♣Maybe...รักนี้อาจเป็นนาย♣
บทที่ 41
I’m sorry for making you mad
[Tonhom talks]
“อยู่บ้านแล้วก็เป็นเด็กดีล่ะ กินข้าวกินยาด้วย” พี่ปืนสั่งผมเป็นรอบที่สิบได้แล้ว วันนี้พี่ปืนต้องไปทำงานส่งอาจารย์ข้างนอก นี่ก็จะได้เวลานัดแล้วด้วย แต่พี่ปืนยังไม่ออกจากบ้าน
“ครับๆ ต้นหอมรู้แล้ว โตแล้วน่าไม่ใช่เด็กๆ” ผมบ่นหมุบหมิบ พี่ปืนเขกหัวผมเบาๆ
“งั้นพี่ไปแล้วนะ” พี่ปืนบอก แต่ก็มองผมเหมือนจะกังวล ก็แน่ล่ะ อาทิตย์หนึ่งมาแล้วผมยังไม่หายป่วยเลย ตอนนี้ไม่ได้เป็นหนักมากแต่ก็ยังมีไข้นิดๆ ไอบ้างปวดหัวบ้าง บอกแล้วว่าถ้าผมไม่สบายผมจะเป็นยาว นานมากกว่าจะหาย ผมเคยไม่สบายอยู่ครึ่งเดือนได้ ตอนนั้นเป็นหนักมาก ทรมานสุดๆไปเลย
“ครับ ขับรถดีๆนะ” ผมโบกมือลานิดๆ พี่ปืนเดินเข้ามาใกล้ผม โอบเอวผมพร้อมกับก้มหน้าลงมาหอมแก้มผมทั้งซ้ายและขวาก่อนจะหยุดที่ริมฝีปากผมเบาๆ แค่จูบเบาๆเท่านั้นไม่ได้รุกล้ำมากกว่านี้ แต่ก็ทำให้ผมใจเต้นแรงได้
“พี่ไปนะ แล้วจะโทรหา”
“ครับ”
หลังจากพี่ปืนขับรถออกจากบ้านไป ผมก็เดินขึ้นห้อง แมทเดินสวนลงมาหน้าตัวงัวเงียสุดๆ เมื่อคืนพี่มินมานอนค้างที่นี่ด้วย
“มันไปแล้วเหรอ” แมทคงหมายถึงพี่ปืน
“อืม พี่มินล่ะ” ผมถาม แมทอังมือที่หน้าผากผม
“ยังไม่ตื่น เดี๋ยวกินยาอีกวันหนึ่งก็คงหายแล้ว กินข้าวยัง” แมทเดินลงไปข้างล่าง ผมเดินตามหลังแมทที่เดินเข้าครัว
“กินแล้วพร้อมพี่ปืน ลงไปกินสิ” ผมบอก
“ทำเองเหรอ?” แมทหยุดเดินหันมาถาม วันก่อนๆที่ผ่านมาแมทโทรให้แม่บ้านที่บ้านใหญ่เอากับข้าวมาส่งให้ในตอนเช้า ส่วนตอนเย็นไม่แมทก็พี่ปืนจะเป็นคนซื้อเข้ามา
“อืม ก็ไม่ได้เป็นอะไรมากแล้ว”
อยู่เฉยๆผมก็เบื่อเป็นนะ นี่ก็ถูกพี่ปืนห้ามไม่ให้ไปซ้อมเต้น ผมก็ต้องโทรไปบอกคนอื่นๆ รู้สึกไม่สบายใจมากเหมือนกันที่ไม่ได้ไปซ้อม เพราะเราตัดสินใจกันแล้วว่าจะลงแข่งขันประกวดเต้น ผมก็อยากจะซ้อมให้ทันเพื่อน การทำงานร่วมกันเป็นทีมไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องมาซ้อมร่วมกัน