Magica Café
Magic (1)
ช่วงสายของวัน น้าจันทราเข้าร้านมาด้วยท่าทางเคร่งเครียด เรียกพนักงานที่สร้างเรื่องเข้าไปคุยที่ห้องทำงานด้านในร้าน ปรกติ
วันหยุดแบบนี้น้าจันทราจะมาตอนบ่ายๆเพื่อมาช่วยหลานชายเคลียร์บัญชีของร้าน แต่เพราะอาร์ดิวโทรไปรายงานเรื่องที่เกิดกับ
ปอมปอมทำให้ท่านต้องเข้าร้านก่อนเวลาปรกติที่เคยมา
ภายในห้องทำงานประกอบไปด้วยอาร์ดิว ปอมปอม นายพนักงานเจ้าปัญหา และคุณน้าจันทรา ส่วนชีวาได้แต่ชะเง้ออยู่หน้าร้าน
ด้วยความเป็นห่วง คุณน้ามองนายพนักงานชีกอที่มีท่าทีไม่ยี่หระต่อสถานการณ์ หลังจากได้ฟังเรื่องราวที่ท่านพูดแล้วก็ไม่มีคำ
ปฏิเสธจากพนักงานคนดังกล่าว นั่นแสดงว่าทุกอย่างที่อาร์ดิวบอกกับท่านคือความจริง
“หากคุณยังไม่เข้าใจ ก็ทำความเข้าใจเสียเดี๋ยวนี้เลยนะคะว่า... ที่นี่คือร้านอาหาร คนที่มาที่นี่เขามาเพื่อรับประทานอาหาร ไม่ได้
มาดูหนังสด รู้จักให้เกียรติสถานที่ทำงานสักนิด และกรุณาทำความเข้าใจกับคำว่าหน้าที่พนักงานให้บริการในร้านอาหารให้ดี
ด้วยนะคะ แล้วชีวิตของคุณจะดีขึ้น... เชิญค่ะ”
น้าจันทราพูดเสียงเรียบนิ่ง ท่านตัดสินเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดนี้โดยการให้พนักงานหนุ่มสิ้นสุดการทำงานในร้านเมจิคกะแต่เพียง
เท่านี้ ซึ่งฝ่ายนั้นเพียงบิดปากหมิ่นก่อนจะก้าวออกจากห้องไป มันน่าต่อยให้ปากเบี้ยวจริงๆให้ตาย
“โห~ น้าจันทร์สุดยอด เด็ดขาดไปเลยอ่ะ”
ปอมปอมห่อปากจนเป็นรูปตัวโอ พร้อมทั้งยกนิ้วโป้งให้น้าสาว เมื่อน้าไล่นายคนนั้นออกไปแล้ว สะใจปอมปอมมาก~~
“คนที่ไม่รู้จักหน้าที่ของตนเอง และไม่ให้เกียรติคนอื่น มันก็อยู่ร่วมกันไม่ได้หรอกจ้ะ”
คุณน้าอธิบายพร้อมรอยยิ้มใจดี เปลี่ยนบทบาทหน้าที่ของตนเองฉับไว กลายเป็นน้าสาวแสนใจดีของปอมปอมกับอาร์ดิว
“ปอมดีใจจริงๆที่มีน้าจันทร์อยู่ด้วย ขอกอดหน่อยฮะ”
“โถ พ่อหนุ่มน้อยปากหวาน”
คุณน้าหัวเราะ ลูบหัวเด็กขี้อ้อนอย่างเอ็นดู สองน้าหลานกอดกันกลมเกลียวทำให้อาร์ดิวส่ายหน้าขำ น้าจันทรามองหน้า
หลานชายคนโตแล้วจึงบอก
“ถ้ามีเรื่องอะไรก็บอกน้านะอาร์ดิว”
“ครับ น้าจันทร์” อาร์ดิวยิ้มตอบ
ร้านMagica Café ที่เขาและน้องชายอย่างปอมปอมช่วยกันดูแลอยู่นั้น ในวันธรรมดาที่ทั้งสองคนต้องไปโรงเรียนก็มีน้าจันทราที่
คอยช่วยดูแลให้ คุณน้าท่านแต่งงานแล้ว ทำหน้าที่แม่บ้านเต็มตัว เมื่อลูกๆโตกันหมดแล้วคุณน้าอยู่ว่างๆจึงได้มาช่วยที่ร้าน อาร์
ดิวกับปอมปอมน้อยก็ได้ท่านเป็นที่ปรึกษา เรื่องที่เกิดกับปอมปอม อาร์ดิวก็ได้โทรไปบอกท่านให้ช่วยจัดการให้ ที่ต้องให้ถึงมือ
คุณน้าเพราะทั้งอาร์ดิวและปอมปอมยังเด็ก เด็กกว่าพนักงานทุกคนในร้านเสียอีก ทุกคนเกรงใจเพราะเป็นลูกเจ้าของร้านแต่ไม่
ถึงกับเกรงกลัว ดังนั้น หากให้น้าจันทราช่วยพูดทุกอย่างก็ง่ายขึ้น นายพนักงานชีกอนั่นก็กระเด็นออกจากร้านไปอย่างง่ายดาย
เมื่ออาร์ดิวกับปอมปอมและน้าสาวออกมาจากห้องทำงาน ชีวาก็มาเลียบๆเคียงๆถาม จึงได้รู้ว่านายพนักงานนั่นถูกไล่ออกไป
แล้วเรียบร้อย มิน่า เห็นเดินดุ่มออกจากร้านไปแบบนั้น ทำตัวมีปัญหาเองก็สมควรแล้วที่จะไม่ได้ทำงานที่นี่ต่อไป
น้าจันทราเมื่อได้มาแล้วจึงอยู่ช่วยสองพี่น้องร้านเมจิคกะทำบัญชีและดูแลความเรียบร้อยของพนักงาน ก่อนที่จะแจ้งให้ทุกคน
ทราบถึงเรื่องที่ให้พนักงานชายคนนั้นออกไป เมื่อตอนที่ทุกคนช่วยกันปิดร้าน ไม่มีใครมีข้อท้วงติงใด ถือว่าเข้าใจโดยทั่วกัน
++++++++++++++
ช่วงค่ำ หลังจากช่วยกันปิดร้านแล้ว อาร์ดิว ชีวา และปอมปอมจึงเรียกรถกลับบ้าน บ้านของชีวาอยู่ติดบ้านของสองพี่น้อง เวลา
กลับบ้านจึงกลับด้วยกันเสมอ ซึ่งชีวาถือว่าเป็นการดูแลสองพี่น้องไปในตัวด้วย อาร์ดิวนั่งด้านหน้าคู่คนขับ ขณะที่เพื่อนอย่าง
ชีวานั่งด้านหลังมีปอมปอมนอนหนุนตัก ชีวามองหนุ่มน้อยที่หลับปุ๋ยแล้วก็ยิ้ม เด็กอนามัยนอนไม่เกินสามทุ่ม แต่ยังอยากมา
ทำงานกับพี่ๆที่กว่าจะเลิกงาน กว่าจะปิดร้านเสร็จก็เลยสามทุ่มไปแล้ว สภาพจึงเป็นอย่างที่เห็น
โทรศัพท์มือถือของชีวาดังขึ้น อาร์ดิวเหลียวมามอง ชีวาช้อนศีรษะเด็กน้อยที่นอนหนุนตักตนเองยกขึ้น ก่อนขยับตัวเพื่อหยิบ
โทรศัพท์จากกระเป๋ากางเกงออกมาแล้วค่อยประคองให้ศีรษะปอมปอมน้อยพักอยู่บนขาตนเองเหมือนเดิม ชีวามองเบอร์โทรที่
หน้าจอมือถือแล้วกดรับ เสียงพูดคุยของชีวากับคนปลายสายทำให้ปอมปอมขยับตัว เด็กหนุ่มก้มมองคนที่นอนหลับอยู่บนตัก
ตนเอง เห็นว่าไม่ได้ตื่นขึ้นมาจึงพูดต่อ
“ไม่มีอะไรครับ แค่น้องนอนดิ้นน่ะ”
“…………….”
“เปล่าครับ ยังไม่นอน กำลังกลับบ้าน น้องหลับอยู่บนรถน่ะ”
ชีวาคุยกับคนปลายสายไปเรื่อยๆ ก่อนจะชะงักเมื่อปอมปอมลุกขึ้นนั่งโงนเงน เด็กหนุ่มจับแขนเรียวดึงเบาๆจะให้นอนลงเหมือน
เดิม แต่ปอมปอมน้อยกลับเอนศีรษะไปพิงประตูรถเฉย อาร์ดิวที่นั่งอยู่ด้านหน้าลอบยิ้ม โดนเจ้ากะปอมเล่นงานแล้วไหมล่ะชีวา
“อืม พริมครับ แค่นี้ก่อนนะ วาจะถึงบ้านแล้วน่ะ ค่อยคุยกันใหม่นะครับ”
ชีวาตัดสินใจวางสายปุบปับก่อนรั้งปอมปอมมาพิงไหล่ตนเอง ซึ่งคราวนี้เด็กดื้อไม่ได้ขัดอีก ยอมเอนมาพิงแต่โดยดี
“เด็กขี้เซา”
ว่าแล้วก็บีบจมูกปอมปอมเบาๆ หมั่นเขี้ยว~
“อื้ออออ ป๋าแก่…”
“โหย ปากเหรอวะ!?”
ชีวาโวยวาย แต่คนพูดกลับหลับไม่รู้เรื่อง อาร์ดิวเหลียวมามองแล้วขำทำให้ชีวาหันไปมองเพื่อนก่อนเกาหัวแกรก
“จะต่อปากต่อคำกับคนหลับทำไมวะกู”
คนนั่งเบาะหน้าหัวเราะก๊าก แม้แต่ตอนหลับปอมปอมยังต่อปากต่อคำได้อีก ชีวามองคนที่พิงไหล่ตนเองอยู่แล้วส่ายหน้ายิ้มๆ
จากนั้นก็นั่งนิ่งๆให้เด็กน้อยอนามัยจัดนอนพิงไหล่ไปจนถึงบ้าน
+++++++++++++
หลังจากหมดวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ เด็กนักเรียนทั้งหลายก็ได้เวลากลับมาเรียนกันต่อ สองพี่น้องป.ปลา ปอมปอม ปริญญ์ และ
อาร์ดิว ปราณรวีเองก็มาเรียนกันตามปรกติ มีชีวาอยู่ด้วยเหมือนเคย เมื่อก้าวเข้ามาในรั้วโรงเรียน ปอมปอมก็รีบวิ่งไปหาเด็กหนุ่ม
ตัวสูงคนหนึ่งที่เดินอยู่ด้านหน้าพร้อมทั้งส่งเสียงไปทักทาย
“ตาต้า~”เจ้าของชื่อหันมาตามเสียงเรียกก่อนส่งยิ้มให้กับคนเรียกที่วิ่งเข้ามาหา อาร์ดิวกับชีวาเดินตามปอมปอมตัวน้อยเข้ามาหาเพื่อน
พวกเขาอยู่มัธยมปลายปีสุดท้ายกันแล้ว ในขณะที่ปอมปอมยังเพิ่งมัธยมสาม แต่หนุ่มน้อยปอมปอมไม่เคยเรียกสามหนุ่มว่าพี่
นอกจากเรียกชีวาว่าป๋า เพราะเหตุผลที่ว่าชีวาแก่สุด น่าภูมิใจแทนชีวาจริงๆ
“มาแต่เช้าเลย”
อาร์ดิวเอ่ยทักเพื่อนที่กลายเป็นที่เกาะของลูกลิงปอมปอมไปแล้ว คล้องแขนกันแต่เช้าเลย ท่าทางน้องชายเขาจะปลื้มตาต้าเอา
มาก
“พี่ต้นมาส่งน่ะ... หวัดดีชีวา” ตาต้าน้อยเอ่ยตอบอาร์ดิว ก่อนหันไปทักชีวาอีกคน
“หวัดดี... กะปอม ขึ้นห้องเรียนเอากระเป๋าไปเก็บก่อนไป มันหนัก”
ชีวาทักทายเพื่อนแล้วเลยมาบอกปอมปอมให้เอากระเป๋าสะพายไปเก็บในห้องเรียน หนุ่มน้อยเอียงหน้ามองชีวาแล้วว่า
“ใครเป็นพี่ชายปอมกันแน่?”
“ใครก็ช่าง จะไปไหม จะช่วยถือ”
“ไม่ต้องช่วย ปอมถือเอง ปอมโตแล้ว” เห็นชีวาเว้นวรรคการพูด ปอมปอมเลยขอสามคำบ้าง
“เหรอ โตได้แค่นี้?” ชีวาเบ้ปาก ทำเป็นเหล่มองคนที่บอกว่าตนเองโตแล้ว
“ใครเขาจะเหมือนป๋า แก่แล้วยังแก่ได้อีกอ่ะ ความสามารถนะเนี่ย”
หนุ่มน้อยก็ไม่มียอมกัน ป๋าชีวาเลยเอื้อมไปขยี้หัวเห็ดนั่นจนผมยุ่ง ปอมปอมคว้าแขนคนทำแล้วจะอ้าปากงับ ชีวาดันหัวเห็ดยุ่งๆ
นั่นไว้แล้วหัวเราะ อาร์ดิวกับตาต้าน้อยมองทั้งสองคนแล้วส่ายหน้าขำ เถียงกันทุกวัน แต่ก็สนิทกันกว่าใคร ชีวาคว้ากระเป๋าของ
ปอมปอมมาถือให้ ขณะที่หนุ่มน้อยจัดผมตนเองให้เข้าทรงเหมือนเดิม ก่อนที่ชีวาจะกอดคอเด็กน้อยปากดีให้เดินไปด้วยกัน
“ไปที่ห้องเรียนกันเถอะ”
เมื่อชีวากับน้องชายของตนเองเดินไปทางตึกมัธยมต้นแล้ว อาร์ดิวจึงหันมาชวนเพื่อนบ้าง ตาต้าพยักหน้ารับก่อนออกเดินไปยัง
ตึกเรียนของมัธยมปลายด้วยกัน เมื่อมาถึงหน้าห้องเรียนของตนเองอาร์ดิวก็หยุดชะงัก ตาต้าที่กำลังจะก้าวเข้าห้องจึงหยุดตาม
แล้วหันมาถามเพื่อน
“อะไรดิว?”
“นายคนนั้น?” อาร์ดิวชี้มือไปยังเด็กหนุ่มคนหนึ่งที่ยืนรวมกลุ่มกับเพื่อนสอง-สามคนอยู่หน้าห้องเรียนของชั้นม.6/1 ตาต้ามอง
ตามมือเพื่อนแล้วจึงว่า
“เด็กห้องหนึ่ง ได้ข่าวว่าหยิ่งมาก อย่าไปสนใจเลย” บอกเพื่อนไปเช่นนั้นแล้วตาต้าน้อยก็เดินเข้าห้องเรียนไปก่อน ปล่อยให้
อาร์ดิวยืนอยู่หน้าห้องอย่างนั้น
อาร์ดิวได้แต่ร้องถามตนเองในใจว่าทำไมโลกมันถึงได้กลมแบบนี้ เขาเรียนที่นี่มาหลายปีไม่เคยรู้ว่าคนๆนี้ก็อยู่โรงเรียนเดียวกัน
แต่พอได้มาเจอกันที่ร้านMagica กลับทำให้โคจรมาพบกันอีก แถมอยู่ใกล้เพียงเท่านี้เองด้วยสิ
การ์ฟที่ยืนคุยกับเพื่อนอยู่หน้าห้องเรียนรู้สึกว่ามีคนกำลังมองตรงมาที่ตนเอง เด็กหนุ่มจึงหันมาทางที่อาร์ดิวยืนอยู่ เกิดการชะงัก
งันเล็กน้อยเมื่อเห็นคนคุ้นหน้า สายตาเด็กหนุ่มเงยมองตัวเลขหน้าห้องเรียนของอาร์ดิวแล้วยกยิ้มมุมปาก ก่อนหันกลับไปคุยกับ
เพื่อนต่อเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ภาพนิมิตวูบเข้ามาในหัวของอาร์ดิว สิ่งที่ได้เห็นตอนพบกันที่ร้านเมจิคกะนั้นมันผ่านมารวดเร็วก็จริง แต่เขาก็พอมองออกว่ามัน
เกิดอะไรขึ้นบ้าง เด็กหนุ่มได้แต่ปลอบใจตัวเองว่ามันจะไม่มีทางเกิดขึ้น ในเมื่อเขาเห็นแล้วเขาก็ต้องมีหนทางที่จะแก้ไขมันได้
แค่อย่าเอาตัวเข้าไปใกล้นายคนนั้นก็พอแล้วนี่ ใช่ ไม่เป็นไรหรอก มันจะไม่มีทางเกิดขึ้นแน่ ไม่มีหรอก... มั้งนะ?
-----------------------------
เสียงกริ่งบอกเวลาหมดคาบเรียนในช่วงเช้าดังขึ้น นักเรียนทุกคนต่างทยอยกันออกมาหาอะไรทานกัน อาร์ดิวสะพายเป้ขึ้นบ่า
เพื่อจะไปทำธุรกรรมที่ธนาคารฝั่งตรงข้ามโรงเรียน
จนเมื่อจัดการธุระเสร็จอาร์ดิวก็ออกมาจากธนาคาร เด็กหนุ่มเดินไปหยุดริมทางเท้าเพื่อที่จะข้ามถนนกลับโรงเรียนของตนเอง
โดยที่ไม่ทันสังเกตว่ามีใครตามมาด้านหลัง กว่าจะรู้ตัวกระเป๋าเป้ก็ถูกกระชากไปแล้ว ด้วยความตกใจเด็กหนุ่มรีบวิ่งตามทันที
ผู้คนที่เดินอยู่บนทางเท้าต่างหลบหลีกเมื่อโจรกระชากกระเป๋าวิ่งตรงมา อาร์ดิวไม่ได้ร้องให้ใครช่วย ในเมื่อเขามีวิธีของตนเอง
แต่ในตอนนี้ยังใช้มันไม่ได้จึงต้องไล่ตามโจรไม่ให้คลาดสายตา
ขณะเดียวกัน การ์ฟที่ออกมาทานกลางวันที่ร้านอาหารนอกโรงเรียนกับเพื่อนในกลุ่ม หลังทานข้าวกับเพื่อนๆเสร็จแล้วออกมา
นอกร้านก็ได้ยินเสียงกรีดร้องแตกตื่นของสาวๆ เด็กหนุ่มหันไปให้ความสนใจที่มาของเสียง เห็นผู้ชายท่าทางไม่น่าไว้ใจคนหนึ่ง
หอบกระเป๋าวิ่งไม่คิดชีวิตมาทางที่เขายืนอยู่ ฝ่ายนั้นมัวแต่เหลียวไปมองด้านหลังทำให้ไม่ทันดูว่ามีขาของใครโผล่มาขวางทาง
เข้า ทำให้ล้มกลิ้งไม่เป็นท่า เมื่อขยับจะลุกก็มีเท้าปริศนายันโครมมากลางหลังจนจุกหนัก
อาร์ดิวหอบหายใจแรงเมื่อโดดถีบโจรขโมยกระเป๋าไปแล้ว เด็กหนุ่มแย่งกระเป๋าคืนพร้อมกับก้มลงพึมพำอะไรบางอย่าง การ์ฟ
ก้าวเข้ามาหยุดอยู่ด้านหลังขณะที่อาร์ดิวคล้องเป้ขึ้นสะพาย จัดเป้ให้เข้าที่เข้าทางเล็กน้อยแล้วจึงหันกลับมาเห็นว่าการ์ฟยืนมอง
อยู่ เด็กหนุ่มชะงักไปเมื่อเห็นเช่นนั้น
“เมื่อกี้นายทำอะไร?”
การ์ฟเอ่ยถามเพราะเห็นว่าอาร์ดิวก้มลงไปทำอะไรสักอย่าง แล้วผู้ชายคนที่วิ่งหอบกระเป๋ามาเมื่อครู่ก็นิ่งอยู่ท่าเดิมบนพื้นแบบนั้น
สะกดจิตหรือ? ไม่มั้ง มันจะเป็นไปได้อย่างไรกัน?
“เปล่า”
อาร์ดิวเอ่ยตอบอีกฝ่ายก่อนขยับถอยห่างไปสามก้าว การ์ฟขมวดคิ้ว ทำไมรู้สึกเหมือนโดนรังเกียจวะ!?
“จะจัดการยังไงกับหมอนั่น?”
การ์ฟชี้นิ้วไปด้านหลังที่มีโจรห้าร้อยฟุบหน้ากองอยู่บนพื้น อาร์ดิวมองตามมือของอีกฝ่ายแล้วบอก
“ปล่อยไว้อย่างนั้นแหละ เดี๋ยวตำรวจก็มา”
“นายแจ้งความ?”
การ์ฟเอ่ยเชิงถาม อาร์ดิวพยักหน้ารับส่งๆก่อนจะหันกลับเพื่อรีบเดินหนีไป อย่ามายุ่งกับเขานะ!
ขณะที่อีกคนก้าวหนี การ์ฟกลับก้าวยาวๆเพียงไม่กี่ก้าวก็เข้ามาเดินอยู่ข้างกายแล้ว ดวงตาเรียวรีของอาร์ดิวเหล่มองคนข้างๆ
ก่อนรีบเดินให้เร็วขึ้น แต่การ์ฟก็ยังคงตามติด
“ในสถานการณ์คับขัน นายมีสติพอจะโทรแจ้งความด้วยเหรอ?”
การ์ฟยังถามต่อขณะที่ก้าวตามไม่ลดละ สองมือล้วงกระเป๋าท่าทางสบายๆได้อีก อยากเดินหนีก็เดินไปสิ เขามีขาเสียอย่างตาม
ไม่ทันให้มันรู้ไป ก็ไม่รู้หรอกว่าอาตี๋นั่นจะรีบไปไหน แต่มันขวางหูขวางตาที่ทำเหมือนรังเกียจเขาแบบนี้น่ะ
“คุณจะอะไรกับผมนักหนา ผมไปทำอะไรให้คุณหรือไง จับผิดผมจัง”
“ฉันแค่ไม่ชอบเรื่องหลอกลวงพวกนี้” การ์ฟยักไหล่กวน
“คุณไม่รู้จักผมดีพอด้วยซ้ำ อย่ามากล่าวหากันจะดีกว่านะครับ”น้ำเสียงอาร์ดิวเริ่มไม่พอใจ ถ้าไม่เชื่อหรือไม่ชอบก็แค่อยู่ให้ห่าง อย่ามาวุ่นวาย อย่ามาตอแยก็จบ
“ถ้าอย่างนั้น... ฉันกับนายมาเริ่มทำความรู้จักกันตั้งแต่วันนี้เลยดีไหม?” การ์ฟหรี่ตาเล็กๆเมื่อเอ่ยถาม
“ไม่!”
คำปฏิเสธทันควันนั้นทำเอาคนถามถึงกับนิ่ง ก่อนที่อาร์ดิวจะส่งคำพูดตามมาซ้ำอีกระลอก
“ผมไม่อยากเกี่ยวข้องกับคุณ อย่ามายุ่งกับผม”
“อยากยุ่งตายล่ะ” การ์ฟว่า รู้สึกฉุนขึ้นมาแล้วนะเฮ้ย ตัดรอนอะไรกันนักหนา
“ไม่อยากก็ไม่ต้องยุ่ง!”
อาร์ดิวทิ้งท้ายก่อนวิ่งข้ามถนนกลับไปฝั่งโรงเรียน คนยิ่งไม่อยากเจอยิ่งมาให้เจอ อะไรไม่รู้ โว้ย! วะ!!
อาร์ดิวหงุดหงิดอย่างหนักที่เจอคนแบบนี้ การ์ฟมองตามหลังอาตี๋น้อยที่วิ่งหนีไปแล้วยกยิ้มมุมปาก คนแบบนี้น่ะหรือมีญาณ
วิเศษ น่าเชื่อตายล่ะ เฮอะ!
เด็กหนุ่มข้ามถนนไปไม่เร่งร้อน แต่กลับเพิ่งมารู้สึกตัวเอาตอนนี้ว่าตนเองทำอะไรลงไป เขาไม่เชื่อเรื่องงมงาย ไม่เชื่อเรื่องพลัง
วิเศษ ตาทิพย์ หูทิพย์ พยายามจะเลี่ยงมันทุกทาง แต่เมื่อครู่นี้มันเป็นเขาเองไม่ใช่หรือที่เข้าไปหาฝ่ายนั้น เขาเป็นบ้าอะไรไปแล้ว
“ไม่จริงหรอก น้าเทสต์โกหก…”
การ์ฟพึมพำกับตนเองอย่างต้องการตอกย้ำความเชื่อมั่น แต่สีหน้ากับคำพูดกลับไปคนละทาง เขาไม่ได้หวั่นไหวกับคำทำนาย
นั่น ไม่ใช่!!
‘นายฝืนมันไม่ได้หรอกการ์ฟ ไม่ว่ายังไงนายกับเด็กคนนั้นก็ต้องได้พบกัน และ... รักกัน เหมือนฉันกับบิว’
คำพูดเทสต์แว่วเข้ามาในหู การ์ฟพยายามจะสลัดความคิดฟุ้งซ่านนั่นทิ้ง ทั้งยังโทษว่าเป็นเพราะการเจอกับอาร์ดิวทำให้เขานึก
ถึงเรื่องที่ไม่ควรนึก อาร์ดิวเป็นตัวอันตราย ต้องถอยห่างให้ไกลที่สุด!
+++++++++++++++
หลังกลับจากโรงเรียน สองพี่น้องป.ปลาตรงไปที่ร้านเมจิคกะเพื่อช่วยน้าจันทราทำงาน วันธรรมดาร้านปิดเร็วหน่อยเพราะอาร์ดิว
กับปอมปอมต้องกลับไปทำการบ้าน
เมื่อกลับบ้านมา ทำธุระของตัวเองเสร็จแล้วสองพี่น้องก็ต่อเน็ตคุยกับคุณพ่อ คุณแม่ ปอมปอมเอ่ยถามว่าพวกท่านจะกลับมา
เมื่อไหร่ ท่านก็บอกมาว่าขอเที่ยวอีกสักพักเดี๋ยวกลับไป ก่อนที่คุณแม่จะเอ่ยทักอาร์ดิวขึ้นมาว่ามีอะไรบางอย่างเกิดขึ้นกับเขา
ใช่ไหม ปอมปอมตาโตรีบบอกว่าคุณแม่พูดอย่างกับตาเห็น
“มีคนมาหาเรื่องอาร์ดิวที่ร้านครับแม่ แล้วท่าทางว่าจะไม่จบแค่นี้ เพราะพี่คนนั้นเขาอยู่โรงเรียนเดียวกันกับเราด้วยครับ โลกมัน
กลมมากกกก” ปอมปอมลากเสียงให้รู้ว่าโลกมันกลมจริงๆนะเออ
“อยากหนีหรือเปล่าอาร์ดิว?” คุณแม่เอ่ยถามคนพี่ เมื่อคนน้องบอกกล่าวเช่นนั้น
“แม่ว่ามันจะพ้นไหมครับ?” อาร์ดิวมีสีหน้าเป็นกังวลเมื่อเอ่ยถามคุณแม่ ท่านต้องรู้แน่ว่าเขากำลังไม่สบายใจ
“ความรู้สึกเราบอกว่ายังไงล่ะลูก?”
คุณแม่เอ่ยถามกลับมา ท่าทางลูกชายคนโตของท่านจะคิดไม่ตกกับเรื่องนี้จริงๆ อย่างอาร์ดิวนั้น เพียงสังเกตสีหน้าก็รู้แล้วว่า
กำลังคิด หรือรู้สึกเช่นไรอยู่ ต่างจากปอมปอมที่ทำทะเล้นกลบเกลื่อนได้ทุกสถานการณ์
“ดิวไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับเขา เพราะเขาดูถูกดิว” เด็กหนุ่มว่ามาแบบนั้น
“บางทีคนเขาไม่รู้ไงครับดิว ลูกก็ลองทำให้เขาเห็นสิ เผื่อจะเปลี่ยนใจบ้าง”
คุณแม่พยายามพาเบี่ยงออกนอกสถานการณ์ตึงเครียดของลูกชาย ท่านเป็นคนร่าเริง ไม่ค่อยจะเครียดกับเรื่องอะไรสักเท่าไหร่
คุณพ่อเองก็เช่นกัน เวลานี้จึงได้ออกมาท่องเที่ยวกันอยู่อย่างสบายใจเช่นนี้อย่างไรล่ะ
“เขาไม่มีทางเปลี่ยนใจหรอกครับแม่ เขาเกลียดดิว”
แค่นึกถึงเด็กหนุ่มก็หน้าบึ้ง ปอมปอมที่นอนกลิ้งอยู่บนเตียงหัวเราะหึหึ ไม่บ่อยนักที่จะเห็นพี่ชายทำหน้าแบบนี้
“ทำไมเป็นอย่างนั้นล่ะไอ้หนู?” คุณพ่อโผล่มาทักบ้าง ปอมปอมรีบลุกจากเตียงมานั่งหน้าจอคอมข้างๆพี่ชาย
“พ่อ นี่ดิวนะครับ ไม่ใช่ปอมปอม เรียกไอ้หนู” อาร์ดิวเอ่ยแย้ง คุณพ่อหัวเราะเสียงดังไม่เกรงจะเสียภาพลักษณ์ใดๆ
“ใครทำอะไรให้ เดี๋ยวพ่อกลับไปจัดการให้ไหม?” คุณพ่อ ออกท่าออกทางนักเลงจนคุณแม่ที่อยู่ข้างกันขำคิก
“เมื่อไรล่ะครับป๊ะป๋า?” ปอมปอมโผล่หน้ามาถาม
“อีกสักเดือนสองเดือนนะลูก”
“โหย ฮันนีมูนนานจัง”
หนุ่มน้อยทำปากยื่นแก้มพอง อาร์ดิวจิ้มแก้มน้องแล้วหัวเราะ คุณพ่อคุณแม่ที่อยู่แดนไกลก็ต่างหัวเราะตามกัน คุยกับพ่อแม่อีก
สักพักพวกท่านจึงบอกให้สองพี่น้องไปพักผ่อน เด็กนักเรียนอย่านอนดึกนัก
“รักลูกนะ”
“รักปะป๊ากับมะมิฮะ/รักพ่อแม่ครับ”
อาร์ดิวกับปอมปอมเอ่ยบอกคุณพ่อคุณแม่กลับไป ก่อนที่จะปิดการสนทนาผ่านอินเตอร์เน็ต คนน้องบอกกับพี่ชายว่าจะขอไปทำ
ธุระสักเดี๋ยวหนึ่งแล้วเดินออกจากห้องของพี่ไป เมื่ออยู่คนเดียวแล้วอาร์ดิวก็ถอนใจเฮือก เขาต้องจัดการทุกอย่างด้วยตัวเองสินะ
เฮ้อ~
++++++++++++++
“ป๋า~~”หลังจากคุยกับคุณพ่อคุณแม่เสร็จ กะปอมน้อยก็กลับเข้าห้องตัวเองแล้วเดินออกมาตรงระเบียงห้อง ซึ่งระเบียงนี้มันยื่นไปแทบ
ชิดกับระเบียงบ้านของใครอีกคน หนุ่มน้อยเรียกเจ้าของห้องที่เปิดไฟในห้องเพียงสลัวราง ประตูบานเลื่อนที่เป็นกระจกทำให้แสง
ไฟลอดออกมา แสดงว่าเจ้าของห้องยังไม่นอน
“ป๋า ได้ยินปอมไหม~~”
พอเรียกก็แล้ว ขว้างอะไรไปก็แล้ว ประตูบานเลื่อนที่ปิดสนิทอยู่นั้นก็ไม่ยอมขยับ ปอมปอมจึงชักจะเริ่มเคืองขึ้นมาแล้ว หนุ่มน้อย
ปีนระเบียงห้องของตนเองเพื่อที่จะข้ามฝั่งไปยังห้องตรงข้าม ประตูถูกเลื่อนออกมาเร็วไวพร้อมกับที่ชีวารีบออกมารับลูกลิงชอบ
ปีนป่าย ตัวผอมบางลอยวืดข้ามระเบียงห้องมาอีกฝั่งอย่างง่ายดาย เมื่ออ้อมแขนของพี่ชายตัวโตตวัดอุ้มข้ามมา
“เกิดตกลงไปคอหักตายทำไง ทำอะไรไม่รู้จักคิด” ชีวาเฉ่งลูกลิงตัวแสบทันทีที่เท้าของอีกฝ่ายแตะพื้น
“ก็ป๋าไม่มารับปอมอ่ะ” ปอมปอมโบ้ยความผิดกันซึ่งหน้า
“ปอมปอม ฉันต้องมีเวลาส่วนตัวบ้างนะเจ้าหนู และตอนนี้ เวลานี้ มันคือเวลาส่วนตัว โอเค้?”
“ไม่โอเคอ่ะ”
ทั้งที่พูดเสียชัดเจน ตรงเป๊ะ แต่คนฟังก็ยังมึนได้โล่ห์ ปอมปอมเอ่ยตอบได้หน้าตาเฉยจนชีวาอยากงับหัวเด็กหน้าเป็น
“ตอนนี้ฉันกำลังอยู่กับสาว กลับไปก่อนได้ไหม?”
ชีวาถอนใจเบาก่อนเอ่ยบอกถึงธุระสำคัญของตนเอง ปอมปอมถึงเพิ่งสังเกตพี่ชายข้างบ้านว่าไม่ได้สวมเสื้อ จะโชว์กล้ามทำไมกัน?
“ไหนป๋าบอกมันอันตรายไง จะให้ปอมข้ามกลับไปเนี่ยนะ เกิดตกลงไปคอหักตายขึ้นมาจะว่าไง?” หนุ่มน้อยกอดอกลอยหน้าพูด
ราวกับว่ามันคือความผิดของชีวาอย่างแท้จริง
“โห ดูมันย้อน” ชีวาถึงกับไปไม่เป็น ตกลงเขาผิด?
“แล้วจะเอาไง?”
เด็กหนุ่มเอ่ยถามน้องชายข้างบ้าน นั่นถือเป็นการเปิดโอกาสให้เด็กแสบเขาล่ะ
“ปอมไม่กลับ ไล่สาวของป๋ากลับไปเลย”
“เรื่องอะไรวะ!”
“เออ งั้นปอมกลับก็ได้”
พอป๋าชีวาไม่ยอมตามใจ ปอมปอมเลยประชดใส่ ชีวาเกาหัวงงๆเพราะตามอารมณ์เด็กแสบไม่ทัน
“ตกลงไปคงไม่เจ็บเท่าไหร่หรอกเนอะ แค่คอหักเอง” ตัวแสบพึมพำ แต่ดันมาเข้าหูชีวานี่สิ พึมพำประสาอะไรของมันวะ?
ปอมปอมตั้งท่าจะปีนขึ้นราวระเบียง ชีวากอดอกมองเฉยไม่เอ่ยห้าม พอเห็นว่าป๋าเขาไม่ห้ามปอมปอมเลยปีนขึ้นไปจริงๆมัน
เสียเลย แขนแข็งแรงคว้าเอวไอ้ตัวเล็กแล้วยกลงมายืนบนพื้น ก่อนจับให้หันมาเพื่อมองหน้า
“ไหนว่าจะให้ปอมกลับ ปอมจะกลับอยู่เนี่ย วู้!”
ปอมปอมทำเป็นอารมณ์เสีย ชีวาเลยดีดเหม่งเข้าให้ ท่าเยอะนัก ไอ้ตัวแสบร้องโอ้ยก่อนมองคนทำตาคว่ำ มันเจ็บไหมนี่ ดีดมา
ได้!
“หมั่นไส้”
ป๋าเขาว่าอย่างนั้น กะปอมน้อยเลยบุ้ยปากใส่ ก่อนบ่นอุบๆอิบๆไปเรื่อย
“รออยู่ตรงนี้ อย่าข้ามไปเข้าใจไหม?” ชีวาสั่งตัวแสบ
“อื้อ”
“เข้าใจไหมกะปอมผอมแห้ง” เด็กหนุ่มย้ำถามอีก
“เข้าใจแล้วไงล่ะป๋า แก่จนหูตึงหรือไง?”
“พูดไม่เพราะ ครับน่ะ พูดเป็นไหม?” ชีวาเท้าสะเอวมองหน้าตัวแสบที่ลอยหน้าลอยตา น่าเตะจริงๆ น้องใครวะ!
“คร้าบบบ เข้าใจแล้วครับป๋าวา จุ๊บๆ”
“เดี๊ยะๆ ดีดปาก มาจ๊งมาจุ๊บ”
คนพี่เข่นเขี้ยวก่อนที่จะผละเข้าไปจัดการพาสาวที่อยู่ในห้องกลับไปส่ง ก่อนไปยังโผล่หน้ามาบอกน้องชายข้างบ้าน
“กะปอม”
“หือ?”
“เข้ามารอในห้องก่อน ไปส่งสาวแป๊บ”
ชีวาเอ่ยบอกก่อนผลุบหายเข้าไปในห้องอีกรอบ ปอมปอมแลบลิ้นไล่หลังก่อนก้าวเข้าไปในห้องของชีวา หนุ่มน้อยเดินสำรวจไป
ทั่วทุกพื้นที่ภายในห้อง ไม่ใช่เพิ่งเคยมา เขาเคยมาห้องนี้บ่อยแล้ว แต่วันนี้มันมีอะไรบางอย่างที่พิเศษ ปอมปอมล้วงกระเป๋า
กางเกงเอาก้อนกระดาษกลมๆที่ยัดเอาไว้ออกมา รอยยิ้มปีศาจน้อยเริ่มปรากฏบนริมฝีปาก
หนุ่มน้อยเหลียวซ้ายแลขวาเพื่อหาที่ซ่อนก้อนกระดาษกลมๆนี่ จะซ่อนใต้เตียงเดี๋ยวแม่บ้านมากวาดก็เจอ คิดไปคิดมาปอมปอม
จึงตัดสินใจยกฟูกนอนหนาขึ้น แขนเรียวเล็กนั้นออกแรงเสียเต็มที่ก่อนที่จะสอดก้อนกระดาษเข้าไปไว้ใต้นั้น แอบบ่นในใจว่ามัน
หนักมาก
“ทำอะไรน่ะปอมปอม?”
“หวา~~”
เสียงทักที่ดังขึ้นไม่มีปี่มีขลุ่ยทำให้ปอมปอมปล่อยมือจากฟูกหนา หนุ่มน้อยกระโดดเหย็งมายืนตัวแข็งทื่อเมื่อถูกชีวาจับได้ ไหน
ว่าไปส่งสาวไง ทำไมกลับมาเร็วนักล่ะ~~
“จะมุดเข้าไปทำอะไรใต้ฟูก?” ชีวาหรี่ตามองจับผิด
“ไม่ๆๆๆๆ ไม่มีอะไร” ปอมปอมทั้งส่ายหน้าทั้งโบกมือปฏิเสธ แบบนี้มันมีพิรุธเห็นๆ
“มีพิรุธ”
“ไม่มี๊~”
“ซ่อนอะไรไว้ ไหนดูซิ”
ชีวาจะเข้าไปดูใต้เตียงนอนว่าตัวแสบเอาอะไรไปซ่อนไว้ ปอมปอมเบิกตาโตก่อนเอาตัวเข้าไปขวางไว้สุดชีวิต
“ไม่ป๋า ไม่มีจริงๆน้า เชื่อปอมสิ”
หนุ่มน้อยกางแขนกั้นพี่ชายข้างบ้านเอาไว้ ชีวาเลี่ยงจะเข้าไปอีกด้าน ตัวผอมบางอย่างปอมปอมเสียเปรียบเห็นๆทำให้เจ้าตัวเขา
ใช้ไม้ตาย โดดกอดเอาไว้ทั้งตัวไปเลย
“ป๋าอ่ะ มันไม่มีจริงๆ” หนุ่มน้อยเงยมองหน้าพี่ ทำสีหน้าอ้อนๆเข้าไว้
“จริงอ่ะ?”
“อื้อ ไม่มีหรอก” ส่ายหน้ายืนยันกันอีกรอบ เชื่อปอมเถอะน่าป๋า~
ชีวาหรี่ตามองตัวแสบที่ทำหน้าใสซื่อ ก็เห็นอยู่ว่าเอาอะไรซ่อนไว้ใต้ฟูกนั่น ถ้าไม่จับให้มั่นคั้นให้ตายคงไม่มีทางยอมรับสินะ
“โอเค ไม่มีก็ไม่มี”
พอพี่ยอมเชื่อตัวแสบก็ยิ้มแฉ่ง ปล่อยแขนที่กอดพี่เอาไว้แล้วขยับออกมายืนยิ้มหน้าซื่อ
“งั้นเราก็กลับบ้านได้แล้วไป”
“ไล่จัง ไปก็ได้”
รอยยิ้มที่มีหุบฉับเมื่อเจ้าของห้องเขาเอ่ยไล่ ก่อนส่งค้อนให้พี่ชายข้างบ้านวงโตแล้วเดินออกจากห้องไป เมื่อตัวแสบออกไป
แล้วชีวาจึงไปยกฟูกขึ้นดูแต่ก็ไม่เห็นว่าจะมีอะไรใต้นั้น ไม่มีอะไรจริงๆน่ะ?
“บอกแล้วไม่เชื่อ”
กะปอมน้อยโผล่หน้ากลับเข้ามายิ้มเยาะแล้วเดินลั้นลาออกไปอีกรอบ ชีวากอดอก ขมวดคิ้ว เด็กหนุ่มหันมามองฟูกนอนของ
ตนเองอย่างไม่เชื่อว่าจะไม่มีอะไรจริงๆ ปอมปอมต้องซ่อนอะไรเอาไว้แน่ๆ บางทีเด็กอย่างปอมปอมก็ชอบมีลับลมคมในกับเขา
อยู่เรื่อยๆเหมือนกันนะ
TBC
ขอบคุณนักอ่านทุกท่านที่มาต้อนรับน้องปอมปอมกับอาร์ดิวค่ะ
บวก+บวก
วันใหม่ค่ะ