The Missing Piece:: สิ่งที่ขาดหาย จบแล้ว [New 22 Dec พิเศษ]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: The Missing Piece:: สิ่งที่ขาดหาย จบแล้ว [New 22 Dec พิเศษ]  (อ่าน 85216 ครั้ง)

ออฟไลน์ ExecutioneR

  • จุ๊บ จู๊บบบบบ ~~ ♥
  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4243
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1722/-40
    • FB Page
Re: The Missing Piece:: สิ่งที่ขาดหาย
«ตอบ #30 เมื่อ04-11-2012 20:13:23 »

ขอโทษที่มาต่อช้าครับ พอดีเจอเรื่องเหี้ยๆ เครียดๆ เลยนอยด์ไปหลายวัน แม่งงง หดหู่มากอะ อยากกลับไทยเลย ตอนนั้น แทบร้องไห้

ออฟไลน์ IIMisssoMII

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2030
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-2
Re: The Missing Piece:: สิ่งที่ขาดหาย
«ตอบ #31 เมื่อ04-11-2012 20:54:42 »

อ่่านะ วัยรุ่นเลือดร้อน น้องพลุอาจตัดสินใจเร็วหน่อย เเต่เอาเถอะทำไปแล้ว ได้กำไรเห็น ๆ (รึเปล่า)
คิวก้อคงตกใจ แต่ไม่ขนาดรังเกียจหรอกมั้ง

คนเขียน ก้อสู้ๆนะคะ มาช้าไม่เป็นไร ยังไงก้อมาอยู่
บวกหนึ่งนะคะ จะได้อารมณ์ดี ^ ^

namtarn11

  • บุคคลทั่วไป
Re: The Missing Piece:: สิ่งที่ขาดหาย
«ตอบ #32 เมื่อ04-11-2012 22:13:30 »

สู้ๆ พี่ต้นไม่รู้พี่เป็นไร แต่ขอให้ทุกอย่างผ่านไปด้วยดีนะคะ

Ramika

  • บุคคลทั่วไป
Re: The Missing Piece:: สิ่งที่ขาดหาย
«ตอบ #33 เมื่อ05-11-2012 00:11:50 »

คุณทำให้ฉันเกิดอารมณ์ แต่คุณก็ช่วยอะไรฉันไม่ได้

ออฟไลน์ miracle22936

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 220
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-2
Re: The Missing Piece:: สิ่งที่ขาดหาย
«ตอบ #34 เมื่อ05-11-2012 00:49:36 »

สนุกดีนะครับ ...

เหมือนกับ พลุ จะรีบไปหน่อยนะ แต่พี่คิวก็คงไม่เกลียดหรอก ก็แค่โกรธและทำตัวไม่ถูกเท่านั้นเอง

ออฟไลน์ ordkrub

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4157
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +341/-12
Re: The Missing Piece:: สิ่งที่ขาดหาย
«ตอบ #35 เมื่อ05-11-2012 07:58:48 »

เป็นกำลังใจให้ครับ
เรื่องบางอย่าง ปล่อยผ่านไปเถอะครับ
รักษาใจเราไว้ดีกว่า

ออฟไลน์ Monkey D lufy

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +245/-4
Re: The Missing Piece:: สิ่งที่ขาดหาย
«ตอบ #36 เมื่อ07-11-2012 11:35:43 »

น้องพลุก็ทำไปตามแรงปราถนาส่วนตัวมากไปหน่อยนะจ๊ะ

คนเขียนสู้ๆนะค่ะ

ปล.ตอนอัพตอนใหม่ช่วยใส่ตอนกับวันที่ทีได้ไหมค่ะ  จะได้รู้ว่าเป็นตอนล่าสุดหรือเปล่าค่ะ  ขอบคุณค่ะ

ออฟไลน์ ppanudet

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 350
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
Re: The Missing Piece:: สิ่งที่ขาดหาย
«ตอบ #37 เมื่อ08-11-2012 02:22:30 »

มาต่อเร็วๆนะครับ

ออฟไลน์ ExecutioneR

  • จุ๊บ จู๊บบบบบ ~~ ♥
  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4243
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1722/-40
    • FB Page
Re: The Missing Piece:: สิ่งที่ขาดหาย
«ตอบ #38 เมื่อ08-11-2012 21:02:13 »

ตอนที่ 3

วันรุ่งขึ้น ผมกำลังจะเข้าพบกับพี่โจเพื่อเอาสมุดรายงานเล่มใหม่และคุยกับเขาเรื่องของพี่คิว ผมเตรียมใจที่จะเผชิญหน้ากับเหตุการณ์เลวร้ายที่สุดเอาไว้แล้ว แต่กว่าที่ผมจะกล้าเปิดประตูห้องเข้าไปหาเขาได้ก็ใช้เวลานานอยู่เหมือนกัน

ผมเคาะลงบนประตูห้องเบาๆ ก่อนจะเปิดประตูเข้าไป “ขออนุญาตนะครับ”

“อ้าว มาแล้วเหรอ พลุ เป็นยังไงบ้าง” พี่โจทักทายผมตามปกติ

“ก็... ก็ดีครับ” ผมตอบ รู้สึกสับสนเล็กน้อย แต่ก็โล่งอกขึ้นนิดหน่อย

“ผมเพิ่งอ่านรายงานเมื่อวานของคุณจบพอดี ถ้าประเมินจากแค่ตัวเลขก็ดูเหมือนว่าทุกอย่างจะโอเคเลยนี่”

“ครับ ก็คงอย่างนั้น ผมว่าพี่เค้าแข็งแรงขึ้นมากแล้วล่ะครับ ดูเค้ากระตือรือร้นและพร้อมอยากได้ขาเทียมไวๆ จริงๆ”

“เรื่องนั้นผมก็กำลังจะคุยกับหมออยู่เหมือนกัน”

“แล้ว... ที่ผ่านมา พี่เค้าเคยบ่นหรือพูดอะไรถึงผมมั่งรึเปล่าครับ”

“ไม่มีนี่ ทำไม มันควรจะมีรึไง หรือคุณทำอะไรไม่ดีลงไป”

ผมใจหายวาบทันที “เปล่าครับ ก็แค่... ไม่รู้ดิ ผมอาจจะเคยพูดจาตรงๆ แรงๆ กับเค้าไปมั่งมั้งครับ แต่ก็นั่นแหละ พี่ก็รู้ว่าเค้าเป็นคนยังไงใช่มั้ยล่ะ ผมก็เลยกังวลว่าเค้าจะไม่พอใจรึเปล่า”

พี่โจหัวเราะในลำคอเบาๆ “ไม่น่าแปลกใจหรอก ดูจากนิสัยคุณทั้งคู่แล้ว ผมว่าถ้าไม่มีการฟาดปากเกิดขึ้นเลยสิ ถึงจะแปลก แต่ไม่หรอก คิวไม่เคยพูดว่าคุณทำงานไม่ดีหรือประพฤติตัวไม่เหมาะสมอะไรเลย ยังไม่มี”

ดูเหมือนว่าสิ่งที่ผมกังวลมาตลอดทั้งคืนจะไม่เกิดขึ้น และผมคงไม่มีปัญหากับการทำงานที่นี่ต่อจนครบชั่วโมง ดังนั้นผมจึงตัดสินใจลองถามพี่โจถึงสิ่งหนึ่งที่ผมคิดมาหลายวันแล้วออกไป

“พี่ว่ามันพอจะเป็นไปได้มั้ยครับถ้าเกิดว่าผมอยากพาพี่คิวออกจากที่นี่น่ะ”

“ออกไปเหรอ ไปที่ไหน” เขาเลิกคิ้วขึ้นท่าทางแปลกใจ

“ที่ไหนก็ได้ครับ แค่ข้างนอกน่ะ บางทีอาจจะชายหาดใกล้ๆ สักที่มั้ง ผมอยากพาเค้าอกไปเปิดหูเปิดตาข้างนอกบ้างน่ะครับ ที่ๆ คนไม่เยอะมาก อะไรเงี้ย ผมอยากดูปฏิกิริยาของเค้า อยากรู้ว่าเค้าจะทำตัวยังไง”

พี่โจคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพยักหน้าเบาๆ “ก็ได้ เดี๋ยวผมจะลองคุยกับผู้ใหญ่ดูด้วย แต่ไม่น่ามีปัญหาหรอก เพราะที่จริงผมก็คิดว่ามันน่าจะได้เวลาที่คิวต้องออกไปข้างนอกดูอยู่แล้วเหมือนกัน นี่พอคุณพูดขึ้นมาก็ดีเลย คุณพาเค้าไปเองก็แล้วกัน แต่ผมว่าไอ้เจ้าหมอนั่นคงไม่ยอมไปง่ายๆ หรอกมั้ง”

“ก็ต้องลองดูมั้งครับ”

ถึงจะพูดไปแบบนั้น แต่ที่จริงผมก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าพี่คิวจะยอมออกไปข้างนอกกับผมหรือเปล่า ยิ่งเกิดเรื่องอย่างเมื่อวานขึ้นด้วยแล้ว ผมก็ยิ่งไม่มั่นใจเข้าไปใหญ่ว่าเขาจะยังทำตัวใกล้ชิดกับผมเหมือนเดิมได้อยู่อีกมั้ย แต่ของแบบนี้มันก็คงต้องลองดูสักตั้งล่ะน่า

“เป็นไงมั่งพี่ วันนี้พร้อมรึยัง” ผมทักเขาอย่างร่าเริงหลังจากที่เปิดประตูห้องเข้าไป

เขาวางหนังสือลง ไม่ตอบผม

“ผมบอกพี่แล้วไงว่ามันจะไม่เกิดขึ้นอีกถ้าพี่ไม่ต้องการและผมขอโทษ แต่ถึงไงผมก็ต้องขอบคุณพี่นะครับ ที่ไม่เอาเรื่องเมื่อวานไปบอกพี่โจน่ะ”

“กูไม่ได้บอกพี่โจเพราะมันน่าอายสำหรับกูต่างหาก...” เขาพูด และสรรพนามที่เขาใช้กับผมก็เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง “และอีกอย่าง ถ้าไม่นับเรื่องนั้น มึงก็ถือว่าทำหน้าที่ของมึงได้ดี”

“ขอบคุณครับ จริงๆ พี่เองก็ทำงานด้วยง่ายนะ... ในที่สุด”

เขาหรี่ตามองผม “กวนตีนนะมึง”

ผมยักไหล่ “ผมแค่พูดความจริงต่างหาก”

“กูไม่ใช่คนที่จะไว้ใจใครง่ายๆ”

“แล้วหลังจากที่เกิดเรื่องเมื่อวาน พี่ยังไว้ใจผมอยู่รึเปล่า”

เขานิ่งไปพักหนึ่ง “เรื่องนั้นกับเรื่องงานมันไม่เกี่ยวกัน โตแล้วก็ต้องพยายามแยกให้ออก”

ดูเหมือนว่าถึงแม้เขาจะไม่ได้โกรธเคืองผมอะไรมากมาย แต่ก็ดูจะไม่ยอมให้อภัยผมง่ายๆ เช่นกัน

“แล้วจะไม่เตือนผมว่า ‘ห้ามทำแบบนั้นอีก’ หรืออะไรอย่างนั้นเหรอ”

“เมื่อคืนกูลองคิดถึงเรื่องนี้แล้ว” เขาตอบ สีหน้าของเขาดูผ่อนคลายลงเล็กน้อย “มึงพูดถูก กูต้องระบายออกบ้างจริงๆ และถึงจะไม่อยากยอมรับ แต่กูก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าตอนนั้นมัน... มันก็รู้สึกดีจริงๆ นั่นแหละ...” เขาพูดค่อยๆ “แต่กูหวังว่ามึงจะไม่ทำแบบนั้นอีกเด็ดขาด มึงก็รู้ใช่มั้ยว่ากูแข็งแรงพอจะต่อยมึงคว่ำได้ง่ายๆ น่ะ”

“ผมรู้” ผมพยักหน้าเห็นด้วย ถึงแม้ในใจจะยังกังขาอยู่เล็กน้อยก็ตาม เพราะผมเองก็ไม่ได้อ่อนแอขนาดที่เขาจะขัดขืนหรือทำร้ายผมได้ง่ายๆ เหมือนกัน แต่เรื่องที่ว่าเขาแข็งแรงกว่าผมนั้นเป็นความจริงอย่างแน่นอน

“มึงเป็นแบบนี้มานานแล้วเหรอ”

ผมรู้ได้ทันทีว่าเขาหมายถึงอะไร “ตั้งแต่จำความได้มั้ง แค่ไม่แสดงออกแค่นั้นเอง”

“เพื่อนๆ หรือครอบครัวรู้รึเปล่า”

“เพื่อนๆ บางคนรู้ แม่รู้ แต่พ่อไม่” ผมลากเก้าอี้มานั่งลงข้างๆ เขา

“แล้วทำไมเมื่อวานจู่ๆ ถึงทำแบบนั้น”

“ผมก็ไม่รู้ว่ะ ตอนนั้นมันคิดอะไรไม่ออกน่ะ หน้ามืดมั้ง ก็พี่หน้าตาดีหุ่นดีขนาดนี้ แล้วก็อย่างที่บอก ผมคิดว่าพี่ต้องการมันด้วยแหละ มันต้องระบายออกบ้าง จริงมั้ยล่ะ”

เขาเบือนหน้าหนี ดูท่าทางเหมือนยังคงรับไม่ค่อยได้

“เรื่องพวกนั้นช่างมันก่อนเถอะ ผมมีข่าวดีจะบอกพี่นะเว้ยยย” ผมยักคิ้ว

“อะไร”

“พี่โจอนุญาตให้ผมพาพี่ออกไปข้างนอกได้แล้วนะ”

“ไปไหน ทำอะไร”

“ไปทะเลเป็นไง ไปดูสาวๆ เล่นน้ำกัน”

“ไม่อะ ขอบใจ” เขาส่ายหน้า

“กะแล้วเชียว”

“กะแล้วอะไร”

“พี่โจก็บอกไว้ว่าพี่คงไม่ไปหรอก”

“พี่โจพูดแบบนั้นเหรอ”

“ใช่ครับ เค้าบอกว่าพี่คงยังไม่พร้อมหรอก แล้วก็คงไม่มีวันพร้อมด้วย” ผมโกหก

“งั้นพี่เค้าก็คงพูดถูกแล้วล่ะว่ะ”

เขายอมแพ้ง่ายจนผมยังแปลกใจ ดูท่าทางว่าผมคงต้องลองใช้วิธีพูดใหม่เสียแล้ว “แล้วพี่คิดว่าเมื่อไหร่ตัวเองจะพร้อม หรือพี่จะรอจนกว่าขามันจะงอกออกมาได้ใหม่เอง ผมว่าหมอเค้าคงเคยบอกพี่มั้งว่าแบบนั้นมันเป็นไปไม่ได้น่ะ หรือพี่คิดว่าตัวเองเป็นจิ้งจกรึไง”

เขาเหลือบมองผมด้วสายตาเย็นชาก่อนจะหันไปทางอื่น ผมเพิ่งรู้สึกตัวว่าผมคงพูดแรงเกินไป

“พี่คิว ผมขอโทษ ผมมันปากไม่ดี เผลอพูดเกินไป แต่ผมไม่ได้ตั้งใจจะ...”

“ช่างมันเหอะ กูได้ยินคำพูดพวกนั้นบ่อยแล้ว พี่โจเองก็พูดแบบนั้นประจำเหมือนกัน แต่กูเคยบอกพี่เค้าไปแล้วว่ายังไงกูก็ยังไม่คิดจะใส่กางเกงขาสั้นอย่างที่เค้าบอกแน่ๆ ให้เค้าขีดฆ่ามันออกไปจากลิสต์ที่กูต้องทำได้เลย เพราะงั้นการไปทะเลยิ่งเป็นไปไม่ได้เข้าไปใหญ่”

“โอเค ถ้างั้นแค่ขับรถไปแถวๆ ทะเล เปลี่ยนบรรยากาศล่ะ เป็นไง พี่ไม่ต้องลงจากรถก็ได้ถ้าไม่อยาก แบบนั้นโอเคมั้ย ผมมีบ้านพักริมหาดอยู่หลังนึง จากนี้ไปขับรถไม่เกินสามชั่วโมงก็ถึง สนใจมั้ยล่ะ เปลี่ยนบรรยากาศสักหน่อยเป็นไง จะได้ไม่อุดอู้อยู่แต่ในนี้”

“มึงมีบ้านอยู่ริมทะเลเหรอ ที่ไหน” เขาถามด้วยความสนใจ

“ก่อนถึงหัวหินหน่อยน่ะ มันเป็นหมู่บ้านส่วนตัว มีชายหาดส่วนตัว พ่อผมเค้าซื้อไว้นานแล้ว และตอนนี้พ่อกับแม่เค้าก็ไปเที่ยวต่างประเทศกัน กว่าจะกลับก็ปลายสัปดาห์หน้านู่น ว่าไง สนใจมั้ยล่ะ”

เขาลังเลอยู่ครู่หนึ่ง  “...ถ้าเป็นหาดส่วนตัวและถ้าไม่ต้องลงไปเดินบนทะเลก็คงไม่เป็นไร ได้ออกไปสูดอากาศข้างนอกบ้างก็คงดี”

“โอเค ถ้างั้นเดี๋ยวเอาไว้ผมไปคุยรายละเอียดกับพี่โจอีกที เสาร์นี้เลยเป็นไง”

“แล้วแต่มึงเถอะ ถ้าขออนุญาตได้เมื่อไหร่ก็เมื่อนั้น”

ตอนนั้นเองที่เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้น เราสองคนหันไปที่ประตูพร้อมกัน จากนั้นพี่โจก็เดินเข้ามาในห้องพร้อมเอกสารปึกหนึ่งในมือ

“เป็นยังไงบ้าง ทั้งสองคน” เขาทัก

“นี่ผมเพิ่งคุยกับพี่คิวเรื่องจะพาเค้าออกไปข้างนอกพอดี พี่มาได้จังหวะโคตรๆ”

“เอ้อ ดี เพราะผมก็เพิ่งคุยกับหัวหน้ามาพอดี คุณอยากไปไหนเมื่อไหรก็ให้มารายงานโดยตรงกับผมได้เลย เพราะผมมีอำนาจจะเซ็นอนุมัติให้คุณตลอดอยู่แล้ว ที่จริงพวกเค้าก็เหมือนไม่ค่อยอยากให้แค่เด็กฝึกงานพาคนของเค้าออกไปหรอก แต่ผมช่วยพูดให้แล้วว่าคุณนี่แหละ เหมาะที่สุด เพราะงั้นไม่มีปัญหา”

“ขอบคุณครับพี่”

“เอาล่ะ ถ้างั้นเราจะไปออกกำลังกันได้รึยัง วันนี้ผมมาดูแลเอง เพราะงั้นคุณจะเหลาะแหละไม่ได้นะ คิว”

“ผมว่าผมไม่เคยเป็นแบบนั้นอยู่แล้วนะ” เขาพูดเสียงตึงๆ พลางเลื่อนตัวลงจากเตียงและกระโดดไปที่รถเข็น

ผมเห็นพี่โจยิ้มมุมปากและหัวเราะในลำคอเบาๆ ก่อนจะเดินนำเราสองคนออกจากห้องไป

ออฟไลน์ KaorPaor

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 669
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +140/-4
Re: The Missing Piece:: สิ่งที่ขาดหาย [New 8 Nov]
«ตอบ #39 เมื่อ08-11-2012 21:23:41 »

จะไปทะเลกันแล้ว ขอไปด้วยคนไปแอบมอง 555

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: The Missing Piece:: สิ่งที่ขาดหาย [New 8 Nov]
« ตอบ #39 เมื่อ: 08-11-2012 21:23:41 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ IIMisssoMII

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2030
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-2
Re: The Missing Piece:: สิ่งที่ขาดหาย [New 8 Nov]
«ตอบ #40 เมื่อ08-11-2012 21:32:18 »

กับคนป่วย เราก้อต้องใช้จิตวิทยาเยอะเหมือนกันนะ Y Y

ออฟไลน์ ordkrub

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4157
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +341/-12
Re: The Missing Piece:: สิ่งที่ขาดหาย [New 8 Nov]
«ตอบ #41 เมื่อ08-11-2012 22:45:41 »

ดีใจกับพลุด้วยที่ไม่ถูกคิวเมิน
อย่างนี้มีลุ้น

ออฟไลน์ Monkey D lufy

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +245/-4
Re: The Missing Piece:: สิ่งที่ขาดหาย [New 8 Nov]
«ตอบ #42 เมื่อ09-11-2012 19:15:31 »

หึหึ

Ramika

  • บุคคลทั่วไป
Re: The Missing Piece:: สิ่งที่ขาดหาย [New 8 Nov]
«ตอบ #43 เมื่อ09-11-2012 20:04:58 »

ยังไม่จุใจ

namtarn11

  • บุคคลทั่วไป
Re: The Missing Piece:: สิ่งที่ขาดหาย [New 8 Nov]
«ตอบ #44 เมื่อ09-11-2012 23:41:08 »

ชอบแนวนี้มากๆ เหมือนชีวิตจริงเลย

ออฟไลน์ patek

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 40
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: The Missing Piece:: สิ่งที่ขาดหาย [New 8 Nov]
«ตอบ #45 เมื่อ10-11-2012 00:40:08 »

ขอบคุณมากคับคุณต้นที่มาต่อนิยาย น่าติดตามมากๆๆคับ อย่าหายไปนานนะคับ

ออฟไลน์ ppanudet

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 350
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
Re: The Missing Piece:: สิ่งที่ขาดหาย [New 8 Nov]
«ตอบ #46 เมื่อ10-11-2012 01:00:47 »

มาต่อเร็วๆนะครับ :)

zeazaiz

  • บุคคลทั่วไป
Re: The Missing Piece:: สิ่งที่ขาดหาย [New 8 Nov]
«ตอบ #47 เมื่อ10-11-2012 02:15:51 »

สนุกจนอยากอ่านอีกเรื่อยๆเลยล่ะ
เรื่องราวดูสมจริงดีจังค่ะ

ออฟไลน์ ExecutioneR

  • จุ๊บ จู๊บบบบบ ~~ ♥
  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4243
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1722/-40
    • FB Page
Re: The Missing Piece:: สิ่งที่ขาดหาย [New 8 Nov]
«ตอบ #48 เมื่อ14-11-2012 02:17:56 »

ตอนที่ 4

เมื่อผมไปถึงโรงพยาบาลตอน 9 โมงกว่า พี่คิวก็เตรียมตัวเรียบร้อยแล้ว เขาอยู่ในชุดเสื้อยืดแขนสั้นสีฟ้าเข้มและกางเกงขาสั้นสีขาว ทำให้ผมรู้สึกแปลกใจนิดหน่อยที่เห็นเขาใส่กางเกงขาสั้นแบบนั้น แต่อย่างไรก็ตาม ผมกลับรู้สึกว่าเขาดูไม่ค่อยตื่นเต้นกับการได้ออกจากโรงพยาบาลครั้งนี้สักเท่าไหร่

“พี่แต่งตัวแบบนี้แล้วดูดีนะ” ผมเข็นรถเข็นเข้าไปเทียบที่ข้างเตียง “แถมยังหอมอีกต่างหาก ผมว่าแบบนี้สาวๆ ต้องเหลียวมองกันเป็นแถวแน่”

“เออ หันมามองขาข้างที่หายไปเนี่ยสิ” เขาผลักรถเข็นออก “กูไม่อยากนั่งรถเข็นออกไป เอาไม้เท้ามาให้หน่อย”

“เฮ้ย ไม่ได้ดิครับ กฎของโรงพยาบาล ทุกคนต้องนั่งรถเข็นออกไปก่อน แล้วผมจะเอาไม้เท้าไปให้ด้วย หลังจากนั้นถ้าพี่อยากจะใช้ไม้เท้าก็ตามสบาย”

“กฎแล้วไง ใครจะสนใจวะ”

“ผมนี่แหละสน พี่โจก็ด้วย”

เขานิ่วหน้า “น่าเบื่อชิบ ต้องมาทำตัวเหมือนเป็นง่อยช่วยเหลือตัวเองไม่ได้อยู่ทุกวันๆ”

“ไม่มีใครเค้าคิดแบบนั้นหรอกน่า เพราะทุกคนในนี้เค้าก็รู้กันทั้งนั้นว่ามันเป็นกฎ” ผมดันรถเข็นไปที่เตียงอีกครั้ง
เขายังคงชักสีหน้า ส่ายหัวเบาๆ แล้วจึงพาตัวเองมานั่งลงบนรถเข็นแต่โดยดี ผมว่าพอมานึกๆ ดูแล้วเขาก็ทำตัวเหมือนเด็กเหมือนกันนะเนี่ย

หลังจากเซ็นเอกสาร 2-3 แผ่นที่เคาน์เตอร์เสร็จ ผมก็พาเขามายังรถของผม ซึ่งผมไม่จำเป็นต้องช่วยเขาขึ้นรถเลยแม้แต่นิดเดียว

“อาวววล่ะ พร้อมแล้วใช่มั้ยครับ” ผมพูดขึ้นหลังจากนั่งลงข้างหลังพวงมาลัยเรียบร้อยแล้ว “ถ้าพร้อมแล้วงั้นเราออกไปล่าสาวๆ กันดีกว่า”

“ทำไมมึงถึงต้องมาทำอะไรแบบนี้ด้วย” จู่ๆ เขาก็ถามขึ้น

“ก็ผมได้เครดิตวิชาเรียนไง เคยบอกไปแล้วนี่”

“ปกติก็แค่มาอยู่ที่โรงพยาบาลครึ่งวันเองไม่ใช่รึไง แล้วไอ้การออกไปนอกสถานที่ เสียเวลาของตัวเองไปหนึ่งวันเต็มๆ แบบนี้ มันทำให้มึงได้เครดิตพิเศษด้วยรึเปล่าวะ”

“เปล่า”

“งั้นเรื่องเรียนก็ไม่ใช่เหตุผลจริงๆ เพราะฉะนั้นมึงอย่าเอามาอ้าง”

“โอเค งั้นก็คงเพราะผมชอบพี่ล่ะมั้ง” ผมตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

เขาหัวเราะ “กูก็ว่าแล้วต้องเป็นแบบนั้น”

“ไม่ใช่เลย ผมไม่ได้ชอบพี่แบบนั้น... มั้ง ไม่รู้ดิ แต่ที่แน่ๆ คือผมชอบพี่ที่ตัวตนของพี่ ชื่นชมสิ่งที่พี่ทำและเสียสละ ไอ้การที่พี่เสียขาไปข้างนึงแบบนี้ มันไม่ได้ทำให้พี่เป็นคนที่สมบูรณ์แบบน้อยลงเลย และที่จริง ผมว่ามันทำให้พี่ดูดีขึ้น มีเสน่ห์ขึ้นด้วยซ้ำ”

“มึงไม่เคยเห็นกูก่อนหน้านี้ มึงจะพูดว่ากูมีเสน่ห์ขึ้นได้ไง”

“แต่ผมเคยเห็นคนหน้าตาดีมีสองขาปกติมาเยอะ”

“เพ้อเจ้อ ไอ้เหี้ย คนขาเดียวมันจะไปมีเสน่ห์หรือดูดีได้ยังไงวะ”

“เชื่อเหอะว่าไม่ใช่แค่ผมคนเดียวหรอกที่คิดอย่างนั้นน่ะ” ผมคาดเข็มขัดนิรภัยและขยับกระจกมองหลัง “จะว่าไป พี่ก็ได้เลื่อนยศหรืออะไรด้วยใช่ปะ”

“ใช่ แล้วก็ได้เหรียญกล้าหาญ”

“ไม่ภูมิใจรึไง”

“แค่มึงบาดเจ็บนิดเดียวก็ได้แล้วเหรียญจิ๊บจ๊อยนั่นน่ะ ใช่ว่าจะได้กันยากเย็น”

“งั้นสงสัยเหรียญที่พี่ได้แม่งคงต้องใหญ่น่าดู ผมว่า” ผมพูดพลางพยักเพยิดไปที่ขาของเขา “ถึงจะคุ้มค่ากันน่ะ”

เขาส่งเสียงคำรามในลำคอเบาๆ ก่อนที่สุดท้ายจะหัวเราะออกมา “ถ้าตัดเรื่องอื่นๆ ออกไป บางทีนี่อาจจะเป็นเหตุผลที่กูเริ่มชอบมึงขึ้นมาได้ล่ะมั้ง มึงแม่งเป็นเด็กที่คิดยังไงก็พูดออกมาแบบนั้นจริงๆ อีกนิดก็เรียกว่าปากหมาแล้ว”

ผมยักไหล่ “ผมก็เป็นของผมแบบเนี้ยแหละ ว่าแต่ที่พี่บอกว่าเรื่องอื่นๆ น่ะ มันหมายถึงเรื่องอะไร”

“จะเรื่องอะไรซะอีกล่ะวะ กูไม่เคยคิดหรอกนะว่าจะมีเด็กฝึกงานเป็นเกย์มาทำอะไรแบบนั้นกับกูในห้องน้ำทั้งๆ ที่กูยังรักษาตัวอยู่น่ะ”

“แต่ตอนนั้นพี่ก็ไม่ได้ขัดขืนอะไรมากมายนี่” ผมออกรถ “ผมว่าถ้าพี่จะผลักผมออกไปจริงๆ กล้ามแขนขนาดพี่ ถ้าจะคิดจะทำก็คงไม่ยากเท่าไหร่หรอกมั้ง”

เขาไม่ตอบ แต่มองออกไปยังถนนเบื้องหน้าราวกับกำลังจะจมลงสู่อารมณ์หงุดหงิดแบบเดิมของเขาอีกแล้ว

“นี่ พี่คิว พี่ต้องเข้าใจนะเว้ย ไอ้การที่ผมทำแบบนั้นให้พี่ มันไม่ได้ทำให้พี่เป็นเกย์หรือเปลี่ยนมาชอบผู้ชายหรอกนะ”
ยังคงเงียบอยู่

“ก่อนหน้านี้พี่ไม่เคยมีผู้ชายมาจีบหรือพยายามทำอะไรแบบนี้กับพี่เลยรึไง ผมว่าไม่น่าจะรอดมั้ง หน้าตาแบบพี่ หุ่นแบบพี่ คงต้องมีผู้ชายมาชอบบ้างแหละ”

“ชอบมั้ยไม่รู้ แต่ไม่เคยมีใครทำแบบนั้นกับกูมาก่อน จนมาเจอมึงนี่แหละ” เขาตอบด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ ท่าทางจะเริ่มไม่พอใจมากขึ้นเรื่อยๆ ผมจึงปล่อยให้บทสนทนาของเราจบลงแค่นั้น

ระหว่างที่ขับรถ เราก็แทบไม่ได้คุยอะไรกันอีกเลย จนเมื่อผมสังเกตเห็นว่าเขาเงียบไปนานและหันไปมองดูข้างๆ จึงเห็นว่าเขาหลับไปเรียบร้อยแล้ว ผมอดที่จะยิ้มและนึกขำในใจไม่ได้ว่าเขานี่เหมือนเด็กเล็กๆ ไม่มีผิด พอกินอิ่มและขึ้นรถได้ไม่นานก็หลับไปเสียแล้ว

เขาตื่นขึ้นมาเมื่อเราใกล้ถึงจุดหมายพอดี แต่แทนที่จะพาเขาเข้าบ้านเลย ผมวนรถพาเขาเข้าไปยังถนนริมหาดเพื่อดูผู้คนเล็กน้อย

“ถึงคนจะไม่ค่อยพลุกพล่าน แต่สาวๆ เยอะเหมือนกันนะพี่ ปิดเทอมก็เงี้ย”

“ใช่ น่าจะมีกล้องส่องทางไกลเนอะ” เขาประชด

“อยากลงไปเดินเล่นหน่อยมั้ย”

เขาหันมามองผมทันที “ตอนแรกเราคุยกันไว้ว่าจะมา ‘ที่’ ทะเล ไม่ใช่ลงไปเดิน ‘บน’ ชายหาดไม่ใช่รึไง” น้ำเสียงของเขาแลดูประหวั่นมากกว่าโกรธเคืองจนแทบจะชวนให้รู้สึกสงสาร

“ใช่ครับ”

“อีกอย่าง ตอนก่อนออกมามึงพูดว่า ‘เรา’ จะออกมาล่าสาวๆ กัน กูก็สงสัยอยู่ว่ามึงสนใจผู้หญิงด้วยเหรอวะ”

“ถ้าสนที่จะมีอะไรด้วยน่ะ ไม่ แต่ถ้าแค่มองอะ ได้ ผมชอบมองผู้หญิงสวยๆ นะ และผู้หญิงเองก็ชอบผมไม่ใช่น้อยๆ ผมเองก็หุ่นดีหน้าตาดีนะเว้ย ถึงอาจจะไม่ได้ดีเท่าพี่ก็เหอะ”

“ผู้หญิงสวยๆ ไม่ได้มีไว้แค่มองหรอกนะ”

“ผมขอมองอย่างเดียวแล้วกัน ส่วนที่เหลือก็ยกให้เป็นหน้าที่ของพี่ไป” ผมหักพวงมาลัย พารถเลี้ยวเข้าสู่ถนนที่จะมุ่งหน้าสู่หมู่บ้านของผม

“ที่หมู่บ้านมึงคนจะเยอะรึเปล่า” เขาถามขึ้น

“ก็คงประมาณนึงมั้ง พอปิดเทอมแล้วครอบครัวก็มักจะมาพักผ่อนกัน ยิ่งเสาร์อาทิตย์คนก็ยิ่งเยอะเป็นพิเศษ” ผมตอบพลางชำเลืองมองดูปฏิกิริยาของเขา “แต่สาวๆ ก็เยอะนะ จะบอกให้ เพราะติดๆ กันเป็นโรงแรมใหญ่ ฝรั่งก็เยอะ นักท่องเที่ยวก็เยอะด้วย อาหารตาทั้งนั้น”

เขานิ่ง ไม่ตอบ

หลังจากขับรถไปอีกสักพัก เราก็มาถึงที่หมู่บ้านของผม ถึงตอนแรกผมจะตั้งใจพูดให้ฟังดูเยอะเกินจริงไปบ้าง แต่เมื่อผมเห็นจำนวนของผู้คนในหมู่บ้านแล้วก็ยังต้องตกใจที่มันดูครึกครื้นและวุ่นวายกว่าที่ผมคิดเอาไว้เสียอีก

ผมจอดรถที่หน้าบ้านซึ่งเป็นหลังที่อยู่ท้ายสุดและริมสุดของหมู่บ้าน ส่วนด้านหลังก็เป็นริมชายหาดที่มีผู้คนนั่งเล่น เดินไปมา และเล่นน้ำกันอยู่พอสมควร ผมคิดว่าตอนเย็นคนคงจะยิ่งออกมาเล่นน้ำกันเยอะกว่านี้แน่นอน

“ชั้นบนบ้านทางด้านหลังจะเป็นระเบียงหันหน้าออกสู่ทะเลนะ แต่เดินขึ้นจากทางนั้นเลยก็ได้” ผมชี้ไปยังบันไดด้านข้างที่พาขึ้นสู่ชั้นบน

เขามองตามที่ผมชี้อย่างไม่กระตือรือร้นเท่าไหร่นัก “แล้วห้องนอนอยู่ชั้นไหน”

เมื่อเขาถามขึ้นมาแบบนั้น ผมถึงเพิ่งนึกขึ้นได้ “ชั้นสองเหมือนกัน... เอางี้ ถ้าเกิดพี่ไม่อยากขึ้นบันได ผมเอาผ้านวมมาปูนอนข้างล่างก็ได้”

“ไม่ต้อง กูขึ้นได้ และข้างบนก็น่าจะวิวดีกว่าด้วย”

“ช่ายยย และผมมีกล้องส่องทางไกลด้วยนะเว้ย” ผมยักคิ้วให้เขา

“มึงแม่งโรคจิตว่ะ เอาไว้แอบส่องผู้ชายเหรอวะ”

“อ้าว! พูดแมวๆ แค่มีติดบ้านไว้เฉยๆ เว้ย”

ผมพาเขาเดินเข้าชมในบ้าน บอกเขาว่าอะไรอยู่ตรงไหน แต่ไม่ได้เน้นที่ชั้นล่างมากนัก เพราะคิดว่าเราคงใช้เวลาส่วนมากอยู่ข้างบนกันมากกว่า และเมื่อผมพาเขาไปที่ระเบียงบนชั้นสอง เขาก็นั่งลงบนเก้าอี้เอนและถอดเสื้อยืดออกทันที

“ถ้ามีเบียร์เย็นๆ สักหน่อยคงเจ๋งว่ะ” เขาเหยียดแขนออกบิดขี้เกียจ

“แล้วใครว่าไม่มี เดี๋ยวจัดให้เลยยย” ผมลุกออกจากเก้าอี้และเดินไปหยิบเบียร์ขึ้นมาหกกระป๋อง

“ขอบใจ”

“ไม่เป็นไรหรอก แต่มีเหลืออีกไม่เยอะนะครับ บอกไว้ก่อน”

“รู้งี้น่าจะซื้อเข้ามา”

“เดี๋ยวผมออกไปซื้อข้าวกลางวันแล้วแวะซื้อเข้ามาให้ก็ได้ หิวรึยังล่ะ”

เขายักไหล่ “นิดหน่อย แต่เอาไว้อีกสักพักก็ได้”

เรานั่งจิบเบียร์และคุยกันอีกสักพักใหญ่ๆ จนเขาเริ่มที่จะผ่อนคลายลงมาก ผมถามเขาเรื่องการเป็นทหาร จนในที่สุดเขาก็เริ่มพูดคุยและเล่าประสบการณ์ทั้งการฝึกและการออกสนามจริงของเขาให้ผมฟังมากขึ้นโดยที่ผมไม่ต้องถามอีกต่อไปด้วยซ้ำ เขายิ่งทำให้ผมรู้สึกแปลกใจเข้าไปใหญ่ เมื่อเขาเริ่มพูดถึงแม้กระทั่งรายละเอียดของเหตุการณ์ที่ทำให้เขาเสียขาข้างนั้นไป ถึงจะไม่ละเอียดมากนัก แต่ก็มากพอที่จะทำให้ผมตกใจและนึกสงสัยว่าเขาได้พูดเรื่องพวกนี้กับจิตแพทย์หรือนักบำบัดของเขาบ้างหรือเปล่า

“ไม่พูด” เขาตอบคำถามนั้นของผม

“ทำไมอะ”

“ก็เพราะพวกนั้นถาม”

ผมพยักหน้าเบาๆ เข้าใจ และไม่ถามอะไรเกี่ยวกับเหตุการณ์พวกนั้นอีกเลย ผมคิดว่าการปล่อยให้เขาเปิดใจออกมาและพูดตามที่ตัวเองต้องการคงจะเป็นการดีกว่าจริงๆ

เรานั่งคุยกันอีกสักพักก่อนที่จะต่างคนต่างเงียบลงไป และอีกไม่นานถัดมาเขาก็ผล็อยหลับลง ผมจึงฉวยโอกาสนั้นขับรถออกไปซื้อข้าวกล่องและเบียร์กลับมาเพิ่ม เมื่อผมกลับมาถึงบ้าน เขาก็กำลังนั่งเอนหลังอยู่ที่เดิม แต่กำลังใช้กล่องส่องทางไกลมองดูผู้คนที่เดินผ่านไปมาริมหาดด้านล่างไปด้วย

“ไหนบอกว่าผมโรคจิตไง” ผมหัวเราะเบาๆ

“ก็แค่ส่องดูนู่นนี่ไปเรื่อยเปื่อยน่า” เขาวางกล้องลงบนโต๊ะข้างตัว

“ส่องไปเหอะ จากข้างล่างมันมองขึ้นมาไม่เห็นบนนี้หรอก ยกเว้นพี่จะไปยืนตรงริมระเบียงเลยนั่นแหละ” ผมยื่นกล่องผัดไทให้เขา

“ขอบใจ รวมค่าเบียร์ด้วยแล้วเท่าไหร่”

“ไม่ต้องหรอก”

“ไม่ได้” เขาพูดเสียงแข็ง “นี่มันนอกเวลางานแล้วนะเว้ย แฟร์ๆ ดิวะ ถ้ามึงไม่ให้กูจ่าย กูจะโมโหจริงๆ แล้วนะ”
ท่าทางเขาจะไม่ได้แค่พูดเล่นแฮะ และผมก็ไม่อยากรับอารมณ์เขาตอนโมโหเท่าไหร่ด้วยเหมือนกัน ดังนั้นผมจึงยอมรับเงินจากเขาแต่โดยดี เขาจึงดูสบายใจและผ่อนคลายลงอีกครั้ง

เวลาช่วงบ่ายผ่านไปอย่างรวดเร็ว เมื่อรู้ตัวอีกทีก็ได้เวลาที่เราต้องกลับกันแล้ว ผมเดินเข้าไปในบ้านและโทรไปหาพี่โจเพื่อขออนุญาตให้พี่คิวได้ค้างอยู่ที่นี่สักคืน

“ไม่ได้!” เขาตอบกลับมาอย่างรวดเร็ว และเท่าที่ฟังจากน้ำเสียง ดูเหมือนเขาจะไม่ปลื้มกับคำขอของผมเท่าไหร่นัก “นี่มันกี่โมงเข้าไปแล้ว คุณควรจะพาเค้ากลับมาได้แล้วนะ พลุ!”

“แต่พี่คิวเค้าดูสบายใจที่ได้ออกมาอยู่ที่นี่มากเลยนะพี่ และที่สำคัญ เค้าเริ่มเปิดใจให้ผมมากขึ้นเยอะเลยด้วย เค้าเล่าให้ผมฟังเรื่องตอนเค้าออกไปรบ แล้วก็ตอนเสียขาไปโดยผมไม่ต้องถามเลยด้วยซ้ำ ผมว่าตอนนี้มันเริ่มเป็นโอกาสดีแล้วไม่ใช่เหรอครับ ที่จะให้เค้าได้เปิดใจและปลดปล่อยความเครียดหรืออะไรก็แล้วแต่ที่เค้าเก็บไว้มาตลอดออกน่ะ น่านะ พี่โจ ผมไม่พาเค้าไปไหนหรือทำให้เกิดอันตรายอะไรหรอก ผมสัญญา เดี๋ยวพรุ่งนี้ผมก็พาเค้ากลับไปแล้ว”

พี่โจเงียบไปแบบน่าอึดใจอยู่ครู่หนึ่ง “ผมว่าคุณพูดตรงๆ กับผมดีกว่า”

“อะไรอะพี่ ผมก็พูดตรงๆ อยู่นี่ไง”

“คุณชอบเค้าใช่มั้ย”

ผมตกใจ “อ... อะไรนะครับ”

เขาถอนหายใจ “หรือคุณจะให้ผมถามว่าคุณอยากมีอะไรกับเค้า... หรือมากกว่านั้นคือคุณทำอะไรเค้าไปแล้ว ตอบมาดีๆ อย่าโยกโย้”

ผมอ้าปากค้าง พยายามจะหาคำพูดมาพูด แต่ก็ไม่รู้จะพูดอะไรออกไปดี “ม... ไม่ใช่นะพี่ เดี๋ยวก่อน... คือ พี่หมายความว่ายังไงครับ ผมไม่เข้าใจ”

ผมรู้ว่ามันเป็นคำพูดที่ฟังดูโง่และงี่เง่าที่สุด แต่ผมก็พูดมันออกไปแล้ว

“คุณมีอะไรก็พูดกับผมตรงๆ ดีกว่า คุณคิดว่าผมดูไม่ออกรึไง หรือคุณจะต้องให้ผมบอกคุณว่าผมก็เป็นแบบเดียวกับคุณนั่นแหละ คุณถึงจะสบายที่จะพูดความจริงกับผมมากขึ้น” น้ำเสียงของพี่โจเริ่มหมดความอดทน

“พี่... พี่เองก็เป็น...” ผมกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก ก่อนจะตัดสินใจสารภาพ “โอเคครับ ใช่ ผมชอบเค้า แต่ผมไม่ได้ตั้งใจจะชวนเค้านอนที่นี่เพื่อมีอะไรกับเค้านะ พี่โจ อย่าเข้าใจผมผิด สิ่งที่ผมพูดไปเป็นความจริงทั้งหมดตั้งแต่แรกอยู่แล้ว”

“เอาเถอะ แต่เจ้าหน้าที่ท่านอื่นกลับบ้านไปหมดแล้ว ผมขออนุญาตจากใครตอนนี้ไม่ได้แล้ว”

“แต่พี่เองก็ให้อนุญาตผมได้นี่”

“แต่ความรับผิดชอบทั้งหมดก็จะตกที่ผมคนเดียว”

“ซึ่งพี่จะไม่ต้องรับผิดชอบอะไรเลย เพราะมันจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นแน่นอน ผมสัญญาว่าผมจะพาพี่คิวกลับไปอย่างปลอดภัยครับ”

เขาส่งเสียงคำรามในลำคอเบาๆ “คุณกำลังจะทำเราสองคนโดนไล่ออกนะ รู้ตัวรึเปล่า”

“ถ้านี่เป็นส่วนหนึ่งของการเยียวยาจิตใจเค้า ทำให้เค้าเปิดใจมากขึ้น วางใจที่จะระบายสิ่งที่ค้างคาอยู่ในใจเค้าออกมามากขึ้น ทำไมจะทำไม่ได้ล่ะครับ ที่ผ่านๆ มาหมอหรือนักจิตเวชคนไหนก็ยังไม่เคยเข้าถึงเค้าได้เลยสักคนไม่ใช่เหรอ”

“ใช่”

“แต่ผมทำได้นี่ไง เพราะงั้นผมถือว่าผมได้รับอนุญาตแล้วนะ”

“ผมยังไม่ได้บอกอนุญาตคุณสักคำ”

“ผมก็ยังไม่ได้ยินพี่พูดคำว่า ‘ไม่อนุญาต’ เหมือนกัน”

เขาเงียบไปพักหนึ่ง “ผมไม่อนุญาตให้คุณทำแบบนี้ แต่คุณรีบพาเค้ากลับมาที่นี่ก่อนพวกพยาบาลและสต๊าฟกะเช้าจะเข้ามาทำงานก็แล้วกัน ผมจะเคลียร์กับคนที่อยู่กะดึกตอนนี้เอาไว้ให้ก่อนเอง”

ผมยิ้มและถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก “ขอบคุณมากครับ พี่โจ”

“ไม่ต้องมาขอบคุณผม... แม่งงง ทำไมผมต้องมาเจอแต่เด็กปัญหาเยอะอย่างพวกคุณสองคนด้วยวะ” เขาพูดประโยคหลังเบาๆ เหมือนบ่นกับตัวเองมากกว่าจะพูดกับผม ผมบอกขอบคุณเขาอีกครั้งก่อนจะวางสายไป

ผมเดินกลับไปที่ระเบียง และยืนยิ้มให้พี่คิว

“ยิ้มอะไร” เขามองหน้าผมและยิ้มตลกๆ

“ข่าวดี”

“อะไร”

“พี่อยู่ค้างที่นี่ได้นะ ผมคุยกับพี่โจเรียบร้อยแล้ว”

เขาเลิกคิ้วขึ้น “พูดเป็นเล่น มึงขอพี่โจให้กูนอนค้างที่นี่เหรอ เพื่ออะไรวะ”

“ไม่ได้เพื่ออะไรหรอก ก็แค่เห็นว่าพี่กำลังสบายใจดี ก็ไม่อยากให้ต้องเหนื่อยนั่งรถกลับ พรุ่งนี้เราค่อยออกกันแต่เช้าก็ได้ คืนนี้ก็นอนพักฟังเสียงลมเสียงคลื่นเอาแรงไปก่อน ที่นี่ตอนกลางคืนสวยมากนะ ดาวก็เยอะ ลมก็ดี ไม่มียุงด้วย” ผมนั่งลงบนเก้าอี้ข้างๆ เขาเหมือนเดิม

“แต่...”

“ทำไมอะ ไม่อยากอยู่เหรอ ถ้าอยากกลับก็ได้นะ ผมไม่ได้ว่าอะไรอยู่แล้ว”

เขาลังเลอยู่ครู่หนึ่ง “พี่โจบอกว่าไม่เป็นไรจริงๆ เหรอวะ”

“จริง” ผมพยักหน้า

“แต่กูไม่มีเสื้อผ้าอะไรมาเลยนะ”

“พี่ใส่ของผมก็ได้ เยอะแยะ แต่ไม่แน่ใจว่าจะพอดีตัวพี่รึเปล่านะ”

“ไม่เป็นไร เอากางเกงขาสั้นหรือบ็อเซอร์สักตัวก็พอ ขากลับก็ใส่ชุดเดิม”

“งั้นผมถือว่าพี่ตกลงแล้วนะ”

“ถ้าพี่โจโอเค ก็โอเค ยังไงที่นี่ก็น่านอนกว่าห้องในโรงพยาบาลอยู่แล้ว”

“ก็แหงล่ะ”

เขาเงียบไปพักหนึ่งในขณะที่สายตาเหม่อมองออกไปเบื้องหน้า “มึงรู้มั้ย นอกจากในป่า กูก็เคยต้องนอนในที่โล่งๆ มีแต่ทราย คล้ายๆ แบบนี้เหมือนกัน แต่ตอนนั้นคือกูออกไปภารกิจ แม่งตกกลางคืนแทบไม่ได้นอน ต้องระวังตลอดว่าเสียงปืนจะดังขึ้นตอนไหนก็ไม่รู้”

ผมเพิ่งเข้าใจถึงเหตุผลที่เขาลังเลในตอนแรก “แต่ที่นี่หัวหินนะพี่ ไม่มีเรื่องแบบนั้นเกิดขึ้นอยู่แล้ว ผมอยากให้พี่ซึมซับบรรยากาศดีๆ แบบนี้ วิวดีๆ แบบนี้ มากกว่านะเว้ย แต่ถ้าเกิดมันทำให้พี่นึกถึงเรื่องแย่ๆ ที่เคยเจอมา เราจะกลับกันก็ได้นะ”

“ไม่เป็นไรหรอก ที่นี่มันก็ไม่เหมือนที่นั่นจริงๆ นั่นแหละ และอีกอย่าง ตอนนอนเราก็คงเข้าไปนอนในบ้านกันอยู่แล้วใช่มั้ยล่ะ”

“ก็ใช่” ผมพยักหน้า

“งั้นก็โอเค”

“งั้นเดี๋ยวสักพักผมออกไปซื้อข้าวเย็นแล้วก็แปรงสีฟันมาให้ หรือพี่อยากไปด้วยกัน ไปเดินเล่นเปลี่ยนบรรยากาศหน่อยมั้ย”

เขาส่ายหน้า “ไม่ล่ะ ขออยู่แบบนี้สักพักดีกว่า ถ้าเบื่อแล้วจะบอกเอง”

“โอเคครับ”

“นี่ ไอ้พลุ”

“ครับ”

“มึงมาที่นี่บ่อยมั้ยวะ”

“ก็เดือนละครั้งมั้ง แล้วแต่ว่าว่างขนาดไหนน่ะ บางทีผมก็ชอบขับรถมาเช้าเย็นกลับ หรือนอนสักคืนก็มี หนีความวุ่นวายในกรุงเทพฯ บ้าง อะไรแบบนั้นน่ะ เพราะที่นี่ปกติคนไม่เยอะหรอก”

เขาพยักหน้า “ครอบครัวมึงท่าทางจะมีเงินนะ”

“พ่อแม่ผมน่ะมี ก็ไม่ได้ร่ำรวยอะไรมากมายหรอก แต่ก็อยู่ได้สบายๆ มากกว่า” ผมตอบตามความเป็นจริง “แล้วพี่อะ ก่อนนี้ได้เที่ยวทะเลบ่อยรึเปล่า”

“แต่ก่อนก็ปีละครั้งไม่ก็สองครั้งมั้ง จะมีก็ช่วงก่อนเป็นทหารนั่นแหละที่ไม่ได้เที่ยวทะเลเลยเกือบสามปีได้”

เขาเงียบไปพักหนึ่ง

“บ้านกูอยู่น่านน่ะ เลยไม่ค่อยได้ลงมาไกลๆ หรอก”

“พี่เป็นคนน่านเหรอ” ผมแปลกใจ เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่เขาเริ่มพูดถึงครอบครัวของตัวเอง

เขาพยักหน้าตอบเบาๆ และบทสนทนาของราก็จบลงแค่นั้น

ผมออกไปซื้อข้าวเย็นและแปรงสีฟันกลับมาให้เขา เราเปลี่ยนบรรยากาศด้วยการกินข้าวเย็นในบ้านและนั่งดูทีวีกันอยู่พักหนึ่ง จนเมื่อพระอาทิตย์เริ่มคล้อยลงต่ำ เขาก็กลับออกมานั่งอยู่ที่หน้าระเบียงบ้านอีกครั้ง

“ชอบเหรอ” ผมถาม

เขาพยักหน้าพลางสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะหันกลับมามองหน้าผม “กูชักอยากเปลี่ยนใจแล้วว่ะ”

“พี่จะกลับเหรอ”

“เปล่า กูชักอยากนอนข้างนอกนี้แล้วว่ะ”

ผมหัวเราะ “โฮ้ยย ผมทำประจำ บางทีผมก็นอนแม่งบนเก้าอี้เนี่ยแหละ หรือถ้าอยากสบายหน่อยผมก็เอาฟูกเตียงมาวางแล้วนอนเลย”

“จริงอะ ทำแบบนั้นได้ด้วยเหรอวะ” เขาถามอย่างตื่นเต้น ท่าทางสนใจ

“จะเอางั้นมั้ยล่ะ เดี๋ยวผมจัดการให้ เตียงผมมันเตียงดับเบิ้ล ไม่ใหญ่มาก ยกออกมาสบายๆ อยู่แล้ว”

“งั้นก็เอาดิ”

ผมเดินไปในห้องนอนและจัดการยกฟูกออกจากเตียง แล้วจึงดันมันออกมาที่ระเบียงห้อง ผมเดินกลับเข้าไปในห้องเพื่อหยิบหมอนและผ้าห่มออกมา จากนั้นก็จัดผ้าปูเตียงให้เรียบร้อย

“เอ้า เรียบร้อย คืนนี้พี่ก็นอนไปแล้วกัน”

เขามองหน้าผม ขมวดคิ้ว “อะไร แล้วมึงจะไปนอนไหน”

“เดี๋ยวผมไปนอนโซฟาข้างล่างก็ได้ เพราะห้องของพ่อกับแม่ผมมันล็อค”

“ไม่ต้อง” เขาพูดเสียงแข็ง “กูไม่ไล่มึงออกจากที่นอนของมึงเองหรอก มานอนด้วยกันนี่แหละ”
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 12-06-2016 19:44:16 โดย ExecutioneR »

ออฟไลน์ ordkrub

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4157
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +341/-12
Re: The Missing Piece:: สิ่งที่ขาดหาย [New 13 Nov]
«ตอบ #49 เมื่อ14-11-2012 07:24:49 »

ดีใจที่คิวยอมเปิดใจแล้ว

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: The Missing Piece:: สิ่งที่ขาดหาย [New 13 Nov]
« ตอบ #49 เมื่อ: 14-11-2012 07:24:49 »





ออฟไลน์ KaorPaor

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 669
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +140/-4
Re: The Missing Piece:: สิ่งที่ขาดหาย [New 13 Nov]
«ตอบ #50 เมื่อ14-11-2012 08:32:30 »

จะเป็นรักสามเศร้าเปล่านี้ คิดไปไกลเกินมั้ง

zeazaiz

  • บุคคลทั่วไป
Re: The Missing Piece:: สิ่งที่ขาดหาย [New 13 Nov]
«ตอบ #51 เมื่อ14-11-2012 09:56:39 »

พี่โจเคี่ยวจัง อิอิ  แต่เราแอบชอบนะตัวละครตัวนี้

โจ๊กกุ้ง

  • บุคคลทั่วไป
Re: The Missing Piece:: สิ่งที่ขาดหาย [New 13 Nov]
«ตอบ #52 เมื่อ14-11-2012 20:02:03 »

สองคนนี้จะพัฒนาความสัมพันธ์ได้มั้ยนะ

ออฟไลน์ IIMisssoMII

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2030
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-2
Re: The Missing Piece:: สิ่งที่ขาดหาย [New 13 Nov]
«ตอบ #53 เมื่อ14-11-2012 23:17:55 »

อุว่ะ พีโจก้อรู้ละ่
เอาไงล่ะเนี่ย จะสามเศร้าไหม แต่ คิดว่าไม่แน่นอน
คืนนี้ท่ามกลางหมู่ดาวจะเป็นไงหวา

TimelessOne

  • บุคคลทั่วไป
Re: The Missing Piece:: สิ่งที่ขาดหาย [New 13 Nov]
«ตอบ #54 เมื่อ15-11-2012 01:31:39 »

ชอบคู่นี้จัง  :o8:
ตัวละคร 3 ตัว character ชัดดีครับ

ไม่้ิเอาดราม่านะค้าบบบบบบ  o18

ออฟไลน์ Ra poo

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 588
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-0
Re: The Missing Piece:: สิ่งที่ขาดหาย [New 13 Nov]
«ตอบ #55 เมื่อ15-11-2012 03:16:07 »

ชอบค่ะ ชอบเรื่องนี้

แนวนี้น่าสนใจมากๆเลย เราไม่เคยอ่านนิยายที่ตัวละครเสียขาแล้วยังรูปร่างดี เคยเห็นแต่ผอมๆไรงี้

เคยอ่านนิยายของคนเขียนเรื่องเมฆกับฟ้าครามอ่ะค่ะ(ใช่เปล่าๆ)

ชอบฟ้าครามมากกกกก ถึงขั้นเพ้อชื่อฟ้าครามไปพักนึงเลย
(แล้วคิดขนาดว่าอยากใก้ลูกชื่อนี้//ประเด็นคือจะหาสามีได้มั้ย 555+)

ว่าแต่เรื่องนี้ 3p ? รึเปล่า  :z1:

Ramika

  • บุคคลทั่วไป
Re: The Missing Piece:: สิ่งที่ขาดหาย [New 13 Nov]
«ตอบ #56 เมื่อ15-11-2012 13:47:36 »

จินตนาการไปไกลละ แต่สงสัยจะหักมุม

namtarn11

  • บุคคลทั่วไป
Re: The Missing Piece:: สิ่งที่ขาดหาย [New 13 Nov]
«ตอบ #57 เมื่อ15-11-2012 22:32:02 »

อบอุ่นดีนะ เริ่มค่อยๆเปิดใจ

ออฟไลน์ Monkey D lufy

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +245/-4
Re: The Missing Piece:: สิ่งที่ขาดหาย [New 13 Nov]
«ตอบ #58 เมื่อ17-11-2012 11:47:27 »

โอ๊ะ!!  ตายแล้วมีการมานอนด้วยกันด้วยอ่ะ

เอ๊ะ...พี่โจ้นี่ยังไงๆนะ  หรือว่าจะชอบคิวน๊าาา

ออฟไลน์ Ra poo

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 588
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-0
Re: The Missing Piece:: สิ่งที่ขาดหาย [New 13 Nov]
«ตอบ #59 เมื่อ17-11-2012 21:06:52 »

ดัน ฮึบๆๆๆ

อยากอ่านต่อแล้วอ่า

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด