The Missing Piece:: สิ่งที่ขาดหาย จบแล้ว [New 22 Dec พิเศษ]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: The Missing Piece:: สิ่งที่ขาดหาย จบแล้ว [New 22 Dec พิเศษ]  (อ่าน 85229 ครั้ง)

ออฟไลน์ ExecutioneR

  • จุ๊บ จู๊บบบบบ ~~ ♥
  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4243
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1722/-40
    • FB Page
Re: The Missing Piece:: สิ่งที่ขาดหาย [New 19 Nov]
«ตอบ #60 เมื่อ19-11-2012 21:27:24 »

ตอนที่ 5

“กูมารบกวนบ้านของมึงแล้ว ยังจะมาแย่งที่นอนมึงอีกได้ยังไง นอนด้วยกันก็ได้ ไม่เห็นจะเป็นไร” เขาพูด

“แต่... ผมก็แค่... ไม่รู้ดิ นึกว่าหลังจากเกิดเรื่องนั้นแล้ว พี่จะไม่...”

“ช่างมันเหอะ บอกไม่เป็นไรก็ไม่เป็นไรดิวะ” เขาหยิบเสื้อขึ้นจากพื้น “กูอยากอาบน้ำ”

“คนเดียวรึเปล่า”

เขาหันมาเลิกคิ้วให้ผม “ก็แหงสิวะ มึงอย่าทำได้ใจไปนะเว้ย”

“ไม่ใช่อย่างนั้นเว้ย แต่เพื่อความปลอดภัยของพี่เองต่างหาก ต่อให้นี่ไม่ใช่เวลางาน แต่ผมก็ยังคงมีหน้าที่ดูแลพี่อยู่เสมอนะ อย่าลืม”

“เออๆ กูอยากอาบคนเดียว”

“งั้นผมต้องยืนเฝ้าพี่อยู่หน้าห้องน้ำ แล้วพี่ก็ห้ามปิดประตูด้วย”

“ถ้าจะเรื่องเยอะขนาดนั้นงั้นมึงก็เข้ามาอาบด้วยกันเลยทีเดียว จบ”

ผมเลิกคิ้วขึ้น “แน่ใจนะ”

“เอ๊ะ มึงนี่มันย้ำคิดย้ำทำจังวะ ถ้ากูไม่โอเคจะเอ่ยปากเองมั้ย มึงอย่าทำแบบครั้งที่แล้วอีกก็พอ”

“ถ้าพี่โอเคผมก็โอเค ผมบอกแล้วว่าผมจะไม่ฉวยโอกาสจากพี่อีกหรอก... ถ้าพี่ไม่ยอม”

“เออ”

หลังจากนั้นผมก็เตรียมกางเกงขาสั้นให้เขาตัวหนึ่ง แล้วเราจึงเข้าไปในห้องน้ำพร้อมกัน โดยระหว่างที่เขากำลังอาบน้ำอยู่ ผมก็จะยืนเฝ้าอยู่ใกล้ๆ และเมื่อเขาอาบเสร็จแล้วผมจึงค่อยอาบต่อ จนเมื่อผมเสร็จเรียบร้อยและเดินออกมาจากห้องน้ำ เขาก็ไปนั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวเดิมรอผมอยู่แล้ว

“ที่นี่อากาศดีนะ”

“ช่ายครับ กลางวันอาจจะร้อนหน่อย แต่กลางคืนเนี่ย อากาศดี” ผมเดินกลับเข้าไปในบ้านและหยิบพัดลมออกมาตัวหนึ่ง “แต่เผื่อไว้หน่อยก็ดี เปิดให้มีลมหน่อย”

เขาลุกออกจากเก้าอี้มานั่งที่ขอบเตียงและเริ่มดึงผ้าห่มขึ้นคลุมตัว

“จะนอนแล้วเหรอ” ผมถาม

“ทำไมวะ”

“รอผมแป๊บนึง” ผมเดินกลับไปในบ้านอีกครั้ง ค้นกระเป๋าของตัวเองและหยิบเอากล่องใส่กางเกงในแพ็คสามชิ้นออกมาสองกล่อง รวมทั้งกางเกงว่ายน้ำแบบบิกินี่ที่เพิ่งซื้อมาด้วย แต่ผมยัดมันลงกระเป๋ากางเกงเอาไว้ก่อน

ผมเดินกลับมาที่ระเบียงแล้วนั่งลงบนเตียงพร้อมกับวางกล่องกางเกงในลงใกล้ๆ เขา “เอ้านี่ ผมซื้อมาให้เพิ่ม”

เขาลุกขึ้นนั่งและแกะกางเกงในออกมาดู “ทำไมซื้อมาเยอะจังวะ เท่าไหร่”

“ก็บอกแล้วว่าผมไม่เอาเงิน”

“แต่ยังไงกูก็จะต้องจ่ายคืนให้มึงแน่ๆ นี่มันก็หลายบาทอยู่นะเว้ย”

“ผมไม่ต้องการเงินจากพี่หรอก ผมบอกแล้ว ผมให้ด้วยใจว่ะ”

“งั้นเอาไว้กูค่อยตอบแทนน้ำใจมึงวันหลังแล้วกัน”

“ยังไม่หมดแค่นั้นนะ” ผมยิ้มและล้วงหยิบเอากางเกงว่ายน้ำออกจากกระเป๋ากางเกงมาวางลงบนเตียง

เขามองมันด้วยสีหน้าอึ้งๆ “มึงซื้อกางเกงว่ายน้ำมาให้กูด้วยเหรอ”

“ใช่ ที่นี่ก็มีสระว่ายน้ำด้วยนะ”

“มึงก็รู้ว่ากูไม่ใส่กางเกงว่ายน้ำเด็ดขาด” เขาขมวดคิ้ว

“ถ้ายังไม่ใช่ตอนนี้ล่ะก็ ใช่ ผมรู้ แต่ในอนาคตพี่ต้องใส่มันอีกแน่ ผมมั่นใจ”

“ไม่มีทาง” เขาส่ายหน้า

“เก็บมันไว้ก่อนเถอะ แล้วเรื่องพวกนั้นเราค่อยมาเถียงกันทีหลัง” เขายัดมันกลับลงไปในมือของเขา เขาจึงหยิบทั้งกล่องกางเกงในและกางเกงว่ายน้ำขึ้นจากเตียงและหันไปวางมันลงบนพื้น

“ไงก็ขอบใจแล้วกัน”

“ไม่เป็นไรครับ เต็มใจ” ผมซุกตัวใต้ผ้าห่มและนอนลืมตามองท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวระยิบระยับอยู่ครู่หนึ่ง ไม่รู้ว่าควรจะชวนเขาคุยหรืออะไรดีรึเปล่า

“ไอ้พลุ กูถามไรหน่อยดิ” เขาชิงพูดขึ้นก่อน

“ว่า”

“มึงไม่มีแฟนเหรอวะ”

“ไม่มีอะ เลิกไปได้เกือบปีแล้ว”

“แล้วทำไมไม่มีวะ ไม่มีคนมาชอบมึงเลยรึไง”

“มีดิ เยอะแยะ แต่ผมไม่รู้สึกชอบใครว่ะพี่ ไม่ได้รู้สึกพิเศษอะไรอะ สงสัยยังกลัวๆ อยู่มั้ง”

“แล้วมึงเอาบ่อยปะ”

“ฮ่าๆๆ ไม่บ่อย ก็มีบ้าง แต่ไม่เยอะหรอก ผมไม่ได้เอามั่วซั่วขนาดนั้น”

“แล้ว... ปกติมึงเอาหรือถูกเอา”

“ได้ทั้งคู่นั่นแหละ”

เขาส่งเสียง ‘อืม’ ในลำคอเบาๆ ก่อนจะเงียบลงไปอีกครั้ง

“ทำไมจู่ๆ ถึงถามเรื่องพวกนั้นขึ้นมาวะพี่”

“เปล่า แค่สงสัย กูไม่เคยรู้จักใครที่เป็นแบบนี้... หรืออย่างน้อยก็เปิดเผยและคุยได้แบบมึง ก็เลยถามๆ ดู”

“อ๋อออ เออ ก็ถามได้ ผมไม่ได้ปิดบังอะไรหรอก อย่างน้อยๆ ก็ไม่ใช่กับพี่ว่ะ”

“เออ จะว่าไป ในรายงานที่เขียนให้พี่โจน่ะ ปกติแล้วมึงใส่ทุกอย่างลงไปหมดเลยรึเปล่า เช่นเรื่องที่เราคุยกัน หรือเรื่องที่เรานอนค้างด้วยกันแบบนี้น่ะ”

“ไม่ทุกอย่างหรอก แต่ก็ต้องใส่รายละเอียดบางอย่างบ้าง อะไรที่พี่โจเค้าคาดหวังจะได้อ่านในรายงานอะ นึกออกปะ แต่ผมไม่ใส่ถึงขนาดว่าเราคุยอะไรกันไปบ้างหรอก ผมว่ามันเป็นเรื่องส่วนตัวเกินไป”

“ขอบใจ...” เขาพูดคำๆ นี้กับผมอีกครั้ง

“ไม่เป็นไร ผมแค่ทำตามหน้าที่ว่ะ”

เราสองคนนอนเงียบๆ กันอีกพักหนึ่ง

“กูชอบที่นี่ว่ะ กูเพิ่งเคยนอนบนเตียงที่ได้มองเห็นดาวแบบนี้เป็นครั้งแรกเลยนะ” เขาพูดขึ้นเบาๆ

“ใช่ปะล่ะ ผมก็ชอบเหมือนกัน ยิ่งหน้าหนาวอากาศยิ่งดี ไม่ต้องเปิดพัดลมเลยด้วยซ้ำ”

“กูว่ามึงคงไม่ได้มาแค่นอนรับบรรยากาศแบบนี้คนเดียวหรอกมั้ง”

“ถ้าพ่อแม่อยู่ก็นอนคนเดียว แต่ถ้าไม่ก็มีพาเพื่อนมาบ้าง”

“เพื่อนเหรอวะ”

“เออ ก็เพื่อนบ้าง แฟนบ้าง กิ๊กบ้าง แล้วแต่นั่นแหละ แต่ส่วนมากผมชอบมาคนเดียวมากกว่านะ”

“แล้วคนที่พามาเนี่ย มีแต่ผู้ชายเหรอวะ”

“ผู้หญิงก็มี แต่น้อย”

“พามานอนเฉยๆ” เขาพูดเป็นเชิงคำถาม

“ก็ไม่เสมอไป แต่ก็อย่างที่บอกอะว่าน้อย ผมชอบผู้ชายมากกว่าว่ะ ผมเป็นเกย์ ไม่ได้เป็นไบ แต่แค่เอาผู้หญิงได้เท่านั้นเอง”

“มึงนี่มันน่าสับสนจริงๆ ว่ะ” เขาหัวเราะเบาๆ

“ไม่น่าสับสนขนาดนั้นหรอกน่า”

เราเงียบกันลงไปอีกครั้ง คราวนี้ยาวกว่าเมื่อครั้งแรกๆ ผมพอจับความรู้สึกได้ว่าเขากำลังคิดเรื่องอะไรอยู่ และผมว่าเขาอาจจะกำลังชั่งใจว่าจะพูดมันออกมาให้ผมฟังอยู่หรือเปล่าดีก็ได้

“พี่พูดกับผมได้ทุกเรื่องนะ พี่ก็รู้ใช่ปะ ผมไม่เอาไปเขียนลงในรายงานหรือบอกใครหรอก”

เขาไม่ตอบผมในทันที แต่มีการขยับตัวเล็กน้อย ก่อนจะเริ่มต้นเล่าเรื่องชีวิตทหารและการออกรบภาคสนามจริงๆ ให้ผมฟัง ตอนแรกเขาเริ่มเล่าอย่างช้าๆ ด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบ จากนั้นถึงเริ่มพูดเร็วขึ้น น้ำเสียงของเขาเริ่มมีการเปลี่ยนแปลง แต่ไม่ใช่เพราะความตื่นเต้น ผมรู้สึกว่ามันเหมือนเขาแค่กำลังต้องการระบายมันออกจากอกไปบ้างเท่านั้น จนกระทั่งเมื่อเขาเล่าถึงเหตุการณ์แรกที่ต้องเสียเพื่อนสนิทคนหนึ่งไปจากการซุ่มยิงของพวกผู้ก่อการร้าย น้ำเสียงของเขาก็เริ่มขาดช่วง เสียงของเขาเริ่มแตกพร่า เขายกแขนขึ้นพาดปิดตาเอาไว้ แต่ผมเห็นหน้าอกของเขากระเพื่อมขึ้นลงเร็วๆ และสุดท้ายเสียงสะอื้นเบาๆ ก็เริ่มดังออกมา

ด้วยสัญชาติญาณ ผมตะแคงตัวกันไปวางมือลงบนหน้าท้องของเขา “ไม่เป็นไรพี่ ไม่ต้องกังวล เรื่องวันนี้ คืนนี้ ทุกอย่างจะเป็นตัวหนังสือแค่ไม่กี่คำเท่านั้น ผมสัญญา”

เขาพยักหน้าและพึมพำคำว่า ‘ขอบใจ’ ออกมาเบาๆ

ผมยังคงวางมืออยู่บนหน้าท้องของเขาแบบนั้นจนกระทั่งเขาเริ่มกลับมาหายใจเป็นปกติ เขาไม่ได้พูดหรือผลักมือผมออก ทำให้ผมเริ่มมีความหวังขึ้นมาอีกครั้ง

“อยากได้เบียร์อีกรึเปล่า” ผมถาม

“ไม่อะ จริงๆ ตอนนี้ก็มึนๆ นิดๆ อยู่แล้ว บางทีเพราะแบบนี้มั้งกูก็เลยพูดมากขึ้นน่ะ”

“ไม่ใช่หรอก ผมว่าพี่อาจจะจำเป็นต้องระบายมันออกมาบ้างมากกว่า”

“ก็คงได้แค่พูดออกไปว่ะ แต่มันก็ยังอยู่ที่เดิม ไม่หายไปไหน ไอ้ความทรงจำเหล่านั้น... แม่งง...” เสียงของเขาขาดหายไปอีกครั้ง

“ผมคงบอกว่า ‘ผมเข้าใจ’ พี่ไม่ได้ แต่แค่ได้ฟังและคิดตาม มันก็ดูเลวร้ายมากพออยู่แล้ว จริงๆ ว่ะ” ผมวนมือเป็นวงกลมเบาๆ เป็นการปลอบโยนเขา เมื่อเขาไม่ได้มีท่าทีขัดขืน ผมก็วนมือกว้างขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งมันเลื่อนลงไปต่ำจนถึงขอบกางเกงบ็อกเซอร์ ผมรู้สึกถึงกล้ามเนื้อกน้าท้องของเขาที่แข็งเกร็งขึ้นเล็กน้อย แต่เขาก็ยังไม่ห้ามหรือปัดป้องอีกอยู่ดี

ผมเลื่อนมือต่ำลงอีกนิดหน่อย จนกระทั่งไปสัมผัสโดนส่วนหัวของไอ้น้องชายของเขาที่แข็งพาดอยู่ใต้เนื้อผ้าบางๆ ผมทั้งรู้สึกแปลกใจและดีใจที่เขามีปฏิกิริยาแบบนี้

“ไอ้พลุ...” เขาพูดขึ้นในที่สุด “มึงจะทำอะไรวะ”

“ไม่น่าถามว่ะพี่” ผมค่อยๆ เลื่อนมือลงคว้าท่อนลำของเขาและออกแรงบีบเบาๆ มันตอดตุบๆ ตอบรับผม 2-3 ที แต่เขาก็ยังคงนอนนิ่ง ไม่มีท่าทีขัดขืนอยู่ดี “ผมบอกแล้วไงว่าพี่ต้องระบายมันออกมาบ้าง... และผมหมายถึงทุกๆ อย่างนั่นแหละ”

“ก็คงจริงของมึง...” เขาพูดเบาจนแทบเป็นเสียงกระซิบ

“ให้ผมช่วยนะพี่”

ผมจัดการดึงกางเกงของเขาลงโดยที่เขาช่วยยกสะโพกขึ้นเล็กน้อย จากนั้นผมก็จับไอ้น้องชายของเขาตั้งตรงขึ้น น้ำเมือกเหนียวๆ ใสๆ หยดลงมาโดนมือของผม ผมจึงใช้นิ้วชี้ละเลงมันให้ทั่วส่วนหัว ทำเอาเขาครางและแอ่นอกขึ้นด้วยความเสียว ผมจึงสบโอกาสครอบริมฝีปากลงบนท่อนลำขนาดเขื่องนี่ทันที

“อือออ...อ ซี้ดด..ด..ส์ แม่งง เสียวเว้ย! กูไม่เคยเจอใครเก่งเท่ามึงเลยจริงๆ!” เขาครางเสียงดังหลังจากผมใช้ปากให้เขาอยู่พักหนึ่ง

ผมแอบยิ้มอยู่ในใจกับปฏิกิริยาของเขา และตัดสินใจว่าจะทำคืนนี้ให้เป็นคืนที่เขาไม่มีวันลืมไปชั่วชีวิต ดังนั้นผมจึงพยายามใช้ปากให้เขาอย่างสุดความสามารถ แต่เพราะการที่ผมไม่สามารถอมของเขาจนสุดถึงโคนได้ ผมเลยพยายามใช้ลิ้นเลียตวัดและดูดบริเวณส่วนหัวให้เขาทั้งๆ ที่ยังคงอมให้เขาอยู่ด้วย ทำให้เขาครางออกมายิ่งกว่าเดิมเสียอีก

ผมขยับตัวและถอนปากออก เขาผงกหัวมามองด้วยแววตาสงสัยปนวิงวอนทันที ผมส่ายหน้าเบาๆ และก้มลงไปใช้ลิ้นเลียที่ไข่ทั้งสองข้างของเขาสลับกันเบาๆ เขาแอ่นอกขึ้นและกำผ้าปูที่นอนแน่น เสียงครางของเขาก็เริ่มดังและถี่ขึ้นเรื่อยๆ ผมจับขาซ้ายของเขาให้ยกขึ้น มันทั้งใหญ่และหนักอย่างที่ผมไม่คิดมาก่อน

“โห ขาพี่แม่งโคตรแข็งแรงเลย นี่ขนาดมีแค่นี้ยังหนักตั้งขนาดนี้เลยนะ พี่แม่งโคตรฟิตเลยว่ะ” ผมพูด จากนั้นก็ขยับตัวและกระชับวงแขนเพื่อดึงสะโพกของเขาเข้ามาแนบชิดกับลำตัวของผม ก่อนจะจูบลงบนรอยแผลเป็นตรงรอยตัดของเขา

“เฮ้ย! อย่า... อย่าทำแบบนั้น...” เขาสะอึกและพูดออกมาเบาๆ

“ไม่เห็นเป็นไรเลย ผมบอกแล้วไงว่ามันดูดีสำหรับผมด้วยซ้ำ” ผมตอบก่อนจะจูบลงที่เดิมอีกครั้ง แล้วจากนั้นจึงค่อยๆ จุ๊บไล่บริเวณหน้าขาขึ้นไปเรื่อยๆ จนเกือบถึงตรงง่ามขา “พี่เซ็กซี่มากนะเว้ย บอกตรงๆ เลยเนี่ย”

“ไม่จริงหรอก มึงอย่าพูดเพราะความสงสารหรือให้กำลังใจกูเลย...”

“ผมไม่ได้พูดเพราะสงสาร” ผมเงยหน้าขึ้นสบตาเขาและพูดเสียงแข็ง “แล้วก็ไม่ได้พูดเพื่อให้กำลังใจพี่ด้วย แต่ผมคิดแบบนั้นจริงๆ” ผมเลื่อนตัวออกและแนบแก้มลงบนแผลของเขา “จริงๆ แล้วพี่ก็น่ารักนะเนี่ย รู้ตัวรึเปล่า”

“ตลกละ มึงไม่ต้องมาชมกูว่า ‘น่ารัก’ เลย กูไม่ดีใจหรอกนะเว้ย”

“ทำไมจะไม่ได้ ผมถือไพ่เหนือกว่านะเว้ย เพราะงั้นผมจะเรียกพี่ยังไงก็ได้เหอะ”

“เหนือกว่ายังไง”

“ผมมีรถ พี่มีไม้เท้ากับรถเข็น พี่อยากให้ผมดูดไอ้นั่นให้ใจจะขาด และที่สำคัญ ผมก็อยากดูดให้พี่ด้วยเหมือนกัน เพราะงั้นผมชนะว่ะ”

“โอเคๆ งั้นกูยอมแพ้ก็ได้” เขาหัวเราะ

ผมเลียริมฝีปากและประทับจูบลงบนด้านลังของต้นขาของเขา และจึงใช้ลิ้นไล่ขึ้นไปเรื่อยๆ อย่างช้าๆ พี่คิวยกขาข้างขวาขึ้นพาดบ่าของผมด้วยเหมือนกัน ดังนั้นผมจึงสามารถไล่ลิ้นไปได้เรื่อยๆ จนถึงแก้มก้นของเขา เขาทั้งคำรามเบาๆ ในลำคอพร้อมบิดหัวไปมา ท่าทางจะเสียวมาก ผมที่ยิ่งได้ใจจึงก้มต่ำลงและแตะลิ้นลงตรงรอยต่อระหว่างไข่และประตูหลังของเขา พี่คิวสะดุ้งเฮือกและรีบยกมือขึ้นคว้าหัวของผมเอาไว้ทันที

“ทำไมวะพี่”

“ม... มันเสียวเว้ย!” เขาพูดด้วยน้ำเสียงแตกพร่า

“มีเสียวกว่านี้อีก ถ้าไม่เชื่อจับขาไว้” ผมพูดพลางดันขาทั้งสองข้างของเขาขึ้นจนกระทั่งมันแนบลงไปบนอกของเขา
 เขาใช้แขนจับมันเอาไว้แบบนั้น “จะทำอะไร”

“เดี๋ยวก็รู้” ผมซุกหน้าลงที่ก้นของเขาและได้ยินเสียงเขาสูดลมหายใจเข้าดังเฮือก ทันทีที่ลิ้นของผมแตะลงที่ประตูหลัง เขาก็ร้องครางออกมาเสียงดังทันที

“โอ๊ยยย ซี้ดดด ไอ้เหี้ย! แม่งเสียวว่ะ! แฮ่กก แฮ่กก!” เขาทั้งครางทั้งหอบพร้อมๆ กัน “ไม่เคยมีใครทำแบบนี้ให้กูมาก่อนเลยนะเว้ย”

ผมไม่พูดอะไร แต่จับไอ้น้องชายของเขาตั้งขึ้นตรงและรูดขึ้นลงเบาๆ ในขณะที่กำลังลงลิ้นที่ประตูหลังให้เขาไปด้วย จากนั้นก็ค่อยๆ ตวัดลิ้นเลื่อนสูงขึ้นๆ จนมาถึงที่ไข่ของเขา ผมดูดและดุนมันอยู่สักพักก็เลื่อนสูงขึ้นโดยใช้ลิ้นเลียไล่ไปตามความยาวจนกระทั่งไปถึงส่วนยอด ผมตวัดลิ้นเอาน้ำหล่อลื่นเข้าปากไปก่อนที่จะก้มลงดูดบริเวณส่วนหัวให้เขา ตลอดเวลาที่ผมทำอย่างนั้น ผมได้ยินแต่เสียงครางของเขาที่แทบจะกลบเสียงสายลมและเกลียวคลื่นไปจนหมด

“ซี้ดดดส์ ถ้ามึงยังทำแบบนี้ต่อ กูแตกแน่!” เขาเตือน

ผมถอนปากออก “ถ้างั้นก็อย่าเพิ่งเลย”

ผมตวัดลิ้นเลียส่วนหัวหยักเบาๆ ก่อนจะก้มลงเลียบริเวณประตูหลังของเขาพร้อมกับรูดไอ้น้องชายของเขาขึ้นลงอย่างช้าๆ

“มึงอย่าแกล้งกู! รีบๆ ชักให้กูสักทีเว้ย กู... กูไม่ไหวแล้ว!” เขาคำรามลอดผ่านฟันที่ขบเขี้ยวอยู่ออกมาเบาๆ

“อยากแตกแบบนี้เลยเหรอ” ผมถาม

“แบบไหนก็ได้ แต่ขอกูแตกเถอะ กู... แฮ่ก... แฮ่กก... จะไม่ไหวแล้วนะเว้ย”

น้ำเสียงและสีหน้าของเขาเซ็กซี่ยิ่งกว่าตอนปกติเป็นทวีคูณ ผมเร่งใช้มือชักให้เขาในขณะที่ใช้ลิ้นเลียไข่ของเขาไปด้วย อีกไม่กี่วินาทีถัดมาเขาก็ปล่อยขาทั้งสองข้างลงและแอ่นหน้าอกขึ้นพร้อมกับฉีดพ่นน้ำรักออกมาอย่างมหาศาล น้ำครั้งแรกที่ถูกฉีดออกมาแรกกระเด็นเลยขึ้นมาถึงหน้าของผม ส่วนครั้งถัดๆ มาก็พุ่งลงไปที่หน้าอกและหน้าท้องของเขาเอง ร่างกายของเขากระตุกอย่างไม่เป็นจังหวะอยู่หลายครั้งก่อนจะสงบลงพร้อมกับเสียงถอนหายใจเฮือกใหญ่

ผมเดินเข้าไปหยิบม้วนกระดาษทิชชู่จากข้างในบ้านมาเช็ดทำความสะอาดร่างกายให้เขา

“น้ำกูเลอะแก้มมึงอยู่นิดนึงด้วย” เขาบอก

ผมยักคิ้วให้เขาและใช้นิ้วชี้ปาดมันออก จากนั้นก็ดูดเลียนิ้วตัวเองจนสะอาด เขามองผมด้วยสายตาทึ่งๆ ก่อนจะหัวเราะออกมาเบาๆ

“มึงนี่มันเหลือเกินจริงๆ ว่ะ”

“สบายตัวขึ้นรึยัง หวังว่าคงพอใจกับบริการพิเศษนะครับ นายทหาร” ผมทำท่าตะเบ๊ะ

“หึๆ เออ”

เราสองคนมองหน้าและยิ้มให้กันน้อยๆ ผมจัดการเช็ดไอ้น้องชายของเขาที่อ่อนตัวลงจนสะอาดและโยนทิชชู่ลงบนพื้น

“ทำไมมึงถึงต้องทำแบบนี้ให้กูด้วย”

ผมไม่แน่ใจว่าเขาหมายถึงเรื่องเมื่อครู่นี้หรือเรื่องทั้งหมดที่ผมทำให้เขา อย่างเช่นการพาเขามาที่นี่ ขอพี่โจให้เขานอนค้างได้ การที่ซื้อกางเกงในและกางเกงว่ายน้ำให้หรืออื่นๆ แต่ก็ตัดสินใจตอบออกไปตามความเป็นจริงที่สุด

“เพราะพี่สมควรได้รับสิ่งดีๆ ในชีวิตบ้างน่ะสิ พี่เสียสละมามากมายขนาดนี้แล้ว” ผมวางมือลงบนหัวเข่าข้างซ้ายของเขา “ผมอยากให้พี่รู้สึกดีๆ อยากให้รู้ว่ามีคนๆ นึงที่เห็นคุณค่าของพี่และสิ่งที่พี่ทำ มันก็แค่นั้นเอง ผมรู้สึกเป็นเกียรตินะเว้ยที่ได้ทำให้พี่มีความสุขน่ะ”

“เป็นเกียรติเลยเหรอวะ กูไม่เข้าใจ”

“พี่ไม่ต้องเข้าใจหรอก นั่นมันส่วนของผม ส่วนของพี่คือ ‘มีความสุข’ เท่านั้นพอ เข้าใจปะ”

“ขึ้นมานี่ซิ” เขาเรียก

ผมคลานขึ้นไปข้างๆ เขา และนอนหนุนลงบนแขนของเขาที่เหยียดออกมาเพื่อผม ซึ่งว่ากันตามตรงแล้วมันก็ไม่ได้นอนสบายเท่าไหร่หรอก แต่ผมรู้สึกดีที่เขาทำแบบนี้เพื่อผมมากกว่า

“มึงคงไม่เขียนเรื่องเมื่อกี้ลงรายงายให้พี่โจใช่มั้ยวะ”

“ไม่เขียนหรอก แม่งยาว ใครจะเขียนหมดวะ ผมจะเขียนแค่ว่าผมชักว่าวให้พี่พอ”

เขางัดแขนขึ้นและล็อคคอผมอยู่ในท่าเฮ้ดล็อคซึ่งเกือบทำให้ผมคอหักตายอยู่เหมือนกัน ผมรีบตีมือลงบนหน้าท้องของเขาเพื่อบอกว่าผมยอมแพ้แล้ว เขาจึงยอมปล่อยผมออกเป็นอิสระ ถึงผมจะตัวใหญ่กว่าเขา แต่กล้ามเนื้อเขาแข็งแรงกว่าผมพอสมควรนะ
เขาขยี้หัวผมแรงๆ ส่งท้ายก่อนที่จะพลิกตัวเป็นนอนหงายเหมือนเดิม

“ตอนที่มึง... ตอนที่มึงจูบตรงขากูน่ะ มัน...” เขาพูด

“มันทำไมครับ”

“ตรงนั้นมันรอยที่ขากูขาดนะ มึง... มึงไม่รู้สึกแปลกๆ เลยเหรอวะ”

“ไม่เลย” ผมตอบ “แล้วพี่ล่ะ รู้สึกยังไง”

“มันก็... รู้สึกดีนะ มันทำให้กูรู้สึก... ไม่รู้ดิ” เขาเว้นช่วง “มึงว่าการที่ขากูขาแบบนั้น มันไม่แปลกหรือน่าขยะแขยงเหรอวะ”

“พี่คิว ถ้าแค่พี่จะฟังและเชื่อสิ่งที่ผมพูดจริงๆ สักครั้งนะ พี่จะรู้ว่าผมไม่โกหกอยู่แล้ว ผมว่าพี่ต้องอนุญาตตัวเองให้เชื่อสิ่งที่มันเป็นจริงๆ และหยุดจมอยู่กับสิ่งที่มันเคยมีแต่ตอนนี้ไม่มีอยู่ได้แล้ว ผมว่าพี่แม่งเป็นคนเดียวที่ยังคิดว่าตัวเองเป็นคนพิการอยู่แล้วว่ะ”

“เหรอวะ แล้วมึงคิดว่าคนอื่นเค้ามองเห็นอะไรเวลาที่กูนั่งอยู่บนรถเข็นหรือเดินกะเผลกๆ ด้วยไม้เท้าอยู่ในโรงพยาบาลหรือแม้แต่ที่อื่นน่ะ”

“ใช่ เค้าเห็นว่าพี่มีขาข้างเดียว แต่มันก็แค่นั้นไง เค้าเห็น แต่ไม่มีใครใส่ใจหรอก สิ่งที่คนอื่นจะสนใจเป็นอันดับแรกคือหน้าตาและรูปร่างของพี่มากกว่าด้วยซ้ำ และถ้าคนพวกนั้นได้รู้จักพี่ ได้รู้ว่าพี่ทำอะไรมาเพื่อแผ่นดินที่พวกเค้ายืนอยู่ เค้าก็จะเห็นถึงข้างในจิตใจที่แม่งโคตรเข้มแข็งกว่าคนมีอวัยวะครบหลายๆ คนอีกด้วย”

“แล้วถ้ากูไม่ได้หน้าตาแบบนี้ มึงยังจะทำอย่างที่ทำอยู่นี่ให้กู และยังจะพูดแบบเมื่อกี้อยู่รึเปล่าวะ”

“เอาตรงๆ เลยปะ ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่ะ เพราะผมยอมรับว่าสิ่งแรกที่ทำให้ผมชอบพี่ก็คือหน้าตาและรูปร่างของพี่จริงๆ แต่บอกตรงๆ อีกเหมือนกันว่าแค่หน้าตาอย่างเดียวมันไม่ทำให้ผมชอบพี่ได้หรอก เพราะตอนแรกผมก็รำคาญนิสัยหยิ่งๆ อวดดีของพี่เหมือนกันนั่นแหละ”

เขาหันมาทำตาดุใส่ผม แต่ผมไม่กลัว

“แต่ไปๆ มาๆ ผมกลับชอบพี่ว่ะ ผมชอบพี่ที่พี่เป็นของพี่แบบนี้ ทุกอย่างทั้งหน้าตาและนิสัย เพราะงั้นถ้าพี่ถามว่าหากไม่ได้หน้าตาแบบนี้แล้วผมจะยังชอบพี่มั้ย ผมก็ตอบไม่ได้เหมือนกัน เพราะความเป็นจริงมันไม่ใช่แบบนั้น แต่ผมว่าก็คงเหมือนกันแหละมั้ง อย่างน้อยๆ ความชื่นชมในความเสียสละที่พี่และเพื่อนๆ ของพี่ทำเพื่อประเทศชาติมันก็เป็นของจริงที่ไม่ได้ขึ้นอยู่กับหน้าตาเลยสักนิดเดียว ผมรู้สึกแบบนั้นจริงๆ”

“จริงเหรอวะ”

“จริงครับ จริงโคตรๆ อย่างน้อยๆ สำหรับพี่ ผมก็ชื่นชมที่พี่มีความตั้งใจจะสู้ต่อและกลับไปทำหน้าที่ของพี่ต่ออีกครั้ง ผมไม่คิดว่าคนอื่นๆ จะมีความมุ่งมั่นอย่างพี่หรอกนะ ผมนับถือความแน่วแน่ของพี่จริงๆ”

เขาเงียบไปพักหนึ่ง “...มึงเก่งนะ สำหรับนักศึกษาฝึกงาน สำหรับคนอายุเท่ามึงน่ะ”

“ไม่เก่งเท่าพี่หรอก ก่อนหน้านี้ ผมก็ไม่เคยคิดได้แบบนี้เหมือนกัน...” ผมดันตัวออกและลุกขึ้นนั่ง มือของผมวางลงบนข้อเท้าข้างที่เคยได้รับบาดเจ็บจากการแข่งบาสเก็ตบอลเมื่อสองปีก่อน ผมลูบบาดแผลเก่าที่จางไปมากแล้วเบาๆ “ทุกคนต่างก็ต้องเดินต่อและต้องปล่อยวางสิ่งที่มันไม่ได้มีอยู่แล้วไป ใช่มั้ยล่ะ”

“ไอ้พลุ มึงมีอะไรอยากจะบอกกูรึเปล่าวะ” เขาถาม

ผมเงยหน้าขึ้นมองดวงดาวบนฟ้า นึกถึงตอนที่ตัวเองเคยมีทุกอย่างที่ต้องการ ความทรงจำในอดีตฉายภาพขึ้นในหัวอย่างชัดเจนราวกับมันเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน

ผมเคยเป็นนักกีฬาบาสเก็ตบอลดาวรุ่งของโรงเรียน ของจังหวัด และแม้แต่ของประเทศ เคยเป็นตัวแทนแข่งขันกีฬาเยาวชนโลกและแม้แต่ซีเกมส์มาแล้ว ผมมีหน้าตาที่ทำให้ทั้งผู้หญิงและผู้ชายหลงใหล และเพราะรูปลักษณ์ของผม ทำให้ผมเคยลงข่าวหรือนิตยสารก็หลายครั้ง แต่หลังจากที่ผมประสบอุบัติเหตุ ถูกผู้เล่นฝ่ายตรงข้ามพุ่งเข้าชนทำให้ข้อเท้าพลิกและเส้นเอ็นขาด จนไม่สามารถเล่นบาสเก็ตบอลได้เหมือนเดิมอีก ทุกสิ่งทุกอย่างที่ผมเคยได้รับมาเมื่อตอนนั้นก็พังทลายหายไปแทบทั้งหมด ผมกลายเป็นแค่นักเรียนมหาวิทยาลัยธรรมดาๆ คนหนึ่ง หน้าตาของผมยังพอเป็นที่ดึงดูดความสนใจจากผู้คนรอบข้างได้บ้าง แต่สิ่งที่ทำให้ผมรู้สึกเจ็บใจคือแทบไม่มีใครจดจำผมในฐานะนักกีฬาดาวรุ่งได้อีกต่อไป  ทุกคนจำผมได้ในฐานะของ ‘อดีตนักกีฬาที่น่าสงสาร’ เท่านั้น

ผมไม่สามารถเล่นกีฬาที่ผมชอบอีก ผมไม่สามารถกลับไปยืนอยู่บนสนามอย่างโดดเด่นกว่าใครๆ ได้อีกแล้ว แต่เมื่อเวลาผ่านไป ความเจ็บปวดจากบาดแผลเหล่านั้นก็เริ่มจางลงไปจนกลายเป็นความชินชา ผมเรียนรู้ที่จะปรับตัวและใช้ชีวิตต่อไปแบบธรรมดาๆ ไม่มีความทะเยอทะยานที่จะกระโดดให้ได้สูงเหมือนเดิม และไม่มีความปราถนาที่จะลงไปสู่สนามหรือการแข่งขันเหลืออยู่อีกเลย ผมมันก็แค่นักเรียนธรรมดาๆ คนหนึ่งเท่านั้นเอง

จนกระทั่งผมได้มาเจอเขา วีรบุรุษตัวจริงที่เสียสละยิ่งกว่าผมมากไม่รู้กี่เท่า เขาทำให้ผมรู้สึกอับอายที่เคยเสียใจกับเรื่องไม่เป็นเรื่องแค่นั้นเลยด้วยซ้ำ ผมอยากให้เขายอมรับสิ่งที่เขาเป็นและเชื่อคำพูดของผมที่ผมชมว่าเขาดูดีจริงๆ แม้ว่าเขาจะเหลือขาแค่ข้างเดียวแบบนี้ก็ตามที แต่ลึกๆ แล้ว ก่อนหน้านี้ ในใจของผมเองกลับไม่เคยมองตัวเองแบบนั้นได้เลย แต่ในคืนนี้ เขาเพิ่งทำให้ผมเข้าใจและเปิดประตูที่ใจของผมปิดตายไปครั้งหนึ่งออกได้อีกครั้ง

ผมว่าผมเริ่มพอจะเข้าใจแล้วว่าทำไมผมถึงได้รู้สึกชอบเขานัก​ ที่จริงมันคงไม่ใช่แค่เพราะหน้าตา นิสัย หรือความเสียสละ วีรกรรมที่เขาทำเพื่อประเทศชาติของเราหรอก แต่มันเป็นเพราะอดีตของผมเองต่างหากที่ทำให้ผมรู้สึกชื่นชมและเชิดชูเขามากกว่าที่ผมคิดเยอะ

“พลุ” เขาเรียกชื่อผมอีกครั้ง

ผมเอนหลังกลับนอนหนุนลงบนแขนของเขาเหมือนเดิมและเริ่มเล่าชีวิตนักกีฬาของผมให้เขาฟัง รวมถึงเหตุการณ์ตอนที่ผู้เล่นฝ่ายตรงข้ามพุ่งเข้ามาชาร์จผมในขณะที่ผมเพิ่งกระโดดชู้ตลูกและขากำลังจะแตะพื้น ทำให้ผมได้รับบาดเจ็บอย่างแรงจนไม่สามารถวิ่งและกระโดดได้เหมือนเดิมอีกต่อไป

“งั้นเราสองคนก็คงคล้ายๆ กันสินะ” เขาพูดขึ้น

“ก็คงงั้นมั้งครับ แต่ผมไม่ได้สูญเสียเยอะเท่าพี่หรอกนะ”

“เปล่า กูหมายถึงว่าหลังจากเกิดเรื่องนั้นขึ้น เราต่างก็ตกเป็นข่าวเหมือนกัน ลงหนังสือพิมพ์บ้าง ออกทีวีบ้าง แต่อีกไม่กี่เดือนถัดมา ทุกคนก็จะลืมเรื่องและแม้แต่ชื่อของพวกเราไปอย่างง่ายดาย ไม่สิ ที่จริงกูว่าคงไม่มีใครจำชื่อของเราได้อยู่แล้วด้วยซ้ำ แต่ทุกคนจะใช้คำว่า ‘น่าสงสาร’ กันจนเฝือไปหมด ซึ่งพอสุดท้ายแล้วก็เหลือแค่เราคนเดียวที่ต้องอยู่กับชีวิตที่เปลี่ยนไปตลอดกาล...”

คำพูดของเขาทำให้ผมรู้สึกแน่นหน้าอกขึ้นทันที เพราะผมรู้ว่าเขากำลังพูดถึงเรื่องของตัวเองมากกว่าผมอยู่ หรือพูดอีกอย่างก็คือเรื่องราวของเขามันเป็นความจริงที่น่าเศร้าและเจ็บปวดยิ่งกว่าผมเยอะ

“ความสงสารที่ไม่จำเป็นแม่งมีแต่ทำร้ายกันเปล่าๆ ว่ะ” เขาพูดต่อและจบประโยคลงแค่นั้น

“พี่คิว...”

“กูอยากให้มึงเขียนเรื่องที่เราคุยกันบางเรื่องลงไปในรายงานด้วยนะ พลุ เขียนอะไรก็ได้ที่แสดงให้พวกหมอๆ แม่งเห็นว่ากูพร้อมจะได้ขาเทียมข้างใหม่และออกจากโรงพยาบาลได้แล้ว กูอยากให้พวกเค้ารู้ว่ากูอยากไปรับใช้ชาติอีกครั้ง”

ผมพยักหน้า “ได้ แต่เราก็ต้องช่วยกันนะครับ โอเคปะ”

“เออ ขอบใจมากนะ ไอ้พลุ กูสารภาพว่าตอนแรกกูก็ไม่ค่อยชอบมึงเท่าไหร่หรอก กูถึงได้ดูกวนตีนและเหมือนไม่ค่อยให้ความร่วมมือมึงเท่าไหร่นัก แต่สุดท้ายกูก็มารู้ตัวทีหลังว่าที่จริงสิ่งที่กูทำอยู่นั่นแม่งก็มีแต่รั้งตัวเองและทำโทษตัวเอง จนกูไม่เดินไปข้างหน้าสักทีเท่านั้นเอง”

“ถุย ทำไมพี่ไม่พูดมาตรงๆ เลยล่ะวะว่าจริงๆ แล้วพี่ต้านทานเสน่ห์ผมไม่อยู่น่ะ”

“เฮอะ! ตอนนั้นกูเกือบต่อยมึงคว่ำในห้องน้ำไปแล้วนะ จำไม่ได้รึไง”

“แต่ก็ไม่ได้ต่อยนี่”

“เออ ไม่ได้ต่อย”

“เสียใจมั้ย” ผมถาม

“เรื่องอะไร”

“ทั้งหมดที่ผมทำให้พี่ ทั้งหมดที่เกิดขึ้นเนี่ย”

เขานิ่งไปพักหนึ่ง “กูไม่เคยคิดถึงมันจริงๆ จังๆ เลยว่ะ ถ้าถามว่าตอนแรกเสียใจมั้ย กูคงตอบว่า ‘นิดหน่อย’ เพราะตอนนั้นกูโกรธมากกว่า แต่ถ้าถามตอนนี้... กูว่าขอเวลาให้กูได้คิดเรื่องพวกนี้อีกสักพักเถอะ”

“ได้ครับ ไม่ว่ากันอยู่แล้ว แต่ก่อนหน้านั้น พี่อยากทำแบบไหน”

“เหอ ทำอะไร”

“ก็เอาผมไง จะให้ผมอยู่ข้างบนหรืออยู่ข้างล่าง”

เขาผงกหัวขึ้นและหันมามองหน้าผม “เอามึงเนี่ยนะ เฮ้ย! มึงนี่แม่งโคตร...”

“เกย์เลยว่ะ” ผมจบประโยคให้เขา

เขาหัวเราะเบาๆ “เฮ้ย เอาจริงดิวะ มึงอยากให้กูเอามึงเหรอ”

“ถ้าพี่คิดว่าทำได้ด้วยขาข้างเดียวแบบนั้นน่ะนะ”

“กวนตีนนะมึง” เขาพูดเสียงแข็ง “แต่มึงจะรับกูได้จริงๆ เหรอวะ มึงจะไม่เจ็บเหรอ”

“เอาเป็นว่าพี่กระแทกผมได้จนสุดลำก็แล้วกัน ผมก็ไม่ใช่ตัวเล็กๆ ทำไมจะรับไม่ได้ ครวยแค่ 7-8 นิ้วแค่นี้” ผมแกล้งแหย่เขา “ตกลงจะเอาไง พี่จะทำเองรึให้ผมทำ”

เขาเงียบไปอึดใจหนึ่งจนผมคิดว่าเขาจะด่าอะไรผมออกมาเสียแล้ว

“กูทำเองดีกว่า”
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 12-06-2016 19:56:31 โดย ExecutioneR »

zeazaiz

  • บุคคลทั่วไป
Re: The Missing Piece:: สิ่งที่ขาดหาย [New 19 Nov]
«ตอบ #61 เมื่อ19-11-2012 22:27:59 »

 o18 เท่จัง คุยกันเปิดเผยดี
อยากอ่านอีกจัง

ออฟไลน์ miracle22936

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 220
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-2
Re: The Missing Piece:: สิ่งที่ขาดหาย [New 19 Nov]
«ตอบ #62 เมื่อ19-11-2012 23:03:37 »

โอ้ว เย้  บทสนทยามันช่าง เอิ่มมม!!! ตรงเหลือเกินว่ะ

ตอนต่อไปก็ NC เต็มรูปแบบแล้วสิ ฮิ้ววววว :z2: :z2: :z2:

ออฟไลน์ Ra poo

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 588
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-0
Re: The Missing Piece:: สิ่งที่ขาดหาย [New 19 Nov]
«ตอบ #63 เมื่อ19-11-2012 23:20:26 »

แอร๊ยยยยยยยย เค้าจะๆๆๆเค้าจะอ๊าวววววววววววววกันแย้วอ่า :pighaun: :haun4:

ทำไมคิวยอม(เอา)พลุง่ายจริงหรือความ***มันบังตา :z13:


โหยยย แล้วงี้พี่โจล่ะ เพ่โจๆเค้าจะๆกันแล้วนะ พี่อยู่ไหนเนี่ย!!?


รอฉากจึ้กๆ ฮี่ๆ :impress2:

(เอ๊ะ แล้วคิวจะยอมโดนพลุจิ้มมั่งเปล่าเนี่ย ติมตามๆ)

ออฟไลน์ IIMisssoMII

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2030
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-2
Re: The Missing Piece:: สิ่งที่ขาดหาย [New 19 Nov]
«ตอบ #64 เมื่อ19-11-2012 23:35:53 »

กรี๊กดดด เปิดอก เปิด ... กันแล้ว !!!!
พี่คิวทำได้เหรอ แต่เอาเถอะ จะได้มั่นใจตัวเองมากขึ้น อิอิ

ออฟไลน์ KaorPaor

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 669
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +140/-4
Re: The Missing Piece:: สิ่งที่ขาดหาย [New 19 Nov]
«ตอบ #65 เมื่อ20-11-2012 06:23:52 »

อ่านแล้วไม่กล้าใช้คำว่าน่าสงสารเลย

ออฟไลน์ ordkrub

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4157
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +341/-12
Re: The Missing Piece:: สิ่งที่ขาดหาย [New 19 Nov]
«ตอบ #66 เมื่อ20-11-2012 10:44:22 »

ชอบจังครับ
บทสนทนาเหมือนกับเป็นเรื่องธรรมดา   แต่อันที่จริงมันก็แค่เรื่องของคนสองคน
ถ้าไม่ไปคิดเกินการ  มันก็เรื่องธรรมดาจริงๆ
เหมือนกับเรื่องความพิการนั่นไง  ถ้าก้าวผ่านกรอบคิดไปได้
มันก็เป็นแค่เรื่องธรรมดาอีกเรื่อง
ดีใจที่พลุกระตุ้นคิวให้ออกนอกกรอบสำเร็จ
รักเรื่องนี้จริงๆ

ออฟไลน์ Monkey D lufy

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +245/-4
Re: The Missing Piece:: สิ่งที่ขาดหาย [New 19 Nov]
«ตอบ #67 เมื่อ20-11-2012 11:21:19 »

กรี๊ดดดดดดดดด

ค้างอย่างแรงอ่ะ :m16:


เฮอะๆ o9 o9

ออฟไลน์ kasarus

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1780
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-3
Re: The Missing Piece:: สิ่งที่ขาดหาย [New 19 Nov]
«ตอบ #68 เมื่อ20-11-2012 11:37:52 »

โดนของพี่คิวเข้าไป พลุจะระเบิด...บู้มมมม รึเปล่าเนี่ย

ชอบบทสนทนาของสองคนนี้จริงๆ มันดูเปิดเผยแบบแมนๆดี

Ramika

  • บุคคลทั่วไป
Re: The Missing Piece:: สิ่งที่ขาดหาย [New 19 Nov]
«ตอบ #69 เมื่อ20-11-2012 15:38:52 »

ไม่หักมุมแฮะ แถมฟินอีก

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: The Missing Piece:: สิ่งที่ขาดหาย [New 19 Nov]
« ตอบ #69 เมื่อ: 20-11-2012 15:38:52 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






namtarn11

  • บุคคลทั่วไป
Re: The Missing Piece:: สิ่งที่ขาดหาย [New 19 Nov]
«ตอบ #70 เมื่อ20-11-2012 19:11:29 »

ได้แนวคิดดีๆจากเรื่องเยอะมาก ^^

ออฟไลน์ patek

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 40
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: The Missing Piece:: สิ่งที่ขาดหาย [New 19 Nov]
«ตอบ #71 เมื่อ20-11-2012 23:10:37 »

จบได้ค้างคาใจมากคับคุณต้น มาต่ออีกไวไวนะคับ รักษาสุขภาพด้วยนะคับ

ออฟไลน์ kasarus

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1780
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-3
Re: The Missing Piece:: สิ่งที่ขาดหาย [New 19 Nov]
«ตอบ #72 เมื่อ25-11-2012 08:57:57 »

ยังไม่มาต่ออีกเหรอครับ

ออฟไลน์ ExecutioneR

  • จุ๊บ จู๊บบบบบ ~~ ♥
  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4243
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1722/-40
    • FB Page
Re: The Missing Piece:: สิ่งที่ขาดหาย [New 19 Nov]
«ตอบ #73 เมื่อ27-11-2012 00:59:46 »

ตอนที่ 6

ผมไม่ได้เป็นฝ่ายรับใครบ่อยมากนัก แต่สำหรับพี่คิว ผมอยากจะรู้สึกเขาข้างในตัวผม ผมอยากมีอะไรกับเขา อยากให้เขาทำผม อยากให้คืนนี้เป็นคืนพิเศษสำหรับเขาอีกคืนหนึ่ง ถึงจะรู้สึกกังวลเรื่องขนาดของเขาอยู่พอสมควร แต่ผมคิดว่าผมคงพอรับมือไหวล่ะน่า

ผมเดินเข้าไปในห้องนอนและหยิบเอาถุงยางกับเจลหล่อลื่นออกมายื่นให้เขา เขาจัดแจงสวมถุงยางลงบนไอ้น้องชายที่แข็งรออยู่แล้ว นี่ขนาดเขาเพิ่งจะเสร็จไปรอบหนึ่งหยกๆ นะเนี่ย

“อย่าลืมใส่เจลเยอะๆ ล่ะ” ผมนอนหงายลงบนเตียง

เขาเขยิบตัวเข้ามานั่งอยู่ตรงหว่างขาของผม และเมื่อผมยกขาขึ้น เขาก็ทาเจลลงบนประตูหลังของผม

“มึงเคยโดนเอามาก่อนเพราะงั้นคงชินอยู่แล้วใช่รึเปล่า”

“ชินเหี้ยไรล่ะพี่” ผมตกใจ “เคยน่ะเคย แต่ไม่บ่อยนะเว้ย เพราะงั้นค่อยๆ หน่อยก็ดี ของพี่มันไม่ใช่เล็กๆ นะอย่าลืม ขืนกระแทกเข้ามาพรวดเดียวหมดลำล่ะก็ผมตายแน่”

“โอเคๆ แต่กูไม่เคยเอาผู้ชายมาก่อนนะเว้ย กูไม่รู้ว่าควรเข้าไปช้าเร็วขนาดไหน ถ้ามึงเจ็บก็บอกแล้วกัน” เขาจ่อส่วนหัวของไอ้น้องชายที่ประตูหลังของผมแล้วหยุด เขามองหน้าผมราวกับกำลังรอให้ผมอนุญาต

ไม่มีการเล้าโลม ไม่มีจูบ ไม่มีอะไรทั้งสิ้น

“เอาเข้ามาได้เลย” ผมบอกเขา

เขาดันสะโพกและแทงไอ้น้องชายผ่านปากทางของผมเข้ามา ทำเอาผมเจ็บแสบราวกับร่างจะฉีกจนถึงกับทำให้หายใจขาดห้วง ผมรู้อยู่แล้วว่ามันจะต้องเป็นแบบนี้ แต่ก็ไม่ได้รู้สึกพร้อมเสียทีเดียว อาจเป็นเพราะก่อนหน้านี้ผมไม่ได้เสร็จไปแล้วรอบหนึ่งเหมือนเขา อารมณ์ที่ยังค้างอยู่จึงทำให้ผมต้องการเขามากจนลืมไปว่ามันจะเจ็บมากขนาดไหน

ผมนิ่วหน้า กัดฟัน แต่ไม่ส่งเสียงร้องออกมาแม้แต่นิดเดียว ผมจะไม่ร้องจนกว่าเขาจะเข้าไปได้สุดลำ เพราะผมรู้ว่าหลังจากนั้นแล้วมันจะต้องเปลี่ยนเป็นการร้องครางออกมาด้วยความเสียวและความสุขต่างหาก

เขาดันไอ้น้องชายตัวเขื่องเข้ามาในร่างกายของผมอย่างช้าๆ โดยไม่มีการหยุดพักสักนิด ร่างกายของผมถึงกับสั่นเทิ้มออกมาเบาๆ และเมื่อเขาเข้ามาได้จนสุดแล้ว เขาก็ค่อยๆ ขยับสะโพกเข้าออกช้าๆ อย่างต่อเนื่องทันที ความเจ็บปวดที่แทบจะฉีกร่างของผมเป็นสองส่วนในตอนแรกเริ่มหายไป ความเสียวและความรู้สึกเติมเต็มจนแน่นเริ่มมาแทนที่ จนในที่สุด เมื่อทุกๆ การกระแทกเข้ามาของเขาไปโดนจุดๆ นั้นที่อยู่ในร่างกายของผมเข้า ผมก็ต้องร้องครางออกมาอย่างห้ามตัวเองไม่ได้

“โอ๊ยยย... ซี้ดด..ดด... อูยยย...ยย.. เสียวว่ะ พี่ แม่งงง” ผมใช้มือข้างหนึ่งยันหน้าอกของเขาเอาไว้

เขาไม่ถามผมสักคำว่าผมยังเจ็บอยู่หรือเปล่า ซึ่งก็คงไม่ใช่เรื่องจำเป็นอีกต่อไป เขาเริ่มเร่งจังหวะและความแรงในแต่ละครั้งที่กระแทกเข้ามามากขึ้นเรื่อยๆ จนในที่สุดเสียงครางและเสียงหอบของเราสองคนก็สอดประสานกันจนแทบจะเป็นทำนองและจังหวะเดียวกัน

“แม่งงง มึงแม่งฟิตจริงๆ ว่ะ ไอ้พลุ กูไม่ได้เอาใครแบบนี้มานานขนาดไหนแล้ววะเนี่ย”เขาพูดพร้อมลมหายใจหนักหน่วง

“แค่... ดูก็รู้” ผมตอบ “ว่าพี่ไม่ได้... เอาใครมานานขนาดไหนแล้ว แฮ่กก... ฮ่าา..า...”

“นาน... นานมากว่ะ”

“พี่ใกล้รึยัง”

“ยัง แต่คงอีกไม่นานหรอก” เขาหอบเบาๆ

“ถ้าจะแตกแล้วบอกด้วย ผม... ซี้ดด..ด... อยากแตกพร้อมพี่ว่ะ”

เขาซอยเข้าออกอยู่อีกหลายนาที เหงื่อเม็ดใหญ่ๆ ผุดออกมาจากใบหน้าของเราทั้งสองคนราวกับเราเพิ่งออกกำลังกันมาสักสองชั่วโมงได้ เขายกมือข้างหนึ่งขึ้นปาดเหงื่อ ทำให้มันหยดลงบนริมฝีปากของผม เขาเลื่อนนิ้วลงมาจะเช็ดมันออก แต่ผมห้ามเขาเอาไว้

“ไม่ต้อง” ผมเลียริมฝีปากและใช้นิ้วปาดเหงื่อบนใบหน้าของเขามาดูดอีก

“แม่งงง!!” เขาคำรามเบาๆ “มึงนี่แม่งงง...!!”

เขาเร่งจังหวะขึ้น ผมเองก็ใช้มือช่วยชักน้องชายของตัวเองไปด้วย จนเขาบอกว่าใกล้แล้ว ผมจึงเร่งจังหวะสาวมือให้เร็วขึ้นเป็นจังหวะเดียวกับที่เขาซอยสะโพกเข้าออก จนในที่สุดเขาก็คำรามออกมาพร้อมกับดันสะโพกเข้ามาจนสุด ไอ้น้องชายของเขาที่แช่อยู่ในร่างกายของผมกระตุกหลายครั้งพร้อมๆ กับที่ผมพ่นน้ำรักออกมาเลอะหน้าอกและหน้าท้องของตัวเองเต็มไปหมด ผมจำไม่ได้เลยว่าครั้งสุดท้ายที่ผมหลั่งเยอะขนาดนี้คือเมื่อไหร่

“โห...” เขาอุทานเบาๆ หลังจากที่ลมหายใจเริ่มกลับเป็นปกติ “ไอ้พลุ มึงนี่แม่ง...”

“อะไร ผมทำไม”

“กู... ไม่เคยคิดว่าจะพูดแบบนี้กับผู้ชายคนไหนนะ แต่มึงแม่ง... น่า... ไม่สิ กูว่ามึงเแม่งเอามันดีจริงๆ ว่ะ”

ผมอดที่จะหัวเราะไม่ได้ ผมว่าน้ำเสียงและสีหน้าที่เขาใช้ตอนพูดประโยคเมื่อกี้ออกมามันดูตลกชอบกล และที่สำคัญ มันเป็นสิ่งที่ผมไม่คาดคิดว่าจะได้ยินจากปากของเขาเลยแม้แต่นิดเดียวด้วย แต่เมื่อได้ยินแบบนั้นแล้วมันก็ทำให้ผมรู้สึกดีนะ ที่ผู้ชายแมนโคตรๆ คนนี้จะกล้าแสดงความรู้สึกที่มีต่อผมแบบนั้นออกมาจนได้ในที่สุด ผมดีใจที่รู้สึกเหมือนตัวเองได้ใกล้ชิดเขาเข้าไปอีกก้าวหนึ่ง

“ขำอะไร” เขาถาม

“เปล่า แต่พี่แค่ไม่กล้าชมว่าผมหล่อล่ะสิ”

“มึงมันหล่อ กูรู้ กูยอมรับ ทำไมกูจะไม่กล้าพูดวะ” เขาดีดหน้าผากผมเบาๆ ก่อนจะค่อยๆ ขยับสะโพกและดึงไอ้น้องชายออกจากผม ผมรู้สึกถึงความว่างเปล่าและความโล่งแบบแปลกๆ ทันที

“ไปล้างตัวกันมั้ย” ผมถามเขา

เมื่อเขาพยักหน้าตอบรับ เราสองคนจึงเดินไปเข้าห้องน้ำด้วยกัน ผมช่วยเขาล้างตัวจนสะอาดเรียบร้อยแล้วจึงจัดการทำความสะอาดร่างกายของตัวเอง เมื่อเสร็จแล้ว เราก็กลับมานอนลงบนเตียงที่เดิมอีกครั้ง

“มานี่” เขาเหยียดแขนออกเพื่อบอกให้ผมไปนอนหนุนแขนเขาอีกครั้ง

“ไม่เอาอะ” ผมปฏิเสธและนอนหนุนลงบนหมอนของตัวเองแทน “นอนบนแขนพี่แล้วแม่งเมื่อยว่ะ”

เขาดูอึ้งๆ ไปครู่หนึ่งก่อนจะหัวเราะออกมา “ฮ่าๆๆ เออ”

“เมื่อกี้เป็นไงมั่ง” ผมหันไปถามเขา

“สุดยอด!”

“ขนาดนั้นเลยเหรอ”

“กูก็ไม่อยากยอมรับนะ แต่กูว่ามึง... โอเคสำหรับกูในหลายๆ อย่างว่ะ” เขาพูดพลางส่งยิ้มเขินๆ ที่แลดูบิดเบี้ยวแปลกๆ ให้ผม ซึ่งมันทำให้ผมต้องแปลกใจและดีใจไปพร้อมๆ กัน

“ฮ่าๆๆ ทำไมพี่พูดงั้นวะ”

“ก็มึงพากูออกจากโรงพยาบาล มาถึงนี่ คุยกับพี่โจให้ แล้วยังเรื่องเมื่อกี้อีก ไม่รู้เหมือนกันว่ะ กูว่ามึงทำอะไรให้กูเยอะมาก และมันเป็นเรื่องที่กูไม่คิดว่าคนอื่นจะทำให้กู หรือแม้แต่กูจะไปทำแบบนั้นด้วยได้ทั้งนั้น”

“ฮ่าๆ งั้นเลยเหรอ แต่พอคิดแบบนี้แล้วก็ตลกดีนะ หึๆๆ”

“คิดอะไรของมึง”

“ก็แค่คิดว่าผมจะเขียนเรื่องที่พี่พูดในรายงานให้พี่โจยังไงเท่านั้นเองว่ะ”

เขาต่อยลงบนหน้าอกของผม “ก็ลองเขียนดูสิ แล้วครั้งหน้ากูต่อยมึงซี่โครงหักแน่”

“กลัวฉิบหายเลยว่ะครับ โธ่ ผมรู้ว่าพี่ไม่ทำผมหรอก”

“ทำไมกูถึงจะไม่ทำ”

“อ้าว ก็ถ้ากระดูกผมหักแล้วพี่จะไปเอาใครวะ”

เขาหัวเราะชอบใจ “มึงนี่มันปากดีจริงๆ นอนได้แล้วเว้ย!”

ผมแอบคิดในใจว่าอยากให้เขาดึงตัวของผมเข้าไปกอด แต่เขาก็ไม่ได้ทำแบบนั้น เขาแค่ใช้กำปั้นทุบหัวผมเบาๆ แล้วจากนั้นก็หันกลับไปนอนหงายเหมือนเดิมเท่านั้นเอง

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 12-06-2016 20:01:30 โดย ExecutioneR »

ออฟไลน์ ExecutioneR

  • จุ๊บ จู๊บบบบบ ~~ ♥
  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4243
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1722/-40
    • FB Page
Re: The Missing Piece:: สิ่งที่ขาดหาย [New 19 Nov]
«ตอบ #74 เมื่อ27-11-2012 01:02:41 »

ตอนที่ 7

เช้าวันจันทร์ ผมมารายงานตัวกับพี่โจตามปกติ ผมยื่นรายงานให้กับเขา เขาเปิดอ่านมันอย่างละเอียดในระหว่างที่ผมนั่งรอ และเมื่ออ่านจบ เขาก็วางมันลงบนโต๊ะพร้อมกับเงยหน้าขึ้นมองผม

“ดีนะที่คุณไม่ได้เขียนว่าคุณพาเค้าออกไปนอนข้างนอกมาน่ะ” เขาพูด

“ผมแค่เขียนสิ่งที่จำเป็นเท่านั้นนี่ครับ”

“แต่จากรายงานของคุณ มันจะดูเร่งรัดเกินไปรึเปล่ากับเรื่องพัฒนาการทางจิตใจของเค้ารวมทั้งเรื่องขาเทียมด้วยน่ะ”

“ถ้ามันดูเร่งเกินไปสำหรับพี่ก็ไม่เป็นไรครับ แต่คราวนี้พี่ต้องอนุญาตให้ผมพาเค้าไปนอนค้างอีกครั้งอย่างถูกต้องนะ”

พี่โจนิ่วหน้าทันที “อะไรของคุณ”

“จริงๆ นะพี่ ผมรู้ว่าเป้าหมายของพี่ก็คือการสร้างความมั่นใจให้เค้าในทุกๆ เรื่อง โดยเฉพาะเรื่อง... อย่างว่าก็ด้วยไม่ใช่เหรอครับ พี่เคยเป็นคนบอกให้ผมพูดตรงๆ กับพี่เองนะ” ผมออกตัวไว้ก่อน “เพราะงั้นลองให้ผมพาเค้าออกไปค้างอีกครั้งสิพี่ คราวนี้พี่จะได้รายงานที่ชัดเจนมากกว่านี้แน่ ผมมั่นใจว่าผมจะพาเค้าออกไปเดินชายหาด พาไปเที่ยว และเจอผู้หญิงที่ถูกใจได้แน่นอน”

“แต่จากรายงานของคุณนี่มัน...” เขาหยิบกระดาษรายงานขึ้นมาถือไว้ในมือ นิ่งไปอึดใจหนึ่ง ก่อนจะวางมันลงที่เดิมและหรี่ตามองผม “คุณมีอะไรกับเค้าไปแล้วใช่มั้ย”

“ทำไมพี่ถึงคิดแบบนั้นครับ” ผมตกใจนิดหน่อย

“ตอบผมมา พลุ ผมไม่เอาเรื่องนี้ไปบอกใครหรอก คุณก็รู้ แต่ตอบคำถามของผมมาตรงๆ ถ้าหากว่าคุณอยากจะร่วมมือกับผมในการช่วยเหลือเขาจริงๆ ล่ะก็”

“ใช่ครับ เรามีอะไรกันคืนนั้น” ผมตอบอย่างไม่ลังเล

แทนที่เขาจะโกรธหรือแสดงสีหน้าไม่พอใจแม้สักเล็กน้อย เขากลับยิ้มที่มุมปากจางๆ พลางยกมือขึ้นลูบใบหน้าตัวเองเบาๆ “คุณนี่มันช่าง... เด็กสมัยนี้นี่น้าาา...”

“ก็เพราะแบบนั้นไงครับ ผมถึงได้ใส่มันลงไปในรายงานไม่ได้” ผมพูดขึ้น “แต่ผมยืนยันได้ว่าถ้าเรื่องร่างกาย พี่คิวเค้าไม่มีปัญหาอะไรแล้ว... ไม่มีเลยจริงๆ” ผมย้ำคำสุดท้าย

“แต่ปัญหาคือเค้าพร้อมรึยังสำหรับผู้หญิง” พี่โจพูดขึ้นเบาๆ “กับคุณมันก็อีกกรณี มันอาจจะเกิดจากความไว้วางใจบวกกับความต้องการทางเพศ แต่ถ้าหากว่าเป็นเพศตรงข้ามหรือคนที่เค้าสนใจจริงๆ ล่ะ เค้าจะยังมีความมั่นใจแบบนั้นอยู่รึเปล่า”

“เพราะแบบนั้นไงครับผมถึงอยากพาเค้าออกไปอีกครั้ง”

“คุณจะหาผู้หญิงมานอนกับเค้ารึไง”

“เปล่าครับ ผมอยากจะให้เค้าเห็นว่าเค้าก็มีเส่นห์ดึงดูดผู้หญิงได้ด้วยตัวเองมากกว่า ผมรู้ดีว่าเค้าไม่ได้ชอบผู้ชาย และการที่เค้ามีอะไรกับผมมันก็คงเป็นเพราะอย่างที่พี่บอกนั่นแหละ แต่ตอนนี้เค้ายังกลัวและขาดความมั่นใจกับเพศตรงข้ามอยู่ ซึ่งผมอยากจะพิสูจน์ให้เค้ารู้ตัวสักทีว่าเค้าคิดผิด”

“แม้แต่ผมเองยังไม่เคยคิดจะทำถึงขนาดนั้นเลยนะ...” พี่โจพูดด้วยน้ำเสียงครุ่นคิด

“ทำอะไรครับ”

“ก็เรื่องผู้หญิงอย่างที่คุณพูดนั่นแหละ”

“คงเพราะผมอายุใกล้ๆ กับเค้ามั้งครับ เลยพอรู้ว่าน่าจะใช้วิธีไหนหรืออะไรแบบเนี้ย” ผมยักไหล่

“คุณเข้าใจผิดแล้ว มันไม่ใช่เรื่องของอายุเลย” เขามองหน้าผม “ไม่ใช่ว่าผมไม่เคยคิดแบบคุณ แต่ถ้าเกิดว่ามันผิดพลาด คุณคิดบ้างรึเปล่าว่าผลที่ตามมามันจะส่งผลกระทบต่อจิตใจเค้าขนาดไหน ถ้าหากเค้าต้องผิดหวังขึ้นมาล่ะก็ เรื่องใหญ่เลยนะ นักบำบัดเอย จิตแพทย์เอย คุณรู้รึเปล่าว่าเค้าทำงานกับเรื่องพวกนี้มานานขนาดไหนแล้ว ถึงเค้าจะอายุมาก แต่พวกเค้าก็มีวิธีการฟื้นฟูสภาพจิตใจและความพร้อมของผู้ป่วยที่ได้ผลอยู่ เป็นวีธีที่ถูกต้องและเป็นสากล แต่นี่คุณกลับจะแหกกฏทุกอย่างและทำสิ่งที่ไม่เคยมีหมอคนไหนคิดจะทำกัน และถ้าหากว่ามันไม่เป็นไปอย่างที่คุณคิด ถ้าเกิดผู้ป่วยของเราสูญเสียความมั่นใจไปเลยอย่างถาวร ผมขอถามว่าคุณจะทำยังไง คุณจะรับผิดชอบไหวมั้ย”

“ผมเชื่อว่าผมคิดไม่ผิดหรอกครับ ผมรู้ว่าเค้าทำได้” ผมตอบอย่างมั่นใจ “และอีกอย่าง ไอ้หลักทางจิตวิทยา วิธีการตามหนังสือแบบค่อยเป็นค่อยไปบ้าบอพวกนั้นน่ะ ผมว่ามันไม่ได้ผลกับคนอย่างพี่คิวหรอก หรือต่อให้ได้ผลก็อาจจะใช้เวลานานเป็นชาติเลยมั้งครับ”

“คุณคิดจะหาผู้หญิงให้เค้าด้วยวิธีไหน”

“ผมไม่ได้จะหาผู้หญิงให้เค้าครับ แต่ที่หมู่บ้านผมหรือชายหาดละแวกนั้นมันก็มีผู้หญิงสาวๆ สวยๆ เยอะอยู่แล้ว บางคนที่เห็นหน้ากันบ่อยๆ ยังเคยทำท่าทีสนใจผมอยู่เลยด้วยซ้ำ มันต้องมีคนอยากเข้ามาคุยกับเราบ้างแหละ หรือถ้าไม่อย่างนั้น ผมอาจจะพาเค้าไปเที่ยวผับหรือร้านเหล้าที่ไหนสักที่ตอนกลางคืนก็ได้ ใครจะไปรู้ ผมขอแค่เค้าได้เริ่มคุยกับฝ่ายตรงข้ามก่อนก็พอแล้ว แต่ถ้ามันจะเลยไปถึงเรื่องอย่างว่าได้ก็ยิ่งดี”

พี่โจลุกขึ้นจากเก้าอี้และเดินไปหยุดยืนที่หน้าต่าง เขาเงียบไปพักหนึ่งก่อนจะหมุนตัวกลับมาหาผม “โอเค ก็ได้ ครั้งนี้ผมจะทำเรื่องและคุยกับหมอโดยตรงเลย แต่คุณต้องรับปากกับผมว่าทุกอย่างจะต้องปลอดภัย ต้องป้องกัน และไม่มีการกระทำที่ผิดกฎหมายเข้ามาเกี่ยวข้องโดยเด็ดขาด ไม่มีการซื้อผู้หญิงขายบริการ ไม่มีการว่าจ้าง หรืออะไรก็แล้วแต่ที่เป็นผลเสียต่อทั้งผู้ป่วยและโรงพยาบาล เข้าใจมั้ย ผมต้องนั่งบอกหรือออกจดหมายให้คุณมั้ยว่ามีอะไรบ้างน่ะ”

“ไม่ครับ ผมเข้าใจดี ผมจะไม่ทำอะไรที่ส่งผลเสียไม่ว่ากับใครแน่นอน” ผมรับคำอย่างหนักแน่น

วันถัดมา หลังจากที่ผมเพิ่งเดินมายังห้องของพี่คิวได้ไม่ถึงครึ่งชั่วโมง ผมก็ถูกเรียกตัวให้กลับไปพบพี่โจอีกครั้ง เขาส่งสัญญาณให้ผมนั่งลงและผมก็รู้ได้ทันทีเลยว่านี่ต้องเป็นเรื่องใหญ่แน่ๆ

“วันนี้คุณไม่ต้องทำงาน”

“เฮ้ย หมายความว่ายังไงครับ”

“เดี๋ยวจะมีคนอื่นมาทำหน้าที่แทนคุณ” พี่โจคงเห็นสีหน้าตกใจกลัวของผม เขาจึงรีบพูดต่อ “ไม่ต้องทำหน้าแบบนั้น ไม่ใช่ถาวร แค่วันนี้ หรืออาจจะแค่ไม่กี่ชั่วโมง เพราะคุณจะต้องไปประชุมกับผม”

“ผมเนี่ยนะ ทำไมครับ มีปัญหาอะไรรึเปล่า” ผมยังคงตกใจอยู่

“ก็บอกว่าไม่ต้องทำหน้าแบบนั้นไง คุณยังไม่โดนไล่ออกหรอกน่า แต่คุณจะต้องเข้าพบผู้อำนวยการ กับนายแพทย์และจิตแพทย์ของคิว เพื่อบอกพวกเค้าถึงแผนการของคุณ”

“ว่าไงนะครับ!”

“ก็หมายความว่าแบบนั้นแหละ ไม่ต้องตื่นเต้นไป นี่มันประชุมเล็กๆ ไม่ได้เป็นทางการอะไรมากมาย”

พบกับผู้อำนวยการโรงพยาบาลแล้วก็หมออีกสองคนเนี่ยนะ ไม่ต้องตื่นเต้น เขาจะบ้าหรือเปล่า!

“แล้วผมต้องไปตอนไหนครับ ผมมีเวลาอีกกี่นาที”

พี่โจก้มดูนาฬิกาข้อมือและเงยหน้ากลับขึ้นหาผม “ตอนนี้แหละ ไปได้แล้ว ตามผมมา”

เขาเดินนำผมออกจากห้องไปตามทางเดิน ขึ้นลิฟท์ไปยังชั้นที่ผมไม่เคยมา และพาผมตรงไปสู่ห้องประชุมโดยที่ไม่มีเวลาให้ผมเตรียมใจเลย เขาเคาะประตูห้องเบาๆ ก่อนจะเปิดประตูออก ผมเดินตามเขาเข้าไปข้างในและพบว่ามีผู้ชายที่มีหน้าตาและอายุดูสมกับเป็นนายแพทย์นั่งรอเราอยู่สามคน

“ผมพานักศึกษาฝึกงานคนที่ผมบอกมาพบแล้วครับ” พี่โจพูดขึ้น ก่อนจะกระทุ้งศอกใส่ผมเบาๆ

“อ... เอ่อ สวัสดีครับ ผมชื่อพิทักษ์กลไกลครับ”

“พลุ นี่ท่านผู้อำนวยการ อาจารย์เลิศศักดิ์ นี่แพทย์เจ้าของไข้ของคิว อาจารย์ปฏิภาณ แล้วก็อาจารย์ไพศาล เป็นรองผู้อำนวยการฝ่ายจิตเวช” พี่โจแนะนำทีละคน

อาจารย์ปฏิภาณบอกให้เราสองคนนั่งลง จากนั้นก็เริ่มอ่านรายงาน เขาพูดถึงงานของผมที่ทำตลอดเวลาเกือบหนึ่งเดือนที่ผ่านมาและความก้าวหน้าของพี่คิวที่ค่อนข้างน่าพอใจ แต่ไม่ได้เอ่ยปากชมผมหรือถามถึงรายละเอียดต่างๆ เพิ่มเติมเลยแม้แต่นิดเดียว ถัดมาอาจารย์ไพศาลก็เริ่มพูดถึงปัญหาทางจิตเวชที่มักเกิดขึ้นกับผู้ป่วยที่สูญเสียอวัยวะ รวมถึงลากเข้าสู่ปัญหาของพี่คิวที่เขาได้สัมผัสมา ทั้งๆ ที่ในความเป็นจริงแล้วผมต่างหากที่เป็นคนเห็นและรับรู้ปัญหาของเขามาโดยตลอด แต่ผมก็นั่งเงียบ ไม่ได้พูดหรือโต้แย้งอะไรออกไป

“คุณวิวัฒน์บอกผมว่าคุณกำลังให้ความสนใจเรื่องความกังวลด้านการมีเพศสัมพันธ์ของผู้ป่วยเป็นพิเศษอย่างนั้นเหรอ” อาจารย์เลิศศักดิ์พูดขึ้นเป็นครั้งแรก และคำพูดที่เขาใช้ก็ทำให้ผมถึงกับสะดุ้งเบาๆ

“ผมไม่ได้สนใจเรื่องความสามารถในการมีเพศสัมพันธ์ของเค้าครับ แต่ผมคิดว่ามันถึงเวลาที่เราควรจะสร้างความมั่นใจในการพูดคุยกับเพศตรงข้ามให้เค้าได้แล้วมากกว่า”

“แค่พูดคุยอย่างนั้นเหรอ”

“ถ้าจะพูดตรงๆ ก็ไม่ใช่หรอกครับ ผมหมายถึงเรื่องอย่างว่าด้วยนั่นแหละ ในเชิงที่ว่าเค้าสามารถมีกิจกรรมทางเพศได้เหมือนคนปกติ เพื่อให้เค้ารู้ว่าตัวเองทำได้ ไม่รู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ ขาดความมั่นใจ และที่สำคัญ เพื่อที่เค้าจะได้ขาเทียมเร็วๆ ด้วยครับ”

“คุณก็เลยวางแผนจะพาเค้าออกไปเที่ยวทะเล...” อาจารย์ปฏิภาณพูดขึ้นเป็นเชิงคำถาม “อีกครั้ง”

“ใช่ครับ เพราะผมรู้ว่าเค้าชอบ และครั้งที่แล้วที่เราไป เค้าก็เปิดใจให้ผมมากขึ้นเยอะเลยด้วย เพราะฉะนั้นผมก็เลยคิดว่ามันน่าจะเป็นความคิดที่โอเค ถ้าเกิดจะพาเค้าไปในสถานที่ที่เค้าสบายใจน่ะครับ”

“แล้วคุณตั้งใจจะทำยังไงต่อ” เขาถามต่อ

“ผมตั้งใจจะพาเค้าลงไปเดินริมชายหาดในกางเกงขาสั้นให้ได้ก่อนครับ นั่นคือสเต็ปแรก แล้วค่อยพาเค้าไปที่สระว่ายน้ำ เค้าจะได้ใส่กางเกงว่ายน้ำอีกครั้ง เค้าเคยบอกผมว่าเค้าจะไม่มีวันใส่มันอีก แต่ผมไม่คิดแบบนั้นครับ ผมรู้ว่าเค้าทำได้”

“แล้วหลังจากนั้นล่ะ”

“หลังจากนั้นเหรอครับ” ผมถามกลับ เริ่มรู้สึกงงๆ

“ผมขอพูดตรงๆ เลยก็แล้วกันนะครับ” ผู้อำนวยการของเราพูดขึ้นอีกครั้ง “เนื่องจากเราไม่ได้มีเวลามากนัก เพราะฉะนั้นอย่ามัวเสียเวลาอ้อมค้อมกันอยู่เลย เคสนี้เป็นเคสพิเศษนะ คุณพลุ เค้าไม่ใช่พลเรือนธรรมดา แต่เป็นทหาร สื่อยังคงให้ความสนใจอยู่บ้าง และเค้าเองก็มีความตั้งใจอยากจะกลับไปกองทัพอีกครั้งด้วย เพราะฉะนั้นเราต้องทำให้แน่ใจว่าทุกอย่างจะไม่เกิดปัญหาตามหลัง คุณเข้าใจที่ผมพูดมั้ย”

“ผมเข้าใจครับ” ผมพยักหน้า

“ผมเข้าใจว่าจุดประสงค์ทั้งหมดของคุณคืออยากจะทำให้เค้าได้มีอะไรกับผู้หญิงอีกครั้งใช่มั้ย”

ผมกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก ผมไม่เคยคิดเลยว่าผมจะต้องพูดเรื่องแบบนี้กับคนอื่นนอกจากพี่โจ แค่กับพี่โจตอนแรกๆ ที่ผมคุยกับเขาก็ว่ายากพอแล้ว แต่นี่มันคนละเรื่องกันเลย

“บอกอาจารย์ไปสิว่าคุณตั้งใจยังไงไว้” พี่โจพูดขึ้น

“ครับ ก็ประมาณนั้นครับ ผมแค่อยากให้เค้าเห็นว่า การที่เค้าหมกมุ่นอยู่กับความคิดที่ว่าเค้าไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว มันเป็นความคิดที่ผิด ผมอยากให้เค้าเห็นว่าเค้าไม่ได้มีอะไรขาดหายไป เค้ายังสามารถปฏิสัมพันธ์กับคนอื่นๆ รวมทั้งผู้หญิงที่เค้าสนใจได้ตามปกติครับ แล้วก็... ใช่ครับ ผมคิดว่าผู้หญิงหลายๆ คนก็ยังคงสนใจในตัวของเค้าเหมือนปกตินั่นแหละ ผมจึงอยากให้เค้ามั่นใจอย่างนั้นบ้าง รวมไปถึงเรื่องเซ็กส์ก็ด้วย”

คุณหมอทั้งสามคนจดบางอย่างลงในกระดาษตรงหน้าพลางทำหน้าครุ่นคิด

“ในทางทฤษฎีแล้วมันฟังดูเป็นความคิดที่แย่มากเลยนะ ผมว่า” อาจารย์ไพศาลพูดขึ้น

“แต่ทางปฏิบัติแล้วผมว่ามันก็โอเคนะ” อาจารย์ปฏิภาณแย้ง

“ที่ผมอ่านๆ จากรายงานที่คุณส่งให้คุณวิวัฒน์มาตลอดเนี่ยนะ ผมว่ามันยังดู... ไม่รู้สิ แปลกๆ ล่ะมั้ง ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา จู่ๆ มันก็ดูเหมือนมีก้าวกระโดดใหญ่ๆ ขึ้นเสียดื้อๆ แล้วจู่ๆ เราก็มาคุยกันเรื่องจะพาคนไข้ของเราออกไปนอนกับผู้หญิงเนี่ยเหรอ ผมว่ามันไม่ค่อยเข้าท่าเลย” อาจารย์ไพศาลพูดพลางเคาะนิ้วลงบนรายงานเบาๆ

“ในรายงานนั่น... บางที...” ผมก้มลงมองมือของตัวเอง “บางทีผมก็ไม่ได้เขียนทุกอย่างลงไปทั้งหมดครับ”

“แล้วทำไมคุณถึงไม่เขียน” ท่านผู้อำนวยการพูดขึ้นอีกครั้งด้วยเสียงทุ้มต่ำที่ทำผมสะดุ้งแทบทุกที “มันเป็นหน้าที่ของคุณไม่ใช่รึไง”

ผมเหลือบไปมองพี่โจด้วยหางตา แต่เขาก็ไม่สามารถช่วยอะไรผมได้ ผมสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะเริ่มอธิบาย “ผมเข้าใจครับ แต่เรื่องบางเรื่องผมก็เขียนไม่ได้จริงๆ เพราะมันคือความเชื่อใจที่พี่คิวเค้ามีต่อผม”

“คุณเข้าใจผิดแล้ว พ่อหนุ่ม หน้าที่ของคุณคือเขียนทุกอย่างมาให้ผมที่เป็นจิตแพทย์ และนักจิตเวชท่านอื่นอ่านแล้ววิเคราะห์ คุณไม่มีหน้าที่มาตัดสินเอาเองว่าอะไรควรใส่หรือไม่ใส่ลงไปในรายงาน” อาจารย์ไพศาลพูดด้วยน้ำเสียงไม่ค่อยพอใจ

“อาจารย์ครับ แค่พูดมันอาจจะง่ายนะครับ แต่ผมอยู่กับเค้ามาแทบทุกวัน เกือบจะเดือนนึงแล้ว เราหัวเราะด้วยกัน ร้องไห้ด้วยกันก็เคยมาแล้ว ผมรู้ว่าก่อนหน้านี้เค้าไม่ค่อยเปิดใจให้ใคร แต่เค้าเปิดใจให้ผม เหตุผลคือเพราะก่อนหน้านี้เค้าถูกถาม เค้าต้องตอบคำถามเยอะแยะมากมาย เค้ารู้สึกเหมือนถูกต้อนและบังคับ แต่กับผม เค้าเป็นตัวของตัวเอง เค้าระบายให้ผมฟังอย่างสบายใจ เพราะผมไม่ใช่หมอ ไม่ได้ทำหน้าที่รับฟังเค้าแค่เพราะมันเป็นหน้าที่ แต่เราเป็นเหมือนเพื่อนหรือพี่น้องนะครับ ผมว่านี่เป็นสิ่งสำคัญนะครับ”

“ถ้าอย่างนั้นหลังจากนี้เราคงต้องนัดประชุมกันและให้คุณรายงานทุกอย่างให้ผมฟังเรื่อยๆ อย่างครบถ้วนซะแล้วมั้ง”

“ไม่ครับ ผมทำแบบนั้นไม่ได้” ผมขัด เริ่มรู้สึกไม่ค่อยชอบหมอคนนี้ขึ้นทุกทีๆ “คุณหมอ... ขอโทษครับ อาจารย์ ผมไม่ได้บอกว่าอาจารย์และวิธีของอาจารย์มันผิดหรือไม่ถูกต้องหรอกนะครับ ผมไม่ใช่หมอแล้วก็ไม่มีความรู้เรื่องทฤษฎีเกี่ยวกับผู้ป่วย ไม่มีความรู้เรื่องจิตเวชหรืออะไรพวกนั้นด้วย แต่ผมรู้เกี่ยวกับพี่คิว และเค้าก็ไว้ใจผม เพราะฉะนั้นผมจะไม่ทำลายความไว้วางใจของเค้าที่มีต่อผมเด็ดขาดครับ เพราะสิ่งสำคัญที่สุดสำหรับผมคือการที่ผมได้ช่วยเหลือเค้าอย่างเต็มที่เท่านั้นเอง ไม่ว่าจะในทางไหนก็ตาม”

“ใกล้ถึงเวลาที่ผมจะต้องไปประชุมอย่างอื่นที่สำคัญกว่านี้ต่อแล้วล่ะ” อาจารย์เลิศศักดิ์พูดขึ้นพร้อมกับปิดแฟ้มตรงหน้าลง “ผมว่าวันนี้เราพอแค่นี้เถอะ”

“ผมเห็นด้วยครับ” อาจารย์ปฏิภาณพยักหน้า

“คุณวิวัฒน์ แล้วก็คุณ... ขอโทษที ผมลืมชื่อคุณซะแล้ว”

“เรียกพลุก็ได้ครับ”

“โอเค คุณพลุ แล้วก็วิวัฒน์ คุณสองคนจัดการตามที่คุณเห็นสมควรได้เลย ผมอนุญาต” อาจารย์เลิศศักดิ์ยิ้มให้เราสองคนน้อยๆ

“แต่อย่าเร่งรัดนักล่ะ คุณอาจต้องใช้เวลามากกว่าแค่วันเพียงวันเดียวหรือสองวันนะ รู้ใช่มั้ย”

“ผมเข้าใจครับ”ผมพยักหน้า

“ดี ถ้างั้นก็แค่นี้แหละ”

ผู้ใหญ่ทั้งสามคนลุกออกจากโต๊ะและทยอยเดินกันตรงไปที่ประตู และในตอนที่กำลังเดินผ่านผม อาจารย์ปฏิภาณก็วางมือลงบนหัวไหล่ของผมและบีบเบาๆ

“พานายทหารของเรากลับไปออกรบอีกครั้งซะนะ ไอ้หนู แต่อย่าเอาไปบอกใครล่ะ”

“ครับ!” ผมรับคำ

หลังที่ออกจากห้องประชุม ผมกับพี่โจก็คุยถึงเรื่องนี้กันอย่างโล่งอก เขาเอ่ยปากชมผมที่กล้าพูดหลายๆ อย่างออกไป แต่ที่จริงผมก็แค่พูดในสิ่งที่ผมคิดเท่านั้นเอง ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าผมก้าวร้าวเกินไปหรือเปล่า และมันจะทำให้ผมมีปัญหาต่อไปในอนาคตมั้ย แต่อย่างน้อยๆ ตอนนี้ผมก็ได้รับอนุญาตที่จะทำให้ผู้ชายของผมคนนี้ได้รับความมั่นใจในตัวเองกลับมาอีกครั้งแล้ว สิ่งที่ขาดเพียงอย่างเดียวก็คือ ‘โชค’ ที่จะทำให้เราบรรลุผลสำเร็จได้เท่านั้นเอง

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 12-06-2016 22:51:18 โดย ExecutioneR »

ออฟไลน์ miracle22936

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 220
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-2
ว้าวมาใหม่ที่เดียว สองตอนเลยยยยย

แหม่ความสัมพันธ์ของ พลุ กับ คิว กำลังดีขึ้นเรื่อย ๆ เลยยยย :z2: :z2:

ออฟไลน์ Ra poo

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 588
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-0
สั้นอ่าาาาา มา 2 ตอนก็ยังสั้น ลง 20 ตอนเลยซี่ เอาเยอะๆๆ :laugh:

คิวยอมพลุง่ายเหมือนกันเนอะ ให้เสียบก็เสียบ
เราว่าระบบความคิดพลุแปลกๆนะ เหมือนอยาก...อยู่ใกล้คิว ไม่ค่อยสนใครด้วย
ชีวิตจริงนี่โดนหมกป่าไปแล้วนะ
แต่คิวมีความสุข เราก็สุขด้วย^^

เอ๊ะ!? ทำไมเราลุ้นโจคิวฟร่ะเนี่ยยยยยย  :z3: :z3:
อยากเห็นฉองคนนี้อยู่ด้วยกันเหมือนกันน้า :impress2:

ปูลูปล้ำลิง ขออนุญาตคนเขียนไม่อยู่สัก 2 เดือนนะคะ สัญญาว่ากลับมาจะนั่งเม้นท์ไล่ยาวๆเลย
รักนะคุณต้น ชุบุ  :กอด1:


ออฟไลน์ KaorPaor

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 669
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +140/-4
พลุสุดยอดไปเลย

ออฟไลน์ ordkrub

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4157
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +341/-12
ชอบพลุ!!!!!!!
 :L1: :L1: :L1:
เอาใจช่วยให้สำเร็จ

ออฟไลน์ vivalasvegus

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 142
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0

ชอบทั้ง 2 คน คุยกันเปิดเผยดี

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: The Missing Piece:: สิ่งที่ขาดหาย [New 26 Nov 2 ตอน]
« ตอบ #79 เมื่อ: 27-11-2012 13:05:06 »





ออฟไลน์ IIMisssoMII

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2030
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-2
ไปได้สวยมจนน่ากลัวว่าจะมีอะไรมาทำให้สะดุดล่ะ
ผู้ชายของผม
ใช้คำนี้ได้เต็มที่เลยล่ะ
เราว่า ในสายตาพี่คิว พลุในตอนนั้น คงเซ็กซี่น่าดูทีเดียว
บวกหนึ่งคะ สำหรับสองตอนนี้

ออฟไลน์ Ra poo

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 588
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-0
ดันอีกรอบ จึ้กๆ :z2:

ออฟไลน์ runma

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 169
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0
ผมชอบความคิดของพลุที่คุยกับพี่คิว คิดอยู่แต่แรกแล้วว่าพลุน่าจะเคยบาดเจ็บ
มาก่อน ชีวิตที่ต้องเปลี่ยนไปแบบไม่ทันตั้งตัวแบบนี้ ก็เหมือนขับรถอยู่บนถนนดีๆ
จู่ๆ ก็มีรถพุ่งออกจากซอยมาชนอย่างจังไม่ได้เตรียมตัวเตรียมใจรับกับสิ่งร้ายๆ ที่เกิดขึ้น
ถ้าไม่ได้รับกำลังใจดีๆ ชีวิตก็คงแย่เหมือนกันนะครับ

แล้วคิวก็ยอมมีอะไรกับพลุจนได้ ผมยังมองไม่ออกว่าความสัมพันธ์ของทั้งคู่จะลงเอย
ในรูปแบบไหน คงต้องตามตอนต่อไป
 :m21:

ออฟไลน์ kasarus

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1780
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-3
ขอให้เรื่องเป็นไปตามที่พลุต้องการด้วยเถอะ
แอบสังหรณ์ใจว่าจะมีอุปสรรคเกิดขึ้น

ออฟไลน์ Monkey D lufy

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +245/-4
มาที่เดียว 2 ตอนเลย

อิอิ

พลุพยายามเข้านะจ๊ะ

ออฟไลน์ ExecutioneR

  • จุ๊บ จู๊บบบบบ ~~ ♥
  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4243
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1722/-40
    • FB Page
ตอนที่ 8

เมื่อได้รับอนุญาต ผมก็ไม่จำเป็นต้องรอให้ถึงวันเสาร์เพื่อที่จะพาพี่คิวออกมาจากโรงพยาบาลและนอนค้างที่บ้านของผมอีกต่อไป ดังนั้นผมจึงพาเขาออกจากโรงพยาบาลตั้งแต่วันศุกร์ และตั้งใจว่าจะพาเขากลับมาส่งที่โรงพยาบาลในวันอาทิตย์ ผมหวังว่าในช่วงเวลาสามวันสองคืนนี้จะก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงบางอย่างที่น่าพอใจสำหรับเราทุกคนได้ไม่มากก็น้อย

“พี่พลุ!!” เสียงหวานๆ ร้องเรียกชื่อผมอย่างร่าเริง

ผมหยุดมือที่กำลังขนของลงจากรถและหันไปมองยังที่มาของเสียงนั้น ผู้หญิงในชุดเสื้อกล้ามกางเกงขาสั้นคนหนึ่งกำลังเดินตรงเข้ามาหาผมพอดี

“ไม่ได้เจอกันตั้งนานเลยนะคะ พี่”

“นานเหรอ เราเพิ่งจอกันที่มหาลัยเมื่อ 2-3 อาทิตย์ก่อนเองนะ” ผมหัวเราะเบาๆ

“แหม แค่นั้นก็นานแล้วเหอะ น้องจะคิดถึงพี่บ้างไม่ได้เลยรึไง” อีกฝ่ายตีลงบนต้นแขนของผมเบาๆ อย่างหยอกล้อ

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเนย เป็นรุ่นน้องของผมที่มหาวิทยาลัย แต่ว่าเรียนคนละคณะกับผม นานๆ เราก็เดินสวนกันหรือเจอกันบ้าง และที่สำคัญ เนยยังเป็นลูกของเพื่อนพ่อผมที่มาซื้อบ้านที่หัวหินนี่ด้วยกัน แล้วบ้านของพวกเขาก็อยู่ไม่ไกลจากบ้านของเราอีกด้วย
ผมพอจะรู้มานานแล้วว่าเนยเป็นตัวอย่างของผู้หญิงที่มักถูกเรียกว่า ‘รักสนุก’ ของจริง

เนยเป็นคนสวย และเที่ยวเก่ง ผู้ชายหลายคนต่างก็ต่อคิวอยากจะควงเนยไปเที่ยวหรือได้เป็นคนพิเศษ ซึ่งจากที่ผมรู้มา หลายๆ คนก็ประสบความสำเร็จในระดับหนึ่งโดยที่แทบไม่ต้องพยายามมากมายเลยด้วยซ้ำ ขอแค่คุณมีเงิน มีรถ มีหน้าตาที่คู่ควร เนยก็พร้อมจะออกเดทกับคุณได้ทันที และผมก็รู้ด้วยว่าเนยพยายามเป็นฝ่ายรุกเข้าหาผมมาหลายต่อหลายครั้งแล้วเหมือนกัน เพียงแต่ผมทำเป็นเหมือนไม่รู้ตัวเพื่อหลบเลี่ยงมาโดยตลอดเท่านั้นเอง

“เนยมาเที่ยวกับพ่อแม่เหรอ” ผมถามพลางขยับตัวหนีไปก้าวหนึ่งเพื่อหยิบกระเป๋าเป้ออกจากรถ

“เปล่าค่ะ เนยมากับเพื่อนๆ อีกสามคน มีแต่สาวๆ ทั้งนั้นเลยน้า พี่พลุไปนั่งเล่นที่บ้านเนยด้วยกันมั้ย”

“เอ่ออ ไม่เป็นไรดีกว่า พอดีพี่พาเพื่อนมาด้วยน่ะ”

“เพื่อนเหรอคะ ผู้หญิงหรือผู้ชาย แล้วอยู่ไหนล่ะ” เนยมองเข้าไปในบ้าน

“เพื่อนผู้ชายครับ จริงๆ จะเรียกว่าเป็นรุ่นพี่ก็ได้มั้ง แต่เค้าอยู่ข้างบนน่ะ”

“อ๋อออ งั้นพี่พลุกับเพื่อนแวะไปเที่ยวบ้านเนยก็ได้นะคะ คืนนี้เนยว่าจะจัดปาร์ตี้เล็กๆ กันนิดหน่อย เผื่อพี่จะสนใจ” เนยส่งยิ้มให้ผมอย่างมีเลศนัย

หรือว่านี่อาจจะเป็นโอกาสของผมแล้วก็ได้ล่ะมั้ง

เมื่อเนยเดินกลับบ้านไป ผมก็สะพายกระเป๋าเดินขึ้นบันไดไปหาพี่คิวที่นอนเอนหลังรออยู่ที่เดิม

“เมื่อกี้มึงคุยกับใครวะ”

“ได้ยินด้วยเหรอ”

“นิดหน่อย ได้ยินแต่ว่าเป็นเสียงผู้หญิง”

“คนรู้จักน่ะ ชื่อเนย เป็นรุ่นน้อง ลูกเพื่อนพ่อด้วย อะไรเงี้ย”

เขาพยักหน้ารับอย่างไม่ใส่ใจมากนัก ผมจึงเดินเข้าไปในบ้าน วางกระเป๋าลงในห้องนอน จัดเก็บของอีกนิดหน่อยแล้วเดินกลับออกมาที่ระเบียงบ้านอีกครั้ง

เรานั่งคุยกันอยู่สักพักก็ได้ยินเสียงออดดังขึ้น ผมนึกสงสัยว่าใครจะมาหาผมที่นี่ ตอนแรกก็คิดว่าอาจจะเป็นเพื่อนของพ่อกับแม่ แต่ก็ไม่น่าใช่ ผมเดินไปตรงบันไดและชะโงกหน้าลงไปดูก็เห็นเนยกับผู้หญิงอีกคนกำลังชะโงกหน้ามองขึ้นมามองหาผมอยู่พอดี

“พี่พลุ! ทำอะไรอยู่รึเปล่าคะ เนยพาเพื่อนมาเที่ยวแหละ เอาพายทำเองมาฝากด้วยน้า!”

“อ๋อออ ไม่ได้ทำอะไรครับ นั่งคุยกับเพื่อนอยู่เฉยๆ” ผมตอบ จากนั้นก็เหลือบไปทางพี่คิว เขามองผมตอบด้วยสีหน้าหวั่นๆ

“เนยขอขึ้นไปหน่อยนะค้าาา” เนยพูดพลางเดินตรงเข้ามายังรั้ว

“ไม่ๆๆ อย่านะเว้ย!” พี่คิวพูดเบาๆ ด้วยสีหน้าตื่นตระหนก

“ไม่ทันแล้วว่ะพี่” ผมกระซิบตอบเขาไป ก่อนจะชะโงกหน้าลงไปมองดูข้างล่างและเห็นเนยกำลังเปิดประตูรั้วที่กั้นตรงบันไดออก

พี่คิวดูลุกลี้ลุกลนและพยายามมองหาบางอย่างมาปิดขาของตัวเอง แต่ก็ไม่ทันเสียแล้ว เมื่อเนยและเพื่อนเดินขึ้นมาถึงบนบ้าน สายตาของทั้งสองคนก็พุ่งไปยังพี่คิวที่นอนเอนหลังอยู่บนเก้าอี้ทันที

“เอ่ออ เนย นี่พี่คิวนะ พี่คิว นี่เนย” ผมเริ่มแนะนำสั้นๆ

“สวัสดีค่ะ” เด็กผู้หญิงทั้งสองคนยกมือขึ้นไหว้พี่คิวพร้อมๆ กัน

“นี่บีค่ะ เพื่อนเนยเอง” เนยแนะนำเพื่อนของตัวเองที่ก็สวยไม่แพ้กับเนยเลยทีเดียว

“พี่คิวเค้าเป็นทหารน่ะ” ผมพูดขึ้นพลางเดินไปยืนข้างๆ เขา

“มิน่าล่ะ หุ่นดีเชียว” เนยหัวเราะคิกคักเบาๆ ไม่ได้มีท่าทีใส่ใจกับขาของพี่คิวหรือแม้แต่คิดจะแสดงความเสียใจหรือสงสารอย่างไม่จำเป็นออกมาเลย “เอ้า เดี๋ยวลืม นี่ค่ะ พายแอปเปิ้ล พวกเนยเพิ่งทำเสร็จกันเมื่อกี้เลยเดินเอามาแบ่งให้พี่ๆ ได้ลองชิมด้วย”

“งั้นเนยกับบีนั่งลงก่อนนะ เดี๋ยวพี่เอาไปจานมาแบ่งให้ จะได้กินกันทุกคน” ผมรับจานใส่พายมาจากเนยแล้ววางมันลงบนโต๊ะ

“ไม่เป็นไรค่ะ พี่เอามาแค่สองใบก็พอ เดี๋ยวพวกหนูกลับไปกินที่บ้านก็ได้ มีอีกเยอะค่ะ” บีพูดขึ้น

ผมพยักหน้าและเดินเข้าไปในบ้าน พยายามเดินช้าๆ และใช้เวลาอยู่ในห้องครัวให้นานกว่าปกตินิดหน่อย เมื่อผมเดินกลับขึ้นไปบนระเบียงอีกครั้งก็เห็นพวกเขาสามคนกำลังนั่งคุยกันอยู่พอดี

“ทำไมไปนานจังวะ แค่หยิบจานแค่นี้” พี่คิวพูดด้วยน้ำเสียงไม่ค่อยพอใจขึ้นทันที

“ก็ลองดูๆ ด้วยว่าขาดของกินอะไรอยู่น่ะ คิดอยู่ว่าจะออกไปซื้อ”

“ตอนนี้น่ะเหรอ” เขาเลิกคิ้วขึ้นท่าทางหวั่นๆ

“ก็นั่นน่ะสิ ไปเลยก็ได้มั้ง” ผมยักไหล่ และเห็นเนยกับบีพยักหน้าให้แก่กันเบาๆ

“งั้นบีขอนั่งคุยกับพี่คิวอีกสักพักแล้วกันนะคะ พี่พลุจะว่าอะไรรึเปล่า” บีเงยหน้าขึ้นมายิ้มให้ผม

“ไม่ว่าหรอกครับ เชิญตามสบายเลย”

“งั้นเนยไปกับพี่พลุด้วยคนนะคะ” เนยลุกขึ้นยืน

“ได้เลยครับ”

“เฮ้ย นี่มึงจะออกไปแล้วเหรอ มึงจะไปซื้ออะไร” พี่คิวพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงและแววตาที่เกือบจะอ้อนวอน

ที่จริงผมก็รู้สึกผิดเหมือนกันนะ แต่ในเมื่อฝ่ายหญิงเองก็ดูท่าทางจะสนใจในตัวเขาขนาดนี้แล้ว ผมคงปล่อยให้โอกาสนี้หลุดมือไปไม่ได้จริงๆ แถมที่สำคัญ ผมก็ต้องทนอยู่กับเนยสองต่อสองด้วยเหมือนกัน เพราะฉะนั้นถือว่าเราสองคนเจ๊ากันไปก็คงจะได้ล่ะมั้ง และที่สำคัญสิ่งนี้มันก็เพื่อตัวของเขาเอง ผมอยากให้เขาได้ลองคุย ลองอยู่กับผู้หญิงที่สนใจในตัวของเขาตามลำพังดูบ้าง เพื่อที่เขาจะได้เรียกความมั่นใจในตัวเองกลับคืนมา และถ้าหากว่าอะไรๆ เป็นไปได้ดี คืนนี้ผมก็อาจจะพาเขาไปปาร์ตี้ที่บ้านของเนยตามที่ถูกเชิญดู เผื่อว่าเขาจะไปได้ถึงเป้าหมายอีกขั้นตามที่เราตั้งใจไว้ก็ได้

ผมนั่งรถออกไปข้างนอกกับเนยและเสียเวลาซื้อของอยู่ราวชั่วโมงกว่าๆ ซึ่งเนยเองก็ยังคงแสดงความสนใจในตัวของผมอย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นคำพูดหรือแม้แต่การถูกเนื้อตัวผมมากเกินความจำเป็น

ในระหว่างที่ขับรถกลับบ้าน เนยก็ได้รับโทรศัพท์จากบีบอกว่าบีเดินกลับมาที่บ้านเองแล้ว ผมนึกกังวลนิดหน่อยว่าเขากับพี่คิวจะมีปัญหาอะไรหรือเปล่า แต่เท่าที่ฟังจากเสียงหัวเราะและเนื้อหาที่พวกเขาคุยกันแล้ว ผมก็เดาเอาเองว่าท่าทางไม่น่าจะมีอะไรผิดปกติ

ผมแวะส่งเนยที่บ้านของเขาก่อนแล้วจึงเลยกลับมายังบ้านของตัวเอง เมื่อผมเดินขึ้นไปบนระเบียงก็เห็นพี่คิวกำลังนอนอ่านหนังสืออยู่ที่เดิม

“ไม่คิดจะเปลี่ยนที่มั่งเลยรึไง ไม่เข้าบ้านไปดูทีวีบ้างล่ะ” ผมถาม

“ไม่ล่ะ ตรงนี้แหละดีแล้ว”

“เดี๋ยวก็ดำหรอก”

“ถ้ากูกลัวดำ กูจะมาเป็นทหารมั้ย”

ผมยักไหล่และเดินเอาของเข้าไปเก็บในบ้าน ก่อนจะเดินลงบนไดไปยังห้องครัว ผมต้องเดินผ่านห้องของตัวเองที่ประตูเปิดแง้มอยู่เล็กน้อย แต่แล้วผมก็สังเกตเห็นความผิดปกติบางอย่างจากเตียงนอนของตัวเอง ผมจึงผลักประตูเข้าไปข้างใน และสิ่งที่เห็นก็ช่วยยืนยันสิ่งที่ผมสงสัยเอาไว้ได้จริงๆ แต่เพื่อความแน่ใจ ผมจึงเดินไปเปิดลิ้นชักที่โต๊ะหัวเตียงดูแล้วก็ต้องหัวเราะออกมาเบาๆ เมื่อจำนวนซองถุงยางที่ผมใส่เอาไว้หายไปหนึ่งซอง

ที่นี้ผมก็รู้แล้วว่าเมื่อกี้เนยหัวเราะอะไร ท่าทางป่านนี้สาวๆ พวกนั้นคงจะมีเรื่องให้คุยกันสนุกปากไปแล้วสินะ

ผมลงไปเก็บของในตู้เย็นแล้วก็เดินกลับขึ้นไปที่ระเบียงอีกครั้ง พายแอปเปิ้ลที่ได้มาเมื่อตอนแรกหายไปแล้วเกือบครึ่ง

“ไม่ต้องมาทำเป็นเงียบเลย” ผมพูดขึ้นพลางนั่งลงบนเก้าอี้ข้างๆ เขา

“อะไร” เขาถามกลับ แต่น้ำเสียงของเขาก็บอกชัดเจนอยู่แล้วว่าเขาว่ารู้ว่าผมกำลังพูดถึงอะไรอยู่

“ไม่ต้องมาทำเนียน ผ้าปูเตียงในห้องยังเละเทะอยู่เลยเหอะ รีบๆ เล่าให้ผมฟังเลย ทำไมได้ง่ายจังวะ นี่ขนาดเพิ่งเจอกันแถมผมยังหายไปไม่นานเองนะเว้ย” ผมพูดพลางตักพายเข้าปาก

เขาหัวเราะในลำคอเบาๆ “ก็เด็กมันยั่ว ทำไงได้”

“ยั่วยังไงไหนเล่าดิ๊”

“มันก็ถามๆ ว่าทำไมถึงได้เป็นแบบนี้” เขาชี้ไปที่ขาข้างซ้าย “แล้วก็ชมว่ากูหุ่นดี หล่อ ถามเรื่องแฟน นั่นนี่”

“ก็เรื่องธรรมดานะ”

“มันไม่ธรรมดาตอนที่มาขอจับกล้ามท้องกูนั่นแหละ”

ผมแทบสำลักพายที่กำลังกินอยู่ “ฮ่าๆๆ จริงอะ!”

“เออ” เขายิ้มกว้าง “แล้วก็นั่นแหละ ที่เหลือมึงคงเดาเองได้มั้ง”

“แหมเว้ย น่าอิจฉาจริงๆ!”

“น่าอิจฉากู หรือน้องมัน”

“นั่นสินะ” ผมหัวเราะในลำคอเบาๆ

เขาเหวี่ยงตัวเป็นลุกขึ้นนั่ง หยิบไม้เท้าที่พาดอยู่ตรงผนังมาค้ำ แล้วจึงเดินไปหยุดยืนอยู่ที่ริมระเบียง เขากวาดสายตาไปยังชายหาดสีขาวและท้องทะเลเบื้องหน้าครู่หนึ่ง

“กูว่า... ลองลงไปเดินข้างล่างบ้างก็อาจจะดีมั้ง”

ผมรีบดีดตัวลุกขึ้นนั่งทันที “จริงดิ งั้นไปกันเลย ไป”

เขาหันมานิ่วหน้าใส่ผม “ไม่ใช่ตอนนี้วันนี้เว้ย แต่หมายถึงเร็วๆ นี้ อาจจะครั้งหน้า หรือไม่ก็...”

“จะตอนนี้หรือตอนไหนมันจะต่างกันยังไง” ผมสวนกลับ “ผมก็เคยบอกพี่แล้ว จะรออีกนานขนาดไหนขาพี่มันก็ไม่งอกออกมาอยู่ดี คนนะเว้ยไม่ใช่จิ้งจก”

เขารู้ว่าผมจะไม่ยอมให้เขาผลัดไปวันหน้าหรือครั้งอื่นแน่ๆ “งั้นเข้าไปหยิบเสื้อมาให้หน่อย”

“จะใส่ทำไม และที่สำคัญ ไม่ใช่เสื้อหรอกที่พี่ต้องใส่น่ะ แต่เป็นกางเกงต่างหาก ผมไม่ให้พี่ใส่กางเกงตัวนี้ลงทะเลเด็ดขาด มันหนักเกิน”

“ใครบอกมึงว่ากูจะลงทะเล” เขาตีหน้าบึ้ง

“แล้วจะลงไปที่ชาดหาดทำมะพร้าวอะไรถ้าไม่ลงทะเลน่ะ มานี่ เข้าบ้าน ผมจะได้หยิบกางเกงและทาครีมกันแดดให้”

เขาเดินตามผมเข้ามาในบ้าน ผมหยิบกางเกงขาสั้นเนื้อผ้าบางๆ ตัวหนึ่งออกมาจากในตู้และยื่นให้เขา

“จะบ้ารึไง กูจะไปใส่ได้ไงวะ ตัวแค่นี้”

“ใส่ได้น่า ลองดูก่อนเหอะ”

เขาถอดกางเกงตัวที่ใส่อยู่ออกและจัดการสวมกางเกงของผมเข้าไป ผมแทบไม่สามารถละสายตาจากร่างกายของเขาได้เลยแม้สักวินาทีเดียว

“เอวมันคับไปหน่อยว่ะ” เขาพูด

“แต่ก็ใส่ได้ใช่มั้ยล่ะ ยางยืด ไม่น่าจะมีปัญหาหรอก แบบนี้ก็ดีแล้ว จะได้ไม่หลุดง่ายๆ เวลาอยู่ในน้ำ” ผมหยิบขวดครีมกันแดดมาจากหน้ากระจกและเดินมานั่งลงบนเตียงข้างๆ เขา “เอ้า หันมา จะทาครีมให้”

เขาหันหลังให้ผม และปล่อยให้ผมลูบไล้ร่างกายของเขาแทบทุกซอกทุกมุม ผมใช้เวลาอยู่ตรงหน้าอกและกล้ามท้องของเขานานกว่าส่วนอื่นนิดหน่อย ผมรู้สึกถึงร่างกายของเขาที่แข็งเกร็งเล็กน้อยทุกครั้งที่ผมไล่มือผ่านตรงหัวนมของเขา

“พอแล้ว มึงไปเปลี่ยนกางเกงเถอะ” เขาพูดพลางขยับตัว “ตรงขากูทาเองได้”

“ไม่เป็นไร ให้ผมทาให้พี่เถอะ”

เขาลังเลอยู่ครู่หนึ่ง “ไม่ต้อง มึงไปเปลี่ยนเสื้อผ้าซะ จะได้ไม่เสียเวลา”

ผมทำตามที่เขาบอก และอีกครึ่งชั่วโมงถัดมา เราสองคนก็กำลังเดินกันอยู่บนริมหาดทรายสีขาว ดูท่าทางการพยุงตัวด้วยไม้เท้าบนพื้นทรายจะยากกว่าที่พี่คิวคิดนิดหน่อย แต่หลังจากเดินอยู่ได้ไม่กี่นาทีเขาก็เริ่มคล่องขึ้น นักท่องเที่ยวบางคนหันมามองเราสองคนด้วยสายตาที่แสดงความสนใจ แต่ผมค่อนข้างมั่นใจว่าพวกเขาล้วนแต่มองพี่คิวด้วยแววตาชื่นชมมากกว่า

“พร้อมรึยัง” ผมถามขึ้น

เขามองตรงไปยังท้องทะเลเบื้องหน้า “ก็คงงั้น”

“ถ้าพร้อมเมื่อไหร่ก็ส่งไม้เท้ามาให้ผมแล้วกัน”

พี่คิวพาตัวเองเดินตรงไปยังทะเลเบื้องหน้า เมื่อไม้เท้าของเขาปักลงบนทรายที่เปียกน้ำ เขาก็เสียการทรงตัวนิดหน่อย แต่เขาก็ปรับตัวได้ภายในแค่ 4-5 ก้าวเท่านั้น และเมื่อเราสองคนเดินลงทะเลไปถึงระดับน้ำประมาณหัวเข่าแล้ว เขาก็ส่งไม้เท้าให้กับผม
เขาค่อยๆ เขย่งพาตัวเองลงน้ำลึกไปอีกหน่อย จากนั้นก็สูดลมหายใจเข้าลึกๆ และกระโจนลงน้ำไป ผมเดินกลับขึ้นฝั่งและโยนไม้เท้าลงบนพื้นทราย ก่อนจะรีบวิ่งกลับไปในทะเลเพื่ออยู่ใกล้ๆ เขาอีกครั้ง เขาพุ่งตัวขึ้นจากน้ำพร้อมกับสบถเสียงดัง

“แม่งเอ๊ยยย!! เมื่อกี้กูกะ…!!” ยังไม่ทันที่จะพูดจบประโยค เขาก็ถูกคลื่นลูกใหญ่ซัดจนตัวปลิวและจมหายไปใต้น้ำอีกครั้ง

“เอ้า!”

ผมกำลังจะพุ่งตัวเข้าไปควานหาเขา แต่เขาก็โผล่ขึ้นมาจากน้ำได้เองพร้อมกับสบถคำหยาบออกมาอีกชุดใหญ่ ผมมองหน้าเขาแล้วหัวเราะออกมาอย่างอดไม่ได้ ตอนแรกเขาก็ด่าผมและถามว่าผมหัวเราะอะไร แต่แล้วสุดท้ายเราสองคนต่างก็หัวเราะออกมาพร้อมๆ กัน

“มันยากนะเว้ย!!” เขาพูดขึ้นหลังจากที่หยุดหัวเราะแล้ว “เหมือนตอนออกกำลังแรกๆ ไม่มีผิด สัญชาติญาณกูมันเอาแต่จะพึ่งขาข้างที่ไม่มีแล้วอยู่ตลอด”

“จริงๆ เราน่าจะไปว่ายน้ำที่สระก่อนมั้ง จะได้ง่ายกว่านี้”

“แล้วให้กูใส่กางเกงว่ายน้ำที่มึงซื้อมาให้นั่นน่ะนะ ไม่มีทางว่ะ”

“ดื้อจริงๆ เว้ย”

“ขอกูลองอีกที” เขาเริ่มออกว่ายในท่าฟรีสไตล์โดยมีผมคอยเดินตามไปข้างๆ

“เฮ้ย พี่ก็ว่ายได้นี่หว่า แถมเร็วอีกต่างหาก” จากที่พยุงตัวเดิน กลายเป็นผมต้องเริ่มออกว่ายน้ำอย่างจริงจังเพื่อตามให้ทันเขา
เขาหยุดและหันมาหาผม “กูว่ามันทรงตัวยากว่ะ ยากกว่าตอนทำสคอวชขาเดียวอีก”

“ผมว่าพี่เก่งแล้วว่ะ พูดจริงๆ นะเนี่ย”

“มึงรู้มั้ยว่ากูคิดอะไรอยู่...” เขายิ้ม “ถ้าสมมติว่าจู่ๆ กูร้องโวยวายและตะเกียกตะกายวิ่งขึ้นจากน้ำพร้อมร้องตะโกนว่า ‘ฉลาม!’ โดยมีขาข้างเดียวแบบนี้เนี่ยมึงว่า คนอื่นที่เล่นน้ำอยู่จะเป็นยังไงวะ”

ผมหัวเราะ “ฮ่าๆๆ คงเหมือนฉากในหนังอะ”

“จะลองมั้ยล่ะ” เขายักคิ้วท้าทาย

“ไม่ต้องเลย ผมยังอยากมาเที่ยวที่นี่อีกบ่อยๆ นะเว้ย”

“ว้า” เขาแกล้งทำหน้าผิดหวัง แต่ผมก็ดีใจนะที่เขาดูมีอารมณ์ขันมากขึ้น

เราดำผุดดำว่ายกันอยู่อีกราวๆ ครึ่งชั่วโมง บางครั้งที่เราหยุดพักและยืนคุยกัน เขามักจะถูกคลื่นลูกใหญ่ซัดจนปลิวมาชนผมบ้าง จมลงไปในน้ำบ้าง ซึ่งก็ทำให้เขาหงุดหงิดทุกครั้ง แต่ผมดูรู้ว่าลึกๆ แล้วเขากำลังมีความสุขมากแค่ไหน

“ขึ้นกันเหอะว่ะ กูเริ่มเหนื่อยแล้ว” เขาบอกผม “ไม้เท้าอยู่ไหนวะ”

ผมชี้ไปบนฝั่งที่อยู่ห่างจากเราอย่างน้อยก็สัก 100 เมตรได้

“เฮ้ย! นี่เราลอยกันมาไกลขนาดนี้เลยเหรอวะเนี่ย!!”

“พี่ขึ้นฝั่งแล้วรอผมอยู่ตรงนี้ก็ได้ เดี๋ยวผมไปหยิบมาให้”

“ไม่เป็นไร ไปด้วยกันนั่นแหละ”

เราเดินขึ้นมาถึงตรงที่น้ำตื้นแค่ประมาณต้นขา แล้วก็ค่อยๆ เดินบ้าง พยุงตัวบ้าง ว่ายน้ำบ้าง ไปยังตำแหน่งที่เราวางไม้เท้าเอาไว้ และเมื่อมาถึง พี่คิวก็ล้มตัวลงนอนบนพื้นทรายอย่างหมดแรงทันที

“ไม่ไหวว่ะ เหนื่อยเหี้ยๆ เลย” เขาหอบ

“อย่าว่าแต่พี่เหอะ ขนาดผมเองยังเหนื่อยเลย” ผมสารภาพพลางมองไปรอบๆ “ตรงนั้นมีเก้าอี้ชาดหาดว่างนะ ไปนั่งมั้ย ของหมู่บ้านผมเอง ไม่เสียเงิน”

เขามองตามที่ผมชี้ “โอเค”

อีกไม่กี่นาทีถัดมา เราก็ล้มตัวลงบนเตียงผ้าใบแทน พี่คิวบิดน้ำออกจากกางเกงและพยายามจัดเนื้อผ้าที่เปียกน้ำไม่ให้แนบกับลำตัวมากนัก

“ผมว่าถ้าพี่ไม่อยากให้คนเห็นไอ้นั่นของพี่นะ พี่คงต้องขุดหลุมบนทรายแล้วนอนคว่ำลงอะว่ะ ถึงจะซ่อนมิด”

“ตลกขนาดนี้ มึงลาออกแล้วไปเล่นตลกดีกว่าไป” เขาประชด

“เค้าเรียกว่าคารมเป็นต่อ รูปหล่ออีกต่างหากเว้ย” ผมหัวเราะ

เขาหัวเราะเบาๆ พลางส่ายหน้า ก่อนจะหลับตาลง ผมจึงสบโอกาสได้นั่งมองร่างกายอันงดงามของเขาอย่างเต็มตาอีกครั้ง กางเกงขาสั้นที่แนบไปบนร่างกายของเขาทำให้เห็นไอ้น้องชายที่นูนโป่งขึ้นมาอย่างชัดเจน เขาดูเซ็กซี่ยิ่งกว่าเดิมอีกเป็นทวีคูณ
อีกราวๆ สิบนาทีถัดมา เด็กผู้ชายอายุราวๆ สี่หรือห้าขวบคนหนึ่งที่ผมเคยเห็นเขานั่งเล่นทรายอยู่ไม่ไกล ก็เดินเข้ามาหาพวกเรา

“พี่ฮะ ขาพี่เป็นอะไรเหรอฮะ” เขาถามพี่คิวด้วยน้ำเสียงและสีหน้าที่ใสซื่อบริสุทธิ์

แม่ของเด็กคนนี้รีบลุกออกจากที่และวิ่งตรงเข้ามาหาพวกเราทันที “น้องโอ! แบบนั้นเสียมารยาทนะคะลูก! พี่ขอโทษนะคะน้อง พี่ขอโทษจริงๆ” เธอพูดด้วยความกังวลพลางพยายามจะดึงตัวลูกชายให้กลับไปที่เดิม

พี่คิวชันตัวขึ้นนั่ง ผมทั้งรู้สึกดีใจที่เกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น แต่ในขณะเดียวกันก็รู้สึกกังวลมากเช่นกัน ผมกลั้นหายใจรอดูท่าทีของเขา

“ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมไม่ถือ” เขายิ้มให้ทั้งแม่แล้วก็เด็กคนนี้ “ตัวเล็กอยากรู้เหรอครับว่าทำไมพี่เป็นแบบนี้”

“คับ” เด็กน้อยพยักหน้า

พี่คิววางมือลงบนไหล่เล็กๆ ของเขาอย่างอ่อนโยน “พี่เป็นทหารครับ ไปต่อสู้กับคนไม่ดีที่ภาคใต้มา แล้วพี่ไปเหยียบโดนระเบิดที่คนพวกนั้นฝังเอาไว้เข้าน่ะครับ ตัวเล็กรู้จักระเบิดมั้ยครับ”

“รู้จักคับ น้องโอรู้จัก! ที่มันจะระเบิดดังตู้มม! ใช่มั้ยฮะ!” เด็กน้อยตอบพร้อมกางแขนออก สีหน้าดีใจที่ตอบคำถามได้

“ใช่แล้วครับ”

“แล้วพี่เจ็บมั้ยฮะ”

“ตอนนี้ไม่เจ็บแล้วล่ะครับ”

“อ๋อออ น้องโอรู้แล้ว! เพราะงั้นพี่ก็เลยต้องมีไอ้แท่งๆ พวกนี้ไว้ช่วยเดินใช่มั้ยฮะ” เขาชี้ไปที่ไม้เท้า

“ใช่ครับ แต่อีกไม่นานพี่ก็จะได้ขาใหม่และพี่ก็จะไม่ต้องใช้ไม้เท้าพวกนี้แล้ว”

“มันจะไม่งอกออกมาใหม่เองเหรอฮะ” โอชี้ไปที่ขาของพี่คิว

“ไม่ครับ” พี่คิวตอบ ผมรู้ว่าเขากำลังพยายามตอบด้วยสีหน้าปกติที่สุด “แต่พวกคุณหมอที่โรงพยาบาลเค้าจะทำขาใหม่ให้พี่ครับ คราวนี้พี่ก็จะเดินและจะวิ่งได้ปกติและได้ดีกว่าเดิมด้วยนะ”

“โหหห ขาใหม่แบบหุ่นยนต์เหรอฮะ”

“ก็คล้ายๆ กันมั้งครับ” พี่คิวหัวเราะในลำคอเบาๆ

“แล้ว แล้วเป็นทหารต้องแข็งแรงมั้ยฮะ”

“ต้องแข็งแรงสิครับ”

โอมองร่างกายของพี่คิวอย่างสำรวจ “แล้วทำยังไงโอถึงจะแข็งแรงแล้วก็ตัวใหญ่แบบพี่มั่งคับ”

พี่คิวยิ้มและจับแขนของโอชูขึ้น “เราเองก็กล้ามใหญ่อยู่แล้วนะ ดูซิเนี่ย แต่ถ้าอยากกล้ามใหญ่เหมือนพี่ แข็งแรงเหมือนพี่ ก็ต้องกินผักเยอะๆ กินนมเยอะๆ กินทุกอย่างที่คุณแม่ให้กิน แล้วก็ต้องเล่นกีฬาด้วย รู้มั้ยครับ”

“โออยากเป็นนักฟุตบอลคับ! แล้วก็ แล้วก็อยากเป็นหมอด้วย!”

“ดีมากครับ ถ้างั้นก็ต้องอย่าลืมตั้งใจเรียนด้วยนะ เข้าใจรึเปล่า!” พี่คิวจับหัวไหล่ของโอแล้วบีบเบาๆ

“คับ!!”

แม่ของน้องโอพยายามจะดันตัวลูกให้กลับไปที่เดิม “กลับได้แล้วลูก รบกวนพี่เค้านานแล้วนะ”

“ไม่เป็นไรหรอกครับ น้องแกน่ารักนะครับ” พี่คิวพูด

“ค่ะ น้องใจดีมากๆ เลย น่ารักมากจริงๆ ขอบคุณที่ช่วยสอนลูกพี่นะคะ แล้วก็ขอบคุณสำหรับความเสียสละของน้องด้วย ขอบคุณจริงๆ ค่ะ”

“ยินดีครับ” พี่คิวยิ้มรับ “มันเป็นหน้าที่ของพวกผมอยู่แล้ว”

“พี่ฮะ!” โอที่เพิ่งออกวิ่งไปได้ไม่กี่ก้าวหยุดและหันกลับมาหาเราอีกครั้ง จากนั้นเขาก็ยกมือขึ้นทำท่าตะเบ๊ะให้พี่คิว พี่คิวยิ้มให้
และทำแบบเดียวกลับ ก่อนที่ไอ้ตัวเล็กของเราจะวิ่งกลับไปยังโต๊ะที่สมาชิกครอบครัวคนอื่นๆ ของเขากำลังนั่งอยู่

ผมเห็นน้ำตาหยดเล็กๆ ไหลออกจากดวงตาของพี่คิว เขารีบกะพริบตาและใช้หลังมือปาดมันออก ก่อนจะทำท่าเหยียดแขนนอนกลับลงบนเตียงผ้าใบเหมือนเดิม

“น่ารักดีนะ” เขาพูดทั้งๆ ที่หันหลบผมไปอีกทาง

“ครับ” ผมตอบสั้นๆ ไม่อยากพูดย้ำอะไรให้เขาต้องรู้สึกอายที่แสดงอารมณ์อ่อนไหวออกมา
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 12-06-2016 23:17:22 โดย ExecutioneR »

ออฟไลน์ IIMisssoMII

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2030
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-2
Re: The Missing Piece:: สิ่งที่ขาดหาย [New 4 Dec]
«ตอบ #86 เมื่อ04-12-2012 23:17:51 »

ตอนนี้ซึ้งจัง กำลังมีข่าวเรื่องภาคใต้เลย (ครู)
พี่คิว แอบฮานะ ฉลาม!!!!
รุ้สึกว่า ทุกอย่าง มันราบรื่นจนน่ากลัว
ขอบคุณที่มาต่อให้คะ
บวกหนึ่ง

namtarn11

  • บุคคลทั่วไป
Re: The Missing Piece:: สิ่งที่ขาดหาย [New 4 Dec]
«ตอบ #87 เมื่อ04-12-2012 23:26:22 »

ประทับใจในความคิดและความรู้สึกของพี่คิวมาก

ออฟไลน์ ordkrub

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4157
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +341/-12
Re: The Missing Piece:: สิ่งที่ขาดหาย [New 4 Dec]
«ตอบ #88 เมื่อ05-12-2012 00:04:02 »

อยากบอกว่าเป็นตอนที่กินใจมากๆๆๆๆๆๆ
ขอบคุณคนแต่งครับ

ออฟไลน์ KaorPaor

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 669
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +140/-4
Re: The Missing Piece:: สิ่งที่ขาดหาย [New 4 Dec]
«ตอบ #89 เมื่อ05-12-2012 00:29:49 »

พี่คิวเริ่มยอมรับตัวเองได้แล้ว สงสารพุตอนนี้ได้แค่แอบมองพี่คิวต้องรอให้แอ้มสาวก่อน ตอนหน้าคงเป็นทีของพลุอีกครั้ง

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด