Eagle & April 2
Kiss Me, Kiss Him
พี่เหยี่ยว..พี่เหยี่ยว..พี่เหยี่ยว..
ร่างเล็กสะบัดหน้าไปมาซ้ำๆ ในสมองของเมษาไม่มีวิชาฟิสิกส์อยู่ในหัวเลยนอกเสียจากชื่อ ‘เหยี่ยว’ เมษาไม่เข้าใจจริงๆว่าทำไมคนบางคนถึงมีอิทธิต่อความคิดนัก ทั้งๆที่เขาโทรไปหาพี่ตุลย์ก็แล้ว พี่เสือก็แล้ว แถมยังโทรไปกวนนายเก่งอีก..แต่สำหรับเมษเรียกได้ว่ายิ่งอยากลืมกลับยิ่งจำ
ถ้าเมษาอยากลืมสูตรฟิสิกส์ตรงหน้าบ้าง..ทำไมมันไม่จำสักนิดเลยล่ะ..
ตอนนี้ปุ้มปุ้ยกลายเป็นสุนัขตัวโปรดของแม่อยู่แล้ว เพราะไม่ว่าจะทำอะไรให้มันกิน..มันก็กินหมด แม่เลยเปรยกับเมษามาว่าเดี๋ยวนี้เขาไม่ค่อยมีเวลาให้ที่บ้านสักนิด มีแต่เจ้าปุ้มปุ้ยนี่แหละคอยกินอาหารของแม่
แต่จะให้เมษาทำอย่างไรได้ก็ในเมื่อใกล้สอบแล้ว อีกอย่างเขาไม่ใช่พวกที่เรียนให้ห้องครั้งเดียวแล้วเข้าใจเสียหน่อย อาจจะเรียกได้ว่าเข้าใจในห้องแล้วพอก้าวออกมาเท่านั้นแหละ..ความรู้ก็กระเจิงไปจนหมด
ช่วงใกล้สอบย่อยของการเป็นนิสิตชั้นปีหนึ่งช่างทรมานเหลือเกิน ความจริงเมษาเคยอยากให้พี่ตุลย์สอนให้..แต่รายนั้นก็เอาแต่บ่ายเบี่ยง อ้างว่างานเยอะบ้างล่ะ ไม่ว่างบ้างล่ะ ทั้งที่เมษาเห็นว่าเจ้าตัวน่ะ..แอบไปกุ๊กกิ๊กกับพี่เสือจนไม่มีเวลาอยู่กับน้องสักเท่าไหร่
ถึงอย่างนั้นไม่เห็นแม่จะบ่นเหมือนที่เมษโดนเลย..
เวลาตีสามครึ่งแล้ว เมษาสัปหงกจนหัวกระแทกกับพื้นโต๊ะ เจ็บก็เจ็บแถมยังอ่านไม่จบอีก ครั้นจะทักไลน์ไปหานายเก่งก็เกรงว่ารายนั้นคงหลับไปตั้งแต่เที่ยงคืน
สำหรับเมษาชีวิตในมหาวิทยาลัยไม่ง่ายเลยสักนิด..
ดวงตากลมใสที่เคยมีชีวิตชีวาแดงก่ำจนน่ากลัว จริงๆนะ..เวลาพี่เหยี่ยวเสนอความช่วยเหลืออย่างเช่น ‘เดี๋ยวผมติวให้ คุณแค่มาเรียนให้ตรงเวลาก็พอ’ เมษาก็มักบอกว่าเข้าใจแล้ว ทั้งที่ความจริงเขายังมึนตึบอยู่เลย เหตุผลของเมษาที่ไม่ยอมรับความช่วยเหลือของพี่เหยี่ยวก็เห็นจะเป็น..ใจน้อยๆที่ชอบเต้นเวลาอยู่ใกล้อีกฝ่ายนั่นแหละ
สาบานได้เลยว่าเขาจะไม่ได้เรียนเพราะสติกระเจิงตั้งแต่ได้ยินเสียงทุ้มนั่น..
“ยากไป ไม่เข้าใจ เยอะอีกต่างหาก!” ปลายปากกาเน้นข้อความถูกขีดมั่วๆที่เศษกระดาษ เวลาเขาไม่เข้าใจอะไรมากๆวิธีนี้ก็พอช่วยได้ แต่จะลำบากก็ตรงที่เวลาเก็บทิ้งนี่แหละ
เมษาปิดหนังสือแล้วรีบเข้านอน อย่างไรเสียอ่านไปก็ไม่เข้าใจ..ไปอ่านกับนายเก่งดีกว่า..
ดวงตากลมแดงก่ำ เมษาเดินต้อยๆเข้ามาในคณะตั้งแต่เจ็ดโมงเช้า ทั้งที่ปกติเขาไม่เคยมาเร็วขนาดนี้สักครั้ง..เหตุผลน่ะหรือก็เพราะไอ้หนังสือบ้าๆที่อ่านไม่เข้าหัวสักทีน่ะสิ..
ร่างเล็กเดินเอื่อยๆไปตามทางเท้า ช่วงนี้สายตาสั้นขึ้นจนต้องหยิบแว่นมาใส่บ่อยๆ นายเก่งก็ไม่แพ้กัน รายนั้นยิ่งกว่าเขาเสียอีก ทั้งที่ใกล้สอบปลายภาคอยู่แล้วเจ้าตัวก็ยังสามารถเจียดเวลาไปเล่นเกมจนได้
“เมษา” เสียงทุ้มต่ำดังขึ้นข้างหลัง น้องเมษก็ไม่อยากคิดหรอกนะว่าเสียงนั่นเป็นของคนที่เขานอนคิดถึงตลอดทั้งคืน ใครจะคิดล่ะว่าพี่เหยี่ยวสุดหล่อของน้องเมษจะมาคณะเช้าขนาดนี้
“เมษา” อีกครั้งที่เสียงทุ้มต่ำดังขึ้นจนเมษาไม่อาจทนความกดดันนั้นได้ เขาหันหลังแล้วมองปลายเท้าของคนที่เดินเข้ามาใกล้จนเรียกได้ว่าประชิดตัว
ปลายเท้าของคนตรงหน้าต่อติดกับปลายเท้าของเมษา เจ้าของดวงตากลมใสได้แต่ก้มหน้างุดเพราะความเขินอาย..ไม่ชิน ไม่ว่าเวลาผ่านไปเท่าไหร่เมษาก็ไม่ชินสักที ถึงเราจะเป็นแฟนกันแล้วก็เถอะ..
“เงยหน้ามองผม” น้องเมษกำมือแน่น รู้สึกทั้งหน้าร้อนผ่าวยังไม่เคยเป็นมาก่อน..แบบนี้มันชิดกันเกินไปแล้ว เมษาเม้มปากพลางหลับตาแน่น ทว่าเมื่อสัมผัสถึงกลิ่นอ่อนจากตัวพี่เหยี่ยว เขาก็ลืมตาขึ้นมามอง แผ่นอกอีกฝ่ายอยู่ใกล้ใบหน้าเพียงคืบเดียวเท่านั้น
“เมษา..”
สายตาดุจเหยี่ยวที่มองมาทำเอาเมษาไม่กล้าขัดใจอีกคนแม้แต่นิดเดียว ใบหน้าน่ารักค่อยๆเงยขึ้น เพียงแต่ใบหน้าเท่านั้น..ทว่าสายตายังคงหลุบตาเช่นเคย น้องเมษรู้..หากสบตาพี่เหยี่ยว ทุกอย่างที่เมษาพยายามสร้างขึ้นมาคงพังไม่เป็นท่า
“มองตาผม”
เมษาส่ายหน้า
“ผมไม่อยากทำแบบนี้เท่าไหร่..” สิ้นเสียงฝ่ามืออุ่นก็ทาบลงมาบนใบหน้า บังคับให้สายตาของเมษามองที่ใบหน้าพี่เหยี่ยวอย่างจังแม้จะผ่านเลนส์แว่นตาก็เถอะ มันทำให้เมษาใจสั่นได้เหมือนกัน
พี่เหยี่ยวคงไม่รู้ตัวเลยสินะว่าทำให้เมษาสับสนวุ่นวายแค่ไหน..
“ทำ..ทำไมมาเช้า”
เหยี่ยวครางในลำคอก่อนปล่อยมือจากแก้มเด็กปากแข็งเมื่อสายตาหลายคู่เริ่มมองพวกเขาอย่างสนอกสนใจ “ผมยังไม่ได้กลับ”
เมษามุ่นคิ้ว แต่ไม่กล้าถามและดูอีกฝ่ายจะรู้เสียด้วยว่าเขาอยากรู้ไม่น้อยเหมือนกัน
“ผมทำงานอยู่”
ร่างเล็กพยักหน้าหงึกหงักก่อนหันหลังกลับ เขานัดกับเก่งไว้ที่โรงอาหาร ป่านนี้อีกฝ่ายคงมาแล้วแน่ๆ..ทว่าสิ่งหนึ่งที่ฉุดรั้งที่อย่างไว้ก็เห็นจะเป็นฝ่าของพี่เหยี่ยวนี่แหละ
“อย่าเพิ่งไป..”
“อะไร”
เหยี่ยวยกยิ้มเมื่อเห็นแก้มเมษาขึ้นสีเรื่อน่าเอ็นดู เขาก้มลงกระซิบข้างหูน้องก่อนสูดกลิ่นหอมจากแก้มเจ้าตัว “ตอนเย็นเจอกันนะครับ”
ร่างสูงยกยิ้มให้เขาทีหนึ่งราวกับพระอาทิตย์เจิดจ้าตอนกลางวัน สติของเมษาหลุดลอยไปไกลแล้วเมื่อริมฝีปากอุ่นๆทาบมาที่แก้ม ทั้งที่มีคนเดินผ่านไปผ่าน..แต่อีกฝ่ายกลับทำอย่างนั้นโดยไม่สนใจสายตาใคร
เมษายืนนิ่ง เขายกมือลูบแก้ม ความจริง..พี่เหยี่ยวก็เคยทำมากกว่านี้แต่มันนานแล้วนี่นา ร่างเล็กสะบัดหน้าเรียกสติ..มันคงเป็นเรื่องปกติที่แฟนเขาทำกัน แต่สำหรับเมษาเขาก็ยังไม่ชิน ไม่ว่าการมองหน้าหรือพูดคุย..พี่เหยี่ยวก็เหมือนคนอีกฟากที่เขาไปไม่ถึง
อากาศตอนเช้าไม่ร้อนมากแต่หน้าเมษายังไม่คลายจากอาการนั้น เขาเดินไปยังโรงอาหารคณะ แล้วสอดสายตามองหาเพื่อนร่างใหญ่ เห็นนายเก่งกินอาหารไปด้วยอ่านหนังสือไปด้วยแถมยังขมวดคิ้วอีกต่างหาก เชื่อเลยว่าเวลาไฟลนก้นใครๆก็ทำทุกอย่างกินความสามารถได้
“เก่ง” เมษาเรียกเพื่อน อีกฝ่ายเงยหน้ามองเขาก็กวาดเอกสารไปอีกทาง
“กินข้าวก่อน กูยังไม่ได้แตะอะไรตั้งแต่เมื่อคืนเลย”
“ทำไม ม๊าไม่อยู่เหรอ”
เก่งส่ายหน้าถึงม๊าไม่อยู่ป๊าก็ทำแหละ “เมื่อวานป๊ากับม๊าทะเลาะกัน กูเลยหลบภัยด้วยการวิ่งมานอนเล่นบนห้องแล้วเผลอหลับ หนังสือหนังหาไม่ได้อ่านสักตัว”
ตรงข้ามกับเมษที่นอนไม่หลับเพราะพี่เหยี่ยวแท้ๆเลย!
“อือ วันหลังมากินข้าวบ้านเราก็ได้”
ยิ่งใกล้สอบย่อยแล้ว พวกเขามักไปอ่านหนังสือที่หอกลางแต่ทว่าความวุ่นวายในนั้นก็ทำสติของเมษาและเก่งแตกกระเจิงได้ไม่อยาก บทจะเงียบก็เงียบเกินไป หาที่อ่านสบายๆไม่ได้สักแห่ง
นายเก่งหาที่อ่านหนังสือไม่ได้เลยขอกลับบ้านก่อน ส่วนน้องเมษต้องรอพี่เหยี่ยวจนกว่าอีกคนจะโทรมานั่นแหละ แต่ดูเหมือนไม่ต้องพึ่งโทรศัพท์..ร่างสูงก็เดินมาหาเขาแล้ว
ทำไมนะทำไม..เมษสงสัยว่าตัวเองได้ครอบครองพี่เหยี่ยวแล้วจริงๆหรือ..
ชายหนุ่มดูดีทุกระเบียดนิ้วแถมยังดูดีเสียจนเมษต้องยอมลดน้ำหนักเพื่อพี่เหยี่ยว ถึงอีกฝ่ายจะบอกว่าอยากให้น้องเมษอ้วนเหมือนเดิมก็เถอะ ทว่าใครไม่เป็นเมษาคงไม่รู้หรอกว่ารู้สึกอย่างไร
“พี่เหยี่ยว” ร่างเล็กขยับร่างเหลือที่ว่างให้คนตัวสูงได้นั่งใกล้กัน
“ขอโทษที่มาช้า..ผมมีประชุมนิดหน่อย”
เมษส่ายหน้า มาช้ามาเร็วเมษก็ไม่ว่าหรอกเพราะเมษาไม่มีหน้าที่อะไรในคณะเป็นพิเศษอยู่ไหล จริงๆนะ..เมษารู้สึกว่าพี่เหยี่ยวกับเขาต่างกันเกินไป
“ไม่เป็นไร เมษไม่ถือ”
“อ่านหนังสือไปถึงไหนแล้ว”
ร่างเล็กหลุบตาลงต่ำก่อนเอ่ยตอบเสียงเบา “ก็..ใกล้จบแล้วล่ะ”
ความจริงแล้วน้องเมษเพิ่งอ่านได้นิดเดียวเอง กว่าจะเข้าใจแต่ละบทยากเย็นเหลือเกิน ไหนจะต้องนั่งทำโจทย์อีก รู้อย่างนี้ตั้งใจเรียน ทำโจทย์ทุกวันอย่างที่อาจารย์ว่าดีกว่า
เหยี่ยวไม่ตอบ เขาเพ่งมองร่างเล็กที่เอาแต่ก้มหน้า ก่อนดึงกระดาษในมือเจ้ามา ว่ากันว่าเป็นชีทในตำนานเลยล่ะ..แน่นอนว่าเหยี่ยวก็เคยซื้อ ไม่ใช่ไม่เคย..แต่สุดท้ายก็กลับมานั่งอ่านเองเหมือนเดิม
“เพิ่งอ่านได้นิดหน่อยไม่ใช่หรือไง”
น้องเมษเม้มปาก ก็เมษาไม่อยากให้พี่เหยี่ยวรู้ว่าเขาไม่ได้เรื่องแค่ไหน นอกจากกิจกรรมไม่เด่นแล้วเรียนยังไม่เอาไหนอีกต่างหาก
บางครั้ง..ความแตกต่างก็ทำร้ายเมษเหมือนกันนะ..
“ก็..ก็เมษ..”
“ไม่ต้องแล้ว เดี๋ยวผมสอนให้”
เขาส่ายหน้าก่อนดึงกระดาษในมือพี่เหยี่ยวมาคืน “ไม่เอาหรอก..เมษอ่านเองได้ ไม่อยากรบกวน” จริงๆนะ..เมษาไม่อยากรบกวนใคร เพราะพี่เหยี่ยวก็ต้องอ่านหนังสือเหมือนกัน
แต่จนแล้วจนรอดน้องเมษก็กลายเป็นตุ๊กตาหน้ารถของพี่เหยี่ยวอีกครั้งจนได้ จะให้เมษาทำยังไงได้ล่ะในเมื่อพี่เหยี่ยวจับมือแน่นขนาดนี้
ไหนบอกว่าไม่อยากรบกวนพี่เหยี่ยวไง!
พี่เหยี่ยวพามาที่คอนโดตัวเองใกล้มหาวิทยาลัย จริงๆแล้วเมษาเคยขอแม่ไว้ว่าอยากอยู่หอ ขี้เกียจเดินทางกลับบ้านบ่อยๆ แต่ไม่มีใครเห็นใจเมษาเลยสักคน
“นั่งก่อน..เดี๋ยวผมขอเวลาอาบน้ำสักสิบนาที”
เมษาพยักหน้าหงึกหงักก่อนนั่งบนโซฟาหน้าทีวี
ตั้งแต่คบกันมา..ระยะห่างระหว่างเขากับพี่เหยี่ยวดูน้อยลง แต่เอาเข้าจริงแล้ว..เมษาก็ยังไม่กล้าคุยกับพี่เหยี่ยวเหมือนเดิม แถมอีกฝ่ายก็ไม่ได้แทนตัวเองว่าพี่หรือชื่อตัวเองเหมือนคู่รักคนอื่นเขาทำ
ช่างเป็นคนเสมอต้นเสมอปลายอะไรแบบนี้นะ..
เขานั่งลงบนโซฟาหน้าทีวี บนโต๊ะเตี้ยมีกองหนังสืออีกทั้งเศษกระดาษมากมาย..ท่าทางพี่เหยี่ยวจะเป็นคนขยันมากแน่ๆ จากคำบอกเล่าที่เมษแอบได้ยินมา..ว่ากันว่าเจ้าตัวฉลาดอย่าบอกใคร แน่นอนล่ะ..เมษเป็นส่วนน้อยที่เรียนไม่เก่ง แต่อย่างน้อยก็ไม่เคยตกเลยนะ ถึงจะเกือบตกก็เถอะ
ช่วงเวลาที่น่าอึดอัดที่สุดเห็นจะเป็นตอนพี่เหยี่ยวเดินออกมาในชุดสบายๆนั่นแหละ อีกฝ่ายสวมเสื้อยืดกับกางเกงวอร์มขายาว พร้อมกับผ้าขนหนูผืนเล็กเช็ดผมออกมาด้วย เอาจริงๆนะ..เมษคิดว่าพี่เหยี่ยวเป็นคนที่มีเสน่ห์มากๆ ที่สำคัญก็ไม่น่ามาเป็นแฟนเขาหรอก
“คุณหิวไหม”
เมษเบิกตากว้างเมื่ออีกฝ่ายถามขึ้น ก็เล่นจ้องพี่เหยี่ยวจนเลือดจะไหลออกทางจมูกอยู่แล้ว เขาพยักหน้ารัวก่อนส่ายหน้าไปมา ดูท่าสมองของเขาคงรวนตั้งแต่เห็นหน้าพี่เหยี่ยวแล้ว
เหยี่ยวเลิกคิ้วมองเด็กตรงหน้าแล้วถอนหายใจเฮือก “ตกลงว่าหิวหรือไม่หิวก็แน่เมษา”
น้องเมษเม้มปาก หิวก็หิวหรอก แต่เมษไม่เคยกินข้าวร่วมโต๊ะกับพี่เหยี่ยวนี่นา ถ้าจะให้ร่วมโต๊ะกันจริงๆ..เมษต้องเขินมากแน่ๆ
“หิว” และแล้วความหิวก็เอาชนะทุกอย่างจนได้
“ผมทำอาหารไม่เป็น มีแต่อาหารแช่แข็ง หวังว่าคุณจะทานได้นะ” เหยี่ยวบอก เมื่อก่อนที่เจ้าเด็กเมษาอ้วนอย่างกับหมูน้อยคงเป็นเพราะถูกเลี้ยงมาดี เขาเห็นนะ..อาหารที่เจ้าตัวแอบเอามาจากบ้านล้วนน่ากินเหลือเกิน แถมยังชอบมานั่งกินกับเจ้าเก่งอีก จากที่อ้วนอยู่แล้วก็พากันอ้วนเข้าไปอีก
แต่อย่างไรก็ยังน่ารักน่ากอดเสมอ..
ใครจะรู้ว่าเหยี่ยวคิดอย่างไร..เขาทั้งอยากกอดทั้งอยากจูบน้อง เป็นธรรมดาของคนเป็นแฟนกัน แต่เพราะพ่อกับแม่สอนมาว่าต้องรู้จักให้เกียรติคนอื่น จะให้เขาทำอย่างนั้นกับเมษา..คงไม่ได้ อย่างน้อยสติก็ทำให้เขาไม่พลั้งเผลอแล้วกัน
สำหรับเมษา แม่ชอบบอกว่าเมษอย่ากินอาหารแช่แข็งมากเพราะมันไม่ดี แต่สำหรับพี่เหยี่ยวแล้ว เมษไม่มีทางเลือก เขาลุกขึ้นแล้วเดินตามพี่เหยี่ยวเข้าไปในห้องครัวก่อนยืนมองเจ้าตัวอุ่นอาหารเงียบๆ
กลิ่นอาหารหอมปะทะจมูกเมษา..เจ้าตัวย่นหน้าเมื่อเริ่มรู้สึกว่าท้องร้องแล้ว ถ้าตอนนี้อยู่ที่บ้าน เมษาคงกินข้าวกับพ่อและแม่อย่างสบายใจกว่านี้ ไม่ใช่ว่าเขารังเกียจพี่เหยี่ยวหรืออะไร..แต่เมษาชอบกินมูมมามขนาดแม่ยังบ่นเลย ถ้าต่อหน้าคนรักทำแบบนั้น ไม่อายแย่หรือ
เหยี่ยววางกล่องอาหารไว้หน้าน้อง ก่อนมานั่งที่ตัวเอง เขาไม่ค่อยหาซื้ออาหารสดเท่าไหร่ เพราะแทบไม่มีเวลาเข้าครัวสักนิด เรื่องอาหารแม่เคยสอนแล้ว..แต่สำหรับเหยี่ยวมันไม่จำเป็นเลย
“กินสิ”
เมษาจับช้อนแน่นก่อนค่อยๆกินลงไป เขาเหลือบตามองพี่เหยี่ยว เจ้าตัวรีบมาก..ทว่าก็ยังดูหล่ออยู่ดี ส่วนเขาก็เกร็งตัวแทบตาย ทั้งที่หิวจัดขนาดนั้น..
“ทำอย่างที่คุณอยากจะทำเถอะ”
ร่างเล็กมองคนตรงหน้าก่อนเม้มปาก พูดอย่างนี้เขาไม่เกรงใจแล้วนะ “แต่เมษเกรงใจพี่เหยี่ยวนี่”
“ไม่ต้องเกรงใจหรอก”
จากนั้นเมษาก็สลัดภาพพจน์ที่ ‘พยายาม’ สร้างขึ้นจนหมด
ช่างมันเถอะ..ก็เมษหิวนี่นา
เหยี่ยวมองร่างเล็กอย่างตกตะลึง ไม่คิดว่าเจ้าตัวจะฟาดอาหารหมดในไม่กี่นาที เพราะแบบนี้สิเมื่อก่อนถึงได้อ้วนแบบนั้น
“ช้าๆเดี๋ยวติดคอ”
“หมดแล้ว เมษอิ่มแล้ว”
ร่างสูงพยักหน้าก่อนลุกเก็บเศษขยะบนโต๊ะ เมษก็เก็บด้วย ไม่อยากให้พี่เหยี่ยวทำให้ทุกอย่าง
“ต่อไปก็ติวหนังสือได้แล้วสินะ”
เมษเม้มปาก อยากส่ายหน้าแต่สุดท้ายก็จำใจพยักหน้าจนได้..
ร่างเล็กนั่งตาปรือพลางมองหนังสือและสมุดจนที่อยู่บนโต๊ะญี่ปุ่นอย่างง่วงงุน อากาศภายในห้องก็เย็นสบายชวนหลับแต่ไม่รู้ทำไมเมษาถึงไม่กล้าหลับ ถ้าอยู่ที่บ้านนะป่านนี้เมษคลานไปนอนบนเตียงนานแล้ว ทว่าเวลาสายตาดุจเหยี่ยวเหลือบมองมา..มันทำให้เมษารู้ว่าการพยายามถ่างตามันทรมานแค่ไหน
“เข้าใจไหม”
เมษพยักหน้าทั้งที่ในหัวสมองกลวงไปหมด ไม่รู้ว่าพี่เหยี่ยวพูดอะไรแต่เมษพยักหน้าไว้ก่อน ขืนส่ายหน้าไปก็ไม่รู้ว่าเมษจะโดนอะไรบ้าง
ความจริงพี่เหยี่ยวไม่เคยว่าเมษด้วยคำพูด..แต่จะมองเมษด้วยสายตาตำหนิทุกครั้ง และมันก็เจ็บยิ่งกว่าการพูดตรงๆแบบที่แม่ชอบทำ
“งั้นลองทำโจทย์ข้อนี้ดูนะ”
น้องเมษก้มอ่านโจทย์ เหมือนตัวหนังสือกระแทกตาเมษจนล้าไปหมด ดวงตากลมพยายามเบิกกว้าง เพ่งมองกระดาษที่พี่เหยี่ยวเขียนโจทย์ยื่นมาให้ตรงหน้า
เมษอยากกลับบ้านก็คราวนี้..
“พี่เหยี่ยว”
เหยี่ยวเงยหน้ามองเมษา เจ้าตัวตาแดงก่ำอย่างเห็นได้ชัด “ครับ”
“เมษง่วงแล้ว” เมษง่วงจริงๆนะ ไม่ได้ขี้เกียจอ่านหนังสือสักนิด แต่เวลากินอิ่มก็อยากจะนอนจริงๆ ซึ่งมันกลายเป็นกิจวัตรประจำวันของเมษแล้ว และทุกครั้งที่เป็นอย่างนี้..เมษจะโดนแม่บ่นเสมอ
แต่ช่วยไม่ได้เมื่อมันเป็นนิสัยของเขาแล้วนี่..
“เพิ่งสามทุ่มครึ่ง คุณยังมีเวลานอนอีกทั้งชีวิต” ร่างสูงก้มหน้าลงอ่านหนังสือต่อ ไม่สนใจสายตาปรือปรอยของเมษเลยสักนิด