…………….42………….
…ชลธร….
ปึง
หนังสือเล่มหนึ่งถูกเหวี่ยงลงโต๊ะ ก่อนที่น้องชายจะจ้องหน้าผมอย่างเอาเรื่อง
“อธิบาย เรื่องนี้มาสิ”
“พี่ไม่รู้จริงๆว่าใครเป็นคนทำ เล็กก็รู้ว่า คนอย่างพี่ไม่มีวันทำอะไนที่สิ้นคิดแบบนี้” ผมตอบเสียงเบา เรื่องข่าวทำให้ผมคิดไม่ตก
จริงๆ ว่าจะจัดการกับมันยังไง ผมไม่รู้ว่าคนปล่อยข่าวเขาต้องการอะไรกันแน่
“บางที อาจจะเป็นคู่แข่ง ของเรามั้ง” ผมเสนอความคิด แต่ดูเหมือนน้องชายผมจะไม่ค่อยเห็นด้วยเท่าไหร่
“ผมว่าไม่ใช่ ถ้าจะมีคู่แข่งทำเรื่องนี้ มันต้องทำตั้งแต่เรื่องของผมแล้ว แล้วนี่ ไอ้เมฆมันว่าไงบ้าง”
“เมฆ อยากให้พี่ปฎิเสธข่าว และทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น” ผมบอกเสียงเบา แม้ว่ามันจะเป็นทางออกที่ดูเหมือนจะดีที่สุดในตอนนี้ แต่ผมกลับไม่รู้สึกดีใจเลย ผมไม่อยากเสียเมฆไปอีกแล้ว
“แล้วพี่ก็ทำ”
“มันคือทางออกที่ดี ที่สุดในตอนนี้ ไม่ใช่เหรอ”
“เหอะ ไหนบอกว่ารักมันไง พี่อายหรือไงที่จะบอกใครๆ ว่ารักมัน” เจ้าเล็กถามด้วยน้ำเสียงที่ดูเหมือนจะไม่พอใจเท่าไหร่กับคำตอบของผม
“ไม่ใช่ พี่ไม่เคยอายที่จะพูดว่า รักเมฆ แต่ความจำเป็น มันกำลังบีบ บังคับให้พี่ต้องทำในสิ่งที่ไม่อยากทำ”
“ผมไม่รู้หรอกนะ ว่าพวกพี่ใช้ตรรกะอะไรในการคิด ว่าการปฎิเสธมันคือทางออกที่ดีที่สุด แต่ที่ผมรู้ การโกหกมันทำให้ความเชื่อใจลดลงนะ ถ้าวันนึงมีคนขุดคุ้ยและหาหลักฐานมายืนยันว่าพี่โกหก มันจะไม่แย่กว่าหรือไง ส่วนเรื่องบริษัท ถ้าเราดีจริงไม่มีใครกล้าถอนหุ้นหรอก หรือถ้ามี ก็ปล่อยเขาไปซะ เพราะผมก็ไม่ได้อยากอยู่ร่วมกับคนใจแคบพวกนั้น สักเท่าไหร่ คิดดีๆแล้วกัน อย่าหาว่าผมสอนเลยนะ ใช้หัวใจนำทางบ้างก็ได้นะพี่ สมองน่ะเอาไว้ทำงานอย่างเดียวพอ” เจ้าเล็กบอกก่อนจะเดินออกจากห้องผมไป นี่คงป็นบทสนทนาที่ยาวที่สุดเท่าที่ผมกับเจ้าเล็กคุยกันมา
“แล้วแกจะให้พี่ทำยังไง” ผมบ่นกับตัวเองก่อนจะหลับตาลงอย่างเหนื่อยล้า ปัญหาครั้งนี้มันใหญ่จนผมไม่กล้าที่จะตัดสินใจทำ
อะไรลงไปทั้งนั้น ถ้าเรื่องของผมกับเมฆมันจบลงด้วยดีผมคงไม่ต้องมานั่งเครียดขนาดนี้ เพราะผมคงสามารถออกไปประกาศให้คนทั้งโลกรู้ได้ว่าเรารักกันอย่างที่น้องชายผมบอกได้ แต่นี่มันไม่ใช่ เพราะ เมฆคงไม่ยอมให้เรื่องมันเป็นแบบนั้นแน่ๆ
ทางออกของเรื่องทั้งหมด มันอยู่ตรงไหน???
Rrrrrrrrrrrrrrrr
“ใครโทรมาอีกวะ”
เสียงเรียกเข้าทำให้ผมต้องสบถอย่างหัวเสีย ในเวลานี้ผมไม่อยากคุยกับใครทั้งนั้น ไม่อยากรับรู้ปัญหาของใครหรืออะไรอีก ผมเหลือบตามองโทรศัพท์ที่แผดเสียงอยู่บนโต๊ะก่อนจะหยิบขึ้นมารับเมื่อเห็นว่า ใครโทรมา
“มีอะไรวะ” ผมถามด้วยเสียงที่ไม่ค่ยสบอารมณ์เท่าไหร่
“อ้าว กูเพื่อนมึงนะ ไม่มีธุระโทรหาไม่ได้ไง”
“อย่ากวนตีน กูนะไอ้คิน ตอนนี้กูไม่มีอารมณ์เล่น”
“เออๆ กูล้อเล่นหน่อยเดียวเอง กูจะโทรมาบอกว่า กูรู้แล้วนะ ว่าใครปล่อยข่าวเรื่องมึง” ปลายสายบอกด้วยเสียงจริงจัง
“มันเป็นใคร”
“กูคิดว่าคนนี้ มึงต้องคิดไม่ถึงแน่ๆ”
“รีบๆบอกมาเถอะน่า มึงจะลีลาอะไรนักหนา เนี่ย” ผมเร่งไอ้เพื่อนบ้านี่มันไม่รู้หรือไงว่าผมลุ้นจนแทบจะหยุดหายใจอยู่แล้วเนี่ย
“คนที่ปล่อยข่าวมึงน่ะก็คือ”
“คุณแพร”
“คนของมึงมั่วหรือเปล่าไอ้คิน” ผมถามเสียงดัง คุณแพรเนี่ยนะ ที่ทำเรื่องแบบนี้ เธอจะทำไปทำไม
“คนของกูไม่เคยพลาด แต่ที่กูไม่รู้คือ คุณแพรทำแบบนี้ทำไม ”
“ช่างเถอะ เดี๋ยวกูไปคุยกับเขาเอง”
ผมวาสายจากไอ้คินก่อนจะต่อสายถึง คนที่เป็นหัวข้อสนทนา เมื่อครู่ ทันที ผมไม่เข้าใจ ว่าคุณแพรต้องการอะไร หรือเธอต้องการเอาคืนที่ผมยกเลิกงานแต่งงาน
“สวัสดีค่ะคุณใหญ่ แหม โทรมาเร็วกว่าที่คิดนะคะ แพรกำลังคิดถึงคุณอยู่พอดีเลย” เสียงปลายสายบอก แปลว่าคนของไอ้คินไม่ได้ทำงานพลาดสินะครับ เพราะดูท่าทางคุณแพรเธอจะรอให้ผมโทรหาอยู่เหมือนกัน
“ผมอยากจะคุยกับคุณเรื่องข่าว” ผมเข้าประเด็นเพราะอยากจะคุยให้มันจบๆไป
“ใจร้อนจังนะคะ เรื่องแบบนี้ แพรว่าคุยทางโทรศัพท์มันไม่ค่อยเหมาะ เอาเป็นว่าคุณมาเจอแพรที่ร้านกาแฟ ที่คุณเมฆไปทำงานวันนั้นดีไหมคะ อีกชั่วโมงนึงเจอกัน ตานนั้นนะคะ” เธอบอกก่อนจะชิงวางสายไปก่อนที่ผมจะได้พูดอะไร ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะหยิบกุญแจรถเพื่ออกไปเจอคุณแพร การกลบข่าวมันไม่ใช่เรื่องยากเลย ถ้าผมจะทำ แต่มันคงจะไม่มีวันจบถ้าผมไม่คุยกับคุณแพรให้รู้เรื่อง
ผมนั่งมองนาฬิกาอย่างร้อนรนเมื่อเห็นว่าเลยเวลานัดกว่าครึ่งชัวโมงแล้วแต่คุณแพรก็ยังไม่ยอมมาสักที
“ขอโทษนะคะ พอดีว่ารถติด นิดหน่อย” เสียงที่ผมคุ้นหูเอ่ยขึ้นก่อนที่คุณแพรจะนั่งลงฝั่งตรงข้าม
“ครับ ผมว่าเรามาคุยให้มันจบๆไปดีกว่า”
“ใจร้อนจังเลยนะคะ แพรเพิ่งมาถึงน้ำสักแก้วก็ยังไม่ได้กินเลย ขอพักทานกาแฟสักครู่นะคะ” ผมได้แต่อึดฮัดในใจแต่ก็ทำอะไรไม่
ได้เพราะในตอนนี้ผมเป็นรองเธอทุกประตู
“เอาล่ะ ผมว่าเราควรจะเริ่มคุยกันได้สักทีนะครับ” ผมพูดหลังจากที่รอให้เธอพักมาสักครู่ คุณแพรยิ้มพลางจิบกาแฟด้วยท่าทีสบายๆ นั่นยิ่งทำให้ผมร้อนใจ
“ค่ะ คุณใหญ่ มีอะไรจะพูดก็พูดมาได้เลย แพรพร้อมแล้ว”
“คุณเป็นคนปล่อยข่าวทั้งหมดใช่ไหม”
“แหม ตรงจังเลยนะคะ นึกว่าจะถามอ้อมๆซะอีก ค่ะ แพร ทำเอง ” เธอตอบด้วยท่าทีสบายๆ เหมือนเราสองคนกำลังคุยกันเรื่องดินฟ้าอากาศ ทั่วไป
“คุณทำทำไมครับ ”
“มันต้องมีเหตุผลด้วยงั้นเหรอคะ ฉันก็แค่อยากทำ”
“คุณแพร” ผมครางแผ่ว แม้ว่าผมกับคุณแพรจะรู้จักกันได้ไม่นาน แต่คุณแพรที่ผมรู้จักเธอเป็นคนที่มีเหตุผลและไม่ใช่คนที่เจ้าคิด
เจ้าแค้นแบบนี้ หรือว่าที่ผ่านมาผมมองคนผิดไปอีกแล้ว
“คุณประเมินความโกรธผู้หญิงต่ำไป สำหรับฉัน ต่อให้ต้องทำลายใครฉันก็ไม่สน ฉันจะไม่ยอมปล่อยคุณไปเด็ดขาด!! ”
“คุณถามฉันใช่ไหม ว่าฉันต้องการอะไร ง่ายมาก ก็แค่เลิกกับมัน แล้วกลับมาหาฉันซะ นี่ไม่ใช่คำขอร้องแต่เป็นคำสั่งไม่งั้น ภาพพวกนี้จะอยู่บนหน้าหนึ่งหนังสือพิมพ์ทุกฉบับ และคงไม่ต้องให้บอกนะคะ ว่าชื่อเสียงของพวกคุณมันจะเสียหายสักแค่ไหน” เธอบอกก่อนจะวางซองเอกสารลง ไม่ต้องเปิดผมก็พอจะรู้ว่าข้างในต้องเป็นภาพผมกับเมฆแน่ๆ ผมต้องทำ ทำให้ทุกอย่างมันจบลงด้วยดี ทุกสิ่งทุกอย่างมันเกิดขึ้นเพราะผม ผมก็ควรจะเป็นคนที่แก้ไขมัน
“ผมกับคุณ ไม่มีวันลงเอยกันได้ จำไว้ด้วยนะครับ ถือว่าผมขอร้อง เราอย่าเจอกันอีกเลย”
“อย่าพูดอะไร ที่มันทำให้คุณ ดูน่าสมเพช ในสายตาผมไปมากกว่านี้เลยนะครับ ผมเบื่อ แล้วก็เหนื่อยเต็มทีกับเกมนี้ ช่วยออกไป
จากชีวิตผมสักทีได้ไหม ตราบใดที่คุณยังตามผมไม่เลิก ปัญหามันก็จะไม่จบสักที คิดซะว่า น้องเมฆของคุณ คนนั้น เขาตายไป
แล้ว” คำพูดของเมฆยังคงติดอยู่ในหัวของผมไม่ยอมไปไหน ผมรู้ว่าที่ผ่านมา ผมมันไม่น่าให้อภัย หรือมันถึงเวลาแล้วที่ผมควรจะปล่อยเขาไป
“ผมตกลง”
ผมวางดอกลิลลี่สีขาวลงหน้าโกศ ก่อนจะยิ้มให้กับรูปถ่ายสีซีดใบนั้น
“ฟ้า ใหญ่มาเยี่ยม สบายดีหรือเปล่า” ผมถามออกไปแม้จะรู้ทั้งรู้ว่าคนในรูปไม่มีทางตอบผมได้ก็ตาม สำหรับผม ฟ้า คือ คนที่สอนให้ผมรุ้จักความรัก แม้ว่าเธอจะหลอกให้ผมรักและใช้ผมเป็นเครื่องมือในการแก้แค้นเมฆ แต่ผมก็ปฏิเสธไม่ได้อยู่ดีว่าผมรู้สึกดีกับเธอมากแม้ว่าตอนนี้หัวใจของผมจะเป็นของใครอีกคนไปแล้วก็ตาม
“ใหญ่มาอโหสิกรรมให้ เราสองคน ไม่สิ ต้องสามคน จะได้ไม่ต้องมีเวรมีกรรมต่อกันอีก ใหญ่ไม่โกรธฟ้าหรอกนะที่หลอกใหญ่มาตลอด ใหญ่มันโง่เอง ” ผมยิ้มให้กับคนในรูป นี่อาจจะเป็นครั้งสุดท้ายที่ผมจะมาที่นี่ ผมเหนื่อยเกินไปที่จะหายใจอยู่ในที่ที่มีอดีต
“ใหญ่คงต้องไปแล้ว และไม่รู้ว่าอีกนานแค่ไหนที่ใหญ่จะได้กลับมา หลับให้สบายนะ” ผมมองรูปสีซีดใบนั้นอีกครั้ง รอยยิ้มของคนในรูปมันช่างคล้ายกับใครคนนั้นเหลือเกิน คนที่ผมคงไม่มีวันไปเจอเขาได้อีกแล้ว
“ไปกันได้หรือยังคะ คุณใหญ่ แพรร้อน” เสียงของคนที่ยืนรออยู่ข้างๆบ่นขึ้น ก่อนที่มือบางจะออกแรงรั้งผมให้เดินตามออกไป ผมมองรูปฟ้าเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะยิ้มให้เธอ
………สนามบิน……..
ผมนั่งมองตั๋วเครื่องบินในมือพลางยกยิ้มเศร้า รู้สึกเหมือนตัวเองแพ้ยังไงก็ไม่รู้ เพราะตอนนี้ผมกำลังจะหนี หนีทั้งปัญหาและหนี “หัวใจ” ตัวเอง ผมเหนื่อยเกินไปกับการที่ต้องใช้ชีวิตอยู่กับภาพความทรงจำของผมกับเมฆ ที่นี่มีความทรงจำระหว่างเรามากเกินไป
“ใหญ่คะ กาแฟไหม แพรว่าคุณดูเพลียๆนะคะ” เสียงหวานจากคนข้างๆเอ่ยถาม
“ไม่เป็นไรครับ เมื่อคืนผมมัวแต่เก็บของน่ะ ก็เลยนอนไม่พอ”
“ทำไม ไม่ดูแลตัวเองเลยคะ ถ้าไม่สบายขึ้นมาจะทำยังไง” ผมได้แต่ยิ้มรับแล้วปล่อยให้คุณแพรบ่นอยู่ข้างๆ ก่อนจะก้มลงมองตั๋วเครื่องบินอีกครั้ง วิธีแก้ปัญหาของผมอาจจะดูโง่และสิ้นคิดในสายตาของใครๆ แต่มันคือทางออกที่ดีที่สุดแล้ว เรื่องของผมกับเมฆมันไม่มีทางเป็นไปได้ เมื่ออีกคนไม่เคยแม้แต่จะยอมฟังผมอธิบาย ตอนนี้ผมคงทำได้ดีที่สุดแค่อวยพรให้เขาเจอคนที่ และรักเขาอย่างจริงใจ อย่าเจอกับคนใจร้ายแบบผมอีกเลย
..................TBC........................
มันไปจริงๆคร่า พ่อพระเอกของหนู
มันดูรวบๆ เร็วๆ ยังไงก็ไม่รู้ เนาะ
ช่วงนี้ก็แปลกๆ งงๆ กับตัวเองอยู่
อารมณ์ ไม่ค่อยจะปกติ แหะๆ
ขอเวลาทบทวนตัวเองหน่อยนะคะ ชีวิต ดราม่า ตามนิยาย แระ ช่วงนี้
ปล เคยนับไหม ว่าอ่านนิยาย เรื่องนี้ ถอนหายใจ ไปกี่ครั้ง???