♥~ รักกุบกิบ~ ♥ UPDATE!!! มีข่าวประกาศและแบบสอบถามค่า [06/01/15]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ♥~ รักกุบกิบ~ ♥ UPDATE!!! มีข่าวประกาศและแบบสอบถามค่า [06/01/15]  (อ่าน 84472 ครั้ง)

ออฟไลน์ love2y

  • (′~‵)
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2059
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +502/-11
โอยยยยยยยยยยยย เพิ่งได้อ่าน น่ารักกุบกิบ ชอบบบบบบบบบบ สมหวังไปสองคู่ละ เหลืออีกสองคู่ ลุ้นค่ะลุ้น >/////<

ออฟไลน์ boobooboo

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 748
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-2

ออฟไลน์ inspirer_bear

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2003
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +206/-5
โอ๊ยยย อาลัวน่ารักแล้วจินกับแว่นแฮมล่ะ
คี์โดนหลอกอีกแล้ว อันยังไม่ได้หย่านิ แง่งงงง
หงุดหงิด

ออฟไลน์ dekzappp

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 271
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0
ปั๊บ นายแน่มาก!!! อ้อนได้น่ารักโคตรร

เอาใจช่วยจินอยู่นะะะ

ออฟไลน์ JustWait

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-4
พี่อาลัวขาาา ฃนะเลิศจริงๆค่ะ


รอคู่น้องจินกับพี่คีย์ :katai5:

ออฟไลน์ boobooboo

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 748
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-2
มาต่อเร็ว ๆ นะครับ

ออฟไลน์ kagehana

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 186
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-1
 Love -destiny- : รักกุบกิบ : ตอนที่ 14 (Special for Valentine)






วันนี้ก็เป็นอีกวันที่แดดร้อนจนไม่อยากจะทำอะไร อากาศเมืองไทยสมกับเป็นเมืองร้อนจนอิชย์ไม่อยากแม้แต่จะออกมาข้างนอก แต่ชายหนุ่มร่างเล็กก็นั่งพาดตัวกับโต๊ะกลมในร้านอาหารราวกับเป็นซากสิ่งมีชีวิต– รอเพื่อนอีกสองคนที่ควรจะตามมา



“แม่ง…ชักช้ากันจัง…”



“ถ้าเธอก็รัก เธอก็รู้สึกดีๆเหมือนกัน แต่มัวจะเขินอายอย่างนั้น ที่จะต้องพูดมา— นั่งแดกขอบโต๊ะทำป้ามึงเหรออาลัว” คนที่ฮัมเพลงอย่างอารมณ์ดีม้วนชีทแล้วฟาดหัวรับขวัญเบาๆทันทีที่เดินมาถึงโต๊ะ “อะหือ นี่นั่งแบ่งโซนนิ่งกันเหรอวะ จินกะน้องเม็ดโฟมอยู่ขั้วโลกเหนือ อึมซะไม่มี ส่วนอาลัว…” รฐกรก้มหน้าจ้องมองแววตาวิบวับ “ปิดเทอมแม่งต้องมีไรดีๆแหง ใช่มะๆ”



“ไม่มีอะไร” นภัสรพีที่เพิ่งนั่งลงยิ้มตามฉบับเจ้าตัว



แต่อิชย์ที่ควรจะเถียงกลับนั้นกลับอยู่เฉย “ช้าสุดมึง…หิวแล้ว”



“ช้าไรวะ พี่ไผ่ยังไม่มา เอ…หรือว่าหนีไปติดสาวญี่ปุ่นหุ่นเอ็กซ์ซะแล้วว้า” ชายหนุ่มร่างสูงพูดกลั้วหัวเราะ เพราะจำได้ว่าปิดเทอมของพี่ไผ่ถูกใช้ไปกับประเทศญี่ปุ่นกับครอบครัว เรียกง่ายๆว่าถ้าไม่ได้เจอกันหน้าเฟสก็แทบจะไม่เห็นหน้า



“สัด” อิชย์ยกซากศพของตัวเองขึ้นมาจากโต๊ะ มือคว้าเอาเมนูมาเปิดกาง “อาลัวอยากกินไร”



“อะไรก็ได้”



“ไม่สร้างสรรค์ครับ จิน แดกไร” พอไม่ได้คำตอบที่น่าพอใจ คนตัวเล็กที่สุดก็หันไปหาซากอีกชิ้นหนึ่งที่อยู่ใกล้กัน



“ตามใจมึง” คนที่นั่งนิ่งตอบเบาๆ



“แดกน้องเม็ดโฟมผัดแห้วดีกว่า ฮ่าๆๆๆ” รฐกรหัวเราะอย่างไม่ปิดบัง



“แห้วอะไร กูเปล่า มึงแหละสัด” อิชย์รู้ดี ว่าคนรักไม่มีวันผิดสัญญา แต่ถึงอย่างนั้นก็อดที่จะอารมณ์เสียไม่ได้กับการที่อีกคนยังไม่มาถึงเสียที



“กูไม่แห้วโว้ย กูก็มีปิดเทอมใหญ่หัวใจว้าวุ่นเหมือนกัน” พูดจบก็นึกไพล่ไปถึงหญิงสาวร่างเล็กที่คอยส่งไลน์ไปแหย่ทุกวัน



“สั่งอาหารเถอะนะ เราว่า” นภัสรพีเอ่ยแทรกเพื่อจะหยุดสงครามขนาดย่อม “เราเอาไข่เจียวกุ้งสับ…โฟมล่ะ”



“รอพี่ไผ่…” เขาตอบแทบจะทันทีโดยไม่ต้องคิดแม้ท้องเจ้ากรรมจะเริ่มส่งเสียงประท้วงก็ตาม



“กะเพราหมูสับ” ซากที่นั่งอยู่มุมโต๊ะเอ่ยเบาๆ “สั่งก่อนก็ได้โฟม เดี๋ยวพี่ไผ่มาค่อยสั่งเพิ่ม”



“………เอาเกี๊ยวชีสทอด….” อิชย์สั่งอาหารทานเล่นมาเพื่อไม่ให้ซากที่เอ่ยปากพูดเป็นครั้งแรกเป็นห่วง



“ถังล่ะ เอาอะไร” คุณชายอะไรก็ได้หันไปยิ้มจางๆให้ร่างสูง “เดี๋ยวเราเดินไปสั่งทีเดียว”



“เปรี้ยวหวานไก่ ต้มยำกุ้ง น้ำข้นนะอาลัว” พอพูดจบ คุณชายที่ดูอารมณ์รื่นเริงดีที่สุดก็เดินไปสั่งอาหาร โต๊ะที่เหลืออยู่กับสองซากก็เหลือแต่ความเงียบ



รฐกรมองซ้ายทีขวาทีแล้วถอนหายใจ คนนึงรู้แหละว่าเพราะพี่ไผ่ยังไม่มา แต่อีกคนที่ดูอาการหนักกว่านี้ไม่รู้เป็นเพราะอะไร



แม่ง..ทำหน้าอย่างกับแดกแฟ้บมาทั้งคู่



“มึงเป็นไรวะจิน แล้วนี่ไม่ชวนพี่คีย์มาด้วยเหรอ”



“เหี้ย” จิณณ์ตอบกลับสั้นๆ แผลที่อุตส่าห์ดีขึ้นถูกปากหมาของเพื่อนรักกวนให้เจ็บแสบ ในตอนนี้เขาไม่อยากได้ยินชื่อนี้…แม้จะคิดถึงอยู่ตลอดเวลาก็ตาม



“อ่าวสัด ด่ากูซะงั้น ไม่คุยกะมึงก็ได้วะ” ว่าจบก็หันไปหาอีกคน “มึงล่ะ ทำหน้าอย่างกับโดนผัวทิ้ง เดี๋ยวนี้เลียนแบบอีกี้เหรอครับน้องเม็ดโฟม”



“ทำไม กูจะทำหน้ายังไงก็เรื่องของกู” อิชย์หันหน้าหนี รู้อยู่ว่าเพื่อนปากดีคนนี้ไม่ได้ตั้งใจจะกวนให้อารมณ์เสีย แต่ก็อดอารมณ์เสียไม่ได้



“โหด มาโหดตลอด คอยดู..พี่ไผ่มากูจะฟ้อง”



“ฟ้องอะไร ไม่ต้องเลยมึง” เขายังคงทำหน้าเบ้ แสดงออกทางสีหน้าชัดเจนว่าอารมณ์ไม่ดี



“พอแล้วนะ ทั้งคู่เลย รบกวนโต๊ะอื่นนะ” คุณชายห้ามทัพอีกครั้ง ปกติจะมีจิณณ์คอยช่วยเหลือบ้าง พชรก็ปรามอิชย์ได้ แต่ตอนนี้ไม่ต่างอะไรกับเหลือตัวคนเดียว



เพราะคนที่เป็นกลางสุดพูดเตือน คนชอบแหย่เลยยอมนั่งนิ่งหยิบมือถือขึ้นมาส่งไลน์หาใครบางคนแต่โดยดี แต่ก็ไม่วาย..”คุยกับคุณชายอาลัวดีกว่า ปิดเทอมไปทำไรมาวะ ดูดีมีความสุขผิดกับหมาบ้าบางตัวเลย”



“ปิดเทอมนี้ได้กลับบ้านน่ะ เลยอยู่กับปั๊บตลอด” เจ้าตัวตอบด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม “ไม่ได้เจอกันเกือบปี…”



“ปั๊บ…อ๋อ เด็กม.ปลายที่ว่าเป็นน้องข้างบ้านใช่ปะ ตัวเท่าไหนแล้วล่ะ”



“สูงท่วมหัวแล้ว นี่ไง” นภัสรพีหยิบมือถือออกมาเปิดรูปที่ถ่ายด้วยกันเอาไว้ให้อีกฝ่ายดู “สูงเนอะ”



“หืมๆๆ ทำอย่างกับจะอวดน้อง เป็นพี่ติดน้องหรือไงคร้าบคุณชาย”



“เปล่าซะหน่อย เป็นแฟนกัน” เขาพูดออกมาหน้าตาเฉยก่อนจะเก็บมือถือลงไป



“อ่อ แฟน…” รฐกรพยักหน้าก่อนจะเบิกตาค้าง “เฮ้ย!! เอาจริงดิ คุณชายอาลัวเนี่ยนะกินเด็ก…แถมเด็กผู้ชายตัวเท่าลูกควายด้วยเนี่ยนะ”



“อืม…”



“หืม อาลัวมีแฟนเหรอ” อิชย์เงยหน้าหันมาถาม



“อื้ม น้องชายข้างบ้านน่ะ” เขาเอ่ยตอบด้วยรอยยิ้ม



จิณณ์ที่นั่งนิ่งอยู่นานก็ออกอาการสนใจไปด้วย แต่เพราะอีกฝ่ายเก็บมือถือไปแล้วเลยไม่คิดจะไปขอดูเรื่องส่วนตัวอีก



น้องชายข้างบ้าน…..ก็เหมือนเขากับคิรากร



แต่ต่างกันที่….เรื่องราวของเขาจบลงไปแล้ว



“พี่ไผ่ยังไม่มาอีกเหรอวะ…โฟม มึงโทรตามดิ๊”



“โทรแล้ว ไม่ติด…ปิดเครื่อง” พูดจบใบหน้าหวานก็ดูหมองลงจนเห็นได้ชัด



“อาจจะรอกระเป๋ารึเปล่า หรือไม่ก็โดด มาไฟลท์เช้าให้ขับรถมาเรียนเลยก็เหนื่อยตาย” เป็นจิณณ์ที่พูดต่อ



พอพูดจบ อาหารที่สั่งไว้ก็ยกมาวางตรงหน้า เด็กเสิร์ฟวางโถข้าวเอาไว้ รฐกรตักข้าวให้เพื่อนๆโดยตักให้เด็กดองหน้ามุ่ยมากเป็นพิเศษ



“แดกไปครับน้องโฟม อย่าเรื่องเยอะ เกี๊ยวชีสมึงอันเท่าลูกมด กินทั้งจานก็ไม่อิ่ม”



“ไม่เอา จิน เอาไปกินแทนกู” เขาผลักจานไปทางเพื่อนซอมบี้อีกคน “นะ”



“ปล่อยโฟมไปก่อนนะถัง เดี๋ยวโฟมหิวก็กินเองแหละ” คุณชายว่าก่อนจะดันจานของตัวเองไปให้อีกฝ่ายตักข้าวให้



“งั้นมึงก็นั่งดูพวกกูแดกไปซะ” ชายหนุ่มยักคิ้วให้แล้วตักข้าวใส่จานนภัสรพี “อดข้าวประท้วงพี่ไผ่อ่ะดิ กูรู้”



“กูเปล่า” อิชย์หมายความตามนั้นจริงๆ เขาไม่ได้อดข้าวประท้วง เขาเพียงอยากจะทานข้าวด้วยกัน พร้อมกับพชรก็เท่านั้น ชายหนุ่มร่างเล็กเคี้ยวเกี๊ยวห่อชีสช้าๆ ถ่วงเวลาขณะมองเพื่อนทั้งสองทานข้าวกันอย่างเอร็ดอร่อย สายตาของเขาเหลือบมองจิณณ์ที่มีอาการเหม่อลอยเป็นระยะ แต่ก็เลือกที่จะไม่ถามอะไร



