-11-
ชายหนุ่มร่างเล็กยกมือขึ้นเสยผมม้าที่เริ่มปิดดวงตาของตัวเองขึ้นแล้วเอื้อมมือไปกดออดหน้าบ้าน เป็นเวลาหนึ่งปีที่นภัสรพีไม่ได้กลับบ้าน ถ้าเป็นปกติ ชายหนุ่มจะกลับบ้านทุกครั้งที่ปิดเทอมหรือติดวันหยุดยาว แต่เพราะอยู่ชั้นปีสองแล้ว กิจกรรมต่างๆมากมายจนทำให้ติดสอยห้อยตามไปกับพวกจิณณ์จนรู้สึกตัวอีกทีก็ไม่ได้กลับบ้านเลย
ประตูบ้านเปิดออกพร้อมกับหญิงสาววัยกลางคนร่างอวบ เมื่อเห็นนภัสรพี ใบหน้าของเธอก็มีรอยยิ้มกว้างขึ้นมาทันที
“น้องอาลัว กลับมาแล้วเหรอลูก”
“กลับมาแล้วครับน้าต่าย สวัสดีครับ” ชายหนุ่มยกมือขึ้นไหว้อย่างนอบน้อมก่อนจะชะโงกมอง “ปั๊บไม่อยู่เหรอครับน้าต่าย”
“น่าจะไปเตะบอลกับเพื่อนนั่นล่ะ เย็นๆค่ำๆคงกลับ”
“โอเคครับ ถ้าอย่างงั้น เดี๋ยวผมค่อยแวะมาพรุ่งนี้ก็ได้ครับน้าต่าย สวัสดีครับ”
นภัสรพีหันหลังเดินออกมา กลับบ้านตัวเองที่อยู่หลังข้างๆกัน
ปิดเทอมเฮงซวย….
เด็กหนุ่มร่างสูงถอดรองเท้าสะบัดไปคนละทางที่หน้าบ้านแล้วล้วงกุญแจในกระเป๋าหยิบเอาขึ้นมาไขก่อนจะสำนึกได้ว่าประตูไม่ได้ล็อค เมธัสถอนหายใจแล้วสบถซ้ำ ลูกบอลเลอะโคลนที่ถืออยู่ถูกโยนไปอีกทางกระแทกกับบ้านสุนัขหลังเล็ก ทำเอาเจ้าหมาปั๊กตาโปนถึงกับผวาตื่นขึ้นเห่าเสียงขรม
“หนวกหูน่าปั้นสิบ” เมธัสดุเบาๆแต่ก็อดลูบไอ้ตัวตาโปนที่พาพุงย้วยๆมาเกยขาไม่ได้ “ไปๆๆ เลอะเทอะ เดี๋ยวแม่มึงด่ากู…”
ว่าจบ เด็กหนุ่มที่ดูจะโตเกินคำว่าเด็กก็เดินเข้าไปในบ้าน “แม่…หิว มีไรกินมั่ง”
“เย็นนี้มีแกงเขียวหวาน ว่าจะชวนน้องอาลัวมากินด้วย แล้วก็ไข่เจียว ปั๊บจะเอาอะไรอีกล่ะลูก”
“พี่อาลัวกลับมาเมื่อไหร่ ไมแม่ไม่บอกปั๊บอะ”
“มาเมื่อตอนบ่ายๆเย็นๆน่ะ เดี๋ยวกับข้าวเสร็จแล้วไปเรียกมากินแทนแม่ก็แล้วกัน” หญิงวัยกลางคนทำมือไล่ให้ลูกชายออกไป
“โห่ แม่น่าจะโทรบอก ปั๊บจะได้ไปหาเลย ไม่เจอตั้งนาน” เมธัสลุกผึง ทั้งที่ตอนแรกจะนอนเน่าเอกเขนกให้หนำใจ…แต่พี่อาลัวดันกลับมาบ้านซะได้
พี่อาลัวเชียวนะ เอาเหอะ…คิดถึงจะตายอยู่แล้ว
“ปั๊บไปหาก่อน แม่เสร็จแล้วโทรตามแล้วกัน เอาไข่เจียวกุ้งกับไก่กระเทียมด้วยนะ ไปล่ะ”
“ลูกคนนี้นี่” ผู้เป็นแม่ส่ายศีรษะเบาๆด้วยความเพลียกับลูกชายคนเดียวที่ติดพี่ชายข้างบ้านจนเหมือนเป็นพี่น้องกันจริงๆ
เมธัสเดินออกมานอกบ้านแล้วไม่ลืมอุ้มไอ้ปั้นสิบไปยืนริมรั้ว เด็กหนุ่มชะโงกมองข้ามรั้วเตี้ยๆหน้าบ้านนภัสรพีแล้วส่งเสียงเรียก “พี่อาลัว พี่อาลัวครับ….ปั๊บกับปั้นสิบมาเยี่ยม”
รอไม่นานนัก ประตูบ้านก็เปิดออกพร้อมกับชายหนุ่มร่างเล็ก นภัสรพียิ้มกว้างเมื่อเห็นน้องชายที่ตัวสูงขึ้นผิดหูผิดตา “ปั๊บกลับมาแล้วเหรอ”
รอยยิ้มของ ‘พี่ชาย’ ทำเอาคนมองแทบจะลมหายใจสะดุด เมธัสยิ้มโชว์ฟันกระต่ายแล้วยิ้มหวานให้กับคนตรงหน้า “พี่อาลัวมาไม่บอกปั๊บเลย ปิดเทอมที่แล้วก็ไม่กลับ ปั๊บจะงอนนะ” เมธัสทำปากอูดทั้งๆที่คิดว่าหน้าตัวเองตอนทำอ้อนแบบเด็กๆคงพิลึกน่าดู
เถอะ…นี่พี่อาลัวเชียวนะ
“พี่ยุ่งกับมหาลัย ปั๊บอย่างอนนะครับ นี่พี่กลับมาสามเดือนแล้วไง อยู่บ้านตลอดเลย” เขาเปิดประตูรั้วออกให้อีกคนกับอีกหนึ่งตัวได้เข้ามา
“ปั้นสิบก็คิดถึง แต่ปั๊บคิดถึงมากกว่า ปิดเทอมนี้พี่อาลัวต้องติวให้ปั๊บนะ จะตามไปเป็นรุ่นน้องที่มอ……”
“ปั๊บเรียนเก่งออก จะให้พี่ติวอะไรให้เหรอครับ” นภัสรพีปิดประตูรั้วแล้วเดินตามคนตัวสูงกว่าเข้ามา เขาเงยหน้ามองจนต้องเอ่ยชม “สูงขึ้นเท่าไหร่เนี่ย”
“ร้อยแปดสิบสอง” คนพูดยิ้มอย่างภูมิใจนิดๆ เมื่อก่อน..ตั้งแต่เล็กๆ เขาต้องแหงนหน้ามองพี่อาลัวตลอด แต่ในไม่กี่ปีที่ความสูงขึ้นพรวดๆ…พี่อาลัวที่เมื่อก่อนคิดว่าตัวสูงกลับเหลือแค่ปลายคางเท่านั้น “ติวอิ๊งกับญี่ปุ่นให้หน่อยนะครับ เหมือนเมื่อก่อนไง”
เมธัสปล่อยเจ้าหมาปั๊กให้วิ่งเล่นในสวน…อย่าฝันไอ้ปั้นสิบ ขืนเอามึงเข้าบ้านพี่อาลัวก็ไม่สนใจกูสิ
“ก็ได้ครับ” ตามประสาคนอะไรก็ได้ ชายหนุ่มยิ้มกว้างให้อีกครั้งขณะที่จับข้อมืออีกคนพาเดินเข้ามาในตัวบ้าน
เมธัสเป็นน้องชายข้างบ้านที่สนิทสนมกันมาตั้งแต่นภัสรพียังอยู่ชั้นประถม พ่อแม่ของนภัสรพีแทบไม่ได้กลับบ้านทำให้ได้รู้จักกับบ้านของเมธัสและมาอาศัยทานอาหารเย็นด้วยบ่อยๆ
พอถึงในห้องส่วนตัวของคนเป็นพี่ เมธัสก็จัดแจงเอาหมอนสีหวานที่ทึกทักมาหลายปีว่าเป็น ‘หมอนปั๊บ’ เข้ามากอด เด็กหนุ่มร่างสูงดึงข้อมือให้นั่งลงด้วยกันพร้อมสายตาเว้าวอน ริมฝีปากได้รูปคลี่ยิ้มจนตาหยี “พี่อาลัวเล่าเรื่องที่มอให้ฟังมั่งสิ”
“เรื่องที่มอเหรอ…ปั๊บอยากฟังเรื่องอะไรล่ะ” เจ้าของห้องนั่งลงข้างๆตามเคยชินพร้อมกับเอนตัวลงไปพิงหมอนที่ถูกเมธัสกอดเอาไว้
“เรื่องเพื่อนพี่อาลัวก็ได้…ที่ชื่อจิน ชื่อถังอะไรนั่นน่ะ” เด็กหนุ่มกอดร่างเพรียวไว้หลวมๆ…คราวที่แล้วที่นอนแบบนี้ ตัวเขายังเล็กกว่าพี่อาลัวอยู่เลย
“จินเหรอ ก็เป็นหนุ่มหล่อ มีรุ่นพี่ต้องดูแล ส่วนถังนั่นคาสโนว่าแต่ไม่มีใครเอา พี่ไผ่เป็นคนดูแลเม็ดโฟม ตัวติดกันตลอดเวลา”
“มีใครมาจีบพี่อาลัวมั่งปะ”
“ไม่มีหรอก ใครจะมาจีบตัวจืดจางอย่างพี่” นภัสรพีหัวเราะออกมา
“จืดที่ไหน พี่อาลัวของปั๊บน่ารักจะตาย แต่ไม่มีก็ดีแล้ว ปั๊บหวง” เมธัสทำเสียงอ้อนแล้วกอดแน่นขึ้น…ถึงเจ้าตัวจะไม่รู้ว่าหวงในความหมายของเขาหมายถึงอะไร แต่เด็กหนุ่มก็อยากจะใช้ตำแหน่งน้องรักยึดพี่อาลัวไว้คนเดียว
อ้อมกอดที่แน่นขึ้นทำให้คนอายุมากกว่าต้องแหงนหน้ามองน้องชายเอาไว้ “หวงเลยหวงเลย…ตัวโตขนาดนี้พี่เหมือนเป็นน้องเลย”
“ยังไงปั๊บก็เป็นน้องพี่อาลัว ห้ามรักคนอื่นมากกว่าปั๊บด้วย”
นภัสรพีหัวเราะออกมาอีกครั้ง “ครับๆ ไม่ต้องห่วงนะ จะมีแฟนก็จะพามาดู”
“ปั๊บไม่มีแฟนหรอก” พูดจบเด็กหนุ่มก็เอนตัวก้มเอาหน้าผากแตะคนที่นอนเอนพิงอยู่ “ต้องตั้งใจเรียน จะได้ไปอยู่ที่มอเดียวกับพี่อาลัว”…และตามไปเฝ้าไม่ให้ใครมายุ่งกับพี่ด้วย เมธัสต่อในใจ
“โห อะไรเนี่ย น้องชายของพี่เท่ขนาดนี้ไม่มีแฟนได้ยังไง” คนอายุมากกว่าหันมามองหน้าเมธัสให้ชัดพลางยกมือขึ้นเสยผมยุ่งๆออกจากใบหน้าของน้อง
“มีคนมาจีบ ผู้หญิงสมัยนี้มันอะไรก็ไม่รู้อะ แม่งไม่ได้รู้จักกันก็มาขอคบเฉย แถมวันก่อน….บอกว่าขอแค่นอนด้วยก็ได้” เมธัสเบ้ปากเมื่อนึกถึงความกล้าของเพื่อนต่างห้องที่ตัวเองเรียกว่าผู้หญิงสมัยนี้ “เรื่องไรปั๊บจะเอา”
ร่างบางถึงกับกอดอีกฝ่ายแน่น “เด็กดี พี่ดีใจนะเนี่ย น้องโตมาเป็นผู้ชายที่ดีขนาดนี้”
“ตัวเองเหอะ….ไม่ใช่ว่าใครมาขอคบ ขอเป็นแฟนก็คบไปเรื่อย ปฏิเสธไม่เป็นสักที” ก็เป็นซะอย่างงี้…ถึงต้องใช้ตำแหน่งน้องรักงอแงขอให้ไม่พาแฟนมาบ้านมาตั้งแต่ตอนยังเล็ก เมธัสจำได้…ว่าตอนนภัสรพีอยู่มัธยมปลาย หลังจากเห็นพี่อาลัวสุดที่รักจูบแฟนในห้องนอน เขาเคยร้องไห้งอแงบอกว่าอย่าพาผู้หญิงมาที่บ้านอีก
แน่นอนว่าพี่อาลัวของน้องปั๊บยอมทำตาม…จนเลิกราไปในที่สุด
และเป็นตอนนั้นเอง….ที่เมธัสรู้ตัวว่าพี่ข้างบ้าน ไม่ใช่แค่พี่อีกต่อไปแล้ว
“ฮะฮะฮะ ก็แก้ไม่ได้นี่นา ยังโดนเพื่อนๆที่มอเรียกว่าคุณชายอะไรก็ได้เลย”
“ปั๊บหวงเหอะ” น้องชายทำหน้าบู้ปากอูดอย่างเด็กเอาแต่ใจ เมธัสรู้…ว่าพี่อาลัวยังมองเขาเป็นแค่น้องปั๊บตัวเล็กๆ และถ้าการทำเอาแต่ใจแล้วยังยึดเอาไว้อ้อนให้เอ็นดูคนเดียวได้ เขาก็ยอมทำ
“รู้แล้วๆ” เขายื่นมือไปบีบจมูกน้องชายตัวน้อย (ในสายตา) “แล้วเย็นนี้ปั๊บจะกินอะไร ที่บ้านพี่ไม่รู้มีอะไรในตู้เย็นบ้าง”
“กินที่บ้านปั๊บไง แม่ทำไก่กระเทียมของโปรดพี่อาลัวไว้ด้วย” แหงล่ะ…ในเมื่อเพิ่งสั่งเมื่อกี้ “คืนนี้ปั๊บมานอนด้วยนะครับ”
“อื้ม เอาสิ งั้นไปกินข้าวกันก่อนไหม แล้วค่อยเอาเสื้อผ้ามาอาบน้ำบ้านพี่” นภัสรพีที่มีแต่จะตามใจน้องชายขี้อ้อนคนนี้ตอบอะไรอื่นไม่ได้นอกจากตกลง
“อื้อ” เด็กหนุ่มร่างสูงยิ้มจนตาหยี พลางคิดในใจว่า…ถ้าเพื่อนหรือใครที่โรงเรียนมาเห็นตอนนี้ ต้องไม่เชื่อแน่ๆว่าเมธัส…นักฟุตบอลกัปตันทีมโรงเรียน จะยิ้มอ้อนเป็นเด็กได้ขนาดนี้
เพราะเป็นพี่อาลัวหรอก ไอ้ปั๊บถึงกลายเป็นน้องปั๊บ….น้องน้อยคนดีของพี่อาลัว
“ปิดเทอมนี้ปั๊บจะมาอยู่กับพี่อาลัวทุกวันเลย”
“ได้สิ แต่ปั๊บไม่ต้องไปไหนกับเพื่อนเหรอ มาติดกับพี่จะดีเหรอ เดี๋ยวเพื่อนเกลียดนะ”
“ไม่มีใครเกลียดปั๊บหรอก”…ถ้าให้ถูก คือไม่มีใครกล้าเกลียดว่าที่ประธานนักเรียนคนถัดไปหรอก เมธัสรู้ว่าถึงตัวเองจะไม่ได้เนื้อหอมที่สุดในโรงเรียน แต่เพื่อนๆของเขาก็ชื่นชมและยอมรับในความสามารถไม่น้อย ไม่นับรวมกับผู้หญิงทั้งในและนอกโรงเรียนที่พยายามอยากทำความรู้จักเขาเสมอๆ
“ปั๊บเป็นเด็กดี..พี่อาลัวก็เห็นนะ”
“ไม่ค่อยเห็น เพราะไม่ได้กลับมาบ้านต่างหาก ต้องเล่าให้พี่ฟังเยอะๆแล้วล่ะ” คนอายุมากกว่าเอื้อมมือมาขยี้ศีรษะอีกฝ่ายจนผมยุ่งฟู
นอกจากจะไม่หนี เจ้าตัวยังใช้ศีรษะซุกดุนตามมือเรียวที่ขยี้เบาๆ “อยากฟังเรื่องอะไร เดี๋ยวคืนนี้เล่าให้หมดเลย”
“โอเค”
“ไข่เจียวกุ้งสับของน้าต่ายอร่อยที่สุดในโลกจริงๆครับ” นภัสรพีเอ่ยชื่นชมหลังจากยกน้ำขึ้นมาดื่ม
“กินกับปั๊บหรอกถึงอร่อย ปกติพี่อาลัวกินน้อยจะตาย”
“นี่ ลูกคนนี้ ให้มันน้อยหน่อย แม่ทำอร่อยน่ะถูกแล้ว พูดจาเป็นเด็กห้าขวบไปได้ อาลัวก็เหมือนกันลูก ไม่ต้องไปตามใจมันมาก เคยตัว” คนเป็นแม่ถึงกับเอื้อมมือไปดึงใบหูลูกชายเบาๆ
“จะพยายามนะครับน้าต่าย” คนเป็นพี่ก็ตอบรับคำไปตามเดิม รู้ทั้งรู้ว่าไม่เคยมีสักครั้งที่จะขัดใจเมธัสได้ มีแต่จะตามใจตลอดทุกครั้งโดยไม่ต้องเสียเวลาอ้อนด้วยซ้ำ
“แม่ คืนนี้ปั๊บนอนกับพี่อาลัวนะ”
“ตลอดน่ะลูกคนนี้ อย่ากวนพี่อาลัวล่ะ พี่เขาเพิ่งกลับมา” ต่ายส่ายศีรษะไปมาอย่างระอากับอาการติดพี่ของลูกชายตน
“ปั๊บกวนที่ไหน ดีออก พี่อาลัวจะได้ไม่เหงา เนอะๆ”
“อื้ม น้าต่ายไม่ต้องห่วงหรอก ปั๊บไม่เคยกวนผมเลย ใช่ไหมปั๊บ” มือสองข้างรวบช้อนส้อมเข้าหากัน พนมมือไหว้ข้าวรวมไปถึงขอบคุณคนที่ทำให้ จากนั้น นภัสรพีจึงลุกขึ้นแล้วอาสาเก็บจานให้
เมธัสลุกขึ้นตามแล้วยักคิ้วให้แม่ที่ทำท่าอยากฟาดเต็มแก่ เด็กหนุ่มลากตัวเองไปยืดติดพี่อาลัวแล้วช่วยล้างจาน ปล่อยให้ทุกอย่างอยู่ในสายตาของคนเป็นแม่ที่มองอย่างเอือมระอา
เฮ้อ…ไอ้ลูกคนนี้ ถ้ามีแฟนคงติดแฟนน่าดู
ต่ายถอนหายใจแล้วส่ายหน้าให้กับเจ้าตัวซนประจำบ้าน…ที่ตอนนี้สูงเลยหน้าใครต่อใครไปหมดแล้ว
พี่ชายที่ตัวเล็กกว่าหยิบผ้ามาเช็ดมือ ก่อนจะส่งให้น้องชายตัวโตแล้วช่วยเช็ดมือให้ “เช็ดมือให้แห้ง แล้วจะได้ไปบ้านพี่”
“อื้อ” คำตอบรับทุ้มแผ่วดูอ่อนโยนแต่ไม่เท่าดวงตาที่จ้องมองมือที่ตั้งอกตั้งใจเช็ดให้
พี่อาลัวเป็นแบบนี้เสมอ….
เพราะงั้น ปั๊บถึงได้รัก
“จะไปนอนห้องแขกกันไหม มีสองเตียง” นภัสรพีเอ่ยถามหลังจากอาบน้ำเสร็จเรียบร้อย เขาสวมชุดนอนตัวใหญ่กว่าขนาดตัวเองอย่างที่ชอบ
“อยากนอนห้องพี่อาลัว นอนเตียงเดียวกันแบบเมื่อก่อนไม่ได้เหรอ” ลูกหมาตัวยักษ์ส่งสายตาละห้อย
“ไม่เบียดกันเหรอ ตัวโตขนาดนี้แล้ว” เจ้าของบ้านหัวเราะร่วนเมื่อเห็นสีหน้าอีกคน “โอเค นอนห้องพี่เหมือนเดิมนะ ง่วงหรือยัง”
“ยังหรอก” ไม่ทันได้พูดอะไรต่อ เสียงไลน์จากมือถือก็ร้องเตือนขึ้น เมธัสหยิบขึ้นมาดูแล้วกดปิดเสียง “ตื๊อชะมัด ไม่อายมั่งไงวะ”
“อะไรเหรอ ใครน่ะ” พี่ชายตัวเล็กเดินเข้ามาชะโงกหน้าดูใกล้ๆ
“สาวไลน์มา เจอกันที่เรียนพิเศษ” นัยน์ตาสีเข้มมอง..ส่อแววเจ้าเล่ห์ ดูสิว่าจะเป็นยังไง “ก็น่ารักดีเลยแลกไลน์กัน ….ก็นะ สองสามคน แต่น่าเบื่อตรงไลน์มาบ่อยเนี่ยแหละ”
“ขนาดพี่ยังไม่มีไลน์ปั๊บเลย น้อยใจนะเนี่ย” แม้จะฟังดูติดตลก แต่นภัสรพีก็รู้สึกได้ว่าในใจนั้นอดรู้สึกอยากรู้เรื่องของน้องชายคนนี้เพิ่มมากขึ้นไม่ได้
“เอามาแลกกันนะ แล้วปั๊บไลน์หาห้ามอ่านแล้วไม่ตอบด้วย”
“อื้ม อ่านแล้วจะไม่ตอบได้ยังไง” นภัสรพียิ้มกว้างให้กับคนตัวสูงเมื่อได้ยินคำตอบแบบเดิม– คำตอบที่แสดงว่าอีกฝ่ายให้ความสำคัญกับเขามากขนาดไหน
เมธัสนั่งลงกับพื้นแล้วใช้ศีรษะเอนซบลงกับเขาของคนที่นั่งอยู่ อุ่นไอเย็นฉ่ำและกลิ่นหอมทำให้หัวใจเด็กหนุ่มเต้นผิดจังหวะ เขาเอื้อมมือเข้าไปกอดรั้งเอวของนภัสรพีพลางทอดสายตามองสบ
“ถ้าพี่อาลัวมีแฟน..ปั๊บยังสำคัญเป็นอันดับหนึ่งหรือเปล่า”
“อันดับหนึ่งสิ พูดอะไรน่ะ ปั๊บเถอะ เดี๋ยวมีแฟนขึ้นมาจะทิ้งพี่ไปเหลืออันดับเท่าไหร่นะ” คนเป็นพี่พูดยิ้มๆก่อนจะเอื้อมมือมาบีบจมูกอีกคนเบาๆ
“ก็อันดับหนึ่งมาตลอดน่ะแหละ” เมธัสไม่ได้พูดเสียงดังไปกว่าประซิบกับหัวเข่าของคนเป็นพี่ ใจหนึ่งนึกอย่างจะจูบหรือขบเล่นเหมือนที่เคยทำตอนเด็กๆ…แต่ตอนนี้ทำได้เพียงแนบแก้มลงไปกับท่อนขา
แค่นี้…ก็ต้องอดทนจะแย่อยู่แล้ว
“หือ อะไรนะ” นภัสรพีก้มตัวลงมาใกล้
“ง่วงแล้ว….”
“ง่วงแล้วเหรอ ก็ไปนอนสิ…นอนนะงั้น” เขาลูบศีรษะอีกฝ่ายเบาๆก่อนจะแตะริมฝีปากที่ข้างขมับของเมธัสเบาๆ “ไปนอนกันนะ”
การกระทำของคนเป็นพี่ที่ไม่รู้อะไรเลยแทบจะทำให้คนที่อดทนมานานสติขาดผึง เมธัสเงยหน้าแล้วงับปลายคางที่รบกวนสายตาเบาๆแล้วครางอย่างหมั่นเขี้ยว
เดี๋ยวเหอะ เดี๋ยวนี้พี่อาลัวชักเอาใหญ่….คิดว่าปั๊บจะทนได้แค่ไหนกันเชียว
“อยากกอด…ได้ไหม…”
ร่างบางอ้าแขนออกเล็กน้อย เขาอมยิ้มมองอีกฝ่ายแล้วเอ่ยทั้งรอยยิ้ม “กอดสิ มา”
เด็กหนุ่มร่างสูงใหญ่กระโจนเข้าหาพร้อมกับผลักคนที่นั่งอยู่ให้นอนราบไปกับพื้นเตียง แขนแข็งแกร่งกักนภัสรพีไว้ภายใต้ร่าง นัยน์ตาเข้มที่มองจากด้านบนฉายแวววาววับ…ต่างจากเด็กน้อยในวันวาน
เมธัสมองใบหน้าตกใจของคนเป็นพี่ชั่วครู่ ก่อนที่แววตาจะอ่อนแสงแล้วหลับตาลง เด็กหนุ่มซุกใบหน้าลงข้างๆลำคอแล้วทาบทับร่างบางพร้อมกอดไว้แน่น ใบหน้าหล่อเหล่าซุกไซ้ช้าๆราวกับลูกหมาตัวใหญ่ออดอ้อนเจ้านาย
ปั๊บจะไม่ทำร้ายพี่อาลัว…..
“อย่าทิ้งปั๊บนะ…” ลูกหมายักษ์เอ่ยอ้อน
นภัสรพีหัวเราะเบาๆ เขายกมือขึ้นลูบศีรษะอีกฝ่ายก่อนจะกอดไว้กับตัวแน่นๆ “จะทิ้งไปไหน พี่ก็กลับมาแล้วนี่ไง”
เมธัสไม่ได้ทำอะไรมากไปกว่ากอดแน่นขึ้น รู้….ว่าต่อให้เขาจูบพี่อาลัวตอนนี้ เจ้าตัวคงได้แต่หัวเราะแหะๆแล้วหาว่าแกล้งเล่นอีก
“นอนนะ…” คนตัวเล็กกว่าเอ่ยเสียงเบา มือยังคงลูบศีรษะของเมธัสเบาๆ ปลายนิ้วเกี่ยวเล่นตามเส้นผมเหมือนที่เคยทำในวัยเด็ก
เด็กหนุ่มรับคำในลำคอแล้วพลิกตัวเองลงนอนเคียงข้าง เขามองสบตา ‘พี่ชาย’ ถ่ายทอดทุกอย่างผ่านทางสายตาและรอยยิ้ม
“ฝันดีนะพี่อาลัว”
“ฝันดีนะ…” นภัสรพียิ้มตอบก่อนจะหลับตาลงแล้วขยับตัวเพียงเล็กน้อยเพื่อให้ตัวเองอยู่ในท่าทีนอนได้สบายขึ้น– ไม่นานนัก ร่างกายของเขาก็ดูผ่อนคลายลงพร้อมๆกับลมหายใจเข้าออกที่สม่ำเสมอ
To be continued…
kagehana :
เบรคดราม่าด้วยปิดเทอมใหญ่หัวใจว้าวุ่น ฮี่-------
เอาเด็กน้อยกรุบกริบมาฝากให้กระชุ่มกระชวยค่ะ เรื่องนี้ไม่เน้นดราม่า ถือเอาความกุบกิบเป็นที่ตั้ง อิอิ