-5-
Cannonball
http://www.youtube.com/v/aZX7LzwyJ9w?hl=en_US&version=3เจ็ทสกี หรือ ดนตรี
ผมบอกไม่ได้ว่าชอบอะไรมากไปกว่ากัน เพราะทั้งสองสิ่งต่างก็ให้ความสุขกับผมทั้งนั้น
เทอมสองของปีหนึ่งเป็นช่วงที่ไม่ยุ่งมากเท่าไหร่ ไม่มีช่วงกิจกรรมให้นึกรำคาญใจอีกต่อไปแล้ว ผมพยายามแบ่งเวลาซ้อมเจ็ทสกี ซ้อมดนตรี และเรียนหนังสือให้เท่าๆกัน ซึ่งมันก็ดีที่ทำให้ผมไม่มีเวลาฟุ้งซ่านมากนัก...
เจ็ทสกีที่ผมขี่อยู่เป็นลำใหม่ที่น้าวิทย์ซื้อให้เพราะผมชนะการแข่งปีที่แล้ว
ปีนี้แม้เวลาที่ได้เล่นจะน้อยกว่าเดิมแต่ผมก็ยังหวังว่าจะทำได้ไม่แย่นัก อย่างน้อยๆก็ไม่ได้อยู่ที่ท้ายๆก็ยังดี
ผมเอาเจ็ทสกีเข้าฝั่งหลังจากซ้อมเสร็จ เดินขึ้นมาที่หาดที่ทะเลนั่งอยู่กับเพื่อนๆ สายตาผมที่มองหาทะเลก่อนอย่างอื่นก็เห็นกำลังเล่นกีตาร์และร้องเพลงอยู่กับก้านโดยที่คนอื่นๆไม่ได้มีส่วนร่วม...
กับภาพตรงหน้าผมได้แต่ถามตัวเองว่าเมื่อไหร่ผมจะชินและปล่อยความรู้สึกนี้ไปได้ซักที
ผมเห็นทั้งสองอยู่ด้วยกัน สนิทกัน ผมก็นึกถึงคำพูดที่ทะเลเคยพูดถึงก้านขึ้นมา
'ก้านมันก็เหมือนพี่นั่นแหละ ชอบทำหน้านิ่งคนอื่นก็เลยกลัว แต่เลไม่กลัว เลชินมาจากพี่'
เหมือนผมอย่างนั้นเหรอ
ทันทีที่ได้ยินมันผมแทบอยากตะโกนเถียงกลับไปว่าไม่เหมือน!
ผมไม่อยากให้ทะเลคิดว่าผมเหมือนก้าน
เพราะถ้าเป็นอย่างนั้น...ทั้งรอยยิ้มและทั้งหมดที่แสดงออกกับผม...ก็จะต้องทำแบบนั้นกับก้านด้วย
แค่นึกถึงก็ทำให้ไม่สบอารมณ์ขึ้นมาได้เฉยๆ
แต่ถึงผมไม่อยากให้ทะเลทำอย่างนั้น...ตอนนี้ผมก็ทำอะไรไม่ได้...
ผมเดินเข้าไปหาทะเลและเพื่อนๆ ไม่ได้ยิ้มหรืออะไรทั้งนั้น ทะเลเปิดกระป๋องน้ำแล้วยื่นให้ผมอย่างเคย ผมรับมายกดื่มแล้วถามถึงป็อปกับร็อคว่ามาหรือยัง ผมนัดให้มันมารับหลังจากซ้อมเจ็ทสกีเสร็จจะได้ไปร้านพี่ตินด้วยกัน ทะเลบอกว่าพวกมันยังไม่มาผมก็เลยกลับเข้ามาอาบน้ำรอ
ผมอาบน้ำเสร็จเตรียมตัวเรียบร้อย พวกมันก็ยังไม่มาเลยออกมานั่งอ่านหนังสือรออยู่หน้าอู่ เห็นทะเลเพิ่งจะกลับเข้ามา เพื่อนคนอื่นๆของทะเลกลับไปแล้วเหลือแค่ทะเลกับก้าน ทั้งสองนั่งลงที่โต๊ะม้าหินกับผมหลังจากนั้นทะเลก็ถามผมว่า
“พี่บลูจะไปร้านเลยใช่ไหม เดี๋ยววันนี้เลกับก้านไปดูด้วยนะ"ผมพยักหน้าตอบไม่ได้พูดอะไร
“เลกับก้านกำลังจะเข้าวงดนตรีของโรงเรียนเหมือนกัน อาทิตย์หน้ามีออดิชั่นเลยอยากให้พี่ป็อปสอนเพลงให้..."
ผมฟังแต่ก็ก้มหน้าอ่านหนังสือไปด้วย ยังไม่อยากจะเงยหน้ามอง 'เลกับก้าน' สักเท่าไหร่
แต่เสียงทะเลก็เว้นช่วงไปนาน...ผมได้ยินเสียงก้านพูดเบาๆว่า 'อย่าขยี้' เลยต้องเงยหน้าจากหนังสือขึ้นมองแล้วก็ให้รู้สึกบาดตากับภาพที่เห็น
ก้านยกมือนึงจับหน้าทะเลเงยขึ้นเพื่อดู อีกมือก็จับข้อมือทะเลไว้ไม่ให้ขยี้ตา
ความอดทนของผมเริ่มจะลดต่ำลงทุกที ผมกระชากข้อมือทะเลอีกข้างให้ลุกขึ้นก่อนจะไล่ให้ไปบอกน้าเพลงว่าเดี๋ยวจะออกไปห้องซ้อมด้วยกัน
ทะเลเดินหายเข้าไปในบ้านเหลือเพียงแค่ผมกับก้าน...ซึ่งมีแต่ความเงียบ
เราจ้องหน้ากันอย่างไม่ละสายตา ในใจก็รู้ว่าต่างคนต่างคิดยังไง ก้านแสดงความรู้สึกคุกคามเด่นชัดทางสายตา ผมเองก็เช่นกัน
นาทีนี้เองผมตัดสินใจได้ว่า...จะไม่มีทางให้ก้านได้สมหวังกับทะเลอย่างแน่นอน
เพราะผมไม่ใช่คนดี
ผมไม่อยากให้ทะเลเป็นของใคร...แม้จะรวมผมด้วยก็ตาม
ทะเลกลับมาพร้อมตาแดงๆ ผมเลยจับหน้าทะเลจ้องตาดูอีกครั้ง ทะเลก็จ้องตาผมตอบและยิ้มให้บอกว่าไม่เป็นไรแล้ว
ผมรู้ว่าก้านดูอยู่และก็อยากให้ก้านดูเอาไว้ให้ชัดๆ ว่าไม่ว่ายังไง...คนที่ทะเลจะยิ้มให้แบบนี้...จะมีแค่ผมคนเดียวเท่านั้น
....
......
วันนี้ผมมีแข่ง
ท้องฟ้าดูไม่ได้ใสไปกว่าวันไหนๆแต่บรรยากาศคึกคักขึ้นหลายเท่าจากคนที่เดินทางมาดูการแข่งขัน เพื่อนๆผมรวมตัวกันตั้งแต่เช้าที่หาด ทั้งป็อปกับร็อคและพวกเพื่อนที่มหาลัย แม้แรกๆเพื่อนที่คณะจะยังเกรงๆรุ่นพี่อย่างร็อคกับป็อปอยู่ แต่คุยกันได้ไม่นานผมก็เห็นรวมกลุ่มเฮฮากันดีเหมือนรู้จักกันมานาน โดยเฉพาะไอ้ร็อคที่ทำตัวบ้าบอไม่ได้ดูเป็นรุ่นพี่ที่น่ายำเกรงสักนิด
จริิงๆแล้วพวกเราค่อนข้างเป็นที่รู้จักของคนในมหาลัยเพราะมีนักศึกษาไม่น้อยที่มาดูพวกเราเล่นที่ร้านพี่ติน คนมาเชียร์ผมเลยเยอะเป็นพิเศษ ทั้งรู้จักและไม่รู้จักจนผมไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง หากมองย้อนกลับไปในวัยเด็กที่มีแค่ผมเพียงคนเดียวเดินโดดเดี่ยวบนผืนทราย ผมคงจินตนาการถึงอนาคตแบบนี้ไม่ออก ผมไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะมีคนมากมายขนาดนี้เข้ามาในชีวิตผม ผมมองคนสำคัญทั้งน้าวิทย์ น้าเพลง และทะเล รู้แน่ว่าแม้ผลลัพธ์จะออกมาเป็นอย่างไรมันก็ไม่สำคัญเท่าไหร่สำหรับพวกเขา แต่ถึงอย่างนั้นผมก็จะทำมันอย่างเต็มที่อยู่ดี
คนที่มาให้กำลังใจผมรวมตัวกันที่สแตนฝั่งหนึ่งกว่าครึ่งแถบ ผมมองพวกเขาก่อนจะหยุดที่ทะเลและหันกลับมาเตรียมออกตัว ผมชอบความรู้สึกของการแข่งขันไม่น้อยเพราะมันให้ความรู้สึกตื่นเต้น...มีชีวิตชีวา
นาทีที่ออกตัว...ผมโฟกัสเฉพาะ 'ทะเล' ข้างหน้าก่อนจะพุ่งตัวออกไปรับคลื่นลม อาบแสงแดด เร่งความเร็ว
สนใจเพียงแค่ทุ่นตรงหน้า...ตั้งใจคว้าชัยชนะมาให้ได้
..........
รางวัลอยู่ในมือผม ถึงจะไม่ชนะเลิศแต่อย่างน้อยๆก็ไม่ได้กลับมามือเปล่า
น้าวิทย์เป็นเจ้ามือเลี้ยงฉลองที่ร้านอาหารทะเลของเพื่อนน้าวิทย์ จากนั้นเราก็มาต่อกันที่ร้านพี่ติน วันนี้วงพวกเราไม่ได้เล่นก็เลยกินกันเต็มที่ พวกมันชนเอาชนเอาบังคับผมดื่มเข้าไปจนแทบประคองสติไว้ไม่อยู่ เมื่อถึงจุดหนึ่งที่ผมคิดว่าต้องหยุดผมก็ไม่แตะต้องมันอีก เพราะการไม่มีสติหลงเหลืออยู่เป็นสิ่งสุดท้ายที่ผมอยากให้เกิด เสียงเพลงสนั่นหวั่นไหวประกอบกับการปล่อยอารมณ์เต็มที่ของเพื่อนๆทำให้ผมต้องดึงทะเลมายืนใกล้ๆ และคอยสังเกตอยู่ตลอดเวลา
ทะเลตอนนี้ที่ดูแทบจะไม่เหลือสติซบลงตรงบ่าผม ผมจึงต้องประคองตัวทะเลไว้ไม่ให้ล้ม พวกเรากินกันจนแทบจะดูแลกันไม่ไหวแล้วก็เลยชวนกันกลับ ผมบอกกับร็อคว่าคืนนี้ขอค้างกับพวกมัน เพราะคิดว่าคงขับกลับบ้านไม่ไหวแล้วจริงๆ
พวกเราแยกย้ายกับเพื่อนที่มหาลัย ผมโทรไปบอกน้าเพลงเรียบร้อยแล้วพาทะเลมาที่รถ
ผม ป็อป ร็อค แจ๊สและทะเลกลับด้วยกันโดยมีร็อคเป็นคนขับลูกรักสีม่วงเปลือกมังคุดของมัน
ร็อคเป็นคนเดียวที่ดูเป็นปกติเหมือนไม่ได้กินเหล้าเข้าไปทั้งๆที่แทบกรอก ส่วนผมถึงแม้จะมีสติเหลืออยู่แต่ก็น้อยเต็มที คนอื่นไม่มีทางรู้ว่าผมเมาหรือเปล่าเพราะว่าผมนิ่งยังไงก็ยังคงนิ่งอยู่อย่างนั้น
มาถึงบ้านแจ๊สก็แยกตัวเข้าห้องตัวเองก่อนใคร ทั้งสามคนพี่น้องมีห้องของใครของมัน ร็อคให้ผมและทะเลนอนห้องตัวเอง ส่วนตัวมันก็นอนที่ห้องป็อป ทะเลที่ตาแทบลืมไม่ขึ้นก็เดินตามแรงลากของผมมาที่ห้อง พอมาถึงก็ทิ้งตัวลงบนเตียงโดยไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น ตัวผมเองก็คร้านจะใส่ใจสิ่งใดๆก็ทิ้งตัวลงบนเตียงเช่นเดียวกัน
ผมนอนปรือตามองทะเลหมายใจว่าในไม่ช้าจะปิดตาลงแต่ก็ยังไม่สามารถละสายตาได้
เรานอนหันหน้าเข้าหากัน ทะเลหมดสติหลับไหลไปแล้ว แม้จะนอนห้องเดียวกันทุกวันแต่ก็ไม่เคยได้นอนบนเตียงเดียวกันอย่างนี้ ได้เห็นทะเลหลับใกล้ๆขนาดนี้ เพราะผมพยายามรักษาระยะห่างทางกายของตัวเองกับทะเลมาตลอด เพื่อที่จะรักษาระยะห่างทางใจด้วย ตั้งแต่รู้สึกตัวผมต้องต่อสู้กับตัวเองภายในใจอย่างเงียบงัน
ผมเป็นคนเกลียดการสัมผัสจากคนอื่นที่ไม่ได้รู้จักมักคุ้น...แต่ผมชอบสัมผัสของน้าเพลงเพราะผมโหยหามันจากแม่ ชอบสัมผัสของเพื่อนที่ทำให้รู้ว่าเรามีคนที่คอยอยู่ข้างๆ นอกเหนือจากนั้นแล้วเป็นไปได้ผมก็ไม่ชอบที่จะให้ใครมาแตะต้องตัวผม ซึ่งมันคงเป็นหนึ่งในหลายๆอย่างที่หลงเหลือมาจากวัยเด็ก
กับทะเล...ผมรับรู้ความรู้สึกอบอุ่นแม้เพียงได้อยู่ใกล้ๆ แค่มือเล็กๆในตอนเด็กที่ผมได้สัมผัสก็รู้สึกเหมือนได้เติมเต็มทางด้านความรู้สึก เราจับมือและกอดกันจนเคยชิน แต่เมื่อไหร่ผมก็จำไม่ได้แล้วว่าสัมผัสของทะเลนั้นให้ความรู้สึกที่แปลกไปสำหรับผม มันแปลกไปด้านอารมณ์...
เมื่อรู้สึกตัวครั้งแรกผมรังเกียจตัวเองจนไม่สามารถมองหน้าทะเลได้ หากแต่ทะเลไม่ได้รับรู้ ผมจึงต้องพยายามกลบเกลื่อนและแสดงออกให้ปกติที่สุด
ณ ขณะที่ผมได้นอนกับทะเลแบบนี้มันก็ยากที่จะกักเก็บอารมณ์ไว้ได้ แต่ตอนนี้ผมไม่จำเป็นต้องเก็บมันเอาไว้อีกแล้ว...เพราะลมหายใจเข้าออกเป็นจังหวะเหมือนเป็นสัญญาณบ่งบอกว่าทะเลจะไม่สามารถรับรู้...
ผมขยับเข้าไปใกล้ ยกมือขึ้นลูบผมและเขี่ยไปด้านข้างเพื่อที่จะได้มองชัดๆ จากนั้นก็ลูบตาที่ปิดสนิท นึกถึงแววตาสดใสผมก็ต้องยิ้มออกมา ผมชอบที่จะมองตาใสๆของทะเลเพราะมันใสและบริสุทธิ์กว่าใครที่ผมเคยเห็น...นิ้วของผมไล้เรื่อยลงมาจนถึงข้างแก้มที่มีลักยิ้มเล็กๆทุกครั้งที่ทะเลยิ้ม...รอยยิ้มที่ทำให้ผมต้องยิ้มตาม
ผมขยับไปใกล้ทะเลอีกนิดแล้วกอดทะเลเอาไว้ ทะเลขยับตัวเล็กน้อยแล้วส่งเสียงครางออกมา...
เพียงแค่เสียงครางเบาๆก็ทำให้สติที่ผมพยายามประคองอยู่แทบกระเจิง ฤทธิ์แอลกอฮอล์มีส่วนทำให้ผมคุมอารมณ์ไม่ได้ จากแค่กอดผมกลับมีความต้องการมากมายกว่านั้น ผมกอดทะเลแน่นขึ้น...หวังอยากจะแนบชิดอีกแค่สักนิด
ทะเลก็ครางออกมาอีกแผ่วเบา...หน้าของเราใกล้กันจนผมได้ยินเสียงนั้นชัดเจน
เกินควบคุมแล้ว...
ผมค่อยๆยื่นหน้าเข้าไปใกล้ จดจ้อง ก่อนจะแนบริมฝีปากลงไปแตะเบาๆอย่างทะนุถนอม สัมผัสที่ผมจินตนาการนับครั้งไม่ถ้วนทำใจสั่นจนรู้สึกปวด สำนึกต่างๆตีพันกันยุ่งเหยิง อยากจะทำตามสัญชาตญาณดิบเถื่อนสนองตัณหาภายในใจ ผมเบี่ยงหน้าออกมาเล็กน้อยก่อนจะกดจมูกลงไปตรงแก้มตำแหน่งที่มีลักยิ้มอยู่ สูดหายใจลึก แล้วเลื่อนลงมาที่ซอกคอ ก่อนจะกลับขึ้นไปจูบซ้ำๆที่ริมฝีปาก
ทะเลครางอือและพยายามพลิกตัวหนีอย่างรำคาญ
ความต้องการทางร่างกายของผมเลยเถิดไปไกลเสียแล้ว มันปวดหนึบจนต้องถอยออกห่าง ผมนอนมองทะเลอย่างหักห้ามใจ ก่อนที่อะไรจะครอบงำผมไปมากกว่านี้ผมก็ลุกขึ้นจากเตียง
ต้องออกไปจากตรงนี้...ผมท่องเอาไว้
ผมออกมาเข้าห้องน้ำข้างนอก มองตัวเองในกระจกเห็นสีหน้าที่เต็มไปด้วยแรงอารมณ์แล้วนึกเกลียดสีหน้าแบบนี้สิ้นดี ผมวักน้ำล้างหน้าหวังจะดับอารมณ์ให้เย็นลง แต่สัมผัสของทะเลก็ยังติดตรึง ผมทั้งรู้สึกดีใจและเสียใจ
ดีใจ...ที่ในที่สุดก็ได้...จูบ...ได้สัมผัสกับริมฝีปากที่คอยแต่จะยิ้มให้ผม
และเสียใจที่รู้สึกไม่เพียงพอ มันยิ่งกระหายมากกว่าเดิมหลายร้อยเท่า
ผมต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ
ยิ่งอยู่ใกล้ยิ่งอันตรายเข้าไปทุกที
“บลู...เป็นอะไร" ผมหันไปมอง พอเห็นเป็นป็อปผมก็ถอนหายใจ หลับตาแล้วนั่งลงพิงผนังห้องน้ำ
ความรู้สึกของฝ่ามือที่แตะใบหน้าทำให้ผมต้องปรือตามอง ป็อปนั่งคุกเข่าลงตรงหน้าและมองผมด้วยสายตาที่แปลกไป
ป็อปไม่ควร...จะมองผมแบบนี้
ไม่ควรเลย
สายตาของความต้องการแบบเดียวกันฉายชัดอยู่ มันอาจเป็นเพราะแอลกอฮอล์ที่ทำให้แสดงความต้องการส่วนลึกออกมา...
ไม่อยากจะคิดอะไรอีกแล้ว
ผมคว้าคอป็อปเข้ามาบดจูบรุนแรง ป็อปก็ตอบสนองอย่างร้อนแรงเพียงกัน เป็นจูบที่ดับสิ้นสติทุกอย่างและจุดไฟอารมณ์ดิบให้ลุกขึ้นมาแทนที่
เราจูบกันอย่างกระหายอยากจนได้รสฝาดของเลือด ผมฉุดป็อปลุกขึ้น ปิดประตู ดันตัวป็อปติดประตูห้องน้ำและถอดเสื้อตัวเองออก ป็อปดึงผมเข้าไปจูบอีกครั้งมือก็ปลดกางเกงผมไปด้วย ในขณะที่มือผมก็ปลดเปลื้องเสื้อผ้าของป็อปเช่นเดียวกัน
ไม่นานเราก็บดเบียดแนบชิดกันด้วยร่างบนที่เปลือยเปล่า กางเกงของเราเลื่อนลงแค่ต่ำกว่าสะโพกเท่านั้น ผมจับป็อปหันหลัง เอื้อมมือไปด้านหน้าปลุกเร้าอารมณ์ให้ ก่อนจะไล้มือมาด้านหลังแล้วกดนิ้วลงไป ทุกอย่างเป็นไปอย่างรวดเร็วเร่งร้อน
ผมดึงดันเข้าไปทั้งที่รู้ว่าป็อปยังไม่พร้อมและไม่สามารถเข้าไปได้ลึกไปกว่านั้น ป็อปเอื้อมไปหยิบบางอย่างตรงอ่างล้างหน้าเพื่อที่จะช่วยให้ผมสามารถเข้าไปได้ง่ายขึ้น เมื่อทุกอย่างเข้าที่ผมก็ไม่สนใจสิ่งอื่นใดนอกจากกระแทกกระทั้นอย่างรุนแรงหนักหน่วง
ผมหลับตา...จินตนาการถึงคนในห้องที่เพิ่งจากมา
อารมณ์มากมายหลั่งไหลเข้ามาจนไม่อาจได้ยินแม้แต่เสียงร้องเจ็บปวด
หลังจากปลดปล่อยครั้งแรกผมก็พลิกตัวป็อปให้หันมา กดจูบ มือก็ถอดกางเกงป็อปออกไม่ให้เกะกะอีกต่อไปและสอดส่วนนั้นกลับเข้าไปอีกครั้ง เราจ้องตากัน ผมเห็นร่อยรอยของน้ำตาขณะที่ป็อปจ้องมองผมด้วยสายตายากอธิบาย แต่ผมก็ไม่อาจหยุดอะไรได้อีกแล้ว
“กัด...อึก...กัดที่ไหล่กูที" ผมบอกเพราะอยากรู้สึกถึงความเจ็บปวด
เพราะหากไม่เจ็บปวด...มันก็ไม่อาจเติมเต็ม
ป็อปกัดที่ไหล่ตามที่ผมร้องขอ ทันทีที่รู้สึกเจ็บแปลบ ผมจับขาป็อปทั้งสองข้างเกี่ยวรอบเอวและขยับกระแทกตัวลึกเป็นจังหวะ
ผมหลับตาอีกครั้ง...ไม่มีใครอื่นเลยในจินตนาการ ผมนึกถึงคนเดียว ซ้ำๆ...ซ้ำๆ...นึกถึงจูบที่ได้สัมผัส..มันยังสดใหม่ นุ่มนวลและติดตรึง
“ทะ...เล" ผมแทบไม่รู้สึกตัวด้วยซ้ำเมื่อครางออกมาแผ่วเบา
รับรู้ถึงแรงกัดที่กดย้ำให้เจ็บกว่าเดิมเป็นเท่าตัว...
และผมก็ปลดปล่อยออกมาในที่สุด
ผมทิ้งตัวลงกับพื้นโดยที่ป็อปก็ยังนั่งคร่อมอยู่ด้านหน้า หอบหายใจหนักหน่วง
ความคิดต่างๆหลั่งไหลเข้ามา
ผมทำสิ่งนี้ลงไปแล้ว...กับเพื่อน
ป็อปเงยหน้าขึ้นมาสบตา...คราบน้ำตายังคงอยู่ชัดเจน ผมยกมือขึ้นเช็ดให้ ป็อปจ้องหน้าผมโดยไม่พูดอะไรมีแต่น้ำตาที่ไหลลงมาอีก
“ขอโทษ...” พอผมบอกป็อปก็ส่ายหัว แล้วมองรอยแผลบนไหล่ของผม
“เจ็บไหม" ผมส่ายหน้านิดหน่อยให้รับรู้ว่าไม่เจ็บ ป็อปก้มลงช้าๆและเลียเบาๆที่แผล ผมสูดหายใจเข้าลึกเพราะรู้สึกแสบ
ป็อปผละออกมาจ้องตากับผมนาน ก่อนจะโอบแขนกอดคอผมแล้วซุกหน้าลงตรงซอกคอ
“เหนื่อย...ขออยู่แบบนี้ก่อนนะ" ผมไม่ตอบอะไร นั่งนิ่งกอดป็อปเอาไว้พร้อมความรู้สึกผิดในใจ
“บลู...กู...” ป็อปบอกเบาๆ ผมพยายามฟังแต่ก็จับใจความอะไรไม่ได้
ผมไม่รู้ว่าป็อปพยายามจะบอกอะไร ซ้ำยังไม่รู้ว่าจะต้องพูดอะไรกับป็อป
การแสดงออกของเพื่อนคนนี้ไม่เคยเหมือนคนอื่นๆ
เราสนิทกันก็จริง แต่ก็น้อยครั้งที่จะพูดคุยกัน
เหมือนเราพูดกันผ่านความเงียบ
ผมคิดว่าเรามีบางอย่างคล้ายๆกันในแง่ของความรู้สึก
อะไรบางอย่างทำให้รู้สึกว่าเราเปราะบางเหมือนๆกัน
เวลาที่อยู่กับป็อปสองคนผมไม่ได้อึดอัด ทั้งยังสบายใจ
ป็อปเป็นเพื่อนของผม...เพื่อนที่ไม่อยากเสียไป
วันนั้นผมสำนึกเสียใจ
หากเป็นไปได้ผมคงไม่ทำ...
ผมจะไม่ทำ...
ถ้าผมรู้ว่าความอยากที่เกิดขึ้นครั้งแรก...มันจะจบลงพร้อมความเจ็บปวด

Song Titles : Cannonball
Artist : Damien Rice