ถึงแต่ละคนจะต่างคนต่างเก่งอยู่แล้ว แต่ทีมก็คือทีม ไม่ได้เต้นคนเดียวที่จะซ้อมเมื่อไหร่ก็ได้ ผมกลัวว่าผมจะทำให้คนอื่นลำบากที่ผมหยุดซ้อมยาวขนาดนี้ แม้ว่าทุกคนจะบอกว่าไม่เป็นไรก็เถอะ แต่ผมคิดไว้แล้วนะว่าวันจันทร์นี้ผมจะกลับไปซ้อมตามเดิม เพราะฉะนั้นเสาร์อาทิตย์นี้ผมจะต้องหายไข้เสียที
“แมท หิววะ” พี่มินเดินขยี้ตาเข้ามาในครัว ผมยิ้มให้พี่มินที่เดินไปนั่งฟุบหลับกับโต๊ะกินข้าว
“ตื่นมาล้างหน้ายังเนี่ย” แมทจับหัวพี่มินขึ้นจากโต๊ะพี่มินส่ายหน้าไม่ยอมลืมตา ผมเดินไปอุ่นข้าวต้มให้ทั้งสองคน
“ไปเลยนะมึง ไปล้างหน้าก่อนเลยค่อยมากินข้าว” แมทดุพี่มิน
“กินก่อนไม่ได้เหรอวะ ขี้เกียจเดินอ่ะ”
“ไม่ได้ อย่ามากซกมกแถวนี้นะมึง”
“เมื่อคืนกูแปรงแล้ว ไม่เป็นไรหรอก” พี่มินยังไม่ยอม
“จะขึ้นไปล้างหน้าแหรงฟันเองหรือจะให้กูอุ้มขึ้นไปครับ” แมทยืนคำขาดเสียงเข้ม
“เออ!” แล้วพี่มินก็เดินกระแทกเท้าขึ้นบ้านไป ผมแอบขำเบาๆ คู่นี้เขาน่ารักดีนะผมว่า
“ขำอะไร”
“เปล่า” ผมยักไหล่ไม่รู้ไม่ชี้ ตัดข้าวต้มใส่จานให้ทั้งคู่ วางไว้บนโต๊ะ แล้วพี่มินก็วิ่งเข้าครัวมา นั่งลงที่โต๊ะกินข้าวได้ก็ตักเข้าต้มเข้าปากทันที ผมกับแมทได้แต่มองดูแบบอึ้งๆ ท่าจะหิวมากจริงๆ
“ค่อยๆกินดิวะ เดี๋ยวก็ติดคอหรอก” แมทปราม พี่มินเงยหน้ามองแมทแล้วขึงตาใส่ก่อนจะก้มหน้ากินต่อ
“อร่อยมากต้นหอม ไปเปิดร้านขายอาหารเหอะ” พี่มินชม ผมยิ้มรับนิดๆ
ผมเดินขึ้นห้องไปอาบน้ำ เมื่อเช้าผมตื่นสายเลยแค่ล้างหน้าแล้วลงมาทำอาหารเช้าให้พี่ปืน แม้ว่าพี่ปืนจะบอกว่าไม่ต้องก็เถอะ แต่ผมอยากทำให้ อยากดูแลพี่ปืนให้ดีเหมือนที่พี่ปืนดูแลผมบ้าง ถึงแม้บางครั้งพี่ปืนจะดูโหด แต่พี่ปืนก็เป็นคนที่อบอุ่นมากคนหนึ่งเลยล่ะ
ผมนอนเล่นเกมส์ในโทรศัพท์อยู่บนเตียงแก้เบื่อ แล้วจู่ๆก็มีคนโทรเข้ามา...พี่เซน
“ครับพี่เซน”
[ฮัลโหลต้นหอม วันนี้ว่างไหม]
“อืม ก็ว่างนะครับ” ผมตอบ อย่าบอกนะว่าพี่เซนจะโทรมาชวนผมไปเที่ยวจริงๆ
[ดีเลย วันนี้ไปเที่ยวกันเถอะ พี่อยากไปเยาวราชน่ะ อยากไปเดินหาอะไรกิน แต่จะไปเองก็งงๆเพราะไม่ได้ไปนาน ไปเป็นเพื่อนพี่หน่อยสิ]
นั่นไง ชวนไปเที่ยวจริงๆด้วย เอาไงดีวะ ผมก็อยากไปนะ คือว่าผมอยากพาพี่เซนไปเที่ยวจะได้ตอบแทนพี่เขา แต่ถ้าผมไปแล้วพี่ปืนรู้ล่ะ พี่ปืนต้องโกรธแน่ๆเลย
“เอ่อ คือว่า...” ผมอึกอักๆไม่รู้ว่าจะตอบตกลงหรือพูดปฏิเสธดี
[ต้นหอมไม่อยากไปกับพี่เหรอ] พี่เซนพูดเสียงเบาเหมือนกำลังเสียใจ ผมยิ่งรู้สึกไม่ดี
“เปล่าครับ แต่คือว่า...” ผมจะบอกออกไปยังไงดี ลำบากใจอ่ะ
[ไม่เป็นไรครับ ถ้าต้นหอมลำบากใจที่จะไปกับพี่ก็ไม่เป็นไร เดี๋ยวพี่ไปคนเดียวได้]
“ไปได้ครับไปได้” ผมรีบตอบตกลง ก็พูดมาแบบนั้นจะให้ผมทำยังไงอ่ะ คงไม่เป็นไรหรอกมั้ง ถ้าจะเป็นก็...เดี๋ยวก็คงรู้แหละ ฮืออ
[ไม่เป็นไรครับ พี่ไม่อยากบังคับใจต้นหอม]
โธ่ พี่หยุดพูดให้ผมรู้สึกผิดเถอะ ผมจะบ้าตายแล้ว!
“ไม่ได้บังคับครับ ต้นหอมอยากไป แล้วเราจะเจอกันที่ไหนดี” ผมทำน้ำเสียงให้ดูกระตือรือร้นว่าอยากไปมากที่สุด พี่เขาจะได้ไม่ต้องคิดมากว่าผมไม่อยากไป แม้ว่าผมจะรู้สึกไปอยากไปนิดๆก็เถอะ
[บ้านต้นหอมอยู่แถวไหนล่ะ เดี๋ยวพี่ไปรับ] พี่เซนอาสา
“ผมอยู่หมู่บ้าน...ตรงถนน...อ่ะครับ” ผมบอก แต่บอกไปแล้วพี่เซนเข้าจะรู้เหรอ
[อ่อ หมู่บ้านเดียวกับเพื่อนพี่เลย เดี๋ยวพี่ไปรับหน้าหมู่บ้านแล้วกัน เดี๋ยวอีกสักชั่วโมงต้นหอมออกมารอพี่นะ]
“ครับ” ผมรับคำ ที่รู้สึกโล่งใจไปอีกเปราะที่พี่เซนมีรถ เลยไม่ต้องขับรถไปเอง
[แล้วเจอกันครับ] พี่เซนวางสายไป ผมเอามือถือออกจากหูแล้วมองหน้าจองงๆ
ว่าแต่...พี่เซนเอารถที่ไหนมาขับ
คงเป็นรถเพื่อเขามั้ง
ผมใช้เวลาเปลี่ยนเสื้อผ้าไม่นานก็เสร็จ แดดร้อนก็เลยใส่กางเกงขายาวและเสื้อยืดไหมพรมลายทางแดงดำ ตัวนี้พี่ปืนซื้อให้ผม ผมชอบมากเพราะว่าเนื้อผ้าใส่สบาย ถึงจะเป็นเสื้อไหมพรมแต่ก็บางจนใส่แล้วไม่ร้อน แถมสียังสวยอีกต่างหาก พี่ปืนบอกว่าผิวผมขาว ใส่สีแดงแล้วขึ้น เป็นปลื้มเลยครับ
“จะไปไหน”
เอี๊ยดด!
โดนจับได้จนได้ ผมอุตส่าห์จะแอบออกไปเสียหน่อย ผมค่อยๆหันไปหาแมทและพี่มินที่นั่งอยู่ในห้องนั่งเล่น แมทกวักมือเรียกผมให้ไปหาหน้านิ่ง ผมเลยต้องเดินเข้าไปหาอย่างช่วยไม่ได้
“ว่าไง จะออกไปไหน ยังไม่หายดีเลยนะ”
“หายแล้ว แค่จะออกไปเที่ยวเฉยๆ”
“ไปกับใคร”
“เอ่อ กับรุ่นพี่”
“กับใคร อย่ามาโกหกพี่นะ”
“กับพี่เซน” ผมบอกคอตก ทำไมผมไม่เคยโกหกแมทได้เลยอ่ะ ที่จริงเมื้อกี้ผมก็ไม่ได้โกหกนะ แค่บอกไม่หมดเฉยๆ
“ตกลงคือจะไปให้ได้” แมทถามเสียงดุ ผมเดินไปนั่งข้างแมทแล้วกอดแขนอ้อนๆ
“ก็พี่เขาชวน ไม่ไปมันก็น่าเกลียด” ผมเงยหน้ามองตาแมทแล้วทำตาปริบๆ แมทเลยดีดหน้าผากผมเข้าให้
เจ็บนะ!
“จะไปก็ได้ แต่บอกไอ้ปืนหรือยัง” ถามแบบนี้แล้วจะให้ผมตอบว่าไงเนี่ย โกหกก็ไม่ได้ ยังไงแมทก็จับได้อยู่ดี
“ยังอ่ะ” ผมบอกเสียงอ่อย แมทส่ายหน้าทันที
“ถ้าทะเลาะกัน อย่ามาหาว่าพี่ไม่เตือนนะ” แมทจิ้วหน้าผากผมอย่างแรงจนแทบจะหงายหลัง
“พี่อยากบอกพี่ปืนนะ เดี๋ยวน้องรีบไปรีบกลับ สัญญาเลย” ผมทำตาเว้าวอนแมทให้แมทยอมช่วยผม ถ้าไม่บอกพี่ปืนก็ไม่รู้ใช่ไหมล่ะ ถึงมันจะเป็นวิธีที่ผิด แต่ถ้าผมโทรไปบอก พี่ปืนก็จะทำงานอย่างไม่สบายใจ แล้วอาจจะทำงานออกมาไม่ดีก็ได้
“พี่จะไม่ยุ่งด้วยนะ จะไปก็ไป” แมทพูดนิ่งๆแล้วก็หันหน้ากลับไปดูโทรทัศน์ ผมทำหน้ามุ่ยที่แมทพูดเหมือนจะไม่ใส่ใจ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดี ได้แต่เดินออกมาหน้าหมู่บ้านด้วยความรู้สึกที่ไม่ดีนัก
“ปล่อยไปแบบนั้นจะดีเหรอวะ” รามินถามคนรัก หันไปมองต้นหอมที่เดินออกจากบ้าน
“อืม เดี๋ยวไอ้ปืนมันก็จัดการเองนั่นแหละ ต้นหอมค่อนข้างเอาแต่ใจ บางทีก็ต้องดัดนิสัยบ้าง” เสียงทุ้มบอก แต่เขาเองก็รู้สึกกังวลเหมือนกันที่ปล่อยต้นหอมให้ออกไปเที่ยวกับรุ่นพี่แบบนั้น
“แล้วใครวะที่ตามใจน้องจนเป็นแบบนี้” มินอดไม่ได้ที่จะแขวะคนข้างๆ ก็เห็นๆกันอยู่ว่าโอ๋น้องขนาดไหน ถึงจะชอบแกล้งน้องแต่ก็ไม่เคยขัดใจ
“ก็รักนี่นา”
เพราะรักน้องเลยอยากตามใจน้อง สำหรับแมทแล้วไม่ว่าต้นหอมจะทำอะไรเขาไม่คิดจะห้าม ถึงบางทีจะดุแต่ก็ยอมให้ต้นหอมทำตามใจตัวเองทุกครั้ง เพราะอย่างนั้นเขาเลยปล่อยให้ปืนจัดการความดื้อของต้นหองเอา เรื่องอะไรที่เขาจะต้องทำให้ต้นหอมโกรธเขาด้วย โยนไปให้ไอ้ปืนดีกว่าเป้นไหนๆ
ปี้นนน!
“ต้นหอม พี่เอง ขึ้นรถครับ” พี่เซนเลืเอนกระจกรถยนต์ลงแล้วตะโกนเรียกผมที่ยืนเหม่ออยู่ตรงป้ายรถเมล์หน้าหมู่บ้าน ผมตกใจหน้าเหรอหราก่อนจะรีบเดินไปขึ้นรถเพราะมีรถคันหลังจ่อตูดรถพี่เซนอยู่
“สวัสดีครับ”ผมยกมือไหว้
“ไม่ต้องไหว้ก็ได้ครับ สบายๆ” พี่เซนพูดยิ้มๆ ยังเป็นคนที่ยิ้มง่ายเหมือนเดิม ผมแค่ยิ้มตอบเท่านั้น เพราะยังรู้สึกไม่ดีที่ออกมาเที่ยวกับพี่เซนเลยไม่ได้พูดอะไรมาก ระหว่างทางพี่เซนชวนผมคุยนู่นนี่หลายเรื่อง ผมก็ตอบกลับและถามกลับบ้างเพื่อไม่ให้พี่เขาผิดสังเกตุกับอาการของผม
มาถึงเยาวราช ในตอนกลางวันของกินจะขายไม่เยอะเท่าตอนกลางคืน แต่ก็ถือว่าเยอะอยู่ดี พี่เซนยังไม่ได้กินข้าวเช้าข้าวเที่ยว ผมกินแต่ข้าวเช้าและตอนนี้ก็จะเที่ยงแล้ว เราเลยเลือกมานั่งกินข้าวมันไก่ร้านดังในซอยแปลงนาม ผมว่าข้าวเขาหอมมาก ผมมาเสริฟผมกับพี่เซนก็ลงมือกินจนลืมคุย
“อร่อยมาก อยู่นู่นหาอะไรแบบนี้กินไม่ได้เลย ว่าแล้วก็อยากกลับมาอยู่เมืองไทย” พี่เซนพูดขึ้นหลังจากฟาดข้าวมันไก่หมดไปสองจาน ส่วนผมกินจานเดียว เพราะว่าจะเก็บท้องไปกินอย่างอื่น
จากนั้นผมกับพี่เซนก็เดินเล่นย่อยอาหาร เพิ่งรู้ว่ารถที่พี่เซนขับมาเป็นรถของเพื่อน แต่เพื่อนพี่เซนไม่ว่างกันและพรุ่งนี้พี่เซนจะไปทะเลกับเพื่อน เลยชวนผมมาเที่ยววันนี้แทน
เดินเที่ยวไปเรื่อยๆ เจอร้านขายขนมหน้ากินก็แวะซื้อแวะกิน จนมาถึงวัดเล่งเล่ยี่ เลยแวะเข้าไปกราบไหว้ก่อน ควันธูปจำนวนมากทำให้ตาผมแดง แสบตาจนต้องร้องไห้ น้ำมูกก็ไหลออกมา พี่เซนเห็นหน้าผมแล้วก็หัวเราะไม่หยุด
“พี่เซนอย่าหัวเราะผมสิ” ผมพูดแล้วก็รีบเดินออกจากวัดทันทีที่ไหว้เสร็จ ผมกระพริบตาถี่แล้วใช้มือเช็ดน้ำตาออก
“ฮ่ะๆๆ ครับๆ โทษที มาพี่เช็ดให้” พี่เซนหยุดขำแต่ก็ยังยิ้มไม่เลิก พี่เขาล้วงผ้าเช็ดหน้าเช็ดที่หางตาและจมูกผมให้ผม ผมยินนิ่ง รู้สึกแปลกทื่พี่เขาทำแบบนี้ให้ แต่กว่าจะรู้ตัวพี่เซนก็ลงไปนอนกับพื้นแล้ว
พลั๊ก!
"พะ พี่ปืน!!! มะ มาได้ยังไงอ่ะ"
"คิดว่าพี่โง่หรือไงถึงจะได้ไม่รู้ว่าเราคิดจะทำอะไร" พี่ปืนกัดฟัดพูด เสียงน่ากลัวจนผมใจไม่ดี
"พี่ปืนรู้...!?" ผมอ้าปากค้างเบิกตาโพรง งั้นหมายความว่าพี่ปืนรู้อยู่แล้ว รู้ได้ไงอ่ะ ใครก็ได้บอกผมที!
"เฮอะ! กลับห้องก่อนเถอะ พี่จะเอาให้ตายคาอกเลยคอยดู!" พี่ปืนกระซิบเสียงเหี้ยมให้ได้ยินกันสองคน
ตายแน่ผม!!!
“อะไรวะ!” พี่เซนลุกขึ้นยืนแล้วทำท่าจะเข้ามาหาเรื่องพี่ปืน แต่พี่ปืนก็พลักอกพี่เซนอย่างแรง ผมตกใจได้แต่ยืนอ้าปากค้าง พอรู้ตัวก็รีบเข้าไปแยกพี่ปืนที่ทำท่าจะเข้าไปชกพี่เซนอีกรอบ
“พี่ปืนอย่าครับ” ผมรีบเกาะแขนพี่ปืนทันที พี่ปืนหันมาตวัดตาดุๆมองผม ใจผมล่วงไปอยู่ที่ตาตุ่ม ตายแน่ต้นหอม งานนี้ตายลูกเดียว
พี่ปืน หนูผิดไปแล้ววว!
“ต้นหอมรู้จักมันด้วยเหรอ” พี่เซนถามผมหน้าเครียด ผมพนักหน้าหงึกหงัก
“ครับ นี่พี่ปืน แฟนต้นหอมเอง” ผมบอกพี่เซนเบิกตากว้างเหมือนเห็นผี
“แฟนต้นหอมเหรอ!” พี่เซนถามเสียงหลง ผมพยักหน้าอีกรอบ
“หึ รู้แล้วก็เลิกยุ่งกับแฟนคนอื่นได้แล้ว!” พี่ปืนกระชากเสียงพูดใส่หน้าพี่เซนแล้วก็ลากผมมาที่รถ แรงบีบที่ข้อมือแรงจนผมรู้สึกเจ็บ แต่ไม่กล้าร้องออกไป เพราะรู้ว่าตอนนี่พี่ปืนคงโกรธผมมาก มาถึงรถพี่ปืนก็จับผมยัดใส่รถ ปิดประตูอย่างแรงจนผมสะดุ้ง ปกติพี่ปืนไม่เคยโมโหรุนแรงขนาดนี้มาก่อน คราวนี้ผมคงทำให้พี่ปืนโมโหมาจริงๆ
พี่ปืนขับรถเร็วมาก ผมแทบไม่กล้าหายใจด้วยซ้ำ เกร็งตัวมาตลอดทางจนมาถึงคอนโด พี่ปืนลากผมขึ้นมาบนห้อง ผมได้แต่รีบสาวเท้าเดินตามให้ทัน เจ็บราวที่ข้อมือที่ปืนบีบไปหมด ผมกลัวพี่ปืนตอนนี้มาก
พอมาถึงห้องพี่ปืนก็พลักผมลงกับเตียงนอน จ้องผมไม่วางตา สายตาของพี่ปืนแข็งกร้าว ผมได้แต่เบนสายตามองไม่ที่อื่น พี่ปืนถอดเสื้ออกแล้วขึ้นมาคล่อมผมไว้ ผมใช้มือดันหน้าอกพี่ปืน แต่พี่ปืนกลับจับข้อมือผมไว้ทั้งสองข้างและกดผมลงกับเตียง
“กล้ามากนะที่ขัดคำสั่งพี่”
พี่ปืนจูบปิดปากผมไม่รอให้ผมได้พูดหรืออธิบายอะไร จูบของพี่ปืนไร้ซึ้งความอ่อนโยน ผมร้องไห้ออกมา รู้สึกเจ็บไปหมด ทั้งปากและก็มือ ที่สำคัญเจ็บที่ใจด้วย ผมกลัวว่าพี่ปืนจะโกรธแล้วจะไม่รักผมแล้ว
ผมดื้อมากใช่ไหม พี่ปืนต้องไม่พอใจผมมากแน่ๆ ผมนอนให้พี่ปืนทำอะไรตามใจเข้า แม้ว่าพี่ปืนจะสัมผัสแบบรุนแรงก็เถอะ
“พี่ปืน ฮึก น้องขอโทษ อ๊ะ...” ผมสะอื้นไปครางไป พี่ปืนเร่งเร้าจนผมไปไม่เป็น อยากจะห้ามก็ทำไม่ได้เพราะหมดแรงตามแรงกระตุ้นของพี่ปืน
“จะทำอีกไหม จะปิดพี่อีกไหมต้นหอม...” พี่ปืนคำรามเสียงต่ำบ่งบอกถึงอาการหงุดหงิด ผมหัวหมุนไปหมด สมองผมเบลอจนคิออะไรไม่ออก
“พะ พี่...” ผมไม่ไหวแล้ว เหมือนตัวเองจะระเบิดเสียให้ได้
“ว่าไง” พี่ปืนถามแต่ก็ไม่หยุดเคลื่อนไหวบนตัวผม ซ้ำยังทำแรงกว่าเดิมจนผมรู้สึกเสียงจี๊ดไปทั่วทั้งตัว
“ไม่ อื้ออ ไม่แล้ว” ผมบอกเสียงขาดๆหายๆ
แล้วผมก็ไม่มีโอกาสได้พูดอีก ผมแทบจะบ้าตายเพราะความเร่าร้อนที่อีกฝ่ายมอบให้ แทบจะขาดอากาศหายใจ ได้แต่ส่งเสียงครางร้องเรียกพี่ปืนอยู่ใต้ร่างให้พี่เขาหยุดความทรมานนี้เสียที แต่มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ผมไม่สามารถหยุดพี่ปืนได้ และที่สำคัญคือผมไม่สามารถบังคับตัวเองได้ด้วย ได้แต่โอนอ่อนผ่อนตามการชักนำของพี่ปืน ทั้งร่างกายของผมสั่นสะท้านและแทบจะไม่มีเรี่ยวแรงทุกครั้งที่ถูกพี่ปืนมอบความหวาบหวามอันแสนทรมานนี้ให้อย่างหนักหน่วงราวกับจะลงโทษกันให้สาสมกับความผิดของผม และผมก็แทบจะขาดใจทุกครั้งไป ไม่แน่ใจว่าพร่ำบอกรักพี่ปืนไปกี่ครั้งแค่กี่ครั้งเพื่อให้คนที่กอดผมอยู่พึงพอใจ
“พี่ปืน อย่าแกล้งผมสิ พอได้แล้วนะ...” ผมออดอ้อนเสียงหวาน
“ไม่ พี่บอกไว้ว่าไง”
‘กลับห้องก่อนเถอะ พี่จะเอาให้ตายคาอกเลยคอยดู!’
โฮ! ไม่จริงใช่ไหม ผมจะตายอยู่แล้วนะ...นี่มันผ่านมานานแค่ไหนแล้ว ผมรู้สึกดีเวลาที่พี่ปืนกอดผมก็จริง แต่ไม่ใช่กอดไม่หยุดแบบนี้ ผมหยัดร่างขึ้นถอยหนีแต่พี่ปืนใช้มือทั้งสองจับเอวผมไว้แน่นก่อนจะมอบความทรมานปนความหวานมาให้ผมอย่างรุนแรง ผมพยายามส่งสายตาอ้อนวอนเท่าที่จะพอมีแรงอย่างสุดแสนที่จะสำนึกผิด แต่พี่ปืนก็ไม่ยอมปล่อยผมง่ายๆ
เหมือนร่างกายมันไม่ใช่ของผม เพราะพี่ปืนดูจะรู้ดีว่าต้องทำยังไงบ้างผมถึงจะยอมสยบแทบเท้าพี่เขาทุกอย่าง รู้ว่าจะต้องทำยังไงจึงจะเปลี่ยนคำปฏิเสธของผมให้กลายเป็นคำขอร้องให้เขาปลดปล่อยผมจากความทรมานนี่
และสุดท้ายพี่ปืนก็ทำสำเร็จ ตอนนี้ผมได้แต่นอนหายใจโรยรินหมดเรี่ยวหมดแรงบนหน้าอกของพี่ปืน มือหนาลูบไล่ไปทั่วร่างผมเบาๆ เสียงหัวเราะในลำคอแกร่งบ่งบอกให้รู้ว่าพี่ปืนพอใจในผลงานของตัวเองมากแค่ไหนที่ทำให้ผมแทบจะตายคาอกเขาได้แบบนี้
“ถ้ายังดื้อ คราวหน้าจะโดนหนักยิ่งกว่านี้อีก รู้ไว้ด้วย”
ไม่กล้าแล้วครับ ผมยอมแล้ว ยอมทุกอย่าง!!!
เพราะถ้ามากกว่านี้ ผมคงตายจริงๆนั่นแหละ มันคงไม่หล่อแน่ถ้าผมต้องตกเป็นข่าวหน้าถึงว่า ‘เด็กหนุ่มอายุสิบเจ็ดตายอนาถคาอกแฟนหนุ่มขี้หึง ดับคาคอนโด’ >_<!!!
“พี่ปืน หนูขอโทษ” ผมพูดอยู่กับอกพี่ปืนแล้วก็อ้อนพี่ปืนด้วยการแทนตัวเองว่าหนู คิดว่าผมอายไหมที่แทนตัวเองแบบนั้น อายนะ
ตัวผมนอนอยู่บนตัวพี่ปืนทั้งตัว มือหนาๆลูบที่หลังผมแผ่วเบาพลางกับจูบที่ศีรษะผม
“ทำไมถึงดื้อกับพี่ห๊ะ ทำไมต้องไปกับมันด้วย ถ้าพี่ไม่เห็นข้อความพี่ก็คงเป็นคนโง่ใช่ไหม” ดูเหมือนพี่ปืนเริ่มจะอารมณ์ไม่ดีอีกครั้ง ผมรีบผงกหน้าขึ้นส่ายหน้าไปมา
“เปล่านะ พี่ปืนไม่ได้โง่ แต่หนูไม่อยากให้พี่ปืนไม่สบายใจ” ผมพูดเสียงอ่อย น้ำตาไหลลงมาอีกครั้ง
“แล้วคิดว่าตอนนี้พี่สบายใจหรือไง มีอะไรทำไมต้องปิดบังกัน” พี่ปืนดุผม ผมได้แต่รับฟังอย่างสำนึกผิด
“หนูผิดไปแล้ว หนูจะไม่ทำอีก อย่าโกรธเลยนะพี่ปืน นะๆๆ”
“ไม่ต้องมาอ้อน! คนเป็นแฟนกันต้องไม่มีอะไรปิดบัง พี่เคยไม่บอกอะไรเราด้วยเหรอ” ยิ่งพูดผมยิ่งรู้สึกผิด ยืดตัวไปจูบพี่ปืนเบาๆ น้ำตาหยดลงบนแก้มพี่ปืน ผมสะอื้นเบาๆ
“หนูจะไม่ทำแล้ว ไม่ทำแล้ว จริงๆนะ”
ผมรู้แล้ว ผมยอมรับผิดแล้ว ต่อไปนี้ผมจะไม่ดื้ออีกแล้ว ไม่เอาแล้วจริง ผมไม่อยากให้พี่ปืนโกรธผมแบบนี้
“ถ้าทำอีกได้โดนหนักกว่านี้แน่ต้นหอม!”
........................................................................
# ยังไม่ได้แก้คำผิดนะคะ พอดีจะออกไปงานวันเกิดเพื่อนแล้ว เดี๋ยวกลับมาแก้ให้ทีหลังน้าาาา รีบอ่ะ