สุดท้าย อาหารบนโต๊ะก็หมดไปโดยที่ตัวเองยังไม่ได้ทานอะไรนอกจากเกี๊ยว



รฐกรตักไก่ชิ้นสุดท้ายในชามเข้าปากแล้วตบท้องเบาๆ เขามองจานอาหารที่เกลี้ยงทุกอย่างแล้วก็ได้แต่มองหน้าเพื่อนอีกสองคนทำนองว่าเอาไงดี อาลัว…ไอ้นี่หน้าก็บอกแล้วว่าเอาไงก็ได้ ไอ้จิน…หน้ายังกะผีตายซาก ถามไปก็ไม่ได้คำตอบ กูตอบเองก้ได้วะ



“หมด จบ พี่ไผ่มาไม่ทัน อดแดกไป เก็บตังค์เลยมะ”



“อือ เดี๋ยวกูนั่งแดกน้ำรอ พวกมึงไปไหนไปเหอะ” อิชย์ตอบก่อนจะหยิบธนบัตรใบละร้อยออกมาวางบนโต๊ะ



“งั้น พรุ่งนี้เจอกันนะ” นภัสรพีเป็นฝ่ายลุกขึ้นก่อน เขาหยิบเอาธนบัตรใบนั้นมาถือเอาไว้ “มีอะไรก็โทรมานะโฟม”



หลังจากจ่ายเงิน กลุ่มเพื่อนสนิททยอยกันเดินออกจากร้าน รฐกรมองท่าทางเหมือนคนหงอยของเพื่อนแล้วอดจะสงสารขึ้นมานิดๆไม่ได้…แต่ก็ช่างแม่งมัน ดื้ออย่างงี้นั่งให้ยุงแดกตัวไปเหอะ



อิชย์มองเพื่อนสามคนเดินไปจนลับสายตา ท้องเจ้ากรรมส่งเสียงร้องจนต้องเอามือกดไว้เพราะกลัวคนในร้านจะได้ยิน รู้ตัวดีว่าหิวขนาดไหน แต่พชรไม่เคยผิดนัด เขาที่รู้จักกันมาตั้งแต่เด็กรู้ในข้อนั้นดีที่สุด



แม้จะพร่ำบอกตัวเองอย่างนั้น แต่กลับอดไม่ได้ที่จะคิดว่าพี่ไผ่ที่แสนใจดีอาจจะเหนื่อยจนมาไม่ไหว– ถ้าเป็นแบบนั้นก็น่าจะส่งข้อความมาบอกกันบ้าง



“พี่ไผ่…”



รถยนต์สีดำขับเข้าเทียบลานจอดรถ ประตูที่เปิดออกอย่างเร่งร้อนกระแทกปิดดังปังทันทีที่ร่างสูงออกมาจากรถได้ พชรวิ่งเข้าไปในร้านตามที่นัดกันไว้ ร่างเล็กที่ฟุบอยู่กับโต๊ะดูเหงาหงอยจนอดรู้สึกสงสารไม่ได้



เขาเดินเข้าไปใกล้พร้อมกับส่งเสียงเรียกเบาๆ “โฟม….”



เสียงที่เรียกชื่อตัวเองทำให้อิชย์แทบจะสปริงตัวขึ้นมา นัยน์ตาคู่สวยเบิกกว้างก่อนที่รอยยิ้มจะปรากฏขึ้นบนใบหน้าหวาน “พี่ไผ่ มาแล้วเหรอ!”



“ขอโทษนะโฟม…เครื่องเราดีเลย์ ขอโทษจริงๆ” พชรละล่ำละลักอธิบาย “พวกถังไปไหนแล้วล่ะ”



“กลับไปแล้ว ไม่เป็นไร พี่ไผ่มาแล้ว หิวหรือเปล่า ซื้อกลับไปกินห้องไหม” อะไรก็ไม่เท่ากับการได้เห็นตัวจริงมายืนอยู่ตรงหน้า ไม่ใช่เพียงภาพเคลื่อนไหวที่เห็นผ่านโปรแกรมเฟสไทม์ในโทรศัพท์มือถือ



“โฟมล่ะ กินอะไรยัง” น้ำเสียงทุ้มถามแผ่ว น้ำที่เหลือแต่น้ำแข็งกับโต๊ะว่างเปล่าทำให้นึกเอะใจ “ยังใช่ไหม”



คนถูกจับได้ยิ้มกว้าง “กินเกี๊ยวห่อชีสไปแล้ว” ร่างเล็กลุกขึ้นยืนแล้วยกมือเรียกพนักงาน “สั่งกลับไปกินที่ห้องกันนะ”



คนที่มาสายพยักหน้า เขาเดินไปสั่งอาหารที่ด้านหน้าร้านก่อนจะกลับมานั่งที่เดิม มือเย็นเฉียบจากลมแอร์ในรถแตะเบาๆที่มือเล็ก นัยน์ตาอบอุ่นทอประกายอ่อนโยนจ้องมองใบหน้าคนรักที่ไม่ได้เจอตัวจริงมานานด้วยความรู้สึกที่อัดแน่น



“คิดถึง….”



“คิดถึงกว่า…สามเดือนเลยนะ” อิชย์ทำเป็นเบะปากก่อนจะเปลี่ยนเป็นยิ้มกว้าง “ทีหลังบอกล่วงหน้าด้วยสิ โฟมจะได้ไปด้วย”



“คิดถึงที่สุด” พชรพูดยิ้มๆ “ไปกับที่บ้าน โฟมไปด้วยไม่สะดวกหรอก”



“เหรอ…งั้นคราวหน้าไปกันสองคนนะ”



พชรพยักหน้ารับคำ ยิ่งพออยู่ใกล้ ความคิดถึงเกือบสามเดือนทำให้อยากจะคว้าเข้ามากอดให้หายคิดถึง จากเพื่อนที่เลื่อนมาเป็นคนรัก…ความผูกพันที่เชื่อมโยงกันเพิ่งรับรู้ว่าเป็นความรักเมื่อไม่นานมานี้



“อยู่ที่นู่น…อยากเจอโฟมทุกวันเลย”



“เหมือนกัน เพราะงั้นเดี๋ยวไปห้องโฟมนะ อยู่กับโฟม…” ไม่พูดเปล่า แต่คนตัวเล็กก็เอ่ยออดอ้อนพร้อมทั้งบีบมือที่ถูกจับเอาไว้เบาๆ



“แต่เด็กดื้อต้องกินข้าวก่อน ทีหลังห้ามทำแบบนี้นะ เดี๋ยวเป็นโรคกระเพราะ” ร่างสูงยิ้มละไม “คืนนี้เรานอนห้องโฟมก็ได้”



“อื้อ” พูดจบ พนักงานก็นำเอาอาหารที่ใส่กล่องพลาสติกสีขุ่นเรียบร้อยแล้วมาส่งให้ กลิ่นหอมๆที่ลอยมาเรียกให้ท้องของอิชย์ประท้วงขึ้นมาอีกครั้ง



“ท้องร้อง” พชรแซวแล้วจับท้องอีกฝ่ายเบาๆ



อิชย์สะดุ้งเบาๆกับสัมผัสที่มาโดยไม่ได้คาดการณ์ไว้ “ด…ดังขนาดนั้นเลยเหรอ”



“รีบกลับเถอะ ไปกินข้าวกัน วันนี้มากับอาลัวเหรอ”



“มากับทุกคน ไอ้ถังอารมณ์ดี อาลัวอารมณ์ดีมีแฟน จินเป็นซากกับโฟม”



“โฟมไม่เป็นซากแล้ว เรากลับมาแล้วไง ดีไหม”



“ดีสิ…ดีสุด กลับห้องกันนะ” เขากอดแขนอีกฝ่ายไว้ขณะที่ค่อยๆเดินออกจากร้าน ในวันที่ไม่ต้องใส่ชุดนักศึกษา เจ้าตัวรู้ดีว่าใบหน้าและรูปร่างของตัวเองพอจะพรางและหลอกคนที่มองเห็นว่าเป็นผู้ชายได้บ้าง ไม่นับผมยาวที่ยังไม่ยอมตัดอีก



พชรมองศีรษะเล็กๆที่ก้มซบแล้วอดใจไม่ไหวกดจูบแรงๆไปบนหน้าผากหนึ่งทีอย่างหมั่นเขี้ยว “ไว้ถึงห้องจะกอดให้แน่นๆเลย”



“อื้อ!” คำพูดเชิงอนุญาตหลุดออกมาจากริมฝีปากบาง พร้อมๆกับแขนที่กอดแน่นขึ้น









///////////////////////










ห้องที่ไม่ได้มาเกือบสามเดือนยังคงเหมือนเดิมทุกอย่าง กองผ้าใช้แล้วพาดเอาไว้ส่งๆเช่นเดียวกับผ้าห่มขยุกขยุยบนเตียง พชรส่งกล่องข้าวให้อิชย์แล้วบอกให้ไปเตรียมของมา ส่งตัวเขาก็เริ่มเก็บห้องรวมทั้งพับผ้าห่มให้ใหม่



โฟมก็เป็นแบบนี้แหละ…ถึงต้องคอยดูแลให้ตลอด



ชายหนุ่มยิ้มจางๆ…เพราะรู้ตัวดีว่าที่ทำให้เพราะอยากทำเอง โดยที่เจ้าตัวไม่ต้องเอ่ยปากด้วยซ้ำ



…เพราะรักหรอกนะ…



ไม่นานนัก ถาดพลาสติกก็ถูกเจ้าของห้องยกมาพร้อมกับจานสองใบที่เทข้าวใส่ไว้แล้ว “พี่ไผ่ เอาโต๊ะออกมาด้วย”



พชรเอาโต๊ะออกมากางแล้วเอากระดาษปูรอง ร่างสูงนั่งลงแล้วสอดขาเข้าไปรอ



“เราไม่ได้มาแป๊บเดียว ห้องรกขึ้นเยอะเลย”



“ก็…ไม่มีอารมณ์เก็บ” ไม่พูดเปล่า แต่อิชย์ยังทำปากบู้พร้อมทั้งวางถาดลงบนโต๊ะ เขาหยิบเอาจานของอีกฝ่ายวางให้ตรงหน้า แล้วค่อยยกจานของตัวเอง วางถาดไว้บนพื้นใกล้ๆตัว



“รอให้มาเก็บให้ล่ะสิ”



“เปล่าเสียหน่อย” พอถูกจับได้เขาก็ทำเป็นเบ้หน้าไปทางอื่นขณะเริ่มตักข้าวขึ้นทาน สักพัก สายตาก็กลับมามองที่ใบหน้าของร่างสูงอีกครั้ง



ตาที่สบกันทำให้รู้ว่าต่างฝ่ายต่างก็คิดถึงกันมากแค่ไหน พชรยิ้มนิดๆแล้วตักข้าวเข้าปาก..แม้ว่ามันจะไม่รู้รสเลยก็ตาม



“อร่อยไหม โฟมดูผอมลงนะ ไม่ค่อยได้กินข้าวล่ะสิ”



“อร่อย ไม่มีคนกินด้วยเลยขี้เกียจกิน” เจ้าตัวยิ้มทะเล้น ฟังดูอาจเหมือนคำเอาแต่ใจของเด็กๆ แต่เขาก็หมายความตามนั้น กับคนที่อยู่ตัวติดกันมาแทบจะตลอด



“อย่างงี้ถ้าไม่อยู่ด้วยกันก็แย่สิ”



“อื้อ แย่…ตายได้เลย” พูดจบ อิชย์ก็ตัดไข่แดงของไข่ดาวตัวเองไปวางไว้บนจานข้าวของพชร



“ตักให้อีกแล้ว ตัวเองน่ะกินเข้าไปเลย เดี๋ยวก็ป่วย จำไม่ได้หรือไง…ตอนเล็กๆเข้าโรงบาลบ่อยจะตาย เราไม่ยอมหรอกนะ” ว่าจนคนที่ทำเสียงดุก็ตักคืนกลับไปให้พร้อมกับเนื้อหมูสองสามชิ้นในจาน



“ไม่กินโกรธ”



“ขี้โกง…” เขาทำเสียงขุ่น แต่ก็ยอมทานเองแต่โดยดีพร้อมกับเนื้อหมูที่เพิ่มมา “เมื่อก่อนยังกินให้เลย”



“ก็นั่นตอนเด็กๆ นี่โตแล้ว แถมโตกว่าโฟมตั้งเยอะ โฟมต่างหากที่ต้องขุนอีกนาน” พชรยิ้มแล้วเอื้อมมือหยิกแก้มขาวๆที่แดงก่ำ “เราจำได้…เมื่อก่อนไอ้บิ๊กก็ชอบแย่งโฟมกิน”



“ถ้าตอนนี้ไอ้บิ๊กอยู่จะโยนให้กินเลย”



“เด็กดื้อ” ถึงจะทำเป็นบ่น แต่แววตาก็ยังคงฉายแววอ่อนโยน “ถ้าอยู่ตอนนี้เราก็ไม่ให้แย่งโฟมกินหรอก…เรารักของเรา”



ที่จะท้วงทั้งหมด อิชย์เก็บคืนลงคอไปหมดเพราะคำว่าเรารักของเราที่อีกฝ่ายพูดออกมา ชายหนุ่มร่างเล็กมองตาอีกฝ่ายนิ่ง ก่อนจะกระเถิบตัวออกมาจากโต๊ะแล้วโถมเข้าหาร่างสูง “พี่ไผ่ขี้โกง”



ฝ่ายที่ตัวตัวไว้แล้วอ้าแขนรับคนที่พุ่งเข้ามาหา เขากอดคนรักเอาไว้แนบอก “แล้วรักไหม”



ใบหน้าหวานซุกซบลงกับแผ่นอกกว้าง พึมพำตอบอู้อี้ว่า “รักสิ…”



คำตอบของอิชย์ทำให้ในหัวใจพองฟูเหมือนทุกครั้ง ยิ่งโดยเฉพาะ…หลังจากไม่ได้เจอกันนาน มิเตอร์ความสุขของเขาตอนนี้คงพุ่งทะลุถึงขีดสุดแล้ว



ถ้ามากกว่านี้…จะไปต่อได้ทางไหน



เพราะไม่อยากคิดอะไรที่เร่งเร้าคนรัก พชรจึงทำได้แค่กอดเอาไว้ ให้ร่างกายสัมผัสกัน ใจสัมผัสใจ ทดแทนกว่าสามเดือนที่ขาดหายไป



“อยู่ญี่ปุ่นเหงามาก คิดถึงมาก อยากเจอที่สุด”



“ก็เหมือนกันนั่นแหละ” แขนสองข้างโอบกอดเอวอีกฝ่ายเอาไว้ ใบหน้าที่ซุกไว้ขยับยุกยิกไปมา “เหม็นเหงื่อ” พูดจบ อิชย์ก็หัวเราะเบาๆโดยที่ยังกอดซุกเอาไว้แน่น “ไปอาบน้ำกันมั้ย”



“หมายความว่าอาบด้วยกัน?” เสียงทุ้มหยอกกลับ



“ก็ได้ จะได้เสร็จเร็วๆ” อิชย์เงยหน้าขึ้นมามองเขาพร้อมทั้งส่งรอยยิ้มกว้าง



“แกล้งใช่ไหม” พชรแกล้งขึงตาดุใส่



“ไม่แกล้ง พูดจริง”





(ต่อด้านล่างค่ะ)


ออฟไลน์ kagehana

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 186
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-1

(ต่อ)








พชรจ้องหน้าคนรัก “มันไม่เหมือนตอนเด็กๆนะโฟม…ตอนนี้เราโตกันแล้ว…”



“อื้อ โตแล้ว ก็ต้องทำตัวเป็นผู้ใหญ่ได้แล้ว”



“ทำแบบไหนล่ะ ถึงเรียกว่าผู้ใหญ่”



“…….มากกว่า…..จูบ…..” คนตอบเอ่ยเสียงเบา ใบหน้าเปลี่ยนเป็นสีเข้มขึ้นอย่างรู้สึกได้



“อยากให้ทำอะไรล่ะ…” ไม่ใช่ไม่รู้..แต่เพราะรู้ เลยอยากยืนยันให้แน่ชัด



“เริ่มจาก…อาบน้ำด้วยกัน…ก็ได้”



“เลิกอาบกันตั้งแต่สิบขวบแล้วนี่” เพราะยิ่งเขิน..ร่างในอ้อมกอดยิ่งกดใบหน้าลงกับอกแน่น จึงทำให้พชรอดใจจะแกล้งไม่ไหว



“อาลัวกับแฟนยังอาบด้วยกันเลย….” อิชย์งึมงำอยู่กับตัวเองมากกว่าที่จะพูดออกมา



“แฟนอาลัวใครเหรอ?” เพราะไม่ได้เจอเพื่อนนาน กลายเป็นว่าคุณชายอะไรก็ได้ประจำกลุ่มมีแฟนไปแล้ว



นอกจากนี้…คนตัวเล็กในอ้อมกอดไปรู้เรื่องมาได้ยังไง เป็นคำถามที่อดสงสัยไม่ได้



“พี่ไผ่มาช้า เลยไม่ได้ฟัง น้องชายข้างบ้านอาลัวอะ” เขาถอยตัวออกมาก่อนจะลุกขึ้นยืน มือของอิชย์ยื่นมาตรงหน้าร่างสูงเพื่อให้ลุกตามกันมา



พชรจับมือแล้วให้คนรักพาจูงเข้าไปในห้องน้ำ “ผู้ชายเหรอ…ปกติอาลัวคบผู้หญิงนี่นา”



“อืม เห็นว่า อาลัวชอบมาแต่เด็กแล้ว”



ห้องน้ำที่หอนั้นต่างจากห้องน้ำกว้างขวางที่บ้านที่มีอ่างอาบน้ำ ที่หอนั้นมีแค่ฝักบัวธรรมดาตามแบบมาตรฐานห้องน้ำทั่วไป คนตัวเล็กเอื้อมเปิดฝาตะกร้า แล้วค่อยถอดเสื้อตัวเองออก



การที่คนรักตัวเล็กถอดเสื้อผ้าอยู่ในชุดเกือบเปลือยอย่างง่ายดายทำให้พชรทำตามโดยไม่มีข้อแม้ มือหนาปลดกระดุมเสื้อถอดออกก่อนเป็นอันดับแรก ตามด้วยกางเกงขายาว ในตอนที่เหลือเพียงชั้นใน…ก็เห็นว่าอิชย์เองก็อยู่ในชุดเดียวกัน



“ถอดไหม…หรือไม่ต้องถอด?”



“ถอดสิ ปกติพี่ไผ่อาบน้ำไม่ถอดเหรอ” อิชย์ขมวดคิ้วโดยที่ยังมีรอยยิ้มอยู่บนใบหน้า



“อาบคนเดียวถอด แต่อาบกับโฟม…ถอดก่อนสิ”



“งั้นโฟมไปเปิดน้ำให้อุ่นนะ” เขาถอดบ็อกเซอร์ของตัวเองออกแล้วใส่ลงในตะกร้าเป็นชิ้นสุดท้าย ก่อนจะเดินมาที่บริเวณฝักบัวเพื่อหมุนเปิดเครื่องทำน้ำอุ่น



พชรถอดตามแล้วก้าวเข้าไปยืนใต้สายน้ำที่พร่างพรม แค่เห็น…ในหัวกับร่างกายก็เตลิดไปโดยที่เจ้าตัวห้ามไว้ไม่ได้อีกแล้ว ท่อนแขนแข็งแรงกอดร่างบางเอาไว้แนบอกแล้วจูบร้อนแรง…เป็นจูบหอมหวานที่แสดงความโหยหาในตลอดระยะเวลาที่ไม่ได้เจอกัน



“อึก…พ พี่ไผ่…” ได้จังหวะหายใจเพียงชั่ววินาที ริมฝีปากก็ถูกครอบครองอีกครั้งโดยที่ร่างบางไม่ปฏิเสธ แขนสองข้างพยายามเอื้อมโอบร่างสูง ยึดเอาไว้ไม่ให้เสียหลักเพราะส่วนสูงที่แตกต่าง



จูบหวาน..ทว่าเร่าร้อนใต้สายน้ำอุ่นๆฉุดอุณหภูมิของพชรขึ้นไป..สูงขึ้นอีกเรื่อยๆ มือใหญ่ที่กอดคนรักเอาไว้เริ่มลูบไล้แผ่วเบา ก่อนจะเพิ่มแรงกดไปตามสะบักไหล่ไล่มาแนวกระดูกสันหลังแล้วจบลงที่สะโพกเรียวที่เบียดแนบชิดจนรู้สึกถึงความตื่นตัวของกันและกัน



“โฟม…ขอกอดได้ไหม…สัญญาว่าจะไม่ทำให้เจ็บ” กระซิบแผ่วพร้อมดุนดันจมูกโด่งลงบนซอกคอขาวเนียน



“อือ…เจ็บได้…โฟมเป็นผู้ชายนะ…เจ็บ…ไม่เป็นไรหรอก” ประสาทสัมผัสทุกส่วนในร่างกายตื่นตัวจนทำให้หัวใจเต้นรัวแรงกว่าที่เคย สายน้ำที่พรมลงมาบนร่างเริ่มทำให้รู้สึกหายใจได้ลำบาก มือของเขาจึงเอื้อมป่ายไปหาก๊อกจนเจอ ก่อนจะบิดก๊อกปิดน้ำอุ่นที่เปิดไว้



“ไหนว่าอาบน้ำ….” เสียงทุ้มหยอกเย้าข้างหูเช่นเดียวกับปลายลิ้นอุ่นร้อน



“อึ๊ก! ก็…โฟม…จะสำลัก” อิชย์รู้สึกได้ถึงร่างกายที่เริ่มหลุดจากการควบคุม ปลายลิ้นของอีกฝ่ายที่สัมผัสกับผิวกายเหมือนมีกระแสไฟอ่อนๆวิ่งเข้าใส่ร่างกายของตัวเอง



ร่างสูงโอบกอดแน่น เขากดครีมอาบน้ำลูบไล้บนแผ่นหลังเปลือยเปล่าเบาๆ เสียงครางในลำคอดังขึ้นในยามที่เขาลากมือลงต่ำ ตัวเปียกชื้นของทั้งเขาและอิชย์เต็มไปด้วยฟองสบู่เนียนละเอียดกลิ่นหอมหวาน



“เราไม่เคยทำกับผู้ชาย…ถ้าเจ็บต้องบอกนะ..” พูดจบ ปลายนิ้วเปื้อนฟองก็สอดเข้าไปช้าๆตรงช่องทางด้านหลังที่อ่อนนุ่มและตอดรัดอย่างชุ่มชื้น



“อ อื้อ” อิชย์เอ่ยตอบรับก่อนจะเม้มริมฝีปากจนแน่น ในตอนแรกที่ปลายนิ้วของอีกคนค่อยๆสอดเข้ามา ร่างกายขยับราวกับจะหนีจากการรุกราน แต่เมื่อพชรสอดนิ้วเข้ามาจนสุด เขากลับขยับสะโพกเข้าหา



ปลายนิ้วที่รุกรานอย่างอ่อนโยนค่อยๆเพิ่มเป็นสองนิ้ว แม้จะไม่มีประสบการณ์กับผู้ชาย แต่หลังจากที่ตกลงเป็นคนรักกัน พชรก็แอบศึกษาเรื่องนี้มาจากที่ต่างๆ เขาอยากให้อิชย์มีความสุขไปกับครั้งแรกมากกว่าที่จะอดทนกับความเจ็บ



“อึดอัดไหม…ไหวไหม…” เสียงทุ้มกระซิบอย่างห่วงใย



“ไหว…..” แม้ในใจจะคิดว่าควรตอบให้ยาวกว่านี้ แต่เพราะความรู้สึกอึดอัดทำให้เอ่ยออกไปได้เพียงเท่านั้น


พชรกอดรัดร่างเปล่าเปลือยเข้าแนบอก เขารู้สึกถึงอาการสั่นนิดๆริมฝีปากอุ่นร้อนปลอบประโลมด้วยการไล่จูบบนบ่าให้คลายตึงเครียด ปลายนิ้วที่สอดอยู่ขยับเบาๆปรับความพร้อม…และเรียกเสียงครางเครือหวานหูจากคนที่ซุกซบอยู่กับอก”



“เรารักโฟมนะ…” พชรย่อตัวลงนังกับพื้นพร้อมกับฉุดให้อิชย์นั่งคร่อมบนตัก เขาถอนนิ้วออก แก่นกายที่ถูกปลุกเร้าจากการบดเบียดแนบไปกับช่องทางด้านหลัง



“รักโฟมจะตายแล้ว…”



“โฟม…ต่างหาก…อึก” มือข้างเล็กของอิชย์เอื้อมไปด้านหลัง ก่อนจะกอบกุมเอาแก่นกายที่ร้อนผ่าวของอีกคนไว้ ก่อนจะขยับเบาๆให้ส่วนปลายแตะเข้ากับช่องทางด้านหลัง



เพราะอีกฝ่ายพยายามจะมีส่วนร่วม มือใหญ่เลยไม่ลังเลที่จะช่วยเหลือ พชรโอบสะโพกเพรียวของคนรักเอาไว้ มือหนึ่งจับส่วนร้อนผ่าวแข็งแกร่งให้มั่นคง เขาจูบปิดกลั้นเสียงร้องบนริมฝีปากสีสวยในตอนที่ดันร่างคนรักลงเบื้องล่าง ความอุ่นร้อนคับแคบจู่โจมที่ส่วนปลายบีบรัดตัวตนของเขาทีละนิด…เชื่องช้าและเนิบนาบ



“ค่อย…หายใจลึกๆ..โฟมไม่ต้องเกร็งนะ…”



“อ…อือ…ไม่เป็น…ไร” สัมผัสที่แนบชิดจากด้านล่างทำเอาอึดอัดเสียยิ่งกว่าปลายนิ้ว แต่ทุกครั้งที่พชรค่อยๆดันกายเข้ามา ผนังอ่อนนุ่มที่ถูกเสียดสีก็ส่งความรู้สึกเสียวซ่านไปทั่วจนดวงตาคู่สวยต้องปิดสนิท “ไหว…”



คำตอบของคนรักเรียกรอยยิ้มจางๆแต้มแตะบนใบหน้าหล่อเหลา เขาค่อยๆกดร่างเล็กลงช้าๆ ให้ร่างกายปรับตัวรับสัมผัสทีละนิด พชรรู้สึกถึงแรงจิกที่หัวไหล่พลางนึกในใจว่าพรุ่งนี้คงทิ้งรอยไว้แน่



“โฟม…” แค่เรียกชื่อก็มีเสียงครางเครือตอบรับ นัยน์ตาคู่สวยที่ฉ่ำรื้อด้วยน้ำตาช้อนมองเขา…ในยามที่กายแข็งแกร่งเข้าไปจนสุด



“โอเคไหม…” ถาม..เพราะคนในอ้อมกอดซวนซบลงกับบ่าราวกับหมดแรงเสียดื้อๆ



“…โอ…เค” พอจะเอ่ยตอบ ก็รู้สึกเหมือนจะกลั้นเสียงครางเอาไว้ไม่ได้ อิชย์จึงก้มหน้าลงซบกับบ่ากว้างอีกครั้ง



“พี่ไผ่…อึก…ทำ…ตามใจ…”



คำอนุญาตแผ่วเบาถูกตอบรับด้วยมือใหญ่ที่ยกสะโพกเพรียวแล้วกดลงอีกครั้ง ในที่แรก..พชรกระทำทุกอย่างอย่างเชื่องช้าเพราะกลวว่าจะทำให้คนรักเจ็บ แต่เพราะความปรารถนาที่ก่อตัวรวดเร็วปานลมพายุ มือใหญ่และสะโพกแกร่งก็ขยับสวนเข้าออกเร็วขึ้นเรื่อยๆ พชรครางในลำคอด้วยความสุขสมที่เคยคาดหวังถูกเติมเต็มด้วยคนรักที่ครางหวะหวิวในอ้อมกอดนี้



“…โฟม….เรารักโฟม…”



คนในอ้อมกอดนั้นไม่ต่างกัน ขยับกายลงรับจังหวะที่อีกฝ่ายสวนขึ้นมา คนที่ไม่คุ้นเคยการสัมผัสอย่างลึกซึ้งนอกจากสัมผัสตัวเองนั้นรู้ตัวดีว่าคงจะไม่ไหวในอีกไม่ช้า ริมฝีปากที่สั่นระริกเอ่ยร้องสลับกับเสียงครางของตัวเอง “…พี่ไผ่…จะ…ไม่ไหว…อึ๊ก…เร็ว….อีก”



พชรไม่ได้ทำตามเสียงเร่งเร้า เขาค่อยๆและเล็มร่างกายราวกับจะถ่วงแกล้งคนในอ้อมกอด ริมฝีปากอุ่นทาบทับลงบนยอดอกสีจางปล่อยให้ปลายลิ้นสัมผัสและเปลี่ยนแปลงความนุ่มนิ่มให้แข็งชูชันขึ้นในเสี้ยววินาที ในยามที่ย้ายไปอีกฝั่ง รอยลากบนแผ่นอกทิ้งแถมรอยจูบเม้มจากอีกด้านสู่อีกด้าน พชรขบเบาๆชิมรสหวานล้ำที่ไม่เคยได้สัมผัส



เพราะเฝ้ามองมานาน…กลัวว่าถ้าสัมผัสจะทำให้แหลกร้าว



แต่ในตอนนี้…หากให้หยุด คงเป็นไปไม่ได้อีกแล้ว….



ท่อนล่างแข็งแกร่งบดเบียดรวดเร็วขึ้นอีกครั้งหวังพาให้คนรักขึ้นไปถึงจุดสูงสุง เสียงครางเหมือนลูกสัตว์เล็กไม่ได้ทำให้พชรคลายความเร็ว เขากระทำต่ออิชย์อย่างรวดเร็ว..ร้อนแรง…ทว่าอ่อนโยน



“จะไป…หรือยัง….” ชายหนุ่มร่างสูงถามเสียงขาดห้วง



ไม่มีคำตอบที่ชัดเจนนอกจากเสียงครางลั่นก่อนที่ปลายนิ้วมือและเท้าจะจิกเกร็ง แผ่นหลังแอ่นโค้ง ปล่อยให้หยาดอารมณ์สีขุ่นพุ่งออกมาเปรอะเปื้อนหน้าท้องของพชร ร่างบางยังคงกระตุกถี่ บีบรัดแก่นกายของอีกฝ่ายแน่นราวกับอยากให้แนบชิดยิ่งกว่าที่เป็นอยู่



แรงตอบรับเร่งเร้าอารมณ์ที่ปริ่มเปรมให้พุ่งถึงขีดสุด พชรขยับตัวเร็วขึ้นในตอนที่ความปรารถนาใกล้จะพังทลาย เสียงแหบห้าวครางหนักก่อนจะปลดปล่อยเข้าสู่ภายในอันอ่อนนุ่ม ส่วนที่เชื่อมต่อรู้สึกถึงหยาดอารมณ์ที่เติมเต็มจนล้นปรี่



“…..โฟม….” ร่างสูงเรียกเบาๆ ให้คนที่อ่อนแรงรู้สึกตัว “…โฟม…..”



“พี่ไผ่….” ร่างที่เอนซบกับอีกคนค่อยขยับศีรษะขึ้นมา รอยยิ้มจางๆปรากฏขึ้นบนใบหน้า “มีความสุข…สุดๆ…เลย”



“เราด้วย….” ฝ่ามือหยาบลูบบนแผ่นหลังเปล่าเปลือยเชื่องช้า “โฟมทำให้เรามีความสุขมาก…มากๆ…มากจนจะตายตอนนี้ก็ไม่เสียใจเลย”



“ตายอะไร…ไม่ให้ตาย…” แม้จะหมดแรงจนหอบเหนื่อย อิชย์ก็ยังฝืนทำเสียงแข็งใส่อีกคน



“ไม่ตายหรอก” พชรหัวเราะ “แค่พูดเฉยๆว่ามีความสุขมาก เมื่อก่อนได้แต่มอง..ได้แต่เก็บเอาไว้ แต่ตอนนี้เราได้กอดโฟมแล้ว เหมือนฝันเลยนะ”



“กอดเยอะๆเลย…โฟมรักพี่ไผ่นะ” เขายิ้มกว้างขึ้นก่อนจะโอบแขนรอบร่างสูงเอาไว้



“อืม…”



พชรตอบรับคำบอกรักด้วยจูบหวานๆ หลายต่อหลายครั้ง



“……ขอโทษนะ…ตัวโฟมเลยเลอะหมดเลย” เขาพูดเบาๆแล้วใช้ปลายจมูกคลอเคลียที่แก้มใส



อิชย์หันใบหน้ามาก่อนจะงับเบาๆที่ปลายจมูก “อาบน้ำกัน…อีกรอบ…มั้ย”



“จะอาบน้ำ….” คนพูดเว้นเสียงอย่างรู้ทัน “หรือ…จะอีกรอบดี…”



“ให้พี่ไผ่เลือก”



“งั้น….อาบน้ำ…” พชรยิ้มเมื่อเห็นใบหน้าคนรักยู่ลงอย่างขัดใจ “ก่อน…แล้วค่อยไปที่เตียงนะ…”



“อื้อ…”











To be continued…



kagehana : หวานกันให้ตาย อิอิอิ พี่ไผ่นำไปหนึ่งประตูค่ะ เหลืออีจินยังเป็นซาก....

สุขสันต์วันแห่งความรักค่ะ

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
ไปที่เตียงนี่ไปทำอะไรต่ออ้ะพี่ไผ่ ฮ่าๆ

ออฟไลน์ maemix

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4403
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +299/-3
คู่พี่ไผ่โฟม สมรักไปแระ
ส่วนจิน น่าสงสาร
พี่คีย์เป็นไงบ้างนะ คิดถึงจินบ้างรึป่าว

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Pakbung Mazo

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 505
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-3
โอ้ยยยย น่าร้ากกกกก น้องโฟมน่าดูนุ่มนิ่มมากจนไม่คิดว่าจะมีรอบสองโอ้ยใจแทบพัง :-[ :oo1:

ออฟไลน์ mur@s@ki

  • อยากรัก..แต่ใจไม่กล้า
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1899
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-5
 :-[ อุ้ย สองคนนี้ทำอะไรเนี่ย 555555555555555

ออฟไลน์ boobooboo

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 748
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-2

ออฟไลน์ GintoniC

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 829
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-0

ออฟไลน์ quiicheh.

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1629
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +73/-9
โฟมน่ารักจังไม่มีเขินอายเลย555555555555
ลุ้นแต่คู่จิณ ปวดใจตายไปแล้วฮือ

ออฟไลน์ kagehana

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 186
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-1



- 15-






เวลากว่าสามเดือนที่ผ่านไปตั้งแต่ย้ายกลับมาอยู่กับอนลที่อเมริกา คิรากรไม่ได้ทำอะไรนอกจากอ่านหนังสือ ซื้อของ และดูแลคนรักของตัวเองอย่างเคย— วันนี้ก็เหมือนทุกวัน


คิรากรตื่นขึ้นมาแต่เช้าตรู่ ชายหนุ่มทำกิจวัตรประจำวันตอนเช้าเสร็จก็เดินเข้าครัว เตรียมอาหารเช้าให้กับอนลที่กำลังจะตื่นในอีกไม่ช้า


หลังจากทานอาหารเช้าเสร็จ อนลจะออกไปทำงาน ส่วนเขาก็มักจะซักผ้า รดน้ำต้นไม้ที่ริมระเบียง หรือไม่ก็อ่านหนังสืออยู่บนโซฟาในห้องนั่งเล่น ตกเย็น วันไหนอนลกลับเร็ว เขาก็จะรอทานอาหารเย็นพร้อมกัน แต่ถ้าวันไหนอีกฝ่ายส่งข้อความมาบอกว่าจะกลับดึก คิรากรจะทำอาหารใส่กล่องไว้ให้เผื่อจะอุ่นทาน


วันนี้ก็เป็นอีกวันที่อนลกลับดึก


“คีย์ ผมกลับมาแล้ว”


คิรากรยิ้มต้อนรับร่างสูงที่เข้ามาโอบกอดเขาเอาไว้ก่อนจะจุมพิตเบาๆที่ข้างขมับ


“มีสตูว์อยู่ในตู้เย็นนะ ให้ผมอุ่นให้ไหม”


“ไม่เป็นไร เดี๋ยวผมอาบน้ำแล้วจะนอนเลย”


“เหรอ ถ้างั้น… กู๊ดไนท์นะ” คิรากรยืดตัวขึ้นจูบอีกฝ่ายเบาๆ ก่อนที่จะได้เดินกลับไปที่ห้องนอน ข้อมือกลับถูกคว้าเอาไว้


“ยังไม่นอนด้วยกันอีกเหรอ… ผมขอโทษแล้วไง”


“อืม ผมแค่…ยังไม่พร้อม…..อันรออีกหน่อยนะ”


“ทำไมล่ะ กับเรื่องแค่นั้น ทำไมต้องโกรธจนถึงตอนนี้”


“ถ้าอันคิดว่ามันเป็นเรื่องแค่นั้น…ก็ตามใจเถอะ ผมจะนอนห้องแขกตามเดิม” คิรากรดึงข้อมือของตัวเองคืนมา รอยยิ้มหวานบนใบหน้าจางหายไป เขาจ้องมองดวงตาสีอ่อนของอนล เห็นความไม่พอใจที่ซ่อนอยู่ในนั้น แต่เขาก็จะไม่ใจอ่อนหรือยอมตามใจอย่างเคย


ร่างสูงทำท่าเหมือนจะพูดอะไร แต่เขาก็เก็บมันเอาไว้ “พรุ่งนี้วันเสาร์ ออกไปไหนกันนะ”


“อื้ม”


ร่างบางยืนมองจนอีกฝ่ายหายเข้าห้องน้ำไป เขาถอนหายใจออกมาก่อนจะเดินกลับไปที่ห้องนอนแขกที่ใช้อยู่ตั้งแต่กลับมา


ตอนที่เดินทางกลับมาถึง คิรากรเปิดโทรศัพท์หมายจะติดต่อหารุ่นน้องที่ทิ้งมา เพราะถ้าเป็นปกติ จิณณ์จะต้องติดต่อเขาแล้ว ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง แต่ก่อนที่จะได้ทำอย่างนั้น อนลกลับคว้าโทรศัพท์เขาไปแล้วเขวี้ยงเสียแตกกระจาย ร่างสูงประกาศชัดเจนว่าอยากให้คิรากรตัดความสัมพันธ์กับจิณณ์ เมื่อเขาไม่เห็นด้วยทำให้มีปากเสียงกันยกใหญ่


ผลที่ตามมาคือเขาไม่ยอมให้อีกฝ่ายนอนด้วย หรือแตะต้องตัวเกินความจำเป็น ซึ่งอนลก็ยอมรับข้อเสนอตามนั้น แม้จะไม่เห็นด้วยก็ตาม


คิรากรทิ้งตัวลงบนเตียงก่อนจะหยิบไอแพดขึ้นมาเปิดโปรแกรมเฟสบุ๊คดูว่ารุ่นน้องของตนออนไลน์อยู่หรือเปล่า แต่ก็ไม่พบเหมือนเคย


ร่างบางเอี้ยวตัวไปวางไอแพดคืนที่หัวเตียง เขาถอนหายใจออกมาอีกครั้ง


…คิดถึงอีกคนที่อยู่ด้วยกันในตอนที่อ่อนแอ


 









——————————————————–

 







“วันนี้อันจะพาไปไหนเหรอ” คิรากรเอ่ยถามขึ้นขณะที่ตัดขนมปังในจานใส่ปาก วันนี้ดูท่าว่าอนลอยากจะเอาใจเป็นพิเศษ ถึงได้เสนอทำอาหารเช้าให้ ซึ่งเขาก็ไม่ได้ขัดข้องแต่อย่างใด



“อืม ว่าจะขับรถไปทางใต้ ลงไปดูแถบริมทะเลไหม บิ๊กเซอร์ก็ดี” ร่างสูงยกกาแฟขึ้นดื่มขณะที่มองใบหน้าของคนรัก เขาวางถ้วยกาแฟลงก่อนจะยิ้มจางๆ “หรือคีย์อยากไปไหนหรือเปล่า”


“อยากไปที่ที่แบบ ไม่ใช่พวกไฮโซไป ได้หรือเปล่า ปกติพ่อก็พาไปแต่ที่หรูๆ ถ้าจะไปแถวนั้น… อืม… ผมอยากไปกินบั๊บบ้ากั๊มพ์”


อนลอดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้กับคำขอที่เหมือนเด็กๆของอีกคน


“อันขำอะไร”


“มีแต่เด็กน่ะแหละ ที่อยากไปกินบั๊บบ้ากั๊มพ์”


“ก็ผมเห็นในทีวีนี่นา ก็อยากจะไปบ้า—”


“อ้าว อยู่บ้านหรอกเหรอ” เสียงของหญิงสาวดังขึ้นจากด้านหลังทำให้คิรากรรีบหันกลับไป หญิงสาวชาวอเมริกันยืนอยู่ในชุดสูทสีขาวกับกระโปรงสั้น ขับให้เรือนผมสีแดงของเธอเด่นขึ้นมา ดวงตาสีเทามองที่คิรากรก่อนจะเลยไปมองอนลที่หน้าถอดสี


“เมย์”


“วันอาทิตย์นี้พ่ออยากให้ไปออกงานการกุศลของที่บริษัท ฉันเลยจะมาค้างที่นี่ พ่อเริ่มสงสัยแล้ว…” เมลินดากลับมามองที่ชายหนุ่มร่างบางอีกครั้ง “แต่ไม่เป็นไร เดี๋ยวฉันไปอยู่ที่โรงแรมก็ได้…ไปรับฉันด้วยก็แล้วกัน”


“อืม…” อนลตอบคำด้วยน้ำเสียงอ่อนแรง เขาไม่ได้เอ่ยอะไรต่อจนกระทั่งประตูห้องปิดลง


คิรากรลุกขึ้นจากโต๊ะอาหาร เขาไม่หันมองหน้าคนรักแม้แต่น้อยขณะที่หยิบจานของตัวเองขึ้นแล้วเดินเข้าไปในครัว ร่างบางเปิดตู้ล้างจานก่อนจะใส่จานของตัวเองเข้าไปแล้วปิดตู้เบาๆ— คิรากรทิ้งรุ่นน้องที่คอยดูแลมาเพราะคำว่ารัก คำว่าหย่าแล้วที่อีกฝ่ายบอก เขานึกเกลียดตัวเองที่พร้อมจะเชื่อง่ายๆแล้วตามกลับมาทันที ยอมเรียนไม่จบ ทุกอย่าง เพื่อจะได้อยู่เคียงข้างกับคนที่รักมากขนาดนี้


เพื่อให้รู้ว่าตัวเองเป็นคนโง่งมงาย


คิรากรเดินออกมาจากห้องครัว เขาหยุดยืนอยู่ตรงนั้น


“ผมจะกลับบ้าน”


“คีย์ เดี๋ยวก่อน”


“ไม่มีเดี๋ยวก่อนแล้วอัน ผมรอมามากพอแล้ว ผมจะกลับบ้าน” เขาพูดเสียงนิ่ง นิ่งเสียจนตัวเองยังตกใจ


“…เดี๋ยวอันไปส่ง…”


“ไม่ต้องอัน…อันนั่นอยู่ตรงนั้นนะ ปล่อยผมกลับบ้านเอง ขอร้อง”


อนลทำท่าเหมือนอยากจะพูดอะไร มือที่วางอยู่บนโต๊ะกำจนแน่น เขามองอีกฝ่ายที่ยังยืนนิ่ง ราวกับคาดหวังว่าคิรากรจะเปลี่ยนใจ แต่สุดท้าย อนลก็ถอนหายใจออกมาแล้วเอ่ยตอบเบาๆ


“เข้าใจแล้ว”


 







——————————-

 





มันเป็นเรื่องบ้าและโง่มากที่มายืนอยู่ที่นี่…จิณณ์บอกตัวเองในใจขณะที่ทาบคีย์การ์ดลงกับตัวรับสัญญาณหน้าตึกซึ่งเป็นอดีต..ที่อยู่ของใครบางคน


ยามที่อยู่หน้าหอไม่ได้ทักเขาเป็นการพิเศษ ชายวัยกลางคนแค่มองอย่างจำได้แล้วพยักหน้านิดๆเชิงทักทายก่อนจะหันไปจ้องทีวีจอเล็กที่กำลังฉายรายการตลกช่วงกลางวัน ชายหนุ่มร่างสูงผลักประตูเข้าไปพร้อมกับกดลิฟท์ไปยังห้องที่เคยมาอาศัย ลิฟท์จอดลงพร้อมๆกับขายาวที่ก้าวออกมาราวกับว่าถ้าถ่วงเวลาไปมากกว่านี้เจ้าของมันอาจจะยืนอยู่ข้างในแล้วกดลิฟท์กลับลงไปอีกครั้ง


นัยน์ตาสีเข้มมองประตูหหน้าห้องพักแล้วหยิบกุญแจที่อีกฝ่ายให้ไว้มาไข…รู้ดี…ว่ามันไม่เกิดประโยชน์อะไรทั้งนั้น ในเมื่อเจ้าของไม่ได้อยู่…หรืออาจจะไม่ได้กลับมาอีกต่อไปแล้ว


หลักจากที่พร่ำหาเหตุผลมานานกว่าสองเดือนในการที่จะพาตัวเองมาที่ๆเป็นสถานที่ในความทรงจำ ชายหนุ่มก็ปัดเหตุผลอื่นใดทิ้งและยอมรับกับตัวเองว่า…


…ผมแค่คิดถึงพี่คีย์…


ถึงคิรากรจะไปโดยที่ไม่ร่ำลาและยังไม่มีการติดต่อใดๆมานับตั้งแต่ไป แต่ความคิดถึงกลับกรุ่นอวลอยู่ในอกจนตัวเขาเองแทบทนไม่ไหว ทั้งๆที่ตั้งใจจะไม่ใส่ใจ ทั้งๆที่ตั้งใจจะตัดใจ แต่สุดท้ายก็ทำได้เพียงกลับมาอยู่ ณ ที่ตรงนี้


จิณณ์กวาดตามองไปรอบๆห้อง ทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม แม้ว่าผ่านไปสองเดือนกว่า…อุปปาทานหรืออะไรก็ตาม กลิ่นหอมคล้ายแอปเปิ้ล…กลิ่นของคิรากร ยังคงอยู่


หากไม่ใช่ในห้องนี้…ก็คงเป็นในใจเขาเอง….


จิณณ์นั่งลงบนโซฟา มือสัมผัสได้ถึงละอองฝุ่นบางเบาที่เคลือบอยู่บนหนังนุ่มนิ่ม…ห้องถูกทิ้งไม่มีคนดูแล ไม่ต่างอะไรกับคนที่นั่งอยู่ตรงนี้ กระทั่งกุญแจห้องและคีย์การ์ด…เจ้าของห้องก็ดูจะรีบจนไม่ได้เอาติดตัวไปด้วย ชายหนุ่มทอดตัวลงนอน เสื้อเชิ้ตสีขาวเปรอะเปื้อนฝุ่นผงเป็นคราบสีน้ำตาลอ่อน จิณณ์ยกมือที่เลอะฝุ่นขึ้นมามองก่อนจะปิดลงทาบทับดวงตา


ไม่มีประโยชน์…ไม่มีประโยชน์อะไรเลย


สุดท้ายก็กลายเป็นแค่รุ่นน้องคนสนิทที่จะไม่ก้าวหน้าไปมากกว่านี้


หากปาฏิหาริย์มีจริง…หากย้อนเวลาได้..


จิณณ์นึกคำที่จะพูดต่อไม่ออก ด้วยรู้ดีว่าสิ่งที่คิดนั้นไม่มีวันเป็นจริง


…ไม่มีทางเลย…


 






 






คิรากรถอนหายใจออกมาเบาๆหลังจากนั่งรอบนโซฟาได้สักพักหนึ่ง ทันทีที่กลับมาถึงประเทศไทย เขาก็เรียกรถมาที่คอนโดแห่งนี้— ตอนที่จากไปก็ไม่ได้เอาอะไรไปด้วยเลย พอถามชายวัยกลางคนที่เฝ้าอยู่ เขาก็ยอมให้เข้ามานั่งรอด้านใน แต่ไม่สามารถจะให้ขึ้นไปด้านบนได้ เพราะกุญแจห้องนั้นมีอยู่ชุดเดียว


ร่างโปร่งบางได้แต่มองเหม่อไปที่ประตู เขาไม่คาดหวังว่าจิณณ์จะเดินเข้ามาในเวลาอันใกล้ แต่จิณณ์ก็เป็นคนเดียวที่เขาอยากจะเจอในตอนนี้


เป็นอีกครั้งที่เขาต้องรบกวนพ่อ ให้เขาได้กลับเข้ามาเรียนที่นี่อีกครั้ง และเพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นคราวที่แล้ว ทำให้คิรากรต้องเรียนใหม่ และอยู่ให้ครบทั้งปี— แน่นอนว่าชายหนุ่มไม่ปฏิเสธข้อเสนอนั้นแม้แต่น้อยเพราะรู้ดีว่าตัวเองนั้นผิดเต็มๆ


คิรากรคิดไปถึงว่าถ้าหากจิณณ์เดินเข้ามา เขาจะร้องเรียกอีกฝ่ายยังไง จะยิ้มให้ แล้วคงโดนต่อว่า โดนเรียกว่าแว่นแฮม แล้วหลังจากนั้นก็คงเหมือนเดิม


ถ้าทุกอย่างเหมือนเดิมได้ ก็คงจะดี…


“ไม่โทรเรียกเพื่อนมาล่ะคุณ รอตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอ” ยามหน้าหอที่เดินเข้ามาด้านในเอ่ยทักอย่างแปลกใจ


“อ๋อ— เอ่อ…ไม่เป็นไรครับ…พอดี ผมทำโทรศัพท์หาย รอตรงนี้แหละครับ” คิรากรยิ้มให้กับน้ำใจของเขา


“มีอะไรให้ช่วยก็บอกแล้วกัน”


พร้อมๆกับที่ชายในชุดพนักงานรักษาความปลอดภัยเดินออกไป ร่างสูงในชุดนักศึกษาก็เดินสวนเข้ามา


“จิน!” ร่างบางลุกพรวดขึ้นทันทีที่มองเห็น หัวใจเต้นเร็วขึ้นจนต้องยกมือมากดเอาไว้


ชายหนุ่มที่เพิ่งเข้ามาชะงักงัน นัยน์ตาสีเข้มมองคนตรงหน้าอย่างไม่เชื่อสายตา “พี่คีย์….”


“…กลับมาแล้ว…ล่ะ” คิรากรยิ้มให้— อย่างน้อยเจ้าตัวก็คิดว่าตัวเองกำลังยิ้มให้ ทั้งๆที่น้ำตากำลังค่อยๆไหลออกมา


ทั้งๆที่คิดว่าถ้ากลับมา…..ถ้ามีโอกาสได้เจออีกสักครั้ง จิณณ์อยากตะโกนใส่หน้าแล้วถามเรื่องทุกเรื่องให้กระจ่าง


แต่เพียงแค่เห็นหยดน้ำตาบนใบหน้าหมองเศร้า….ก็ทำได้เพียงก้าวเท้าเข้าไปหาแล้วโอบกอดเอาไว้


“ขึ้นไปที่ห้องก่อนค่อยคุยกัน” เด็กหนุ่มรุ่นน้องกระซิบข้างหูแล้วโอบพาร่างอ่อนปวกเปียกขึ้นไปยังห้อง…ที่ถูกเจ้าของทิ้งไป


ห้องที่มีแต่ความทรงจำ จนเขาไม่อาจจะปล่อยให้มันเป็นเพียงอดีตได้


ประตูห้องปิดลงพร้อมๆกับคิรากรที่ร้องไห้ออกมาราวกับเด็กเล็กๆ เขายึดเอาร่างสูงไว้พร้อมกับต่อว่าตัวเองที่เป็นคนโง่และหลงเชื่อคำลวงของอนล


“พี่…ขอโทษ…อึก…ที่ไป…กะทันหัน……”


“อย่าร้อง….ไม่ต้องขอโทษหรอก ผมรู้….” รู้….ว่าถึงอย่างไร คิรากรที่ยังรักคนๆนั้นก็ต้องไป ไม่ว่าจะกะทันหันหรือไม่ก็ไม่ได้เกี่ยวกับเขาสักนิด


“ผมไม่ได้โกรธที่พี่ไป….แต่แค่สงสัยว่าทำไมไม่ติดต่อมาบ้าง ทำไมต้องอยู่คนเดียว กลับคนเดียว….ร้องไห้คนเดียว” จิณณ์โอบกอดเบาๆเช่นเดียวกับมือที่ลูบแผ่นหลังสั่นเทา “ผมไม่ดีพอที่พี่จะปรึกษาอะไร….สักนิดเลยเหรอ”


มากกว่าโกรธ มากกว่ารู้สึกไร้ค่า คือความน้อยใจ


น้อยใจ…ว่าช่วงระยะเวลาที่อยู่ด้วยกัน ถูกตีค่าเป็นเพียงคนรู้จัก


…ไม่ใช่คนสำคัญ…


“ไม่ใช่นะ! อึก…พี่…มือถือที่มีมันแตกไปแล้ว…เปิดเฟสบุ๊คกี่ที……ก็ไม่เจอ…เราออน…” คิรากรยังคงร้องสะอื้น “หาในไลน์…ก็…..ไม่เจอแล้ว…….พี่…ก็ไม่รู้……….ขอโทษ…”


“ผมออนรอทุกวัน….แรกๆที่เห็นพี่ออนผมก็ไม่กล้าทัก แต่สักพัก…..ก็ไม่เคยเห็นออนอีกเลย” ถึงจะโกรธ….จะน้อยใจ แต่ก็ไม่มีสักครั้งที่ไม่คิดถึง “ผมสงสัยว่าเพราะอะไรเลยจะเข้าไปดูแต่ก็…ดูเหมือนว่าจะถูกพี่อันเฟรนไปแล้ว ไลน์ก็ด้วย…..”


ดวงตาของเขาเบิกกว้างด้วยความตกใจ เขาเงยหน้าขึ้นมองอีกฝ่ายทันที “ใครอันเฟรน? พี่ไม่เคย” คิรากรยกมือขึ้นปาดน้ำตาที่ไหลเปราะอยู่กับใบหน้า


ยิ่งเห็นน้ำตา ใจที่อ่อนตั้งแต่แรกก็ยิ่งยวบลงไป จิณณ์เอื้อมมือไปตรงใบหน้าแล้วปาดน้ำตาให้แผ่วเบา “รู้ไหม ถึงผมจะถูกพี่อันเฟรน ถูกทิ้งไปทั้งที่ไม่ได้ลา….แต่ผมกลับคิดถึงพี่ทุกวัน”


“อึก พี่…ไม่ได้อันเฟรน…” คิรากรยังคงพยายามอธิบาย “พี่…คิดถึง……พี่จะอัน…อึก เฟรน……ทำไม”


“ก็ได้ๆ ช่างมันเหอะ….หยุดร้องนะ” จิณณ์โอบศีรษะคนที่พยายามจะอธิบายให้ซุกไว้กับอก ริมฝีปากที่ห้ามไม่ไหวจูบพริ้วแผ่วลงบนเส้นผมละเอียดนุ่มที่ยุ่งเหยิงนิดๆ


ช่างมันเถอะ จะเรื่องไหน จะยังไงก็ตาม ถ้าตอนนี้พี่ยืนอยู่ตรงนี้ กลับมายืนข้างๆผม…แค่นี้ก็พอแล้ว


“ผมคิดถึง….โคตรคิดถึงพี่เลย ผมไม่รู้เหมือนกันว่าถ้าเป็นเพื่อนกันควรจะคิดถึงกันแค่ไหน แต่…..ผมคิดถึงมาก”


คิรากรเงยหน้าขึ้นมองร่างสูงอีกครั้ง “ไม่ไปไหนแล้ว…สัญญา…อึก…นะ” ชายหนุ่มย้ำอีกครั้ง “พี่โง่เอง……โง่……….ไม่รู้จักจำ…….”


แค่อีกฝ่ายพูดว่าหย่าแล้ว ก็เชื่อทันที เพราะไม่คิดว่าอนลจะกล้าโกหก


…โง่…


โง่ที่ทิ้งทุกอย่างแล้วตามไป โง่ที่ปล่อยให้คนที่อยู่ข้างๆมาตลอดเกือบปีน้อยใจที่เหมือนเป็นคนไม่สำคัญ


“มันทำอะไร……” มัน…คือคนที่จิณณ์ไม่อยากจะพูดถึง แต่เพราะคนในอ้อมกอดร้องไห้ขนาดนี้ จึงอยากรู้สาเหตุให้แน่ชัด


“อัน…ไม่ได้หย่า…แต่บอกพี่ว่าหย่าแล้ว พี่ก็โง่…เชื่อ…เข้าไปได้” คิรากรหัวเราะให้กับน้ำตาของตัวเอง


“พี่ไม่ได้โง่…แต่มันเลว” การโกหกว่าแย่แล้ว แต่การโกหกซ้ำแล้วซ้ำเล่า…อย่างนี้นะเหรอที่เรียกว่ารัก


“จะร้องไห้ก็ร้อง ไม่ต้องแกล้งหัวเราะ ที่นี่มีแค่ผมกับพี่…พี่ไม่ต้องแกล้งเข้มแข็งหรอก”


“ร้องจนตาบวมเป่งแล้ว…” น่าแปลกที่การมีอยู่ของจิณณ์ทำให้ความรู้สึกแย่ๆนั้นจางลงไปมาก— ไม่ได้แปลว่าเขาจะไม่ร้องไห้ แต่อย่างน้อยก็ดีกว่าอยู่คนเดียวแน่นอน


“ทำความสะอาดห้องดีกว่า…” คิรากรยกแขนขึ้นปาดน้ำตาออกอีกครั้ง “ต้องไปไหนหรือเปล่าจิน”


“ก็…ไม่ล่ะ” อันที่จริงเขาแค่จะแวะมาทำความสะอาดแล้วค่อยไปกินข้าวกับพวกพี่ไผ่ แต่เพราะได้เจอกับเจ้าของห้องในสภาพที่ไม่สามารถพาไปหาใครได้ จิณณ์เลยได้แต่ตัดสินใจจะอยู่แล้วค่อยบอกเพื่อนๆทีหลัง


“จะให้ค้างเป็นเพื่อนรึเปล่า”


“ไม่เป็นไรนะ แล้วแต่จิน…ถ้าค้าง เดี๋ยวทำความสะอาดเสร็จจะได้ออกไปซื้อของ พี่จะได้ทำข้าวเย็นให้” เจ้าของห้องคิดว่าตัวเองไม่ควรจะรบกวนอีกฝ่ายให้มากเกินไป ยิ่งจิณณ์ใจดีด้วย เขายิ่งต้องให้ความสำคัญมากๆ ไม่ใช่จะขอให้อีกฝ่ายทำตามความต้องการของตัวเอง


“เพิ่งกลับมาเหนื่อยๆ พักก่อนก็ได้…” คนตัวสูงกว่าจ้องใบหน้าซีดขาวที่ยังมีแต่รอยช้ำบนดวงตา “พัก…นอนให้ดีขึ้น เดี๋ยวผมทำให้กินเอง”


คิรากรแย้มรอยยิ้มจางๆให้ “ขอบคุณนะจิน…โชคดีจริงๆ ที่เรามาพอดี…เพราะถ้าเราไม่มา…..พี่คงนอนโซฟาล็อบบี้แน่ๆ…..”


“คราวหลัง…ถ้าจะทิ้งกันไปอีก ก็อย่าลืมเอากุญแจไปแล้วกัน” คนพูดไม่ได้จะตัดพ้อ แต่ตงใจแกล้งแหย่เรียกรอยยิ้ม


คนอายุมากกว่าถึงกับรีบคว้าแขนอีกฝ่าย “ไม่ทิ้ง ไม่ทิ้ง…..ขอโทษ…นะ…พี่ขอโทษ”


“ล้อเล่นหรอกน่า…แต่ถึงพี่จะทิ้งไปจริงๆ ผมก็คงไปไหนได้ไม่ไกลหรอก” จิณณ์พูด…และมีเพียงเขาที่รู้ว่าความจริงมีมากแค่ไหน


ในเมื่อหัวใจอยู่ที่นี่แล้ว….


“พี่ไม่รู้…..จะขอบคุณเรายังไงแล้ว” ร่างบางทำได้เพียงยิ้มให้ ซ้ำยังย้ำกับตัวเองว่าจะต้องเข้มแข็งขึ้น และจะต้องลบอนลออกไปให้ได้จริงๆแล้ว


แทนคำตอบอื่นใด จิณณ์รั้งร่างบางเข้ามากอดไว้แนบกาย ในอกค่อยๆเต้นอย่างเชื่องช้าตามจังหวะ ราวกับเพิ่งได้หัวใจกลับคืนมา…ฝ่ามือหนาค่อยดันร่างของคิรากรกอดแน่นขึ้นก่อนจะแตะริมฝีปากเหนือเรียวคิ้ว


“ยังไม่ได้บอก…พอจะบอกพี่ก็ไม่อยู่แล้ว…” น้ำเสียงทุ้มเอ่ยพูดเสียงแผ่ว “รักนะ…..”


คิรากรเบิกตากว้าง เขาเงยหน้าขึ้นมองร่างสูงช้าๆอย่างไม่เชื่อหู “อะ…..ไรนะ………….”


“ผมไม่ได้พูดเพราะจะให้พี่สบายใจ แต่มัน…เป็นสิ่งที่ผมรู้ตัวเองตอนพี่ไปแล้ว” จิณณ์กระซิบเสียงพร่าราวกับจะหายไปในลำคอ


“ผมรัก….รักพี่คีย์”


เขาไม่เปิดโอกาสให้อีกคนได้พูดอะไรต่อ ร่างบางเขย่งตัวขึ้น ดึงเสื้ออีกฝ่ายให้ย่อตัวลงมา ก่อนจะแนบริมฝีปากของตัวเองเข้าหากับจิณณ์— ไม่ใช่หยอกเล่นเหมือนคราวก่อน แต่เป็นจูบที่เจ้าตัวยังหาคำอธิบายไม่ได้ กว่าจะรู้สึกตัว ร่างกายก็ขยับไปก่อนแล้ว


แม้จะตกใจในตอนแรก แต่คนที่ถูกจูบกลับตอบรับสัมผัสนั้นแทบจะทันที จิณณ์ประคองท้ายทอยให้ตอบรับจูบที่เขาเปลี่ยนเป็นฝ่ายรุกไล่ จูบอุ่นร้อนแทบหลอมละลายผสานกันอย่างแนบชิดกลายเป็นกลุ่มความปรารถนาร้อนแรง


กว่าจะถอนตัวออกมา…ร่างในอ้อมกอดก็อ่อนปวกเปียกซวนซบอยู่กับอกแล้ว


“พี่คีย์…..”


เจ้าของชื่ออ้าปากคล้ายกับจะพูดอะไร แต่น้ำตาที่คิดว่าหยุดไหลไปแล้วกลับไหลออกมาอีกครั้ง “ตั้ง…แต่เมื่อไหร่…….” หัวใจนั้นเต้นรัวแรงราวกับจะกระเด็นออกมาข้างนอกเสียให้ได้


“อย่าร้อง…” จิณณ์ใช้นิ้วโป้งปาดหัวตา ริมฝีปากอุ่นๆจูบซับแผ่วเบา


“ไม่ต้องรู้หรอก….แค่รู้ว่ายังไงพี่ก็ยังมีผมก็พอ…”


ยิ่งจิณณ์อ่อนโยน ยิ่งทำให้น้ำตาไม่ยอมหยุด คิรากรนึกถึงตลอดเวลาที่ใช้เวลาอยู่ด้วยกันจนถึงตอนที่ตัวเขาหนีกลับไปโดยไม่ได้ลา รุ่นน้องคนนี้จะรู้สึกอย่างไรบ้าง– ทั้งที่เขาบอกว่ารักอนล ทั้งที่แกล้งจูบอีกฝ่าย ทั้งที่บอกว่าจะชอบอีกฝ่ายได้… มีแต่ทำร้ายความรู้สึกของจิณณ์ทั้งนั้น


“พี่ขอโทษ…”


“พี่รู้ไหม พี่ไม่ต้องขอโทษอะไรเลย แค่กลับมา…กลับมาหาผม ไม่ว่าจะยังไง ผมก็ไม่มีทางโกรธพี่อยู่แล้ว” เขาพูดด้วยใจจริง


แม้ว่าจุดเริ่มต้นจะเกิดขึ้นไม่นาน แต่จิณณ์เชื่อมั่นในความรู้สึกที่มี


“ผมจะรอพี่…ถึงจะทิ้งไปอีก…ผมก็จะรอ”


“พี่ไม่ทิ้งนะ…” มือสองข้างยกขึ้นจับใบหน้าของอีกคนให้ได้มองสบตาเอาไว้ “…ไม่ทิ้ง……..”


จิณณ์พยักหน้ารับ…แม้ว่าจะไม่มีความมั่นใจในคำพูดของคิรากรสักนิด


ไม่มั่นใจ..ว่าจะถูกทิ้งเมื่อไหร่ แต่สิ่งที่เหนี่ยวรั้งเขาไว้ในตอนนี้คือการที่มีคิรากรในอยู่ข้างกาย ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปจะมีอะไรเปลี่ยนแปลงแค่ไหน แต่จิณณ์ตั้งใจแล้วว่าจะลองเสี่ยง


จะรัก…แม้จะรู้ทั้งรู้ว่าอีกฝ่ายยังรักอีกคน


จะลองพยายามดู ว่าจะเป็นไปได้ไหม ที่จะเปลี่ยนให้คิรากรมารักตัวเอง


พออีกฝ่ายเงียบไป ร่างโปร่งก็กอดจิณณ์เอาไว้หลวมๆ “กินข้าว…ไหม”


“พักผ่อนนะ เดี๋ยวทำให้กิน” จิณณ์รวบกอดเร็วๆอีกครั้งก่อนจะผละออกไปหาอะไรที่พอจะกินได้ในครัว


“ไม่เอา พี่อยากทำให้…ไว้ค่อยทำให้พี่กินทีหลัง…..” มือข้างหนึ่งคว้าเอาชายเสื้อของอีกฝ่ายไว้ได้


“ทำด้วยกันก็ได้…แต่มีแต่มาม่า ไม่มีอะไรสักอย่างเลย หรือจะออกไปกินข้างนอก”


“ออกไปซื้อของสดเข้ามาก็ได้ กินข้างนอกไม่อร่อยเหมือนทำกินเองหรอก…” ในฐานะคนที่ทำอาหารบ่อย คิรากรจำต้องท้วงออกมา


“อือ ไปโลตัสหน้าม.ก็พอเนอะ” จิณณ์จับมือเพื่อนรุ่นพี่เอาไว้ “…หมวกกันน็อคของพี่คีย์ยังอยู่ในรถนะ”


“อื้ม…”












To be continued…

————



kagehana : พี่คีย์กลับมาแล้วววววววววว วั้ยๆๆๆๆๆ

อิจินก็รุกเหลือเกิน....

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
ดีใจ ปลื้มปริ่ม ฟินนาเล่
เย้ พี่คีย์กลับมาแล้วววววววว

ออฟไลน์ Nus@nT@R@

  • Life is Investment
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5589
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +456/-11
ดีแล้วที่หันหลังออกมา

ออฟไลน์ AMINOKOONG

  • ฝากติดตามนิยายด้วยนะคราฟฟฟฟ
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 860
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +183/-12
ไม่รู้จะสมน้ำหน้าคีย์ยังไงดีโง่ดีนัก
แต่ก็ดีแล้วที่รูความจริงเร็วจะได้ตาสว่างซักที
รอแต่อันที่มันยังไม่ได้รับกรรม ขอจัดหนักหน่อยนะครับ :katai1:

ออฟไลน์ fuku

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +462/-20
อัน แกนี่มันโคตรเลวเลยว่ะ

เป็นตัวละครที่เชี่ยได้น่าสาปแช่งมากๆ รับขาคู่ไปกินเถอะค่ะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ maemix

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4403
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +299/-3
ดีใจที่พี่คีย์รู้เรื่องเสียที
และก็ดีใจที่พี่คีย์ตัดสินใจกลับมาไทย

ในที่สุดพี่คีย์ก็กลับมาหาจินแล้ว
มาให้จินบอกรัก  จินสู้สู้

ออฟไลน์ FahFon

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 289
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-2
คิดถึงพี่คีย์

คนแต่งคะ ระบุหน้าที่อัพที่ชื่อเรื่องด้วยก็ดีค่ะ :)

ออฟไลน์ quiicheh.

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1629
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +73/-9
น๊านนานจะเจอพระเอกแสนดีแบบจิน5555555555555555
เริ่มใหม่นะพี่คีย์ ลืมๆไอ้อันไปซะ

ออฟไลน์ GintoniC

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 829
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-0
แง พี่คีย์อย่าทำจินจ๋าเสียใจอีกน่ะ  :mew2:

ออฟไลน์ ♠DekDoy♠

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4512
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +421/-8
จะร้องไห้สงสารทั้งคู่ คีย์ต้องตัดใจจริงจังสักทีแล้วนะสงสารน้องและสงสารตัวเองบ้างนะ

ออฟไลน์ พลอยสวย

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1622
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +232/-5
 :hao6:ตีตั๋วไปฟินแลนด์

ออฟไลน์ kagehana

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 186
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-1
http://www.youtube.com/watch?v=c4kagvhbCwc  <<< จิ้มฟังเพิ่มบรรยากาศค่ะ (ลงเพลงไม่เป็น ฮือออ :katai1:)




-16-




หลังจากที่ไปขนซื้อของสด ของแห้ง และของใช้ต่างๆมาจนรถมอเตอร์ไซค์แทบไม่เคลื่อนแล้ว จิณณ์กับคิรากรก็ลงมือทำอาหารเย็นด้วยกัน จิณณ์ทำหน้าที่เป็นลูกมือในการหั่น สับ หรือทำอะไรก็ตามที่ถูกสั่ง ส่วนอีกคนยืนอยู่หน้าเตาปรุงรส



“จะทำอะไรมั่งเนี่ย” ร่างสูงยื่นหน้ามองชะโงก เขาเดินไปชิดจนแผ่นหลังของคิรากรสัมผัสเบาๆ



“ก็ ผัดเต้าหู้หมูสับ กับแกงจืดไข่น้ำตำลึง…..” พูดจบคิรากรก็ตักน้ำซุปในหม้อขึ้นมาชิมรสชาติ “โอเคไหม” เขาตักอีกครั้งก่อนจะเป่าเบาๆแล้วยื่นให้อีกคน



จิณณ์เป่าเบาๆแล้วชิมรส “อร่อย”



คิรากรยิ้มกว้างแล้วดึงช้อนคืนมา “งั้นยกหม้อไปตั้งไว้ตรงนี้นะ พี่ผัดเต้าหู้แวบเดียว ข้าวสุกหรือยัง”



“สุกแล้วมั้ง” ผู้ช่วยยกหม้อแกงจืดไปวางไว้พลางหันไปมองที่หม้อ “สุกแล้ว ผัดเลย ผมหิว…”



“อื้อ แป๊บเดียวเอง ไปเตรียมพวกจานเลยก็ได้…ไม่งั้นไปนั่งรอที่โต๊ะนะ” พูดจบคิรากรก็เทหมูสับที่ผู้ช่วยเตรียมไว้ให้ลงกระทะ แล้วค่อยเริ่มปรุงรส– หลังจากเทเต้าหู้ลงไปแล้ว ผัดอยู่ไม่นานคิรากรก็ยกกระทะมาเทผัดเต้าหู้หมูสับใส่จานที่วางเอาไว้



“เสร็จแล้ว”



พอได้ยินว่าอีกฝ่ายเรียบร้อย จิณณ์ก็ตักข้าวแบ่งใส่จาน มือใหญ่รินน้ำขวดที่เพิ่งเอาออกมาลงแก้วของเขาและคิรากร



เพราะก่อนหน้านี้เขาใช้ชีวิตอยู่ในห้องของคิรากรบ่อยๆ จำนวนของใช้ในห้องเลยมีส่วนที่เป็น..ของจินและของพี่คีย์…ปะปนอยู่มาก ชายหนุ่มนั่งมองแก้วคู่แล้วอมยิ้มจางๆ



“ลืมไปเลยว่านัดพวกพี่ไผ่ไว้..แต่ช่างแม่งเหอะ”



“อ้าว หรือจะชวนมาไหม”



“ไม่ล่ะ อยากอยู่กับพี่คีย์มากกว่า…”



“…เดี๋ยวเพื่อนเกลียดนะ” คิรากรว่า ใบหน้ามีรอยยิ้มจางๆขณะที่หยิบจานผัดเต้าหู้มาวางลงที่โต๊ะ “กินข้าวกัน”



จิณณ์ตักข้าวเข้าปาก บอกไม่ถูกว่าอร่อยหรือเปล่าเพราะสิ่งเดียวที่รู้คือ…เขามีความสุข



ถึงจะเป็นสุข…ที่พร้อมจะสิ้นสุดตลอดเวลาก็ตาม



“พี่คีย์กินเยอะๆ มัวแต่ร้องไห้ไม่กินข้าว ตัวจะหักแล้ว”



“จินเถอะ…กินแต่มาม่าล่ะสิ…” เขาไม่พูดเปล่า แต่เอื้อมตักเต้าหู้หมูสับไปวางลงบนจานอีกคน



“กินทุกอย่าง กินไปงั้นๆ คิดถึง…แต่ไม่กินก็ตาย”



“…ขอโทษ…นี่…กลับมาแล้ว จะทำให้กินทุกวันเลย…” พูดจบคิรากรก็ตักไข่เจียวจากแกงจืดตำลึงวางให้อีก



“ก็ไม่ต้องขนาดนั้นหรอก ผมดูแลพี่เหมือนเดิมได้ จะทำทุกอย่างให้เหมือนเดิม” จิณณ์วางช้อนลง นัยน์ตาเข้มจับจ้องใบหน้าของคนที่หลงรักจับใจ



“ถ้าให้รัก…ก็จะรัก ถ้าไม่ให้รัก…ก็จะไม่ให้รู้ อย่างนี้ได้ไหม”



“ไม่ได้…พี่รู้แล้ว…”



“ก็ถ้าไม่ได้….จะไม่พูด ไม่บอกก็ได้ เป็นเหมือนเดิมไง แค่พี่น้องก็ได้ แต่อย่าอยู่คนเดียว”



“……จิน……” เพราะอีกฝ่ายพูดจาแบบคิดถึงความรู้สึกของเขา ไม่ได้เอ่ยถึงความต้องการของตัวเองออกมาเลยสักนิดเดียวทำให้คิรากรรู้สึกเหมือนหัวใจถูกบีบ “ทำ…พูด…อย่างที่รู้สึก…ได้ไหม…พี่ขอ”



“อืม…” จิณณ์ตอบรับ “กินข้าวเถอะ”



ชายหนุ่มร่างสูงบอกไม่ถูกว่ารู้สึกอย่างไร ใจหนึ่งก็ดีใจที่อีกฝ่ายบอกให้แสดงความรู้สึก แต่อีกใจหนึ่งก็กลัว…ว่าถ้าทำลงไป วันไหนที่ไม่มีคิรากรอีกแล้ว จะเป็นตัวเขาเองที่อยู่ไม่ไหว



“กินเยอะๆ…พี่ชอบเวลาทำอาหารแล้วมีคนกินด้วยกัน…แฮปปี้” เขายิ้มกว้างก่อนจะทานข้าวต่อ คิรากรรู้สึกได้ว่าเพียงแค่ช่วงเวลานี้ เขาก็ยิ้มมากกว่าตอนที่กลับไปหาอนลตั้งไม่รู้เท่าไหร่แล้ว



“ถ้าชอบทำไว้จะชวนพวกพี่ไผ่มา ไอ้ถังน่ะตัวกินล้างกินผลาญเลย” จิณณ์ตักข้าวเข้าปากอีกคำ “ว่าแต่..พวกนั้นคงแปลกใจที่พี่กลับมาแล้ว”



“เหรอ อืม…พี่ไปปุบปับเนอะ” กับข้าวทั้งสองถูกตักใส่จานของจิณณ์อยู่เรื่อยๆ แทบจะไม่ปล่อยให้มีว่าง



“พอเลยๆ กินเองมั่ง ไม่ต้องตักให้แล้ว”



“ก็กินอยู่นี่ไง” และก็เป็นอย่างที่ว่า ข้าวในจานของคิรากรก็พร่องลงไปไม่ต่างกัน “พี่อยากตักให้”



รุ่นน้องที่ตัวใหญ่กว่าได้แต่พยักหน้าเงียบๆ ใช้เวลาไม่นานนัก กับข้าวทั้งหมดก็หมดไป จิณณ์ยกจานซ้อนกันแล้วเดินไปยังอ่างล้าง เขาเปิดน้ำล้างเศษอาหารแล้วเริ่มต้นล้างจานช้าๆ



“นี่…ไปอาบน้ำก่อนเลย เดี๋ยวพี่ล้างให้เอง” คนตัวเล็กกว่ายกที่เหลือตามมายืนอยู่ข้างๆ



“เดี๋ยวกลับบ้าน ไม่ได้เอาเสื้อมา แค่จะเข้ามาทำความสะอาดเฉยๆ”



“แล้วเสื้อที่ซื้อทิ้งไว้ให้ล่ะ…” ใบหน้าของคิรากรหมองลงไปเล็กน้อย



“เอากลับบ้าน ตั้งแต่พี่ไปผมไม่เคยนอนที่นี่เลย” จิณณ์มองใบหน้าของคิรากรแล้วได้แต่ใช้ปลายคางกดกลางศีรษะเบาๆ



“อย่าทำหน้าอย่างนี้สิ พรุ่งนี้…จะมารับแต่เช้าเลย เอาตารางเรียนมาให้ด้วยล่ะ”



“…..ขอโทษที่พูดแบบนี้….แต่พี่…ไม่อยากอยู่คนเดียว…..” เขาเงยหน้ามองคนตัวสูงกว่า



จิณณ์ล้างมือแล้วเลื่อนมือลงจับมืออีกฝ่ายไว้ แค่ดูก็รู้…ว่าหนีกลับมาด้วยหัวใจบอบช้ำ  ยิ่งคิรากรเรียกร้อง..ยิ่งแสดงให้เห็นว่าคงอยู่คนเดียวไม่ไหวจริงๆ



จะทำยังไงได้…



“เดี๋ยวงั้น..ผมไปยืมเสื้อผ้าพี่ไผ่ โอเคไหม”



“อื้ม” เขาค่อยยิ้มจางๆก่อนจะพยักหน้า “งั้นพี่ทำที่เหลือให้…นะ” พูดจบเขาก็นำจานที่เหลือลงในอ่างแล้วค่อยเปิดน้ำต่อโดยไม่รออีกฝ่ายตอบอะไร



จิณณ์มองร่างเพรียวบางที่ดูจะบางลงกว่าครั้งสุดท้ายที่เห็นมาก แนวหลังไหล่ดูอ่อนล้า และกว่าจะรู้ตัว ชายหนุ่มก็เดินเข้าไปกอดซ้อนหลัง แนบกายใกล้ชิดเข้าแล้ว



“ผมรักพี่นะ…”



“!? จ จิน?!” ชามที่ถืออยู่ในมือลื่นหลุดแต่คิรากรก็ยังตั้งสติประคองเอาไว้ได้ทัน เขาได้แต่ยืนนิ่ง ไม่เอ่ยอะไรตอบนอกจากผงกศีรษะตัวเองช้าๆ



คนที่กอดอยู่จูบเบาๆที่แก้มขาว แววตาเศร้าสร้อยซ่อนไว้ใต้ท่าทางร่าเริง “เดี๋ยวไปเอาเสื้อแป๊บเดียว จะรีบกลับมานะ”



“อ อื้อ” ใบหน้าของตัวเองร้อนขึ้นมาจนรู้สึกได้ เขาหันไปมองแผ่นหลังกว้างที่หายลับสายตาไป







//////////





คิรากรที่ทำความสะอาดจนเรียบร้อยแล้ว เห็นว่าอีกฝ่ายยังไม่กลับมา ก็หยิบไม้ขนไก่ออกมาจากตู้แล้วค่อยเริ่มปัดฝุ่นตามที่ต่างๆเป็นการฆ่าเวลา กะว่าถ้าจิณณ์กลับมาถึง อาบน้ำออกมา จะได้ไม่คลุกฝุ่นเอา



เขาคิดถึงคำรักที่จิณณ์บอกเมื่อครู่แล้วก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเป็นสุข มันฟังดูต่างจากเวลาที่อนลบอกรัก แต่ก็ทำให้รู้สึกอบอุ่นจนต้องยิ้มออกมา



เสร็จจากห้องนั่งเล่น เขาก็ค่อยยกของไปที่ห้องนอน ก่อนจะเริ่มดึงผ้าปูที่นอนออกมา ทำให้ฝุ่นคลุ้งไปทั่วห้องจนต้องยกมือขึ้นปิดปาก



“กลับมาแล้ว…ซื้อขนมมาฝาก แค่กๆ” จิณณ์ไอจนสำลัก “ทำอะไรเนี่ย จะเปลี่ยนผ้าปูทำไมไม่รอ”



“อ้าว…ก็ทำฆ่าเวลาไง ไปอาบน้ำไป…ออกมาห้องสะอาดพร้อมนอน” ใบหน้าของเขายังคงมอบรอยยิ้มกว้างให้กับร่างสูงที่เดินเข้ามา



“ช่วยก่อน” ไม่รอให้ปฏิเสธ จิณณ์ออกแรงยกที่นอนที่ยังอยู่ครึ่งๆกลางๆออกแล้วดึงผ้าปู เปลี่ยนปลอกหมอน หมอนข้าง ปลอกผ้าห่มเอาออกทั้งหมดแล้วหอบไปไว้ที่เครื่องซักผ้า “ของใหม่อยู่ในตู้หรือเปล่าพี่คีย์”



“อื้อ…อยู่…ไปอาบน้ำก่อนไหม แล้วค่อยมาเปลี่ยน ผ้าใหม่จะได้ไม่คลุกฝุ่น” คนพูดพูดจบก็กดสวิทช์เจ้าหุ่นยนต์ดูดฝุ่นตัวกลมให้มันเคลื่อนไปรอบๆห้อง



ชายหนุ่มที่เพิ่งกลับมาพยักหน้าแล้วทำตามอย่างว่าง่าย เขาเดินไปใช้ห้องน้ำด้านในแล้วจัดการล้างห้องน้ำไปในตัว ถึงแม้ว่าจะมาทำความสะอาดบ้างแต่ก็ประสาผู้ชาย ไม่ได้สะอาดเอี่ยมนัก แต่อีกส่วนหนึ่งเป็นเพราะเขาไม่คิดว่าเจ้าของห้องจะกลับมา



แต่ในเมื่อกลับมาแล้ว…ก็ต้องทำให้ดีที่สุด



จิณณ์ล้างห้องน้ำแล้วขัดพื้นกระเบื้อง เขาไล่ฉีดน้ำตามซอกมุมต่างๆและขัดถูจนเหงื่อท่วมตัว จนเมื่อเสร็จทั้งหมดเขาจึงอาบน้ำ…ด้วยสบู่เหลวกลิ่นแอปเปิ้ล…กลิ่นที่มักโชยอยู่บนร่างของคิรากรเสมอ



“จิน โรบ็อตคงอีกสักพักกว่าจะทำเสร็จ…ไม่ต้องรีบนะ” เจ้าของห้องมายืนพูดอยู่หน้าห้องน้ำ และยืนรอคำตอบจากด้านใน



“เสร็จแล้วล่ะ” ผ้าขนหนูถูกหยิบมาพันกายก่อนที่ร่างสูงจะเดินออกมา “ลืมหยิบชุดนอนเข้ามา”



ไม่รู้เพราะอีกฝ่ายบอกรักเขา หรือเพราะร่างกายอยู่ใกล้กันที่ทำให้หัวใจของคิรากรเต้นผิดจังหวะ ทั้งๆที่คิดว่าจิณณ์เป็นเพียงรุ่นน้องมาตลอด แต่พอเห็นแผ่นอกกว้างก็ทำเอาใบหน้าร้อนขึ้นมาอีกครั้ง เขาก้มใบหน้าหลบแล้วเอ่ยต่อ “ง งั้นเดี๋ยวพี่อาบต่อนะ…”



จิณณ์ยิ้มกว้างเมื่อเห็นหน้าคิรากรชัด มือชื้นฉ่ำน้ำยกขึ้นใช้ปลายนิ้วลูบไล้ข้างแก้มและสันจมูกโด่งเชิด “หน้าดำปี๋เลย”



“ก็ไม่ต้องจับสิ เลอะ…หมด….” ร่างบางเบี่ยงตัวหลบเบาๆ “พี่อาบแวบเดียว….” ซ่อนเสียงหัวใจเต้นของตัวเอง



“อื้อ เดี๋ยวผมไปปูเตียงแล้วกัน”



คิรากรรีบเดินเข้าห้องน้ำไป ถอดเสื้อผ้าออกแล้วรีบพาตัวไปยืนใต้สายน้ำอุ่น เขาผ่านการเดินทางมายาวนาน ควรจะรู้สึกเหนื่อยและอยากนอน แต่เพราะจิณณ์กลับทำให้ยังไม่อยากนอนด้วยซ้ำ– หรือถ้าต้องนอน ก็ไม่อยากจะนอนคนเดียว



อีกฝ่ายจะว่าเขาเห็นแก่ตัวไหมที่ทำแบบนี้ คิรากรไม่อยากอยู่คนเดียว อยากให้อีกคนอยู่ด้วยอย่างที่เคย แต่ความรู้สึกของจิณณ์จะทำให้ทุกอย่างยังเหมือนเดิมอยู่ได้ไหม เขาเองก็ไม่แน่ใจ



ถ้าเป็นไปได้ คิรากรก็อยากจะตอบแทนความรักที่อีกฝ่ายมีให้อย่างเท่าเทียม– ก่อนที่จิณณ์จะทนไม่ไหวและเป็นฝ่ายจากไป



หลังจากอาบน้ำเรียบร้อย เขาเช็ดตัวแล้วสวมชุดนอนที่อยู่ในตู้ ร่างโปร่งก็เปิดประตูห้องน้ำออกมา



จิณณ์ในชุดนอนหยิบกีตาร์ที่เขาเอามาทิ้งไว้ขึ้นมาจูนสาย เขาดีดเบาๆทดสอบเสียง นัยน์ตาเข้มสบตาคิรากรครู่หนึ่งก่อนจะหรุบลงพร้อมๆกับคอร์ดที่เริ่มบรรเลง



“คนเพียงคนเดียวในเวลานี้ที่เธอ คงต้องการ

เธอคงรอคอย เพียงใครคนนั้นเดินเข้ามานั่งกับเธอ

น้ำตาที่รินไหล มีแค่เขาที่จะหยุดมันไว้

ชั่วโมงที่อ่อนไหว มีแค่เขาที่ใจเธอต้องการ

 

ระหว่างที่รอเขา ให้ฉันนั่งข้างเธอจะได้ไหม

เผื่อไว้ว่าเธอต้องการอะไร เผื่ออยู่คนเดียวจะไม่ไหว

ระหว่างที่รอเขา อย่างน้อยช่วยเธอไม่ต้องเหงา

อยากทำหน้าที่นี้ แม้เพียงแค่ชั่วคราว

แค่ต้องการเท่านี้ได้ไหม ก่อนที่เขาจะมาแทน...”




ชายหนุ่มกรีดสายกีตาร์ เพลงทำนองหวานเศร้ายังคงดำเนินต่อไป….เพลง ที่แทนทุกความรู้สึกของจิณณ์





“คนที่เธอรอ คงอีกไม่ช้าก็มาอยู่ข้างเธอ

คนที่รอเธอ มีเวลาเหลือแค่ไม่นานก็ต้องไป

น้ำตาที่รินไหล มีแค่เขาที่จะหยุดมันไว้

ชั่วโมงที่อ่อนไหว มีแค่เขาที่ใจเธอต้องการ

ระหว่างที่รอเขา ให้ฉันนั่งข้างเธอจะได้ไหม

เผื่อไว้ว่าเธอต้องการอะไร เผื่ออยู่คนเดียวจะไม่ไหว

ระหว่างที่รอเขา อย่างน้อยช่วยเธอไม่ต้องเหงา

อยากทำหน้าที่นี้ แม้เพียงแค่ชั่วคราว

แค่ต้องการเท่านี้ได้ไหม ก่อนที่เขาจะมาแทน…”






ร่างบางที่ยืนฟังอยู่ตัดสินใจเดินมานั่งลงข้างๆคนที่กำลังร้องเพลง





“ระหว่างที่รอเขา ให้ฉันนั่งข้างเธอจะได้ไหม

เผื่อไว้ว่าเธอต้องการอะไร เผื่ออยู่คนเดียวจะไม่ไหว

ระหว่างที่รอเขา อย่างน้อยช่วยเธอ ไม่ต้องเหงา

อยากทำหน้าที่นี้ แม้เพียงแค่ชั่วคราว

แค่ต้องการเท่านี้ได้ไหม ก่อนที่เขาจะมาแทน…”









เสียงกีตาร์หยุดลง จิณณ์รู้ดีว่าในห้องเงียบจนได้ยินเสียงลมหายใจ มือใหญ่เลื่อนไปจับมือเรียวของคนที่นั่งอยู่ข้างๆ..บีบกระชับเบาๆเตือนให้รู้ว่าเขายังอยู่ข้างกายเสมอ



“ได้ไหม….” ขออยู่ข้างๆได้ไหม ก่อนที่เขาจะกลับมา…จิณณ์ไม่ได้ถามออกมา เพราะคำตอบทั้งหมดอยู่ในแววตาแล้ว



“…พี่…ไม่รอ…ไม่ได้รออันอีกแล้ว…เข้าใจ…ไหม” อาจจะเป็นเพราะน้ำเสียงของคนร้องหรือเสียงของกีต้าร์ที่บาดลงไปในใจ ทำให้เสียงของเขาสั่นเครือ



“อืม…” เป็นคำตอบรับ…มากกว่าจะที่หมายความว่าเข้าใจ



ในตอนนี้ที่พี่ยังโกรธยังเกลียดเขา คำพูดเหล่านี้อาจจะไม่ได้ออกจากใจทั้งหมด วันนึงที่พี่ให้อภัย…คำพูดของพี่ก็จะย้อนกลับคืนไป



ไม่ได้รออีกแล้ว…ไม่ได้หมายความว่าเลิกรัก



“ช่างเถอะ…” จิณณ์ยิ้มให้..แม้จะยากลำบากก็ตาม “…ผมไม่เป็นไร…”



“…ตอนนี้พี่อาจจะยังพูดไม่ได้ว่ารัก…แต่จินเคยบอกพี่ ว่าให้ลืมคนแบบนั้น……..”  เขาสบตาอีกฝ่ายอย่างจริงจัง “พี่ก็จะลืมให้ได้…แล้วก็…มีแค่จิน…..เท่านั้น ที่จะทำให้พี่ลืมได้…..” คิรากรเม้มริมฝีปากแน่นก่อนจะเอ่ยต่อ “เชื่อ…..นะ…..ว่าพี่จะรักจิน….ในอนาคต”



จิณณ์วางกีตาร์ลงเขาดึงร่างบางเข้ามากอดไว้เบาๆ ปลายนิ้วสากลากไล้บนกลีบปากบางสีอ่อนแผ่วเบา เขาเคลื่อนหน้าเข้ามาใกล้แล้วแตะริมฝีปากจรดกันเชื่องช้า



“เชื่อผมสิ…ว่าต่อให้จะลงท้ายยังไง ผมก็จะไม่เป็นไร…”



จิณณ์กระซิบแผ่วเบา…บอกกับคนตรงหน้า



และบอก..กับตัวเอง…

 

 

 





To be continue…



kagehana : หายไปนานเลย ฮือออออ ขอโทษด้วยนะคะ พอดีมีเรื่องยุ่งๆนิดหน่อย

แฮ่----- พี่คีย์ร้าวราน จินร้าวราน แต่ยังกุบกิบนะ(เหรอ......)

 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 06-04-2014 19:17:09 โดย kagehana »

ออฟไลน์ Pakbung Mazo

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 505
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-3
สงสารจินจัง รักจินไวไวนะค :mew2:

ออฟไลน์ พลอยสวย

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1622
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +232/-5
 :hao5: กว่าจะมา มาทีเอามาม่ามาเสริ์ฟเลยนะ

ออฟไลน์ Donaldye

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 563
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +69/-1
สงสารจิณณ์ :hao5:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด