Magica Café
Magic (11)ใต้อาคารเรียนของมัธยมปลาย การ์ฟกำลังยืนคุยอยู่กับเพื่อนอีกสองหนุ่ม หมดคาบเรียนแล้วแต่ยังไม่ถึงเวลากลับบ้าน สามหนุ่มจึงคุยกันเรื่อยเปื่อยรอเวลา เพื่อนคนหนึ่งเอ่ยทักว่าเดี๋ยวนี้การ์ฟยิ้มบ่อย ไม่ค่อยจะเหมือนคนถูกทิ้งสักเท่าไหร่เลย
“มันจริงไหมล่ะ ทั้งที่มึงเพิ่งโดนแฟนบอกเลิก แต่มึงกลับยังยิ้มระรื่นได้เนี่ย ร้านนั้นมีอะไรดีหรือไง?” เพื่อนเอ่ยถาม หรี่ตาล้อเลียน เรื่องร้านนั้นที่ว่าก็ร้านเมจิคกะที่การ์ฟไปทำงานอยู่นั่นล่ะ
“ถามว่าร้านนั้นมีอะไรดีงั้นเหรอ...? ก็อาหารไง ร้านเขาขายอาหาร” การ์ฟยียวน ยักคิ้วแล้วยิ้มมุมปาก
“กวน...” เพื่อนว่าอย่างนั้น ละข้อความท้ายคำว่ากวนเอาไว้ในฐานที่เข้าใจตรงกัน
“การ์ฟ”สามหนุ่มหันไปตามเสียงเรียก เห็นอาตี๋น้อยกำลังเดินเข้ามาหา เพื่อนของการ์ฟพากันพยักเพยิดยิ้มๆ อาร์ดิวมองเพื่อนการ์ฟแล้วยิ้มให้ ถึงจะรู้สึกแปลกๆก็เถอะ
“ผมกำลังจะกลับบ้าน คุณจะแวะไปที่ร้านพร้อมกันไหม?” ตี๋น้อยเอ่ยถาม
“อืม” การ์ฟตอบรับเพียงสั้นๆแล้วเดินตามอาตี๋ไป เพื่อนหนึ่งกอดคอเพื่อนสองแล้วมองตามการ์ฟกับตี๋น้อย
“อาหารไง ร้านเขาขายอาหาร”
เพื่อนหนึ่งจีบปากจีบคอล้อเลียนคำพูดของการ์ฟ อีกคนก็หัวเราะขำ ก็ไม่รู้ว่าอะไรที่มันดีๆในร้านนั้น อะไรที่ทำให้เพื่อนอย่างการ์ฟยิ้มได้ สิ่งนั้นมันจะเป็นเพียงแค่อาหารอย่างเดียวจริงหรือเปล่า
“เพื่อนคุณมองผมแปลกๆ” อาร์ดิวเหลียวกลับไปมองเพื่อนของการ์ฟที่มองมาทางเขาอยู่เช่นกัน
“แปลกตรงไหน?” การ์ฟเอ่ยถามกลับ เดินช้าๆไปพร้อมตี๋น้อย
“ไม่แปลกเหรอ?” อาร์ดิวเอียงคอทำท่านึก เหลือบมองการ์ฟที่ยักไหล่มาให้แล้วจึงเลิกคิด บางทีเขาอาจจะคิดมากจนรู้สึกไปเองก็ได้
+++++++++++++++
ร้าน Magica Café
“เอ้า เด็กๆ มานี่หน่อยครับผม”
คุณแม่รวิของสองพี่น้องปอปลาเอ่ยเรียกเด็กนักเรียนทั้งหลายที่กำลังทำงานตามหน้าที่กันอยู่ในวันหยุดวันนี้ เด็กๆทั้งสี่คนเดินตามคุณแม่เข้ามาในห้องทำงาน ก่อนจะนั่งลงที่โซฟาในห้องเมื่อคุณแม่นั่งลงแล้ว
“เดี๋ยวอาทิตย์หน้าแม่จะให้พวกเราหยุดเพื่ออ่านหนังสือเตรียมสอบกันนะครับ ยิ่งอาร์ดิว ชีวา และก็การ์ฟจะจบมอหกกันแล้วยิ่งต้องตั้งใจ”
คุณแม่เอ่ยบอก เด็กๆก็พยักหน้ากันหงึกงหงัก ก่อนที่คุณแม่จะหันมาหาปอมปอมที่เป็นน้องเล็กสุดในบรรดาพี่ๆทั้งสามคน
“ส่วนปอมปอม…” เจ้าของชื่อที่นั่งอยู่ข้างพี่ชายยิ้มตาหยีเมื่อถูกเอ่ยถึง คุณแม่ยิ้มขำก่อนว่า “จะผ่านกับเขาไหมเนี่ย?”
“แม่อ่า ต้องผ่านอยู่แล้ว ปอมมีคนติวดี” หนุ่มน้อยส่ายหัวด๊อกแด๊กประกอบการพูด
“ใคร?” คุณแม่เลิกคิ้วถาม
“แม่ไง~” ปอมปอมลุกจากที่นั่งข้างพี่ชายมาหาคุณแม่แล้วกอดเอวอ้อน
“แม่ดูร้านคร้าบ ติวให้ไม่ได้” คุณแม่ดึงแก้มป่องของลูกชายคนเล็กอย่างหมั่นเขี้ยว
“ฮุ่ย แล้วใครจะติวให้ปอมอ่ะ” กะปอมน้อยบ่น
“พี่ไง” เสียงที่แทรกมานั้นทำให้ทุกคนหันมามองชีวาเป็นตาเดียว
“ได้ไหมครับป้าวิ?” ชีวาเอ่ยถามเมื่อเห็นคุณแม่รวิเลิกคิ้วมองเขา
“มันจะไม่กระทบการสอบของเราหรือชีวา เดี๋ยวน้องไปกวนก็ไม่ได้อ่านหนังสือกันพอดี”
“ไม่เป็นไรหรอกครับ สอนน้องด้วยก็ดีครับ จะได้ถือเป็นการช่วยผมทบทวนความจำไปในตัว”
ชีวาบอกอย่างเต็มอกเต็มใจ คุณแม่มองอย่างไม่ค่อยมั่นใจว่าชีวาจะได้ทวนความจำดังที่ว่ามา ก่อนหันมามองปอมปอมที่นั่งอยู่ข้างท่าน เห็นก็นั่งยิ้มเฉยไม่มีแสดงความคิดเห็น
“ว่าไงล่ะเรา?” คุณแม่เอ่ยถาม
“ไม่ว่าไง ปอมแล้วแต่แม่ครับ~~” หนุ่มน้อยว่าเสียงทะเล้น คุณแม่ยิ้มก่อนบอกกับชีวา
“งั้นฝากด้วยนะชีวา”
“ครับ”
เมื่อได้รับการตอบรับชีวาก็ยิ้มกว้างจนอาร์ดิวอดขำไม่ได้ การ์ฟที่มองอีกฝ่ายอยู่ก็ได้แต่สงสัยว่าขำอะไร
“ตกลงเอาตามนี้นะครับเด็กๆ หยุดตั้งแต่อาทิตย์หน้าเป็นต้นไป จนกว่าจะสอบเสร็จ”
“ครับ” เด็กๆรับคำแข็งขัน
“เอาล่ะครับ ไปทำงานต่อได้”
คุณแม่เอ่ยบอกราวจะปิดการประชุม ทั้งสี่คนจึงลุกขึ้นเดินออกจากห้อง ปอมปอมกับชีวาคุยกันงุ้งงิ้งไปตามทาง ขณะที่พี่ชายอย่างอาร์ดิวและการ์ฟเดินรั้งท้าย
“ตี๋”
“หือ?”
“ที่บ้านฉัน…”
“...?”
การ์ฟพูดขึ้นมาแล้วเหมือนจะไม่ค่อยแน่ใจจึงหยุด อาร์ดิวหยุดเดิน หันมามองการ์ฟอย่างสงสัยว่าจะพูดอะไรกับตน
“เพื่อนฉันจะมาติวกันที่บ้านน่ะ ถ้านาย...”
“ผมจะติวกับชีวาน่ะ ขอบคุณนะการ์ฟ”
เมื่อเข้าใจจุดประสงค์ของอีกฝ่ายอาร์ดิวจึงได้บอกปฏิเสธไป เพราะถึงอย่างไรเขากับการ์ฟก็ไม่ได้สนิทกันมากมายจนถึงขั้นจะไปที่บ้านของอีกฝ่ายได้ ตอนแรกเขาว่าจะไปติวกับมิมิว รวมชีวากับตาต้าด้วย แต่มิมิวมีคนติวแสนพิเศษทำให้อาร์ดิวไม่อยากไปกวน จึงคิดว่าจะติวสามคนกับชีวาและตาต้า
“แต่หมอนั่นต้องช่วยติวให้น้องนายด้วยนี่ ยังไง...” พอพูดไปแล้วการ์ฟก็หยุดอีก แบบนี้มันเหมือนเขาคะยั้นคะยอให้อาตี๋ไปที่บ้านด้วยอย่างไรไม่รู้
“...........” อาร์ดิวเงียบ ต่างคนต่างรู้สึกประหม่ากับสถานการณ์เหมือนกัน
“อ้าว มีอะไรกันครับคู่นี้?” คุณแม่ที่โผล่หน้ามาจากในห้องทำงานเห็นสองหนุ่มยังไม่เดินไปไหนจึงเอ่ยทักแล้วเดินเข้ามาหา
“ผมจะชวนอาร์ดิวไปติวที่บ้านด้วยกันน่ะครับคุณป้า เพราะพวกเพื่อนจะมาช่วยกันหลายคน เลยกะว่าจะชวนอาร์ดิวไปด้วย แต่ว่า...” เหลือบมองอาร์ดิว
“ไม่อยากไปหรือดิว?” คุณแม่มองตามสายตาการ์ฟ อาตี๋น้อยอึกอักเมื่อคุณแม่เอ่ยถาม
“ก็... ดิวว่าจะอยู่ติวกับชีวา... แม่อ่ะ ดิวลำบากใจ” ตี๋น้อยทำเสียงออด สีหน้าลำบากใจอย่างที่ว่า
“ลำบากใจเรื่องอะไร แม่ไม่ได้บังคับสักหน่อย”
คุณแม่ว่ากลั้วหัวเราะ การ์ฟยิ้มขำทำให้ถูกอาตี๋มองตาคว่ำ อีกคนก็เลยทำเมินมองไปทางอื่นทั้งที่ปากยังยกยิ้ม
“งั้นถามเพื่อนก่อนนะ” ตี๋น้อยบอกเสียงค่อย
“โอเค ถ้าเพื่อนตกลงก็จะไปใช่ไหม?” การ์ฟเอ่ยถามกลับ เผลอยิ้มไปแล้วด้วยแหนะ
“ผมไม่รู้จักบ้านคุณเลย”
“เดี๋ยวมารับที่บ้าน”
“คุณอาไม่ให้ขับรถไม่ใช่เหรอ?” อาร์ดิวเอียงคอเอ่ยถาม เพราะคุณแม่ของการ์ฟไม่ให้ขับรถเองเนื่องจากอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นจนการ์ฟเกือบเอาชีวิตไม่รอดนั่น
“นั่งรถเมล์มารับละกัน”
“หา??”
“หึๆ” การ์ฟหัวเราะในลำคอเมื่อเห็นอาตี๋ทำหน้าเอ๋อ
“ตกลงกันได้แล้วใช่ไหม?” คุณแม่เอ่ยถามสองหนุ่ม ยิ้มล้อนิดๆ อาร์ดิวกับการ์ฟมองหน้ากันท่าทางเก้อๆ ก่อนยิ้มเขินให้คุณแม่
++++++++++++++++
ทางด้านเขมวัตร รุ่นน้องสุดเก๋าที่มาประกาศกร้าวเป็นศัตรูหัวใจกับชีวาก็ดูจะเดินหน้าเต็มที่ ถึงปอมปอมจะบอกปฏิเสธไปแล้วแต่เขมก็ยังเข้าหาได้อย่างเนียนๆ บางทีความเป็นเพื่อนก็ใช้เป็นข้ออ้างได้ดีเหมือนกัน
“โธ่เอ้ย ชีวา ช่างน่าสงสารจริงๆ”
ตาต้าที่รู้เรื่องว่าชีวาถูกรุ่นน้องปีนเกลียว แถมยังหาทางจัดการขั้นเด็ดขาดกับเรื่องดังกล่าวไม่ได้ก็พูดกับเพื่อนไปแบบนั้น มันช่างเป็นการเห็นอกเห็นใจที่ชีวาไม่ต้องการจริงๆ
“พอเลยตาต้า ตอกย้ำ”
ชีวาเสียงขุ่น ตาต้าหัวเราะหึหึในลำคอ ท่าทางเพื่อนเขาจะแก่ลงอีกหลายปี จากที่ปอมปอมชอบบอกว่าแก่อยู่แล้วน่ะนะ
..........................
หนุ่มรุ่นพี่ไม่ได้นิ่งนอนใจกับเรื่องดังกล่าว ปล่อยให้เจ้าเด็กเขมนั่นทำคะแนนนำหน้าไปคนเดียวไม่ได้ แบบนี้มันต้องมีแผนสกัดดาวรุ่งกันบ้าง แต่จะทำอย่างไรนั้นเขายังคิดไม่ออก จึงจำต้องมาบอกคนของตนเองเอาไว้ก่อน
“กะปอม พี่ขอประกาศเอาไว้ตรงนี้เลยนะว่าพี่ไม่ชอบเด็กเขม!”“ง่า ทำไมอ่ะ?” ปอมปอมที่มาติวหนังสือกับชีวาที่บ้านเงยมองคนพูดแล้วกะพริบตาปริบ
“ยังจะถามอีกว่าทำไม” ชีวาเคืองกับคำถาม
“ป๋า ยังไงเขมก็เพื่อนปอมนะ” น้องเอ่ยแย้งมา ไม่ได้คิดอะไรกับเขมในลักษณะนั้นเสียหน่อย
“เพื่อนที่คิดเกินเพื่อนแบบนี้เก็บไว้ใกล้ตัวไม่ได้หรอกปอมปอม” ชีวายังมีข้อโต้แย้งกลับไปให้น้องอีก รู้ว่าน้องไม่คิดอะไร แต่มันรำคาญที่มีคนมาคอยเกาะแกะน้องโดยที่น้องก็ไม่ได้แสดงท่าทีรังเกียจอะไร
“ป๋าอ่ะ”
พูดไปพูดมากะปอมน้อยก็ชักจะหน้างอ เรื่องนี้มันน่าจะจบไปได้แล้ว แต่ป๋าของกะปอมก็ยังเอามันมาเป็นประเด็นได้ตลอด ก็แล้วจะให้เขาทำอย่างไร ในเมื่อเขมเป็นเพื่อน อยู่ดีๆจะให้ไปไล่เขมออกจากกลุ่มหรืออย่างไรกัน ชีวาที่เห็นว่าน้องหน้างอก็ขยับเข้ามาใกล้ จับมือเรียวเอาไว้แล้วใช้เสียงเข้าอ้อน
“พี่หวงนี่นา”
ปอมปอมถอนใจเบา ยิ้มน้อยๆก่อนเอื้อมมือไปดึงแก้มพี่ หมั่นไส้จริง
“คร้าบ รู้แล้วครับคนแก่ขี้หวง”
แก้มชีวาแทบจะยืดตามมือน้อง แกล้งเขาหรือเปล่านี่ เด็กหนุ่มจับมือที่ดึงแก้มตนเองไว้ มองสบตาเรียวรีนั้นแล้วเอ่ยคำ
“รู้ว่าหวงก็อย่าทำให้หวงนักสิครับ”
“ก็คนมันฮอตอ่ะ ช่วยไม่ได้” หนุ่มน้อยยักไหล่ ก่อนหัวเราะคิก ขำคำพูดของตนเอง
“หืม ฮอตเหรอ เพิ่งรู้ว่าแฟนพี่เป็นหนุ่มฮอต”
ชีวาเอ่ยล้อ คนเป็นน้องหัวเราะอารมณ์ดี ความขุ่นมัวเมื่อครู่หายไปไหนหมดแล้วไม่รู้ ชีวาโน้มเข้าไปหาแล้วฉกจมูกหอมแก้มน้องซ้ายขวา
“ชอบแต๊ะอั๋ง” หนุ่มน้อยทำปากจู๋ ต่อว่าพี่ไม่จริงจังนัก
“หอมไม่ได้?”
ดวงหน้าเรียวส่ายหน้าไปมา ริมฝีปากจิ้มลิ้มยกยิ้มตาพราว คนเป็นพี่หรี่ตาเจ้าเล่ห์ ก่อนเอ่ยบอกราวกระซิบ
“จะทำมากกว่าหอมอีก”
ริมฝีปากพี่กดลงบนแก้มนิ่ม หอมน้องซ้ำเสียอีกที ผละออกมามองตาเรียว จ้องนิ่งก่อนโน้มเข้าไปใกล้ ก่อนที่ริมฝีปากเขาจะแตะปากน้อง นิ้วเรียวสวยก็ยกขึ้นมาแตะปากเขาเอาไว้
“ใจเย็นป๋า ปอมเพิ่งสิบห้า อย่าเพิ่งพรากผู้เยาว์” คนพูดขยิบตาหน้าทะเล้น
“หึ ฮ่าๆๆๆๆๆๆ” ชีวาหงายหลังผึ่ง ลงไปนอนดิ้นทั้งหัวเราะเสียงดัง
“ขำมากป่ะ?” ปอมน้อยเอ่ยถาม กอดอกฉับมองพี่ที่ขำกลิ้งอยู่บนพื้นห้อง
“มากอ่ะ”
คนเป็นพี่ตอบกลับมา ยิ่งเห็นน้องหน้ามุ่ยก็ยิ่งหยุดขำไม่ได้ เขาท่าจะบ้าไปแล้ว เด็กหนุ่มค่อยดีดตัวลุกขึ้นมานั่งจ้องตาน้อง อมยิ้มเล็กๆติดริมฝีปากขณะเอ่ยกับน้อง
“ก็โอเคนะ ไว้เลยสิบห้าค่อยว่ากัน”
“ก่อนจะถึงตอนนั้น ป๋าช่วยติวให้ปอมก่อน ถ้าสอบไม่ผ่าน ป๋าโดนแน่” ชี้ปลายปากกามาที่พี่ ทั้งยังทำหน้าโหดใส่
“โหย ระดับอาจารย์ชีวา ไม่มีคำว่าไม่ผ่านครับ!”
“อย่าโม้ สอนๆ” ปอมปอมรวบหนังสือมาวางซ้อนๆกันแล้วเอานิ้วจิ้มจึ้กๆ
“คร้าบๆ”
ชีวาตอบรับเสียงยานคาง หยิบหนังสือมาเปิดแล้วนั่งติวให้น้อง พร้อมกันนั้นก็อ่านหนังสือของตนเองไปด้วย ถ้าน้องสงสัยตรงไหนก็ค่อยบอก มันก็สนุกดีน่ะนะ ได้ฟังเสียงเจื้อยแจ้วของกะปอมตัวน้อยทั้งวันเลยทีเดียว ก็อย่างที่น้องว่า ตอนนี้น้องเพิ่งสิบห้า ไม่รู้จะรีบร้อนกันไปทำไม ที่สำคัญที่สุดในขณะนี้คืออนาคตของน้องต่างหาก ที่จริงแล้วเขาก็เป็นคนดีเหมือนกันนะนี่...
++++++++++++++++
“สวัสดีคร้าบน้าเทสต์สุดหล่อ~”เสียงประสานของเหล่าเด็กหนุ่มผู้มาเยือนเอ่ยทักทายเจ้าของบ้าน เทสต์ที่กำลังจะออกไปข้างนอกในวันหยุดจึงเอ่ยทักทายเพื่อนของหลานชายตอบกลับไป
“หวัดดีๆ ตั้งใจอ่านหนังสือล่ะ อย่ามัวแต่เล่น” ผู้เป็นน้าชายเอ่ยบอกเพื่อนของหลาน ซึ่งอีกฝ่ายก็รับคำแข็งขัน
“คร้าบ”
“เดี๋ยวน้าจะออกไปทำธุระข้างนอก อย่าทำบ้านรกนะ”
“คร้าบ~”
“คร้าบนี่... รกหรือไม่รก?” เทสต์หรี่ตา ยิ้มมุมปากรู้ทัน
“รกคร้าบ”
คุณน้าหนุ่มหัวเราะกับความทะเล้นของเพื่อนหลาน ส่วนหลานอย่างการ์ฟก็ยืนกอดอกพิงกรอบประตูเข้าบ้านมองอยู่ไม่ไกลกันนั้น
“เออ ตั้งใจๆ” โยกหัวเด็กๆไปคนละทีสองที ก่อนจะก้าวออกจากบ้าน
“ขอบคุณคร้าบ อย่าลืมของฝากติดไม้ติดมือมาด้วยนะคร้าบ~” บรรดาเด็กหน้าเป็นทั้งหลายก็ยังไม่วายหยอกน้า
“โว๊ะ! เด็กพวกนี้”
เทสต์ว่าก่อนส่ายหน้าขำแล้วออกจากบ้านไป หลังจากที่เทสต์ออกไปแล้วการ์ฟจึงชวนเพื่อนเข้าไปในบ้าน สายตาเด็กหนุ่มเหลือบมองประตูหน้าบ้านเหมือนรอใคร ก่อนจะก้าวตามเพื่อนเข้าไปด้านใน ลงมือเอาหนังสือหนังหาออกมานั่งติวกันอย่างจริงจัง สักพักเสียงออดหน้าบ้านก็ดังขึ้น การ์ฟชะเง้อมองแล้วยิ้มก่อนลุกขึ้นไปเปิดประตู
อาร์ดิวกับตาต้ามาที่บ้านการ์ฟตามสัญญา โดยมีพี่ต้น พี่ชายของตาต้าเป็นคนขับรถมาส่ง การ์ฟจึงไม่ได้ไปรับตี๋น้อยอย่างที่พูดเอาไว้ เพียงแต่บอกเส้นทางมากับพี่ต้นเท่านั้น เจ้าของบ้านพาสองหนุ่มเพื่อนซี้เข้ามาด้านใน ทักทายกับเพื่อนๆที่มาก่อนแล้วจึงช่วยกันติวต่อ เวลาผ่านไปเรื่อยๆแต่ยังไม่มีใครสนใจมัน จนเพื่อนของการ์ฟคนหนึ่งเอ่ยขึ้นมา
“การ์ฟ กูหิว” เพื่อนหนึ่งนอนเลื้อยเพราะเริ่มทนไม่ไหว
“หิวก็ออกไปซื้อดิวะ หน้าปากซอยกับข้าวเพียบ” การ์ฟเอ่ยบอกขณะก้มหน้าก้มตาอ่านหนังสือแล้วมาร์คที่สำคัญเอาไว้
“นี่มันถิ่นมึง กูมาบ้านมึง มึงต้องเลี้ยงดิวะ” เพื่อนเอ่ยแย้งอย่างมีเหตุมีผล หรือที่จริงคือขี้เกียจ
“แล้วกูบอกให้มึงจ่ายที่ไหน เดี๋ยวกูออกตังค์ แต่มึงต้องไปหากินเอง”
“ไรว้า กูขี้เกียจ~” ยอมสารภาพออกมาแต่โดยดี
“ขี้เกียจ งั้นไม่ต้องกิน นอนแห้งตายอยู่แถวนี้แหละมึงอ่ะ”
“โห่~~~”
เพื่อนโห่ใส่ ก่อนลุกขึ้นนั่งเอาคางเกยขอบโต๊ะที่ใช้เป็นที่ติวกันอยู่ ลูบท้องแล้วบ่นว่าท้องร้องจ๊อกๆแล้ว ท่าทางไส้จะบิดจนขมวดปมเป็นรูปทรงตรีโกณมิติ การ์ฟส่ายหน้ากับสำบัดสำนวนของเพื่อน ก่อนหันมาถามอาตี๋ที่นั่งเงียบอยู่ข้างๆ
“ตี๋”
“......?” อาร์ดิวเงยหน้าจากหนังสือที่อ่านอยู่ขึ้นมามอง ทำให้ตาต้าที่นั่งอยู่ข้างกันมองมาด้วย
“หิวยัง? ... นายด้วย” เอ่ยถามตี๋น้อยแล้วเลยไปถามตาต้าด้วย
“ต้าหิวยัง?” แทนที่จะตอบอาร์ดิวกลับหันมาถามเพื่อนก่อน
“กินหน่อยก็ดี เราอยากกินน้ำปั่นอ่ะ ร้อนจัง” ตาต้าน้อยบ่น วันนี้มันร้อนจริงๆนั่นล่ะ เหมือนฝนจะตก อบอ้าวเหลือเกิน
“ได้ เดี๋ยวเราไปซื้อมาให้” อาร์ดิวรับคำแล้วลุกขึ้น ก่อนจะชะงักแล้วหันมาหาการ์ฟ “ว่าแต่... ร้านมันอยู่แถวไหนอ่ะครับ?”
“...............”
.......................
สุดท้ายแล้วการ์ฟก็ต้องพาอาตี๋ออกมาซื้อของ แถมเพื่อนยังฉวยโอกาสใช้เขาต่อเสียอีก งานนี้จึงจดรายการอาหารมายาวเหยียด ไม่รู้จะเอาไปกินหรือเอาไปอาบ รถจักรยานของน้องเอิงที่จอดไว้ในบ้านไม่ได้เอากลับไปต่างจังหวัดด้วยกลายเป็นพาหนะนำพาสองหนุ่มมาที่ตลาด การ์ฟเป็นคนปั่นให้อาร์ดิวซ้อน มือเรียวของคนด้านหลังจับชายเสื้อเขาเอาไว้เพราะกลัวตก จนถึงตลาดการ์ฟก็หาที่จอดก่อนพากันไปซื้อของกิน ได้มาหลายอย่าง จนเมื่อครบแล้วจึงจะพากันกลับ
ขณะที่การ์ฟพาแวะร้านไอติมแท่งเจ้าอร่อยหางตาตี๋น้อยก็เหลือบไปเห็นใครบางคนที่ไม่ควรเห็นในเวลานี้ อาร์ดิวเบิกตากว้างขึ้น ก่อนจะรีหันกลับมาจนชนเข้ากับคนด้านหลัง
“อุ๊บ!!”
“อะไรตี๋ เดินไม่ระวังเลย” การ์ฟว่า มือหนึ่งดึงแขนของอีกฝ่ายไว้เมื่อเห็นว่าเซถอย
“เอ่อ... การ์ฟ เรารีบกลับดีกว่านะ เพื่อนคงหิวแย่แล้ว” อาร์ดิวเอ่ยบอกตะกุกตะกัก
“ปล่อยให้มันหิวไป อยากใช้เราดีนัก” การ์ฟว่าอย่างไม่ใส่ใจต่อคำชวน
“ไม่ดีหรอก ผมก็หิว รีบไปดีกว่านะ นะ” อาร์ดิวเอ่ยเร่ง ดันให้การ์ฟหมุนตัวกลับแล้วออกแรงดันทั้งที่ข้าวของยังเต็มแขน
“อะไรของนายเนี่ย จะรีบ...”
การ์ฟชะงักกึก เมื่อเหลียวกลับไปมองด้านหลังเลยไหล่ของอาร์ดิวไป มิน่าตี๋น้อยถึงคะยั้นคะยอให้เขากลับ เพราะเห็นว่ามิมิวมากับพี่ธารคนนั้นนี่เอง อาร์ดิวทำหน้าไม่ถูกเมื่อมองสีหน้าที่เจื่อนลงไปของการ์ฟแล้วเด็กหนุ่มก็พลอยหงอยตาม
“การ์ฟ...”
“กลับเถอะ”
“การ์ฟ...”
“หิวไม่ใช่เหรอ?”
การ์ฟไม่ยอมให้อาร์ดิวพูดอะไรไปมากกว่านี้ มือใหญ่เอื้อมคว้ามือของอีกคนแล้วดึงให้เดินดุ่มตามมา อาร์ดิวมองมือที่จับกันอยู่ ก้มหน้าลงไปอีกจนเห็นเพียงแค่ปลายเท้าของตนเองที่ก้าวเดิน เด็กหนุ่มหยุดก้าวแล้วดึงมือออก พลอยทำให้การ์ฟหยุดแล้วหันมามองด้วยสีหน้ายุ่งเหยิง
“อะไร?”
“.............”
ตี๋น้อยยืนก้มหน้านิ่งไม่ยอมตอบ การ์ฟถอนใจก่อนเดินไปเอารถจักรยานที่จอดอยู่มารับ อาร์ดิวขึ้นไปนั่งเงียบๆ ไม่ได้แตะตัวการ์ฟเหมือนตอนขามา
การ์ฟกับอาร์ดิวกลับมาที่บ้าน ตลอดทางนั้นไม่มีเสียงพูดคุยอะไรกันเลยแม้แต่น้อย เมื่อคนปั่นไม่ชวนคุย คนนั่งซ้อนก็เงียบ อาร์ดิวลงจากจักรยานแล้วยืนรอการ์ฟเอารถไปเก็บ ก่อนเดินตามเจ้าของบ้านอย่างการ์ฟเข้าไปด้านใน เพื่อนๆที่เห็นว่าคนไปซื้อของกินมาแล้วก็ส่งเสียงเฮ ลุกขึ้นมาช่วยเอาของกินไปจัดใส่จาน อาร์ดิวกับการ์ฟเองก็พากันยืนแกะถุงของกินอยู่คนละมุม ตาต้าที่ผิดสังเกตตั้งแต่เพื่อนเดินเข้ามาแล้วมองเพื่อนอย่างสงสัย ก่อนเดินเข้ามาหาแล้วเอ่ยถาม
“มีอะไรเหรอดิว?”
“อืม” คำว่าอืมของอาร์ดิวไม่รู้ว่าเป็นเพียงการขานรับ หรือตอบรับคำถามของตาต้ากันแน่ ตาต้าจึงเอ่ยถามใหม่
“ทะเลาะกัน?”
“เปล่า... ไม่รู้สิ อาจจะใช่ก็ได้ ไปกินข้าวดีกว่าจะได้ติวกันต่อ” อาร์ดิวเอ่ยเลี่ยง ชวนเพื่อนไปทานข้าวกัน ยกจานกับข้าวให้เพื่อนช่วยถือ
“ไม่เป็นไรใช่ไหม?” ตาต้ายังไม่คลายกังวล
“ไม่ ขอบใจนะ” อาร์ดิวเอ่ยปฏิเสธก่อนยิ้มให้เพื่อน
“อืม ถ้ามีอะไรก็บอก”
“ครับผม ไปกินข้าวกันดีกว่า เราซื้อของที่ตาต้าชอบมาให้ด้วย” อาตี๋น้อยเปลี่ยนเรื่อง ดันหลังเพื่อนให้เดินออกจากห้องครัว เพราะเพื่อนการ์ฟก็พากันออกไปข้างนอกเพื่อหามุมสะดวกทานข้าวกันแล้ว
“จริงอ่ะ?” ก็รู้ว่าเพื่อนไม่อยากให้เป็นกังวล ตาต้าเลยไปตามน้ำ
“อื้อ!”
สองเพื่อนซี้เดินออกไปข้างนอกด้วยกัน อีกหนึ่งหนุ่มที่ยังอยู่ในครัวหันกลับมามองตามหลัง ถอนใจเบาๆก่อนถือจานข้าวของตนเองตามออกไป ขณะที่ทานข้าวกันการ์ฟกับอาร์ดิวก็คอยแต่จะเหลือบมองกัน ส่วนเพื่อนๆก็ทานกันไปคุยกันไปไม่ได้สนใจว่ามีบรรยากาศแปลกๆเกิดขึ้นกับสองคนนี้
“ตี๋ เป็นไร?”เสียงการ์ฟที่เอ่ยถามขึ้นมาด้านหลังทำให้อาร์ดิวชะงักมือที่กำลังล้างจานอยู่ เพื่อนคนอื่นทานกันเรียบร้อยแล้วก็เอาจานชามมาล้างของใครของมันจนเสร็จแล้วออกไปข้างนอก ส่วนเขาที่ล้างเป็นคนสุดท้ายจึงต้องมายืนเป็นเป้าสายตาให้เจ้าของบ้านกอดอกมองอยู่นี่
“เปล่าสักหน่อย” อาร์ดิวบอกปฏิเสธ คว่ำจานที่ล้างแล้วเอาไว้ให้สะเด็ดน้ำ ก่อนเช็ดมือแล้วจะหันกลับออกไป
“เปล่าแล้วทำไมต้องทำหน้าบูด?” การ์ฟก้าวเข้ามาชิด ก้มมองคนที่สูงแค่ไหล่ตนเองแล้วเอ่ยถามอีก
“คุณก็เหมือนกันแหละ” อาตี๋ว่ากลับ ดวงตาเรียวรีมองสบ
“ฉันนี่นะ?” การ์ฟเลิกคิ้วสูง
“ใช่สิ ไม่รู้ตัวเลยหรือไง?” คนพูดว่าเสียงสะบัดเล็กๆ เหมือนจะเริ่มไม่พอใจขึ้นมาแล้ว การ์ฟมองอาการของคนตรงหน้าแล้วยิ่งไม่เข้าใจ
“แล้วตกลงเป็นไร?” เด็กหนุ่มยังถามย้ำ
“ไม่ได้เป็น”
“ไม่เชื่อ”
“ช่างสิ”
อาร์ดิวว่าราวไม่ใส่ใจ สีหน้าตี๋น้อยงอง้ำ จะเลี่ยงไปแต่อีกคนกลับไม่ยอม แถมยังก้าวเข้ามาใกล้อีกจนปลายเท้าแทบชิดกับเขาแล้ว อาร์ดิวถอยกลับอีกก้าว ชนกับอ่างล้างจานด้านหลังหมดทางไป การ์ฟก้มลงมองตี๋น้อยที่มีท่าทีหวาดหวั่น
“เป็นอะไร?” ใบหน้าที่โน้มลงมาใกล้ทำให้อาร์ดิวเผลอหันหลบ การ์ฟยิ้มขำก่อนเอ่ยถามซ้ำอีก
“เป็นอะไร?”
“คุณน่ะ ก็ผมบอกไม่ได้เป็น” อาตี๋หน้ามุ่ย บอกว่าไม่ได้เป็นอะไรก็ยังมาถามอีกว่าเป็นอะไร เข้าใจคำตอบไหมนี่
“งั้นก็ดีแล้ว นึกว่าเป็นอะไรซะอีก” การ์ฟว่า
“สนใจทำไม…”
“เป็นห่วงบ้างไม่ได้’ไง?”น้ำเสียงและท่าทางกวนๆของคนพูดไม่ได้ทำให้ตี๋น้อยอึ้งได้เท่าประโยคที่อีกฝ่ายพูดออกมา ดวงตาเรียวรีมองต่ำ รู้สึกแปลกๆ เหมือนจะยิ้มแต่ก็ไม่กล้ายิ้มอย่างไรไม่รู้ ตี๋น้อยเลยเลี่ยงเดินออกไปข้างนอก ไปนั่งรวมกับเพื่อนๆเพื่อติวกันอีกนิดก่อนกลับบ้าน การ์ฟตามออกมาสมทบ ริมฝีปากเด็กหนุ่มคอยแต่จะอมยิ้มอยู่ตลอดจนคนแอบมองชักเคือง ที่พูดเมื่อกี้ แกล้งเขาเล่นหรือเปล่าน่ะ ยิ้มไม่น่าไว้ใจเลย
เพื่อนๆของสองหนุ่มเองก็ลอบมองแล้วแอบซุบซิบกันเอง มันชักจะทะแม่งๆแล้วนะนี่...
TBCแมวอ้วนได้ออกเยอะนะช่วงนี้ บอกแล้วว่าเขาเป็นพระเอก เอิ้กๆ
ขอบคุณที่ติดตามค่ะ ขอบคุณที่ช่วยกันดันด้วยค่ะ ปลื้มใจ
บวกและบวกให้ทุกๆท่านค่าปอมปอมเข้มแข็งกว่าที่คิดแฮะ รักแรก รักจริง รักหนึ่งเดียว น่าปลื้มแทนป๋า
เปิดเรื่องใหม่อีกชิมิ น้องวันใหม่
ขอบใจจ้า
เรื่องไหนคะพี่ t2007 ที่ลงค้างอยู่ตอนนี้มี 3 เรื่องค่ะ เปิดมานานละแต่ยังไม่จบ แหะๆ ส่วนอีกเรื่องของน้องค่ะ ใหม่ช่วยน้องแต่งน่ะค่ะ
วันใหม่