยนะ ไปล่ะ”



“ลูกคนนี้นี่” ผู้เป็นแม่ส่ายศีรษะเบาๆด้วยความเพลียกับลูกชายคนเดียวที่ติดพี่ชายข้างบ้านจนเหมือนเป็นพี่น้องกันจริงๆ



เมธัสเดินออกมานอกบ้านแล้วไม่ลืมอุ้มไอ้ปั้นสิบไปยืนริมรั้ว เด็กหนุ่มชะโงกมองข้ามรั้วเตี้ยๆหน้าบ้านนภัสรพีแล้วส่งเสียงเรียก “พี่อาลัว พี่อาลัวครับ….ปั๊บกับปั้นสิบมาเยี่ยม”



รอไม่นานนัก ประตูบ้านก็เปิดออกพร้อมกับชายหนุ่มร่างเล็ก นภัสรพียิ้มกว้างเมื่อเห็นน้องชายที่ตัวสูงขึ้นผิดหูผิดตา “ปั๊บกลับมาแล้วเหรอ”



รอยยิ้มของ ‘พี่ชาย’ ทำเอาคนมองแทบจะลมหายใจสะดุด เมธัสยิ้มโชว์ฟันกระต่ายแล้วยิ้มหวานให้กับคนตรงหน้า “พี่อาลัวมาไม่บอกปั๊บเลย ปิดเทอมที่แล้วก็ไม่กลับ ปั๊บจะงอนนะ” เมธัสทำปากอูดทั้งๆที่คิดว่าหน้าตัวเองตอนทำอ้อนแบบเด็กๆคงพิลึกน่าดู



เถอะ…นี่พี่อาลัวเชียวนะ



“พี่ยุ่งกับมหาลัย ปั๊บอย่างอนนะครับ นี่พี่กลับมาสามเดือนแล้วไง อยู่บ้านตลอดเลย” เขาเปิดประตูรั้วออกให้อีกคนกับอีกหนึ่งตัวได้เข้ามา



“ปั้นสิบก็คิดถึง แต่ปั๊บคิดถึงมากกว่า ปิดเทอมนี้พี่อาลัวต้องติวให้ปั๊บนะ จะตามไปเป็นรุ่นน้องที่มอ……”



“ปั๊บเรียนเก่งออก จะให้พี่ติวอะไรให้เหรอครับ” นภัสรพีปิดประตูรั้วแล้วเดินตามคนตัวสูงกว่าเข้ามา เขาเงยหน้ามองจนต้องเอ่ยชม “สูงขึ้นเท่าไหร่เนี่ย”



“ร้อยแปดสิบสอง” คนพูดยิ้มอย่างภูมิใจนิดๆ เมื่อก่อน..ตั้งแต่เล็กๆ เขาต้องแหงนหน้ามองพี่อาลัวตลอด แต่ในไม่กี่ปีที่ความสูงขึ้นพรวดๆ…พี่อาลัวที่เมื่อก่อนคิดว่าตัวสูงกลับเหลือแค่ปลายคางเท่านั้น “ติวอิ๊งกับญี่ปุ่นให้หน่อยนะครับ เหมือนเมื่อก่อนไง”



เมธัสปล่อยเจ้าหมาปั๊กให้วิ่งเล่นในสวน…อย่าฝันไอ้ปั้นสิบ ขืนเอามึงเข้าบ้านพี่อาลัวก็ไม่สนใจกูสิ



“ก็ได้ครับ” ตามประสาคนอะไรก็ได้ ชายหนุ่มยิ้มกว้างให้อีกครั้งขณะที่จับข้อมืออีกคนพาเดินเข้ามาในตัวบ้าน



เมธัสเป็นน้องชายข้างบ้านที่สนิทสนมกันมาตั้งแต่นภัสรพียังอยู่ชั้นประถม พ่อแม่ของนภัสรพีแทบไม่ได้กลับบ้านทำให้ได้รู้จักกับบ้านของเมธัสและมาอาศัยทานอาหารเย็นด้วยบ่อยๆ



พอถึงในห้องส่วนตัวของคนเป็นพี่ เมธัสก็จัดแจงเอาหมอนสีหวานที่ทึกทักมาหลายปีว่าเป็น ‘หมอนปั๊บ’ เข้ามากอด เด็กหนุ่มร่างสูงดึงข้อมือให้นั่งลงด้วยกันพร้อมสายตาเว้าวอน ริมฝีปากได้รูปคลี่ยิ้มจนตาหยี “พี่อาลัวเล่าเรื่องที่มอให้ฟังมั่งสิ”



“เรื่องที่มอเหรอ…ปั๊บอยากฟังเรื่องอะไรล่ะ” เจ้าของห้องนั่งลงข้างๆตามเคยชินพร้อมกับเอนตัวลงไปพิงหมอนที่ถูกเมธัสกอดเอาไว้



“เรื่องเพื่อนพี่อาลัวก็ได้…ที่ชื่อจิน ชื่อถังอะไรนั่นน่ะ” เด็กหนุ่มกอดร่างเพรียวไว้หลวมๆ…คราวที่แล้วที่นอนแบบนี้ ตัวเขายังเล็กกว่าพี่อาลัวอยู่เลย



“จินเหรอ ก็เป็นหนุ่มหล่อ มีรุ่นพี่ต้องดูแล ส่วนถังนั่นคาสโนว่าแต่ไม่มีใครเอา พี่ไผ่เป็นคนดูแลเม็ดโฟม ตัวติดกันตลอดเวลา”



“มีใครมาจีบพี่อาลัวมั่งปะ”



“ไม่มีหรอก ใครจะมาจีบตัวจืดจางอย่างพี่” นภัสรพีหัวเราะออกมา



“จืดที่ไหน พี่อาลัวของปั๊บน่ารักจะตาย แต่ไม่มีก็ดีแล้ว ปั๊บหวง” เมธัสทำเสียงอ้อนแล้วกอดแน่นขึ้น…ถึงเจ้าตัวจะไม่รู้ว่าหวงในความหมายของเขาหมายถึงอะไร แต่เด็กหนุ่มก็อยากจะใช้ตำแหน่งน้องรักยึดพี่อาลัวไว้คนเดียว



อ้อมกอดที่แน่นขึ้นทำให้คนอายุมากกว่าต้องแหงนหน้ามองน้องชายเอาไว้ “หวงเลยหวงเลย…ตัวโตขนาดนี้พี่เหมือนเป็นน้องเลย”



“ยังไงปั๊บก็เป็นน้องพี่อาลัว ห้ามรักคนอื่นมากกว่าปั๊บด้วย”



นภัสรพีหัวเราะออกมาอีกครั้ง “ครับๆ ไม่ต้องห่วงนะ จะมีแฟนก็จะพามาดู”



“ปั๊บไม่มีแฟนหรอก” พูดจบเด็กหนุ่มก็เอนตัวก้มเอาหน้าผากแตะคนที่นอนเอนพิงอยู่ “ต้องตั้งใจเรียน จะได้ไปอยู่ที่มอเดียวกับพี่อาลัว”…และตามไปเฝ้าไม่ให้ใครมายุ่งกับพี่ด้วย เมธัสต่อในใจ



“โห อะไรเนี่ย น้องชายของพี่เท่ขนาดนี้ไม่มีแฟนได้ยังไง” คนอายุมากกว่าหันมามองหน้าเมธัสให้ชัดพลางยกมือขึ้นเสยผมยุ่งๆออกจากใบหน้าของน้อง



“มีคนมาจีบ ผู้หญิงสมัยนี้มันอะไรก็ไม่รู้อะ แม่งไม่ได้รู้จักกันก็มาขอคบเฉย แถมวันก่อน….บอกว่าขอแค่นอนด้วยก็ได้” เมธัสเบ้ปากเมื่อนึกถึงความกล้าของเพื่อนต่างห้องที่ตัวเองเรียกว่าผู้หญิงสมัยนี้ “เรื่องไรปั๊บจะเอา”



ร่างบางถึงกับกอดอีกฝ่ายแน่น “เด็กดี พี่ดีใจนะเนี่ย น้องโตมาเป็นผู้ชายที่ดีขนาดนี้”



“ตัวเองเหอะ….ไม่ใช่ว่าใครมาขอคบ ขอเป็นแฟนก็คบไปเรื่อย ปฏิเสธไม่เป็นสักที” ก็เป็นซะอย่างงี้…ถึงต้องใช้ตำแหน่งน้องรักงอแงขอให้ไม่พาแฟนมาบ้านมาตั้งแต่ตอนยังเล็ก เมธัสจำได้…ว่าตอนนภัสรพีอยู่มัธยมปลาย หลังจากเห็นพี่อาลัวสุดที่รักจูบแฟนในห้องนอน เขาเคยร้องไห้งอแงบอกว่าอย่าพาผู้หญิงมาที่บ้านอีก



แน่นอนว่าพี่อาลัวของน้องปั๊บยอมทำตาม…จนเลิกราไปในที่สุด



และเป็นตอนนั้นเอง….ที่เมธัสรู้ตัวว่าพี่ข้างบ้าน ไม่ใช่แค่พี่อีกต่อไปแล้ว



“ฮะฮะฮะ ก็แก้ไม่ได้นี่นา ยังโดนเพื่อนๆที่มอเรียกว่าคุณชายอะไรก็ได้เลย”



“ปั๊บหวงเหอะ” น้องชายทำหน้าบู้ปากอูดอย่างเด็กเอาแต่ใจ เมธัสรู้…ว่าพี่อาลัวยังมองเขาเป็นแค่น้องปั๊บตัวเล็กๆ และถ้าการทำเอาแต่ใจแล้วยังยึดเอาไว้อ้อนให้เอ็นดูคนเดียวได้ เขาก็ยอมทำ



“รู้แล้วๆ” เขายื่นมือไปบีบจมูกน้องชายตัวน้อย (ในสายตา) “แล้วเย็นนี้ปั๊บจะกินอะไร ที่บ้านพี่ไม่รู้มีอะไรในตู้เย็นบ้าง”



“กินที่บ้านปั๊บไง แม่ทำไก่กระเทียมของโปรดพี่อาลัวไว้ด้วย” แหงล่ะ…ในเมื่อเพิ่งสั่งเมื่อกี้ “คืนนี้ปั๊บมานอนด้วยนะครับ”



“อื้ม เอาสิ งั้นไปกินข้าวกันก่อนไหม แล้วค่อยเอาเสื้อผ้ามาอาบน้ำบ้านพี่” นภัสรพีที่มีแต่จะตามใจน้องชายขี้อ้อนคนนี้ตอบอะไรอื่นไม่ได้นอกจากตกลง



“อื้อ” เด็กหนุ่มร่างสูงยิ้มจนตาหยี พลางคิดในใจว่า…ถ้าเพื่อนหรือใครที่โรงเรียนมาเห็นตอนนี้ ต้องไม่เชื่อแน่ๆว่าเมธัส…นักฟุตบอลกัปตันทีมโรงเรียน จะยิ้มอ้อนเป็นเด็กได้ขนาดนี้



เพราะเป็นพี่อาลัวหรอก ไอ้ปั๊บถึงกลายเป็นน้องปั๊บ….น้องน้อยคนดีของพี่อาลัว



“ปิดเทอมนี้ปั๊บจะมาอยู่กับพี่อาลัวทุกวันเลย”



“ได้สิ แต่ปั๊บไม่ต้องไปไหนกับเพื่อนเหรอ มาติดกับพี่จะดีเหรอ เดี๋ยวเพื่อนเกลียดนะ”



“ไม่มีใครเกลียดปั๊บหรอก”…ถ้าให้ถูก คือไม่มีใครกล้าเกลียดว่าที่ประธานนักเรียนคนถัดไปหรอก เมธัสรู้ว่าถึงตัวเองจะไม่ได้เนื้อหอมที่สุดในโรงเรียน แต่เพื่อนๆของเขาก็ชื่นชมและยอมรับในความสามารถไม่น้อย ไม่นับรวมกับผู้หญิงทั้งในและนอกโรงเรียนที่พยายามอยากทำความรู้จักเขาเสมอๆ



“ปั๊บเป็นเด็กดี..พี่อาลัวก็เห็นนะ”



“ไม่ค่อยเห็น เพราะไม่ได้กลับมาบ้านต่างหาก ต้องเล่าให้พี่ฟังเยอะๆแล้วล่ะ” คนอายุมากกว่าเอื้อมมือมาขยี้ศีรษะอีกฝ่ายจนผมยุ่งฟู



นอกจากจะไม่หนี เจ้าตัวยังใช้ศีรษะซุกดุนตามมือเรียวที่ขยี้เบาๆ “อยากฟังเรื่องอะไร เดี๋ยวคืนนี้เล่าให้หมดเลย”



“โอเค”



















“ไข่เจียวกุ้งสับของน้าต่ายอร่อยที่สุดในโลกจริงๆครับ” นภัสรพีเอ่ยชื่นชมหลังจากยกน้ำขึ้นมาดื่ม



“กินกับปั๊บหรอกถึงอร่อย ปกติพี่อาลัวกินน้อยจะตาย”



“นี่ ลูกคนนี้ ให้มันน้อยหน่อย แม่ทำอร่อยน่ะถูกแล้ว พูดจาเป็นเด็กห้าขวบไปได้ อาลัวก็เหมือนกันลูก ไม่ต้องไปตามใจมันมาก เคยตัว” คนเป็นแม่ถึงกับเอื้อมมือไปดึงใบหูลูกชายเบาๆ



“จะพยายามนะครับน้าต่าย” คนเป็นพี่ก็ตอบรับคำไปตามเดิม รู้ทั้งรู้ว่าไม่เคยมีสักครั้งที่จะขัดใจเมธัสได้ มีแต่จะตามใจตลอดทุกครั้งโดยไม่ต้องเสียเวลาอ้อนด้วยซ้ำ



“แม่ คืนนี้ปั๊บนอนกับพี่อาลัวนะ”



“ตลอดน่ะลูกคนนี้ อย่ากวนพี่อาลัวล่ะ พี่เขาเพิ่งกลับมา” ต่ายส่ายศีรษะไปมาอย่างระอากับอาการติดพี่ของลูกชายตน



“ปั๊บกวนที่ไหน ดีออก พี่อาลัวจะได้ไม่เหงา เนอะๆ”



“อื้ม น้าต่ายไม่ต้องห่วงหรอก ปั๊บไม่เคยกวนผมเลย ใช่ไหมปั๊บ” มือสองข้างรวบช้อนส้อมเข้าหากัน พนมมือไหว้ข้าวรวมไปถึงขอบคุณคนที่ทำให้ จากนั้น นภัสรพีจึงลุกขึ้นแล้วอาสาเก็บจานให้



เมธัสลุกขึ้นตามแล้วยักคิ้วให้แม่ที่ทำท่าอยากฟาดเต็มแก่ เด็กหนุ่มลากตัวเองไปยืดติดพี่อาลัวแล้วช่วยล้างจาน ปล่อยให้ทุกอย่างอยู่ในสายตาของคนเป็นแม่ที่มองอย่างเอือมระอา



เฮ้อ…ไอ้ลูกคนนี้ ถ้ามีแฟนคงติดแฟนน่าดู



ต่ายถอนหายใจแล้วส่ายหน้าให้กับเจ้าตัวซนประจำบ้าน…ที่ตอนนี้สูงเลยหน้าใครต่อใครไปหมดแล้ว



พี่ชายที่ตัวเล็กกว่าหยิบผ้ามาเช็ดมือ ก่อนจะส่งให้น้องชายตัวโตแล้วช่วยเช็ดมือให้ “เช็ดมือให้แห้ง แล้วจะได้ไปบ้านพี่”



“อื้อ” คำตอบรับทุ้มแผ่วดูอ่อนโยนแต่ไม่เท่าดวงตาที่จ้องมองมือที่ตั้งอกตั้งใจเช็ดให้



พี่อาลัวเป็นแบบนี้เสมอ….



เพราะงั้น ปั๊บถึงได้รัก

















“จะไปนอนห้องแขกกันไหม มีสองเตียง” นภัสรพีเอ่ยถามหลังจากอาบน้ำเสร็จเรียบร้อย เขาสวมชุดนอนตัวใหญ่กว่าขนาดตัวเองอย่างที่ชอบ



“อยากนอนห้องพี่อาลัว นอนเตียงเดียวกันแบบเมื่อก่อนไม่ได้เหรอ” ลูกหมาตัวยักษ์ส่งสายตาละห้อย



“ไม่เบียดกันเหรอ ตัวโตขนาดนี้แล้ว” เจ้าของบ้านหัวเราะร่วนเมื่อเห็นสีหน้าอีกคน “โอเค นอนห้องพี่เหมือนเดิมนะ ง่วงหรือยัง”



“ยังหรอก” ไม่ทันได้พูดอะไรต่อ เสียงไลน์จากมือถือก็ร้องเตือนขึ้น เมธัสหยิบขึ้นมาดูแล้วกดปิดเสียง “ตื๊อชะมัด ไม่อายมั่งไงวะ”



“อะไรเหรอ ใครน่ะ” พี่ชายตัวเล็กเดินเข้ามาชะโงกหน้าดูใกล้ๆ



“สาวไลน์มา เจอกันที่เรียนพิเศษ” นัยน์ตาสีเข้มมอง..ส่อแววเจ้าเล่ห์ ดูสิว่าจะเป็นยังไง “ก็น่ารักดีเลยแลกไลน์กัน ….ก็นะ สองสามคน แต่น่าเบื่อตรงไลน์มาบ่อยเนี่ยแหละ”



“ขนาดพี่ยังไม่มีไลน์ปั๊บเลย น้อยใจนะเนี่ย” แม้จะฟังดูติดตลก แต่นภัสรพีก็รู้สึกได้ว่าในใจนั้นอดรู้สึกอยากรู้เรื่องของน้องชายคนนี้เพิ่มมากขึ้นไม่ได้



“เอามาแลกกันนะ แล้วปั๊บไลน์หาห้ามอ่านแล้วไม่ตอบด้วย”



“อื้ม อ่านแล้วจะไม่ตอบได้ยังไง” นภัสรพียิ้มกว้างให้กับคนตัวสูงเมื่อได้ยินคำตอบแบบเดิม– คำตอบที่แสดงว่าอีกฝ่ายให้ความสำคัญกับเขามากขนาดไหน



เมธัสนั่งลงกับพื้นแล้วใช้ศีรษะเอนซบลงกับเขาของคนที่นั่งอยู่ อุ่นไอเย็นฉ่ำและกลิ่นหอมทำให้หัวใจเด็กหนุ่มเต้นผิดจังหวะ เขาเอื้อมมือเข้าไปกอดรั้งเอวของนภัสรพีพลางทอดสายตามองสบ



“ถ้าพี่อาลัวมีแฟน..ปั๊บยังสำคัญเป็นอันดับหนึ่งหรือเปล่า”



“อันดับหนึ่งสิ พูดอะไรน่ะ ปั๊บเถอะ เดี๋ยวมีแฟนขึ้นมาจะทิ้งพี่ไปเหลืออันดับเท่าไหร่นะ” คนเป็นพี่พูดยิ้มๆก่อนจะเอื้อมมือมาบีบจมูกอีกคนเบาๆ



“ก็อันดับหนึ่งมาตลอดน่ะแหละ” เมธัสไม่ได้พูดเสียงดังไปกว่าประซิบกับหัวเข่าของคนเป็นพี่ ใจหนึ่งนึกอย่างจะจูบหรือขบเล่นเหมือนที่เคยทำตอนเด็กๆ…แต่ตอนนี้ทำได้เพียงแนบแก้มลงไปกับท่อนขา



แค่นี้…ก็ต้องอดทนจะแย่อยู่แล้ว



“หือ อะไรนะ” นภัสรพีก้มตัวลงมาใกล้



“ง่วงแล้ว….”



“ง่วงแล้วเหรอ ก็ไปนอนสิ…นอนนะงั้น” เขาลูบศีรษะอีกฝ่ายเบาๆก่อนจะแตะริมฝีปากที่ข้างขมับของเมธัสเบาๆ “ไปนอนกันนะ”



การกระทำของคนเป็นพี่ที่ไม่รู้อะไรเลยแทบจะทำให้คนที่อดทนมานานสติขาดผึง เมธัสเงยหน้าแล้วงับปลายคางที่รบกวนสายตาเบาๆแล้วครางอย่างหมั่นเขี้ยว



เดี๋ยวเหอะ เดี๋ยวนี้พี่อาลัวชักเอาใหญ่….คิดว่าปั๊บจะทนได้แค่ไหนกันเชียว



“อยากกอด…ได้ไหม…”



ร่างบางอ้าแขนออกเล็กน้อย เขาอมยิ้มมองอีกฝ่ายแล้วเอ่ยทั้งรอยยิ้ม “กอดสิ มา”



เด็กหนุ่มร่างสูงใหญ่กระโจนเข้าหาพร้อมกับผลักคนที่นั่งอยู่ให้นอนราบไปกับพื้นเตียง แขนแข็งแกร่งกักนภัสรพีไว้ภายใต้ร่าง นัยน์ตาเข้มที่มองจากด้านบนฉายแวววาววับ…ต่างจากเด็กน้อยในวันวาน



เมธัสมองใบหน้าตกใจของคนเป็นพี่ชั่วครู่ ก่อนที่แววตาจะอ่อนแสงแล้วหลับตาลง เด็กหนุ่มซุกใบหน้าลงข้างๆลำคอแล้วทาบทับร่างบางพร้อมกอดไว้แน่น ใบหน้าหล่อเหล่าซุกไซ้ช้าๆราวกับลูกหมาตัวใหญ่ออดอ้อนเจ้านาย



ปั๊บจะไม่ทำร้ายพี่อาลัว…..



“อย่าทิ้งปั๊บนะ…” ลูกหมายักษ์เอ่ยอ้อน



นภัสรพีหัวเราะเบาๆ เขายกมือขึ้นลูบศีรษะอีกฝ่ายก่อนจะกอดไว้กับตัวแน่นๆ “จะทิ้งไปไหน พี่ก็กลับมาแล้วนี่ไง”



เมธัสไม่ได้ทำอะไรมากไปกว่ากอดแน่นขึ้น รู้….ว่าต่อให้เขาจูบพี่อาลัวตอนนี้ เจ้าตัวคงได้แต่หัวเราะแหะๆแล้วหาว่าแกล้งเล่นอีก



“นอนนะ…” คนตัวเล็กกว่าเอ่ยเสียงเบา มือยังคงลูบศีรษะของเมธัสเบาๆ ปลายนิ้วเกี่ยวเล่นตามเส้นผมเหมือนที่เคยทำในวัยเด็ก



เด็กหนุ่มรับคำในลำคอแล้วพลิกตัวเองลงนอนเคียงข้าง เขามองสบตา ‘พี่ชาย’ ถ่ายทอดทุกอย่างผ่านทางสายตาและรอยยิ้ม



“ฝันดีนะพี่อาลัว”



“ฝันดีนะ…” นภัสรพียิ้มตอบก่อนจะหลับตาลงแล้วขยับตัวเพียงเล็กน้อยเพื่อให้ตัวเองอยู่ในท่าทีนอนได้สบายขึ้น– ไม่นานนัก ร่างกายของเขาก็ดูผ่อนคลายลงพร้อมๆกับลมหายใจเข้าออกที่สม่ำเสมอ

 

 

 

 

 






To be continued…







kagehana :

เบรคดราม่าด้วยปิดเทอมใหญ่หัวใจว้าวุ่น ฮี่-------  :-[

เอาเด็กน้อยกรุบกริบมาฝากให้กระชุ่มกระชวยค่ะ เรื่องนี้ไม่เน้นดราม่า ถือเอาความกุบกิบเป็นที่ตั้ง อิอิ

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
น้องปั๊บกรุบกริบจริงๆ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ toshika

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 819
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +38/-4
น้องปั๊บน่ารัก พอกรุบกริบนะคะ5555

แต่ยังสงสารจิณณ์ตอนที่แล้วไม่หาย มาต่อบ่อยๆนะตัวเอง เราคิดถึงงงงง :mew2: :mew2: :mew2:

ออฟไลน์ kagehana

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 186
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-1
 รักกุบกิบ : ตอนที่ 12




อากาศในห้องนอนที่เปิดแอร์จนเย็นฉ่ำทำให้ความอบอุ่นจากผ้าห่มไม่เพียงพอต่อไป ร่างของนภัสรพีขดเข้าหากันก่อนที่จะพลิกตะแคง แล้วค่อยขยับตัวเข้าหาไออุ่นจากร่างกายอีกคน


เมธัสที่เป็นคนรู้สึกตัวไวสะดุ้งตื่นขึ้นแทบจะทันที ดวงตาที่กระพริบถี่จ้องมองร่างของพี่ขดเข้าหา แขนและขาที่ยาวอยู่แล้วยิ่งดูเก้งก้างด้วยไม่รู้ว่าจะทำยังไงดี เขามองอยู่ครู่ใหญ่แล้วค่อยๆเอามือโอบกอดเอาไว้


อากาศมันหนาว…..ถ้าถามตอนเช้าค่อยบอกอย่างงี้แล้วกัน


พอได้ไออุ่นจากร่างกายอีกคน นภัสรพียิ่งเบียดตัวเข้าหามากขึ้นซ้ำยังยึดเอาไว้แน่นจนใบหน้าสัมผัสกับแผ่นอกของอีกฝ่ายผ่านเนื้อผ้า




ตาย…ตายแน่กู…ตายแน่ไอ้ปั๊บ




เพราะอีกฝ่ายที่ซุกตัวมาจนแทบจะจูบได้ทำให้เด็กหนุ่มยิ่งว้าวุ่นเข้าไปใหญ่ ยิ่งขยับจะหนี พี่อาลัวก็ยิ่งซุกเข้ามาจนทำได้แต่ถอนใจ


“พี่แม่งโคตรบาปเลยว่ะ….” เมธัสมองแล้วค่อยๆเลื่อนใบหน้าลงใกล้จนจมูกแทบจะชนกัน


บาป….


บาปสัดๆ….


และก่อนที่จะห้ามตัวเองได้ ริมฝีปากอุ่นๆก็ทาบทับลงไปบนเรียวปากชุ่มชื้นของคนเป็นพี่ที่อยู่ในห้วงนิทรา


นภัสรพีส่งเสียงครางในลำคอเบาๆ ก่อนจะขยับตัวอีกเล็กน้อย


ริมฝีปากที่แนบชิดขยับออกห่างเล็กน้อย เมธัสไม่ลังเลเลยที่จะประทับอีกครั้ง…ความหวานหอมของการลักลอบกระทำ แม้จะรู้สึกผิดแต่กลับทำให้ยิ่งมัวเมาขึ้นไปกว่าเดิม


ริมฝีปากบนของคนหลับถูกขบเบาๆก่อนที่ปลายลิ่นอุ่นร้อนของคนรุกรานจะหาทางเข้าไป ลมหายใจร้อนผ่าวเป่าผิวแก้มจนน่ากลัวว่าอีกฝ่ายจะตื่น แต่เพราะความปรารถนาที่กักเก็บไว้นาน…เกือบเท่าช่วงเวลาที่รู้จักกันมา ทำให้เมธัสได้แต่ร้องขอให้คนที่ถูกจูบอย่าลืมตาขึ้นเลย


“ปั๊บรักพี่นะ….”


เด็กหนุ่มกระซิบแผ่วกับริมฝีปากที่แนบชิด…ด้วยแววตาที่เพียงจะลืมตาขึ้นมามองก็จะรับรู้ได้ทุกอย่าง


“รัก..นะครับ….”













——————————————————-












นภัสรพีค่อยๆลืมตาตื่นขึ้นเมื่อได้ยินเสียงแตรรถจากบ้านใกล้ๆ เขามองคนที่โอบกอดตัวเองไว้จนแนบชิดแล้วหลับตาลงอีกครั้ง ใบหน้ามีรอยยิ้มปรากฏขึ้น “ตัวโตขนาดกอดพี่ได้แล้วเหรอเนี่ย” ชายหนุ่มพึมพำกับตัวเอง


“ง่วง….อือ….พี่อาลัว…..”


“ง่วงเหรอ มา นอนต่อก็ได้” ร่างเล็กขยับตัวออกมา แล้วค่อยยกแขนโอบรอบอีกฝ่าย กอดไว้กับอกเหมือนตอนเด็กๆ แต่ดูเหมือนความสูงของเมธัสจะทำให้ลำบากขึ้น


“มีซ้อมแข่งบอล….แต่ง่วง…” เมธัสซุกตัวเข้าหาแล้วกอดเอาไว้ เมื่อคืนแทบจะไม่ได้นอนไปทีนึงแล้ว…ยังจะมีตอนเช้าอีกเหรอ


“เหรอ…แต่พี่อยากดูปั๊บเล่นบอลนะ” นภัสรพีก้มหน้ามองลูกหมาตัวโต


“ไปเชียร์มั้ย ปั๊บจะเอาไปอวดเพื่อน” เมธัสยิ้มจางๆทั้งที่ยังปรือตา


“ไปสิ…แล้วต้องชนะนะ…” พูดจบก็ขยี้ศีรษะอีกฝ่ายพอให้ตื่น “ลุกนะ”


“ชนะแล้วมีรางวัลปะ”


“อื้อ ชนะแล้วอยากได้อะไรบอก พี่ให้หมดเลย” เขายิ้มกว้างให้กับคนที่ดูกระตือรือร้นขึ้นมา


“อย่าลืมแล้วกัน” ลูกหมาตัวโตยิ้มตาหยีแล้วโผเข้ากอดจากด้านหลัง “ปั๊บชนะแน่ ไม่ต้องห่วง”


“มา…” เขาหันมาหาร่างสูงแล้วจับศีรษะอีกฝ่ายให้ก้มลงมา จูบเบาๆที่กลางศีรษะไม่ต่างจากแม่ให้กำลังใจลูกชายตัวน้อย “สู้ๆนะคนเก่ง”


เด็กหนุ่มนิ่งอึ้งไปก่อนจะฉีกยิ้มบางๆบนใบหน้าหล่อเหลา “ปั๊บไม่ใช่เด็กๆแล้วนะ”


ถึงจะเป็นสัมผัสที่อบอุ่น….แต่ก็ไม่ต่างอะไรกับเมื่อก่อนตอนที่ยังเป็นเด็กชายตัวน้อย


ต้องการ…..ผมต้องการมากกว่านี้…..


“อาบน้ำก่อนนะ”


“อื้ม เดี๋ยวพี่ลงไปดูข้าวเช้าให้นะ แล้วไปดูปั๊บแข่งบอลกัน” นภัสรพีเอ่ยบอก เขาปล่อยให้น้องชายตัวโตไปอาบน้ำก่อน ส่วนตัวเองก็ไปสั่งอาหารเช้าตามประสาเจ้าบ้านและพี่ชายที่ดี


หลังจากกิจวัตรประจำวันในตอนเช้าเสร็จสิ้นเรียบร้อย นภัสรพีก็ตัดสินใจพาเมธัสไปส่งที่สนามแข่งด้วยรถยนต์คันจิ๋วของตัวเอง


เด็กหนุ่มในชุดเตรียมพร้อมซ้อมแข่งกับคู่แข่งต่างโรงเรียนก้าวลงจากรถพร้อมกับเดินอ้อมมายืนรอคนเป็นพี่ลงมา นัยน์ตาคมมองไปยังฟากสนามที่มีกลุ่มเพื่อนของตัวเองวิ่งสับขาวอร์มร่างกายอยู่


“มาสายนะมึง” เสียงหนึ่งทักมาจากคนในกลุ่มพร้อมๆกับที่ทุกคนหันมามองอีกคนที่มาด้วยกันกับกัปตันทีม


“สัด” เมธัสตะโกนกลันแล้วหันกลับมายิ้มให้นภัสรพี “พี่อาลัวใส่หมวกด้วย เดี๋ยวไม่สบาย”


“ไม่ต้องห่วงพี่หรอก ไปหาเพื่อนๆก่อนเลย เดี๋ยวพี่ตามไป” เขายิ้มให้ขณะที่ก้มไปหยิบหมวกจากเบาะหลังมาสวม สายตามองไปยังรอบๆบริเวณ นอกจากกลุ่มเพื่อนๆของเมธัสแล้ว ยังเห็นกลุ่มเด็กสาวๆยืนโบกไม้โบกมือให้กับคนที่เพิ่งมา


นภัสรพีเดินไปยืนในจุดที่ไม่ใกล้ แต่ก็ไม่ไกลจากกลุ่มเด็กสาวเหล่านั้นมาก เขาวางเก้าอี้พลาสติกตัวเล็กที่ติดอยู่ท้ายรถออกมาวางก่อนจะนั่งลง ร่างบางยกมือขึ้นโบกให้กับคนที่ลงไปในสนามแล้วพร้อมทั้งแย้มรอยยิ้มกว้างให้


“ปีกซ้าย หยุดให้ได้นะมึง” เมธัสวิ่งพลางออกคำสั่ง ปีกซ้ายตัวโรงเรียนตัดบอลจากคู่แข่งแล้วส่งลูกยาวมาให้เขาพร้อมๆกับเสียงกรี๊ดที่ดังขึ้นเท่าตัว


“วิ่ง!” เพียงคำเดียว กองหน้าทั้งหมดที่นำโดยตนเองก็วิ่งจากอีกฟากสนาม ลูกบอลเลี้ยงสลับหลอกล่อคู่แข่งส่งให้คนในทีมที่เพียงแค่มองด้วยหางตาก็เข้าใจกัน เมธัสโยนลูกสั้นให้คู่หูสับไกยิงเข้าประตู แต่กลับถูกกองหลังสกัดจนล้มไปทั้งคนทั้งบอล


“ฟาวล์!!! เชี่ย มึงเล่นคนนี่หว่า” เด็กหนุ่มบริภาษเสียงดัง เช่นเดียวกับเสียงสาวๆที่ช่วยกันตะโกน


คนที่มาคนเดียว นั่งคนเดียวถึงกับสะดุ้ง เสียงของเด็กสาวทั้งกลุ่มนั้นดังไปแทบจะถึงอีกฟากสนามก็คงว่าได้ นภัสรพีส่ายศีรษะเบาๆก่อนจะหันไปมองบนสนามอีกครั้ง เยาชูนิ้วโป้งให้อีกคนเป็นการให้กำลังใจและชื่นชม


ความโกรธกรุ่นเมื่อครู่ดูจะเย็นลงเมื่อเห็นคนที่นั่งอยู่ยิ้มมาให้ เมธัสสูดลมหายใจแล้วปรับท่าทางพร้อมๆกับกรรมการให้ฟาวล์และเป็นลูกจุดโทษ


“มึงยิง” เมธัสบอกให้เพื่อนเป็นฝ่ายยิง แต่น่าเสียดายที่อีกฝ่ายยิงออกนอกกรอบไปไกล สีหน้าผิดหวังของเพื่อนร่วมทีมทำให้คนเป็นหัวหน้าต้องรีบเข้าไปตบไหล่ “ไม่เป็นไร เดี๋ยวกูเอาคืนให้”


“พี่ชายปั๊บเหรอครับ”


เสียงเรียกจากด้านข้างทำให้ชายหนุ่มต้องหันไปไม่ให้เสียมารยาท ชายหนุ่มร่างสูงในชุดวอร์มยืนยิ้มอย่างเป็นมิตร นภัสรพีรีบลุกขึ้นก่อนจะยกมือไหว้ “สวัสดีครับ อาจารย์…”


“ไปนั่งเชียร์ด้วยกันได้นะ” โค้ชหนุ่มเอ่ยชวนอย่างอารี ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะอาการยุกยิกอย่างอยากรู้อยากเห็นของพวกเด็กในทีม….ที่ไม่เคยเห็นกัปตันของตัวเองพาใครมานั่งดูข้างสนามเลย


“อ๊ะ ครับ เอ่อ…ชื่ออาลัวครับ” ร่างบางก้มเก็บเก้าอี้แล้วเดินตามร่างสูงไป นั่งบนม้ายาวร่วมกับลูกทีมของเมธัสที่ยังไม่ได้ลงเล่น


“พี่ชายไอ้ปั๊บชื่อน่ารักจัง ผมวีค้าบ” เด็กหนุ่มหน้าตี๋เสนอหน้าเข้ามานั่งข้างๆแทบจะทันที “เพิ่งเคยเห็นมันพาคนมาเชียร์นะเนี่ย”


ตัวจริงในสนามที่เหงื่อชุ่มโชกตวัดตามอง ยิ่งเห็นภาพไอ้หน้าตี๋เพื่อนเขาเบียดกระแซะยิ่งทำให้นัยน์ตาขุ่น





เดี๋ยวเหอะมึง….ไม่รู้ซะแล้วว่าคนนั้นเด็กกู





“พอดี พี่เรียนไกลน่ะ ไม่ค่อยได้กลับมาบ้านเท่าไหร่” เขายิ้มตามนัยน์ตาเรียวโค้ง “อย่างปั๊บ ไม่มีพาแฟนมาเชียร์บ้างเหรอ”


“ม่ายยยยเลยยยย” คนตอบทำเสียงยานคาง “แต่ว่าแม่งมีแฟนคลับเยอะฮะ พวกสาวๆตรงนู้นน่ะ ของมันหมดเลย”


“โห หล่อเลย” นภัสรพียิ้มจางๆขณะมองตามไปที่กลุ่มเด็กสาวที่ส่งเสียงเชียร์ไม่มีขาด


“พี่เรียนอยู่ไหนอะ…” เด็กหนุ่มหน้าตี๋ที่ละความสนใจจากหน้าสนามชวนคุยอย่างเป็นกันเอง เขากับนภัสรพีคุยกันโดยลืมไปว่ามีสายตาดุๆจากคนในสนามกำลังมองมาอย่างหมั่นไส้…หมั่นไส้ไอ้เพื่อนเวรที่ไปเกาะแกะ ไหนจะอีกฝ่ายที่ทำท่าคุยสนุกสนานอีก


เมธัสเลี้ยงลูกหลบกองกลางแล้วโยนลูกถอยไปกว่าค่อนสนาม จะจบครึ่งแรกยังทำได้แค่เสมอ…หงุดหงิดเสียจนไม่รู้จะพูดยังไง


นกหวีดจากกรรมการเป่าขึ้นทันทีหลังนาทีสุดท้ายของครึ่งแรกจบลง เด็กหนุ่มร่างสูงเดินผละจากสนามเข้าไปนั่งแทรกกลางระหว่างสองคนที่กำลังคุยกันอย่างสนิทสนม


“คุยอะไรกันอยู่…” คำถามที่ไม่ระบุคู่สนทนา แต่แววตาขวางๆกลับมองไปที่คนที่นั่งประกบซ้ายขวา


“อ๋อ วีเล่าให้พี่ฟังน่ะ ว่าปั๊บของพี่เก่งขนาดไหน” นภัสรพียิ้มกว้างให้ก่อนจะหยิบผ้าขนหนูผืนเล็กที่เตรียมมา เอื้อมเช็ดเหงื่อให้


“อือ…ของพี่อาลัว…” คนที่เพิ่งเดินออกมาจากสนามก้มหน้าลงให้เช็ดหัวแต่โดยดี ทำเอาทั้งเพื่อนร่วมทีมและเหล่าแฟนคลับที่ตามมาเชียร์ถึงกับอึ้งไปกับท่าทางที่ดูแตกต่างจากกัปตันทีมเคร่งขรึม


“ปะ…ปั๊บ แขยงว่ะมึง” วีที่นั่งอยู่ด้วยถึงกับผงะแล้วถอยห่างออกมาอย่างไม่ชิน


“แป๊บนึงนะพี่อาลัว” เมธัสยิ้มอ้อนแล้วหันกลับไปหาเพื่อนที่ยังไม่ได้ชำระความ แววตาหวานเปลี่ยนเป็นขึ้งแทบจะในทันทีที่โอบไหล่ลากคอเพื่อนออกมาจากพี่ชายสุดที่รักได้


“มึง-อย่า-ยุ่ง-กับ-คน-ของ-กู” เสียงทุ้มที่ราวกับจะขบเขี้ยวได้เน้นทีละคำ


“เฮ้ย!…” เด็กหนุ่มที่ถูกโอบไหล่ทำท่าจะอธิบาย แต่แววตาของคนที่ระบุอย่างเปิดเผยว่าเป็นเจ้าของกลับทำให้เขาได้แต่หุบปากให้สนิทแล้วพยักหน้ารัวๆ


“ดี….” เมธัสลากเพื่อนเข้าไปรวมกลุ่มที่กำลังฟังโค้ชวิเคราะห์เกม “…ครึ่งหลังมึงลงแทนไอ้ชาติ จะได้ไม่มีเวลาเสือกเรื่องคนอื่น”


โค้ชหนุ่มวิเคราะห์การเล่นในช่วงแรกพร้อมๆกับบอกแผนรับมือเพื่อแก้เกมของคู่ต่อสู้ เริ่มจากเน้นอุดกองกลางแล้วเปลี่ยนเป็นรุกเร็วเพื่อให้คู่แข่งตั้งรับได้ช้าลง ซึ่งแผนคราวนี้มีตัวหลักอยู่ที่เมธัสที่ถนัดในการหลอกล่อและโยนลูกได้อย่างแม่นยำ


“ไปนั่งพัก เตรียมตัวลง”


เด็กหนุ่มเดินมาถึงตรงที่นั่งของนภัสรพีแล้วนั่งลงข้างๆเอนหัวซบอย่างออดอ้อนเรียกเสียงฮือฮาอีกครั้ง


“ปั๊บหิวน้ำ…..”


คนตัวเล็กขยับตัวมาเปิดกระเป๋าตัวเองอีกครั้ง หยิบเอากระติกน้ำเล็กๆออกมาสองกระบอก “เอาน้ำเปล่าหรือสไปรท์”


“สไปรท์” นอกจากหัวที่เอนซบ ท่อนแขนแข็งแรงยังเอื้อมมาโอบเอวไว้หลวมๆด้วย


“เอ้า แล้วจะชนะหรือเปล่า หือ” นภัสรพีเช็ดศีรษะให้อีกฝ่ายต่อขณะส่งกระติกน้ำให้


“ชนะแหละ…ไม่งั้นเดี๋ยวก็อดได้รางวัลสิ” เด็กหนุ่มยิ้มหวานจนนัยน์ตาหรี่หยี


“อื้ม” เขายกผ้าขนหนูผืนเล็กออก “เรียบร้อยละ”


เมธัสก้มลงผูกสตั๊ดให้แน่นขึ้นแล้วยกกระบอกน้ำขึ้นดื่มอีกครั้ง เขาจับมือเรียวเอาไว้แน่นพลางสบสายตา….ด้วยท่าทางที่ทำเอาสาวๆที่เฝ้ามองยิ่งกว่าช็อค


“ปั๊บจะยิงให้พี่อาลัวดู จะได้รู้ซะทีว่าปั๊บน่ะเท่สุดๆ”


“รู้ตั้งนานแล้ว เอ้า ไปเล่น แพ้ขึ้นมาไม่เท่นะ” เขายิ้มขำกับอากัปกิริยาของเมธัสขณะรับกระติกน้ำคืนมา


เมธัสยักคิ้วรับแล้ววิ่งลงสนาม ทันทีที่กรรมการเป่าเริ่มครึ่งหลัง เด็กหนุ่มก็แย่งบอลจากทีมตรงข้ามแล้วเลี้ยงลูกเลื้อยเข้ามาตรงกลาง นัยน์ตาคมเหลือบมองเด็กหนุ่มหน้าตี๋เพื่อนร่วมทีมที่วิ่งคู่กันมา แล้วจงใจโยนลูกแรงเข้าใส่ วีพลิกตัวจะรับแต่ความเร็วของบอลกลับกระแทกเข้าเต็มๆก้นจนเจ้าตัวร้องเสียงหลงท่ามกลางเสียงหัวเราะของทั้งกองเชียร์ ทีมตัวเอง และทีมตรงข้าม แต่อะไรก็ไม่เท่า….รอยยิ้มอย่างสะใจของเมธัส


“จ่ายบอลเชี่ยไรวะสัด โดนเต็มตูดกูเลย”


“แก้แค้นไงมึง กูจะได้เล่นได้เต็มที่ซะที” เมธัสยักคิ้ว “จ่ายลูกกลับมา กูจะโชว์เทพให้ไอ้พวกเด็กทีมนั้นเห็นซะที”


วีทำปากอุบอิบแต่ก็ยอมจ่ายให้แต่โดยดี ทันที่ที่ลูกอยู่ในเท้า เด็กหนุ่มกัปตันทีมก็เลี้ยงลูกเดี่ยวหลบคู่ต่อสู้ไปทีละคนจนถึงหน้าประตู เมธัสสบตาประตูร่างสูงแล้วใช้สายตาหลอกล่อ ก่อนจะซัดบอลเข้าไปเต็มเท้าสวนทางกับทิศที่โกลด์ล้มลง


“เยส”


เสียงกรี๊ดดังขึ้นจากทางฝั่งกองเชียร์สาวๆไม่เกรงใจใคร นภัสรพีส่ายศีรษะช้าๆก่อนจะตบมือชื่นชมตามมารยาทคนดูที่ดี


ถึงจะมีกี่เสียงเชียร์ แต่รอยยิ้มเงียบๆของคนที่นั่งตบมืออยู่กลับเป็นกำลังใจชั้นดี…ไม่สิ ดีที่สุดเลยต่างหาก


เมธัสหันกลับไปยิ้มให้แล้วยกมือที่กำขึ้นสูงก่อนที่จะชี้ไปที่ประตูตาข่ายแล้วชี้กลับมาที่นภัสรพี


รอยยิ้มบนใบหน้าของเขากว้างขึ้นพลางพยักหน้ารับรู้ นภัสรพีตบมือให้ดังขึ้นก่อนจะตะโกนบ้าง “อีกลูกนะ”


“เหี้ย น่ารักเหี้ยๆ” วีที่วิ่งคู่อยู่พึมพำเบาๆก่อนจะรีบหุบปากเมื่อเมธัสมองมา “กูป่าว….”


“อย่าเผลออีกนะมึง” เมธัสผลักไหล่เบาๆแล้วชี้ไปที่บอลในเท้าคู่ต่อสู้ “ไปแย่งมา วันนี้มึงหน้าที่เพื่อนพระเอก แย่งมาได้ส่งให้กู เดี๋ยวลุยต่อเอง”


“สัด กะโชว์เหนือคนเดียวว่างั้น”


“วันนี้กูขอ คันเท้าอยากได้แฮททริคว่ะ”


พูดจบ นัยน์ตาเข้มก็เปล่งประกายวาววับ….



ใช่….ไม่ว่ายังไงวันนี้ก็ต้องชนะให้ได้อย่างราบคาบ











To be continue…





kagehana : พี่อาลัวของเรา...โดนเด็กกินซะแล้ว อิอิอิ
:hao7:

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
เอ้ยยยยยย น่ารักจริง ทั้งพี่ทั้งน้อง
แต่พี่อาลัวแบ้วอ้ะ ส่วนปั๊บก็หวงเอาโล่ไปเลยจ้าาา

ออฟไลน์ fuku

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +462/-20
เด็กมันร้ายยยยยยยย

มาร์กกิ้งซะขนาดนี้ ตามไปที่ม.เลยปั๊บ

ออฟไลน์ พลอยสวย

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1622
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +232/-5
 :ruready มึนได้โล่มากอาลัว

ออฟไลน์ quiicheh.

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1629
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +73/-9
อาลัวชอบปั๊ปบ้างเปล่า เดี๋ยวเด็กผิดหวังแล้วจะเป็นบ้านะ5555555555555

ออฟไลน์ mur@s@ki

  • อยากรัก..แต่ใจไม่กล้า
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1899
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-5
อาลัวน่ารักดี ปั๊ปตาถึงแล้วล่ะ


 :กอด1:

ออฟไลน์ toshika

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 819
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +38/-4
กรุบกริบอีกแล้ววววววววว

อลัวน่ารักมากกก ปั๊บก็หวงพี่อลัวน่าดูเลยนะ

 :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:


ออฟไลน์ yisren.

  • #คนที่ฉันไม่เคยลืม
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 830
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-4
สงสารจิน  :hao5:
แต่ชอบคนแบบพี่คีย์จัง ><

ออฟไลน์ kagehana

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 186
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-1


Love -destiny- : รักกุบกิบ : ตอนที่ 13








ประตูรถปิดลงพร้อมๆกับที่นภัสรพีสตาร์ทเครื่องยนตร์ ชายหนุ่มหันมายิ้มกว้างให้อีกครั้ง “เก่งมากเลยปั๊บ พี่ดูยังลุ้นไปด้วยเลย”



“สามลูกชิลๆ” คนนั่งยักคิ้วให้ “พี่อาลัวมาทั้งที ปั๊บต้องโชว์หน่อยสิ”



“ครับ เก่งและเท่ สาวๆกรี๊ดจนพี่ยังยอมเลย” เขาค่อยๆแตะเบรคเมื่อเห็นสัญญาณไฟสีแดงข้างหน้า



“พี่อาลัวกรี๊ดด้วยปะครับ” เมธัสพูดเย้าแล้วหัวเราะลั่นรถ “ปั๊บชนะนะ เอาสัญญามาเลย”



“กรี๊ดไม่ไหวหรอก” เขาหัวเราะตามแล้วค่อยพูดต่อ “อยากได้อะไรล่ะ อย่าแพงนะ”



เด็กหนุ่มร่างสูงยิ้มกริ่มทำท่าอมภูมิ “ไม่แพง ไม่เสียตังค์ด้วย เดี๋ยวถึงบ้านแล้วจะบอก…แต่ห้ามคืนคำนะ”



“อื้ม ไม่คืน อะไรก็ได้เลย”



ระยะทางจากสนามแข่งและบ้านนั้นไม่ได้อยู่ไกลมากจนเกินไป ต่างจากสมัยก่อนที่เคยขี่จักรยานด้วยกัน ระยะทางในตอนนั้นดูจะไกลกว่ากันมากอยู่เมื่อเทียบกับตอนนี้ ไม่นาน นภัสรพีก็เลี้ยวรถเข้าจอดในที่จอดรถของบ้าน



“จะบอกน้าต่ายหรือเปล่า ว่าจะค้างอีก…หรือไม่ค้าง”



“ค้าง ไลน์บอกแล้ว แม่ไปกะพ่อพอดี….แต่ต้องเอาไอ้สิบมานอนด้วย” ปั้นสิบ…ไอ้หมาปั๊กที่พ่อกับแม่บอกว่าเลี้ยงเป็นน้องชายเขา แถมเป็นหมากวนตีนขั้นแอดวานซ์



“เดี๋ยวทิ้งข้าวให้มันก็ได้ ไม่ต้องเอามานอนหรอก”



“อื้ม เดี๋ยวให้พี่สุไปดูแลก็ได้ จะได้มีคนเฝ้าบ้านปั๊บเนอะ” ถ้าเอามาทั้งคนทั้งหมา ต่อให้ล็อคบ้านก็ยังอันตรายอยู่ดีสำหรับนภัสรพี เขาจึงเสนอให้คนสวนไปดูแลให้แทน



เด็กหนุ่มในชุดบอลมอมแมมพยักหน้ายิ้มสดใส เขาลงจากรถแล้วสวัสดีคนสวน ฝากฝังไอ้หมาหน้าง่าวไว้แล้วรีบหันไปจูงมือพี่ชายที่รัก



“อยากอาบน้ำ เหนียวตัวแล้ว…..อาบน้ำด้วยกันเหมือนตอนเด็กไหม”



“จะได้ไม่เปลืองน้ำ ใช่ไหม” เขาพยักหน้าขณะเดินตามอีกคนเข้าไปในบ้านของตัวเอง “ได้สิ แต่ว่า สัญญาล่ะ อยากได้อะไร ถึงบ้านแล้วนะ”



“ให้สระผมให้หน่อย นะๆ” นะเสร็จ ท่อนแขนแข็งแรงก็ควงหมับแล้วเอนหัวซบ…ถึงภาพมันจะดูเป็นเด็กโข่งทุเรศไปหน่อยก็ยอมวะ



“แค่สระผมเองเหรอ ได้สิ” ร่างเล็กหัวเราะออกมาอีกครั้งกับคำขอของเมธัส “งั้นก็ไปอาบน้ำกัน”



หลังจากที่หลบมุมไปถอดเสื้อผ้าแล้วเอาผ้าขนหนูมาพันท่อนล่างเสร็จ เด็กหนุ่มก็เดินมาที่ห้องน้ำด้วยท่าทางเขินอายนิดๆ ใบหน้าขาวที่ยังไม่โตเต็มตัวมีกระแสของความตื่นเต้นปนเขินอายเคลือบอยู่บางเบา



“โห…ไม่ได้สูงอย่างเดียวด้วยนะเนี่ย” เจ้าของบ้านที่ยืนรออยู่แล้วในห้องน้ำเอ่ยอย่างชื่นชม



“ก็เป็นนักบอลนี่ ออกกำลังกายทุกวัน ช่วงนี้ยกน้ำหนักด้วย” เมธัสใช้มือลูบกล้ามท้องอย่างภูมิใจนิดๆ



“พี่อาลัวไม่ถอดเดี๋ยวเสื้อเปียกนะ”



“รู้แล้ว” เขาถอดเสื้อยืดสีอ่อนที่สวมอยู่ออก ตามด้วยชิ้นอื่นๆที่เหลือโดยไม่มีอาการเขินอายใดใด ร่างเล็กไม่ลืมที่จะพับใส่ลงตะกร้าที่วางอยู่ตรงมุมห้อง



“ดูสิ พี่ตัวแห้งยังกับเด็ก”



“แถมขาวด้วย ยังกะไม่เคยออกแดด” เมธัสจ้องมองร่างกึ่งเปลือยแล้วอดไม่ได้ที่จะรู้สึกถึงอะไรในส่วนลึกของร่างกาย…ที่พลุ่งพล่านขึ้นทุกที



“ก็ไม่ค่อยอะ อยู่ที่ม.ก็ใส่แขนยาว…” เขาหยิบเอาผ้าเช็ดตัวมาพาดร่างตัวเองเอาไว้ก่อนจะเดินนำอีกคนไปที่อ่างอาบน้ำ “เอ้า นั่งตรงนี้ สูงขนาดนั้นพี่เอื้อมสระผมเหมือนตอนเด็กๆไม่ได้หรอกนะ”



ร่างสูงนั่งลงแล้วแหงนคอมองอย่างว่าง่าย เขารู้สึกถึงมือนุ่มที่ประคองท้ายทอยและสายน้ำที่รินรด กลิ่นแชมพูหอมหวานโชยขึ้น…ไม่นานนักมือสองข้างก็ช่วยกันขยำเบาๆลงบนศีรษะแล้ว



เมื่อก่อน..ตอนยังเล็กๆ เขามีอาลัวที่คอยดูแลราวกับพี่น้องแท้ๆที่คลานตามกันมา



แต่ตอนนี้..ความสัมพันธ์ที่เชื่อมโยงร้อยรัดทำให้ความรู้สึกที่เคยเป็น…แปรเปลี่ยนไป



“โอเคหรือเปล่า” ช่างสระผมจำเป็นเอ่ยถาม “ถ้าอยากให้แรงขึ้นบอกนะ”



“อย่างกับช่างเสริมสวยเลย” เอ่ยเย้าเสร็จก็ลืมตามองแววตาสุกใส “สบายจัง ชอบพี่อาลัวที่สุดเลย”



“หลับตาเลย ไม่ต้องปากหวานพี่ก็ทำให้”



เมธัสเงียบเสียงลงรับสัมผัสหวานหวาม ยังดีว่ากว่าครึ่งตัวแช่อยู่ในน้ำอุ่นที่มีฟองลอยอยู่ ไม่อย่างงั้นแล้วพี่ชายอาจจะสังเกตเห็นอะไรบางอย่างที่ขัดกับท่าทีสบายๆของเขาได้



เป็นความสุขที่…ทรมานสุดๆ



นภัสรพีค่อยๆราดน้ำลงบนศีรษะของอีกคน มือข้างหนึ่งคอยป้องประคอง ไม่ให้น้ำผสมแชมพูไหลลงไปที่หน้าได้ก่อนจะล้างแชมพูออกให้หมด



“เรียบร้อยแล้ว จะแช่น้ำอยู่แบบนั้นก่อนหรือเปล่า พี่จะได้อาบน้ำก่อน”



เมธัสพยักหน้าพร้อมหลับตาพริ้ม ข้างๆหูได้ยินเสียงฝักบัวเปิด แต่เพียง…ในหัวก็คิดไปถึงว่าตอนนี้มือเรียวคู่เมื่อกี้กำลังเลื่อนไหลไปตรงไหนบนเรือนร่างขาวนวล



“วีน่ะ บอกพี่ว่าเราไม่เคยพาใครมาเชียร์เลย…สาวๆตามเสียขนาดนั้น ไม่มีเลยเหรอ” เขาหันมาถามคนที่นอนหลับตาสบายอยู่ในอ่างกว้าง



นัยน์ตาคมลืมขึ้น พอมองเห็นร่างเพรียวบางเปลือยเปล่าโผล่ออกมาจากม่านพลาสติกกั้นแบบรำไรๆพอให้ใจเต้นก็รีบปิดตาลง มือหนาคว้าตะปบ ‘ส่วนนั้น’ ที่มีปฏิกิริยาไม่ดูเวล่ำเวลา



“ก็…เอ่อ…อือ…ก็…รำคาญ…ปกติก็มาเชียร์อยู่ข้างสนามอยู่แล้ว ขืนพามานั่งที่เก้าอี้ทีมเดี๋ยวได้ใจ ไม่ก็ทะเลาะกันอีก”



“เชียร์กันเสียงดังแบบนั้นไม่ชอบสินะ อืมอืม” ส่งเสียงอือออกับตัวเองเสร็จก็หยิบเอาโฟมล้างหน้ามาบีบออก



เมธัสเลื่อนตัวลงต่ำจนน้ำในอ่างอยู่ระดับคอ เขาหวัง…ว่าพี่ชายคนดีจะไม่รู้ว่าอาการของเขาแย่แค่ไหน



เพราะพี่อาลัวแท้ๆ….ผมถึงได้หัวปั่นแบบนี้



“บางที…แค่เข้าไปคุยกับใครเป็นพิเศษ พวกผู้หญิงก็อิจฉากันแล้ว ทั้งๆที่ไม่ได้คิดอะไรเลยแท้ๆ” คนพูดบ่นงึมงำ…พึมพำอะไรก็ได้ให้มันเป็นเรื่องไกลตัวที่สุด



“งั้น วันนี้ จะอิจฉาพี่ด้วยไหม” เขาพูดติดตลกก่อนจะล้างโฟมและสบู่ออก “เพราะพี่ได้นั่งตรงที่พิเศษ”



“ก็ให้อิจฉาไปสิ ยังไงพี่อาลัวก็พิเศษกว่าทุกคนอยู่แล้ว พวกนั้นแข่งไม่ได้หรอก”



“พูดแบบนี้ ดีใจนะเนี่ย” นภัสรพีเอื้อมเสียบฝักบัวคืนที่แล้วหมุนก๊อกปิด “พี่เสร็จแล้วนะ เราก็อย่าแช่นานจนตัวเหี่ยวล่ะ”



“คร้าบบบ”



เด็กหนุ่มแช่ตัวอีกสักครู่พอให้อะไรสงบๆลง ในตอนที่พันผ้าเช็ดตัวเดินออกมาจากห้องน้ำนั้น พี่ชายคนดีก็อยู่ในชุดนอนนอนเล่นมือถืออยู่บนเตียงแล้ว เมธัสยิ้มเขินๆแล้วหยิบเสื้อนอนมาสวมทับ



คล้ายกับได้ยินเสียงจากร่างสูง เจ้าของห้องหันมามองอีกฝ่ายก่อนจะยิ้มให้จางๆ นภัสรพีขยับตัวสร้างพื้นที่บนเตียงนอนให้กับน้องชายเพิ่มขึ้น เขาเอื้อมวางมือถือของตัวเองลงที่โต๊ะหัวเตียงก่อนจะเอ่ยถาม



“จะเล่นคอมก็เปิดได้นะ”



“ไม่เอา เหนื่อยแล้ว” เขาสวมกางเกงแล้วดึงผ้าเช็ดตัวพาดไว้บนตะกร้าสร้างภาพเด็กดี เพราะถ้าเป็นในห้องตัวเองน่ะเหรอ…โน่น โยนไว้ในห้องน้ำแล้วมั้ง



“พี่อาลัวไลน์กะเพื่อนเหรอ ที่มหาลัยป่ะ”



“อื้ม ชื่อเม็ดโฟม…ดูไหม” เขาเอียงมือถือไปด้านข้าง เผื่ออีกฝ่ายจะอยากดูขึ้นมาจริงๆ



เมธัสส่ายหน้า ถึงจะอยากแค่ไหนแต่เรื่องส่วนตัวเขาก็ไม่อยากก้าวก่าย ไม่อยากให้มองว่าน้องไม่น่ารัก เขาขยับตัวเปิดผ้าห่มแล้วสอดตัวเข้าข้างใต้ ดึงร่างบอบบางมากอดทำเสียงอู้อี้ “..เลิกเล่นเลย มานอนกะปั๊บซะดีๆ”



“ปิดเสียงไปแล้วล่ะ ส่งมาแต่สติ๊กเกอร์งอแง เดี๋ยวพรุ่งนี้ตื่นมาค่อยตอบทีเดียว” เพราะถูกกอดไว้ เสียงที่ออกมาเลยฟังดูอู้อี้ไม่แพ้กันเท่าไหร่ “ปิดไฟด้วย…”



“ใครบังอาจมางอแงกับพี่อาลัวของปั๊บ ไปบอกเลยว่าปั๊บหวงนะ” พูดไปมือก็เอื้อมปิดไป แสงจากด้านนอกส่องให้เห็นเงาร่างของคนที่กอดอยู่สลัวๆ



คนเป็นพี่หัวเราะออกมา “อื้ม ไว้จะบอกนะ” ร่างเล็กขดตัวเข้าหาอ้อมกอดของเมธัสอีกเล็กน้อย



ไม่รู้ว่าเป็นเพราะกลิ่นหอมจางที่โชยออกมา หรือเพราะอุณหภูมิที่ส่งผ่าน ทำให้อารมณ์หวานหวามเข้าปกคลุมหัวใจ…ทั้งๆที่เมธัสรู้ดีว่ามันยังเป็นไปไม่ได้



เขายังเป็นแค่น้องตัวน้อยของพี่อาลัว…ไม่ใช่คนรัก



แต่ถึงอย่างนั้น ก็ทำได้แต่กอดเอาไว้ให้แน่นขึ้น



“หวงนะ หวงจริงๆ”



นภัสรพีปล่อยให้ความเงียบปกคลุม ไม่ได้เอ่ยอะไรต่อ เขานอนนิ่งให้อีกฝ่ายกอดอยู่แบบนั้นครู่หนึ่ง ก่อนจะกดศีรษะเข้ากับแผ่นอกของเมธัสแล้วเอ่ยเรียกเบาๆ “…ปั๊บ”



“หือ”



“เมื่อคืน…….พี่…….ไม่ได้นอน……อยู่นะ….”



“มะ…เมื่อคืน…อะไร” อะไร…ที่เขารู้ว่าหมายถึงอะไร แต่เมธัสไม่อยากจะคิดว่ามันเป็นเรื่องจริง



“….ที่เราพูด……พี่…ได้ยิน…..” นภัสรพีไม่ขยับแม้แต่น้อยขณะที่พูดออกมา เขายังคงกดศีรษะตัวเองไว้กับหน้าอกของเมธัส



เพราะคำพูดที่บอกออกมาตรงๆทำให้คนที่กอดอยู่ตัวชาวาบ เขาดึงร่างคนในอ้อมกอดออกมาเล็กน้อยเพื่อนค้นหาความจริงในแววตา…เพื่อจะพบว่าดวงตาคู่สวยฉายแววจริงจังแค่ไหน



“…..แล้ว….ได้ไหม” น้ำเสียงทุ้มแหบแห้ง “ปั๊บ…รักพี่อาลัว…ได้ไหม”



ร่างบางพยักหน้าช้าๆก่อนเอ่ยตอบเสียงบางเบา “…ได้….สิ……..”



“ถึงจะเด็กกว่า งอแง ยังไม่โต แต่รัก…เป็นของจริงนะ”



“…………….อื้ม……” สุดท้าย เขาก็กลับเข้าไปซุกกอดร่างสูงเอาไว้เหมือนตอนแรก



“ไม่เกลียดใช่ไหม”



เขารีบส่ายศีรษะ “พี่ไม่เคยเกลียดปั๊บ…”



“แล้ว….รักล่ะ”



“ตั้งนานแล้ว…….” น้ำเสียงของเขาแผ่วเบาลงเรื่อยๆจนไม่ต่างอะไรกับเสียงกระซิบของสายลม “ปั๊บ…ไม่รู้”



จากที่นอนเรื่อยเอื่อย คำรักแผ่วๆของคนที่คิดว่าเป็นได้แค่พี่น้องกันตลอดมาทำให้เด็กหนุ่มถึงกับผุดลุกขึ้นนั่ง นัยน์ตาคมมองนภัสรพีอีกครั้งเพื่อยืนยันในคำตอบที่ได้ยิน



“ทำไมไม่บอก…”



“……จะกล้าบอก…ได้ยังไง……” ใบหน้าหวานหันหลบสายตาที่มองมา “ผู้ชาย…ด้วยกัน……..”



“แต่ปั๊บรักมาตั้งนาน ตั้งแต่เล็กๆ…รู้หรือเปล่า”



“………พี่ต่างหาก…….” เขาโต้คืน



“อ้าว” เด็กหนุ่มอุทานแล้วยิ้มรับ “อย่าบอกนะว่ารักตั้งแต่สามขวบ กินเด็กนะอย่างงั้น”



“…….ไม่พูดแล้ว…นอนนะ……” นภัสรพียิ่งหลบรอยยิ้มของร่างสูง เขาเอื้อมมือไปดึงผ้าห่มขึ้นมาอีกครั้ง



คนที่เด็กกว่าไม่ยอมแพ้ เขาซุกตัวเข้าหาแล้วกอดไว้ บรรจงจูบรับขวัญพี่ชายที่ริมฝีปากระเรื่อก่อนจะถอนออกมาเบาๆอย่างเสียดายนิดๆ “ปั๊บกินผู้ใหญ่แทนก็ได้ ถ้าบอกว่าพี่กินเด็กแล้วแสลงใจ”



“……..ไม่ได้…แสลงใจ” เขายกมือขึ้นปิดใบหน้าที่คงจะเปลี่ยนเป็นสีเข้มไปแล้ว “แค่บอกให้นอน………”



“นอนไม่หลับ ปั๊บรักของปั๊บมานาน อยู่ๆบอกว่ารักด้วย…จะหลับลงได้ไง” เด็กหนุ่มใช้จมูกดุนดันหลังมือที่ยกปิดหน้า พี่อาลัวหอมไปทั้งตัวแบบนี้ จะให้นอนเฉยก็พระอิฐพระปูนเกินไปแล้ว



“ไม่นอนแล้วจะทำอะไร”



“กินผู้ใหญ่”



“…………ม ไม่เหนื่อยเหรอ…….แข่งบอลมา….” เขาถามต่อ ฟังอย่างไรก็เหมือนกับเจ้าตัวพยายามเลี่ยง



จมูกโด่งได้รูปซุกลงที่ลำคอพร้อมๆกับประทับรอยจูบทิ้งไว้บนผิวเนื้อนวล เมธัสกระซิบเบาๆข้างใบหูกลมนิ่ม “หายเหนื่อยแล้ว….ให้กินไหม…”



ร่างบางขดตัวเข้าหากันโดยไม่ตั้งใจ นภัสรพีผงกศีรษะเบาๆ เอ่ยตอบเสียงแผ่ว “…อือ…….”



“อือ…แปลว่าอะไร” เมธัสกระซิบอีกครั้ง



“…แปลไม่ได้…ก็นอน…..”



“ใจร้าย…ผู้ใหญ่ใจร้าย” น้ำเสียงทุ้มต่ำเง้างอนออดอ้อน เมธัสพรมจูบบางๆไปทั่วทั้งฝ่ามือที่ดึงออกมาได้



รู้มาตั้งแต่แรกว่าพี่อาลัวเป็นคนขี้อายแค่ไหน…แต่ว่า นานๆทีเขาก็อยากให้แสดงออกมาบ้าง



“ไม่รักแล้วเหรอ”



“….รัก………..” ดวงตากลมค่อยๆเปิดขึ้นมองอีกฝ่ายผ่านนิ้วมือที่ยังไม่ถูกเกี่ยวไป



เด็กหนุ่มร่างสูงตอบรับด้วยรอยจูบอีกครั้ง…และอีกครั้ง




“รัก….นะ…”

 

 

 

 

 

To be continue…

——




kagehana : พี่อาลัวชนะเลิศค่ะ กินเด็กหรือโดนเด็กกินก็ผิวพรรณผุดผ่องเหมือนกัน ครุคริ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
อุต๊ะ คู่นี้ชนะเลิศจริงๆ
น่ารักน่าหยิกทั้งคู่

sunshinesunrise

  • บุคคลทั่วไป
อรั้ยยยย ยาอายุวัฒนะ เป็นอมตะแน่ๆเลย อาลัวววววววววว โฮะๆๆๆๆๆๆๆ

ออฟไลน์ Nus@nT@R@

  • Life is Investment
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5589
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +456/-11
พี่อาลัวเป็นอมตะ 5555

ออฟไลน์ mur@s@ki

  • อยากรัก..แต่ใจไม่กล้า
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1899
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-5
ชอบคู่นี้ที่สุดเลย   :กอด1:

ออฟไลน์ ~ณิมมานรฎี~

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1070
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-2
555555 เขินเบาๆ  อาลัว น่ารักอ้ะ!!!!!!
 เรื่องนี้ กินหญ้าอ่อนทั้งนั้นเลยยยยย  :hao6:

ออฟไลน์ boobooboo

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 748
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-2
น่ารักสุดสุด  มาต่ออีกนะ

ออฟไลน์ quiicheh.

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1629
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +73/-9
พี่อาลัวได้ราศีจับอีกแน่ๆกินเด็กเป็นอมตะ ฮา
คิดถึงแว่นแฮมกับจินจังเลยยยย

ออฟไลน์ พลอยสวย

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1622
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +232/-5
 :impress2: ชอบอาลัวอ่ะ น่าร๊ากกก

ออฟไลน์ Pakbung Mazo

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 505
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-3
ตอนนี่ก็คงเหลือแค่คู่ของจินสินะที่ยังหน่วงอยู่  :t3:

ออฟไลน์ boobooboo

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 748
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-2
อยากรู้ว่าพี่ศิวากร จะทำไงต่ออ่ะ  สงสารจิน

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด