……………….30………………..
ชลธร..
“ผมขอให้การเจอกันครั้งนี้ของพี่กับมัน เป็นการเจอกันครั้งสุดท้าย!!!”
ผมมองน้องชายตัวเองด้วยความไม่เข้าใจ ทำไม ผมถึงจะเจอเมฆ อีกไม่ได้
“ทำไมล่ะ ทำไมต้องเป็นครั้งสุดท้าย”
“เพราะผมไม่ต้องการให้พี่เจอกับมันอีกไง” เจ้าเล็กบอกเสียงเรียบ
“ทำไมพี่จะเจอ เมฆอีกไม่ได้ในเมื่อพี่เป็น…”
“ถ้าหากว่าพี่สำนึกจริงๆก็อยู่ก็หยุดอ้างเรื่องนั้นซะ!!!!” เจ้าเล็กตะคอก
“พี่รู้ตัวหรือเปล่าว่าตัวเองทำอะไรกับไอ้เมฆ มันไว้บ้าง มันต้องเจ็บ ต้องร้องไห้ ต้องเสียใจแค่ไหน พี่เคยรู้บ้างไหม”
“พี่….”
“พี่มันไม่เคยรู้อะไรเลย ไม่เคยรู้เลยสิว่า ไอ้เมฆมันเจ็บขนาดไหน ตลอดชีวิตมันไม่เคยเจอไอ้สิ่งที่เรียก ว่าความสุขอย่างคนอื่นเลยสักครั้ง เมฆมันเป็นคนน่าสงสาร ตั้งแต่มันเกิดมา มันไม่เลยได้รับความรักจากคนรอบข้าง มันเจ็บปวดมาทั้งชีวิต ถ้าพี่อยากขอโทษมันจริงๆ ผมก็ไม่ห้ามหรอกนะ แต่ผมอยากจะขอร้อง ในฐานะคนๆหนึ่ง ถ้าพี่สงสารมันก็ปล่อยมันไปเถอะ ” เจ้าเล็กเดินเข้าห้องไปแล้ว แต่คำพูดของน้องยังคงดังก้องอยู่ในหัวของผมไม่ยอมไปไหน
ปล่อยเหรอ
ให้ปล่อยเมฆไปอย่างนั้นเหรอ ???
“โถ่เว้ย!! พลัก!!” ผมสบถลั่นพลางระบายความอึดอัดโดยการชกเข้าที่ผนังห้องอย่างแรง
ผมหยุดที่หน้าห้องพักฟื้นของโรงพยาบาลด้วยหัวใจที่เต้นไม่เป็นจังหวะ ผมตัดสินใจแล้ว ตัดสินใจที่จะ ขอโทษ คนในห้องนี้ แม้ว่ามันอาจจะเป็นครั้งสุดท้ายที่เราจะได้เจอกัน ก็ตาม
“ผมให้เวลาพี่คุยกับมันแค่ 5 นาทีนะ ถ้านานกว่านั้น ผมกลัวว่าพี่จะทำให้มันเสียใจอีก” คนตรงหน้าบอกเสียงเข้ม
“อืม พี่เข้าใจ”
ก๊อกๆๆ เสียงเคาะประตูยิ่งทำให้หัวใจของผมเต้นรัว แม้ว่าจะไม่ได้เจอกันแค่อาทิตย์เดียว แต่ทำไม ผมถึงได้ตื่นเต้นมากขนาดนี้นะ
“เชิญครับ” เสียงในห้องเอ่ยตอบ
ก่อนที่เล็กจะค่อยๆเปิดประตูช้าๆ หัวใจของผมเต้นแรงมากขึ้นเมื่อคิดว่า ใคร อยู่ในนั้น
“อ้าวเล็กเองเหรอ เข้ามาก่อนสิ พี่กำลังจับเด็กดื้อกรอกยา พอดีแล้ว มาช่วยกันจับหน่อยเร็ว” ไอ้ชินเอ่ยทักมันคงไม่ทันเห็นผมสินะ ไม่งั้นมันคงไม่ยืนเฉยๆแบบนั้นหรอก
“ใครดื้อกันเล่า ผมไม่ได้ดื้อสักหน่อย พี่มั่วว่ะ” เสียงของคนป่วยตอบกลับมา แม้ว่าเสียงนั้นจะดูแหบไปบ้างแต่มันกลับ สดใสและดูมีความสุขอย่างที่ผมไม่เคยเห็น ไม่ใช่ สิ ผมเคยเห็น น้ำเสียงและรอยยิ้ม แบบนี้ผมเคยเห็นมันมาก่อน แต่มันก็เมื่อนานมาแล้ว นานจนผมเองก็ลืมไปแล้วว่ามัน เป็นยังไง
“เอ่อ เมฆ คือพอดีว่า มีคนเขาอยากคุยกับมึงน่ะ”
“ใครว่ะ” คนป่วยหันกลับมาถามด้วยรอยยิ้ม
“พี่เองครับ” ผมตอบก่อนจะเดินไปยืนที่ข้างเตียง
“คุณชลธร”
“มึงมาทำไมอีกห่ะ!!” ไอ้ชินตะโกนก้อง พลางกำหมันแน่น ถ้าไม่ติดว่าตอนนี้คนป่วยกำลังกุมมือมันไว้ป่านนี้ มันคงซัดผมไปแล้วมั้งครับ
“พี่ชิน อย่ามีเรื่องสิครับ” คนป่วยบอกเสียงเย็นก่อนจะยิ้มให้
ถ้าถามว่าตอนนี้ ผมรู้สึก ยังไง ตอบได้ว่า เจ็บ มันเจ็บที่หัวใจเหมือนใครสักคน เอามีดมากรีด น้ำเสียงแบบนั้น รอยยิ้มแบบนั้น ผมเคยได้มันมาก่อน แต่ผมก็เป็นคนทำลายมันด้วยความโง่ของผมเองเอง
“พี่มีเรื่องอยากจะคุยกับเมฆน่ะครับ”
“กูไม่ให้คุย!!” ไอ้ชินโพล่งออกมา
“ไม่เอาน่าพี่ชิน ใจเย็นๆซิครับ”
“แต่ว่า”
“ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมไม่เป็นไร ถ้าพี่ใหญ่อยากคุย ผมก็พร้อมจะคุย พี่ชินกับไอ้เล็กช่วยออกไปก่อนได้ไหมครับ”
“แต่พี่ไม่ไว้ใจมัน” ไอ้ชินบอกพลางจ้องหน้าผมเขม็ง ถ้าสายตามันฆ่าคนได้ ป่านนี้ผมคงตายไปหลายรอบแล้วล่ะครับ
“ผมบอกแล้วไงครับว่าไม่เป็นไร นะ ถือว่าผมขอร้อง” เมฆบอกเสียงเย็น
“ก็ได้ ถ้ามีอะไรเมฆตะโกนดังๆเลยนะ พี่จะรออยู่ที่หน้าห้อง ส่วนมึง ถ้ามึงกล้าแตะต้องเมฆอีกละก็ กูไม่เอามึงไว้แน่” คงไม่ต้องบรรยายว่าไอ้ชินมันพูดกับใครบ้าง เอาเป็นว่าหลังจากที่มันคาดโทษผมเสร็จมันก็เดินออกจากห้องไปพร้อมเจ้าเล็ก
ความเงียบที่แสนอึดอัดเข้าปกคลุมเราสองคน ผมไม่รู้ ไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นด้วยอะไรดี
“คุณมีอะไรจะพูดกับผมเหรอครับ” เมฆเอ่ยถาม อาจจะเป็นเพราะว่า เขาทนเห็นหน้าผมไม่ได้มั้งครับก็เลยถามให้มันจบๆไป
“พี่ เอ่อ พี่”
“ครับ”
“พี่อยากจะขอโทษเมฆน่ะ ขอโทษกับทุกอย่างที่พี่ทำลงไป”
อีกคนยังคงเงียบและไม่มีทีท่าว่าจะพูดอะไรออกมา แววตาราบเรียบที่ไม่ยินดียินร้าย ยิ่งทำให้ผมกลัว กลัวว่าตัวเองจะไม่มีความสำคัญอีกต่อไป
“พี่รู้ว่า คำขอโทษมันชดเชย อะไรไม่ได้ แต่พี่แค่อยากพูดมันสักครั้ง แต่ถ้ามีอะไรที่พี่จะทำเพื่อชดเชยความผิดทั้งหมดได้พี่ก็ยินดี”
“ผมยกโทษให้คุณครับ คุณชลธร” เมฆบอกด้วยเสียงราบเรียบ
“แต่ผมขออะไรคุณสักอย่างได้ไหมครับ”
“ได้สิ พี่เต็มใจทำให้เมฆทุกอย่าง”
“ถ้าคุณรู้สึกผิดอย่างที่ปากบอกจริงๆ ผมขอแค่ เราอย่าเจอกันอีกเลยได้ไหมครับ เรื่องราวที่ผ่านมา ผมจะไม่เก็บมาใส่ใจอีก ตั้งแต่นี้ต่อไป ผมกับคุณ ให้ถือซะว่าเราสองคนได้ตายจากกันไปแล้ว แล้วกันนะครับ”
……………………………….
………………………..
………………...
………..
….
ผมทรุดตัวลงบนโซฟาอย่างเหนื่อยล้า ผมไม่รู้ว่าตัวเองขับรถกลับถึงบ้านได้ยังไงเมื่อได้ยินคำนั้นจากปากเมฆ มันเจ็บยิ่งกว่าโดน
ไอ้ชินต่อยซะอีก ประโยคสุดท้ายที่เมฆบอกกับผมยังคงดังก้องอยู่และไม่หายไปไหนแม้ว่าผมจะพยายามเท่าไหร่ก็ตาม ถ้าผมเป็นนักโทษนั่นคงเป็นคำพิพากษาประหารชีวิตเลยมั้งครับ
ผมเพิ่งจะรู้ตัว ว่าเมฆสำคัญกับผมมากแค่ไหนในวันที่ ไม่มีเขาอีกแล้ว คนๆนึงที่ผมเคยบอกว่าเกลียดนักเกลียดหนา กลับเข้ามายึดพื้นที่ในหัวใจของผมอย่างช้าๆ โดยที่ผมเองก็ไม่เคยรู้ตัว เพราะทิฐิ เพราะความโง่ เพราะความโกรธ ทำให้ผมไม่เคยมองเห็นความรักที่เมฆมีให้เลยสักครั้ง กลับไป หู หนวก ตาบอด หลงเชื่อ ความรักจอมปลอมของใครอีกคน
“พี่ขอโทษ”
“พี่ขอโทษ พี่ รู้แล้ว ว่หัวใจพี่อยู่ที่ใคร พี่รักเมฆนะ”
“รักเมฆจริงๆ”
แม้ว่าผมจะพร่ำบอกคำนี้เป็นร้อยเป็นพันครั้งแต่มันก็ไปไม่ถึงใจของเมฆอยู่ดี
….หมอลม….
“เอาไงดีพี่” ไอ้เจ้าพีถามผมหลังจากที่เราสองคนมาเจอสภาพของไอ้ใหญ่ ถ้าเป็นศัพท์วัยรุ่นทุกวันนี้คงบอกว่า
บ่องตง น่าสมเพชว่ะ ผมไม่เคยคิดว่านักธุรกิจร้อยล้านอย่างมันจะมีสภาพไม่ต่างจากคนเก็บขยะขนาดนี้ สภาพของน้องชายตัวดีที่นอนกอดหมอนแน่น เนื้อตัวสกปรก ผมเฝ้ารุงรัง หนวดที่เริ่มขึ้นครึ้มเหมือนไม่ได้โกนมาสามชาติกว่า ข้างๆยังมีขวดแอลกอฮอล์ที่หมดบ้างไม่หมดบ้างวางระเกะระกะไปทั่ว นั่นทำให้ผมแทบรับไม่ได้
“ทำไงได้ว่ะ ก็ต้องแกะพี่ชายแกออกไปอาบน้ำอาบท่าให้มันเป็นผู้เป็นคนกว่านี้หน่อย ถ้ากลับบ้านสภาพนี้นะ คุณป้าเป็นลมกันพอดี” ผมกับเจ้าพีช่วยกันแงะไอ้คุณชายออกจากหมอนก่อนจะลากเข้าไปในห้องน้ำ ด้วยสภาพที่ผมบอกได้คำเดียวว่า อนาถ ไอ้ใหญ่เหมือนไม่ยอมรับรู้อะไรทั้งนั้น ทำตัวอย่างกับคนไร้วิญญาณ จับให้นั่งก็นั่งจับให้ยืนก็ยืน จนผมอ่อนใจ นี่ขนาดแค่สามวันนะครับ สามวันที่ออกจากชีวิตของน้องเมฆ มันยังเป็นถึงขนาดนี้ แล้วชีวิตที่เหลืออยู่ของมันล่ะ จะเป็นยังไง
....................TBC......................
มาแล้วจร้าๆๆๆ
เป็นไง พี่ใฟญ่ดราม่าพอไหม หรือจะให้จัดหนักกว่านี้
ฮ่าๆๆ
