คำเตือน แนะนำให้ ทำใจดีๆก่อนเลื่อนลงไปอ่านะคะ 
…………………27…………………………
“ขอบคุณมากนะคะ คุณเมฆที่วันนี้ยอมมาตามคำขอของแพร” เสียงหวานของหญิงสาวคนเดียวบนโต๊ะอาหารดังขึ้น ก็อย่างที่เดากัน วันนี้ผมออกมาทานข้าวกับคุณแพรเขาคามคำขอนั่นแหล่ะครับ และเมื่อมีคุณแพร แล้วจะขาดเจ้าบ่าวของคุณแพรก็คงจะเป็นไปไม่ได้ และเมื่อมีพี่ใหญ่ บุคคลที่ไม่น่าจะเกี่ยวสักนิดอย่างพี่ชินก็ต้องของตามมาด้วย เอาเป็นว่าตอนนี้เราสี่คนกำลังนั่ง ดินเนอร์ ในร้านอาหารสุดหรูแห่งหนึ่ง ด้วยบรรยากาศที่ผมว่ามันแปลกๆยังไงก็ไม่รู้เพราะตั้งแต่มา คุณแพรก็ชวนผมคุยไม่หยุดส่วนที่ใหญ่กับพี่ชินก็นั่งจ้องหน้ากันไปมาเหมือนดูเชิงกัน นี่ถ้าเป็นปลากัดคงมีใครสักคนท้องแล้วแน่ๆ
“คุณเมฆ ลองทานนี่ดูสิคะ ร้านนี้เขาขึ้นชื่อมากเลยนะคะ แพรมาทานบ่อย อร่อยมากเลยล่ะค่ะ” เธอบอกด้วยรอยยิ้มก่อนจะตักอาหารให้ผมไปด้วย
“ขอบคุณครับ คุณแพรก็ทานด้วยกันสิครับ ตั้งแต่มาผมยังไม่ค่อยเห็นคุณแพรทานอะไรเลย”
“อุ้ย ไม่ได้หรอกค่ะ ช่วงนี้แพรคุมน้ำหนักอยู่เดี๋ยวจะใส่ชุดแต่งงานไม่ได้ ไม่อยากให้ใครว่าได้ ว่าเจ้าสาวของคุณใหญ่ อ้วนเป็นแม่หมู” เธอบอกทีเล่นทีจริง
“ไม่มีใครว่าคุณแพรแบบนั้นหรอกครับ หรือถ้าจะเป็นแบบนั้นจริงๆผมก็ไม่ว่าอะไรหรอก เพราะสำหรับผมคุณแพรสวยที่สุดอยู่แล้วครับ” คนที่เงียบมานานเอ่ยขึ้นพลางส่งสายตาหวานเชื่อมให้คุณแพรส่วนคนถูกมองก็หน้าแดงไปตามระเบียบ ผมได้แต่มองภาพนั้นด้วยหัวใจที่ปวดหนึบ ถ้านี่ คือเจตนาที่พี่ใหญ่พาผมมา ก็ถือว่าวันนี้เขาทำสำเร็จ แต่มันแปลกตรงที่ แม้ว่าวันนี้ผมจะเจ็บ แต่มันไม่ได้เจ็บปวดทุรนทุรายอย่างที่ผ่านมา หรือว่า หัวใจผมมันจะด้านชาไปแล้วนะ
“ยังไหวอยู่แน่นะ” เสียงกระซิบแผ่วเบาดังขึ้นอีกครั้ง พร้อมกับแรงบีบเบาๆที่มือ
“ไหวครับ” ผมตอบ
“แต่พี่ไม่ไหวว่ะ เลี่ยนเกิ๊น สงสัยต้องขอตัวไปอ้วกก่อนแล้วล่ะ” พี่ชินบอก คำพูดนั้นเรียกรอยยิ้มของผมได้มาก เพราะอย่างน้อยถ้ามองมันเป็นเรื่องตลกไปซะ มันก็คงจะเจ็บน้อยลง
“ผมขอตัวไปเข้าห้องน้ำก่อนนะครับ” พี่ชินบอกพลางลุกออกจากโต๊ะไป
“ตายจริง แพรลืมของไว้ที่รถ สองคนทานไปก่อนนะคะ เดี๋ยวแพรมา” คุณแพรบอกก่อนจะลุกออกไปบ้าง ทิ้งให้ผมกับพี่ใหญ่นั่งอยู่ด้วยกันภายใต้ความเงียบ ที่แสนอึดอัด
“ทำไมครับ อยู่กับพี่สองคนมันอึดอัดมากนักหรือไง”
“รู้แล้วจะถามทำไมครับ”
“หึ อย่าคิดว่าพี่ไม่รู้ที่แอบจับมือกับไอ้ชินนะครับ ต่อหน้าต่อตา ผัว ยังกล้าจับมือชู้อีก น้องเมฆนี่หน้าด้านกว่าที่พี่คิดนะครับ” เขากระซิบ
“ครับ ผมมันหน้าด้าน มั่วไม่เลือก เพราะฉะนั้นก็อย่าได้เอาตัวอันสูงส่งของคุณมาเกลือกกลั้ว กับคนอย่างผมอีกเลยดีกว่านะครับ”
“อย่ามาเล่นลิ้นกับพี่นะเมฆ เพราะถ้าพี่โมโหขึ้นมาคนที่จะเดือดร้อนคือเมฆนะครับ” เขาบอกเสียงต่ำพลางบีบต้นแขนของผมไว้แน่น
“ มีอะไรกันหรือเปล่าคะ ทำไมหน้าเครียดกันจัง” คุณแพรที่เพิ่งเดินมาถึงเอ่ยถาม
“ไม่มีอะไรหรอกครับ เราก็แค่แหย่กันเล่น จริงไหมครับน้องเมฆ”
“จริงครับ ถ้ายังไงผมขอตัวเข้าห้องน้ำสักครู่นะครับ” ผมตอบก่อนจะเลี่ยงเดินเข้าห้องน้ำไป ผมยอมรับว่าเหนื่อย เหนื่อยมากกับการที่ต้องทนนั่งปั้นหน้าอยู่แบบนั้น
“มีอะไรหรือเปล่า เมฆ” พี่ชินที่เดินสวนมาร้องทัก
“เปล่าครับ”
“อย่ามาโกหก โดนไอ้ใหญ่ทำอะไรมาอีกละสิ มันทำอะไรเมฆบอกมาเดี๋ยวพี่จะไปซัดปากมันเอง”
“อย่าเลยครับ มันไม่มีประโยชน์อะไรหรอก ต่อยไปก็เจ็บมือเปล่าๆ ”
“เฮ้อ เมฆเนี่ยเป็นคนดีจนน่าตกใจจริงๆนะครับ”
“ผมอาจจะไม่ใช่คนดีอย่างที่พี่คิดก็ได้นะครับ ”
“หืม” พี่ชินเลิกคิ้วพลางมองผมนิ่ง
“ช่างเถอะ พี่ไม่สนใจหรอก ว่าเมื่อก่อนมันเป็นยังไง เรื่องที่มันผ่านมาแล้วมันกลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้หรอกนะครับ ชีวิตน่ะมันต้องมองไปข้างหน้านะ อย่าไปบ้าจมปลักอยู่กับอดีตอย่างไอ้ใหญ่มันสิ”พี่ชินบอกด้วยรอยยิ้มก่อนจะขยี้หัวผมไปด้วย
“เฮ้ย บอกว่าอย่าเล่นเดี๋ยวผมเสียทรง โด่”
“ยิ้มแล้ว ยิ้มเยอะๆนะ พี่บอกแล้วไงว่าชอบเมฆที่ สดใสแบบนี้มากว่า”
“หึ หนีออกมาพลอดรักกันหรือไงครับ น่าไม่อาย!!!”
“แล้วจะทำไมครับ คุณชลธร” พี่ชินรวน ผมได้แต่จับชายเสื้อพี่ชายจอมกวนไว้แน่น
“พี่ชินอย่ามีเรื่องเลยนะครับ”
“หึ พี่ก็ไม่อยากมีเรื่องหรอกครับถ้าไอ้ หมาบ้านี่มันไม่หาเรื่องพี่ก่อน”
“เหอะ กูเหรอหาเรื่อง คนอย่างมึงกูไม่อยากเสวนาด้วยนักหรอก นึกว่ามึงจะเปลี่ยนนิสัยแล้วซะอีก ยังชอบแย่งของคนอื่นเหมือนเดิมเลยซินะ ชอบนักหรือไงห่ะ เมียชาวบ้านเนี่ย!!” พี่ใหญ่พูดเสียงเรียบแต่แฝงไปด้วยแววเย้ยหยัน
“หึ คนอย่างกู ไม่เคยทำอะไรๆเลวๆแบบนั้นหรอก แต่ป่วยการที่กูจะอธิบายกับคนที่หูหนวกตาบอดอย่างมึง ไปเถอะครับเมฆ” พี่ชินบอกก่อนจะลากผมออกมา
“ทำไมพี่ พูดกับพี่ใหญ่แบบนั้นล่ะครับ”
“ช่างเถอะ พี่ไม่อยากพูดถึง เรื่องมันผ่านมานานแล้วน่ะ”
ผมรับคำเพราะไม่อยากจะเซ้าซี้ดูท่าทางเรื่องของพี่ใหญ่กับพี่ชินน่าจะเป็นเรื่องใหญ่อยู่เหมือนกันไม่งั้นคงไม่ถึงขั้นตัดเพื่อนกันหรอก
“คุณชิน กับคุณเมฆมาพอดีเลย คือแพรว่าจะชวนคุณเมฆไปดูต้นไม้น่ะค่ะ เห็นคุณใหญ่เคยบอกว่าตอนนี้คุณเมฆกำลังจัดสวนอยู่ใช่ไหมคะ” คุณแพรถามเสียงใส
“ครับ พอดีว่าช่วงนี้ว่างๆ ก็เลยหาหนังสือมาอ่านบ้าง”
“ดีเลยค่ะ แพรอยากจะลองจัดสวนพอดีเลย คุณเมฆช่วยไปเลือกต้นไม้เป็นเพื่อนแพรหน่อยนะคะ”
“เอ่อ คือว่า..”
“คุณเมฆไม่อยากเป็นเพื่อนแพรเหรอคะ ทำไมทุกครั้งที่แพรชวนไปไหนคุณเมฆถึงปฏิเสธตลอดเลย แต่แพรอยากเป็นเพื่อนคุณ
เมฆจริงๆนะคะ” เธอถามเสียงเศร้า
“ไม่ใช่นะครับ คือก็ได้ครับเดี๋ยวผมไปซื้อเป็นเพื่อน”
“ค่ะ ขอบคุณนะคะที่ยอมเป็นเพื่อนแพร” เธอบอกพลางยิ้มกว้าง
“คุยอะไรกันอยู่เหรอครับท่าทางน่าสนุกจัง”
“แพรชวนคุณเมฆไปซื้อต้นไม่น่ะค่ะ คุณใหญ่ เราไปกันวันนี้เลยนะคะ แพรจะได้เอาปลูกที่บ้านด้วย”
“จะดีเหรอครับคุณแพร จัดสวนน่ะมันลำบากนะครับ ทั้งเลอะทั้งร้อน” เขาบอกคุณแพรด้วยเสียงที่อ่อนโยน
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ แพรทำได้ เวลาที่คุณใหญ่ไปทำงานแพรจะได้ไม่เหงาไงคะ”
“ตามใจครับ ถ้าคุณแพรชอบผมก็ไม่ว่าอะไรหรอก” เขาบอกพลางจับมือคุณแพรแน่น ส่วนผมก็ทำได้แค่มองเขาสองคนยิ้มให้กัน มองอยู่เงียบๆเพราะผมไม่มีสิทธิ์อะไรทั้งนั้น
…………………………………………………………….
“ต้นนั้นสวยจังเลยค่ะคุณเมฆ”
“แต่ผมว่าต้นนั้นอาจจะไม่เหมาะนะครับ เพราะมันเป็นกล้วยไม้ มันดูแลค่อนข้างยาก ผมว่าคุณแพรลองดูต้นอื่นก่อนไหมครับ”
“เสียดายจัง เอาไว้ให้แพรเก่งๆแล้วแพรค่อยมาซื้อดีกว่าเนาะ” เธอบอกด้วยรอยยิ้ม
“สวยจัง” คุณแพรอุทานพลางมองดอกลิลลี่ที่ประดับในร้านตาวาว
“คุณแพรชอบดอกลิลลี่เหรอครับ”
“ชอบสิคะ โดยเฉพาะสีขาว แพรว่าไม่ใช่แค่แพรหรอก ผู้หญิงส่วนใหญ่ก็ชอบทั้งนั้น เพราะดอกลิลลี่สีขาว มันดู ซื่อ บริสุทธิ์แล้วก็น่าทะนุถนอม คุณเมฆว่าไหมคะ”
ผมมองดอกลิลลี่ช่อนั้นพลางนึกถึงใครบางคน ใครบางคนที่ผมเคยโกรธ เคยเกลียด ก่อนจะจบลงด้วยการทำอะไรโดยไม่คิดไตร่ตรอง จนผมต้องตกนรกทั้งเป็นอย่างที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ ผมจะทำยังไง จะต้องทำวิธีไหน ความรู้สึกผิดในใจ ถึงจะเบาบางลงสักที
“แพรว่าเราเอาต้นไม้ไปไว้ที่รถดีกว่านะคะ”
“เดี๋ยวผมเอาไปให้ดีกว่าครับ คุณแพรเดินสบายๆดีกว่า”
“แต่ว่าแพรไม่อยากเอาเปรียบคุณเมฆนิคะ”
“เอาเปรียบที่ไหนกันครับ คุณแพรเป็นผู้หญิงถ้าผมให้คุณแพรถือนี่ยิ่งกว่าเอาเปรียบอีกครับ แล้วที่สำคัญมันก็ไม่ได้หนักอะไร
ด้วย” ผมบอกพลางเดินนำคุณแพรเดินไปที่รถ ที่จอดอยู่ริมถนนอีกฝั่งนึง เพราะร้านที่เรามาเป็นร้านเล็กๆข้างทาง แต่เพราะมี
ต้นไม้เยอะแล้วก็ไม่แพงมาก ผมก็เลยเลือกที่จะพาคุณแพรมาที่นี่
“ขอบคุณมากนะคะ คุณเมฆที่พาแพรมา แพรได้ต้นไม่สวยๆกลับไปหลายต้นเลย”
“ไม่เป็นไรหรอกครับ”
“แต่พี่ว่า เมฆน่าจะให้พี่ไปด้วยนะ เห็นไหมว่าต้องถือกันมาเอง” พี่ชินบ่นแต่ก็ไม่ได้จริงจังนัก
“มันไม่ได้หนักอะไรเลยครับพี่ชาย แล้วน้องพี่คนนี้ก็เป็นผู้ชายนะครับเรื่องแค่นี้เอง สบายมาก” ผมบอกพลางตบอกตัวเองไปด้วย
“ครับๆ เก่งครับเก่ง”
“คุณเมฆกับคุณชิน อยู่ด้วยกันแล้วน่ารักจังเลยค่ะ เหมือนแฟนกันเลย”
ปัง!!!! เสียงปิดประตูรถที่ดังขึ้นทำเอา พวกผมมองพี่ใหญ่เป็นตาเดียว
“อ้อ โทษที พอดีว่าประตูมันเสียน่ะ เลยต้องออกแรงนิดนึง ได้ของแล้วกลับสักทีสิครับ” เขาบอกเสียงเรียบ
“อุ้ย แพรลืมไปเลยค่ะ ว่าเมื่อกี้สั่งดอกลิลลี่เอาไว้ ”
“เอางี้นะครับ เดี๋ยวผมไปเอาให้คุณแพรรอในรถก่อนนะครับ เดี๋ยวจะร้อน” ผมอาสาก่อนจะเดินข้ามถนนไปเพื่อไปเอาดอกไม้ที่
คุณแพรสั่งไว้
ผมมองดอกลิลลี่สีขาวในมือด้วยสีหน้าหม่นนิดๆทุกครั้งที่ผมเห็นมัน ทำให้ผมคิดถึงพี่ฟ้าและเรื่องราวที่ผ่านมา….
ปริ้นนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน
“เมฆ!!!!”
โครม!!!
นั่นคือเสียงที่ผมได้ยินก่อนที่จะรับรู้ถึงแรงกระแทกมหาศาลที่กระแทกร่างกายตัวเอง ดอกลิลลี่สีขาวในมือถูกย้อมไปด้วยสีแดงที่มาจากเลือดของผม
“เมฆ อย่าเป็นอะไรนะ” เสียงของใครกันนะ ทำไมมันถึงได้เศร้าจัง ผมพยายามลืมตาเพื่อมองว่าเป็นเสียงใครแต่เปลือกตาผมหนักอึ้งจนผมไม่สามรถขยับมันได้ ร่างกายเหมือนชาไปหมดทุกส่วน ผมได้กลิ่นคาวของเลือดลอยคละคลุ้ง ได้ยินเสียงความโกลาหลเกิดขึ้นรอบๆตัว แต่ผมไม่มีแรง ไม่มีแรงพอที่จะมองว่าเกิดอะไรขึ้น …. ผมกำลังจะตายหรือ???
หรือว่ามันถึงเวลาที่ผมต้องชดใช้ให้พี่ฟ้าสักที พระเจ้ากำลังให้โอกาสผมหลุดพ้นจากบ่วงนี้ใช่ไหม ถ้าใช่ ผมก็ยินดีที่จะตาย หากว่าหนึ่งชีวิตของผม จะชดใช้หนึ่งชีวิตของพี่ฟ้าได้
.........................TBC............................

คือๆ คือว่า อดทนกันหน่อยนะทุกคน
ฟ้าหลังฝน มันย่อมสดใส เสมอ น๊าาาาาาาาาาาาาา
สปอยๆๆ
“มึงจำที่กูเคยบอกมึงได้ไหม ไอ้ใหญ่”
“อะไร”
“ไม่เป็นไรถ้ามึงลืมไปแล้วกูจะบอกใหม่อีกรอบก็ได้”
“ปล่อยมือจากเมฆซะ เพราะเมฆเป็นของกู”